Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 13
“ฮึก อะ… อา อ๊ะ!”
มูคยอมเด้งเอว ในขณะเดียวกันก็ยกมือขึ้นจับแก่นกายที่สั่นระริกอยู่เบื้องหน้า เมื่อเขาขยับมือชักขึ้น ความเร่าร้อนในน้ำเสียงของอีกคนก็เปลี่ยนไป มูคยอมนึกสนุกขึ้นมาอีกครั้งจึงทอดสายตาลงมองใบหน้าของฮาจุนพลางขยับกายรัวเร็ว
ดวงตาฉ่ำน้ำ ใบหน้าขาวผ่องของอีกฝ่ายขึ้นสีแดงเรื่อ ฮาจุนขมวดคิ้ว ส่ายหน้าพลางร้องครวญคราง พอนึกถึงใบหน้ายามปกติของอีกฝ่ายแล้ว ก็นับว่าเป็นสีหน้าที่พ่ายแพ้จนจินตนาการไม่ออกเลยทีเดียว ใบหน้าที่ยุ่งเหยิงอยู่ตรงหน้าเขา ความรู้สึกพึงพอใจที่หอมหวานดั่งน้ำผึ้งก็แผ่ซ่านจากส่วนลึกของหัวใจ
แก่นกายที่ตั้งชันขึ้นมาอีกครั้งในมือของมูคยอมกระตุกราวกับจะปลดปล่อยในอีกไม่ช้า ฮาจุนส่ายศีรษะแรงขึ้นและพยายามจะปัดมือของมูคยอมออกไป
“อื้ออ อือ ฮื่ออ อึก”
“ถ้าอยากปล่อยก็ปล่อยเลย”
“มือ ฮื่อ เอามือออกไป”
“ปล่อยในมือฉันเลย เพราะฉันก็จะปล่อยในตัวนายเหมือนกัน”
แน่นอนว่าเขาจะทำแบบนั้นได้เพราะสวมถุงยางแล้ว
“อ่า อ๊า!”
ทันทีที่พูดจบมูคยอมก็รู้สึกว่าแก่นกายของฮาจุนปะทุด้วยอารมณ์ที่รุนแรง ไม่นานของเหลวที่อุ่นร้อนก็เริ่มไหลย้อยลงบนมือของเขา ฝ่ามือของมูคยอมชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำรักของฮาจุน สมัยแตกหนุ่มเรียนชั้นมัธยมเขาก็ไม่เคยช่วยตัวเองให้ใคร แต่ไม่นึกเลยว่าจะได้มาทำอะไรแบบนี้ในวัยนี้
มูคยอมเคยคิดว่าแค่อสุจิของผู้ชายคนอื่นกระเด็นเล็กๆ น้อยๆ ก็สกปรกแล้ว แต่มันกลับโอเคกว่าที่คิดเสียอีก เขาเช็ดถูน้ำรักที่เปรอะเปื้อนมือลงบนหน้าท้องของฮาจุนอย่างลวกๆ
“นายปลดปล่อยแล้ว ทีนี้ก็ตาฉันแล้วนะ ยุติธรรมไหม”
“ฮื่อ อือ อื้อ อ๊ะ! อะอ๊า!”
