Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 160
ลิ้นที่มีรสชาติของไวน์หวานจัดจ้านหลงเหลืออยู่ รุกล้ำเข้าไปในปากของกันและกันพร้อมเกี่ยวกระหวัดโดยไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แสงแดดสดใสทำให้การมองเห็นเป็นสีขาวสว่าง
มูคยอมยกหน้าขึ้น เลียริมฝีปากของฮาจุนแล้วเคลื่อนริมฝีปากลงไปตามร่างกายพร้อมเสียงดังจุ๊บๆ จากนั้นก็เหลือบขึ้นมามองด้วยสายตาเพียงอย่างเดียว
“ไม่มีใครสักหน่อย จะเป็นอะไรไป”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เข้าไปข้างใน… อื๊อ…”
กระทั่งกางเกงว่ายน้ำตัวหลวมก็ถูกถอดออกไป EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq บนผืนทะเลส่องประกายระยิบระยับ ภายใต้ท้องฟ้าตอนกลางวัน
ฮาจุนหุบขาเข้าหากันทั้งที่เอนตัวนอน ราวกับคนไม่มีที่ให้หนี มูคยอมกดจูบแผ่วเบาลงบนแกนกายที่ยังไม่ตื่นตัว
“ฉันแพ้ เพราะฉะนั้นจะอมให้หนึ่งชั่วโมง”
“ไม่เป็นไร!”
“ถ้างั้นก็แค่มีเซ็กส์ธรรมดาๆ เล่นกันไหม”
มัน ‘ธรรมดา’ ตรงไหนกัน ฮาจุนมองท้องทะเลสีเขียวอมฟ้าที่เข้ามาเติมเต็มสายตาในทันทีที่หันหน้าไปพร้อมกับมึนงงขึ้นมา แต่แล้วความชื้นจากริมฝีปากที่บดเบียดต้นขาด้านในก็ทำให้เอวกระตุกเฮือก
“ไม่รู้เลยว่าคุณแฟนชอบเซ็กส์เอาต์ดอร์ขนาดนี้ แต่จริงๆ แล้วก็สังเกตได้ตั้งแต่เมื่อก่อนที่สนามฝึกซ้อมนอกสถานที่แล้วแหละ ว่านายชอบความตื่นเต้น”
มูคยอมพูดล้อเขาอย่างน่าหมั่นไส้ ฮาจุนหน้าแดง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถพูดปฏิเสธได้
หลังจากมาถึงที่นี่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาสร้างสัมพันธ์กันข้างนอก ทั้งสองคนบดเบียดร่างกายกันหลายรอบแล้ว ในสถานที่อย่างเช่นทางเดินเล่นแถวที่พัก สระว่ายน้ำส่วนตัวในห้อง หรือกระโจมที่สามารถปิดม่านได้
ตอนแรกฮาจุนตกใจมากกับการพยายามอันใจกล้าของมูคยอม แต่หลังจากตระหนักได้ว่าบนเกาะที่เป็นเอกเทศกับภายนอกแห่งนี้ คนอื่นต่างก็เพลิดเพลินกับการเล่นสนุกคล้ายๆ กันนี้เช่นเดียวกัน สุดท้ายฮาจุนก็ปรับตัวเข้ากับแบบแผนอันยุ่งเหยิงของที่นี่เพียงที่เดียวทีละนิดๆ
ทุกครั้งที่สานสัมพันธ์กันข้างนอก ซึ่งเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วก็ไม่รู้ ฮาจุนจะรู้สึกและไปถึงปลายทางได้อย่างรวดเร็วกว่าปกติ เพราะอย่างนั้นต่อให้ถูกล้อ เขาก็ไม่มีโอกาสให้โต้เถียง
“อ๊า…”
แกนกายชูชันขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ มูคยอมเลียไล่มันขึ้นไปเป็นทางยาว ฮาจุนตัวสั่นระริกพร้อมส่งสายตาไปบนผิวน้ำส่องสว่าง จากนั้นก็ต้องหลับตาลงด้วยความสติที่เลือนหาย
รู้สึกเหมือนกำลังกลายเป็นคนปล่อยตัวปล่อยใจอย่างหนัก หากวันหยุดพักร้อนยาวนานต่อไปอีก ไม่ว่าอย่างไร สุดท้ายความคิดคงแปลกประหลาดขึ้น แสงแดดที่สาดส่องมาสะท้อนไปทั่วทุกทิศทางจนรู้สึกแสบตาแม้อยู่ใต้ร่มเงา
* * *
วันหยุดพักร้อนแสนหอมหวานในรีสอร์ตลับซึ่งแยกตัวห่างไกลออกไปอยู่กลางทะเลก็มีจุดสิ้นสุดเช่นกัน มูคยอมลงจากเครื่องบินแล้วบ่นงึมงำว่าอยากกลับไปทันทีที่เท้าแตะพื้น
“ปีนี้พักร้อนสั้นเกินไป ฉันอยากกลับไปรีสอร์ตอีกรอบแล้ว”
“ไม่นะ กำลังพอดีเลย”
วันหยุดพักร้อนสุดหรูที่ได้เพลิดเพลินเป็นครั้งแรกในชีวิตตั้งแต่เกิดมา ฮาจุนมีความสุขมากเหลือล้นราวกับอยู่ในห้วงแห่งความฝัน คิดว่าเวลาแบบนั้นยาวนานประมาณนี้ก็กำลังพอดี
ฮาจุนรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นตัวเอกในเรื่องเล่าปรัมปรา ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับว่า ตัวเอกได้รับเชิญไปงานเลี้ยงฉลองในพระราชวังใต้ท้องสมุทร EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq พอกลับขึ้นมาบนบกก็ผ่านไปแล้วหลายสิบปี เขาเอาแต่กลิ้งไปกลิ้งมาแล้วเล่นสนุกตามที่ตัวเองอยากทำทั้งวันทั้งคืน จนไม่รู้วันเวลาไปโดยสิ้นเชิง
แทนที่จะมุ่งตรงไปลอนดอนทันที ทั้งสองคนกลับแวะที่เอเธนส์ก่อนเพราะที่นี่มีงานปาร์ตี้ที่มูคยอมได้รับเชิญ ดูเหมือนจะเป็นงานที่มีคนที่ต้องเจอมารวมตัวกันอยู่เยอะ อีกคนจึงถือโอกาสนี้คิดจะจัดการเรื่องเล็กเรื่องน้อยหลายๆ เรื่องให้เสร็จเรียบร้อยลงในครั้งเดียว
“วันนี้พักสักหน่อยแล้วช่วงเย็นๆ ไปชอปปิงกันเถอะ นายก็ต้องไปปาร์ตี้ด้วยสิ”
“ฉันด้วยเหรอ”
ฮาจุนย้อนถามด้วยดวงตาเบิกกว้าง มูคยอมตอบกลับด้วยน้ำเสียงปกติราวกับถามว่าแปลกตรงไหน
“ใช่ เรายังไม่เคยไปงานสังคมแบบนี้ด้วยกันเลยนี่ ถ้าจะไปปาร์ตี้ก็ต้องมีชุดนะ”
“อีกแล้วเหรอ เสื้อผ้าที่ซื้อมาแล้วยังไม่ได้ใส่มีอีกตั้งเยอะ”
เพราะมูคยอมซื้อเสื้อผ้าใหม่มาเก็บไว้บ่อยๆ ห้องแต่งตัวของฮาจุนจึงอัดแน่นไปด้วยเสื้อผ้าที่ยังไม่เคยแม้แต่ลองสวม อย่างไรซะ เวลาทำงานเขาก็ต้องใส่ชุดเทรนนิ่งที่ทางสโมสรจัดหาให้เป็นเรื่องปกติ และเวลาไปสถาบันภาษาหรือไปข้างนอกก็สวมเพียงเสื้อเชิ้ตสีพื้นกับกางเกง เวลาอากาศหนาวก็แค่ใส่เสื้อง่ายๆ เท่านั้น
