Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 151
ใครบางคนกำลังลูบเส้นผมเขาขึ้นอย่างอ่อนโยน ฮาจุนลืมตาตื่นขึ้น ด้วยความรู้สึกเหมือนจมอยู่ในแอ่งดินนุ่มๆ แล้วถูกดึงขึ้นมาอย่างเชื่องช้า
เขากะพริบตาสองสามครั้ง ไม่นานภาพคนรักที่ช่วยปลุกเขาตื่นขึ้นในทุกวันก็เข้ามาสู่การมองเห็น ฮาจุนตรึงสายตาไว้ที่อีกฝ่ายไม่ละไปไหน แล้วไม่นานก็ขยับใบหน้าง่วงงุนให้ยกยิ้ม ริมฝีปากนิ่มกดลงมาสองสามครั้งบนแก้มที่ป่องขึ้นเล็กน้อยเพราะมัวแต่ยิ้ม
“หลับสบายไหม”
ฮาจุนพยักหน้าให้คำถามของมูคยอม จากนั้นจึงตั้งสติขึ้นมาได้ในทันทีแล้วมองดูนาฬิกา เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้ว ฮาจุนดันตัวลุกขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกับถามมูคยอม
“น้องๆ กับแม่ล่ะ”
“ออกไปแล้วสิ แม่บอกว่าไม่ต้องปลุกนาย ฉันเลยไปส่งคนเดียว”
ฮาจุนเสยผมที่ปรกลงมา เขานอนตะแคงลงกอดหมอนแล้วพูดพึมพำ
“โอ๊ย… สงสัยเมื่อวานดื่มเหล้ามา เลยนอนไม่ตื่นเลย”
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ แม่ไปแค่หนึ่งคืน พรุ่งนี้ก็กลับมาแล้ว”
ฮาจุนลองคำนวณวันที่จะอยู่เกาหลีในหัว ตารางเวิลด์คัพของทีมชาติเกาหลีซึ่งคว้าชัยชนะมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ยืดยาวออกไปกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ทุกอย่าง ในระยะเวลาสั้นๆ ตอนนี้ที่จะได้อยู่โซล มูคยอมต้องตามถ่ายโฆษณาที่ทำสัญญาไว้และต้องให้สัมภาษณ์ออกรายการจำนวนหนึ่งด้วย
มูคยอมสร้างผลงานในการแข่งขันเวิลด์คัพฤดูกาลนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมเป็นประวัติการณ์ เพราะอย่างนั้น ผู้สนับสนุนโฆษณาที่ต้องการตัวมูคยอมจึงไม่ได้มีแค่รายสองราย พอมาดูตารางงานแล้วฮาจุนรู้สึกเหมือนกำลังดูแคตตาล็อกสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน มีทั้งแชมพู เครื่องสำอาง แบรนด์แฟชั่นที่แบ่งแยกย่อยออกไปเป็นชุดสูท ชุดใส่สบายๆ เสื้อผ้ากีฬา ชุดชั้นใน แล้วยังมีอะพาร์ตเมนต์ รถยนต์ เครื่องโกนหนวด ธนาคาร บริษัทประกัน บริษัทโทรคมนาคม เกม ขนม ไอศกรีม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เบียร์ โซจู โค้ก เครื่องหอม เครื่องซักผ้า เครื่องปรับอากาศ… ข้อเสนอถ่ายโฆษณาที่เสนอเข้ามาให้มูคยอมคนเดียว แค่ของใช้ในชีวิตประจำวันก็เยอะแยะเหลือเฟือจนสร้างห้างขึ้นมาได้ห้างหนึ่งแล้ว แน่นอนว่ามูคยอมไม่สามารถตอบรับทั้งหมดนั้นได้จึงเลือกมาไม่กี่อย่างเท่านั้น
