Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 32
ตึงๆๆๆ เสียงกระทบของกระบองลมที่ใช้เชียร์ดังขึ้นทั่วสนาม เป็นการแข่งขันที่ถ่ายทอดสดและน้ำเสียงของผู้บรรยายเองก็เปี่ยมล้นไปด้วยพลัง
‘สูสีกันเลยนะครับเนี่ย วันนี้ยงอินเอฟซีกำลังแสดงการป้องกันที่ดีมากๆ ให้เห็นกันนะครับ’
‘โซลยังไม่สามารถยิงลูกอันทรงพลังตลอดการแข่งขันในครึ่งแรกได้เลยครับ แม้จะมีผู้เล่นคิมมูคยอมอยู่ก็ตามนะครับ’
‘ฮ่าๆ บรรดาผู้ชมที่คาดหวังกับการยิงเข้าประตูอันกระฉับกระเฉงของผู้เล่นคิมมูคยอมอาจจะเบื่อสักหน่อยก็ได้นะครับ กฎหลักของฟุตบอลไม่ยุ่งยากเลยครับ แค่ยิงลูกเข้าประตูของทีมตรงข้ามได้มากกว่าก็ชนะแล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยมีกลยุทธ์ที่แตกต่างอย่างการป้องกันอยู่ด้วยครับ’
‘ข้อดีของฟุตบอลคือมีกฎที่ไม่ซับซ้อนไม่ใช่เหรอครับ เพราะอย่างนั้น ถึงจะดูโดยที่ไม่รู้กฎแต่ก็รู้สึกสนุกไปด้วยได้ แล้วก็เป็นการดีที่จะมาเชียร์ด้วยกันกับครอบครัวครับ’
‘แต่ถึงอย่างนั้น พอได้รู้ถึงความซับซ้อนของมันก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งนะครับ โอ๊ะ ผู้เล่นอียงแจของยงอินเอฟซีเคลื่อนไหวแล้วครับ!’
ยงอินที่เป็นคู่ต่อสู้ของโซลในวันนี้ กำลังใช้กลยุทธ์การป้องกันขั้นสุดเพื่อกดดันมูคยอม เป็นกลยุทธ์ที่เน้นการโต้กลับโดยอาศัยจังหวะขณะป้องกัน รู้สึกได้ว่าน่าจะตัดสินใจมาแล้วว่าถึงจะจบลงด้วยผลเสมอที่ไม่เสียคะแนนในการแข่งขันกับซิตี้โซลที่รักษาอันดับ 1 ของลีกเอาไว้ด้วยคะแนนนำที่นำไปไกลได้ก็ถือว่าโชคดีแล้ว
บรรดากองหลังรวมถึงกองกลางเลยพากันถอยลงมาเน้นป้องกันเป็นหลัก สิ่งที่อยู่หน้าประตูโกลของยงอินนั้นอยู่ในระดับกำแพงอันแข็งแกร่ง เมื่อด้านหน้าถูกปิดกั้น แม้ว่าจะบุกไปข้างหน้าด้วยการรับส่งบอลให้กัน แต่ก็มักจะถูกขัดอยู่ตลอด ลูกบอลจึงกลิ้งไปมาอย่างไร้ประโยชน์
แม้จะเป็นกลยุทธ์ที่เพิ่มโอกาสในการได้รับชัยชนะและลดความสูญเสียลง แต่ฟุตบอลที่เน้นการป้องกันก็นำมาซึ่งความเบื่อหน่าย แม้ว่าครึ่งแรกใกล้จะจบลง แต่ก็ยังไม่มีภาพที่ควรจะปรากฏออกมาสักที ผู้คนที่คาดหวังและมีลางสังหรณ์เองก็หมดไฟ และอัฒจันทร์ก็ค่อนข้างเงียบ มีแค่เสียงเพลงและเสียงเชียร์ที่ยังคงดังมาจากที่นั่งแฟนคลับของทั้งสองทีมเท่านั้น
