Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 59
ตอนที่ 59
ไม่อยากเข้า
“เรื่องนั้นผมเข้าใจดีครับ แต่ทุกคนก็ย่อมต้องมีเส้นทางที่อยากเล่นเหมือนกัน”กวีตอบด้วยท่าทีสบาย ๆไม่มีอารมณ์โกรธแม้แต่น้อย จะโทษเบสก็ไม่ได้เพราะหลักการที่เบสพูดมานั้นก็เป็นเรื่องที่เขียนอยู่บนเว็บบอร์ดของเกม คนที่หัดเล่นจอมเวททุกคนน่าจะเคยอ่านพวกข้อมูลการเล่นมาบ้าง แต่อย่างที่กวีบอกที่กวีเลือกเล่นไปทางสายอาชีพนี้ก็เพราะกวีมีเป้าหมายที่ต้องการอยู่
“ก็แล้วแต่ละกัน”เบสยักไหล่เหมือนไม่ใส่ใจก่อนจะเริ่มร่ายเวทมนตร์ใส่ผีดิบที่ถูกฟลุคยิงเพื่อล่อมายังกลุ่มของตนเอง ตัวเบสนั้นเป็นจอมเวทที่มีเวท ไฟ และ ลม เป็นเวทโจมตีหลัก แถมยังอัพขั้นขึ้นไปถึงขั้น 3 เรียบร้อยแล้วทำให้สามารถใช้ หอกเพลิง เวทขั้น 3 ของธาตุไฟ และ พายุหมุน เวทขั้น 3 ของธาตุลมได้ โดยการคอมโบของเบสนั้นก็เป็นไปตามที่เว็บบอร์ดเขียนแนะนำโดยการสร้างพายุหมุนขนาดเล็กขึ้นก่อนแล้วยิงบอลไฟซ้ำลงไปเพื่อเปลี่ยนเป็นพายุเพลิงสร้างความเสียหายไฟอย่างต่อเนื่อง ส่วนกระสุนเพลิงต่อเนื่องและเคียวสายลมนั้นเบสยังไม่สามารถร่ายพร้อมกันได้ก็เลยเอามาผสมแบบที่กวีทำไม่ได้
เปรี้ยง!!
เวทมนตร์ของกวียิงโจมตีอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วคนละระดับกับเบสอย่างสิ้นเชิง ความเร็วในการร่ายนั้นเป็นตัวบ่งชี้ความเก่งกาจของผู้เล่นจอมเวทได้เช่นกัน เพราะเห็นกวีร่ายเวทได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อทำให้ฟ่างมีท่าทีชื่นชมกวีอย่างเห็นได้ชัด แถมเวทสายฟ้าที่กวีใช้ออกมายังทำเอาเบสอิจฉามากอีกด้วย
“พวกเรารุกเข้าไปด้านในกันเถอะ ตอนนี้พวกเราน่าจะรับมือได้สบายแล้ว”เบสเสนอให้ทุกคนเดินหน้ากันเข้าไปในชั้น 3 ให้ลึกกว่านี้
“ยังไม่ได้หรอก เก็บเลเวลตรงทางเข้าสักพักแล้วค่อยไป”กวีส่ายหน้าปฏิเสธ ตอนนี้แม้จะรับมือได้ง่ายก็จริง แต่มีนยังสู้ได้ไม่เต็มที่ พวกเก๋กับเมฆเองก็ยังไม่ค่อยเข้าขากันเลยยังสลับกันโจมตีได้ไม่ดีนัก ส่วนเบสก็นับว่าทำได้ดีแล้วแต่ฟ่างยังร่ายเวทได้ค่อนข้างช้า หากโดนรุมโจมตีพร้อมกัน 2 ถึง 3 ตัวกลัวว่าจะมีคนตายเสียด้วยซ้ำ ตอนนี้ควรเก็บเลเวลให้เจถึกกว่านี้เสียก่อน
“พี่กวีว่าไงผมก็ว่างั้นครับ”เจที่ไม่พอใจท่าทีของเบสเท่าไรตอบเข้าข้างทางฝั่งกวีทันที เมื่อแทงค์พูดแบบนั้นแล้วคนอื่นจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร สุดท้ายทุกคนเลยปักหลักอยู่หน้าทางเข้าแล้วให้ฟลุคยิงโจมตีจากระยะไกลเพื่อล่อมอนสเตอร์เข้ามาฆ่าทีละตัว ๆ
ตูม!!