“นายบอกว่าโฆษณาจะเริ่มถ่ายตั้งแต่พรุ่งนี้ใช่ไหม ทันทีที่กลับเกาหลีมาก็ไม่มีเวลาให้พักเลยนะ ยุ่งมากเลย”
“ตอนหาเงินได้ก็ต้องรีบหาไว้ ถึงจะทำให้เจ้าลูกวัวกินอยู่อย่างราชาได้ไม่ใช่เหรอ”
คำที่พูดออกมาพร้อมกับถูปลายจมูกทำให้ฮาจุนหัวเราะคิก
“ชีวิตตอนแก่ของผม ผมจะจัดการเอง เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ ตอนนี้ลองคิดดู รายได้ต่อปีก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เลย ไม่แน่นะ ในอนาคตฉันอาจได้เป็นผู้จัดการทีมผู้โด่งดังแล้วหาเงินได้เยอะกว่านายก็ได้”
“นายพูดเรื่องน่าเสียใจแบบนั้นอีกแล้ว ได้โปรดใช้เงินฉันให้เหมือนใช้น้ำทีเถอะ นายบอกว่าการสร้างแรงผลักดันให้นักกีฬาเป็นสิ่งสำคัญนี่ โค้ชต้องสร้างแรงบันดาลใจให้นักกีฬาอยากตั้งใจแข่งเพื่อหาเงินสิ”
เมื่อเสร็จงานแล้ว ต่อไปก็จะไปเที่ยวพักร้อนสักพัก แล้วหลังจากนั้นก็กลับลอนดอนไปเข้าร่วมทีม
ฮาจุนรู้สึกประหลาด แน่นอนว่าครอบครัวของเขาอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนว่า บ้านที่อาศัยอยู่ด้วยกันกับมูคยอมที่ลอนดอน เหมาะจะใช้คำว่า ‘กลับไป’ มากกว่า ทั้งที่อยู่มาเพียงครึ่งปีเท่านั้น
ครั้งหนึ่งเขาเคยอยู่ด้วยกันกับครอบครัวตลอดสามร้อยหกสิบห้าวันในหนึ่งปี แต่ตอนนี้ วันที่ได้เห็นหน้าและใช้เวลาด้วยกลับน้อยลงจนนับนิ้วได้ เพราะอย่างนั้น การได้ทักทาย บอกว่าไปดีมาดีในแต่ละวันจึงมีคุณค่ามาก แต่เขาก็พลาดมันไป ในขณะที่ฮาจุนกำลังคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องส่งข้อความไปหาทีหลัง มูคยอมก็พูดขึ้น ทำลายความคิดภายในหัวของฮาจุน
“กินข้าวเช้ากันเถอะ มีน้ำซุปต้มไว้ จะได้แก้เมาค้าง”
“แม่ทำไว้ให้ก่อนไปเหรอ”
“เปล่า ฉันต้มเอง”
คำพูดของมูคยอมทำให้ฮาจุนหลุดหัวเราะเขินๆ ทั้งที่ยังมุดหน้าอยู่กับหมอน
‘ทำอีท่าไหน เขาถึงกลายมาเป็นคนที่ได้กินซุปแก้เมาค้างที่คิมมูคยอมต้มให้ด้วยตัวเองนะ’ ฮาจุนยังจำได้ ว่าเช้าวันนั้นที่ผ่านมานานพอสมควรแล้ว ในหัวของเขาร้องโอดครวญเพราะอาการเมาค้างที่เพิ่งเคยประสบครั้งแรกในชีวิต และทันทีที่เปิดประตูออกไป เขาก็ยืนอึ้งกิมกี่ เมื่อเห็นภาพด้านหลังของอีกฝ่ายซึ่งยืนอยู่ในห้องครัวที่บ้านของเขาเอง
