Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 27
ระหว่างทางกลับบ้าน ฮาจุนหยุดเดินและนั่งลงบนม้านั่งในพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง ฮาจุนคิดว่าเขาต้องสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะกลับบ้าน เขาได้กลิ่นดอกไลแลคที่ปลูกในสวนส่วนกลาง ตอนนี้ก็เป็นปลายฤดูออกดอกไลแลคแล้ว
เมื่อตอนเด็กๆ ที่พ่อของฮาจุนยังมีชีวิตอยู่ สมาชิกทุกคนในครอบครัวของพวกเขาอาศัยอยู่ในบ้านเดี่ยวหลังเดียวกัน และที่บ้านหลังนั้นมีต้นไลแลคเก่าแก่ต้นใหญ่ในสวน
พ่อของฮาจุนชอบทำสวน ดังนั้นจึงไม่เคยคิดเลยว่าในช่วงชีวิตของตนเองนั้น จะได้ย้ายเข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่ไม่มีสนามหญ้า
ดอกไลแลคยังคงเป็นดอกไม้โปรดของฮาจุน
เหตุผลที่ฮาจุนเลือกอพาร์ตเมนต์หลังเก่าๆ นี้เป็นบ้านใหม่ให้ครอบครัวอยู่อาศัยก็เพราะว่าเมื่อเขาหาเงินได้ก้อนใหญ่ระหว่างที่เป็นนักเตะมืออาชีพนั้น เขาก็ต้องการหลีกหนีจากชีวิตห้องเดี่ยวที่น่าเบื่อหน่าย และจึงเลือกอพาร์ตเมนต์เก่าๆ นี้เป็นบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัวได้อยู่อาศัยด้วยราคาที่สมเหตุสมผล แต่สาเหตุหลักก็คือที่นี่มีต้นดอกไลแลคอยู่จำนวนมากในสวนของส่วนกลาง
หัวใจที่สับสนวุ่นวายของฮาจุนสงบลงราวกับถูกห่อหุ้มด้วยความตื่นเต้นอันหอมหวานเมื่อได้กลิ่นหอมของดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ
สงสัยว่าคงเป็นเพราะว่าเขาชอบมันสินะ
ฮาจุนสรุปเช่นนั้น
ฮาจุนรู้สึกกังวลว่าจะมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บระยะยาวครั้งแรกของฤดูกาล ตั้งแต่ที่นักเตะเดินกะโผลกกะเผลกหลังจากถูกแย่งลูกบอลในการแข่งขันเกมสุดท้าย งานที่สำคัญที่สุดของโค้ชฝึกสอนด้านกายภาพ คือการจัดการและปรับสภาพร่างกายของผู้เล่นให้แข็งแรงขึ้นเพื่อพัฒนาด้านประสิทธิภาพ โดยการป้องกันการบาดเจ็บและการฟื้นตัวของนักเตะ
ในบรรดาโค้ชแต่ละประเภทมีความแตกต่างกันเล็กน้อย ทั้งโค้ชที่ฝึกโดยการเน้นที่ความแข็งแรงหรือกำลังหลักเป็นหลัก โค้ชที่เน้นความสมดุลและการปรับสภาพโดยรวม โค้ชที่เน้นการเสริมสมรรถภาพทางกายโดยผสมผสานเทคนิคและกลยุทธ์ และโค้ชที่รับหน้าที่เกี่ยวกับขั้นตอนการฟื้นฟูและการบาดเจ็บ นอกจากที่กล่าวมาแล้วก็ยังสามารถแบ่งโค้ชได้อีกหลากหลายประเภท เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนจะมีความคิดที่แตกต่างกันว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเตะฟุตบอลคืออะไร
ฮาจุนค่อนข้างพยายามรักษาสิ่งต่างๆ อย่างสมดุลให้ได้มากที่สุด เขาให้ความสนใจเป็นพิเศษกับสภาพของนักเตะแต่ละคน เนื่องจากมีนักเตะที่มีความแข็งแกร่งเพียงพอแต่ในทางกลับกันดันขาดความสมดุล แล้วโค้ชหนึ่งคนต้องสอนนักเตะหลายคน ดังนั้นจึงอาจนำไปสู่การฝึกฝนที่ไม่เหมาะสมสำหรับนักเตะแต่ละคนได้
