Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 1
ตุ้บ!
เสียงที่ได้ยินมีแต่เสียงโห่ร้องของผู้ชมก็จริง แต่ราวกับมีเสียงเอฟเฟ็กต์อย่างเดียวกันเพิ่มเข้ามาในภาพฉากนั้นด้วย ลูกเตะระยะไกลที่เตะจากบริเวณเส้นแบ่งแดน เหินเหนือศีรษะท่ามกลางผู้เล่นคนอื่นๆ ไปประหนึ่งลำแสง แล้วจู่ๆ ก็ลดระดับความสูงพร้อมเขย่าตาข่ายประตูแบบที่ทำให้การป้องกันอันรวดเร็วของผู้รักษาประตูต้องอับอาย
ภาพการยิงประตูอย่างคล่องแคล่วไม่ได้จบลงเพียงแค่ครั้งเดียวแต่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเหล่าผู้ชมก็โห่ร้องด้วยความยินดีทุกครั้งที่ชายหนุ่มผู้มีใจจดจ่ออย่างเต็มที่ และมีสีหน้าเรียบเฉยมากจนดูเหมือนกำลังโกรธคนนั้นเตะลูกเข้าประตู
จู่ๆ ใบหน้าของชายหนุ่มที่มีรูปตาเฉี่ยวคมก็ถูกจับจ้องในระยะใกล้ ภาพหน้าจอหยุดลง จากนั้นมุมกล้องก็ถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว ผู้ประกาศข่าวหนุ่มสาวสองคนซึ่งนั่งอยู่ตรงหน้าจอภาพ มองฉากนั้นครู่หนึ่งแล้วเริ่มสนทนากัน
‘ว้าว ช่างมีทักษะการยิงประตูที่ยอดเยี่ยมมากทุกครั้งเลยนะครับ แค่ดูเฉยๆ ยังเหมือนหัวใจโดนยิงดังตุ้บ! ไปด้วยเลย’
‘ใช่เลยค่ะ วันนี้เป็นการทำกิจกรรมที่ประเทศเกาหลีใต้เป็นวันแรกของนักกีฬาคิมมูคยอม ผู้เล่นคนสำคัญที่เราเพิ่งชมกันไปเมื่อครู่ค่ะ’
‘ตัวเขาเป็นประเด็นที่น่าสนใจที่สุดของบรรดาท่านที่ชื่นชอบฟุตบอลในช่วงนี้ใช่ไหมล่ะครับ กรณีที่นักกีฬาซึ่งสังกัดอยู่ในทีมต่างประเทศย้ายกลับมาเข้าทีมในประเทศนั้น โดยมากจะเป็นเพราะฝีมือตกหรือใกล้จะปลดเกษียณแล้ว แต่ตอนนี้ถือเป็นช่วงขาขึ้นของนักกีฬาคิมมูคยอมเลยนี่ครับ’
‘ใช่ค่ะ ต้องบอกว่า ยังไม่เคยมีนักกีฬาของเกาหลีใต้คนไหนที่ได้เป็นสมาชิกตัวหลักและได้ลงแข่งในสโมสรใหญ่ติดต่อกันหลายฤดูกาลมาก่อนหน้านักกีฬาคิมมูคยอมเลยค่ะ’
ทันทีที่ภาพบนหน้าจอเปลี่ยนไป ก็ปรากฏเป็นภาพมูคยอมเดินทางเข้าประเทศท่ามกลางบรรยากาศจ้อกแจ้กจอแจ
แม้ว่ารอบด้านจะรายล้อมด้วยบรรดานักข่าว ทว่าด้วยรูปร่างสูงใหญ่ เขาจึงก้าวฉับๆ ราวกับไม่มีอะไรกีดขวางสายตาของเขาเลยแม้แต่น้อย และทุกครั้งที่ก้าวออกไปด้านหน้า ผู้คนที่ยืนออกันก็จะรู้ตัวแล้วพากันหลบออกไปทางซ้ายและขวา เขาจึงดูคล้ายกับม้าแข่งหรือไม่ก็รถถังที่กำลังพุ่งตรงไปข้างหน้า
แม้ว่าพวกนักข่าวระดมยิงคำถามระคายหู แต่เขาที่สวมแว่นกันแดดอยู่ก็ไม่ยอมปริปาก ทำเพียงเดินต่อไปเงียบๆ แล้วพวกผู้ประกาศข่าวก็สนทนากันต่ออีกครั้ง
‘จะเรียกว่ากลับมาก็ไม่ค่อยถูกต้องนัก เพราะเป็นการเช่าตัวมาหนึ่งปีน่ะสิครับ หมายความว่าเป็นการให้ยืมตัวนักกีฬามาชั่วคราว ได้ยินว่าพอใกล้ต่อสัญญา นักกีฬาคิมมูคยอมขอร้องอย่างมุ่งมั่นแล้วตกลงว่าจะคืนรายได้ตลอดหนึ่งปีให้กับกรีนฟอร์ดซึ่งเป็นทีมต้นสังกัดในปัจจุบัน เพราะทีมซิตี้โซลรับผิดชอบค่าตัวของนักกีฬาคิมมูคยอมไม่ไหว และเพราะเป็นการยืมตัวที่ทีมต้นสังกัดเองก็ไม่ได้ต้องการแต่แรก จึงต้องเจรจาประนีประนอมกันครับ’