ถึงฟุตบอลที่ชนะอย่างไม่มีเงื่อนไขจะเป็นฟุตบอลที่ดี แต่รสนิยมของมูคยอมซับซ้อนกว่านั้นเล็กน้อย
ในช่วงที่ครึ่งแรกใกล้จบลง ซิตี้โซลเริ่มจากการแตะลูกบอลของกองหลังตัวกลางและเริ่มโจมตีอีกครั้ง เป็นช่วงที่การเตรียมพร้อมป้องกันของทีมตรงข้ามที่ป้องกันสำเร็จมาจนถึงตอนนี้เริ่มช้าลง ในตอนนั้นเอง มูคยอมที่จ้องมองเพื่อนร่วมทีมที่วิ่งมาทางประตู ข้ามแนวป้องกันของฝ่ายตรงข้ามและมองไปบริเวณประตู เป็นการมองเพื่อประเมินพื้นที่ว่าจะยิงประตูยังไง
การมองนั้นคือจุดเริ่มต้น กองหลังคนหนึ่งที่รับรู้ว่ามูคยอมกำลังกะพื้นที่อยู่ ออกจากตำแหน่งเดิมเพื่อเข้าใกล้และประกบมูคยอมในทันที หากรักษาสมาธิอันเฉียบแหลมและความประหม่าในช่วงแรกของการแข่งขันเอาไว้ ก็อาจจะไม่ออกจากตำแหน่ง แต่ผู้เล่นของทีมฝ่ายตรงข้ามที่เหนื่อยล้าทั้งกายและใจประเมินผิดในชั่วพริบตา มูคยอมไม่รอช้า วิ่งเข้าไปยังช่องว่างระหว่างแนวป้องกันที่หลุดออกจากกลยุทธ์ที่วางเอาไว้ทันที
‘โอ้! ผู้เล่นอียงแจ รีบร้อนเกินไปนะครับ’
ที่จริงแล้ว บอลมาถึงตรงหน้ามูคยอมหลังจากที่เขาทำลายการป้องกันแล้วเท่านั้น ที่นั่งของผู้ชมก็ร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้งเพราะการเปิดศึกอันเร้าใจที่เกิดขึ้นในสนามอย่างไม่ทันตั้งตัว
‘เร็วครับ! เร็วครับ!’
‘แตะลูกได้กระชับรวดเร็วมากจนน่าจะเรียกว่าเป็นศิลปะได้เลยนะครับ’
ถึงบรรดากองหลังด่านสุดท้ายยังคงปักหลักอยู่หน้าประตู แต่มูคยอมก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาได้มีโอกาสแย่งลูกไป มูคยอมกันกองหลังออกไปด้วยการแตะลูกสองครั้งอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังง่ายดาย และแม่นยำ ลูกที่เตะออกไปอย่างแรงพุ่งออกไปเกือบจะเป็นเส้นตรงและเข้าไปในประตู
‘ผู้เล่นคิมมูคยอม โกล!’
‘ครับ! ผู้เล่นคิมมูคยอมเป็นผู้สร้างการแข่งขันอันน่าตื่นเต้นแบบนี้อีกแล้วครับ!’
เสียงของผู้บรรยายดังขึ้น อัฒจันทร์กลับมาครึกครื้นอีกครั้งทันทีราวกับไม่เคยนิ่งเงียบมาก่อน ผู้ชมทีมโซลและแม้แต่ผู้ชมทีมยงอินเองต่างก็ปรบมือและตื่นเต้นกันถ้วนหน้า
‘มีภาพเท่ๆ ออกมาแล้วนะครับ ผู้เล่นคิมมูคยอมทำลายแนวป้องกันภายในชั่วพริบตาแบบนี้เลยครับ บรรดากองหลังห้ามประมาทเวลาเผชิญหน้ากับผู้เล่นคิมมูคยอมเด็ดขาดนะครับ นี่เป็นภาพที่ต้องรู้เท่านั้นนะครับถึงจะได้เห็น แค่ผู้เล่นคิมมูคยอมเตรียมรับลูก ก็ทำให้กองหลังเข้าไปประกบผู้เล่นคิมเพื่อป้องกันเลยทีเดียวครับ ถ้าไม่มีสมาธิล่ะก็ จะรักษาและไม่ออกจากตำแหน่งได้ยากมากครับ’
‘ถูกต้องครับ การแข่งขันที่ชอนันเมื่อครั้งที่แล้วก็เกิดเรื่องคล้ายๆ กันนี้ขึ้นครับ เพราะประมาทไปชั่วขณะเลยเปิดโอกาสให้ผู้เล่นคิมมูคยอมเป็นอิสระไงล่ะครับ บางทีอาจจะตัดสินว่าไกลเกินไปที่จะยิงประตู แต่ผู้เล่นคิมมูคยอมเป็นผู้เล่นที่สามารถยิงประตูได้ทุกที่ถ้าหากปล่อยให้เขาเป็นอิสระเพียงชั่วครู่ครับ ต้องคิดว่าถึงปล่อยไว้แค่ชั่วครู่ก็แว้งมากัดคอได้ครับ’
‘ปกติจะใช้คำว่า ‘ฟุตบอลสร้างสรรค์’ บ่อยมาก นักกีฬาคิมมูคยอมคือแบบอย่างเลยครับ เป็นจุดที่ฟุตบอลเกาหลียังขาดอยู่อีกมาก ผมเลยคาดหวังว่าต่อไปจะดีขึ้นเรื่อยๆ ครับ’
มูคยอมเป็นตัวอันตรายแม้ว่าจะไม่มีลูกบอลอยู่ก็ตาม เขาบุกไปข้างหน้าราวกับเล็งไปที่ลูกบอล และถ้าหากบรรดากองหลังกรูกันมาด้านหน้ากันหมดเพื่อขวางเขา เขาก็จะถอยหลังและรับลูกบอลระยะไกลและยิงเข้าประตูทันทีจากตรงนั้นก่อนที่บรรดากองหลังจะขึ้นมาอีกครั้ง แม้ในขณะที่กำลังวิ่งครองบอลแล้วเกิดถูกขวางทางขึ้นมา เขาก็ไม่ลังเลที่จะส่งบอลระหว่างที่บรรดากองหลังพุ่งความสนใจไปที่ผู้เล่นที่รับลูกบอล เขาก็จะวิ่งไปที่หน้าประตูและปักหลักอยู่ตรงนั้นเพื่อให้ผู้เล่นที่รับบอลไปส่งบอลมาให้ตัวเองอีกครั้ง
ถึงแม้ว่ามูคยอมจะเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถและสภาพร่างกายที่ดีเยี่ยม แต่ก็มีนิสัยชอบฉวยโอกาสมาตั้งแต่เกิด เขาหลอกล่อ มองฝ่ายตรงข้ามอย่างทะลุปรุโปร่ง และชอบจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวและเป็นผู้ชนะ ฟุตบอลของเขาเป็นฟุตบอลประเภทนั้น และเป็นเหตุผลที่ผู้คนคลั่งไคล้มูคยอมอีกด้วย
“ทำได้ดีมากครับ!”
