Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 448
EP 448
By loop
“ คุณทุกคนเป็นญาติของผู้ป่วยหรอครับ” น้ำเสียงของหลิงรัยนั้นเต็มไปด้วยน้ำเสียงที่อ่อนเพลีย แต่เขาถามคำถามด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงซึ่งป่นไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานตอนเที่ยงคืนเสร็จ
“ ฉันเป็นพี่สาวของผู้ป่วย” หญิงวัยกลางคนที่สวมชุดเดสจ้องมองมาที่หลิงรันและมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ่งเธอพยายามจ้องหลิงรันมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้เธอชอบหลิงรันมากยิ่งขึ้นไปอีก
หลิงรันหันมองไปที่คนอื่น ๆ ในขณะนั้นเขาพูดว่า“ ผมเพิ่งจะเริ่มทำเดินตรวจรอบวอร์ดเสร็จ พวกคุณต้องการขออะไรเพิ่มเติมไหม?”
“ ขอบคุณหมอลิง” หลี่เสี่ยวปิงภรรยาของผู้ป่วยคว้าโอกาสนี้พูดกับหลิงรัน“ ทางเราไม่รบกวนคุณหรอกกมอหลิง แค่คุณช่วยสามีของฉันแค่นี้เราก็ขอบคุณมากๆแล้ว”
ในฐานะที่หลี่เสี่ยวปิงเองก็เคยเป็นหมอและเธอก็รู้ว่าการรบกวนหมอมากไปหรือพูดอะไรให้หมอไม่พอใจจนทำให้หมอโกรธก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการรักษาก็ได้
แน่นอนว่าเธอต่างจากคนอื่นๆในครอบครัว เธอเองเข้าใจสถาณการณ์นี้ดีกว่าใครเพราะหลี่เสี่ยวปิงเองเป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์อุบัติเหตุครั้งนี้ซึ่งอาการของสามีของเธอเริ่มกลับมาคงตัวแล้ว เพราะการรักษาด้วยทักษะที่ยอดเยี่ยมของหมอหลิง
ดังนั้นแม้ว่าญาติหรือเพื่อนของเธอจะรู้จักผู้เชี่ยวชาญและอาจารย์ที่มีประสบการณ์มากมาย แต่หลี่เสี่ยวปิงก็ยังไม่เต็มใจที่จะเปลี่ยนไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่น
อีกทั้งในตอนนี้เองสามีของเธอก็ยังไม่สามารถออกจากห้องไอซียูได้ในขณะนั้น นอกจากนี้ศาสตราจารย์หวางเพื่อนสนิทของเธอก็ ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้เก่งไปกว่าหลิงรันเลยมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะเสี่ยงในการเปลี่ยนโรงพยาบาลไปที่อื่น
ความจริงแพทย์ส่วนใหญ่ที่ทำหน้าที่นี้เป็นกำลังหลักของโรงพยาบาลส่วนใหญ่เป็นหนุ่มๆไฟแรง ไม่ใช่แพทย์ระดับหัวหน้าที่อายุห้าสิบเศษ
เพราะว่าแพทย์อาวุโสพวกนี้พลังงานทางจิตใจและร่างกายของพวกเขาก็เริ่มลดทอนลงตามอายุและความรู้ในโลกได้รับการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องที่เหนื่อยมากสำหรับหัวหน้าแพทย์ที่ต้องรักษาขีดความสามารถที่พวกเขาเคยมีไว้ในการเปรียบเทียบแพทย์อาวุโสหลายคนกับแพทย์หนุ่มในปัจจุบัน แพทย์หนุ่มๆในปัจจุบันสามารถรักษาผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าอดีตมาก
หลี่เสี่ยวปิงเองก็ตัดสินใจที่จะอยู่ในโรงพยาบาลหยุนหัวต่อไปและโดยธรรมชาติแล้วเธอเห็นว่าหลิงรันเองก็ดูเป็นมิตรกับพวกเขาด้วย เธอเหลือบมองญาติและเพื่อนของเธออย่างจริงจัง จากนั้นเธอก็หยิบถ้วยน้ำแล้วส่งให้หลิงรันก่อนที่เธอจะยิ้มและพูดว่า“ หมอหลิงคุณอาจจะรีบมาคุณอาจจะยังไม่ได้ทานอาหารเช้าใช่ไหม เราเตรียมของว่างไว้แล้วคุณอยากจะทานอะไรไหม”
เธอแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนมากเหล่าญาติๆของเธอตลอดจนเพื่อน ๆ รอบข้างก็เข้าใจดีว่าเธอหมายถึงอะไร ทุกคนรับประทานอาหารเช้ากันหมด มีไข่, ซาลาเปา, เครื่องเคียง, โจ๊ก, ผักเค็ม, พุดดิ้งเต้าหู้, แป้งทอด, นมถั่วเหลือง, ขนมปังยัดไส้และแพนเค้กมัลติเกรน …
หลิงรันไม่ได้พูดอะไร แต่ร่างเล็กๆของหยูหยวน เริ่มสั่นด้วยความหิวแล้ว
อาหารเช้าของเธอนั้นไม่ได้ดีเลยก่อนหน้านี้เพราะเธอกินแค่เกี๊ยวข้าวเหนียวหมูเค็มที่ปรุงด้วยปลาเค็ม ตอนนี้เธอรู้สึกหิวเล็กน้อยจริงๆ …
หิวมาก …
“มามามา มากินข้าวกัน” หลี่เสี่ยวปิงเปิดอาหารทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าเธอต้องการให้แพทย์เลือกก่อน
หัวหน้าแพทย์เทาไอและกล่าวว่า“ หมอหลิงเนื่องจากศาสตราจารย์หลี่ได้เตรียมอาหารเช้าแล้วก็รักษาน้ำใจเธอไว้หน่อยล่ะกัน”
“ตกลง.” หลิงรันนั่งลง เขาเลือกนมกล่องเล็กและขนมปังหนึ่งแผ่นปิดผนึกในหีบห่อที่ปิดสนิท จากนั้นเขาก็เริ่มกินอย่างเงียบ ๆ
“ หมอหลิงเองดูเป็นคนขี้อายจริงๆเลยนะ หญิงวัยกลางคนที่สวมชุดเดสยืนขึ้นอีกครั้ง เธอถามคำถามกลับไปสามคำถามพร้อมกับสายตาชื่นชมว่า“ หมอหลิงคุณจบการศึกษาจากมหาลัยไหน พ่อแม่ทำงานอะไร คุณเป็นแพทย์เต็มตัวหรือยัง”
หลี่เสี่ยวปิงเองก็ไม่สามารถรับกับคำถามนี้ เธอเบิกตากว้าง “ พี่สาววันนี้เราไม่ควรมาถามคำถามอะไรแบบนี้กับหมอหลิงนะ”
“ แต่มันหายากเหลือเกินที่ฉันจะได้เจอหนุ่มๆเช่นนี้” หญิงวัยกลางคนที่สวมชุดเดสถอนหายใจ “ เด็ก ๆ สมัยนี้ไม่สนใจตัวเอง เราในฐานะผู้ปกครองจะไม่กังวลเรื่องนั้นได้อย่างไร?
“ที่ฉันหมายถึงคือ…
“ เจียหยวนตื่นแล้ว นี่เป็นข่าวดีที่สุดในขณะนี้ ถ้าฉันจับคู่ลูกสาวของฉันกับหมอหลิงมันจะดีมากเลยและหมอหลิงเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร มันดูสมเหตุสมผลออกจริงไหม”
“ ฉัน…” คำพูดของเธอทำให้หลี่เสี่ยวปิงพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“ หมอหลิง…” เห็นได้ชัดว่าหญิงวัยกลางคนในชุดเดสนั้นมีสายตาที่มุ่งมั่นมาทีเขา
“ ผมจะไปเดินตรวจรอบวอร์ด” หลิงรันไม่สนใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะตั้งใจพูดอะไรอยู่เขาก็เดินออกไป
หญิงวัยกลางคนในชุดเดสทำได้เพียงยิ้มและหลีกทางให้เขา เมื่อหลิงรันกำลังจะจากไปเธอก็พูดอย่างรวดเร็วว่า“ หมอหลิงลูกสาวของฉันสวยมาก ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะอวด แต่เธอเป็นนักเรียนชั้นแนวหน้ามาตั้งแต่ยังเด็กและเธอได้รับปริญญาโทจากสหราชอาณาจักร ตอนที่เรียนระดับปริญญาโทในสหราชอาณาจักรมันแตกต่างจากประเทศของเรามาก แถมยังมีคุณภาพการศึกษาที่ดีกว่า…”
เฉพาะตอนที่หลิงรันเข้าไปในหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลเขารู้สึกถึงความสงบ
