Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 489
EP 489
By loop
นี้ก็เป็นเวลา 6 โมงเช้า
จางอันหมินซึ่งเป็นแพทย์รุ่นเยาว์ของแผนกตับและศัลยกรรมตับอ่อนเริ่มหมดแรง ตอนนี้เขาคิดอยากจะตายดีกว่าตื่นขึ้นมาทำงานมาก แต่ยังไงส่ะเขาก็ถูกบังคับให้ตื่นขึ้นมา แต่เช้า ตอนนี้เขาเดินมาถึงวอร์ดแล้วด้วย
ก่อนหน้านี้จางอันหมินก็เหมือนกับแพทย์ประจำที่ดูอ่อนปลวกเปียกคนอื่น ๆ ในวันที่ผู้อำนวยการแผนกของเขาไม่ออกตรวจวอร์ ดเขาก็จะตื่นและไปทำงานประมาณแปดโมงเช้าหรือแปดโมงครึ่ง และก็เขาจะเดินตรวจรอบวอร์ดตอนเก้าโมงเช้าจากนั้นใช้เวลาครึ่งวันในการผ่าตัด
ในสถานการณ์นั้นจางอันหมินมีเวลาเพียงพอที่จะเปลี่ยนผ้าอ้อมของเด็กในช่วงสองชั่วโมงก่อนที่เขาจะไปทำงาน นอกจากนี้เขายังสามารถอาบน้ำ ทำอาหารเช้ามากมายให้กับภรรยาและแม่สามีของเขาจากนั้นออกจากบ้านเมื่อแม่สามีของเขากลอกตามาที่เขา
หลังจากที่เขากลับถึงบ้านจางอันหมินก็จะมีพลังงานเหลือเพียงพอที่จะทำอาหารเย็นเลี้ยงลูกเปลี่ยนผ้าอ้อมและนั่งฟังคำบรรยายที่แสนน่าเบื้อ จากแม่สามีของเขา มีเวลาพอเอาใจภรรยาแล้วก็ยังมีเวลาล้างจานอาบน้ำและทำความสะอาดบ้านเล็กๆน้อยๆได้
แต่วันนี้เนื่องจากหลิงรันอยู่ในพื้นที่ปฏิบัติการวันเวลาเหล่านั้นเวลาที่เคยมีเพียงพอก็ห่างจางอันหมินมากขึ้นเรื่อย ๆ
ก่อนอื่นหลิงรันมีคำถาระหว่างการผ่าตัด แม้ว่าจำนวนคำถามทั้งหมดที่เขาถามจะมีไม่มากนักเมื่อจางอันหมินเปรียบเทียบกับหัวหน้าแพทย์คนอื่นๆ แต่ถ้าหัวหน้าศัลยแพทย์ไม่สามารถตอบคำถามได้มากกว่าห้าข้อมันจะเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดมากสำหรับเขาไปในห้องผ่าตัด
เพื่อป้องกันความอึดอัดดังกล่าวจางอันหมินสามารถมาถึงห้องผ่าตัดได้ก่อนเวลาและต้องทำการเดินตรวจรอบวอร์ดเท่านั้น จากนั้นเขาสามารถปรับเปลี่ยนแผนตามเงื่อนไขของผู้ป่วยและเตรียมการล่วงหน้าได้
สำหรับ จางอันหมิงการผ่าตัดในแต่ละวันเหมือนกับการเดินตรวจวอร์ดกับผู้อำนวยการแผนกของเขา
อย่างไรก็ตามจางอันหมิงก็ยังคงยืนกรานที่จะทำเช่นนี้อยู่ดี
แพทย์ทุกคนผ่านการศึกษาภาคบังคับเก้าปี, การศึกษาระดับปริญญาตรีห้าปี, ปริญญาโทสามปี, การฝึกงานหนึ่งปี, การเป็นแพทย์ประจำบ้านอีก สามปีและการเป็นแพทย์ประจำแผนกอีก 3 ปี หากว่าเขาไม่สามารถตอบคำถามที่หลิงรันเตรียมไว้ได้มันก็จะสะท้อนถึงมาตรฐานทางการแพทย์ของเขาและมันคงน่าอับอายเอามากๆเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้จางอันหมินเต็มใจที่จะเป็นคนที่ถูกรังแกโดยหมอหลิงและทำการผ่าตัดเพิ่มเติมราวกับว่าเขาทำผิดอะไรสักอย่างมา นั่นเป็นเพราะเขากำลังทำการผ่าตัดภายใต้คำสั่งของแพทย์ระดับสูง นั้นเอง
เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ในวัยสามสิบการทำงานและเรียนรู้อย่างหนักทุกวันอาจฟังดูดีมาก แต่เขาอาจถูกล้อเลียนหรือเป็นหัวข้อสนทนาของคนอื่น ๆ ได้หากเขาทำเช่นนั้นจริงๆ
