Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 23
ฮาจุนเรียกชื่อมูคยอมขึ้นมาอย่างไม่คิดชีวิตทั้งที่ยังนอนคว่ำหน้าและถูกแขนทั้งสองข้างรั้งไหล่ไว้ มูคยอมได้ยินเสียงของอีกฝ่ายจึงได้สติขึ้นมา ฮาจุนกำลังพูดกับเขาราวกับอ้อนวอนพลางร้องครางไปด้วย
“ฮะ อึก ฮึก รีบ อา ขอร้อง เร็ว”
“เร็วๆ เหรอ อาา ให้ ใส่เข้าไป เร็วกว่านี้เหรอ”
“ไม่ใช่! ฮะ อือ มะ ไม่ อา อ๊ะ อ๊า! สะ เสร็จ เร็วๆ!”
ฮาจุนร้องเสียงหลงทุกครั้งที่มูคยอมกระแทกกายเข้ามาอย่างหนักหน่วง คำพูดลามกที่อีกฝ่ายพูดออกมาอย่างไม่รู้ตัวยิ่งทำให้อารมณ์ของมูคยอมพุ่งสูงขึ้น ความรู้สึกร้อนแรงที่เข้าครอบงำทุกอณูของร่างกาจนจะระเหยกลายเป็นไอคือความต้องการอันรุนแรงที่มูคยอมไม่เคยสัมผัสมาก่อนเวลามีเซ็กซ์
มูคยอมขบกัดใบหูแดงก่ำของฮาจุนที่กำลังก้มหน้างุดลงกว่าเดิม เขาเอาฟันขบเบาๆ ราวกับเคี้ยวหมากฝรั่งและขยับสะโพกกระแทกเข้าออกเร็วและแรงขึ้นจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันเพื่อที่จะปลดปล่อยตามที่ฮาจุนร้องขอโดยไม่พูดอะไร
“อา ฮะ แฮก”
“อะ อือ อื้อ อะ อือ ฮือ อืออ อะ อะ อ๊า…!”
ร่างกายที่สั่นคลอนเพราะแรงกระแทก เสียงครางยาวที่ดังขึ้นตามจังหวะช้าเร็วราวกับกลั้นไว้ไม่อยู่ตามจังหวะที่สั่นคลอน มูคยอมรู้สึกว่าในหัวเต็มไปด้วยเสียงครางของฮาจุน พร้อมกับที่เขาปลดปล่อยน้ำกามพุ่งพรวดออกมาโดยที่แก่นกายยังฝังลึกอยู่ภายในช่องทางที่ตอดรัดอย่างรุนแรง เขาไม่ได้ถามว่าปล่อยข้างในได้หรือเปล่า และปลดปล่อยน้ำกามให้ไหลผ่านเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายโดยไม่คิดจะถอนกายออกไป ฮาจุนตะเกียกตะกายขาไปมา ร่างกายบิดเร้ากว่าเมื่อสักครู่ อาจเพราะรู้สึกได้ถึงของเหลวที่กำลังปลดปล่อยเข้ามา
“ฮู่ แฮก…”
เสียงลมหายใจติดขัดดังขึ้นจากมูคยอม แม้จะรู้สึกถึงน้ำกามที่พุ่งออกมาได้อย่างชัดเจน แต่มูคยอมก็ยังคงกดแช่แก่นกายไว้กระทั่งปลดปล่อยจนหมด ปกติแล้วเขาก็ไม่ได้ทำถึงขนาดนี้ แต่ไม่รู้ทำไมอีกฝ่ายก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจเท่าไหร่
ปกติแล้วหากพูดว่ามีเซ็กซ์เพื่อระบายความเครียดก็จะหมายถึงการสลัดความคิดไร้สาระอื่นๆ ทิ้งไปแล้วผ่อนคลายกับการปลุกเร้าอารมณ์และความรู้สึกดีที่ได้ปลดปล่อย แล้วการมีเซ็กซ์กับฮาจุนครั้งนี้ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เขาจดจ่ออยู่กับการทำเท่านั้น ทั้งที่เคยมีประสบการณ์มามาก