เอวที่ขยับเนิบนาบลงระหว่างที่เขาใช้มือสัมผัสตัวตนของอีกฝ่ายกลับมากระแทกกระทั้นอีกครั้ง ร่างกายของฮาจุนไม่สามารถเอาชนะพลังที่โหมกระหน่ำมาจากเบื้องล่างได้ จึงสั่นสะท้านและยุ่งเหยิงไปหมด หลังจากปลดปล่อยมูคยอมก็รู้สึกได้ว่าภายในร่างกายของอีกฝ่ายกำลังตอดรัดเขายิ่งกว่าเมื่อครู่นี้เสียอีก ข้างในกำลังกลืนกินตัวตนเขาอย่างเต็มแรง ทุกครั้งที่มูคยอมกระแทกกระทั้น ร่างกายของฮาจุนก็ขยับเขยื้อนตามแรง และเมื่อเขาสอดใส่อย่างตื้นเขิน ความรู้สึกกระหายก็ก่อตัวขึ้นมาเล็กน้อย
มูคยอมกัดริมฝีปากเบาๆ แล้วโน้มตัวไปโอบกอดไหล่ของฮาจุนเอาไว้ เสียงเสียดสีดังขึ้น เมื่อเขาพาร่างกายที่สั่นสะท้านวางลงบนโซฟาหนัง เพราะมูคยอมโน้มกายลง ท่อนขาที่พาดอยู่บนไหล่จึงยิ่งถูกดันให้ลอยสูงขึ้น เมื่อแก่นกายเสือกไสเข้ามาในร่างกายพร้อมกับน้ำหนักและการสอดใส่ที่ลึกขึ้น ฮาจุนก็ดิ้นไปมาจนแทบจะกรีดร้องออกมา
“อ๊ากก! ฮ่ะ อึก ฮื่อ อ๊า!”
ถึงแม้ว่าร่างในอ้อมแขนเขาจะสะบัดไปมาราวกับพยายามจะหนีให้หลุดพ้น แต่มูคยอมก็ไม่ยอมผ่อนแรงแขน แต่กลับกอดฮาจุนให้แน่นขึ้นกว่าเก่า กล้ามเนื้อหลังสั่นไหวในขณะที่ไหล่แกร่งก็ขยายใหญ่ เส้นเอ็นบนท่อนแขนล่ำชัดขึ้นยิ่งกว่าเดิม
เขาชอบสัมผัสที่นุ่มนวลและยืดหยุ่นที่ปลายนิ้วสัมผัส เยื่อชั้นในที่เคยปิดสนิทถูกบดขยี้ทีละน้อยๆ และปริออก เขารู้สึกได้ว่ารอยปริเหนอะหนะที่เพิ่งเกิดขึ้นกำลังโอบรัดและขมิบตอดส่วนปลายแก่นกายราวกับจะดูดกลืนเข้าไป
“นี่ อีฮาจุน ฮ่ะ รู้สึกดีจริงๆ…”
เขาไม่ได้พูดส่งเดชไปอย่างนั้น แต่พูดด้วยความจริงใจ หลังจากที่มูคยอมเอ่ยคำว่ารู้สึกดีออกไป เขาก็รู้สึกได้ว่าภายในกายของฮาจุนขมิบตอดรุนแรงขึ้น มูคยอมอยากสนุกกับผนังด้านในที่กระเพื่อมเคลื่อนไหวจึงกระแทกกระทั้นเข้าไปลึกๆ และเมื่อเขาควงเอว แทนที่จะกรีดร้อง ฮาจุนกลับเอาแต่ครางเสียงต่ำพลางออกแรงจับท่อนแขนของมูคยอมเอาไว้
แก้มของฮาจุนขึ้นสีแดงเรื่อ ขณะที่หน้าผากขาวเต็มไปด้วยเหงื่อ คิ้วที่ปกติเคยเป็นทรงสวยหายไปอย่างไร้ร่องรอย และแทนที่ด้วยคิ้วที่บิดเบี้ยวผิดรูป จุดโฟกัสของดวงตาใต้คิ้วคู่นั้นเลือนรางราวกับไร้วิญญาณ มูคยอมมองเห็นฟันขาวและลิ้นแดงผ่านริมฝีปากที่เผยอออก
มูคยอมจ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายพลางถอนเอวถอยหลัง เมื่อรู้ว่ามูคยอมจะขยับอีกครั้ง มือของฮาจุนก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น
“แฮ่ก ฮ่ะ คิ คิมมูคยอม”
“หืม”