‘เท่าที่ทราบคือเฉพาะรายได้ประจำปีที่ได้รับจากทีมต้นสังกัดในปัจจุบันอย่างเดียวก็หลายหมื่นล้านแล้วนะคะ ทำไมต้องทำถึงขนาดนั้นล่ะคะ’
‘ผมเดาว่าคงเป็นเพราะผู้จัดการพัคจุนซองผู้รับหน้าที่ดูแลทีมซิตี้โซลในครั้งนี้ครับ เรื่องที่ผู้จัดการพัคจุนซองเป็นคนค้นพบนักกีฬาคิมมูคยอมตอนเรียนชั้นประถมแล้วปั้นเขาให้เป็นนักกีฬาก็เป็นเรื่องราวที่โด่งดังมากนี่ครับ’
‘แต่ถึงยังไง นักกีฬาที่มีฝีมือโดดเด่นอยู่ในสโมสรใหญ่ถึงขั้นเจรจาหารือกับทีมในสังกัดยืนกรานจะมาทำกิจกรรมในประเทศก็เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย นับว่าเป็นกรณีที่หาได้ยากระดับโลกเลยนะคะเนี่ย’
‘ใช่ครับ เมื่อนานมาแล้ว มีผู้เล่นที่ชื่อไมเคิล เลาดรู้ป[1]แห่งประเทศเดนมาร์กเคยส่งคืนรายรับตลอดปีแล้วกลับไปเล่นลีกในประเทศของตัวเองเพราะโรคคิดถึงบ้านเหมือนกัน แต่ก็ต่างกับกรณีนี้นะครับ เพราะอย่างนั้นความเห็นที่ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยของแฟนๆ เกี่ยวกับการยืมตัวในครั้งนี้จึงดุเดือดมาก ได้ยินว่าถึงกับร้องขอไปทางประธานาธิบดีให้ช่วยขัดขวางการกลับประเทศของนักกีฬาคิมมูคยอมเลยล่ะครับ’
ผู้ประกาศข่าวคนหนึ่งหัวเราะออกมาราวกับรู้สึกสนุกสนานเป็นอย่างมาก
‘ต้องเป็นนักกีฬาคิมมูคยอมนี่แหละถึงจะเป็นเครื่องจักรผลิตเรื่องราวที่ไม่เคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ได้’
ตอนนั้นภาพหน้าจอเปลี่ยนเป็นฉากงานแถลงข่าว ตรงมุมจอมีคำบรรยายแจ้งว่าเป็นภาพงานเวิลด์คัพเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
‘นักกีฬาคิมมูคยอม คุณคิดว่าอะไรเป็นสาเหตุให้พ่ายแพ้ในนัดที่แข่งกับทีมชาติอุรุกวัยเหรอครับ’
นักข่าวคนหนึ่งถามขึ้น กล้องจับภาพมูคยอมระยะใกล้ เขากำลังเฝ้ามองผู้ถาม โครงหน้าใหญ่หล่อเหลานั้นเย็นชาราวกับไร้ความรู้สึก และริมฝีปากที่เคลื่อนเข้าไปใกล้ตัวไมโครโฟนก็เปล่งเสียงทุ้มต่ำออกมาอย่างราบเรียบ
‘ผมไม่ทราบว่าทำไมถึงได้ถามหาสาเหตุที่แพ้กับผม’
เขาเว้นจังหวะหนึ่งครั้งแล้วพูดต่อ
‘ฝากบอกทีว่าถ้าไม่พอใจก็กรุณาอย่าเรียกผมมาที่สมาคมเลยครับ เพราะผมเองก็เจียดเวลางานที่ยุ่งๆ มาเหมือนกัน’
หน้าจอข้อมูลสิ้นสุดลงตรงนั้นและผู้ประกาศทั้งสองก็มองฉากนั้นอีกครั้ง
‘ครับ นักกีฬาคิมมูคยอมเป็นที่จับตามองหลายประเด็นทีเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นระยะเวลาเพียงหนึ่งฤดูกาล แต่แฟนๆ ที่เฝ้าติดตามเคลีก[2]น่าจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่าครั้งไหนๆ เลยละครับ’
‘ไปที่ข่าวต่อไปกันค่ะ’