ดีที่ก้นของฮาจุนรองรับน้ำกามเข้าไปในท่าหมอบคว่ำ น้ำกามที่ถูกปลดปล่อยเข้าไปในนั้นจึงถูกกักเก็บไว้เป็นอย่างดี แทบไม่มีน้ำกามไหลออกมา ดูสะอาดเหมือนตอนเริ่มต้นไม่มีผิด ทำให้มูคยอมรู้สึกพอใจมาก
“สะ เสร็จแล้วเหรอ”
มูคยอมได้ยินเสียงอู้อี้ของฮาจุนที่เบาหวิวจนกลืนไปกับผ้าปูที่นอน เขามองแผ่นหลังของฮาจุนที่กำลังนอนราบไปกับผ้าปูที่นอนแล้วสอดมือเข้าไปที่หน้าพลางดึงเข้าหาตัว
สะโพกของฮาจุนถูกยกลอยขึ้นอยู่ในท่าคลานเข่า ทำให้มูคยอมเห็นภาพช่องทางที่เคยตอดรัดแก่นกายของเขาไว้ขยายออกอย่างชัดเจน
“อ๊ะ…”
อาจเพราะรู้สึกอับอายกับท่าทางที่มีเพียงสะโพกที่ถูกยกสูงขึ้น ฮาจุนจึงรีบตั้งแขนให้ร่างกายส่วนบนลอยขึ้นด้วยท่าทีซวนเซ มูคยอมจ่อส่วนปลายแข็งขืนที่ช่องทางหลังอีกครั้งและสอดใส่เข้าไปจนสุดความยาว
“อะ อ๊ะ อ๊าา!”
ผนังด้านในบีบรัดแก่นกายมูคยอมแน่นทันที เขาเห็นสะโพกของฮาจุนโก่งขึ้นและไหล่ที่สั่นไหวแม้จะอยู่ในท่านอนคว่ำ
ไม่รู้ว่าฮาจุนถามเพราะอยากให้มันจบลงหรือถามเพราะเสียดายที่มันจบลง แต่คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าขอให้เขารีบเสร็จเพราะว่าอยากให้มันจบลง
มูคยอมกระแทกเข้าไปซ้ำๆ จนเกิดเสียง ฮาจุนที่ขยับไปตามแรงนั้นค้ำร่างกายส่วนบนไว้ไม่อยู่และค่อยๆ ตกลงไปแนบกับเตียง มีเพียงสะโพกที่ยกลอยขึ้น มูคยอมจับสะโพกของอีกฝ่ายไว้แน่นแล้วสอดลึกเข้าไปแช่คาไว้ เขารู้สึกดีกับการปล่อยให้ผนังด้านในของอีกฝ่ายขมิบตอดรัดแก่นกายของเขาตามใจ
“อา…”
“ฮะ อึก อ๊ะ อ๊ะ ฮะ อื้อ”
เพราะอยากจะรู้สึกถึงความรู้สึกเหนียวหนึบหนับจึงจงใจถอนตัวออกมาช้าๆ ช่องทางหลังของอีกฝ่ายก็บีบรัดไว้แน่นราวกับไม่อยากให้ถอนออกไป มูคยอมยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเพียงแค่มองลงไปเห็นฮาจุนดิ้นไปมาพร้อมกับถูหน้าไปกับผ้าปูที่นอน
หลังจากกระแทกกายเข้าไปถี่รัวมูคยอมก็หยุดขยับเอวอีกครั้ง เมื่อเขาหยุดขยับ ช่องทางด้านในของอีกฝ่ายก็หดตัวบีบรัดแน่นราวกับรู้สึกคั่งค้าง แรงสั่นของขาที่รองรับน้ำหนักไว้ก็ถูกส่งผ่านมาที่ฝ่ามือด้วย
“อะ อ๊า… อะ อ๊ะ พะ พอ ดะ ได้แล้ว…!”
เขาคิดว่าตนเองสามารถทำมันได้ตลอดทั้งคืน หรือจะอีกกี่รอบก็ได้ มูคยอมเริ่มสอบสะโพกเข้าออกอย่างรุนแรง ฮาจุนหายใจหอบและพูดต่ออย่างตะกุกตะกัก
“ฮะ อึก บอกว่า พะ พอได้แล้ว… อ๊า เสร็จแล้ว ฮึก! ก็พอ ดะ ได้แล้ว…!”
“ฉันไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อย”
มูคยอมบอกว่ามันจะจบก็ต่อเมื่อเขาเสร็จ แต่ไม่เคยบอกว่าเสร็จไปหนึ่งรอบแล้วจะหยุด ฮาจุนพูดไม่ออกกับคำตอบของอีกฝ่าย เขาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้พลางส่งเสียงครางออกมา มูคยอมได้ยินดังนั้นก็โน้มตัวลงไปกระซิบข้างหู
“ฉันจะหยุดให้ก็ได้ รอบนี้มาเสร็จพร้อมกันไหมล่ะ”
มูคยอมเอื้อมมือไปหาแก่นกายของอีกฝ่าย เขาสงสัยว่ามันจะเป็นอย่างไรเพราะฮาจุนเสร็จไปแล้วหนึ่งรอบ แต่แก่นกายของฮาจุนกลับแข็งขืนขึ้นอีกครั้งคล้ายกับมีอารมณ์กับท่านี้ มูคยอมกระตุกยิ้มมุมปาก กอบกุมแก่นกายของอีกฝ่ายที่ลื่นไปด้วยของเหลวสีใสแล้วขยับรูดพลางขยับเอวสอดใส่จากด้านหลัง ฮาจุนส่ายศีรษะไปมาพลางส่งเสียงร้อง
“อ๊ะ อือ อื้อ ฮ้าา! อ๊า! อ๊ะ ชะ ช่วย ช่วยด้วย อ๊ะ! อ๊า!”
“เป็นอะไรไป ใครจะ แฮก ฆ่านาย หือ”
ถึงทำยังไงก็หนีไม่ได้ แต่ฮาจุนก็ยังคงขยับสะโพกไปมา เสียงครางอ้อนวอนดังออกมาไม่ขาดสาย พอแก่นกายแข็งขืนขึ้นและกระตุกหลายครั้งเมื่ออีกฝ่ายขยับมือชักรูดขึ้น ฮาจุนจึงพูดขอร้อง
“คิมมูคยอม จะ จะเสร็จ ละ แล้ว เอาออกไป ฮะ อ๊ะ อึก”
“ทนอีกหน่อย ฉันบอกให้เสร็จพร้อมกันไง”
“ทะ ทน มะ ไม่ไหว… ฮือ อือ อื้อ อ๊ะ… อ๊ะ อ๊าา!”
มูคยอมรู้สึกร้อนวาบในมือ ที่เขาบอกให้อีกฝ่ายอดทนมันไร้ความหมาย แต่พอรู้ว่าฮาจุนปลดปล่อยออกมาเขาก็ใกล้จะถึงฝั่งฝันเป็นรอบที่สองแล้วเช่นกัน
มูคยอมสูดหายใจเข้าทางปากดังซี้ดพลางขยับลงไปคร่อมทับฮาจุนไว้ทั้งตัว สะโพกที่ยกขึ้นสูงตกลงบนเตียงอีกครั้งและทาบไปกับร่างกายส่วนล่างของมูคยอม แก่นกายที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการถูกฝากฝังไว้ในร่างกายของอีกฝ่าย
“แฮก ฮึ อะ อึก อะ อ๊ะ อา…”
ฮาจุนหายใจหอบเสียงดังราวกับหายใจไม่ออก มูคยอมไม่ได้ถอนกายออกในทันทีและขยับเอวช้าๆ อีกไม่กี่ครั้งขณะที่ปลดปล่อยไปด้วย กว่าจะเสร็จรอบที่สองก็ใช้เวลาไปมากทีเดียว หลังจากแน่ใจว่าแก่นกายอ่อนตัวลงเล็กน้อย มูคยอมจึงค่อยๆ ถอนแก่นกายที่ยังคงขยายใหญ่ออกจากช่องทางระหว่างบั้นท้ายขาวของอีกฝ่าย
มูคยอมรู้สึกดีเมื่อเห็นปากทางที่หุบไม่เข้าเพราะถูกกระแทกเป็นเวลานาน รวมถึงเงาของตัวเองที่ปกคลุมแผ่นหลังขาวบางของอีกฝ่ายเหมือนกับร่มเงา
แม้มูคยอมจะเบี่ยงตัวออกไปแล้ว แต่ฮาจุนก็ยังไม่ขยับไปไหน ทำเพียงนอนคว่ำหอบหายใจอยู่อย่างนั้น มูคยอมนอนเท้าแขนมองอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มออกมาพลางใช้มือฟาดลงบนบั้นท้ายของอีกฝ่ายเบาๆ
“เสร็จแล้วน่า เลิกประท้วงได้แล้ว”