เมื่อวานเขาไม่ได้ดื่มหนักมากเท่านั้น ความทรงจำก็ครบถ้วนดี อาการท้องไส้ปั่นป่วนหรือปวดหัวก็ไม่มีเลย ในระหว่างที่นอนหลับ กระเพาะและลำไส้ของเขาคงจะทำการย่อยอาหารอย่างขันแข็ง เขาจึงเพียงแค่หิวกว่าปกติเท่านั้น ฮาจุนกำลังจะลุกขึ้นจากเตียง แต่แล้วมูคยอมก็พูดขึ้น
“ว่าแต่”
“หืม”
“จำเรื่องที่สัญญากันเมื่อวานได้ไหม”
“หือ”
ฮาจุนกะพริบตาพร้อมกับเงยหน้ามองมูคยอมที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเขาก็นึกถึงบทสนทนาที่คุยกันก่อนนอนขึ้นมาได้ทีหลัง
เมื่อนึกออก ฮาจุนก็กะพริบตาปริบๆ พร้อมกับสังเกตท่าทีของมูคยอมไปโดยไม่รู้ตัว ฮาจุนก้มหน้าลงแล้วครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นยืนข้อมือไปให้อีกฝ่ายอย่างลังเลพร้อมถามขึ้น
“หรือว่า เดี๋ยวนี้เลยเหรอ…”
“ถ้านายโอเค”
“นายชวนกินข้าวเช้านี่ ฉันก็หิวด้วย”
“กินสิ”
คำพูดหน้าหลังของมูคยอมไม่สัมพันธ์กัน เพราะอย่างนั้นจึงไม่รู้ว่าชวนกินข้าวเช้า หรือชวนมีเซ็กส์ หรือชวนกินแล้วค่อยมีเซ็กส์ หรือว่า… คงไม่ใช่ชวนกินไปด้วยมีเซ็กส์ไปด้วยใช่ไหม
“ฉัน… ก็โอเคอยู่หรอก”
“ถ้างั้นรอแป๊บหนึ่ง”
มูคยอมพูดแบบนั้นแล้วเปิดกระเป๋าเดินทางของตัวเอง
‘หรือเขาเตรียมกุญแจมือมาด้วยงั้นเหรอ…’
ฮาจุนคิดว่าถ้าอีกฝ่ายทำแบบนั้นก็ถือว่าเตรียมการมาอย่างพิถีพิถันจนน่ากลัว แล้วเขาก็ต้องพูดอะไรไม่ออก เมื่อมูคยอมไม่ได้เอากุญแจมือออกมาแต่เป็นเนกไทหลายเส้น
“ฉันไม่รู้ว่าจะได้ทำแบบนี้ทันที ก็เลยมีของที่เหมาะจะใช้แทนกันได้แค่นี้”
“อ๋อ อื้อ…”
ถึงจะเป็นคิมมูคยอมก็ไม่ได้พิถีพิถันขนาดนั้น ฮาจุนนั่งหมิ่นเหม่อยู่บนเตียงด้วยใบหน้าขวยเขินเล็กน้อย พร้อมทอดสายตามองอีกฝ่ายถือเนกไทจำนวนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา
“ถ้านายอยากเตรียมให้พร้อมๆ แล้วค่อยทำ ก็เอาไว้ทำทีหลังก็ได้นะ”
“ไม่หรอก ไหนๆ คุยกันแล้วก็ทำเลย”
มูคยอมตอบอย่างเฉียบขาด
ในระหว่างที่มาอยู่เกาหลีรวมถึงช่วงฝึกซ้อมเวิลด์คัพ ไม่ได้มีงานที่ต้องสวมสูทเยอะอะไรขนาดนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย ชุดสูทจำเป็นสำหรับตอนเข้าร่วมงานอีเวนต์ภายนอกอย่างเช่นงานเมื่อวาน และในบรรดานักฟุตบอล มูคยอมก็ค่อนข้างจะมีงานพบปะสังสรรค์เยอะแยะมากมาย เวลาแบบนั้นจึงต้องสวมสูทเพื่อไปพบปะผู้คนอยู่หลายครั้ง
