Great Doctor Ling Ran - ตอนที่ 572
EP 572
By loop
“ ผู้ป่วยในเตียงหมายเลข 22 เขาสามารถลงมาเตียงได้ ถ้ามีญาติคอยช่วยพยุงเขาลงมา พยาบาลเข้ามาในหน่วยดูแลพิเศษและเริ่มออกคำสั่งขณะที่เธอดูบันทึกของเธอ
หน่วยดูแลพิเศษมีระดับต่ำกว่าห้องไอซียูหนึ่งชั้น แต่มีอุปกรณ์ครบครันแต่อาจจะน้อยกว่าไอซียูเล็กน้อยเมื่อแต่มากกว่าเมื่อเทียบกับหอผู้ป่วยปกติ แผนกศัลยกรรมตับและตับอ่อนได้สร้างขึ้นโดยเฉพาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่ร้ายแรง เพื่อให้แม่นยำยิ่งขึ้นหน่วยดูแลพิเศษถูกสร้างขึ้นสำหรับผู้ป่วยที่สูญเสียตับเพียงเล็กน้อยและเริ่มมีสุขภาพดีอยู่แล้ว ผู้ป่วยที่สูญเสียตับก้อนโตหรือผู้ที่ไม่แข็งแรงจะถูกส่งตัวไปที่ห้องไอซียู
ญาติของผู้ป่วยได้รับอนุญาตให้อยู่ในหน่วยดูแลพิเศษ โดยมีญาติคนหนึ่งของผู้ป่วยในเตียงหมายเลข 22 รีบลุกขึ้นทันทีและถามว่า “เพียงวันเดียวหลังจากการผ่าตัด เขาก็ลุกจากเตียงได้แล้วหรอ”
“ใช่เขาพยายามจะลงจากเตียงได้แล้วจงอดทนเพราะถึงแม้จะเจ็บเล็กน้อยในช่วงแรก แต่ก็ยังดีสำหรับการฟื้นตัว” พยาบาลพูดอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็เริ่มญษติของผู้ป่วยเกี่ยวกับวิธีช่วยนำเขาลุกจากเตียง
ญาติของผู้ป่วยในเตียง 23 อดไม่ได้ที่จะถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉยขณะที่เขาเฝ้าดูสิ่งที่เกิดขึ้นในเตียงถัดไป “ผู้ป่วยในเตียง 22 ได้รับการผ่าตัดตับด้วยใช่ไหมเป็นเวลาสามวันแล้วที่พ่อของฉัน เข้ารับการผ่าตัดตับ แต่ก็ยังไม่มีคำพูดใด ๆ เกี่ยวกับเขาที่ได้รับอนุญาตให้ลงจากเตียง “
นางพยาบาลเหลือบมองไปที่บันทึกของเธอและเห็นว่าหัวหน้าศัลยแพทย์ของผู้ป่วยในเตียง 23 คือเหอหยวนเจิ้ง จากนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและพูดว่า “สภาพของคนไข้ทุกคนไม่เหมือนกันทำไม พวกคุณไม่รอสักวันสองวันล่ะก่อนคอยจะลุกเดิน”
สมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยในเตียง 23 ตื่นขึ้นมาด้วยความกังวลและกล่าวว่า “ฉันเห็นว่าคนไข้สองสามคนที่ได้รับการตัดตับช้ากว่าพ่อของฉันลุกจากเตียงการผ่าตัดได้แล้ว แต่ทำไมพ่อฉันถึงลุกไม่ได้ มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นหรือป่าว”
“ถือเป็นเรื่องปกติที่ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดตับจะไม่สามารถลุกจากเตียงได้ต่อให้ผ่านไปสามวันแล้วก็ตาม” พยาบาลบอกความจริง เมื่อพูดถึงผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดตับแล้วการฟื้นตัวของพวกเขาถือว่าดีถ้าพวกเขาได้รับอนุญาตให้ลุกจากเตียงภายในสองหรือสามวัน มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถลุกจากเตียงได้หลังจากนั้นเพียงวันเดียวเช่นคนไข้ของหลิงหรัน
ญาติของผู้ป่วยในเตียง 23 พึมพำ “นี้มันก็สามวันแล้ว”
