Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 44
ตอนที่ 44
สื่อสารผิดพลาด
เปรี้ยง!!
กระบองที่อยู่ในมือโทรลล์ตัวใหญ่ที่มีเลเวลถึง 37 เหวี่ยงเข้าใส่โล่ของเจอย่างจัง เพียงแต่ตอนนี้เจเปลี่ยนจากโล่เหล็กขนาดเล็กที่กวีให้ใช้ก่อนหน้านี้มาเป็นโล่เหล็กขนาดใหญ่ที่ผ่านการอัพเกรดมาแล้วเป็นอย่างดีทำให้กระบองหนา ๆของโทรลล์แทบจะทำอะไรเจไม่ได้เลย
“ยอดเลย ป้องกันได้ดีกว่าเดิมเยอะมาก”เจพูดด้วยท่าทีตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ใช่แค่โล่เท่านั้นทั้งอุปกรณ์สวมใส่ส่วนต่าง ๆล้วนแล้วแต่เปลี่ยนใหม่หมดและเน้นไปที่พลังป้องกันทั้งตัวทำให้ตอนนี้เจมีพลังป้องกันสูงกว่าปกติหลายเท่า ประกอบกับพลังชีวิตที่มากกว่าคนอื่นเพราะพรจากเทวรูปองค์ที่ 5 อย่างคราวทำให้ตอนนี้เจสามารถยืนปะทะกับโทรลล์ที่เลเวลห่างกับเจถึง 17 เลเวลได้สบาย
“ในที่สุดก็เลิกใช้ของธรรมดาได้สักที”กวียิ้มออกมาพลางนำคทาด้ามใหม่ออกมาถือแล้วยิงกระสุนเพลิงต่อเนื่องเข้าใส่โทรลล์ในทันที ตอนนี้กวีเลเวล 28 แล้วจากการล้มอสรพิษทะเลลึกทำให้เลเวลของกวีนำกว่าคนอื่น ๆไปเกือบ 10 เลเวล แต่ถึงจะนำไปมากกว่านี้ก็ไม่มีปัญหา เพราะในเกมเอคโค่ขอเพียงเลเวลของคนในปาร์ตี้ห่างกันไม่เกิน 50 เลเวลก็สามารถแบ่งค่าประสบการณ์กันได้สบาย
“ทำไมไม่ทำแบบนี้แต่แรกคะ ทำไมมัวแต่ใช้ของธรรมดา ๆมาตั้งนาน”มายด์ถามพลางใช้ดาบเล่มใหม่เข้าไปโจมตีด้วยอีกแรง ตอนสู้กับกระต่ายเขาเดียวหรือปูเสฉวนเธอลำบากแทบตายเพราะไอเทมที่ใส่ยังเป็นของจากเกาะเริ่มต้นอยู่เลย ตอนนี้ไอเทมที่ใส่ทำให้เธอสามารถเข้าไปโจมตีโทรลล์ได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะโดนฆ่าตายในทีเดียวแล้ว
“หินเสริมพลังมันใช้ได้แค่ของเลเวลยี่สิบขึ้นไปนี่นา”กวียิ้มเจื่อน ๆออกมาก่อนโจมตีไปที่โทรลล์ด้วยกระสุนน้ำที่ยังไม่ได้เลื่อนขั้น ในเกมหลาย ๆเกมการอัพเกรดไอเทมต่าง ๆถือเป็นหนึ่งในความสนุกอย่างหนึ่งที่สำคัญมากเลยก็ว่าได้ ต่อให้เป็นดาบเลเวล 20 แต่หากผ่านการอัพเกรดอย่างดีแล้วละก็อาจจะดีกว่าดาบเลเวล 40 ที่ยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็ได้ แบบนี้ทำให้ตัวละครของผู้เล่นเก่งขึ้นอย่างทันตาเห็น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องฝึกฝีมือของผู้เล่นไปด้วย เพราะต่อให้มีดาบที่ดีแค่ไหนถ้าผู้ใช้โจมตีไม่เป็นก็ไม่สามารถเอาชนะได้ตลอดไปหรอก
“นึกว่าพี่เมฆจะเป็นพวกยอดฝีมือที่ถือกิ่งไผ่เอาชนะดาบได้ซะอีก”เจหัวเราะออกมาระหว่างรับการโจมตีของโทรลล์อย่างสบายใจ พอได้ความแม่นยำในการป้องกันจากโล่ขนาดเล็กมาแล้ว การเล็งกระแทกกลับการโจมตีของโทรลล์ที่ค่อนข้างเชื่องช้าก็ง่ายขึ้นมาก