มูคยอมบอกอีกฝ่ายสั้นๆ ตอนนั้นเองฮาจุนถึงใช้มือยันผ้าปูที่นอนแล้วหันหน้าออกมาด้านข้างและเช็ดน้ำตาที่นองไปทั่วใบหน้าแดงโดยที่ยังนอนคว่ำอยู่เหมือนเดิม
นอนคว่ำซุกใบหน้าใสซื่อไร้พิษภัยไว้แบบนี้คืออะไร มูคยอมเช็ดน้ำตาที่หางตาออกให้พลางบ่นพึมพำ
“จริงๆ ก็อยากทำต่อ…”
ได้ยินดังนั้นแววตาของฮาจุนก็สั่นไหวด้วยความกังวล
“ปกตินายทำแค่รอบสองรอบก็พอแล้วเหรอ” มูคยอมถามขึ้นเสียงเข้ม
ฮาจุนลังเลคล้ายสับสนและตอบกลับไปเหมือนแก้ตัว
“…ก็ไม่เสมอไป… แต่วันนี้เหนื่อยนิดหน่อย…”
“ไงก็เถอะ วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว”
ฮาจุนใช้แขนยันตัวขึ้นมาด้วยความลังเล
“ฉันก็…”
“ไปอาบที่ห้องน้ำรอบก่อน”
พอมูคยอมลุกขึ้นยืน ฮาจุนก็พยักหน้าและก้าวลงจากเตียงด้วยทันที ตอนนั้นเองที่ฮาจุนทรงตัวไว้ไม่อยู่เหมือนกับขาหมดแรงไปชั่วขณะ โชคดีที่เซไปคว้าหัวเตียงไว้ได้ทันจึงกลับมายืนตรงได้ มูคยอมที่เกือบจะเดินเข้าไปอย่างเร่งรีบด้วยความตกใจเพราะคิดว่าอีกฝ่ายจะล้มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ทำไมเขาต้องรู้สึกเหมือนกำลังมองลูกม้าหรือลูกวัวแรกเกิดหลังมีเซ็กซ์กันเสร็จด้วย หรือต้องเรียกว่าเป็นความรู้สึกแปลกใหม่จนนาทีสุดท้ายดี มูคยอมลอบยิ้มอย่างรู้สึกทึ่ง แม้ฮาจุนจะยืนตรงแล้วแต่ก็ไม่ได้เดินไปไหนและยืนเฉยๆ อยู่ที่เดิม
“ทำอะไร”
“…เอ่อ”
ฮาจุนตอบเหมือนไม่ได้ตอบ อีกฝ่ายกะพริบปริบๆ หน้าแดงขึ้นมาเหมือนคนทำอะไรไม่ถูก และเหมือนว่าจะแดงกว่าตอนที่มีเซ็กซ์กันด้วย มูคยอมที่ไม่เข้าใจสถานการณ์จึงขมวดคิ้วและเดินเข้าไปใกล้
“เป็นอะไรไป เดินไม่ไหวเหรอ”
มูคยอมไล่สายตามองร่างกายเปลือยเปล่าตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนมองที่หว่างขาที่อ้าออกจากกันเล็กน้อย ตรงระหว่างต้นขาของฮาจุนมีของเหลวสีขาวขุ่นกำลังไหลลงมาตามขาและหยดลงบนพื้น ก็สมควรไหลออกมาอยู่แล้วเพราะเขาไม่ได้ใส่ถุงยางและแตกใน
ทั้งที่เป็นเรื่องที่เดาได้อยู่แล้ว แต่ฮาจุนก็ยังคงรู้สึกเขินอาย และซ่อนสีหน้าตกใจไว้ไม่อยู่ขณะที่ตัวแข็งทื่อ มูคยอมเห็นแล้วก็ยิ่งอยากแกล้ง จะหลุดหัวเราะออกมาอยู่เรื่อย แต่เขาก็แกล้งพูดขู่ฮาจุนด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมแทน
“ทำไงได้ล่ะ นายขอให้รีบเสร็จฉันเลยปล่อยออกมาหมด”
ฮาจุนตอบไม่ถูก เขาเสยผมและลนลานตอบเหมือนแก้ตัวด้วยใบหน้าที่แดงก่ำยิ่งกว่าเดิม
“โทษที เดี๋ยวฉันเช็ดให้ แค่บอกว่าอุปกรณ์ทำความสะอาดอยู่ที่…”
“ช่างเถอะ รีบไปอาบน้ำซะ อย่าปล่อยให้ไหลไปมากกว่านี้”
มูคยอมดันหลังพร้อมกับบอกให้ฮาจุนไปห้องน้ำ ฮาจุนเข้าห้องน้ำไปพร้อมกับทิ้งคำพูดไว้คำหนึ่ง