“ถ้าคุณดึงดันว่าอยากจะให้ผู้ป่วยลุกเดินคุณก็จะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เอง ฉันเองทำหน้าที่ตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น” พยาบาลรีบเคลียร์ตัวเองจากความรับผิดชอบ จากนั้นเธอก็ยังคงช่วยเหลือผู้ป่วยในเตียง 22 ในการลงจากเตียง
ผู้ป่วยที่กำลังลุกจากเตียงเพียงหนึ่งวันหลังจากการผ่าตัดของเขาเจ็บปวดมากจนเขากัดฟัน อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าออกแรงมากเกินไป เขาโยนตัวเองออกจากเตียงอย่างเหนื่อยยากก่อนจะวางเท้าลงบนพื้น กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่กี่นาที
อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาที่ผู้ป่วยรักษาตัวเองอย่างมั่นคงและตระหนักว่าไม่มีอะไรเลวร้ายเช่นแผลผ่าตัดแตกเขาก็ยิ้มเป็นประกาย จากนั้นเขาก็ถามด้วยเสียงแหบว่า “นี่หมายความว่าการผ่าตัดของฉันประสบความสำเร็จหรือไม่”
“ใช่เขาสามารถลงจากเตียงได้หนึ่งวันหลังจากการผ่าตัดมันเป็นสิ่งที่ดีใช่ไหม” ก่อนที่พยาบาลจะตอบผู้ป่วยเหล่าญาติของผู้ป่วยรีบพูดก่อนที่จะมองไปที่พยาบาล
พยาบาลเพียงยิ้มและพูดว่า “เป็นเรื่องที่ดีแน่นอนคุณสามารถพักผ่อนได้หลังจากทำตามขั้นตอนต่อไปอีกไม่กี่ก้าวลองลงจากเตียงอีกครั้งในตอนบ่าย”
พยาบาลเฝ้าดูผู้ป่วยเดินไปรอบ ๆ วอร์ดอย่างลำบาก จากนั้นเธอก็เหลือบมองไปที่การ์ดที่มีข้อมูลของผู้ป่วยที่เขียนไว้ที่ปลายเตียงผู้ป่วยอีกสองคนก่อนจะเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร
สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดตับภายใต้การดูแลของแพทย์จากภาควิชาศัลยศาสตร์ตับและตับอ่อนผู้ที่ฟื้นตัวเร็วจะสามารถลุกจากเตียงได้ก็ต่อเมื่อผ่านไปสองถึงสามวันเท่านั้น สำหรับผู้ที่ฟื้นตัวช้าพวกเขาสามารถลงจากเตียงได้หลังจากผ่านไปสี่หรือห้าวันเท่านั้น นั้นมันชัดเจนว่าแผนกนี้นั้นค่อนข้างมีทักษะในการรักษาอ่อนกว่าหลิงรัน แต่อย่างไรก็ตามในขณะที่นางพยาบาลก็ทำงานภายใต้แผนกศัลยกรรมตับและตับอ่อนเธอจึงไม่สามารถพูกว่าร้ายแผนกของตัวเองได้
และเวลาที่ผู้ป่วยต้องลงจากเตียงเป็นเพียงหนึ่งในตัวบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของพวกเขาดีเพียงใด
สำหรับพยาบาลที่มีงานประจำวันรวมถึงการสังเกตอาการของผู้ป่วยความแตกต่างระหว่างผู้ป่วยที่ดำเนินการโดยแพทย์ของแผนกตับและตับอ่อนและการผ่าตัดตับอ่อนและหลิงรัน นั้นชัดเจนมาก
และแพทย์ของภาควิชาศัลยศาสตร์ตับและตับอ่อนก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกัน
พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากแสร้งทำเป็นว่าพวกเขาตาบอดกับเรื่องเหล่านี้
เมื่อพูดถึงเรื่องของการผ่าตัดผลลัพธ์ก็ชัดเจนมาก และการแข่งขันระหว่างศัลยแพทย์ก็ชัดเจนเช่นเดียวกัน