“งั้น…ถ้ามีนักดาบคนหนึ่งเก่งมากจนไม่มีใครสู้ได้ แล้วเราแยกนักดาบคนนั้นออกเป็นสองคนโดยมีความสามารถเท่า ๆกัน คิดว่าคนที่ถือกิ่งไผ่หรือดาบวิเศษจะชนะล่ะ”เมฆถามคำถามออกมาก่อนจะโจมตีปิดท้ายใส่โทรลล์จนมันล้มทั้งยืน เมื่อระดับฝีมือไปถึงขั้นหนึ่งแล้วก็ต้องมีปัจจัยอื่น ๆเข้ามาเสริมเพื่อชี้วัดผลแพ้ชนะ เมฆเลยเป็นคนหนึ่งที่ชอบพัฒนาอุปกรณ์สวมใส่ให้ดีที่สุดเสมอ เพียงแต่เมฆก็ไม่ลืมที่จะพัฒนาตัวเองไปด้วยเช่นกัน
“นะ…นั่นสินะครับ”เจหัวเราะเจื่อน ๆออกมาก่อนจะเก็บดาบและโล่กลับเข้าไปในกระเป๋า เพียงแต่อีกปาร์ตี้หนึ่งที่กำลังสู้อยู่กับโทรลล์อีกตัวยังฆ่ามันไม่สำเร็จเลย
“คนพวกนั้นเลเวลยี่สิบกันจริง ๆเหรอ”ไทด์นักธนูประจำปาร์ตี้ของสองพูดพลางเล็งยิงไปที่ดวงตาของโทรลล์ ปาร์ตี้ของพวกสองต่างเป็นผู้เล่นเลเวล 30 ปลาย ๆกันทั้งนั้น อย่างไทด์เองก็เลเวล 38 เข้าไปแล้ว เรียกได้ว่าเลเวลสูงกว่าพวกโทรลล์เสียอีก แต่การฆ่าพวกมันก็ต้องใช้เวลาสักพักอยู่ดีเพราะโทรลล์มีพลังป้องกันสูงมาก
“นั่นสิ ไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนนั้น เหมือนว่าทุกคนจะเก่งมากเลยนะ”อ้นชายร่างใหญ่ที่เข้าไปทักมีนก่อนหน้านี้เองก็เห็นด้วยเช่นกัน แม้พวกกวีส่วนใหญ่จะเลเวล 20 กันเท่านั้นไม่มีใครเลเวลเกิน 30 เลย แต่ในเรื่องฝีมือและไอเทมต่างสุดยอดกันทั้งนั้น แบบนี้การได้พวกกวีมาช่วยจะต้องเป็นผลดีมากแน่ ๆ
“แบบนี้พวกเราผ่านเควสได้แน่ ๆ”ไกรนักดาบในปาร์ตี้ของสองพูดด้วยท่าทีเห็นด้วย เควสป้องกันหมู่บ้านครั้งนี้เป็นเควสที่มีผลตอบแทนสูงมากทีเดียว อย่างน้อย ๆก็น่าจะได้เงินคนละหลายหมื่นเหรียญ แถมคนในหมู่บ้านยังบอกอีกด้วยว่าพวกโจรชิงสมบัติที่เป็นอาวุธในตำนานของหมู่บ้านไป หากสามารถเอาชนะพวกโจรได้อาวุธพวกนั้นจะยกให้พวกผู้เล่นด้วย ถ้าเป็นไอเทมระดับสูงขึ้นมานอกจากจะเก่งขึ้นแล้วยังได้เงินอีกด้วย
“ขอโทษที่ให้รอ ไปกันเถอะพวกเรายังต้องเดินทางอีกไกล”ทันทีที่ล้มโทรลล์ที่โผล่มากลางทางได้ สองก็รีบเข้ามาหาพวกกวีและพากันเดินทางต่อทันที ความจริงในโลกของเอคโค่ผู้เล่นสามารถซื้อรถเพื่อเดินทางได้ ในโลกสมัยใหม่ที่ผสมระหว่างเทคโนโลยีและเวทมนตร์มีรถยนต์และรถมอเตอร์ไซค์ที่ใช้พลังงานจากแกนเวทให้ใช้เดินทางนอกจากการวาร์ปเอาได้อีกด้วย แต่ของพวกนั้นราคาแพงไม่ต่างจากรถในชีวิตจริงเลย ผู้เล่นธรรมดาเลยไม่สามารถซื้อได้