หากปราศจากความเข้มแข็งทางจิตใจและเป้าหมายที่ชัดเจนมันอาจะทำให้เขาไม่พอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นและมันง่ายมากสำหรับเขาที่อาจจะยอมแพ้ได้
เมื่ออดีตจางอันหมินอยู่โรงเรียนประจำเหตุใดเขาจึงนอนในช่วงการสอน และแอบไปซ่อนตัวในห้องน้ำตอนสามโมงเช้า ทั้งหมดเป็นเพราะเขากลัวว่าจะถูกเยาะเย้ย
ตอนนี้จางอันหมินพบว่าเหมาะสมที่เขาสามารถเรียนรู้การผ่าตัดได้อย่างสบายใจในขณะที่เขาก็ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากคนอื่น ๆ ในเวลาเดียวกัน
ตราบเท่าที่เขาสามารถทำอาหารในบ้านและอาหารเช้าซึ่งมักจะใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งในหนึ่งชั่วโมงปลอบใจภรรยาของเขาและฟังคำบ่นจากแม่สามีเล็กน้อยเขาก็สามารถใช้ชีวิตได้เป็นปกติ
“ สวัสดีเรากำลังเดินตรวจรอบวอร์ด” จางอันหมินเดินเข้าไปในห้องและเขาพูดในภาษาที่เขาเรียนรู้จากหลังรัน – เราต้องให้ความสนใจกับการเดินตรวจรอบวอร์ดมากๆ”
ผู้ป่วยหันกลับมา
จางอันหมินยิ้มและยกคางขึ้น หมอประจำที่ติดตามเขาเป็นเหมือนทหารหุ่นเชิด เขาเคาะข้างเตียงคนไข้แล้วตะโกนว่า“ สวัสดีวันนี้ผมมาเดินตรวจวอร์ด”
จากนั้นแพทย์ประจำบ้านและแพทย์ฝึกหัดก็ยืนอยู่ตรงหน้าคนไข้และตะโกนว่า“ สวัสดีเรามาเดินตรวจรอบวอร์ด!”
เป็นวิธีการที่จางอันหมินได้พัฒนาขึ้นมาเองและเป็นวิธีที่ไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษกับวิธีที่เขาเดินตรวตรอบวอร์ด สิ่งนี้เพิ่มประสิทธิภาพของการเดินตรวจวอร์ดได้ ในการดำเนินการในช่วงเช้าตรู่ แต่ข้อเสียเปรียบคือผู้ป่วยที่ตื่นขึ้นมาจะมีอาการแย่ลง
“ เข้าใจแล้วครับ” ผู้ป่วยที่พึงสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังมักไม่ค่อยมีความสุข
จางอันหมินยักไหล่ นั่นเป็นปัญหาหลักของการมีเดินตรวตวอร์ดในตอนเช้าเกินไป ถ้าเขาเดินตรวจรอบวอร์ดตอนเก้าโมงเข้าผู้ป่วยและครอบครัวของพวกเขาจะมีทัศนคติที่ดีขึ้นมาก ผู้ป่วยส่วนใหญ่จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้แพทย์ที่เข้ารับการรักษามีความสุข
จำนวนผู้ป่วยที่คิดเกี่ยวกับเรื่องความสุขของแพทย์จะลดลงมากถ้าแพทย์เดินตรวตตอนหกโมงเช้า
“ เริ่มกันเลย” จางอันหมินกระซิบ
“ โอเค” แพทย์ประจำบ้านตอบทันที เขากล่าวว่า“ คนไข้อายุห้าสิบห้าปี เขาบ่นเรื่องการเจ็บปวดที่ท้องด้านขวาบนเป็นหลัก เขาบอกว่าเขาเป็นโรคปวดเรื้อรังมาเป็นปีแล้วและตอนนี้มันก็ร้ายแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนเข้ารับการรักษาผู้ป่วยต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลาสองชั่วโมง หลังทำการซีทีแสกนแล้ว แสดงให้เห็นว่าถุงน้ำดีของเขาเริ่มใหญ่ขึ้นในขณะที่ท่อน้ำดีในช่องท้องของเขาบวมและขยายตัว…”
แพทย์ประจำบ้านมาถึงเร็วกว่าแพทย์ที่เข้ารับการรักษา
โดยทั่วไปแล้วแพทย์ประจำบ้านจะต้องมาถึงก่อนเวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงและจดจำรายละเอียดสำหรับรอบวอร์ด
