Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 60
เมื่อมาถึงสนามฝึกซ้อม ก็มีเสียงที่ร่าเริงตะโกนเรียกพวกเขาอย่างเจี๊ยวจ๊าว ความอึกทึกครึกโครมที่ลืมไปชั่วครู่ก็เข้ามารุมเร้าทันที เหล่านักเตะที่กลับมาหลังจากพักช่วงสั้นๆ มีชีวิตชีวาขึ้นมาก และยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังราวกับฝูงสุนัขพันธุ์สแปเนียลที่วิ่งไปรอบๆ แม้ว่าจะปล่อยทิ้งไว้ให้อยู่นิ่งๆ ก็ตาม
ฮาจุนเดินเข้าไปหาเหล่าเด็กหนุ่มราวกับเป็นครูที่แสนใจดี
“วันหยุดสนุกไหม”
“ครับ! โค้ช ครั้งนี้ผมไปเกาะเชจูมาครับ ผมเอาของฝากไปไว้ให้ที่ห้องสำนักงานนะครับ เป็นขนมที่ทำจากมันหวาน เขาบอกว่ามันอร่อยแหละครับ”
“จริงเหรอ ซื้ออะไรแบบนั้นมาหมดเลยเหรอ ทำไมไม่เก็บเงินไว้เที่ยวเล่นล่ะ”
“มันไม่เท่าไรหรอกครับ เอาไปแบ่งทานกับโค้ชคนอื่นๆ สิครับ”
ทันทีที่โค้ชอีฮาจุนไอดอลของสนามฝึกซ้อมของโซลซิตี้เดินทางมาถึง อีกฝ่ายก็โดนรายล้อมจากบรรดานักเตะจนถูกเบียดบังคับให้ออกห่างจากมูคยอมที่เคยยืนอยู่ข้างๆ กัน
มูคยอมทำหน้าบึ้งมองดูภาพนั้นแล้วเดินก้าวเท้าฉับๆ ผ่านไปเหมือนกับตอนที่มูคยอมเดินฝ่านักข่าว เขาใช้ร่างกายอันโดดเด่นดันจนทำให้นักเตะคนอื่นๆ ที่ยืนรวมกันอยู่แยกย้ายกันไปอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วปล่อยเว้นให้ที่ข้างๆ ของฮาจุนนั้นว่างเปล่า
มูคยอมที่ครอบครองพื้นที่ด้านข้างของฮาจุนถอนหายใจแล้วเอ่ยออกมาราวกับพูดอยู่คนเดียว
“พวกโค้ชเองก็ต้องระวังเรื่องสุขภาพด้วยเหมือนกัน เพราะงั้นของฝากที่เป็นขนมมันก็ไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรนะ”
‘นายเป็นอะไรของนายอีกเนี่ย’ ฮาจุนกระซิบและถองข้อศอกของตนเองเข้าที่เอวของมูคยอม หลังจากนั้นนักเตะคนที่บอกว่าเขาไปเกาะเชจูก็ยิ้มราวกับประหม่า
“มันเป็นขนมแคลอรีต่ำที่ไม่ได้ใส่น้ำตาลมากครับ”
เงียบปากซะ
รู้ไหมว่าเมื่อวานนี้โค้ชคนโปรดของนายบอกอะไรกับฉัน เขาบอกว่าเขาชอบฉัน เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้อย่าได้มากวนใจอีกเป็นอันขาด
…มูคยอมไม่สามารถพูดเช่นนั้นออกไปได้จึงทำได้แค่เพียงแสดงสีหน้าเคร่งขรึม ฮาจุนจึงตอบนักเตะที่เขินอายคนนั้นแทน
“ขอบใจนะ จะทานให้อร่อยเลย พี่มูคยอมปกติก็พูดจาขวานผ่าซากแบบนั้นนี่นา เข้าใจเขาหน่อยนะ”
“ไม่ล่ะครับ ผมคิดว่านั่นเป็นบุคลิกของเขาด้วยแหละครับ”
หลังจากทิ้งคำพูดที่คลุมเครือว่าจะชมดีหรือขู่ให้กลัวดี นักเตะรุ่นเยาว์ก็กลับมาพูดคุยกันเสียงดังอีกครั้งแล้วจึงเดินไปข้างหน้าต่อ
ขณะที่พวกนักเตะเดินออกไปไกลแล้ว ฮาจุนจึงลดเสียงลงแล้วบ่นด้วยสีหน้าลำบากใจ
“นายเป็นอะไรของนายเนี่ย คนเขาอุตส่าห์ซื้อมาให้ด้วยความมีน้ำใจนะ ตอนนี้เรามีสต๊าฟไม่เพียงพอ แล้วนายยังจะมาเบ่งใส่นักเตะด้วยกันอีกเหรอ เขาอยู่ในทีมนี้นานกว่านายอีกนะ”
มูคยอมหน้าบึ้งเล็กน้อย ดูท่าทางแล้วฮาจุนคงแยกแยะเรื่องที่ชอบก็ส่วนเรื่องที่ชอบได้ แต่ในฐานะโค้ชก็ยังคงบ่นจู้จี้เหมือนเดิม แล้วความแตกต่างระหว่างตอนที่ชอบเขากับตอนที่ไม่ชอบคืออะไรล่ะ ยอมให้มีอะไรกันบนรถอย่างนั้นเหรอ
มูคยอมบ่นในใจพลางเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ เขาเจอกับจองคยูที่มาถึงล่วงหน้าแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเกือบหมดแล้วนั้นนั่งอยู่บนม้านั่ง จากนั้นอีกฝ่ายก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วแสดงสีหน้าดีอกดีใจ