ส่วนหมู่บ้านที่สองกำลังจะพาไปนั้นเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างจากเมืองทันดร้าไปทางใต้พอสมควร ต้องเดินเท้าตลอดครึ่งวันกว่าจะถึง มันเป็นหมู่บ้านเล็ก ๆที่มีผู้อยู่อาศัยไม่ถึงร้อยคนเสียด้วยซ้ำ ทำให้คนในหมู่บ้านอ่อนแอมากสำหรับการโจมตีจากพวกโจร
“นึกว่าหมู่บ้านจะดูโทรมกว่านี้ซะอีก”หลังจากเดินเท้าฝ่ามอนสเตอร์มาตลอดทางจนคนอื่น ๆในปาร์ตี้ของกวีเลเวลขึ้นเป็น 22 เข้าไปแล้ว ในที่สุดพวกกวีก็มาถึงหมู่บ้านที่ตั้งชื่อหน้าหมู่บ้านเอาไว้ว่า หมู่บ้านฟรอย มันเป็นหมู่บ้านที่ดูดีกว่าที่คิดเอาไว้จริง ๆ นอกจากจะมีแต่บ้านหลังใหม่แล้วผู้คนยังมีท่าทียิ้มแย้มแจ่มใสกันอีกต่างหาก
“ท่านสอง กลับมาแล้วเหรอครับ”ทันทีที่พวกสองเดินทางเข้าไปในหมู่บ้าน ชาวบ้านคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาด้วยท่าทียินดีก่อนจะกล่าวต้อนรับสองด้วยท่าทีเป็นมิตร ก่อนหน้านี้พวกสองและปาร์ตี้อื่น ๆต่างเข้ามาในหมู่บ้านและได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคนในหมู่บ้าน พอพวกเขาตอบตกลงจะช่วยหมู่บ้านเอาไว้จากพวกโจร เหล่าชาวบ้านก็เป็นมิตรกับพวกสองมากกว่าเดิมเสียอีก
“สองกลับมาแล้วเหรอ”หลังจากเดินเข้าไปในหมู่บ้านได้พักหนึ่งพวกกวีก็เจอกับกลุ่มคนที่น่าจะเป็นเจ้าของเควสจนได้ เพียงแต่….ตอนนี้คนที่รวมกันอยู่กลางหมู่บ้านนั้นกลับมีถึง 30 คน พอรวมพวกกวีและปาร์ตี้ของสองเข้าไปก็จะเป็น 42 คนซึ่งมันเกินจำนวนเรดมา 1 ปาร์ตี้นั่นเอง เพราะแบบนี้หน้าตาของคนที่มาทักสองก็เลยดูไม่ค่อยสู้ดีนักกระมัง
“เดี๋ยวสองมาคุยกับพี่ทางนี้ก่อนนะ”ชายคนที่เข้ามาทักพูดพลางพาสองแยกออกไปเพียงคนเดียว แต่ถึงกวีจะไม่ตามไปก็รู้ได้ชัดเจนว่าทั้งสองไปคุยกันเรื่องอะไร เดาว่าตอนนี้คงมีเรื่องผิดพลาดอะไรบางอย่างทำให้คนเกินจำนวนจำกัดของเควสก็เลยต้องเอาคนออก แน่นอนว่าเควสจำกัดเลเวล 40 นั้นก็ต้องใช้คนเลเวล 30 ขึ้นไปถึงจะดี หากให้คิดอย่างคนปกติ การตัดปาร์ตี้เลเวล 20 หน่อย ๆอย่างปาร์ตี้ของกวีออกถือเป็นเรื่องปกติที่ใครก็ทำกัน
“ไม่ได้นะพี่ ผมชวนพวกเขามาแล้วจะให้กลับไปเฉย ๆได้ไง”แต่แทนที่สองจะทำแบบนั้น อยู่ ๆสองก็โวยวายขึ้นมาเสียเฉย ๆ เพราะพวกเขาได้เห็นฝีมือของพวกกวีแล้ว และเชื่อว่าพวกกวีเก่งเสียยิ่งกว่าปาร์ตี้เลเวลเกิน 40 เสียอีก
“ใจเย็น ๆ….”ชายที่เข้ามาทักสองปรามไม่ให้สองใช้อารมณ์ไปมากกว่านี้ ก่อนจะเริ่มคุยกันด้วยน้ำเสียงเบา ๆอีกครั้ง แม้จะต้องใช้เวลาอยู่นานสองนาน แต่สุดท้ายสองก็เถียงไม่ออกเพราะแต่เดิมสองก็ไม่ใช่เจ้าของเควสอยู่แล้ว ดีไม่ดีเถียงต่อไปปาร์ตี้ของสองก็อาจจะไม่ได้เควสนี้ด้วย แบบนั้นปาร์ตี้ของสองก็คงจะซวยและสองก็ต้องห่วงคนในปาร์ตี้ของตนเองมากกว่าปาร์ตี้ของกวีอยู่แล้ว