เมื่อแพทย์ประจำบ้านต้องเผชิญกับหัวหน้าศัลยแพทย์ที่เข้มงวดและแข็งกร้าวพวกเขาอาจต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการจดจำรายละเอียดก่อนที่จะทำซ้ำสิ่งที่จำได้จากเตียงหนึ่งไปยังอีกเตียงหนึ่ง
สำหรับแพทย์ประจำบ้านนี่อาจเป็นส่วนที่ยากที่สุดในช่วงแรกของอาชีพโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาพบแพทย์ที่ได้สิทธิในการผ่าตัดในการเดินตรวจรอบวอร์ดในตอนหกโมงเช้า แพทย์ประจำบ้านจะต้องตื่นนอนตอนสี่โมงเช้าและไปถึงโรงพยาบาลก่อนห้าโมงเย็น จากนั้นพวกเขาจำเป็นต้องจดจำข้อมูล …
ขั้นตอนนี้อาจดูเป็นกิจวัตรซ้ำๆ แต่ในโรงพยาบาลนี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความทุกข์ทรมานของเหล่าแพทย์
จางอันหมินซึ่งกลายเป็นแพทย์ที่ต้องทำการอบรมรุ่นน้อง มีงานยุ่งมากจนอาจจะไม่มีเวลาส่วนตัว เขาไม่สามารถดูแลหมอประจำบ้านได้ทั้งหมดอย่างแน่นอน สิ่งเดียวที่เขาทำได้เพื่อปลอบโยนหมอประจำบ้านคือการถามคำถาม“ คุณคิดว่าเป็นโรคอะไร”
“ จากการทำ ซีทีแสกนที่ละเอียดแล้ว น่าจะโรคเกี่ยวกับถุงน้ำดี” แพทย์ประจำบ้านกล่าว
“ดังนั้น?”
“ งั้น…เป็นไปได้ไหมว่าเขามีถุงน้ำในตับ”
“ดังนั้น?” จางอันหมินยิงคำถามบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ นี้ โดยส่วนตัวเขารู้สึกว่าเขาต้องเป็นผู้ถามเพื่อระบายความผิดหวัง
แพทย์ประจำบ้านรู้สึกใจหายเล็กน้อยกับคำถาม นี้เป็นเวลาหกโมงเช้า คนปกติอาจจะยังคงนอนหลับสบายตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงงในขณะที่อยากนอนอีกครั้งตื่นขึ้นมาอีกสักรอบในตอนเช้าก่อนที่พวกเขาจะอยากนอนอีกครั้งหรือออกจากบ้านหลังจากทานอาหารเช้า แต่เขาล่ะ? เขายังคงต้องปลุกผู้ป่วยในระหว่างการเดินตรวจรอบวอร์ด
แพทย์ประจำบ้านรู้สึกสับสน แต่เขาก็ให้คำตอบที่สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ “ บางทีเราควรพิจารณาเนื้องอก?”
ผู้ป่วยที่รู้สึกรำคาญบนเตียงก็ตื่นขึ้นมาก “เนื้องอก? โรคมะเร็ง? ฉันเป็นมะเร็ง?”
“ คุณไม่มีอาการของมะเร็ง!” จางอันหมินทำท่าทีโมโหจนจ้องไปที่หมอประจำบ้าน
จางอันหมินหันกลับมาและไม่ต้องการซ่อนตัวจากผู้ป่วยอีกต่อไป เขากล่าวว่า“ เราสงสัยว่าคุณเป็นโรคโคโนชาซิต(เนื้องอกใต้ถึงน้ำดี) การขยายตัวหลายครั้งในท่อน้ำดีในช่องท้องเป็นอาการทั่วไป มันถูกมองว่าเป็นความเจ็บป่วยที่สำคัญ แต่ก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับมะเร็ง หากคุณให้ความร่วมมือกับเราในการรักษาคุณก็จะถูกปล่อยตัวกลับบ้านได้”
จางอันหมินมองไปที่ผู้ป่วยและเขากังวลว่าผู้ป่วยจะรู้สึกหวาดกลัว เขาจึงนำเครื่องซีทีสแกนออกมาและกล่าวว่า“ จากการทำซีทีสแกนคุณสามารถเห็นสภาพการอักเสบและขอบของคุณได้อย่างชัดเจน ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับมัน…”
“ นั่นคือ เนื้องอกหรือเปล่า” ผู้ป่วยถอนหายใจอย่างโล่งอก
“ ใช่คุณรู้เรื่องเกี่ยวกับเนื้องอกหรือป่าว? สาเหตุหลักมาจากปรสิตคุ ณมักกินซาซิมิอยู่บ่อยครั้งสินะ?”