หยูหยวนหายใจเข้าลึก ๆ และพูดว่า“ โอ้มาเลย ฉันก็จบปริญญาโทเหมือนกันใช่มั้ย? มีความสัมพันธ์ระหว่างการเป็นบัณฑิตกับการหาเพื่อนหรือไม่? ขอโทษนะสวัสดีเราไปเดินรอบวอร์ดกันเถอะ…”
ผู้ป่วยยังคงมึนงงหลังจากตื่นนอน ผู้ป่วยมองไปที่นาฬิกาก่อนที่เขาจะมองไปที่หลิงรันและหยูหยวนถามด้วยความสงสัยว่า“ ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนทำไมพวกคุณสองคนตัวแตกต่างกันเลย หรือว่าฉันอยู่ในโลกของกัลนิวเวอร์”
หยูหยวนนำแล็ปท็อปที่อยู่ข้างหลังเธอออกมาและพิมพ์บางอย่างลงไป เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นและพูดว่า“ เขาเป็นครูสอนภาษาแน่นอน”
การเดินรอบวอร์ดของหลิงรันกินเวลาจนถึงเจ็ดโมงเช้า จากนั้นเขาก็ออกไปทำการผ่าตัด
ก่อนที่เขาจะเข้าห้องผ่าตัดบรรดาแพทย์ที่ต้องการสังเกตการผ่าตัดของเขาได้เข้ามาลงทะเบีบยกันอย่างมากมาย
วงสังคมที่คู่รักหลี่อยู่ในนั้นเป็นวงเพื่อนที่แต่งงานกันหมดปล้ว หลังจากเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หลายคนยังคงมาเยี่ยมเยือน แต่ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้า ICU ดังนั้นทุกคนจึงมารวมตัวกันที่ห้องประชุมและพูดคุยกันในขณะที่พวกเขาปลอบโยนหลี่เสี่ยวปิง เมื่อพวกเขารู้สึกเบื่อพวกเขาสามารถพูดคุยกับเพื่อนเก่าเพื่อนร่วมงานเก่าเพื่อนเก่าและเพื่อนร่วมงานเพื่อนร่วมงานและเพื่อนของเพื่อนได้
สำหรับแพทย์ที่รู้สึกเบื่อเองพวกเขาก็จะให้สนใจไปที่การดูการผ่าตัดแทน
สำหรับแพทย์การสังเกตวิธีการผ่าตัดของผู้อื่นเป็นสิ่งจำเป็น แต่ก็เป็นสิ่งที่อาจหาดูได้ยากมากๆ
หมอที่งานยุ่งอย่างหลิงรัน หรือ หยูหยวนสังเกตเพียงการผ่าตัดสาธิตที่ทำโดยแพทย์คนอื่นในระหว่างการประชุมที่พวกเขาเข้าร่วมหรือเมื่อพวกเขามีเวลามากพอ
หมอส่วนใหญ่ก็เหมือนเดิม คำพูดของศาสตราจารย์ หวางกล่าวในเช้าวันนั้นพูดถึงความรู้สึกของแพทย์ “ เรามาที่นี่แล้วเรามาดูการผ่าตัดกันดีกว่า”
ดังนั้น…
เมื่อ มาหยานลิน และ หยูหยวน ก้าวประตูทางเข้าของห้องผ่าตัดที่ปิดสนิทพวกเขาก็เห็นดวงตาหลายสิบดวงและอยู่บนห้องสังเกตการณ์มองลงมาดูพวกเขา
มาหยานลินลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาหันกลับมาเพื่อตรวจสอบรายชื่อการผ่าตัดที่ทางเข้า
คงจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีหากการผ่าตัดไม่ถูกต้อง
ศาสตราจารย์หวางไอและกล่าวว่า“ ชายหนุ่มเลิกมองมันซะ เรามาที่นี่เพื่อสังเกตการผ่าตัดของ หมอหลิง”
“ หมอหลิง?” มาหยานหลินขมวดคิ้ว
“ ใช้แล้ว”
“ แต่…” มาหยานลินมองไปที่จูหยวนแล้วกระซิบ“ เรากำลังจะผ่าตัดไส้ติ่ง…”
ศาสตราจารย์หวางก็ตะลึงเช่นกัน “หรอ. ฉันไม่ได้ดูรายการการผ่าอย่างละเอียด…”
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาซื้อตั๋วเพื่อไปสุดขอบโลก แต่สุดท้ายเขาก็เห็นเพียงก้อนหินขนาดใหญ่สองก้อน
เขาคิดว่าควรจะสังเกตการผ่าตัด แต่มันเป็นแค่การผ่าตัดไส้ติ่ง …