ตอนนี้ มูคยอมในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงทั่วไป วางเนกไทสี่ห้าเส้นในสีที่ต่างกันลงบนเตียงแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าฮาจุน มือของฮาจุนซึ่งวางประสานไว้ระหว่างเข่า ถูกมูคยอมจับไว้
“ยื่นมาข้างหน้าสักเดี๋ยวสิ”
ฮาจุนทำตามคำสั่งโดยไม่ได้พูดอะไร มือขาวที่เคยประสานนิ้ว แยกออกจากกันเพื่อขยับข้อมือให้ชิดกันแล้วยื่นไปตรงหน้ามูคยอม
ตอนนี้ฮาจุนเพิ่งจะตื่นนอน เส้นผมชี้โด่เด่ และสวมเพียงเสื้อยืดแขนสั้นตัวบางและหลวมโคร่งกับกางเกงชั้นในเท่านั้น ต่างกับมูคยอมซึ่งตื่นแต่เช้าจึงอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq ฮาจุนจึงไม่ดึงดันร้องขอ
หากลองคิดดูก็เป็นครั้งที่สามแล้วที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ กัน ในครั้งแรก ฮาจุนปิดบังเรื่องที่ตัวเองสภาพร่างกายไม่ดีและพยายามจะรองรับอีกฝ่าย แต่ก็ทนไม่ไหวจนถึงขั้นอาเจียนแล้วทำทุกอย่างพังไปหมด วันนั้นมูคยอมก็อยากใช้เทกไทปิดตาและมัดข้อมือของเขา
วันนั้นจบลงด้วยการสารภาพรักอย่างเงอะงะและอกหักอย่างแรง วันนั้นก็ตั้งเมื่อไรมาแล้วนะ พอลองคิดๆ ดูตอนนี้ มูคยอมดูเหมือนมีความสนใจในการมัดตัวเขามากๆ มาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว
ครั้งที่สองคือวันที่อีกฝ่ายเห็นเขาเกือบถูกมาร์โคจูบ ฮาจุนได้มีประสบการณ์ถูกมูคยอมผู้เมาเหล้ากักกุมตัว ไม่ใช่ด้วยเนกไทแต่เป็นถึงกุญแจมือ พูดตามตรงว่าถึงเขาลองนึกถึงความทรงจำในวันนั้นดูอีกครั้ง มันก็ไม่ได้น่ารื่นรมย์สักเท่าไรเลย
หลังจากวันนั้น มูคยอมก็ไม่ให้เหล้าโดนปากตัวเองเลยแม้แต่หยดเดียว หากฮาจุนไม่อยู่ร่วมโต๊ะด้วย ตามที่อีกฝ่ายเคยสัญญาไว้กับเขา เพราะรู้ว่ามูคยอมสำนึกผิดเท่าที่ทำได้ ฮาจุนจึงไม่คิดจะยกเรื่องที่ผ่านมาแล้วมาดันทุรังพูดถึง ในมุมมองของฮาจุน ความโกรธและความขุ่นเคืองจะต้องได้รับการคลี่คลายในตอนนั้นๆ ทันที การขุดคุ้ยเรื่องพวกนั้นมาพูดหลังผ่านมาพักหนึ่งแล้ว เป็นการกระทำที่ไม่เอาใจใส่กัน
เพราะในใจของฮาจุนเชื่อมั่นว่านิสัยตอนเมาเหล้าที่แท้จริงของมูคยอมไม่ได้เป็นแบบนั้น เขาจึงถึงกับรู้สึกเสียดายนิดหน่อยที่ช่วงนี้อีกฝ่ายควบคุมตัวเองไม่ให้เมามากเกินไป ถ้าคิมมูคยอมเมา บางครั้งก็น่ารักขึ้นมากแท้ๆ
ทว่าเพราะมีความผิดที่เคยก่อ ฮาจุนจึงไม่จำเป็นต้องผ่อนปรนการควบคุมที่มูคยอมเสนอด้วยเองตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคต ไม่ช่วงปลายปีนี้ก็ช่วงต้นปีหน้า เขาลองดื่มเหล้าด้วยกันจนกว่าอีกคนจะเมาดีไหมนะ… ฮาจุนครุ่นคิดอย่างละเอียด มูคยอมเหลือบมองฮาจุนแล้วปริปากพูดขึ้น