ภาพหน้าจอเปลี่ยนไปพร้อมกับหัวข้อข่าวอื่นๆ อิมจองคยูผู้เป็นทั้งกัปตันทีมและผู้รักษาประตูยกรีโมทขึ้นเปลี่ยนช่อง แล้วจึงตบไหล่ของมูคยอมที่นั่งข้างๆ อย่างเบามือพลางหัวเราะคิกคัก ส่วนมูคยอมไม่ได้สนใจดูทีวีเลย
เวลานี้ คิมมูคยอมอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของหัวข้อสนทนาถึงขนาดว่ารายการข่าวทั่วไปที่ไม่ใช่รายการเฉพาะด้านกีฬายังรายงานข่าวที่เขากลับมาบ้านเกิดเสียใหญ่โต แต่สำหรับเจ้าตัวแล้ว ก็เป็นเพียงเรื่องน่ารำคาญเท่านั้น
“พวกเขายังออกอากาศฉากงานแถลงข่าวนั่นของนายอยู่เลย”
“บอกให้ใช้หากินไปอีกสักร้อยปี พันปีไปเลย”
มูคยอมตอบอย่างไม่ใส่ใจแล้วดึงถุงเท้าขึ้น เขาเตรียมพร้อมจะไปฝึกซ้อมเรียบร้อยแล้ว เขาลุกขึ้นยืนแล้วประสานมือก่อนเหยียดแขนออกไปด้านหน้า ยืดกล้ามเนื้อเบาๆ พร้อมกับค่อยๆ หันมองรอบด้าน
บรรยากาศในห้องล็อกเกอร์คงต้องเป็นประมาณนี้ ทั้งเงียบเชียบและมีเสียงอึกทึกครึกโครมตรงไหนสักแห่ง นอกจากจองคยูแล้ว คนที่พูดคุยกันเสียงดังมีอยู่ไม่กี่คน นักกีฬาส่วนใหญ่ไม่อาจพูดคุยกันได้เหมือนยามปกติและเหลือบมองมูคยอม
มูคยอมเริ่มต้นด้วยการเข้าร่วมทีมอีเอฟแอลแชมเปียนชิป[3]ตอนอายุ 19 ปี และได้ครองตำแหน่งผู้เล่นหลักของสโมสรยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก[4]ภายในเวลา 2 ปี เขานำทีมสู่ชัยชนะหลายต่อหลายปี พร้อมกับได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกบอลทองคำ[5]เป็นครั้งคราว เป็นคนที่ไม่เคยปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลเกาหลีใต้ ไม่สิ เรียกว่าวงการฟุตบอลทั่วทั้งเอเชียก็ว่าได้
แม้จะเป็นนักกีฬาเหมือนกัน แต่หากไม่ได้ผูกพันกันสมัยเป็นนักเรียนเหมือนอย่างจองคยู หรือไม่ได้เป็นนักกีฬาที่เคยลงเล่นด้วยกันในทีมชาติ คนที่เพิ่งเคยเห็นเขาเป็นครั้งแรกก็มีมากโข เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องเตรียมใจไว้ถึงขนาดว่าสภาพของตน ณ ที่แห่งนี้อาจจะถูกมองเป็นมนุษย์ต่างดาวไปสักระยะหนึ่ง ถ้าใช้เวลานานสักหน่อยก็น่าจะราวๆ หนึ่งถึงสองสัปดาห์
“ฉันออกไปก่อนนะ”
มูคยอมทิ้งจองคยูที่กำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าไว้ข้างหลัง แล้วออกมาที่สนามฝึกก่อนสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ เขาสบายใจกับการอยู่คนเดียวมากกว่าอยู่กับคนในทีม
น่าอึดอัดใจสิ้นดี ทั้งผู้คนเอย ทั้งสนามฟุตบอลเอย รวมถึงการได้เล่นฟุตบอลใต้ผืนฟ้าของกรุงโซลอีกครั้งด้วย เพราะหลังจากย้ายไปประเทศอังกฤษตอนอายุสิบเก้าปี หากไม่นับตอนถูกเรียกตัวมาเป็นนักกีฬาทีมชาติ เขาก็ไม่มีเหตุให้ต้องเตะบอลที่ประเทศเกาหลีใต้เลย