ยกตัวอย่างแผนกการผ่าตัดตับและตับอ่อนของโรงพยาบาลหยุนหัว นับตั้งแต่ที่เหอหยวนเจิ้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกหัวหน้าแพทย์ที่อายุมากกว่าเขาก็ลาออก พวกเขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับความจริงที่ว่าพวกเขาได้รับตำแหน่งในโรงพยาบาลและพวกเขาอยู่ภายใต้สัญญา เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาสามารถพูดได้ว่าพวกเขาลาออกไปเพื่อไล่ล่าความฝันของตัวเอง แต่ในความเป็นจริงไม่ใช่ทุกคนที่ทะเยอทะยาน ในที่สุดพวกเขาก็ถูกบังคับให้ออกไปอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าสำหรับโรงพยาบาลแพทย์ประจำบ้านก็สามารถใช้แล้วทิ้งเช่นเดียวกับวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์หัวหน้าแพทย์เป็นทรัพย์สินที่ต้องมีค่า โรงพยาบาลเองก็แทบจะไม่สนใจใยดีเมื่อหัวหน้าแพทย์ทุกคนถูกบังคับให้ออกจากโรงพยาบาลเพราะเหอหยวนเจิ้ง เนื่องจากเหอหยวนเจิ้ง มีทักษะและความสามารถมากที่สุดในหมู่พวกเขา
แผนกโรงพยาบาลเป็นเหมือนภูเขาและเสือสองตัวจะไม่อยู่ร่วมกันบนภูเขาเดียวกัน นี่เป็นวิธีที่ปกติแล้วในโรงพยาบาลในปัจจุบัน
ถ้าเหอหยวนเจิ้งเก่งกว่ามากเมื่อเทียบกับหลิงรันเขายังคงต้องการกำจัดทีมรักษาหลิงออกจากแผนกของเขาแม้ว่าเขาจะต้องเสี่ยงกับการทำให้ผู้อำนวยการฮวงไม่พอใจก็ตาม
หากเหอหยวนเจิ้งและหลิงรันมีความเชี่ยวชาญพอ ๆ กันความกังวลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเหอหยวนเจิ้งก็คือหลิงรันอาจรับสมัครคนจากแผนกของเขาและจัดตั้งแผนกที่สองของแผนกการผ่าตัดตับและตับอ่อน
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นคือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด เหอหยวนเจิ้งมีทักษะน้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับหลิงรัน ดังนั้นตอนนี้เขาต้องกังวลว่าจะถูกหลิงรันเตะออกไป
การปลอบใจเพียงอย่างเดียวของเหอหยวนเจิ้ง ก็คือหลิงรันยังมีความเชี่ยวชาญในการผ่าตัดกระดูกและอาจไม่ได้วางแผนที่จะขยายอาชีพของเขาในภาควิชาตับและตับอ่อนและการผ่าตัดตับอ่อน อย่างแน่นอน
สาขาศัลยกรรมกระดูกเป็นสิ่งที่ทำกำไรได้มากกว่า นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับคนหนุ่มสาวอีกด้วย
… ..
“สุดท้ายนี้การผ่าตัดกระดูกยังมีกำไรมากกว่า” จางอันหมินเบื่อ ๆ คุยกันในห้องผ่าตัด
เขาเองก็เคยชินกับการที่หลิงรันไม่พูดในห้องผ่าตัด
ในขณะที่เขาต้องคอยช่วยเหลือหลิงรันในการผ่าตัดวันละสี่ถึงห้าครั้งเขาจะรู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนกับคนงานที่ทำงานในโรงงานที่เป็นส่วนหนึ่งของสายการผลิต ที่วันๆทำงานเหมือนเครื่องจักร
หมอลู่ที่ยืนอยู่ข้างๆเขาตะคอกและหัวเราะคิกคักขณะที่เขาพูดว่า “ทำไมนายถึงต้องการเงินมากขนาดนี้?”