งานที่จะได้สวมพวกชุดสูทที่มูคยอมซื้อเก็บไว้ให้ตั้งหลายชุด ในหนึ่งปีมีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น เสื้อผ้าอย่างพวกกางเกงขาสั้นเกินต้นขาไปครึ่งขา หรือเสื้อฮู้ดลายวัวนมที่ฮาจุนบอกแล้วว่าไม่จำเป็น แต่อีกคนก็บอกว่าน่ารักพร้อมจ่ายเงินเรียบร้อยโดยฮาจุนไม่มีโอกาสได้เลือก ในความเป็นจริงก็ได้ลองใส่แค่ครั้งสองครั้ง… พูดให้ชัดเจนเลยก็คือ มันถูกเก็บเงียบในตู้เสื้อผ้าหลังจากฮาจุนลองใส่แล้วมีเซ็กส์กัน
มูคยอมเช็กอินโรงแรมเสร็จแล้วถอดแว่นกันแดดพร้อมกับหันมามองฮาจุน
“เสื้อผ้าน่ะ ไม่ได้ซื้อมาเพื่อใส่ไปไหนมาไหนสักหน่อย”
“ถ้างั้นเพื่ออะไร…”
“ซื้อเพื่อที่จะได้สนุกเวลาซื้อน่ะสิ”
“…”
คิมมูคยอมเป็นทั้งนักฟุตบอลและเซเลบริตี้ เมื่อก่อนมูคยอมเพลิดเพลินกับการเที่ยวกลางคืนเป็นเรื่องปกติ แต่หลังจากพบกับฮาจุน EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq แต่ก็ยังมีงานที่ต้องไปโดยไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหตุผลแบบนั้น
ระหว่างทางมุ่งหน้าไปยังห้องของโรงแรม มูคยอมอธิบายเกี่ยวกับปาร์ตี้ให้ฟังคร่าวๆ อีกฝ่ายบอกว่าปาร์ตี้ที่ได้รับเชิญคราวนี้เป็นปาร์ตี้การกุศลเพื่อรับบริจาคเงินเป็นกองทุนค่ารักษาโรคหายาก ซึ่งมีผู้คนจากหลายวงการมารวมตัวกัน อย่างเช่น ผู้บริหารธุรกิจหลายประเภทที่เป็นสปอนเซอร์ให้นักกีฬาหรือสโมสร บรรณาธิการนิตยสาร รวมถึงคนในแวดวงบันเทิงอีกด้วย แน่นอนว่าเหล่าสปอนเซอร์และผู้เกี่ยวข้องของสินค้าที่มูคยอมเป็นนายแบบโฆษณาหลายๆ ที่ก็มีกำหนดการว่าจะมา อีกฝ่ายจึงเข้าร่วมงานนี้ด้วย
สถานที่คือคฤหาสน์หลังหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ชายทะเล เป็นบ้านพักตากอากาศของเศรษฐีคนหนึ่งและเป็นสถานที่ที่ถูกใช้จัดงานปาร์ตี้หลากหลายงานเป็นครั้งคราวตั้งแต่เมื่อก่อนแล้วด้วยความใจดีของเจ้าของ
ฮาจุนฟังคำอธิบายแล้วเอียงหัวพร้อมถามขึ้น
“ถ้าไปแล้ว… ฉันจะทำอะไรล่ะ”
คนธรรมดาแบบเขา ถ้าไปเข้าร่วมงานรวมตัวของเหล่าบุคคลมีชื่อเสียงแบบนั้นแล้วจะทำอะไรนะ
ฮาจุนรู้สึกเกร็งขึ้นมาตั้งแต่ตอนนี้ มูคยอมน่าจะยุ่งวุ่นวายเพราะต้องไปเจอคนนู้นคนนี้ ถ้าเขาตามหลังอีกคนต้อยๆ แบบไม่มีประโยชน์อะไรก็จะได้แต่รบกวนอีกฝ่ายไม่ใช่เหรอ
“ก็จะทำอะไรล่ะ แค่สนุกไปกับมันก็พอแล้วสิ อาหารอร่อยๆ ก็เยอะ เหล้าก็มี ดาราดังๆ ก็มาเยอะ บางทีพวกนักบอลก็น่าจะมากันจำนวนหนึ่งนะ… ยังไงก็เถอะ แค่ไปชมงานเฉยๆ ก็น่าจะไม่เบื่อแล้วแหละ นายเตรียมพร้อมที่จะดูดีขึ้นในพรุ่งนี้ก็พอ แล้วอีกเดี๋ยวไว้ไปซื้อเสื้อผ้ากัน”