ผู้ป่วยนึกถึงเรื่องนี้และพูดว่า“ คุณหมายถึงอาหารญี่ปุ่นเหรอ? ฉันไม่กินอาหารแบบนั้น”
“ นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ที่คุณจะกินเข้าไปหากคุณดื่มโจ๊กร้อน ๆ หรือบาร์บีคิวที่ปรุงไม่สุกอยู่บ่อยครั้ง” เสียงรอบนี้ดังมาจากประตู
จางอันหมินพบว่าเสียงที่คุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาหันกลับไปมองเพราะเขายังไม่อยากจะเชื่อว่าเขาเพิ่งได้ยินคำพูดเหล่านั้น
“อา? หมอหลิง? คุณมาแล้วหรอ” จางอันหมินจ้องมองร่างที่ยืนอยู่ที่ประตู
เนื่องจากร่างนั้นยืนหันหลังให้ประตูแสงจากทางเดินก็ส่องมาที่หลังของเขาทำให้ใบหน้าของร่างนั้นดูคลุมเครือเพราะมีรัศมีปกคลุม แต่ขึ้นอยู่กับขนาดของร่างกายท่าทางที่น่าเกรงขามและท่าทางที่หล่อเหลาจางอันหมินค่อนข้างแน่ใจว่าบุคคลนั้นคือหลิงรัน
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นใครอื่น
เป็นไปไม่ได้ที่เมืองหยุนหัวจังหวัดฉางซีหรือส่วนอื่น ๆ ของโลกจะมีคนเช่นนี้อีก
“ ฉันว่างฉันเลยมาดูนะ” หลิงรันยืนอยู่ตรงทางเดินของโรงพยาบาลราวกับว่าเขากำลังจะมาซื้อของ หลิงรันรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นประตูห้องที่เปิดอยู่ในวอร์ด
หมอหนุ่มสองสามคนทักทายเขาอย่างมึนงง
หลิงรันยิ้มจาง ๆ และพยักหน้า จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาถามว่า“ ท่อน้ำดีในช่องท้องเป็นอย่างไรบ้าง”
“ มันไม่ถึงขนาดที่จำเป็นต้องผ่าตัดตับ” จางอันหมินตอบคำถามของเขา
“ โอเค” หลิงรันตอบก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปใกล้จางอันหมินอย่างเงียบ ๆ เขาขอบันทึกทางการแพทย์และเข้าไปดู
ในอีกด้านหนึ่งจางอันหมินกังวลเล็กน้อย “คุณพยายามจะทำอะไร?”
“ ฉันอยากจะเรียนรู้ว่าแผนกการผ่าตัดตับอ่อนและตับอ่อนดำเนินการตรวจรอบวอร์ดอย่างไร” หลิงรันตอบอย่างตรงไปตรงมา เขาอยู่ในห้องผ่าตัดนานเกินไปและสิ่งที่เขาทำก็คือการผ่าตัด เขาไม่ได้กล่าวถึงหัวข้อใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับรอบวอร์ดการปรึกษาหารือวินิจฉันโรคและอื่น ๆ
จางอันหมินมองไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของหลิงรัน หัวใจเขาเต้นแรงเอามากๆ
จางอันหมินถามอย่างใจเย็น“ หมอลิงคุณพร้อมที่จะผ่าตัดถุงน้ำดีด้วยตัวเองหรือยัง”
ด้วยความถี่และความเร็วในการทำศัลยกรรมของหลิงรันจางอันหมินรู้สึกว่าทักษะการผ่าตัดหลักของเขา – การผ่าตัดถุงน้ำดีจะหลุดลอยไปในไม่ช้า
หลิงรันยิ้มและพูดว่า“ ฉันยังต้องฝึกฝนมากกว่านี้”
ระบบไม่ได้ให้ทักษาะการผ่าตัด ถุงน้ำดีเข้ากับท่อน้ำดี อีกทั้งทักษะนี้หลิงรันอยู่ระดับมือใหม่เท่านั้นเขาจึงไม่ต้องการผ่าตัดด้วยวเคสนี้ในทันที พื้นฐานของเขายอดเยี่ยมดังนั้นหากเขาได้รับการฝึกฝนและฝึกฝนมาระยะหนึ่งทักษะของเขาจะพัฒนาเร็วมาก อย่างน้อยเขาก็ต้องการความช่วยเหลือจากใครสักคนเพื่อให้แน่ใจว่าเขาสามารถทำการผ่าตัดได้อย่างมีคุณภาพ
อย่างไรก็ตามการแสดงออกของ จางอันหมินยังคงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
นั่นหมายความว่าวันที่หลิงรันสามารถจัดการกับการผ่าตัดตับและตับอ่อนเพียงอย่างเดียวจะมาถึงในที่สุด
จางอันมินอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจว่า ‘แฟนคลับ ที่รออยู่ในโรงพยาบาลมีความอดทนน้อยมาก‘
เขาคิดเรื่องนี้ไปเรื่อย ๆ ‘ด้วยความแข็งแกร่งของแผนกการผ่าตัดตับและตับอ่อนในโรงพยาบาลหยุนหัวหากเราต้องให้ครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษารายสัปดาห์ที่ต้องผ่าตัดถุงน้ำดีให้กับหลิงหรัน … ไม่เป็นไปไม่ได้ที่หลิงหรันต้องการผู้ป่วยเพียงครึ่งเดียวของแผนกนี้
เมื่อจางอันหมินนึกถึงเรื่องนี้เขารวบรวมความกล้าทั้งหมดของเขาและควบคู่ไปกับการที่คนจะมึนงงอยู่ในตอนเช้าเขากล่าวอย่างกล้าหาญว่า“ หมอหลิงคุณไม่ได้รับอนุญาตให้ติดตามและสังเกตการณ์การเดินตรวจวอร์ดที่ดำเนินการโดยแผนกการผ่าตัดตับและตับอ่อน”
หลิงรันถามอย่างสงสัย“ อะไรคือสาเหตุที่หมอคนอื่นไม่สามารถสังเกตการเดินตรวจรอบวอร์ดได้?”
“ เพราะว่า…เพราะว่า…” จางอันหมิน ไม่สามารถให้เหตุผลที่ชัดเจนได้
หลิงรันพูดอย่างเป็นธรรมชาติว่า“ เราสามารถเลือกแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้ คุณสามารถพาฉันไปด้วยเมื่อคุณผ่าตัดถุงน้ำดีและฉันสามารถพาคุณไปด้วยในระหว่างการตรวจตับได้ด้วย”
แพทย์รุ่นเยาว์ในทีมการรักษาของเขาหมดแรงแล้วและเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเรียนรู้การผ่าตัดตับในทันที มีข้อกำหนดเบื้องต้นมากมายที่ต้องเรียนรู้
ดังนั้นหลิงรันจึงเป็นกำลังหลักในช่วงของการผ่าตัดตับของเขา หมอลู่และคนอื่น ๆ สามารถเรียนรู้พื้นฐานได้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามจางอันหมินซึ่งทำงานในแผนกการผ่าตัดตับและตับอ่อนมาเกือบสิบปีได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่จำเป็นทั้งหมดในการผ่าตัดตับแล้ว หลิงรันสามารถช่วยแก้ไขปัญหาในการหาแพทย์จากแผนกตับและท่อทางเดินปัสสาวะและการผ่าตัดตับอ่อนในนาทีสุดท้ายเมื่อจางอันหมินต้องทำการผ่าตัดใหญ่เช่นนี้
แก้มของจางอันหมินค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดง
“ การผ่าตัดตับ? จริงๆ?” จางอันหมิน ถาม
“ใช่.” ความจริงใจของหลิงหรันนั้นดูดีมากจนทำให้ทุกคนในห้องกลั้นหายใจ
“ ถ้าอย่างนั้น … ก็ตกลง!” จางอันหมินกลืนน้ำลาย มือของเขาชุ่มเหงื่อ เขารู้สึกเหมือนถูกล็อตเตอรี่
ในภาควิชาการผ่าตัดตับและตับอ่อนตับเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอมาและมีสถานะที่สำคัญอย่างยิ่ง ในแง่ของความซับซ้อนและความสำคัญถุงน้ำดียังอยู่ล้าหลังการผ่าตัดตับอยู่มาก
จางอันหมินอยากจะผ่าตัดตับมาโดยตลอด แต่เขาไม่มีโอกาสได้ทำเลย
ในขณะเดียวกันการผ่าตัดตับเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการผ่าตัดตับทั้งหมด ถ้าเขาเชี่ยวชาญได้…จางอันหมินเริ่มคิดแล้วว่าชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรหลังจากการเลื่อนตำแหน่งนี้: เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นจ้างพี่เลี้ยงเด็กและเช่าบ้านหลังใหญ่ขึ้นได้ …