จู่ๆ ฮาจุนที่ขยับเพียงแค่ไหล่ราวกับเหนื่อยล้าจากการดิ้นไปมาก็เรียกชื่อมูคยอม เจ้าของชื่อที่กำลังจะเสือกไสกายเข้าไปข้างในจึงก้มลงมองและตอบรับ ก่อนที่มือของฮาจุนที่จับอยู่ที่ท่อนแขนจะเคลื่อนขึ้นมาจับที่ไหล่เขาอย่างรวดเร็ว
“จูบ… จูบหน่อย”
ยากตรงไหนกัน
“ฮื่อออ…”
มูคยอมประกบริมฝีปากลงไปตามที่อีกฝ่ายต้องการ ในขณะเดียวกันก็ดันสะโพกเข้าไปลึกๆ เสียงครางที่เบาลงถูกถ่ายทอดมาพร้อมกับปลายคางและริมฝีปากที่สั่นระริก
ฮาจุนสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของมูคยอมและดูดดุนอย่างอ้อยอิ่งไม่เหมือนตอนแรกที่บดขยี้แต่ริมฝีปาก มูคยอมไล่เลียก้อนเนื้ออ่อนนุ่มอย่างช้าๆ แล้วสอดลึกเข้าไปจนถึงช่องคออย่างที่ฮาจุนชอบ ภายในปากที่เพิ่งผ่านจุดสุดยอดมานั้นช่างอุ่นร้อนและหอมหวานราวกับจะหลอมละลาย
“อืม อือ ฮึก อึก”
ทุกครั้งที่เขาใช้ปลายลิ้นสัมผัสที่เพดานปาก ส่วนล่างก็จะกระตุกและรัดแน่นไปด้วย มูคยอมสนุกที่ด้านล่างบีบรัดเมื่อถูกแตะต้อง ด้านบนจึงกวาดลิ้นสำรวจโพรงปากไปทั่ว ทุกๆ ครั้งที่ทำแบบนั้นฮาจุนก็จะหลุดเสียงครางที่กลั้นไว้ออกมา
เมื่อการหยอกล้อเช่นนั้นทำให้ใกล้ถึงจุดสุดยอด รอยยิ้มที่ค้างอยู่บนริมฝีปากของมูคยอมก็หายไป มูคยอมค่อยๆ ขยับเอวเร็วขึ้น แรงกระแทกกระทั้นของมูคยอมที่ยกสะโพกของฮาจุนขึ้น ทำให้เกิดเสียงของผิวหนังกระทบดังผลั่กๆ ตัวของฮาจุนขยับขึ้นลงตามแรงกระแทกที่ได้รับ มูคยอมที่กำลังกระแทกกระทั้นกายเองก็หอบหายใจหนัก และไม่นานก็ถึงฝั่งฝัน “ฮึก อา ฮื่อ อึก อ๊า!”
ชั่วพริบตาฮาจุนที่ดิ้นรนกระสับกระส่ายก็ครางออกมาเสียงแหลม ลิ้นของมูคยอมที่เคยแทรกสอดอยู่ในโพรงปากนั้นถอนออกไปก่อนจะกัดริมฝีปากล่างของอีกคน ต่างจากก่อนหน้านี้ที่งับเบาๆ ด้วยแรงที่เหมือนกับจะขบกัดนั้นทำให้ร่างกายของฮาจุนเกร็ง
แต่ไม่นานคางของมูคยอมที่เคยเกร็งก็คลายลง ภายในของริมฝีปากบางมีรอยฟันชัดเจนราวกับว่าใช้ยา จากนั้นมูคยอมก็หายใจยาวๆ ฝังใบหน้าพลางถูไถปลายจมูกลงที่ชายไหปลาร้าของฮาจุน
“เฮ้อ…”
แก่นกายปลดปล่อยน้ำรักออกมาเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะเป็นเพราะเซ็กซ์หรือเป็นเพราะอารมณ์ เขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอันหอมหวานเบาๆ กลิ่นกายของผู้ชายก็มีแบบนี้ด้วยเหรอ ในจุดนี้แม้จะเป็นตอนสุดท้ายก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว มูคยอมฝังจมูกลงบนท้ายทอยและสูดลมหายใจอยู่พักใหญ่