ใครๆ ต่างถามว่าทำไมเขาจึงกลับมาประเทศเกาหลีใต้ มูคยอมเองก็พอจะเข้าใจความห่วงใยและความสงสัยของคนเหล่านั้น เพราะนั่นเป็นการตัดสินใจที่ขนาดทำให้ตัวเขาเองยังคิดเลยว่าตนคงเสียสติไปแล้วหรือเปล่า ร่างกายของนักกีฬาเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน และหากช่วงขาขึ้นอย่างตอนนี้มีระยะเวลาหนึ่งปี พูดตามตรงว่าการหลงอยู่ในลีกพื้นที่ไกลโพ้นจึงเป็นช่วงเวลาที่น่าเสียดาย ด้วยกีฬาฟุตบอลไม่ใช่การแข่งขันรายบุคคล ยิ่งได้เล่นในทีมที่มีทักษะการแข่งขันยอดเยี่ยมมากเพียงใด ความสามารถก็จะค่อยๆ เฉียบคมมากยิ่งขึ้นเท่านั้น และในทางกลับกัน ไม่ว่าจะพยายามอยู่เพียงคนเดียวสักเท่าไร ทักษะการเล่นก็มีโอกาสตกต่ำลงได้เช่นกัน
เสียเวลาเปล่า เป็นคำที่เขาได้ยินบ่อยที่สุดหลังจากตัดสินใจไปแล้ว คนอื่นๆ ต่างบอกว่าไม่เข้าใจการเลือกของมูคยอม ต่อหน้ากังวล ลับหลังนินทา
“จะเข้าไปซ้อมเลยไหม”
ขณะเงยหน้ามองฟ้าพลางสงบจิตใจอันว้าวุ่นเล็กน้อย เขาได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจากทางด้านข้างจึงหันกลับไป ชายร่างเล็กวัยกลางคนที่ดูอัธยาศัยดีและสวมชุดกีฬาปักตราสัญลักษณ์ของทีมกำลังยิ้มแย้ม มูคยอมจึงตอบพลางยิ้มไปด้วย
“อีกแค่สองวันก็เป็นวันหยุดแล้ว ค่อยพักตอนนั้นก็ได้นี่ครับ”
เขาคือพัคจุนซองซึ่งเป็นผู้จัดการทีม ในฐานะนักกีฬา มูคยอมเสียดายที่ปล่อยให้ช่วงเวลาหนึ่งปีอันรุ่งโรจน์หลุดลอยไป แต่ในฐานะลูกศิษย์ เขาไม่เสียดายเลยที่ได้มอบเวลาประมาณหนึ่งปีนี้ให้ชายผู้ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมฟุตบอลลีกอาชีพเป็นครั้งแรก หลังจากที่คิดไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว มูคยอมก็แค่อยากมอบของขวัญที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้กับอาจารย์ที่ยอมขึ้นมาเป็นผู้จัดการทีม
ที่ตีความกันไปว่าเพราะได้ผู้จัดการพัคจุนซองช่วยเหลือ เกาหลีใต้จึงพาตัวคิมมูคยอมมาได้นั้น ความจริงคือศิษย์เก่าที่ได้กลายเป็นดาวเด่นวิ่งมาเพื่ออาจารย์ผู้เริ่มต้นเส้นทางอาชีพสายใหม่ นั่นถือเป็นช่อดอกไม้แสดงความยินดีอันล้ำค่าที่สุดในตัวของมันเองที่อดีตลูกศิษย์ได้มอบแด่อนาคตของเขาผู้เริ่มประกอบอาชีพเป็นผู้จัดการทีม และนับเป็นเกียรติที่ไม่ว่าผู้จัดการคนใดในโลกก็หาได้ยากยิ่ง เมื่อหวนนึกถึงจุดประสงค์นี้ขึ้นมาอีกครั้ง ความรู้สึกว้าวุ่นก็พลอยบรรเทาลงในทันใด
“ต้องรีบเริ่ม ถึงจะปรับตัวได้ไว”
“อืม”
จุนซองตบแขนของมูคยอมเบาๆ
“ขอบใจ แล้วก็ขอโทษด้วย ทั้งที่นายไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้เลยแท้ๆ”
“ลุงก็ห้ามไม่ให้ผมมาแล้วนี่นา แต่ผมดึงดันอยากจะมาเอง”
มูคยอมเดินเคียงข้างผู้จัดการทีมแล้วเข้าไปยืนท่ามกลางนักกีฬาคนอื่นๆ พอโค้ชเป่านกหวีด พวกนักกีฬาที่ยืนกระจายตัวหยอกล้อกันก็รีบมายืนรวมกันแล้วเริ่มต้นฝึกซ้อมทันที