“ตั้งใจคิดอะไรถึงขนาดนั้น”
“…คิดว่านายนี่ชอบมัดฉันเอาไว้มากจริงๆ”
“ตอนนี้ก็คงจะโกหกว่าไม่ใช่ไม่ได้แล้วสินะ”
ในตอนที่ฮาจุนตกอยู่ในห้วงความคิดสั้นๆ มูคยอมผู้ชำนาญก็หัวเราะคิกคักพร้อมทั้งผูกข้อมือของฮาจุนอย่างคล่องแคล่วไปด้วย มูคยอมใช้เนกไทสองเส้นผูกปมเข้าด้วยกันอย่างแน่นหนา แล้วเอามันมาผูกข้อมือทั้งสองข้างของเขาไว้ด้วยกัน จากนั้นก็คล้องเนกไทไว้หลังคอของฮาจุน ฮาจุนไม่ถามอีกฝ่ายว่าตั้งใจจะทำอย่างไรแล้วรอคอยให้มูคยอมทำไป
มูคยอมผูกเนกไทที่คล้องบนคอของฮาจุนให้เป็นวงกลมเหมือนบ่วงหลวมๆ แล้วเอาข้อมือที่มัดชิดกันอยู่ มามัดต่อกับบ่วงนั้นอีกที และแล้วฮาจุนก็กลายมาอยู่ในท่าที่มือสองข้างรวมอยู่ตรงแถวๆ หน้าอกของตัวเอง
ฮาจุนลองดึงข้อมือตัวเองไปข้างหน้าแล้วก็ลงด้านล่างโดยไม่รู้ตัว ก่อนที่มูคยอมจะได้สั่งเสียอีก มือของเขาทำได้แค่ขยับโยกในระยะสั้นมากๆ เท่านั้น ขยับออกจากบริเวณหน้าอกไปไกลๆ ไม่ได้ มูคยอมดูท่าทีของเขาแล้วยิ้มด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“ดูเหมือนจะแน่นหนาดีแล้วนะ”
“ฝีมือนายดีจริงๆ”
ฮาจุนพูดชมออกมานิดหน่อยพร้อมก้มลงมองปมที่มูคยอมมัดซ้อนกันไปมา ถ้าเขาผูกปมแบบเดียวกันนี้ มันคงจะหลวมและพันกันนุงนัง ไม่ได้รัดแน่นหนาและดูดีเหมือนในตอนนี้แน่นอน
“ฉันจะไม่มัดขานายแล้วกัน”
ฮาจุนไม่คิดว่าจะถูกมัดกระทั่งขาด้วยตั้งแต่แรก เพราะอย่างนั้นเขาจึงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดประมาณหนึ่ง
มูคยอมก้มตัวลง สอดมือเข้าไปใต้ต้นขาและแผ่นหลังของฮาจุนที่นั่งอยู่บนเตียง จากนั้นก็ยกตัวเขาขึ้นพรึ่บ
เมื่อโดนกอดในสภาพถูกมัดมือไว้ ฮาจุนจึงไม่สามารถเกี่ยวแขนรอบคอของอีกคนเหมือนปกติได้ เขาเลยรู้สึกไม่ปลอดภัยนิดหน่อย พอฮาจุนเอียงตัวไปด้านหน้า แขนของมูคยอมจึงโอบด้านหลังแผ่นหลังเขาอย่างมั่นคง
เมื่อลงบันได้มา กลิ่นหอมน่าอร่อยก็ลอยมาจากห้องนั่งเล่น EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq ไม่ได้นานอะไร แต่คงผลาญแคลอรี่ไปมากกว่าที่คิด เสียงโครกครากจึงดังออกมาจากในท้องของฮาจุน
มูคยอมจับฮาจุนให้นั่งลงบนเก้าอี้โต๊ะกินข้าว ข้าว เครื่องเคียงสองสามอย่าง และซุปปลาพ็อลแล็คที่มูคยอมบอกว่าต้มเอง ถูกวางเรียงกันไว้ ฮาจุนกลืนน้ำลายอึกใหญ่พร้อมก้มลงมองอาหารตรงหน้า จากนั้นจู่ๆ ก็ตระหนักถึงสภาพตัวเองขึ้นมาได้จึงถามอย่างร้อนรน