ในที่สุดกวีก็เลื่อนขั้นเวทมนตร์มาถึงขั้น 3 เสียทีหลังจากระดมโจมตีเวทมนตร์แต่ละสายอย่างต่อเนื่องมานานถึง 4 ชั่วโมง รวมถึงพวกเจเองก็เลเวลเพิ่มขึ้นมาจนแตะ 30 กันหมดแล้ว
ตูม ๆ ๆ ๆ ๆ
เวทมนตร์ขั้นที่ 3 ของแต่ละธาตุนั้นเป็นท่าที่เน้นพลังโจมตีทั้งนั้น เวทไฟนั้นเป็นการสร้างหอกสีแดงเพลิงขึ้นมาแล้วแทงออกไปด้วยความเร็วสูง เป็นเวทมนตร์ที่เร็วที่สุดที่กวีมีตอนนี้เลย เวทลมเป็นพายุหมุนเหมือนกับที่เบสใช้ มันจะสร้างพายุหมุนขนาดเล็กออกมาโจมตีมอนสเตอร์ระยะหนึ่ง แน่นอนว่ามันเป็นเวทโจมตีที่สร้างความเสียหายได้ดีมากแถมสามารถผสมกับเวทอื่นได้อย่างดีอีกต่างหาก นอกจากนี้ยังมีเวทสายฟ้าที่อัพขึ้นมา 2 ขั้นอีกต่างหากโดยขั้นที่ 2 นั้นเป็นสกิลติดตัวโดยจะเพิ่มคุณสมบัติของธาตุสายฟ้าด้วยสกิล นำไฟฟ้า ทำให้ทุกครั้งที่โจมตีด้วยเวทสายฟ้าจะทำให้ศัตรูโดยรอบได้รับผลของสายฟ้าไปด้วย หรือก็คือเปลี่ยนการโจมตีสายฟ้าทุกครั้งเป็นสกิลหมู่นั่นเอง ส่วนขั้นที่ 3 ยังได้เวทสายฟ้าที่รุนแรงอย่างสายฟ้าฟาดอีกต่างหาก สมแล้วที่เป็นธาตุที่หายาก ส่วนเวทดิน ในชั้นที่ 3 นี้เวทดินเป็นเวทติดตัวที่จะเพิ่มความเสียหายของหอกศิลาขึ้น หลังจากนี้การร่ายหอกศิลาออกมาจะไม่เป็นลิ่มดินอีกแล้ว แต่จะเป็นหอกสมกับชื่อสกิลเลย และกำแพงดินก็จะแข็งแกร่งขึ้นด้วย และสุดท้ายคือเวทน้ำ ในขั้นที่ 3 นี้เวทน้ำสร้างความน่าสนใจไม่น้อย เพราะจากเวทขั้นแรกที่เป็นกระสุนน้ำกับเวทขั้น 2 ที่เป็นคลื่นน้ำกระแทก อยู่ ๆเวทขั้นที่ 3 ก็เปลี่ยนเป็นระเบิดน้ำเสียอย่างนั้น พอร่ายออกไปก็จะวางพื้นน้ำลงที่เท้าของศัตรูแล้วระเบิดกระแสน้ำอัดขึ้นมาด้านบนจนมอนสเตอร์ลอยขึ้นมาเลย เรียกได้ว่าแค่ปลดสกิลขั้นที่ 3 นี้ก็ทำให้กวีสร้างความเสียหายได้เร็วขึ้นมากหลายเท่าเลย
“เฮ้ ๆ ใช้แบบนั้นเดี๋ยวพลังเวทก็หมดหรอก”หลังจากเห็นกวีใช้เวทขั้น 3 ยิงใส่ทหารผีดิบแถมยังยิงสกิลขั้น 1 และ 2 ตามไปด้วยรัว ๆแล้วเบสก็ทำปากเบ้มองอย่างกับกวีเป็นพวกไม่รู้เรื่องรู้ราว เวทขั้น 3 แรงมากก็จริงแต่ก็กินพลังเวทมากด้วย หากใช้รัว ๆแบบนั้นพลังเวทต้องหมดแน่ ๆ