“คุณกวี…..พวกเราต้องขอโทษจริง ๆนะครับ”สองเดินคอตกกลับมาก่อนจะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง ดูเหมือนปาร์ตี้หนึ่งที่อยู่ในเรดแต่แรกแล้วได้คนมาเพิ่มอีก 6 คน แต่ระหว่างเดินทางมาไม่ได้รายงานหัวหน้าเรดทำให้หัวหน้าเรดไม่รู้ว่าคนเกินแล้วปล่อยให้สองพาพวกกวีมาจนสุดท้ายคนก็เกินอย่างที่เห็น และก็เป็นอย่างที่กวีคิดปาร์ตี้เลเวลน้อยของพวกกวีเป็นฝ่ายโดนคัดออกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“เจ….คิดว่าไง จะกลับหรือเปล่า”อยู่ ๆกวีก็เอ่ยปากถามไปทางเจทั้ง ๆที่ปกติหน้าที่ตัดสินใจควรจะเป็นของกวีแท้ ๆ ทำเอาเจที่อยู่ด้านหลังกับมายด์สะดุ้งโหยงทันที
“เอ๊ะ ผมเหรอ”เจมองไปรอบ ๆด้วยท่าทีเลิกลัก อยู่ ๆจะให้เข้าตัดสินใจได้ยังไงกัน
“พวกนั้นกำลังดูถูกเราอยู่ เพราะเห็นว่าพวกเราเลเวลต่ำก็เลยคิดจะคัดพวกเราออก พวกเราจะยอมไปแต่โดยดีหรือเข้าไปต่อรองกับพวกมันล่ะ”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆต่างจากสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ไปคนละทาง การถูกคัดออกทั้ง ๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเป็นเรื่องน่าโมโหไม่น้อย แต่หากไปมีเรื่องกับคนเลเวลสูงกว่าแบบนั้นมันจะดีหรือไม่…
“เรา…ไปคุยกันเถอะครับ”เจมองเหล่าผู้เล่นที่รวมกันอยู่กลางหมู่บ้านด้วยท่าทีไม่พอใจ คนพวกนั้นกล้าตัดสินพี่กวีว่าอ่อนแอเพราะเพียงเลเวลได้ยังไง คนพวกนี้เป็นยอดฝีมือที่เก่งที่สุดเท่าที่เจเคยเจอ อย่างน้อยต่อให้ต้องกลับก็ต้องทำให้พวกนั้นรู้ว่าคิดผิด
“ดี…”กวียิ้มออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจก่อนจะเดินเข้าไปหาคนในเรดตรง ๆเสียเลย
“ได้ยินว่าพวกเราต้องเป็นฝ่ายเดินทางกลับไปที่เมืองทันดร้า เรื่องนี้จริงหรือเปล่าครับ”กวีถามพลางมองเหล่าในเรดด้วยท่าทียิ้ม ๆ
“ขอโทษทีนะ แต่คนเราเกินแล้วคงต้องให้พวกนายกลับไปจริง ๆ”ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาก่อนจะตบบ่ากวีด้วยท่าทีเห็นใจ
“นั่นเพราะพวกเราอ่อนแองั้นเหรอครับ”กวีถามพลางมองหน้าชายหนุ่มที่เข้ามาหาตนด้วยใบหน้าจริงจัง
“เลเวลพวกนายต่ำเกินไป ขอโทษทีนะพวกเราอยากให้เควสสำเร็จมากกว่า”ชายตรงหน้ากวีถอนหายใจออกมาก่อนจะเอามือออกจากบ่าของกวีไป
“งั้น ถ้าพวกเราพิสูจน์ได้ว่าแข็งแกร่งว่า คนที่ต้องไปก็เป็นอีกปาร์ตี้สินะ”กวีถามก่อนจะหันไปมองคนรอบ ๆ ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นปาร์ตี้ใหม่ที่เข้ามาแทรกระหว่างปาร์ตี้ของกวี แต่หากจะเลือกคนร่วมเควสเพื่อจะผ่านเควสให้ได้ งั้นก็ตัดสินกันที่ความแข็งแกร่งก็พอสินะ