และฮาจุนก็ยังให้ความสนใจเป็นอย่างมากในการฟื้นตัวและฟื้นฟูจากการบาดเจ็บ บางทีมันอาจจะเป็นรางวัลสำหรับการลาออกของเขาเนื่องจากอาการบาดเจ็บก็ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงเป็นกังวล ถ้าหากว่ามีนักเตะได้รับบาดเจ็บ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมนั่นถึงเป็นเหตุผลที่เขาสนใจงานที่ใกล้เคียงกับงานของทีมแพทย์ขนาดนั้นโดยที่เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องทำมันด้วยซ้ำ
“นั่นแหละ เร็วขึ้นอีก! ดี พักสองนาที ห้ามนั่ง เดินช้าๆ วอร์มอัพไปในตัว”
วันนี้โค้ชจองที่เป็นรุ่นพี่เป็นโค้ชให้กับนักเตะคนอื่นๆ ส่วนฮาจุนอยู่ในระหว่างการฝึกอบรมพิเศษเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับนักเตะคนหนึ่งที่ถูกสั่งให้พักเป็นเวลาสี่สัปดาห์ อีกเดี๋ยวก็จะได้พักหายใจหายคอแล้วแต่กลับได้ยินเสียงคนมาจากที่ไกลๆ
“นายจะลังเลไม่ได้นะ นายควรยิงมันหรือไม่ก็เลี้ยงมันไปก่อน”
“นายยังต้องทำความคุ้นเคยกับระยะการเคลื่อนที่อีกนะ”
ในเวลาว่างระหว่างการฝึกซ้อม นักเตะหลายคนมารวมตัวกันเพื่อดูและทบทวนวิดีโอของการแข่งขันครั้งที่แล้ว แม้ว่ามันจะเป็นการแข่งขันที่จบลงด้วยชัยชนะ แต่ก็มีข้อผิดพลาดและช่องโหว่อยู่ และการเรียนรู้จากสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีหรือผิดพลาดตรงไหนก็ยังจำเป็นอยู่เสมอ
“การส่งบอลยังไม่ดีพอ แบบนี้มันยังมีช่องว่างอยู่เลย นายต้องส่งให้มันต่อเนื่องโดยทันที แม้ว่าฉันจะวิ่งไปรับลูกบอล แต่ถ้าลูกบอลไม่มา มันก็ไร้ประโยชน์”
มูคยอมได้ยินเสียงของเหล่านักเตะที่ตอบกลับเสียงที่ตำหนินั้นว่า “ครับๆ ” แม้ว่าภายหลังผู้จัดการทีมจะให้เหล่านักเตะนั้นไปรวมกันที่ห้องประชุม แต่ตัวเหล่านักเตะเองต่างก็กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ด้วยตัวเอง ฮาจุนฟังเสียงของพวกเขาราวกับเสียงดนตรีประกอบขณะตั้งใจจดจ่อกับงานของตนเอง
ตอนนั้นเองก็มีข้อความถูกส่งมาที่โทรศัพท์มือถือของฮาจุนขณะที่เขากำลังฝึกสอนอยู่
‘วันนี้ว่าไง’
ฮาจุนที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นอ้าปากเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว มูคยอมนั่งอยู่บนม้านั่งกับจองคยูและอยู่รวมกับนักเตะคนอื่นๆ ที่กำลังทบทวนการแข่งขันอยู่ โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้มองมาที่ฮาจุนเลยราวกับว่าอีกฝ่ายนั้นส่งข้อความถึงคนอื่น
‘วันนี้เหรอ’ ฮาจุนย้อนถาม
‘ทำไม นายมีนัดแล้วเหรอ’
ฮาจุนไม่ได้มีนัดกับใครหรอก แต่จู่ๆ เขาก็แค่สงสัยขึ้นมาก็เท่านั้นเอง
มูคยอมมีเซ็กส์บ่อยแค่ไหนนะ ไม่สิ คนทั่วไปเขาทิ้งระยะห่างในการมีเซ็กส์นานแค่ไหนนะ
ฮาจุนไม่เคยออกเดตหรือมีเซ็กส์มาก่อน ดังนั้นเขาเลยไม่รู้ความถี่ของคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม แต่ถ้าดูจากคนที่เปิดโปงมูคยอมหรือคนที่นินทาว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ เมื่อเทียบกับคนอื่นแล้วความถี่ของอีกฝ่ายถ้าบอกว่าบ่อยก็บ่อย แต่ไม่ช้าเลยเป็นอันขาด
“โค้ช ผมทำครบแล้วครับ”
“อะ คราวนี้เปลี่ยนเป็นออกกำลังกายส่วนกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง นอนคว่ำเร็ว”
“ครับ”
หลังจากยืดขาเสร็จแล้ว นักเตะได้รับคำสั่งให้ออกกำลังกายในส่วนด้านหลัง หนึ่ง สอง สาม ขณะที่ฮาจุนนับจำนวนทุกครั้งที่นักเตะยกแถบน้ำหนักขึ้นที่หลังขา เขาก็ค่อยๆ พิมพ์แป้นพิมพ์ตอบกลับไปด้วยความลังเล
‘เพิ่งผ่านไปได้แค่สองวันเองนะ’
ไม่มีการตอบกลับเพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น ไม่นานการแจ้งเตือนโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาอีกครั้ง
‘ถ้าเมื่อสองวันก่อนนายกินข้าวแล้ว วันนี้นายจะไม่กินเหรอ นายสนอะไร’
ด้วยความรู้สึกที่จู่ๆ ก็กลายเป็นเมนูบนโต๊ะอาหาร ฮาจุนจึงตะกุกตะกักไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดี นิ้วมือเขาค้างเติ่งอยู่บนโทรศัพท์
อย่างไรก็ตาม คำต่างๆ ถูกเขียนและลบในหน้าการป้อนข้อมูลตอบกลับ
‘เพิ่งผ่านไปได้แค่สองวันเองนะ’
‘ถ้าเมื่อสองวันก่อนนายกินข้าวแล้ว วันนี้นายจะไม่กินเหรอ นายสนอะไร’
“ฉันว่าฉันยังเหนื่อยอยู่เลย”
แม้ว่าฮาจุนจะตอบแบบนั้น แต่เขาก็ไม่สามารถกดปุ่มส่งได้เพราะกลัวว่า ‘ความสัมพันธ์ระยะยาว’ ที่เริ่มต้นโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นจะจบลงในทันที
ความสัมพันธ์ระยะยาว คำพูดฟังดูดี แต่สำหรับมูคยอมแล้วเขาไม่มีเหตุผลที่ต้องมาสานความสัมพันธ์กับฮาจุนเลยด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายสนิทกับฮาจุนเลยคิดว่าจะไม่ถูกจับได้ หรืออาจเป็นเพราะว่าเขามันง่าย อีกอย่างเขาจะเปลี่ยนไปเป็นคนที่เหมาะสมกว่าเมื่อไรก็ได้ ในความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้นนี้เขาไม่อยากพ่ายแพ้ตั้งแต่เริ่ม
เวลาที่มีคนถามฮาจุนว่า ‘ทำไมนายถึงเหนื่อยล่ะ’ เขาควรจะตอบอย่างไรดี เขาควรจะโกหกว่ามีตารางงานอื่นดีไหม ถ้าเกิดเขาบอกอีกฝ่ายไปตามตรงว่าเขายังรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไรล่ะ ถ้าเขาได้รับคำตอบว่า ‘นายสนอะไร’ ฮาจุนคิดว่าเขาคงจะอารมณ์เสียนิดหน่อย เขาไม่อยากทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้วฮาจุนจึงส่งคำตอบไปแบบนี้
‘เข้าใจแล้ว’
ไม่มีการตอบกลับจากมูคยอมอีก
ฮาจุนยังคงฝึกสอนต่อไปด้วยความกังวลเล็กๆ ที่มุมหนึ่งหัวใจของเขา มันเป็นเรื่องที่เขาตัดสินใจด้วยตัวเอง ในเมื่อสองวันก่อนเขารู้สึกพอใจและดีใจกับการตัดสินใจนี้ แต่พอมาในวันนี้เมื่อนึกถึงเวลาที่จะมาถึงหลังจากการฝึกสอนเสร็จสิ้น ฮาจุนก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นสองสามวันหลังจากประสบการณ์ที่ไม่คาดฝันครั้งแรกของฮาจุนนั้นช่างมีค่ามากเสียจนเขาคิดว่าจะไม่รู้สึกถึงมันอีกเลย น่าเสียดายที่มันหายไปแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นปัญหาที่ต่างออกไปเล็กน้อยจากการเจ็บปวดด้วยวิธีนั้น มันเป็นปัญหาที่เขาต้องหาทางแก้ไข เพราะอย่างไรเสียเขาก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ก่อนที่ความเจ็บปวดก่อนหน้านั้นจะหายไป
ไม่รู้สินะ ถ้าหากเขานั่งทำงานในสำนักงานทั้งวันก็พอเป็นไปได้ แต่ฮาจุนเป็นโค้ชทีมฟุตบอลที่ต้องวิ่งไล่ตามนักเตะ และต้องเคลื่อนไหวร่างกายไปกับพวกเขาอยู่เสมอๆ
เมื่อสองวันก่อนที่ได้ใช้เวลายามค่ำคืนไปกับมูคยอม แม้จะมีช่วงเวลาที่รู้สึกดีจนถึงขนาดที่ทำให้สติเลือนราง แต่หลังจากผ่านวันเหล่านั้นไป ความเจ็บปวดที่เกาะติดราวกับหางนั้นไม่ได้จางหายไปด้วยเลย
อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับไม่สนใจความวิตกกังวลของฮาจุนเลย หลังจากเสร็จสิ้นตารางงานของวัน ฮาจุนก็บอกลาผู้คนและมุ่งหน้าไปที่ป้ายรถเมล์ วันนี้ฮาจุนเห็นรถขนาดกลางสีเทาเงินจอดรอเขาอยู่
ทันทีที่มีคนขึ้นรถ มูคยอมก็ออกรถทันทีโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฮาจุนกลัวเซ็กส์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเล็กน้อย
‘ทำไมเราถึงได้ใจฝ่อแบบนี้นะ’
มันเป็นวันในฤดูใบไม้ผลิที่งดงาม นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เฉลิมฉลองประสบการณ์ครั้งแรกให้กับตัวเอง ฮาจุนไม่พอใจในตัวเองเอาเสียเลย จึงเอาแต่เม้มปากแน่นราวกับคนที่กำลังโกรธเคือง
***
“ทำอะไร ทำไมไม่เข้ามาล่ะ”
ราวกับจิตใจที่ลังเลได้เผยออกมาให้เห็น ฮาจุนเดินเข้าไปในบ้านเมื่อถูกทัก
ที่นี่คือบ้านของมูคยอมที่ทำให้เขามีความสุขมากจนพูดอะไรไม่ออกในตอนที่ได้มาครั้งแรก แต่ตอนนี้ที่นี่กลับกลายเป็นสถานที่ที่เขาลังเลที่จะเข้าไปหลังจากที่มาได้เพียงแค่สองครั้งเท่านั้น ฮาจุนปลดกระเป๋าออกจากไหล่แล้วถามออกไปราวกับได้รวบรวมความกล้าแล้ว
“ฉันวางของไว้ที่ห้องเมื่อวานได้ไหม”
“บอกแล้วไงว่าใช้ได้ตามสบายเลย”
พอได้ลองทำแล้วคงจะคุ้นชินสินะ ทุกอย่างก็เป็นเช่นนั้นแหละ เมื่อฮาจุนเริ่มออกกำลังกายครั้งแรก ร่างกายของเขาก็เจ็บและปวดเมื่อย แต่เมื่อได้ทำไปเรื่อยๆ มันก็กลายเป็นนิสัยเสียแล้ว สงสัยเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกปวดร่างกายหรือรู้สึกอะไรแบบนี้
ฮาจุนโน้มน้าวตัวเองเช่นนั้นก่อนเปิดประตูห้องรับแขก
“…”
ทว่าหลังจากที่ฮาจุนเปิดประตูอย่างใจดีสู้เสือแล้วก็ยืนนิ่งไป เมื่อตอนอยู่ตรงโถงทางเข้าบ้านก็ทีหนึ่งแล้ว มูคยอมจ้องมองฮาจุน ไม่เข้าใจฮาจุนที่หยุดนิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไป
“ทำอะไร วันนี้ทำไมสติหลุดบ่อยจัง”
“ปะ เปล่า”
ฮาจุนมองไปที่มูคยอมด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อยแล้วหันหน้ากลับไปที่ห้องดังเดิม มูคยอมมองฮาจุนแล้วก็ไล่สายตาตามฮาจุนไปจนเตะตาเข้ากับสิ่งของที่เมื่อวานนั้นยังไม่มีอยู่เลย
“อ๋อ”
มูคยอมเอ่ยขึ้นมาสั้นๆ ราวกับนึกอะไรได้ตอนนั้นเองที่ฮาจุนได้สติขึ้นมา
“ถ้านายมีงานอะไรต้องทำอีกก็ไปทำที่ตรงนั้น ไม่ต้องไปนอนคว่ำหน้าหลังขดหลังแข็งทำบนเตียงหรอก”
“… ซื้อใหม่เหรอ”
“ฉันคงไม่ได้เก็บมาหรอก” มูคยอมพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชันราวกับว่าฮาจุนจะถามทำไมกับสิ่งที่มันเห็นได้ชัดอยู่แล้ว
“นาย…บอกให้ฉันใช้เหรอ”
“นี่บ้านของฉันนะ ฉันซื้อมาไว้ ต่อให้คนอื่นใช้นายก็จะไม่ใช้มันเหรอ”
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ยังไม่มีโต๊ะไม้อันแสนเรียบง่ายวางอยู่ในห้อง ฮาจุนเดินเข้าไปในห้องอย่างช้าๆ ด้วยความรู้สึกที่งงงวยนิดหน่อย แล้ววางกระเป๋าไว้อย่างระมัดระวัง เขาใช้ฝ่ามือลูบไล้บนผิวหน้าอันราบเรียบของโต๊ะตัวนั้นอย่างเบาๆ เขาชอบการออกแบบที่หรูหราและไม่มีการตกแต่งที่ไม่จำเป็น มีเพียงชั้นวางหนังสือขนาดเล็กที่เรียบง่าย
อย่างที่มูคยอมบอก ถึงแม้ว่าฮาจุนจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ให้มันกับเขา แต่พอรู้ว่ามันเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้านมูคยอมหน้าเขาก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“นายคงไม่ได้จะทำงานตอนนี้หรอกใช่ไหม” มูคยอมพูดราวกับต่อว่า
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในใจฮาจุนอยากจะลองนั่งโต๊ะที่อีกฝ่ายซื้อมันมาเพื่อตนเองเดี๋ยวนั้นเลย แต่เขาก็ส่ายหัวเพราะเขารู้ดีว่าทำไมมูคยอมถึงหามันมาให้
มูคยอมยืนพิงประตูและมองดูท่าทีอันแสนเรียบร้อยของฮาจุน เขาก้าวออกไปและเอ่ยขึ้นมา
“ถ้าจะอาบน้ำก็รีบอาบ”
“อืม”
ถ้าเสร็จจากการฝึกซ้อมในฤดูที่อากาศเริ่มจะร้อนขึ้นนั้นร่างกายก็จะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เขาไม่เหมือนกับมูคยอมที่มักจะอาบน้ำก่อนกลับบ้าน ฮาจุนเคลื่อนไหวร่างกายค่อนข้างน้อย ถ้าเป็นไปได้เขาจึงเลือกที่จะกลับไปอาบน้ำที่บ้าน ฮาจุนรู้ดีว่าไม่มีใครเขาสนใจหรอก แต่เป็นเพราะว่าฮาจุนยังคงกังวลเรื่องรอยแผลเป็นอยู่
ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักเขายังดีเสียกว่า เพราะเขาไม่ต้องการถอดเสื้อผ้าโชว์รอยแผลเป็นต่อหน้าคนที่รู้จักเขา เขาเองก็รู้ว่าที่คิดแบบนี้มันจะเป็นปมด้อย แต่เขาก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแม้ว่าผู้คนจะไม่สนใจก็ตาม สำหรับข้อนั้นมูคยอมไม่รู้เกี่ยวกับฮาจุนดีพอ และแม้หลังจากที่ความสัมพันธ์ของพวกเขากลายมาเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายก็ไม่สนใจฮาจุนเช่นเคย ดังนั้นฮาจุนจึงรู้สึกสบายใจขึ้น
มันคงเป็นเรื่องยากที่จะเรียกว่าของขวัญ แต่จู่ๆ ก็มีโต๊ะโผล่ขึ้นมาเลยทำให้เขาหายกังวลใจไปบ้าง การที่มีโต๊ะโผล่ขึ้นมานั้นไม่ได้หมายความว่าการมีเพศสัมพันธ์จากนี้ไปจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แต่มันก็ทำให้ฮาจุนเดินเข้าไปห้องน้ำด้วยจิตใจที่ผ่อนคลายมากขึ้น แต่แล้วเขาหยุดเดินอีกครั้ง
ฮาจุนลังเล จากนั้นเขาจึงเปิดประตูอีกครั้งและโผล่หน้าออกไปเรียกมูคยอมที่ยังคงอยู่ในห้องรับแขก
“คิมมูคยอม”
“อะไรอีกล่ะ”
“ฉันใช้แปรงสีฟันที่อยู่ในห้องน้ำได้ไหม”
“นี่กะจะถามทุกอย่างเลยเหรอ”
โอเค ฮาจุนตอบเบาๆ ราวกับว่ามีเพียงตนเองเท่านั้นที่ได้ยิน จากนั้นจึงค่อยๆ ปิดประตู
ครั้งล่าสุดที่เขามาที่นี่ คือตอนที่หลังจากการออกไปแข่งขันที่อื่น ฮาจุนเลยแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันพกพาที่ตัวเขาเป็นคนซื้อมา แต่เมื่อเข้ามาในห้องน้ำวันนี้กลับมีแปรงสีฟันชุดใหม่วางอยู่บนชั้นวางของข้างๆ อ่างล้างหน้า มีชุดโลชั่นบำรุงผิวด้วย ของใช้ในห้องน้ำสำหรับอาบน้ำมีมาตั้งแต่ครั้งแรก แต่ของใช้ส่วนตัวพวกนี้ครั้งล่าสุดที่ฮาจุนมามันยังไม่มีเลย
ฮาจุนรู้สึกใจฟู เขาแปรงฟัน อาบน้ำด้วยน้ำอุ่น จากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ที่อยู่ในกระเป๋าแล้วจึงเปิดประตูออกไป
มูคยอมนั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขก ฮาจุนเห็นด้านหลังของอีกฝ่ายขณะนั่งอ่านอะไรบางอย่างอยู่ เขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเอ่ยออกไป
“คิมมูคยอม ฉันอาบเสร็จแล้ว”
มูคยอมหันกลับมาทันที เหลือบมองฮาจุนตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินผ่านฮาจุนไป
“มานี่สิ”
ฮาจุนลังเลและเดินตามอีกฝ่ายไป พอเข้าไปในห้องนอนแขกแล้วจะต้องตรงไปที่เตียงทันที แต่อีกฝ่ายกลับมองไปรอบๆ ห้องราวกับมองหาอะไรบางอย่างอยู่ และในที่สุดอีกฝ่ายก็เปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกมา ก่อนพูดกับตัวเองราวกับไม่อยากจะเชื่อขณะที่ดึงบางอย่างออกมา
“จะเอามาใส่ไว้ตรงนี้ให้หายากทำไม”
แล้วเขาก็หยิบบางอย่างออกมา
“…นี่อะไรเนี่ย”
“เอาไว้ใส่หลังอาบน้ำ นายไม่รำคาญเหรอที่ต้องใส่เสื้อผ้าทุกชิ้นทุกครั้งก่อนค่อยออกจากห้องน้ำ มีอีกหลายตัวเลย ถ้านายอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าก็หยิบออกมาใช้ได้เลย”
เต็มเปี่ยมไปด้วยสัมผัสที่นุ่มนวลจนรู้สึกจั๊กจี้ที่มือ ตอนแรกฮาจุนไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่เมื่อถือไว้แล้วมองดูจากระยะที่ไกลหน่อยๆ เขาถึงได้รู้ว่ามันคือเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาว
……………………………………………….