“ไม่เป็นไรหรอกครับ”กวีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ใช่แค่เวทมนตร์ธาตุเท่านั้นที่พัฒนาขึ้น แต่เดิมกวีก็มีคำอวยพรพิเศษจากคราวที่ทำให้มีพลังเวทเพิ่มขึ้น 10% และสกิลพรจากวิสเทพแห่งปัญญา ที่จะช่วยเพิ่มพลังเวทอีก 10% นอกจากนี้ค่าปัญญาเองยังมีผลเพิ่มพลังเวทอีกต่างหาก ก่อนหน้านี้ตอนเมฆซื้ออุปกรณ์สวมใส่มาให้ก็กวาดซื้อพวกไอเทมเพิ่มค่าปัญญาถาวรแบบน้ำผึ้งหมอกม่วงมาอีกทั้งชุด ทำให้ตอนนี้ค่าปัญญาของกวีล้นเกินเลเวลไปมาก ยังไม่ต้องนับผลฟื้นฟูพลังเวทจากสกิลและอุปกรณ์สวมใส่ที่เสริมพลังมาแล้วอย่างดีเลยด้วยซ้ำกวีก็สามารถใช้เวทมนตร์ขั้นสูงกว่านี้ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องห่วงพลังเวทเลย
“เมฆ สกิลอัพหรือยัง”กวีถามพลางเดินเข้าไปหาเมฆเพื่อสอบถามเรื่องสกิล สายเวทมนตร์สามารถอัพขั้นของสกิลเพื่อให้ได้เวทมนตร์ใหม่ ๆมา สายต่อสู้กายภาพก็ใช้การอัพสกิลเพื่อเพิ่มความเสียหายให้สกิลด้วยเช่นกัน หากขั้นของสกิลเพิ่มขึ้น ความเสียหายที่ทำได้ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
“อัพหมดแล้ว”เมฆตอบพลางเก็บดาบเอาไว้ที่หลังของตนเอง ด้วยการอัพค่าพละกำลังตลอดตั้งแต่สร้างตัวรวมไปถึงการใช้ของเพิ่มพลังถาวรด้วยแล้วทำให้เมฆโจมตีได้หนักหน่วงรุนแรงมาก ยิ่งเลเวลสกิลเพิ่มเมฆก็ยิ่งโจมตีได้แรงและบางสกิลยังมีผลเพิ่มเติมอื่น ๆจากการอัพเลเวลขึ้นมาอีกต่างหาก ตอนนี้ขอแค่มีกวีกับเมฆระดมโจมตีหนัก ๆสักชุดก็ฆ่าทหารผีดิบลงได้แล้ว
“งั้นเราเริ่มย้ายที่กันเถอะ”กวีว่าพลางบอกให้เจเดินนำเข้าไปในถ้ำชั้น 3 ของถ้ำผีดิบ แต่เพราะกวีสั่งให้เข้าไปในถ้ำหลังจากเบสสั่งไม่เท่าไรทำให้เบสเหมือนจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่เรื่องนั้นกวีไม่สนใจหรอกเพราะตอนนี้ไม่เหมือนตอนเข้าปาร์ตี้ของท็อป ตอนนั้นกวีมีแค่เจคนเดียวส่วนคนอื่น ๆต่างเป็นคนที่ท็อปชวนมา ส่วนตอนนี้นอกจากกวีจะเป็นหัวหน้าเรดแล้วทั้งคนกว่าครึ่งก็ฟังที่กวีพูดมากกว่า แถมเจที่เป็นแทงค์ตัวเดียวยังยืนยันหนักแน่นอีกด้วยว่าจะทำตามที่กวีบอก ทำให้กวีมีภาษีในการสั่งการเรดนี้ได้มากกว่าเบสหลายเท่า
“ไม่ยากอย่างที่คิดนะครับ”เจพูดพลางใช้โล่ของตนเองกระแทกร่างของผีดิบเพื่อทำให้มันชะงักก่อนจะเหวี่ยงดาบโจมตีออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เมฆกับกวี เจกับคนอื่น ๆเองก็เลเวลเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน แถมดูเหมือนพรของคราวที่เป็นเทพองค์ที่ 5 นั้นยังเพิ่มพลังชีวิตให้เจมหาศาล ยิ่งเลเวลเพิ่มก็เหมือนพลังชีวิตของเจจะมากตามไปด้วย ตอนนี้ต่อให้ทหารผีดิบมากัน 2 หรือ 3 ตัวก็สามารถรับมือได้ไม่ยาก