น่าประหลาดใจ ที่เขาปลดปล่อยในกายของอีฮาจุนจนสุด ตอนแรกเขาก็สงสัยว่ามันจะเป็นเซ็กซ์ที่เขาจะได้สำเร็จความใคร่ไหม แต่นี่มันเหนือความคาดหมายจริงๆ ทั้งสองหายใจหอบ ร่างกายร้อนรุ่มหันหน้าเข้าหากัน เสียงที่ดังอยู่ในห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงหายใจที่เหมือนสัตว์ร้ายกำลังคร่ำครวญและยุ่งเหยิงเหมือนเสียงกระเพื่อมหลังจากขว้างก้อนหินลงไปในน้ำ
มูคยอมสูดลมหายใจและลุกขึ้นก่อน เขาหันหลังอย่างช้าๆ ในขณะที่มือก็จับปลายถุงยางเอาไว้ ถึงแม้ว่าแก่นกายมันวาวที่ฝังอยู่ภายในกายของฮาจุนจะปลดปล่อยออกมาแล้ว แต่มันก็ยังคงตั้งชัน เขาถอนกายออกมาจากบั้นท้ายขาวเนียนและกลมกลึงอย่างลื่นไหล
ถึงแม้ว่าจะถอนส่วนปลายออกมาหมดแล้ว แต่ท่อนขาของฮาจุนก็ยังคงอ้าออก มูคยอมทอดสายตาลงมองช่องระหว่างแก้มก้นอย่างนิ่งๆ ช่องทางสีแดงที่เผยออ้าปิดไม่มิดหลังจากถอดถอนสิ่งที่ยิ่งใหญ่ออกมาวางอยู่ตรงหน้า ไม่รู้ทำไมความปรารถนาที่จะตอกย้ำเข้าไปอีกครั้งจึงปะทุขึ้น
“จบแล้วใช่ไหม…”
แต่หลังจากเปิดเผยร่างกายท่อนล่างที่ไม่เรียบร้อยให้เห็น เขาก็มองฮาจุนที่นอนแผ่อยู่บนโซฟาโดยมีเสื้อยืดติดกายเพียงชิ้นเดียว อีกฝ่ายถามขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรง มูคยอมจึงเก็บพับความอยากที่ก่อตัวขึ้นเอาไว้ เสียงที่ถามว่าจบแล้วใช่ไหมก็ไร้เรี่ยวแรงเต็มทีแล้ว จะว่าไปเดิมทีก็คิดจะแยกย้ายกันกลับบ้านหลังจากตัวต่อตัวท่ามกลางสายฝนแล้วเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหนื่อยมากแท้ๆ แต่เซ็กส์เมื่อครู่นี้ก็ดูจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฮาจุนเลย
“ทำไม อยากทำต่อเหรอ”
ฮาจุนส่ายหัวอย่างตกใจ มูคยอมยกยิ้กพร้อมกับพยักหน้า สำหรับตัวเขาเองสำหรับวันนี้แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่อยากมานั่งฟังคำพูดที่จะตามมาทีหลังถ้ารังแกอีกฝ่ายมากไป
“ร่างกายนายไม่เป็นไรใช่ไหม”
เมื่อมูคยอมถามขึ้นพลางขยี้เส้นผมที่ชื้นเหงื่อของอีกคนด้วยนิ้วมือ ฮาจุนสบตากับมูคยอม และพยักหน้า มูคยอมตบแก้มของฮาจุนเบาๆ หลังจากนั้นจึงลุกขึ้นจากโซฟา “ฉันจะไปอาบน้ำ นายใช้ห้องน้ำห้องอื่นได้นะ อาบน้ำตามสบาย เห็นประตูทางขวานั่นใช่ไหม นั่นห้องน้ำ นายใช้ได้เลย”
“อืม”
ฮาจุนโซเซหยัดกายขึ้นจากโซฟา แต่ถึงกระนั้นฮาจุนก็ไม่ได้ลุกขึ้นในทันที เขาเอนพิงพนักโซฟาและสูดลมหายใจ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อของฮาจุนอ่อนแรงและซีดเผือดจนดูเหมือนคนที่ได้รับการรักษาอย่างหนักที่โรงพยาบาลมากกว่าคนที่มีเซ็กซ์