“ตอนกินข้าวก็ต้องอยู่แบบนี้เหรอ”
มูคยอมจับช้อนกับตะเกียบขึ้นมาพอดี อีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างหน้าพร้อมพูดตอบ
“แหงสิ”
“จะให้ฉันกินข้าวยังไง นายทรมานฉันโดยให้ดูอย่างเดียวแต่กินไม่ได้เหรอ”
มูคยอมหัวเราะแล้วหยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวหนึ่งคำ อีกฝ่ายตั้งใจจะคุมสถานการณ์โดยการกินข้าวคนเดียวต่อหน้าเขาเพื่อเย้าแหย่กันอย่างน่ารังเกียจแบบนั้นงั้นเหรอ
ฮาจุนหิวข้าวจึงรู้สึกน้อยใจ เขาทอดสายตามองมูคยอมด้วยใบหน้าบึ้งตึง แต่อีกฝ่ายกลับยื่นมือ เลื่อนช้อนมาจ่อปากฮาจุนใกล้ๆ
“อา”
ฮาจุนเพียงแค่กะพริบตาปริบๆ มูคยอมเลิกคิ้วเล็กน้อยขึ้นพร้อมกับเร่งเขาอีกครั้ง
“เร็วสิ อ้าปาก อา”
“ฉันจะกิน…”
“บอกแล้วไงว่าทั้งวันทั้งคืน”
ที่บอกว่าถูกมัดสองมือตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้ายันกลางคืน
ฮาจุนเพิ่งจะเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำพูดอีกฝ่ายในตอนนี้ ใบหน้าของฮาจุนค่อยๆ ขึ้นสีเรื่อ
“นาย นายก็ต้องกินข้าวเช้าด้วยสิ ป้อนฉันทีละช้อนแล้วเมื่อไร…”
“ฉันกินก่อนที่นายจะตื่นแล้ว”
มูคยอมเตรียมพร้อมอย่างถี่ถ้วนตามที่คิด อีกฝ่ายเร่งเป็นครั้งที่สาม
“จะอดข้าวใช่ไหม”
เสียงโครกครากเหมือนฟ้าร้องดังมาจากในท้องอีกหนึ่งครั้ง ฮาจุนไม่คิดจะอดข้าวเลยแม้แต่นิดเดียว เขาจึงค่อยๆ อ้าปากด้วยความลังเล ช้อนกินข้าวร้อนๆ เข้ามาในปาก ในใจเขินอายจนความอยากอาหารที่เคยพุ่งสูง เหือดหายไปครู่หนึ่ง แต่ฮาจุนก็ตั้งอกตั้งใจเคี้ยวแล้วกลืนลงไป
มูคยอมหยิบตะเกียบขึ้นมา ชังโจริม[1]ที่แม่ทำเข้ามาในปากของฮาจุน แล้วเขาก็กินข้าวที่ถูกตักให้อีกคำ จากนั้นก็ลองชิมซุปปลาพ็อลแล็คที่มูคยอมทำ
“เป็นไง ถูกปากไหม”
“อาหารที่นายทำอร่อยหมดทุกอย่างเลย…”
มูคยอมหัวเราะให้กับวิธีพูดที่งึมงำเล็กน้อยเพราะความเขินอาย อีกฝ่ายขยับช้อนตะเกียบสลับกัน คีบอาหารเข้าปากฮาจุนทีละอย่างราวกับพอใจ
ตอนแรกจะกลืนอาหารก็ยังยาก เพราะรู้สึกอายจนเหมือนลำคออุดตัน แต่มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวได้ และฮาจุนก็ค่อนข้างจะได้รับคำชมมากมาย ว่าความสามารถในการปรับตัวเป็นเลิศตั้งแต่สมัยเป็นนักกีฬา คราวนี้เขาก็ค่อยๆ ปรับตัวในสถานการณ์อันไม่คุ้นเคยไปทีละนิด
“ขอซุปอีก”