“คุณไม่เข้าใจความเจ็บปวดของฉัน” จางอันหมินถอนหายใจและพูดต่อ “คุณรู้ไหมว่าค่าเทอมของโรงเรียนประถมสมัยนี้แพงแค่ไหนมีภรรยาของผมด้วยฮึเธอใช้เงินอนู่ตลอดเวลาจนถึงตอนนี้ผมนก็ไม่เข้าใจว่าทำไม ผู้หญิงมีความแค้นกับเงินอะไรกันนักหนา? “
หมอลู่ซึ่งไม่มีภรรยาหรือแฟนแสร้งทำเป็นผ่อนคลายและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้หญิงอาจจะมีความไม่พอใจถ้าพวกเขาลำบากก็ได้”
จางอันหมินแพทย์ผู้น่าสงสารเงยหน้าขึ้นมองไปหมอลู่ จากนั้นเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “ผู้หญิงไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่คิดง่ายๆเช่นนั้นปกติแล้วพวกเธอไม่ได้ต้องการของง่ายๆอย่างเช่นรถหรือบ้านเลย”
“ แล้วพวกเธอจะสนใจอะไร?” หลู่เหวินปินพยายามขอคำแนะนำอย่างเห็นได้ชัด
“ คุณไม่รู้อะไรเลยหลังจากทำงานในโรงพยาบาลหยุนหัวมานานขนาดนี้?” ด้วยความยินดีกับตัวเองจางอันหมินพูดด้วยน้ำเสียงที่มีประสบการณ์และถอนหายใจ จากนั้นเขาก็ทำหน้ามุ่ยและพูดว่า “แน่นอนพวกเธอสนใจเรื่องรูปลักษณ์”
หมอลู่มองไปที่การจ้องมองของจางอันหมิงและเห็นว่าหลิงหรันหลงระเริงกับการผ่าตัดโดยไม่สนใจบทสนทนาที่เกิดขึ้นข้างๆเขา และถ้าไม่ใช่เพราะพยาบาลที่เข้ามาช่วยผ่าตัดในครั้งนี้มีจำนวนจำกัด
แม้กระทั่งแพทย์และพยาบาลจากภาควิชาอายุรศาสตร์ก็มาที่โรงพยาบาลเพื่อดูการผ่าตัด ความตั้งใจของพวกเขาในการมาที่นี่ชัดเจนมาก
“โอ้ดูสิ” หมอลู่ พึมพำ อย่างไรก็ตามจากนั้นเขาก็มองไปที่จางอันหมินและหัวเราะ “ภรรยาของนายมีรสนิยมที่ดีทีเดียว”
จางอันหมินยิ้มเล็กน้อยก่อนที่เขาจะมองไปที่หมอลู่ และพูดว่า “ถ้าผมเป็นผู้หญิงผมจะไม่แต่งงานเลย”
หมอลู่ตัวแข็งไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็พยักหน้าช้าๆ “สิ่งที่นายเพิ่งพูดนั้นสมเหตุสมผล”
“พอล่ะเลิกพูดไร้สาระกันเถอะครับ”
“ไม่ฉันแค่ล้อเล่นเฉยๆ” หมอลู่ กล่าว “ความจริงจะบอกในความคิดของฉันไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ฉันหาแฟนหรือ ภรรยาของนายซื้อสินค้าที่แบรน์เนมในตอนท้ายของวันเราก็แค่ต้องการการยอมรับเราก็ทำได้ ยังได้รับการยอมรับจากการทำศัลยกรรมด้วยใช่ไหม?”
จางอันหมินพยักหน้าช้าๆขณะที่เขาคิดถึงสิ่งที่หมอลู่พูด
“ อะ…” แพทย์หญิงคนหนึ่งในห้องผ่าตัดจงใจกระแอมในคอและให้ความเห็น
หมอลู่กำหมัดแน่นจนกล้ามเนื้อทุกส่วนบนแขนของเขาซึ่งมีเส้นรอบวงกว้าง 15 นิ้วโป่งออก
อย่างไรก็ตามในขณะนี้การแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้นข้างหูของหลิงหรัน
[ภารกิจ: รับชื่อเสียงเล็กน้อยจากการได้รับการยอมรับจากผู้คนนับหมื่น]
[เป้าหมายของภารกิจ: ได้รับการยอมรับจากผู้คนนับหมื่น]
[รางวัลภารกิจ: หีบสมบัติระดับกลาง]
จู่ๆหลิงหรันก็หยุดและเงยหน้าขึ้นก่อนที่เขาจะพูดว่า “แนวคิดในการดึงดูดและจูงใจคนนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจน่าจะดีมากพวกคุณรู้หรือไม่ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้คนมาสนใจพวกเรามากๆ”