ทว่ามูคยอมก็เอาแต่บอกว่ามันจะสนุก ราวกับว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นห่วงเรื่องแบบนั้น มันไม่ใช่ที่ที่ไปเพื่อทำงานอย่างเข้มงวดสักหน่อย ถือเสียว่าไปเที่ยวเล่นก็ได้ และการกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ดูจะเป็นการกระทำไร้ประโยชน์ ฮาจุนจึงไม่กังวลอะไรเพิ่มมากกว่านี้แล้วปิดปากเงียบไป
* * *
คืนวันต่อมา ทั้งสองคนขึ้นมาบนรถที่ฮาจุนเป็นคนขับ
รถยนต์ขับออกจากถนนที่มีผู้ร่วมสัญจรมากมายแล้วเข้าสู่ถนนที่มองเห็นรถแค่บางตา ตัวถนนโล่งแต่คนที่มีจุดหมายปลายทางเดียวกันคงมีจำนวนพอสมควร จึงเห็นรถหรูคันใหญ่อยู่เรื่อยๆ
ตอนนี้ฮาจุนก็ขับรถคล่องแล้ว ตอนอยู่กับมูคยอมสองคน EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq แต่การได้ขับบนถนนเงียบโล่งแบบนี้เป็นครั้งคราวทำให้ฮาจุนอารมณ์ดี สายลมกับเสียงทะเลที่ได้ยินจากไกลๆ ทำให้รู้สึกสบาย
ฮาจุนเพลิดเพลินกับอากาศสดชื่นด้านนอกหน้าต่างที่เปิดออกไว้ แล้วจู่ๆ ก็ส่งสายตาไปทางด้านหน้า เขาเริ่มมองเห็นตึกขนาดใหญ่ที่ส่องสว่างราวกับปราสาทเวทมนต์ ตั้งอยู่ใกล้ชายหาดที่แทบไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่นใด
รถเข้าไปในคฤหาสน์โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผ่านประตูมาแล้ว รถวิ่งอยู่บนบริเวณด้านนอกกว้างขวางและมีไฟเปิดสว่างพักหนึ่ง ข้างถนนมีลำธารเทียม หลอดไฟ และรูปปั้นตั้งเรียงรายเป็นแถว ตึกที่มองเห็นด้านนอกหน้าต่างรถ คือคฤหาสน์ทรงสูงตระหง่านที่มีประตูทรงโค้งบานมหึมาและกระทั่งหลังคาก็สูงลิ่ว ฮาจุนคิดว่าบ้านของมูคยอมก็เหมือนปราสาทมากพอแล้ว แต่เมื่อเทียบกับที่นี่ อย่างไรก็ยังให้ความรู้สึกเหมือน ‘บ้าน’ มากกว่า
ที่นี่ไม่ใช่บริษัทหรืออาคารสาธารณะ ไม่ใช่บ้านอีกต่างหาก แต่เป็นบ้านพักตากอากาศเนี่ยนะ ในระหว่างที่ฮาจุนอ้าปากค้างเล็กน้อยพร้อมกับชื่นชม มูคยอมก็พูดขึ้น
“หยุดรถเลย ลงไปกัน”
“ไม่เอาไปจอดเหรอ”
“คนที่นี่จะจอดให้”
เมื่อเข้าไปได้ระยะหนึ่ง มูคยอมก็ลงจากรถไปเสียดื้อๆ ฮาจุนเองก็ลงรถตามหลังไป EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq เสร็จแล้วก็ยื่นธนบัตรให้ บางทีคงจะเป็นทิป
ไม่ว่าจะเป็นริมถนนในย่านคึกคักหรือสวนสาธารณะเงียบสงบ ไม่ว่าจะเป็นสนามฝึกหรือสนามแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นบ้านที่โซลหรือคฤหาสน์เศรษฐี ถ้าบอกว่ามีสิ่งที่เท่าเทียมกันของสถานที่เหล่านั้นก็คืออากาศภายนอก เมื่ออากาศอบอุ่นยามกลางคืนโอบล้อมร่างกาย ฮาจุนก็เบาใจเพราะคิดขึ้นมาว่า สุดท้ายที่นี่ก็เป็นที่ที่ผู้คนดำเนินชีวิตเหมือนกัน
“ไปกัน”
ฮาจุนเดินเข้าไปใกล้เพราะมูคยอมกวักมือ แต่อีกคนกลับปราดตามองพร้อมกระตุกยิ้ม ฮาจุนถามขึ้นอย่างระแวง
“ทำไม”
“ดูดีนะ แฟนฉัน หน้าตานายดีเกินกว่าจะกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่แค่ที่สนามฝึกนะ”
“พูดอะไรของนาย นายหน้าตาดี หน้าตาดีกว่าอีก…”
ฮาจุนถึงกับพูดตะกุกตะกัก ตอนนี้เห็นคิมมูคยอมอยู่ทุกวัน แต่เขาก็ยังไม่ชินภาพคิมมูคยอมใส่สูทซึ่งได้เห็นเป็นบางครั้ง เพราะอย่างนั้นการสบตากับอีกฝ่ายจึงไม่ง่ายเลย
มูคยอมรูปร่างสูงใหญ่และแข็งแรง อีกทั้งผิวก็เป็นสีแทน ถ้าอีกฝ่ายสวมสูท สูทก็จะห่อหุ้มร่างกายของฃราวกับเป็นชุดอีกชุดหนึ่งที่ไม่ให้ความรู้สึกแปลกประหลาด ต่างกับพวกคนที่ทำงานในออฟฟิศ จะว่ายังไงดีล่ะ ต้องบอกว่าดูอันตรายนิดๆ หรือเปล่านะ ถึงเขาจะไม่เคยพูดแบบนี้กับมูคยอมตรงๆ ก็เถอะ
ว่ากันว่าถ้าตัวใหญ่และแน่นเพราะมีกล้ามเนื้อ ก็จะได้ชื่อว่าเป็น ‘ไม้แขวนเสื้อ’ ที่ไม่ดี แต่สำหรับมูคยอมนั้นต่างออกไป ไหล่ แผ่นหลังและหน้าอกของอีกฝ่ายกว้างแต่เอวคอดเพราะต้องสร้างสมดุลให้ร่างกายอย่างเหมาะสม ทำให้เกิดเป็นหุ่นทรงรูปสามเหลี่ยมคว่ำที่แสนจะดูดี แขนขาแน่นๆ ก็เหยียดยาวจึงไม่ให้ความรู้สึกว่าดูล่ำตัน ถึงแม้ว่ากล้ามเนื้อจะเติบโตดีก็ตาม
พอเสื้อเชิ้ตออกงานสีขาวพอดีตัวกับทักซิโด้สีดำถูกสวมลงบนหุ่นแบบนั้น มูคยอมก็ดูเหมือนกับเป็นบุคคลสำคัญที่แฝงตัวเข้ามาในงานปาร์ตี้แบบลับๆ ปกเสื้อเชิ้ตที่ไม่กว้างนัก เข้ากันกับลำคอเหยียดตรงและสันกรามคมเป็นอย่างดี เนื้อผ้าที่เหมือนกับตัดเย็บให้เข้ากับผิวสีเข้มอย่างพอดิบพอดี ปรับภาพลักษณ์โดยรวมแล้วปล่อยกลิ่นอายบรรยากาศเซ็กซี่ออกมา
“หล่อมากๆ เลย…”
“ไม่ใช่ว่าเพิ่งคิดตอนนี้ใช่ไหม”
“คนเขาชมแล้วยังจะว่าอีก”
มูคยอมหัวเราะเสียงดังพลางถามขึ้น แต่ฮาจุนกลับตอบโต้กลับไปโดยแกล้งทำเป็นว่าไม่ใช่แล้วปิดปากเงียบทันควัน
ปาร์ตี้ที่มาร่วมกันนี้ ทำให้เขารู้สึกลำบากใจอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งก่อนมา แต่พอคิดว่าจะได้เห็นภาพลักษณ์แบบนี้ของมูคยอมตั้งหลายชั่วโมง ฮาจุนก็คิดว่าดีแล้วที่มา EG4YAup2hySgcimq8MkLuB6e34rNB2SF9h94LL1ryzzq เขาก็รู้สึกเหมือนเจอสมบัติแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับได้เป็นคู่ออกงานกับเจ้าตัวเลยทีเดียว