“เจ้าพวกนี้ใส่เกราะเก่าเลยยังไม่แข็งมาก แถมยังโผล่มาแค่ทีละตัวสองตัวด้วย”กวีว่าพลางร่ายเวทโจมตีอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดพัก เช่นเดียวกับคนอื่น ๆที่พยายามโจมตีให้เร็วที่สุดเพื่อล้มทหารผีดิบเพราะดูเหมือนตอนนี้แนวหน้าอย่างเมฆกับเก๋จะเริ่มเข้าขากันแล้ว ส่วนฟลุคกับหลิวก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีทำให้การฆ่าทหารผีดิบรวดเร็วขึ้นมาก และถ้าสามารถฆ่าได้อย่างต่อเนื่องค่าประสบการณ์ที่จะได้รับก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
“งั้นก็เก็บให้ถึงเลเวลสี่สิบหลังจากนั้นจะลงไปที่ชั้นสี่”กวีพูดออกมาด้วยท่าทีพึงพอใจ ปาร์ตี้ในตอนนี้ทำงานได้ดีมาก แม้เบสจะขัดใจกวีแต่เขาก็เป็นจอมเวทมีฝีมือติดตัว แม้จะไม่เร็วมากแต่ก็ยิงเวทมนตร์ออกมาได้เรื่อย ๆ
“ชั้นสี่”แต่พอได้ยินสิ่งที่กวีพูด เบสก็หยุดชะงักการร่ายเวทไปเสียอย่างนั้น
“จะบ้าหรือไง พวกเราไม่ไปที่ชั้นสี่กันหรอกนะ”เบสตอบพลางมองกวีด้วยท่าทีเหมือนมองคนประหลาด ทุกคนที่นี่ต่างไม่มีใครคิดจะไปชั้น 4 หรอก
“คุณกวี พวกเราจะไปชั้นสี่กันจริง ๆเหรอคะ”ฟ่างถามด้วยท่าทีตกใจเช่นเดียวกัน ในปาร์ตี้ของเบสนั้นไม่มีใครรู้เป้าหมายของกวีเสียด้วย
“ใช่ พวกเราตั้งเป้าหมายว่าจะไปลุยกันที่ชั้นสี่”กวีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีจริงใจเหมือนจะบอกว่าสิ่งที่ตนพูดไม่ใช่เรื่องโกหกนะ
“บ้า…บ้าแน่ ๆ….ทหารผีดิบที่ชั้นสี่มันเป็นทหารผีดิบเดียวกันกับทหารผีดิบในชั้นสามนะ พวกมันใส่เกราะเต็มยศแถมยังมาพร้อมกันหลายตัว แต่เพราะเป็นตัวเดียวกับชั้นสามพวกมันก็เลยให้ค่าประสบการณ์และไอเทมเหมือนกัน ไม่มีใครบ้าจะไปตีมอนสเตอร์ที่เก่งกว่าแต่ดันได้ผลลัพธ์เหมือนกันหรอก”เบสส่ายหน้าพลางร่ายสาเหตุที่ไม่ยอมไปชั้น 4 ออกมาเป็นชุด ๆ
“แล้ว…ทำไมเกมจะต้องทำให้ไม่มีคนอยากเข้าไปด้วยล่ะครับ”กวีถามกลับด้วยท่าทีมีเลศนัย คนส่วนใหญ่ที่มายังถ้ำผีดิบนั้นต่างมาเพื่อเก็บเลเวล ไม่มีใครอยากลงไปชั้น 4 เพราะมันได้ไม่คุ้มเสียกันทั้งนั้น มันไม่แปลกไปหน่อยหรือที่สร้างมอนสเตอร์เหมือนกันที่ยากกว่ามาก ๆมาอยู่ในชั้นถัดไป
“มันเหมือนกับจงใจไม่ให้ใครเข้าไปงั้นล่ะ”กวีตอบเสียงเรียบก่อนจะเริ่มหันไปโจมตีทหารผีดิบต่อ แต่คำตอบที่ชวนให้คร้อยตามนั้นกลับทำให้เบสหยุดบ่นแล้วหันไปโจมตีต่อเสียอย่างนั้น