ศาสตราจารย์หวางหันกลับมาและเห็นแพทย์ที่อายุสี่สิบเศษ เขาหัวเราะเบา ๆ “ การผ่าตัดไส้ติ่งก็ค่อนข้างดี มันสามารถทำได้อย่างรวดเร็วด้วยกล้องส่องกล้องในปัจจุบัน…”
“ อย่างน้อยเราก็ไม่ได้ซื้อตั๋ว” คุณหมอที่อยู่ข้างๆเขาพูดขึ้นและสวมหน้ากากความอึดอัด
เมื่อพวกเขาหันกลับไปก็เห็นหลิงรันเข้ามาในห้องผ่าตัด เขารู้สึกสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้คนมากมายอยู่ในนั้น
ทันใดนั้นศาสตราจารย์หวางก็ตระหนักว่ามีแพทย์สามคนอยู่ที่เตียงผ่าตัด
ศาสตราจารย์หวางอดไม่ได้ที่จะแซวเขาและพูดว่า“ ตอนนี้โรงพยาบาลหยุนหัวมีค่าใช้จ่ายมากจนต้องใช้หมอสามคนในการผ่าตัดไส้ติ่งอักเสบหรือไม่”
หลิงรันมองไปที่ศาสตราจารย์หวาง และกล่าวว่า“ แผนเดิมคือให้มาหยานลินเป็นหัวหน้าศัลยแพทย์
“ฮะ?” มาหยานลิน รู้สึกตื่นเต้นทันที
หลิงรันมองไปที่การแสดงออกของเขาและพูดซ้ำว่า “แผนเดิม”
“ฮะ?” น้ำเสียงของมาหยานลิน ยังคงเหมือนเดิม แต่ท่าทางของเขาแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
หยูหยวนไอและพูดด้วยเสียงต่ำ“ ที่นี่มีคนมากมาย นายคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพื่อมาดูความผิดพลาดของนายหรอกนะ”
“ เรื่องนั้นมันก็จริง…” ความผิดหวังของมาหยานลินรากฏบนใบหน้าของเขา แม้ว่าเขาจะทำงานเป็นแพทย์ประจำแผนกเป็นเวลาสองปี แต่เขาแทบไม่มีโอกาสได้ทำการผ่าตัดเลยและโอกาสที่ได้รับส่วนใหญ่ก็มาจากหลิงรันทั้งนั้น
มาหยานลินเองเคยผ่าตัดไส้ติ่งโดยใช้กล้องส่องกล้องมาก่อน อย่างไรก็ตามสภาพของแพทย์ที่ทำการผ่าตัดไส้ติ่งหรือสองครั้งนั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแพทย์ที่ผ่าตัดไส้ติ่งหลายครั้ง ถ้าเขาพลาดโอกาสนี้เขาก็คงจะพลาดโอกาสอื่น ๆ อีกมากมายในอนาคตเช่นกัน
แพทย์ที่อยู่ในห้องผ่าตัดก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
พวกเขาทั้งหมดเป็นหมอ พวกเขารู้ดีว่าหมอหนุ่มจะได้รับโอกาสเช่นนี้มันยากเพียงใด บางคนอาจมีอาการนอนไม่หลับตลอดทั้งคืนเมื่อมีกำหนดการผ่าตัด พวกเขาจะตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการผ่าตัดตลอดทั้งสัปดาห์และพวกเขาจะกลั่นปัสสาวก่อนการผ่าตัดอีกด้วย
อย่างไรก็ตามมันง่ายมากที่พวกเขาจะเสียโอกาสเช่นเดียวกับสถานการณ์ต่อหน้าต่อตาในตอนนั้น พวกเขาส่วนใหญ่ไม่ยอมให้หมอหนุ่มก้าวขึ้นเตียงผ่าตัดในสถานการณ์แบบนั้น
โอกาสแรกที่มอบให้กับแพทย์รุ่นน้องมีไว้สำหรับพวกเขาที่จะทำผิดพลาด แพทย์รุ่นใหม่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเก่งขึ้นได้หากพวกเขาล้มเหลวมากขึ้นภายใต้สายตาของผู้อื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับศัลยแพทย์ เมื่อศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดได้อย่างสบายพวกเขาก็อยากมีคนอื่น ๆ อยู่เคียงข้างเพื่อเป็นสักขีพยานในความสำเร็จของพวกเขา แต่สำหรับความล้มเหลวของต้องการคนเหล่านนั้นอย่างงั้นหรือ? พวกเขาอาจไม่สามารถเผชิญหน้ากับความล้มเหลวได้อย่างใจเย็น