หลังจากเข้าไปในคฤหาสน์ กระทั่งเศษซากความกังวลที่เคยหลงเหลืออยู่เล็กน้อยก็ปลิวหายไปหมด ด้านในโอ่โถงและหรูหรา ทั่วทุกหนแห่งสว่างไสวไปด้วยโคมระย้าเพื่อรับรองงานปาร์ตี้ เพียงทัศนียภาพนั้นก็มีค่ามากพอที่จะดูชม และทันทีที่เข้ามาในโถง ฮาจุนก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอย่างฉับพลันเพราะได้เผชิญหน้ากับเหล่าคนดัง
ตามที่มูคยอมพูด แน่นอนว่างานนี้เป็นงานที่แค่นั่งอยู่ที่ไหนสักที่นิ่งๆ แล้วกินอาหารพร้อมกับมองดูผู้คนก็เพียงพอที่จะทำให้เพลิดเพลินได้แล้ว ฮาจุนกำลังมองดูรอบๆ เล็กน้อยพร้อมกับเดินอยู่ข้างๆ อีกฝ่าย แต่แล้วหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งก็ทำเหมือนจะรู้จักมูคยอม
“คิม ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ”
“ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ เทเลอร์”
“คุยเรื่องงานกันทันทีที่ได้เจอก็ดูจะไม่สมควรเท่าไร แต่คุณได้รับเอกสารที่ทางเอเจนซี่ส่งไปหรือยังคะ”
“ผมตอบตกลงไปแล้วครับ น่าจะเหลือแค่ขั้นตอนแลกเปลี่ยนครับ”
การมองดูมูคยอมพูดคุยเรื่องงานก็สนุกพอสมควร พอได้เห็นแบบนี้ ถ้าไม่บอกว่าเป็นนักฟุตบอลก็คงจะไม่รู้เลย หญิงวัยกลางคนที่พูดคุยกับอีกฝ่าย
มองฮาจุนพร้อมถามขึ้น
“คุณคนนี้?”
“คู่ควงของผมในวันนี้ครับ”
คำตอบนั้นทำให้ดวงตาของหญิงวัยกลางคนเบิกกว้าง เธอมองฮาจุนกับ
มูคยอมสลับกันแล้วปริปากพูดขึ้นก่อนด้วยเสียงที่แผ่วเบาลงเล็กน้อย
“โอ้ คิม ขอเสียมารยาทหน่อยนะคะ หรือว่า…”
“ปีที่แล้วอยู่ทีมเดียวกันที่เกาหลี แต่เขาอยากเรียนรู้งานจากทางนี้น่ะครับ เป็นโค้ชของทีมเราแล้วก็อาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับผม วันนี้มาด้วยกันเพราะคิดว่าน่าจะเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ครับ”
“อ๋อ อย่างนั้นเองสินะคะ”
หญิงวัยกลางคนยิ้มพร้อมกับพูดแนะนำตัวอย่างมีมารยาท สำหรับกรรมการบริษัทแฟชั่นแบรนด์ดังแล้ว ตัวตนของเขาน่าจะถูกลืมในไม่ช้า ฮาจุนรู้อยู่แล้วแต่ก็ยิ้มพร้อมกับทักทายตอบ
เมื่อเธอเดินไปไกลแล้ว ฮาจุนจึงกระซิบกับมูคยอม
“ถ้าบอกว่าเป็นคู่ควงแล้วจะเข้าใจเป็นความหมายเชิงนั้นเหรอ”
“ก็ คงจะสงสัยขึ้นมาสักครั้งแหละ”
“งานนี้มากับฉันแล้วไม่เป็นไรจริงหรือเปล่า ถ้าคนอื่นเข้าใจผิดกันโดยเปล่าประโยชน์ล่ะ”