“อื้อ เอาอะไรอีก”
“จะกินผัดมันฝรั่ง”
ใช้เวลากินข้าวนานกว่าปกติ แต่พอตั้งอกตั้งใจกินอาหารตามที่อีกคนป้อน อาหารก็ค่อยๆ พร่องลงไปถึงก้นถ้วย ตอนนี้อีกไม่กี่ช้อนก็คงจะเกลี้ยงถ้วยแล้ว ในตอนนั้น มูคยอมก็ตบหน้าตักของตัวเอง
“มานั่งตรงนี้สิ”
ฮาจุนขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองมูคยอมทั้งที่ยังเคี้ยวอาหารในปากหนุบหนับ เขาคุ้นเคยกับการกินข้าวแบบถูกตักป้อนให้โดยสมบูรณ์แบบแล้ว จึงกำลังเพลิดเพลินโดยไม่รู้สึกขัดแย้งอะไร แต่สุดท้ายก็รู้สึกเหมือนสะดุดลูกระนาดดังโครมอีกหนึ่งครั้ง ตอนนี้อาหารเหลืออยู่ไม่เท่าไรแล้ว ต่อให้มูคยอมไม่ป้อน ปริมาณอาหารเท่านี้แค่เหลือไว้ก็จบ
ทว่าฮาจุนกลับถอนหายใจเบาๆ แล้วลุกจากที่ไปหย่อนก้นลงบนตักของมูคยอมอย่าระมัดระวัง แล้วก็เป็นอย่างเคย ต้นขาแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น ไม่มีความรู้สึกว่าอ่อนยวบลงเลยแม้มีน้ำหนักของฮาจุนกดลงบนนั้น
ฮาจุนยังเหลือพื้นที่ในท้อง และไม่ชินกับการเหลืออาหารทิ้ง อีกทั้งหลังจากที่เริ่มอาศัยอยู่ด้วยกันมาจนถึงตอนนี้ อาหารที่มูคยอมทำให้ก็ยังไม่เคยกินเหลือเลยสักครั้งเดียว
มูคยอมยิ้มบางๆ แค่ตรงริมฝีปาก จากนั้นก็โอบแขนรอบเอวของฮาจุนแล้วตักอาหารให้ทีละช้อน พออ้าปากรับอาหารในสภาพที่ใบหน้าใกล้กันขึ้นอีกระดับ ก็กลายเป็นว่าเขาเอาแต่ก้มลงจ้องตาของมูคยอมอย่างเดียว ต่างกับเมื่อครู่นี้ ฮาจุนกำลังเคี้ยวเหมือนเครื่องจักร แต่แยกไม่ออกสักเท่าไรว่าอะไรเข้ามาในปากของตัวเอง ไม่รับรู้รสชาติอย่างถูกต้องชัดเจนด้วย
“กินหมดแล้ว”
ชั่วขณะหนึ่ง มูคยอมก็บอกให้รู้ว่ามื้ออาหารจบลงแล้ว ฮาจุนซึ่งอ้าหุบปาก เคี้ยวและกลืนอาหารซ้ำๆ ตามการเคลื่อนไหวมือของมูคยอมอย่างเหม่อลอยราวกับตุ๊กตาใส่ถ่าน ตอนนั้นถึงตั้งสติขึ้นมาได้แล้วตั้งใจจะลุกจากตักของมูคยอมทันที แต่แขนที่เกี่ยวรอบเอวเขากลับไม่ยอมคลายแรงรัดให้
แก้วน้ำเคลื่อนเข้ามาตรงหน้าริมฝีปากของฮาจุน เขาอ้าปากที่เคยปิดสนิทเล็กน้อยแล้วงับแก้ว ฮาจุนอ้าปากรับอาหารที่ช้อนตะเกียบส่งมาให้อย่างฉับไวเหมือนลูกนกก็จริง แต่แก้วน้ำที่คนอื่นเอียงให้ ฮาจุนไม่สามารถปรับองศาให้พอดีกันได้เลย ‘อึกๆ’ เขากลืนน้ำลงไปในคอเสียงดัง แต่น้ำที่กลืนไม่ได้ก็ไหลลงมาใต้ริมฝีปากเป็นทาง
………………………………….
[1] 장조림 ชังโจริม (เนื้อเคี่ยวซีอิ๊ว) เป็นเครื่องเคียงที่ใส่เนื้อลงไปเคี่ยวในซีอิ๊ว