ห้องล็อกเกอร์ของซิตี้โซลที่เสร็จสิ้นการตะโกนทักทายกันและกัน ในวันนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ประตูเดียวของมูคยอมที่ลบล้างความตกต่ำในครึ่งแรกได้อย่างราบคาบ และได้รับชัยชนะ 2:0 ด้วยการยิงประตูเพิ่มของกองกลางในครึ่งหลัง
เวลาผ่านพ้นไปสักระยะแล้วตั้งแต่ที่บรรดาผู้เล่นของโซลและมูคยอมมารวมตัวกัน ร่างกายคุ้นเคยกับกลยุทธ์ที่ดำเนินการโดยมีมูคยอมเป็นจุดศูนย์กลาง และการฝึกซ้อมที่ปรับให้เข้ากับกลยุทธ์นั้น ตอนนี้บรรดาผู้เล่นต่างก็รับส่งบอลในสนามแข่งจริงได้อย่างลื่นไหลโดยไม่ลังเลได้มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อฤดูกาลดำเนินไป ถึงแม้จะมีการแข่งขันที่จบลงด้วยคะแนนที่เสมอกันหรือพ่ายแพ้อยู่ด้วยก็ตาม แต่คะแนนนำก็ยังคงเป็นอันดับ 1 อยู่เช่นเดิม อัตราการเสียแต้มของจองคยูเองก็ต่ำลงกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศของทีมจึงเต็มไปด้วยความอบอุ่น ครึ่งฤดูกาลแรกเองก็มาถึงระยะสุดท้าย วันนี้เป็นการแข่งขันสุดท้ายก่อนพักฤดูร้อน
ในขณะเดียวกัน เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูกาล ผู้บาดเจ็บทั้งหนักและเล็กน้อยก็เพิ่มขึ้น ฮาจุนจึงยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ วันนี้เขาก็จับตาดูผู้เล่นทีละคนๆ เพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายของพวกเขา ฮาจุนยืนอยู่หน้ามูคยอมคอยสังเกตบรรดาผู้เล่นแต่ละคนตามลำดับอย่างละเอียด มูคยอมที่ถอดเสื้อผู้เล่นออกจนเผยให้เห็นเรือนร่างกำลังนั่งดื่มน้ำอยู่ที่ม้านั่ง ร่างกายของเขาเหมือนกับทั้งหอกและโล่สูงใหญ่บึกบึนไม่เปลี่ยน ชัยชนะแสนสนุกที่ได้ลิ้มรสในวันนี้ทำให้แววตาของเขาเป็นประกายลุกโชน
ฮาจุนรู้ดีว่าสายตาแบบนั้นหมายความว่าอะไร ความตื่นเต้นและความประหม่ากำลังไต่ขึ้นมาบนร่างกายราวกับเชือกที่ผูกปม เขาส่งเสียงในลำคอออกมาสั้นๆ และนั่งลงตรงหน้ามูคยอมเพื่อตรวจเข่าและข้อเท้า มูคยอมโน้มตัวลงและกระซิบที่หูของฮาจุน
“วันนี้มาหาด้วยนะ”
ฮาจุนพยักหน้ารับเบาๆ เป็นสิ่งที่ไม่มีใครได้ยิน และถึงจะได้ยินก็ไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร
ความสัมพันธ์ ‘ระยะยาว’ ของทั้งสองกำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น มันเริ่มต้นในตอนที่ลมร้อนอบอ้าวพัดมา และฤดูกาลก็เปลี่ยนเป็นฤดูร้อนอย่างเต็มที่ระหว่างที่ยุ่งอยู่กับความสัมพันธ์ทางกายทุกครั้งที่มีโอกาส ฤดูกาลเองก็มาถึงจุดสูงสุด วงจรที่เป็นความลับก็ถูกสร้างขึ้นมาระดับหนึ่งแล้วเช่นกัน เป็นความสัมพันธ์ที่ ถ้าสั้นหน่อยก็สองวันครั้ง ถ้ายาวหน่อยก็สัปดาห์ละครั้ง
จะทำทุกวันไม่ได้ ฮาจุนเพียงแค่จะเลี่ยงการกลับบ้านสายสองวันติดกันเท่านั้น แต่พอมูคยอมยืนกรานอยู่หลายครั้งจึงทำต่อกันสองวัน วันต่อมาฮาจุนก็จะง่วงจนไม่มีสมาธิกับการทำงาน ถ้าถึงขนาดที่รู้สึกไม่สบายตัวก็ทนเอาไว้แล้วมันก็ผ่านไป แต่ฮาจุนตั้งใจไว้แล้วว่าจะปล่อยให้โค้ชที่ต้องดูสภาพร่างกายของบรรดานักกีฬาไม่สามารถมีสมาธิกับการทำงานได้เพราะสภาพร่างกายของตัวเองไม่เต็มร้อยไม่ได้ ถึงมูคยอมจะไม่พอใจ แต่เขาเองก็เป็นนักกีฬาที่รับการฝึกสอนจากฮาจุน จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปรับเรื่องนั้นให้เข้ากับฮาจุน
และหลังจบการแข่งขันจะต้องทำ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ส่วนสถานที่จะเป็นบ้านของมูคยอมทุกครั้ง ถึงการที่โค้ชเข้าออกบ้านของนักกีฬาบ่อยๆ จะไม่มีคนสงสัย แต่ทั้งสองก็ยังคงกลับจากที่ทำงานโดยไม่ให้คนอื่นรู้เช่นเคย เพราะถ้าเกิดไปสะดุดตาผู้เล่นคนอื่น โดยเฉพาะจองคยู ถึงอาจจะไม่เป็นที่สงสัย แต่ก็อาจจะเกิดเรื่องน่ารำคาญอย่างอื่นขึ้นก็ได้ ทั้งสองชอบการที่ดูเหมือนเป็นโค้ชและนักกีฬาที่สนิทกันดีมากที่สุด
ทันทีที่เข้ามาในบ้าน มูคยอมก็ดึงฮาจุนมากอดและฝังหน้าลงกับต้นคอราวกับหิวกระหาย ก่อนที่จะได้ถอดรองเท้าออกซะอีก ฮาจุนสูญเสียการทรงตัวและเซไปชั่วขณะเพราะการพุ่งเข้าใส่โดยไม่ทันตั้งตัว แต่มูคยอมก็คว้าเอวของฮาจุนเอาไว้อย่างรวดเร็ว
“นี่ เข้าไปข้างในก่อน”
ถึงฮาจุนจะบ่นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ แต่มูคยอมก็ไม่แม้แต่จะตอบ ฮาจุนผลักมูคยอมที่ซุกไซร้จะกัดต้นคอหรือดมกลิ่นถึงได้ฝังหน้าอยู่อย่างนั้นออก และพูดด้วยน้ำเสียงร้องขอ
“ขอฉันอาบน้ำก่อน”
“อยู่นิ่งๆ”
จะถอดรองเท้าและขึ้นไปบนห้องโดยที่มีสภาพแบบนั้นได้ยังไงกัน ช่างน่าขำที่เห็นภาพที่ทั้งสองเดินตัวติดกันเหมือนกับคนที่ถูกขังอยู่ในที่แคบๆ ในบ้านที่กว้างจนสามารถเตะฟุตบอลได้ พอเข้ามาถึงกลางโถงทางเดิน มูคยอมจึงเงยหน้าขึ้นมาพูด
“พอทำประตูได้ ฉันก็คิดแต่ว่าอยากจะซุกตัวอยู่กับนายตั้งแต่ตอนพักครึ่ง”
“อวดกันหรือไง ตอนแข่งต้องมีสมาธิสิ”