“โทษทีนะ ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีก”
น่าตลกที่เขาเป็นคนปล่อยข้างในแต่อีกฝ่ายกลับทำท่าเขินอายเสียอย่างนั้น มูคยอมหัวเราะคิกคักแล้วทำความสะอาดพื้นที่ฮาจุนเคยยืนอยู่กับผ้าปูที่นอน
‘เดี๋ยวนะ ที่บอกว่าจะไม่ทำอีกนี่หมายถึงอะไรกันแน่’
ทั้งที่ทุกวันนี้เขาแทบไม่ต้องเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเองเลยด้วยซ้ำ พอเอาผ้าปูที่ใช้แล้วไปวางไว้ที่ห้องซักผ้าเสร็จ มูคยอมก็นึกถึงฮาจุนที่ยืนขาสั่นระริกเหมือนกับลูกวัวที่เพิ่งหัดยืนเป็นครั้งแรกแล้วยกยิ้มมุมปาก
ถึงจะเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ก็ไม่ใช่คนน่าเบื่อ
มูคยอมเองก็เดินไปที่ห้องน้ำพลางคิดอยากให้ความสนุกนี้ดำเนินต่อและไม่จบลงเร็วเกินไป รวมถึงขอให้การลองยื่นข้อเสนอใหม่ได้ผล
เมื่อเขาออกมาจากห้องน้ำ ฮาจุนที่อาบน้ำก่อนและแต่งตัวเสร็จแล้วก็กำลังนั่งสัปหงกอยู่ที่โซฟา มูคยอมเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วแตะไหล่อีกฝ่าย
“ถ้าง่วงก็งีบสักแป๊บสิ”
“ไม่ล่ะ… ฉันต้องกลับบ้าน จะบอกลาก่อนกลับก็เลยรอ…”
พอมองนาฬิกาก็เป็นเวลาใกล้ห้าทุ่มแล้ว ทันทีที่กลับมาจากการเล่นสนามเยือนที่ใช้เวลาถึงสองชั่วโมงแล้ว ก็ยังกลับมาเกลือกกลิ้งไปมาเป็นเวลาค่อนข้างนาน ถ้าไม่ได้ร่างกายแข็งแรงเหมือนเขาก็สมควรที่จะง่วงอยู่แล้ว
“ง่วงแบบนี้จะกลับยังไง หลับสักหน่อยเถอะ”
“ไม่ล่ะ ฉันต้องกลับ…”
มูคยอมจับมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายที่ลืมตาแทบไม่ขึ้นให้ลุกขึ้น ฮาจุนที่กำลังง่วงจัดเดินตามมูคยอมไปพลางพึมพำพูดว่าตนเองต้องกลับบ้าน ทันทีที่มูคยอมช่วยให้ลูกม้าแรกเกิดหัดเดินนอนลงบนเตียงที่ปูผ้าผืนใหม่ รวมถึงห่มผ้าให้แล้ว ฮาจุนก็พูดพึมพำว่า ‘งั้นแค่สิบนาทีนะ’ และหลับเป็นตายไปในทันที
แน่นอนว่าเขาแทบไม่เคยให้คู่นอนหรือคนอื่นๆ นอนที่บ้านมาก่อน แต่กรณีนี้แตกต่างไปจากความสัมพันธ์ที่เคยมีมา เพราะครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่มูคยอมมีความสัมพันธ์ระยะยาวกับคู่นอนเช่นกัน
เมื่อมีความสัมพันธ์แบบนั้นแล้วถึงอย่างไรก็น่าจะต้องได้นอนด้วยกัน จึงจำเป็นต้องมีพื้นที่สำหรับฮาจุนด้วย มูคยอมเลยบอกผู้จัดการให้รีบจัดห้องสำหรับหนึ่งคนไว้เป็นพิเศษ และเขาก็รู้สึกพึงพอใจที่ได้ใช้ห้องนั้นให้เกิดประโยชน์ตั้งแต่วันแรก
ระหว่างที่มูคยอมกำลังจะออกจากห้องหลังปิดไฟทุกดวงเสร็จ เขาก็เดินเข้ามาอีกครั้งแล้วเปิดโคมไฟที่อยู่ใกล้กับเตียง ใช้นิ้วแตะเบาๆ ที่แก้มขาวของชายหนุ่มที่นอนหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย หลังจากนั้นก็เดินออกมาที่ห้องนั่งเล่น