“ เขาได้รับการฆ่าเชื้อแล้วหรือยัง” หลิงรันยืนอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าศัลยแพทย์
“ ให้ฉันทำเถอะ” หยูหยวนยืนอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยและเริ่มให้ความช่วยเหลือ
มาหยานลินยืนอยู่ข้างๆ เขาไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่จำเป็นต้องมีผู้ช่วยคนที่สองในการผ่าตัดผ่านกล้อง ในความเป็นจริงแม้แต่ผู้ช่วยคนแรกเป็นง่ายที่ง่ายมากในตอนนี้
“ เมื่อพวกเขาออกไปจากที่นี้ ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง” หลิงรัน มองไปที่มาหยานลินและยิ้มอย่างมั่นใจ
ในขณะที่เขายังเรียนอยู่หลิงรันมักจะใช้รอยยิ้มเดิม ๆ เพื่อให้กำลังใจสำหรับเพื่อของเขาที่กำลังปะหม่าก่อนที่จะทำอะไรสัก รอยยิ้มนี้ใช้กับเพื่อนที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง
มาหยานลินรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นหลังจากผ่านไปหนึ่งวินาที เนื่องจากหลิงรันพูดอย่างนั้นมันจะเป็นเรื่องง่ายมากที่เขาจะมองหาการผ่าตัดอีกครั้ง
ศาสตราจารย์หวางและคนอื่น ๆ รู้สึกผิดปกติเล็กน้อย
หมอคนหนึ่งพูดอย่างไม่มีความสุขว่า“ เรามาที่นี่เพื่อดู ทำไมเราไม่ออกไปตอนนี้”
ศาสตราจารย์หวางไอ “ หมอหลิงไม่ได้หมายความอย่างนั้น ทุกคนโปรดอยู่ในความสงบ”
“ ใช่มันจะจบลงในไม่ช้า” หลิงรันเริ่มทำการผ่าตัดโดยใช้ปอดเทียมก่อนที่เขาจะสอดอุปกรณ์เจาะเข้าไปเพื่อตรวจดูช่องท้องของคนไข้
ทักษะในการผ่าตัดไส้ติ่งอยู่ในระดับที่สมบูรณ์แบบ ในประเทศนี้ฝีมือของเขาติดอันดับหนึ่งในร้อย ในทางทฤษฎีการผ่าตัดไส้ติ่งให้กับผู้ป่วยมะเร็งไส้ติ่งนั้นเป็นเรื่องง่ายมากเช่นกัน
ตามธรรมชาติแล้วการเกิดมะเร็งไส้ติ่งจะเกิดขึ้นในระดับต่ำมาก เหตุการณ์นี้อาจเกิดขึ้นได้ยากพอ ๆ กับที่โลกเคยเห็นฮัมมิ่งเบิด ซึ่งร่วมถึงการตายเพราะเป็นโรคมะเร็งไส้ติ่งด้วย
อย่างไรก็ตามทักษะการผ่าตัดที่จำเป็นนั้นเรียกได้ว่าเป็นทักษะเนื่องจากมีความเสถียรและสามารถทำซ้ำได้
ความราบรื่นในการผ่าตัด สำหรับการผ่าตัดไส้ติ่งระดับสมบูรณ์แบบเป็นสิ่งที่แพทย์ส่วนใหญ่ต้องการ แต่พวกเขาทำได้แค่ฝันที่จะมีมัน
หลิงรันเองเขาก็ยังมีประสบการณ์ของคนที่ผ่าท้องหนึ่งร้อยครั้งและการห้ามเลือดด้วยความร้อนระดับสมบูรณ์แบบ หน้าจอแสดงผลในห้องปฏิบัติการแสดงให้เห็นถึงการผ่าตัดไส้ติ่งโดยทั่วไปเหมือนกับที่แสดงในหนังสือเรียน
ในความเป็นจริงถ้าจะเปรียบเทียบกับหนังสือเรียนพวกเขาจะพบตำราเพียงไม่กี่เล่มเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาสามารถประกอบกับภาพไส้ติ่งตามมาตรฐานดังกล่าวได้
“ ไม่มีเลือดในช่องท้อง” แพทย์กล่าว
“ สนามปฏิบัติการไม่มีเลือดเลยหรอ?” หมออีกคนโน้มตัวไปดูอย่างประหลาดใจ
หมอบางคนที่ แต่เดิมดูค่อนข้างเบื่อหน่ายกับกระปรี่กระเปราขึ้นมาทันที