“ต่อให้เป็นแบบนั้น เขาก็แค่คาดเดากันเอง ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
ฮาจุนเฝ้ามองมูคยอมกระทั่งตอนที่อีกฝ่ายได้รับความยากลำบากเพราะพวกข่าวฉาวทั้งหมดในระหว่างนั้น สำหรับฮาจุนแล้ว คำพูดของอีกคนไม่ได้ทำให้อุ่นใจสักเท่าไร เขาสังเกตรอบข้างอย่างระมัดระวังเพราะสงสัยขึ้นมาว่าอยู่ด้วยกันที่นี่ได้จริงๆ ใช่ไหม แต่แล้วมูคยอมก็โอบไหล่เขา
“พูดให้ถูกต้องก็ไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดสักหน่อยนี่ ปล่อยข่าวลือสักหน่อยดีไหม แต่ก็เป็นความจริงนี่นะ”
“อย่าพูดแบบนั้นออกมาง่ายๆ นะนาย”
ทว่ามูคยอมเพียงแค่หัวเราะหึๆ แล้วดึงฮาจุนให้เข้าไปด้านในมากกว่าเดิม ฮาจุนอยากคลายความตึงเครียดจึงดื่มแชมเปญไปประมาณสองแก้ว และในระหว่างนั้น มูคยอมก็ทักทายกับหลายๆ คนแล้วแนะนำฮาจุนให้รู้จักอีก
ฮาจุนสนุกกับบรรยากาศที่เพิ่งเคยประสบครั้งแรกในชีวิตก็จริง แต่ก็เหนื่อยล้าอย่างรวดเร็วเนื่องจากความเกร็งในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยมอบให้ เขาเห็นโซฟาว่างจึงตั้งใจว่าจะไปนั่งตรงนั้นสักหน่อย แต่แล้วชายวัยกลางคนคนหนึ่งก็เดินมาหามูคยอม
“คิม อยู่ตรงนี้เอง”
“อ้อ แม็กก็มาเหรอครับ”
ฝ่ายนั้นดูเหมือนคุ้นเคยกันกับมูคยอม แต่สำหรับฮาจุนแล้ว เพิ่งจะเคยเจอเป็นครั้งแรก ชายคนนั้นทักทายฮาจุนสั้นๆ เช่นเดียวกัน จากนั้นก็หมุนตัวไปหา
มูคยอม
“คุยกันแค่สองคนสักครู่ได้หรือเปล่า”
“ที่นี่เหรอครับ ถ้าคุยเรื่องงาน เอาไว้ทีหลังก็ได้”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้ ฉันจะไปทำงานนอกสถานที่ที่อเมริกา ไหนๆ วันนี้ก็เจอกันแล้ว ถ้าได้คุยคร่าวๆ ก็คงดี”
มูคยอมยักไหล่ราวกับบอกว่าช่วยไม่ได้ จากนั้นก็หันมามองฮาจุน
“นายพักอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ฉันไปคุยแป๊บเดียว เสร็จแล้วเดี๋ยวกลับมา”
“อื้อ ค่อยๆ คุยแล้วค่อยมานะ”
“ใครมาชวนไปไหนก็อย่าตามเขาไปล่ะ อยู่ตรงนี้”
“เข้าใจแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงน่า”
“สัญญาแล้วนะ”
“บอกว่ารู้แล้วไง สัญญา”
ฮาจุนหยิบแชมเปญหนึ่งแก้วซึ่งวางไว้บนถาดของพนักงานเสิร์ฟที่เดินผ่านไปพอดี จากนั้นก็ยิ้มพลางนั่งลงบนโซฟา
มูคยอมหันมามองเขาอีกหนึ่งครั้งพร้อมพูดเสียงดังว่า “อยู่ตรงนั้นนะ” ราวกับไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย ฮาจุนโบกมือให้อีกคนเป็นความหมายว่าไม่ต้องกังวล แล้วดื่มแชมเปญหนึ่งอึกด้วยความรู้สึกสบายใจขึ้น
“อร่อยจัง…”