เขานั่งลงบนโซฟาและอ่านทุกข่าวที่เกี่ยวกับการแข่งขันในวันนี้จากโทรศัพท์แบบผ่านๆ แม้ว่าเขาจะทำเป็นไม่สนใจคำพูดหรือคำวิจารณ์ของคนอื่น แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นคนอ่อนไหวกับคำตัดสินของคนอื่นที่เกี่ยวข้องกับตัวเองไม่น้อย ถึงจะรู้สึกดีเมื่อมันเป็นพวกเรื่องไร้สาระเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวหรือนิสัยก็ตาม แต่เรื่องเกี่ยวกับฟุตบอลเขากลับฟังผ่านๆ ไปไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องอ่านบทความข่าวที่ผู้จัดการสรุปประเด็นสำคัญที่ควรอ่านให้ทีหลังอยู่ดีถึงจะพอใจ
หลังจากรู้สึกพอใจกับผลตอบรับที่เป็นไปในทางที่ดี มูคยอมก็ปิดโทรศัพท์และคิดจะหลับอยู่รอมร่อ ตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงเปิดประตูออกมาด้วยความเร่งรีบ จึงหันกลับไปมองด้านหลัง ฮาจุนที่ดูเหมือนสับสนกำลังยืนอยู่อย่างลุกลี้ลุกลนด้วยใบหน้างัวเงีย
“ตื่นแล้วเหรอ” มูคยอมถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
ฮาจุนรีบเดินออกมาที่ห้องนั่งเล่นและบอกลาโดยไม่ได้มองมูคยอมด้วยซ้ำ เวลาตอนนี้ใกล้จะตีสองแล้ว
“ฉันไปก่อนนะ ขอโทษที่รบกวนดึกๆ ฝันดี”
“มันดึกแล้ว ฉันบอกให้นอนไปเลย”
“ไม่ได้ ฉันไม่ได้บอกที่บ้านเอาไว้”
“เป็นเด็กหรือไง ต้องได้รับอนุญาตจากพ่อแม่ถึงจะค้างนอกบ้านได้” มูคยอมถามกลั้วหัวเราะเยาะเล็กน้อย
“ไม่ใช่อย่างนั้น…”
“อย่างน้อยก็โทรไปบอกตอนนี้ซะ ถ้าเขากำลังเป็นห่วงก็น่าจะยังไม่นอน”
มูคยอมพูดถูก จะนอนที่นี่หรือจะกลับก็ควรติดต่อไปก่อน
ฮาจุนส่ายศีรษะไปหลายครั้งเพื่อตั้งสติ แล้วรีบหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าที่วางไว้ในห้องนั่งเล่นออกมาต่อสาย
“แม่ ผมเอง”
ทันทีที่โทรติดก็ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายจากในโทรศัพท์มาถึงหูของมูคยอม เสียงดังผิดปกติเหมือนกับจะร้องไห้ มูคยอมที่เคยยกมุมปากข้างหนึ่งราวกับขบขันหน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อยกับน้ำเสียงเคร่งเครียดที่ไม่คาดคิด ส่วนฮาจุนก็กำลังตั้งใจขอโทษแม่อย่างกระวนกระวาย
“ขอโทษครับ พอดีผมมาบ้านเพื่อนร่วมทีมแล้วเผลอหลับ อื้อ อืม ขอโทษจริงๆ ครับ”
จู่ๆ มูคยอมที่ยืนกอดอกจ้องมองไปยังฮาจุนก็แย่งโทรศัพท์ของอีกฝ่ายมาถือ ฮาจุนเบิกตาโพลง พยายามแย่งโทรศัพท์กลับคืนมาแต่มูคยอมกลับใช้มือดันฮาจุนออกแล้วพูดขึ้น
……………………………………….