มูคยอมมองดูถึงตอนที่อีกฝ่ายหยัดกายขึ้นเท่านั้นแล้วก็เข้าไปในห้องน้ำ คงเป็นเพราะความกระสันที่พลุ่งพล่านขึ้นมาก่อนหน้านี้ เขารู้สึกได้ถึงความเร่าร้อนที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายหลังจากปลดปล่อย แต่มันก็ค่อยๆ บรรเทาลงด้วยน้ำที่รินรดลงบนศีรษะขณะชำระร่างกาย มูคยอมมองลงไปที่แก่นกายของตัวเองที่ยังไม่สงบก่อนจะยิ้มอย่างขมขื่น นี่เขามีเซ็กส์กับโค้ชทีมเดียวกันที่เป็นผู้ชายหรือนี่ แต่คิดๆ ดูแล้วก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร
ฮาจุนออกมาจากห้องน้ำช้ากว่ามูคยอมเหมือนที่สนามซ้อม สุดท้ายเขาก็ทำลงไปทั้งหมดแล้ว ฮาจุนเดินออกมาอย่างสบายๆ แล้วสวมใส่เสื้อผ้า ตอนนี้ก็ค่ำแล้ว
ตอนทำก็ถูกครอบงำด้วยความปรารถนาและความเร่าร้อน แต่เมื่อมันจบลงเขาก็รู้สึกลำบากใจ มันไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างที่ออกเดต และไม่ได้มีแผนพัฒนาความสัมพันธ์หลังจากนี้ไว้ด้วย เพราะฉะนั้นก็จะตะขิดตะขวงใจถ้าจะให้ไปชวนทานข้าวด้วยกันหรือดื่มด้วยกันอีก
‘น่าจะไปโรงแรม ทำไมไม่คิดหน้าคิดหลังแล้วพามาบ้านกันนะ’
มูคยอมนึกเสียใจภายหลัง โดยปกติแล้วมูคยอมจะเลือกโรงแรมหรือไปบ้านของอีกฝ่าย เลือกที่จะมีความสัมพันธ์ในที่พักด้านนอกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะถ้าทำแบบนั้นมันจะเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่จะเป็นฝ่ายออกมาก่อนโดยไม่เสียมารยาท มูคยอมไม่ให้คู่นอนอยู่ค้างคืนที่บ้าน แต่เมื่อเขาพาอีกฝ่ายมาที่บ้านโดยไม่ไตร่ตรองด้วยตัวเอง จะบอกให้อีกฝ่ายออกไปมันก็ยังไงอยู่
“ฉันคงต้องไปแล้วละ แม่รออยู่น่ะ”
ขณะที่มูคยอมกำลังครุ่นคิดว่าจะบอกให้อีกฝ่ายกลับไปอย่างไรดี ฮาจุนก็เอ่ยปากขึ้นมาก่อน นั่นเป็นคำพูดที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน มูคยอมจึงค่อยๆ เบิกตากว้างและถามขึ้น
“นายคงอยู่กับพ่อแม่ใช่ไหม”
“อืม ไม่ได้บอกไว้ก่อน ถ้ากลับดึกกว่านี้ ท่านจะเป็นห่วง”
ต้องขอบคุณที่อีกฝ่ายเอ่ยปากก่อนที่เขาจะไล่ให้กลับ มูคยอมพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี และลุกขึ้นยืนหยิบกระเป๋าสตางค์ที่สอดไว้ในกระเป๋าออกมา
“ใช้นี่จ่ายค่ารถสิ”
“หือ”
ดวงตาของฮาจุนเบิกกว้างเมื่อมูคยอมหยิบบัตรเครดิตออกมาจากกระเป๋าสตางค์
“บอกให้นั่งแท็กซี่กลับไง ฝนก็ตก ตอนนี้ไม่มีเงินสด ก็ใช้นี่สิ”
“…ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็ไม่น่าจะตกเยอะแล้ว”
“ดื้อแค่ไหนก็ไม่ไปส่งนะ ให้ก็รับไปเถอะ”
“บอกว่าไม่เป็นไรไง”
คำพูดที่ดื้อรั้นทำให้มูคยอมเดาะลิ้นอยู่ในปาก ท่าทางแข็งกระด้างนี่มันอะไรกัน
“ไม่เอาก็ไม่เอา”
มูคยอมไม่เสนอต่อ เขาเก็บบัตรเข้าที่เดิม ห้องนั่งเล่นที่เคยเต็มไปด้วยความเร่าร้อน ตอนนี้ได้เย็นลงราวกับว่ามันเป็นเรื่องราวในวันเก่า ฮาจุนเดินออกไปที่ประตูหน้าบ้านอย่างเงียบเชียบ เขาสวมรองเท้าในขณะที่มูคยอมพิงกำแพงมองอีกฝ่าย
ฮาจุนที่ทำท่าเหมือนจะจากไปเฉยๆ หันกลับมาและบ่นพึมพำด้วยคำพูดที่น่าอึ้ง
“ถ้าฉันให้บัตรนั่นกับคนอื่น นายจะทำยังไง”
“ยังไงพรุ่งนี้ก็เจอกันอีกอยู่ดี จะเป็นไรไป”
“ถ้าฉันใช้ไปไหนต่อไหน นายจะทำยังไง”
“การ์ดก็แจ้งหาย ส่วนนายก็แจ้งตำรวจ เรื่องใหญ่ที่ไหนล่ะ”
อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาสั้นๆ ราวกับว่าจะบอกว่าไร้สาระ แต่ฮาจุนก็ทำท่าเหมือนจะไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอีกต่อไป ฮาจุนมองมูคยอม ก่อนจะยืนขึ้นและบอกลาสั้นๆ
“ไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้”
“อืม”
หลังจากมีอะไรกันแล้วก็กระอักกระอ่วนไม่น้อยเลยแฮะ เพราะแบบนี้จึงไม่ควรมีวันไนท์กับผู้ชายสินะ มูคยอมมองฮาจุนที่ทำหน้าเคร่งขรึมและก้าวออกไปจากประตู ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกเสียใจจริงๆ แต่หลังจากฮาจุนปิดบังตัวตน เขาก็สลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปในทันที
***
“พี่ พี่! ยังไม่ตื่นเหรอ”
ฮาจุนฝืนเปิดเปลือกตาที่วันนี้หนักอึ้งราวกับหนักหนึ่งตันจนลืมไม่ขึ้น เพราะเสียงเจื้อยแจ้วปลุกเขาให้ได้สติ เคยรู้มาว่าเมื่อคนเราอยู่ในสภาพครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่ว่าจะได้ยินเสียงใด ก็ไม่เข้าใจความหมายทั้งนั้น แต่เมื่อสติค่อยๆ กลับคืนมา ความรู้สึกในยามคับขันที่บอกว่าเขานอนตื่นสายก็เหมือนกับน้ำเย็นที่สาดซัดเข้าใส่
ถึงแม้ว่าฮาจุนจะลุกขึ้นพรวดด้วยความตกใจ แต่เขาก็ไม่อาจส่งเสียงได้ เขาทรุดตัวลงนอนอีกครั้งในทันที มินคยอง น้องสาวที่เข้ามาปลุกฮาจุนเอ่ยกระตุ้นเขา
“เจ็ดโมงสี่สิบนาทีแล้วนะ”
“อ๋อ อื้อ จะลุกแล้ว”
“ฉันปลุกเหรอ รีบมากินข้าวเถอะ”
หลังจากมินคยองออกไป น้องชายอย่างฮาคยองก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เปียกน้ำพลางยื่นหน้าเข้ามาทางช่องระหว่างประตู
“พี่ แม่บอกว่ารีบมากินข้าวได้แล้ว”
“อื้อ เดี๋ยวไป”
ฮาจุนฟังเสียงน้องฝาแฝดเถียงกันเอะอะเสียงดัง พลางเอนกายลงบนเตียงและเฝ้ามองแต่เพดาน จะสายแล้ว แม้เขาจะคิดอย่างนั้น แต่ฮาจุนก็ไม่สามารถหยัดกายลุกขึ้นได้เลย ฮาจุนพยายามพลิกตัว ก่อนจะพบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย เขาจึงหยิบหมอนมาปิดหน้าและอยู่อย่างนั้นสักพัก
เขาปวดเอวมาก สะโพกก็ด้วย และบางจุดภายในท้อง เขาก็เจ็บแปลบราวกับถูกทุบตีจนฟกช้ำเช่นกัน
ต่อหน้าคิมมูคยอม เขาแสร้งทำเป็นสบายดีและออกมาจากบ้านของอีกฝ่าย เขาเดินไปตามทางที่ยาวไกลอย่างไร้สติ ถึงแม้จะเป็นระยะทางแค่จากอาคารไปถึงทางเข้าหมู่บ้าน แต่มันก็ไกลกว่าวิลล่าธรรมดาหรือหมู่บ้านอพาร์ตเม้นต์อยู่ไม่น้อย เดิมทีฮาจุนก็พยายามจะขึ้นรถบัสหรือรถไฟใต้ดิน แต่สุดท้ายก็จำต้องขึ้นแท็กซี่ตามที่มูคยอมบอก
ฮาจุนมาถึงบ้านพร้อมกับค่ารถที่แสนเจ็บปวดราวๆ สองหมื่นวอน หลังจากที่แม่เรียกให้เขากินข้าว ฮาจุนที่รู้สึกไม่สบายตัวก็บอกว่าจะเข้านอนเลย และเมื่อมาถึง เขาก็คลานเข้าห้องของตัวเองและล้มลงทันที หลังจากนั้นความเจ็บปวดก็ทำให้เขานอนไม่หลับ ฮาจุนจึงกินยาแก้ปวดไปหนึ่งเม็ดก่อนจะหลับไป
เจ็บมาก… เขาคิดไว้แล้วว่าจะต้องเจ็บ แต่นี่มันยิ่งกว่าที่คิดเสียอีก ตอนที่มูคยอมกระแทกกระทั้นเข้ามากะทันหัน เขานึกว่าตัวเองจะเป็นลมไปแล้วจริงๆ อะไรจะใหญ่ขนาดนั้น หลังจากทุกอย่างจบลง หรือแม้กระทั่งตอนนี้เอง มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะเชื่อว่าอะไรใหญ่ๆ แบบนั้นจะเข้ามาในตัวเขา
แต่ถึงอย่างนั้นการมีเซ็กซ์กับมูคยอม ทำให้เขาสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดขนาดนั้นได้ และตอนที่มูคยอมสัมผัสส่วนล่างให้เขาและจูบเขาในตอนสุดท้าย เขาก็รู้สึกดีท่ามกลางความเจ็บปวด…
แต่เหนือสิ่งอื่นใด ก็ตอนที่มูคยอมบอกว่ารู้สึกดีที่มีเซ็กซ์กับเขา ตอนนั้นเขายังรู้สึกวิงเวียนเล็กน้อย
แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน ความรู้สึกมากมายก็หลอมละลายไปเกือบจะทั้งหมด หลงเหลือแต่ความรู้สึกว่างเปล่าและความเจ็บปวดเหมือนตอนสร่างเมา อาการเจ็บปวดที่ทำให้ร่างกายปวดเมื่อยนั้น คล้ายกับความเจ็บปวดในอกที่เขาเคยรู้สึกทุกครั้งที่เห็นมูคยอม เป็นเพียงความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยกับร่างกายของตัวเองก็เท่านั้น
“…แต่ก็ไม่เสียใจ”
ฮาจุนพูดคนเดียวเบาๆ ราวกับบอกตัวเอง อาการเจ็บปวดนี้ราคาถูก ต่อให้ต้องเจ็บปวดมากกว่านี้อีกหลายเท่า ฮาจุนก็จะเลือกทางเดิมเหมือนกับเมื่อวาน
……………………………………….