ถึงจะแกล้งตอบไปอย่างเย็นชา แต่ใบหน้าของเขาก็แดงขึ้นมา ความจริงที่ว่ามูคยอมต้องการตนเองถึงขนาดนั้น ทำให้เกิดความเร่าร้อนขึ้นมาภายในร่างกายของฮาจุนเช่นกัน มูคยอมยิ้มออกมาและตอบกลับ
“ก็ชนะแล้วนี่ครับ โค้ช”
มูคยอมพูดออกมาแบบนั้นพร้อมกับดึงแขนฮาจุนไปทางห้องที่มีเตียงอยู่ทันที หลายครั้งที่ฮาจุนผลักผู้ชายที่กดตัวเขาลงเตียงและตั้งใจจะถอดเสื้อผ้าของเขาออกราวกับสุนัขติดสัด
“หลบไปก่อน บอกว่าอาบน้ำก่อนค่อยทำไง”
“ทำก่อนรอบหนึ่งแล้วค่อยอาบ”
“ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็ไม่ได้ไปหมดเลยเหรอ”
คุ้นเคยแม้แต่กับการทะเลาะกันแบบนี้มากขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรพิเศษเลย ตั้งแต่แรกเริ่มมาจนถึงตอนนี้ บ่อยครั้งที่บางครั้งทั้งสองปรับเวลาเลิกงานให้ตรงกันและมีความสัมพันธ์ที่บ้านของมูคยอม
มีทั้งวันที่ฮาจุนบอกว่าวันนี้ทำไม่ได้และรีบกลับบ้าน และวันที่เขาก็ไม่สามารถเอาชนะความเหนื่อยล้าหลังมีเซ็กซ์ได้จนต้องนอนอยู่ที่บ้านของมูคยอมด้วย วันต่อมาหลังจากที่นอนที่บ้านของมูคยอม พวกเขาก็กินมื้อเช้าด้วยกัน และนั่งรถคันเดียวกันไปทำงาน การจอดรถให้ฮาจุนลงในจุดที่อยู่ห่างจากสนามฝึกโดยใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที
ก็เป็นเหมือนเช่นเคย เมื่อความสัมพันธ์ยาวนานมากขึ้น ความต้องการของกันและกันอาจจะแตกต่างกันก็ได้ มูคยอมเคยมีประสบการณ์แบบนั้นมาหลายครั้งแล้ว พวกมนุษย์ตอนที่เริ่มคบกันก็แกล้งทำเป็นใจเย็น แต่พอเจอกันบ่อยๆ ก็พูดเรื่องความรักออกมา ช่างน่าเบื่อและน่ารำคาญ
แต่ฮาจุนก็ยังอยู่ในที่ที่ตัวเองต้องอยู่ ถึงแม้เวลาจะล่วงเลยไปก็ตาม ซึ่งแตกต่างกับคนพวกนั้น ด้วยความที่เป็นความสัมพันธ์ที่เริ่มมาจากการคาดเดาความรู้สึกของฮาจุน มูคยอมกังวลว่าฮาจุนเองก็จะพูดทำนองเดียวกันนี้ในอีกไม่ช้าและทำให้ความสัมพันธ์พังทลายลงหรือเปล่า แต่สุดท้ายแล้ว อีฮาจุนก็ทั้งเท่และเป็นมืออาชีพมาตั้งแต่แรก ไม่ว่าภายในใจจะรู้สึกอย่างไร แต่ก็ไม่มีท่าทีเฉื่อยชาเลย ตอบสนองได้ดีพอและกระตุ้นความอยากได้ดีเหมือนกับตอนนี้ เมื่อเข้าสู่เกมหลักก็รับคำขอทั้งหมดที่ยากเกินกำลังในระดับที่ไม่เคยคิดมาก่อนในตอนที่มีเซ็กซ์กับคนอื่นมาจนถึงตอนนี้ ยังยากที่มูคยอมจะตัดสินว่าเป็นความใจกว้างหรือความพยายามกันแน่ และการทำกับอีฮาจุนก็ยิ่งน่าสนใจขึ้นไปอีก
มูคยอมอยากจะปรบมือให้กับการเลือกที่แสนจะดีงามของตัวเองอยู่ในใจ ความสัมพันธ์ระยะยาวและมั่นคง เซ็กซ์อันยอดเยี่ยม ถึงนั่นจะไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น ‘การลงหลักปักฐาน’ อย่างที่จองคยูพูด แต่มูคยอมก็ยังคงพอใจกับความสัมพันธ์ที่ยาวนานพอสมควรนี้มาตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ไม่เปลี่ยนแปลง เป็นการเลือกที่ไม่สามารถหาที่ติได้เลยแม้แต่อย่างเดียว
***
อากาศสั่นสะเทือนไปตามเสียงแฉะๆ ของน้ำและเสียงหนักๆ ของร่างกายที่กระทบกัน มูคยอมมองลงไปราวกับกำลังชื่นชมแผ่นหลังของฮาจุนที่นอนคว่ำแนบติดกับที่นอนพร้อมกับขยับเอว มือใหญ่ลูบไล้ไปบนสะโพกอย่างช้าๆ ราวกับกำลังลิ้มรสผิวอันนุ่มนวล มองแก่นกายชูชันอันแข็งแกร่งเคลื่อนที่เข้าออกระหว่างสะโพกขาวๆ
“ฮึ๊ก อึก อื๊อ”
อีกแล้ว
เห็นได้ชัดว่าแม้แต่หน้าแข้งที่ต้องอยู่ติดกับเตียงดีๆ ก็ยังไม่สามารถเอาชนะความสนุกนี้ได้จึงลอยขึ้นจากที่นอน และร่างกายที่สั่นไหวราวกับรู้สึกได้อย่างชัดเจน ฮาจุนพยายามกลั้นเสียงเอาไว้ในช่วงเวลาหนึ่ง มูคยอมก้มตัวลงและใช้มือคลึงยอดอกเบาๆ
“ฮ๊า อี๊ก!”
“แฮ่ก… โค้ช ทำไมวันนี้กลั้นเสียงบ่อยจัง”
“อ๊า อือ ฮึ๊ก”
“หืม? ฉันบอกว่าอย่ากลั้นไว้ไง”
มูคยอมใช้นิ้วคลึงยอดอกพลางซุกไซร้ต้นคอ ถึงฮาจุนจะส่ายหน้าราวกับบอกว่าอย่า แต่ระหว่างที่หยุดขยับเอวและใช้มือหยอกล้อชั่วคราวนั้น ผนังด้านในที่เชื่อมติดกันก็ขมิบตอดแก่นกายราวกับกำลังกระตุ้น ซึ่งตรงกันข้ามกับท่าทีที่แสดงออกมา
มูคยอมยกยิ้มโดยไร้เสียงเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวนั่น เวลาที่เป็นแบบนี้น่ะ ถ้าค่อยๆ เอาออกมันก็เสียวซ่านอีกน่ะสิ ตอนนี้มูคยอมรู้เกี่ยวกับร่างกายของฮาจุนมากกว่าครั้งแรกมากนัก
“อะ อ๊า! แฮ่ก อื๊อ…!”
มือที่เย้าแหย่ยอดอกค่อยๆ ลูบไล้ร่างกายส่วนบน พร้อมกับถอยไปข้างหลังช้าๆ ไม่สิ ต่างจากเดิมหรือเปล่านะ ฮาจุนยิ่งขยำผ้าปูที่นอนแรงกว่าเดิมพลางขยับเอวขึ้นและบิดตัวไปมาราวกับอยากจะวิ่งหนีไปให้พ้นๆ ตอนนี้พอจะรู้แล้วว่ายิ่งขยับเอวมากเท่าไรตัวเองก็จะยิ่งถูกปลุกเร้ามากเท่านั้น มูคยอมคิดแบบนั้นอยู่ในใจและลดความเร็วในการดึงเอวออกให้ช้ากว่าเดิม
“ฮึก อ๊าาาา… อะ อ๊า…! หยุด พอ ได้แล้ว!”
“หยุดอะไร ต้องเอาออกหรือใส่เข้าไปล่ะ”
“อ๊า นาย จะ จงใจ ฮึ๊กกก!”
“จงใจ?”
เขาแหย่กลับเข้าไปพร้อมกับถามที่ข้างหู
“อ๊ะ!”
“จงใจอะไร อย่าพึมพำ พูดมาให้ชัดๆ สิ”