แม้จะตัดสินใจด้วยตัวเองแต่ก็เป็นการตัดสินใจที่พิลึกพิลั่นไม่น้อย เป็นการตัดสินใจที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์อย่างที่ผู้ประกาศข่าวในทีวีพูดเมื่อครู่ ไม่ใช่ว่าตัวเขาไม่กังวล แต่ก็ได้ตัดสินใจลงไปแล้ว เวลานี้มูคยอมกำลังพยายามคิดในแง่ดีให้ได้มากที่สุด
โค้ชเป่านกหวีดแล้ว ผู้จัดการทีม และมูคยอมที่เดินข้างกันออกวิ่งไปทางเหล่านักกีฬาที่เริ่มมายืนรวมตัวกัน เมื่อนักกีฬาที่กระจัดกระจายพลางหยอกล้อกันอยู่มารวมตัวกันอย่างวุ่นวาย แล้วการฝึกก็เริ่มต้นขึ้น
***
หลังการฝึกซ้อมช่วงเช้าที่เน้นฝึกสมรรถภาพร่างกายเสร็จสิ้น เหล่านักกีฬาก็มารวมตัวกันที่โรงอาหารในสนามฝึก มูคยอมที่นั่งกินอาหารร่วมโต๊ะกับจองคยูและนักกีฬาที่คุ้นหน้าอีกสองคนวางถาดอาหารลงแล้วก็ใช้เพียงสายตาพิจารณาไปรอบๆ ก็พบว่าบรรยากาศบางอย่างในห้องล็อกเกอร์ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและโจ่งแจ้ง
คงจะไม่ได้นั่งกินข้าวอย่างสบายใจไปอีกสักพักเลยสินะ มูคยอมลอบถอนหายใจอยู่ภายในใจ และแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่คอยเหลือบมองมา จองคยูกวักมือเรียกนักกีฬาสองสามคนที่กำลังเดินผ่านไป
“อูจิน ซองมิน! มาทางนี้ มากินด้วยกัน”
“อะ ครับผม!”
นักกีฬาวัยละอ่อนที่ดูเหมือนเพิ่งจะมีอายุใกล้เลข 20 ทั้งสะดุ้งตกใจและทั้งไม่ได้บอกปัด จึงถือถาดอาหารเดินจ้ำเข้ามา พวกเขาไม่กล้านั่งข้างมูคยอมจึงนั่งลงข้างจองคยูเรียงต่อกัน แล้วต่างก็สบตายิ้มกว้างให้กัน ขณะที่มูคยอมยกยิ้มเล็กๆ จองคยูก็เอ่ยเตือน
“พวกนายน่ะ ถ้าอยากรู้จักมูคยอมก็ต้องแกล้งทำตัวสนิทสนมสิ มัวแต่มองดูอยู่ไกลๆ แบบนั้นแล้วคิดว่าหมอนี่จะเริ่มทำหน้าที่เป็นรุ่นพี่ที่ดีก่อนหรือไง เจ้าเด็กคนนี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างนั้นไม่ได้หรอก”
“กล้าพูดออกมาซึ่งๆ หน้าเชียวนะ”
คำพูดแนะนำตัวที่ไม่ค่อยถูกใจเท่าใดนักทำให้หัวคิ้วของมูคยอมขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ก่อนหันไปผงกศีรษะให้เบาๆ นักกีฬาสองคนรีบน้อมศีรษะทักทายกลับ อีกคนหนึ่งรีบคุยกับมูคยอม
“พี่ จะอยู่กับทีมเราหนึ่งปีจริงๆ เหรอครับ”
“ไม่อยากจะเชื่อเลย…”
………………………………………………..
[1] Michael Laudrup
[2] KLeague ลีกฟุตบอลอาชีพของประเทศเกาหลีใต้
[3] EFL Championship อีเอฟแอลแชมเปียนชิปหรือแชมเปียนชิป คือลีกฟุตบอลระดับ 2 ของอังกฤษ รองจากพรีเมียร์ลีก
[4] Premier League พรีเมียร์ลีกหรือพรีเมียร์ลีกอังกฤษ คือการแข่งขันฟุตบอลในระดับลีกสูงสุดของประเทศอังกฤษ
[5] Ballon d’Or ลูกบอลทองคำหรือบาลงดอร์ เป็นรางวัลที่มอบให้แก่นักฟุตบอลในสโมสรฟุตบอลสังกัดยูฟ่าที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุดในรอบปี