Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 139
ช่วงนี้ทีมมีบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลอง ฟินส์เบอร์รีที่เคยทำคะแนนนำ จู่ๆ กลับแพ้สองนัดรวด ในทางกลับกัน กรีนฟอร์ดคว้าชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องจนแทบจะมั่นใจได้แล้วว่าจะครองอันดับหนึ่งในพรีเมียร์ลีก
เพราะอย่างนั้น ถึงแม้ว่าจะยังเหลือการแข่งขันอยู่ แต่พวกนักกีฬาที่ทุ่มเทกับการเตรียมพร้อมสำหรับแชมเปียนส์ลีกเพียงอย่างเดียวได้ก็กำลังฝึกซ้อมกันอย่างมุ่งมั่นและเปี่ยมพลังอย่างถึงขีดสุดในช่วงนี้
“ช่วงนี้มาร์โคทำหน้าที่ตัวเองได้ดีเชียว”
“ตอนแรกเคลื่อนที่ทับซ้อนเส้นทางคนอื่นอยู่เรื่อยแต่ตอนนี้เล่นเข้ากับมูมูได้ดีเลยละ ฉันคาดหวังมากที่สุดในกลุ่มหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเมื่อเดือนมกรานี้เลย”
ฮาจุนเองก็ได้ยินเรื่องที่คนพูดคุยในขณะวิเคราะห์ดูการแข่งขันครั้งที่ผ่านมา ตรงจุดที่ผู้จัดการทีมกับพวกโค้ชมารวมกลุ่มกัน
ความสัมพันธ์ของมาร์โคและมูคยอมเคยบิดเบี้ยวเสียจนครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปคงเป็นเรื่องใหญ่ แต่หลังจากเรื่องในวันนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็พัฒนาขึ้นอย่างราบรื่น เป็นเพื่อนร่วมงานที่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน และช่วงนี้ทั้งสองคนก็ผนึกกำลังกันในตำแหน่งกองรุกและเล่นฟุตบอลอย่างมีชีวิตชีวากันบ่อยๆ บนหน้าจอจับภาพมูคยอมรับบอลต่อมาจากกลางสนาม
นักกีฬาฝั่งคู่แข่งพุ่งเข้าไปหามูคยอมซึ่งเลี้ยงลูกบุกไปด้านหน้า มูคยอมเหลือบตามองด้านข้างแล้วส่งลูกต่อทันที มาร์โคที่กำลังวิ่งตามเส้นทางของมูคยอมอยู่ข้างๆ รับลูกมาอย่างแม่นยำแล้วเตะเข้าประตู
“อาการคนที่ได้รับบาดเจ็บเป็นยังไงบ้าง ออสการ์กับชาร์ลีจะลงแข่งนัดหน้าได้ไหม”
“ออสการ์ลงแข่งได้ครับ ส่วนชาร์ลีคงต้องติดตามอาการจนถึงที่สุดก่อน ให้เปลี่ยนตัวลงแข่งครึ่งหลังสักครู่หนึ่งแล้วสังเกตสภาพร่างกายไปด้วยก็น่าจะดีครับ”
เมื่อตอบคำถามของผู้จัดการทีมอย่างคล่องแคล่ว แฮร์รี่ โค้ชรุ่นพี่ซึ่งมอบหมายให้ฮาจุนรับหน้าที่ตอบคำถามจึงยื่นกำปั้นมาให้ใต้โต๊ะ ฮาจุนเองก็กำหมัดชนกับอีกฝ่ายเบาๆ ไม่ให้มีเสียง
หลังสังเกตการณ์และสรุปแผนการเล่นแบบคร่าวๆ เสร็จแล้ว ฮาจุนก็เตรียมเลิกงาน วันนี้เขาเลิกงานช้ากว่าพวกนักกีฬา เมื่อออกมาจากออฟฟิศ มูคยอมซึ่งเปลี่ยนเสื้อออกมาจากห้องล็อกเกอร์อยู่ก่อนแล้ว ก็ส่งยิ้มพร้อมยกแขนพาดไล่เขา
“สีหน้าดูดีเชียวนะ โดนชมเหรอ”
“ตอนนี้รายงานเวลาประชุมไม่ค่อยยากเท่าไรแล้ว”
“เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าแค่แป๊บเดียว”
ถึงแม้ว่าการพูดคุยสัปเพเหระจะต่างจากการรายงานในที่ประชุมแต่มันมันเป็นคำตอบที่เตรียมมาล่วงหน้าแทบจะทั้งหมดเลยก็เถอะ แต่ถึงอย่างไร ฮาจุนก็โอ้อวดอย่างภาคภูมิใจอยู่ดี มูคยอมกดริมฝีปากลงบนแก้มเขาดังจุ๊บ ฮาจุนตกใจมากจึงมองรอบข้างเลิ่กลั่ก มูคยอมค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น
“ฉันสังเกตดูหมดแล้วถึงได้ทำ นายไม่ต้องสะดุ้งโหยงทุกครั้งที่ทำก็ได้ ไม่รู้เหรอว่าฉันดังเรื่องสายตาดีนะ”
“ต่อให้เป็นนายก็ไม่ใช่ว่าจะมีตาหลังสักหน่อยนี่ ระวังหน่อยเถอะขอร้อง”
“เห็นนายเวลาสะดุ้งโหยงทีไรแล้วเหมือนกวางจริงๆ นะ ทำตาโตๆ ยืดคอยาวๆ มองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก ทำแบบนั้นแล้วยิ่งน่าจับกินขึ้นไปอีก”
“นายเก่งเรื่องแบบนั้นอยู่แล้วนี่ อย่างน้อยถ้าจะกินก็ค่อยกลับไปกินที่บ้าน”
“ถ้างั้นกลับบ้านไปแล้วกินจริงนะ”
สุดท้ายมือของฮาจุนก็ตีลงบนหลังของมูคยอมเบาๆ ในระหว่างนั้น พวกเขาก็มาถึงลานจอดรถจึงขึ้นรถไปนั่งข้างกัน
ทั้งสองคนไม่ได้มีปากเสียงอะไรกันเลย เพียงแค่บรรยากาศเย็นยะเยือกลงไปชั่วครู่เท่านั้น ตอนที่ศึกการแข่งเจ้าปัญหาใกล้เข้ามา ฮาจุนก็ลืมบทสนทนาที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ไปแล้ว ทั้งสองคนกลมเกลียวกันดีในฐานะทีมเดียวกัน และยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อมเกินกว่าจะเล่นสงครามประสาทกันต่อเพราะการแข่งขันของทีมอื่นได้
“วันนี้ก็ไปดูที่ผับกันไหม”
เพราะอย่างนั้น ในตอนที่มูคยอมถามแบบนั้นออกมา ฮาจุนจึงไม่เข้าใจความหมายของคำถามอีกฝ่ายในทันที
“หืม อะไร”
“วันนี้ไง เอลกลาสิโก”
“อ้อ”
ฮาจุนคิดครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า
“วันนี้ดูที่บ้านกันเถอะ คนน่าจะเยอะมาก ไหนๆ แล้วก็อยากดูจอใหญ่ด้วย”
“ดีเลย ดูที่บ้านก็สร้างบรรยากาศมากแค่ไหนก็ได้เหมือนกัน”
บ้านของมูคยอมมีห้องที่ถูกติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ให้เป็นห้องโฮมเธียเตอร์ พวกเขาจึงสามารถดูหนังและต่อช่องโทรทัศน์ดูในห้องนั้นได้ ถึงอย่างนั้น เหตุผลที่ยังดึงดันไปถึงโรงหนังหรือผับก็เป็นเพราะอยากสนุกสนานไปกับบรรยากาศที่มีเฉพาะที่นั่น
ฮาจุนคิดอย่างรอบคอบแล้วตัดสินใจว่าจะยื่นเงื่อนไขกับมูคยอมล่วงหน้าเป็นการเผื่อไว้
“…เรามาสัญญากันว่าเถอะว่าวันนี้จะไม่พูดถึงทีมที่อีกฝ่ายเชียร์”
“แหงอยู่แล้ว ไม่ใช่เด็กๆ กันสักหน่อย ถ้าอารมณ์เสียกับแค่เรื่องฟุตบอลก็ยิ่งน่าขำเข้าไปใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ”
“ใช่เลย ถึงยังไงก็เป็นการเล่นฟุตบอลของคนอื่นนี่”
ทั้งสองหัวเราะร่าพร้อมกับพูดคุยเรื่องที่ใครมาได้ยินเข้าก็คงจะคาดเดาได้ยากว่าเป็นบทสนทนาของโค้ชกับนักกีฬาฟุตบอล รถเคลื่อนตัวไปบนถนนอย่างว่องไว
ตอนกลับมาถึงบ้านก็ยังเหลือเวลาอยู่บ้างก่อนการแข่งขันจะเริ่ม ทั้งสองคนตัดสินใจว่าจะกินอะไรสักอย่างพร้อมกับดูการแข่งไปด้วย แทนที่จะกินอาหารเย็น
อย่างไรซะก็ยังเหลือเวลา เพราะอย่างนั้นมูคยอมจึงบอกว่าจะทำอาหารด้วยตัวเองพร้อมกับเริ่มทำอาหารในครัว ฮาจุนก็ตั้งใจว่าจะช่วย แต่โดนมูคยอมห้ามไว้ บอกว่าวันนี้จะทำอย่างจริงจังนิดหน่อย เพราะฉะนั้นห้ามช่วย แค่นั่งตรงโต๊ะด้านข้างอีกฝ่ายเฉยๆ แล้วเรียบเรียงเรื่องการฝึกวันนี้ก็พอ
“เป็นการแข่งของสเปน ฉันเลยลองทำเป็นอาหารสเปนดู”
มูคยอมวางอาหารลงบนโต๊ะที่อยู่ระหว่างเก้าอี้สองฝั่ง
อาหารที่ทำด้วยมันฝรั่งกับปลาหมึก อาหารที่มีแฮมหน้าตาเหมือนเบคอนสีแดงบางๆ วางไว้บนเมลอนหั่นชิ้น และอาหารขนาดพอดีคำเล็กๆ ที่มีอะไรหลากหลายอย่างวางอยู่บนขนมปังฝรั่งเศส ถูกจัดเรียงตามลำดับ ทุกอย่างเป็นอาหารที่ฮาจุนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาจึงตาลุกวาว
“ขอโทษที่เอาแต่กินอย่างเดียวนะ รู้สึกเหมือนต้องจ่ายเงินซื้อกินเลย”
“ไม่ปฏิเสธหรอกนะ คราวหน้าให้เงินด้วย จะเอาไปซื้อขนม”
ฮาจุนเอาขนมปังฝรั่งเศสที่โปะหน้าด้วยซอสกระเทียมมายองเนสกับแซลมอนมูสเข้าปากแล้วทำตาโต
“อร่อยสุดๆ”
มูคยอมหัวเราะพร้อมกับรินไวน์สเปนที่ชื่อว่า ‘กาบา’ ลงในแก้ว มันคือไวน์ขาวที่มีฟองฟูฟอด
เมื่อจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองจึงนั่งลงบนเก้าอี้คนละตัว ห้องโฮมเธียเตอร์ของมูคยอม แน่นอนว่ามีหน้าจอขนาดใหญ่ซึ่งไม่ได้ใหญ่เท่าโรงหนัง แต่ก็สบายจนโรงหนังเทียบไม่ติดและมีโซฟานุ่มๆ อยู่หลายตัว เก้าอี้ที่โอบล้อมไปทั้งตัว สบายมากไปจนน่านอนมากกว่าน่าดูแข่งหรือเปล่านะ มูคยอมยื่นแก้วเหล้าให้เขาพร้อมพูดขึ้น
“ไม่ว่าฝั่งไหนจะแพ้หรือชนะ พวกเราก็ไม่มีปัญหาอะไร”
“แน่นอนอยู่แล้ว”
‘เคร้ง’ เสียงใสๆ ของแก้วที่กระทบกันดังขึ้น หน้าจอขนาดใหญ่ฉายภาพอุโมงค์ออกสนามที่มีนักกีฬาเดินออกมา ทั้งสองคนมองไปด้านหน้า จับจ้องหน้าจอพร้อมกับยกแก้วไวน์ขึ้นจิบโดยนั่งเรียงอยู่ข้างกัน
การแข่งขันเริ่มต้นด้วยความเคร่งเครียดตั้งแต่ครึ่งแรกอย่างที่คิดไว้ สมกับเป็นศึกของคู่ปรับแห่งศตวรรษ คงเพราะไม่สามารถสลัดความเครียดนั้นทิ้งไปได้ การเคลื่อนไหวของนักกีฬาทั้งสองทีมจึงดูติดขัด ทว่าเป็นเพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น พวกนักกีฬาค่อยๆ ผ่อนคลายร่างกายกับจิตใจ ไม่นานก็กลับมาทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้วเริ่มเคลื่อนไหวราวกับล้อหยอดน้ำมัน
ปัญหาคือในขณะที่เวลาเดินไปก็เริ่มมองเห็นความต่างในบรรยากาศของทั้งสองทีมได้อย่างแจ่มชัด มูคยอมพูดขึ้น
“การจัดตำแหน่งของมาดริดต่างกับปกตินิดหน่อยนะ ไม่แน่ใจเลยว่าแผนการเล่นจะมีประสิทธิภาพไหม”
“ดูท่าผู้จัดการทีมคงอยากลองอะไรใหม่ๆ น่ะสิ”
ทว่าในใจฮาจุนก็เห็นด้วยกับมูคยอม ในการแข่งสำคัญแบบวันนี้ ผู้จัดการทีมกำลังเสี่ยงมากเกินไปในหลายแง่มุม หนึ่งในนั้นคือการจัดวางตำแหน่งที่เขารู้สึกไม่เห็นด้วยมากที่สุด ซึ่งเป็นการจัดให้ผู้ตั้งรับหลักอยู่ตรงตำแหน่งของกองกลาง
ผู้จัดการทีมดูเหมือนจะคิดว่านี่เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้ฝ่ายตั้งรับแข็งแกร่งขึ้น แต่ฮาจุนไม่เข้าใจ นี่เป็นการกระทำของผู้จัดการทีมที่เข้าใจเรื่องการจัดวางตำแหน่งอย่างนั้นเหรอ เดิมทีก็ไม่ใช่นักกีฬาที่รับบทบาทสองอย่างควบคู่กันอยู่แล้ว และต่อให้วางคนเพิ่มตรงกองกลางอีกคน ความสามารถในการตั้งรับก็ไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่มีข้อแม้สักหน่อย
เทียบกันแล้วบาร์เซโลนากลับจัดตำแหน่งผู้เล่นในแบบที่ใครมาเห็นก็น่าจะรับได้หมด แน่นอนว่าบาร์เซโลนาเป็นฝ่ายจับจังหวะของทีมตัวเองได้ก่อน และเป็นไปตามที่คาดไว้ นักกีฬาทีมมาดริดไม่สามารถตอบโต้การส่งบอลที่สั้นและเร็วซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษของทีมบาร์เซโลนาได้ และถูกปั่นให้งงจนลนลานกันไปหมด
‘ทำไมถึงได้วางแผนการเล่นโง่ๆ แบบนี้กันแน่’
ฮาจุนอยากระเบิดความโกรธออกมา แต่ก็ระงับไว้แล้วเอาแต่กระดกเครื่องดื่มมึนเมา ไวน์รสอมเปรี้ยวกำลังดีและมีกลิ่นหอม ส่วนอาหารที่มูคยอมทำก็อร่อยมากจริงๆ ทุกอย่างดีไปหมด สิ่งที่ไม่ดีมีเพียงสถานการณ์การแข่งขันเท่านั้น
‘ผู้จัดการทีมการ์บานีลองอะไรแปลกใหม่มันก็ดีอยู่หรอก แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังบอกว่าเป็นตัวเลือกที่ดีอะไรขนาดนั้นได้ยากนะครับ’
‘ก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ แทนที่จะมองว่าเป็นการลองอะไรแปลกใหม่ น่าจะมองว่าเป็นการทดลองอันไร้ซึ่งความรอบคอบไม่ดีกว่าเหรอครับ’
ไหนๆ ก็ดูอยู่บ้าน เพราะอย่างนั้นก็เลยอยากดูอย่างสบายใจจึงเลือกสัญญาณถ่ายทอดจากทางเกาหลี แต่มันกลับทำให้เขาฟังคำติเตียนแทงใจดำออกชัดเจนมากเกินไปอย่างไร้ประโยชน์ ถ้ารู้ว่าจะเป็นแบบนี้คงชวนอีกฝ่ายดูการช่องของอังกฤษไปแล้ว การถ่ายทอดของทางสเปนที่ฟังไม่รู้เรื่องเลยก็น่าจะไม่เลวเหมือนกัน
‘โอ้ ตอนคุณพูด ดิแอซก็ส่งลูกไปให้เซบาสเตียนแล้วนะครับ!’
‘โอ๊ยๆ ถ้ารับลูกนี้ไม่ได้ล่ะก็เป็นเรื่องแน่เลยครับ’
เซบาสเตียน กองหน้าของบาร์เซโลนาที่รับลูกต่อมาจากกลางสนาม วิ่งเปลี่ยนทิศไปทางนี้ทีทางโน้นทีเพื่อสลัดฝ่ายตั้งรับสองคนของมาดริดซึ่งเข้ามาสกัดตนใกล้เพียงปลายจมูกให้หลุด จากนั้นก็เตะบอลออกไปเบาๆ
บอลกลิ้งหลุนๆ ลอดใต้หว่างขาของผู้รักษาประตูเข้าไป สำหรับคนยิงเข้าประตู มันเป็นโกลที่หลักแหลม แต่สำหรับคนเสียแต้ม มันเป็นโกลที่รู้สึกเสียศักดิ์ศรีใช่ย่อย
“เจ๋ง!”
หน้าจอฉายภาพเซบาสเตียนทำท่าฉลองหลังทำประตูได้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และใบหน้าของผู้ชมหลากหลายคนที่ส่งเสียงโห่ร้องยินดี มูคยอมพูดเสียงดังอย่างร่าเริงราวกับกลายเป็นหนึ่งในผู้ชมตรงนั้น
“แก้เกมได้ฉลาดตั้งแต่ช่วงแรกเลยนะ คงได้เป็นฝ่ายนำโดยไม่ต้องเสียแรงเยอะแน่ๆ”
“มันก็ใช่ แต่เพิ่งจะครึ่งแรกเอง ต้องคอยดูต่อไปแหละ”
“อืม ก็จริงนะ ยังเหลือเวลาอีกเยอะ”
มูคยอมยื่นแก้วไวน์มาหา ฮาจุนจงใจฝืนยิ้มแล้วชนแก้วกับอีกฝ่ายดังเคร้ง ทีมที่เชียร์กำลังเป็นฝ่ายนำ เพราะอย่างนั้นมูคยอมก็ย่อมอารมณ์ดีอยู่แล้ว ประตูที่ทำได้เมื่อครู่นี้เป็นประตูที่สนุกสนานไม่น้อยสำหรับคนเชียร์ทีมเดียวกัน
ทว่าบรรยากาศตลอดการแข่งไม่ได้พลิกผันอะไรขนาดนั้น ต่างกับคำโต้แย้งซึ่งแฝงไปด้วยความคาดหวังของฮาจุนที่บอกว่ามันยังแค่ครึ่งแรก ไม่ว่าอย่างไร ดูเหมือนครึ่งแรกของการแข่งขันก็คงเละเทะไปแล้ว
ฮาจุนมองดูผู้รักษาประตูฝั่งมาดริด สกัดบอลที่บาร์เซโลนาบุกยิงเข้ามาอีกครั้งไว้ได้อย่างน่าโล่งใจ ตอนนี้เขาวางทุกอย่างลงหมดแล้ว และต้องการแค่ให้ไปถึงช่วงพักครึ่งโดยไม่เสียคะแนนไปมากกว่านี้ ถ้าหากผู้จัดการทีมมีความคิดก็คงจะวางแผนรับมืออะไรสักอย่างในครึ่งหลัง
ในตอนที่ครึ่งแรกเหลือเวลาอีกสองนาทีสามสิบวินาที บรรยากาศในสนามแข่งก็ดุเดือดและวุ่นวาย เมื่อกลยุทธ์การเล่นพังไม่เป็นท่า เหล่านักกีฬาซึ่งใจร้อนมากขึ้น ก็วิ่งไล่ตามลูกบอลตามสัญชาตญาณแทนที่จะคิดก่อน เป็นช่วงเวลาที่ฝั่งบาร์เซโลนาเองก็เริ่มกระสับกระส่าย เพราะถูกดูดกลืนเข้าไปในบรรยากาศของนักกีฬาฝั่งมาดริดที่วิ่งบุกเข้าใส่อย่างไม่เป็นระบบแต่ก็ฉับไว
‘อ๊ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ!’
ผู้บรรยายพูดเสียงดังด้วยความตกใจ ลูกบอลถูกรับส่งไปมาไม่หยุดครู่หนึ่งท่ามกลางเหล่านักกีฬาในสนามที่ค่อยๆ ยุ่งเหยิงวุ่นวายขึ้น จากนั้นในตอนที่มันกลิ้งไปเจอพื้นที่โล่งๆ กองกลางของมาดริดก็เตะดังตู้มอย่างแรงเพื่อยิงประตูระยะไกล แล้วลูกบอลก็เข้าไปสะเทือนตาข่ายโกลของฝั่งบาร์เซโลนาทั้งอย่างนั้น
“โว้ว!”
ฮาจุนตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว เกร็ก กองกลางของมาดริดผู้เป็นคนทำคะแนนเมื่อครู่นี้ เป็นผู้คอยดูแลพื้นที่กลางสนามที่ยอดเยี่ยม แต่ปกติไม่ใช่นักกีฬาที่ทำประตูได้บ่อย เกร็กระเบิดประตูได้อย่างเหนือความคาดหมายในตอนที่แต่ละคนหลุดออกจากตำแหน่งของตัวเองและวิ่งวนไปมา ผู้รักษาประตูของฝั่งบาร์เซโลนาเองก็สะบัดศีรษะเบาๆ พร้อมยักไหล่ด้วยสีหน้าร้อนรน
เมื่อระเบิดประตูจนคะแนนตีเสมอกันอย่างไม่ได้คาดหวังเพราะสถานการณ์กำลังน่ากระวนกระวาย ผู้ชมจึงพากันกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ส่วนฮาจุนก็ตื่นเต้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้นิดหน่อย แต่ถึงจะดีใจอยู่ ฮาจุนก็ยังเสียดาย ในเวลาแบบนี้ ถ้าเขาเชียร์ทีมเดียวกับมูคยอมก็คงจะตื่นเต้นดีใจได้เต็มที่แท้ๆ
“ชอบเกร็กเหรอ”
มูคยอมถาม ฮาจุนมัวแต่ยิ้ม เขาตอบกลับทั้งที่ยังหุบยิ้มลงไม่ได้
“อื้อ ทุกคนก็น่าจะชอบไม่ใช่เหรอ คุมเกมรุกก็เก่ง บางทีเวลาทีมกระสับกระส่ายแบบนี้ก็เป็นคนแก้เกมด้วย ต้องมีนักกีฬาแบบนี้สิ ทีมถึงจะเล่นได้ราบรื่น”
“ชอบเกร็กมากที่สุดในมาดริดเหรอ”
“อืม… ก็ถึงกับบอกว่าชอบที่สุดไม่ได้หรอก ฉันชอบพอๆ กันทั้งทีมน่ะ วินเทอร์ก็ชอบ เขาเป็นนักกีฬาเยอรมัน ฉันยังเคยคิดเลยว่าจะปรับตัวได้ไหม แต่เขาทำประตูได้เยอะกว่าที่คิดแล้วก็ดูเหมือนเล่นได้ดีอยู่นะ เฟเบียนก็ใช้ได้”
“นักกีฬาที่ชอบเยอะจังนะ”
“มันก็เป็นปกติไม่ใช่เหรอถ้าได้ดูบอลไปเรื่อยๆ นายชอบใครมากที่สุดในบาร์เซโลนา เซบาสเตียนแน่ๆ เลย”
เสียงเป่านกหวีดเพื่อบอกให้รู้ว่าจบการแข่งขันครึ่งแรก ดังขึ้นก่อนมูคยอมจะได้ตอบ
ในวันที่ถูกไล่ต้อนตลอดทั้งเกมแบบวันนี้ โชคดีแล้วที่คะแนนตีเสมอขึ้นมาเป็นหนึ่งต่อหนึ่ง ในครึ่งหลังจะต้องลงแข่งกันโดยมีสติกว่านี้แน่ ฮาจุนคิดแบบนั้นด้วยความโล่งใจ แต่แล้วมูคยอมก็ยกขวดเปล่าขึ้นมาเขย่าให้เห็น
“ดื่มหมดแล้ว ฉันจะไปเอามาเพิ่มอีกขวดนะ ทำกับแกล้มเพิ่มให้ไหม”
“ไม่เป็นไร อิ่มแล้วละ ขอบใจนะ อร่อยมากๆ เลย”
มูคยอมยิ้มมุมปากพร้อมกับถือขวดเปล่าออกไป หลังจากนั้นไม่นาน ฮาจุนก็ได้ยินเหมือนอะไรตกแตกเสียงดังเพล้ง ได้ยินไม่ชัดเท่าไรนักจึงเงี่ยหูฟัง แต่ก็ไม่มีเสียงอะไรดังขึ้นไปมากกว่านั้น ฮาจุนดูโฆษณาเบียร์ที่ถูกฉายขึ้นบนจอขนาดใหญ่ พร้อมทั้งคิดว่าอาจเป็นเสียงที่ดังออกมาจากในโฆษณาแล้วคิดไปเอง
มูคยอมกลับเข้ามา ในมือถือเครื่องดื่มมึนเมาขวดใหม่อยู่ด้วย พรุ่งนี้ก็เป็นวันฝึกซ้อม ดื่มหนักเกินไปไม่ได้ก็จริง แต่แค่ไวน์รสหอมหวานดีกรีต่ำสักขวดสองขวดคงไม่เป็นไร
เครื่องดื่มมึนเมาขวดใหม่คือสปาร์กลิงไวน์คล้ายๆ กันกับขวดเมื่อครู่ แต่รสเปรี้ยวแรงกว่าหน่อยจึงสดชื่นกว่า ความรู้สึกที่เคยห่อเหี่ยวกลับผ่อนคลายเพราะโกลที่ทำให้คะแนนขึ้นมาเสมอกันอย่างน่าอัศจรรย์ ฮาจุนจึงเพลิดเพลินไปกับไวน์ได้อย่างสบายใจไม่น้อย
“ว่าแต่”
มูคยอมซึ่งดื่มไวน์อยู่ด้วยกัน ปริปากพูดขึ้นก่อน
“โกลเมื่อกี้น่ะ พูดตามตรงก็โชคช่วยนิดหน่อยไม่ใช่เหรอ”
ฮาจุนเบิกตากว้างขึ้น เขาไม่คิดแม้แต่จะกลืนไวน์ที่เอาเข้าปากแล้วลงไป ได้แต่อมไว้อยู่ครู่หนึ่ง พอตั้งสติได้แล้วจึงกลืนรวดเดียว ฮาจุนสำลักค่อกแค่กเบาๆ จากนั้นจึงพูดออกมาได้
“นายพูดอะไรเนี่ย ในสถานการณ์แบบนั้น จากตรงนั้นเนี่ยนะ”
“ก็เพราะว่าในสถานการณ์แบบนั้นแล้วก็จากตรงนั้นไง ยิงแบบส่งเดชแล้วมันก็เข้าไปนี่”
“จะส่งเดชหรือจะอะไรก็เถอะ แค่ยิงเข้าก็พอแล้วนี่ นายเป็นตัวรุกแบบไหนกันถึงได้พูดแบบนั้น”
เมื่อฮาจุนโต้ตอบพร้อมขมวดคิ้ว มูคยอมก็ปิดปากเงียบ ฮาจุนเองก็ไม่พูดอะไรต่ออีกแล้วทำเพียงจิบไวน์
ลาดเลาไม่ดีปรากฏขึ้นอย่างฉับพลันในสถานการณ์ที่ต่างฝ่ายต่างสัญญาว่าจะไม่เอ่ยถึงอีกทีมพร้อมกับแสดงท่าทีว่ารู้สึกขอบคุณกันอยู่เงียบๆ หรือการดูการแข่งขันด้วยกันทั้งที่เชียร์คนละทีมจะเป็นเรื่องที่เกินความสามารถจริงๆ นะ
ในขณะที่ทั้งสองคนเอาเครื่องดื่มกับกับแกล้มที่เหลือเข้าปากโดยไม่ได้พูดอะไรกันเลย การแข่งครึ่งหลังก็เริ่มต้นขึ้น ตามที่ฮาจุนคาดการณ์ไว้ มาดริดเลิกใช้แผนการเล่นแปลกๆ ที่เขาไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียวไปแล้ว ถึงแม้ว่าทีมที่ถูกจัดตำแหน่งใหม่ จะมีปัญหายุ่งยากคือต้องปรับฝีเท้าให้เข้ากันใหม่อีกครั้งตั้งแต่แรก แต่ก็สร้างบรรยากาศที่ดียิ่งกว่าการแข่งในครึ่งแรก