“คิมมูคยอม มาแล้วเหรอ”
“ทำไมทำหน้าเหมือนไม่ได้เจอกันนานอย่างนั้นล่ะ”
หลังจากที่เจอกันเมื่อวานนี้ จองคยูก็ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ อีกฝ่ายยิ้มด้วยใบหน้าที่สดใสราวกับเพิ่งเจอกัน
ทันทีที่มูคยอมตะโกนใส่ ร่างใหญ่ของอีกฝ่ายก็เข้ามาใกล้ราวกับแกล้งทำท่าน่ารัก มูคยอมขมวดคิ้วพร้อมกับปัดมือจองคยูราวกับไม่พอใจจริงๆ กับท่าทางของอีกฝ่ายที่เอานิ้วมาจิ้มเข้าที่ไหล่ของเขา
“นี่ไอ้หนู ขอร้องเถอะ นายต้องรู้นะว่าตัวเองไม่เหมาะกับท่าทางน่ารักๆ”
“ไอ้หมอนี่ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นเว้ย นายก็บอกมาสิ เมื่อวานฮาจุนโอเคไหม”
จากคำพูดนั้นมูคยอมก็คลายคิ้วที่ขมวดแล้วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“ก็รู้สึกแย่ไปสักพักเลยเพราะตกใจคิดว่าไฟไหม้ แต่ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้ว”
“ฉันห่วงแทบแย่แหนะ โล่งอกไปที ว่าแต่เมื่อกี้นายสองคนคุยกันเรื่องอะไรกันเหรอ ไหนบอกว่าจะเล่าให้ฉันฟังด้วยไง”
จะคุยอะไรล่ะ บอกว่าฮาจุนชอบฉันไง เข้าใจไหม ก็บอกว่าฮาจุนชอบฉันไง!
…เพราะว่ามูคยอมไม่สามารถตอบเช่นนั้นได้ เขาเลยยิ้มเหมือนกวนประสาทและตบไหล่ของจองคยูเบาๆ
“ที่ฉันจะบอกคือ มันเป็นเรื่องส่วนตัวน่ะ”
“ไม่ได้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นหรอกใช่ไหม”
“…ไม่ใช่อะไรแบบนั้นหรอก”
สำหรับอีฮาจุนด้วย มั้ง
พวกเขาออกจากห้องล็อกเกอร์ด้วยกันและเดินไปตามทางเดินยาว เมื่อเปิดประตูหน้าของอาคารและออกไปที่สนามฝึก มูคยอมก็เห็นฮาจุนยืนอยู่บนสนามหญ้า เนื่องจากยังไม่ถึงเวลาฝึกซ้อม ฮาจุนจึงอยู่ที่ริมสนามหญ้า แต่ดวงตาของมูคยอมเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยให้กับภาพที่เขาไม่สามารถพบเห็นได้ตามปกติ ผู้หญิงสองสามคนที่แต่งกายด้วยชุดนอกที่ดูอย่างไรก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับทางสโมสรกำลังยืนอยู่ด้านหน้าและพูดคุยกันกับฮาจุน
ไม่รู้ว่าสนุกอะไรขนาดนั้นฮาจุนถึงได้ยิ้มหวานปานนี้ ดูจากท่าทางของฮาจุนแล้วคงชวนคุยเรื่องกะหนุงกะหนิงล่ะสิ อาจจะเพราะว่าใบหน้าของอีกฝ่ายขาวเกินไป มันเลยดูเหมือนมีแสงแดดสีทองส่องลงมาบริเวณนั้น จองคยูออกมาจากอาคารหลังจากเขา และเมื่ออีกฝ่ายเห็นภาพนั้นก็อุทานว่า “โอ้” ออกมาเล็กน้อย
“พวกเขาช่างเสมอต้นเสมอปลายดีเสียจริง”
“…ใครเหรอ”
“แฟนคลับของฮาจุน”
มูคยอมเงียบไปชั่วครู่และถามกลับไป
“…แฟนคลับอะไร”
“พวกเขาเป็นแฟนคลับตัวยงตั้งแต่ฮาจุนยังเป็นนักเตะน่ะ แล้วบางคนก็ยังคอยดูแลฮาจุนอยู่ คราวที่แล้วที่อยู่ในทีมดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาที่สนามซ้อมปีละครั้งหรือสองครั้งน่ะ มาถึงที่นี่ด้วยแฮะ”
ฮ่าๆๆ
ในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะอันดังกังวานที่ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลๆ ก็ยังสามารถได้ยินนั้นได้แล่นเข้ามาสู่โสตประสาทของมูคยอม คงคุยเรื่องสนุกๆ กันอยู่สินะ ฮาจุนถึงได้ยิ้มอย่างสดใสจนดวงตาของอีกฝ่ายโค้งลงเหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว
ขณะที่มูคยอมเดินไปตรงกลางสนามหญ้า เขารู้สึกว่าภายในอกของเขาค่อยๆ ร้อนระอุราวกับต๊อกบกกีเผ็ดร้อนบนหม้อที่กำลังเดือดปุดๆ ไม่ใช่ว่าฮาจุนไปทำอะไรทุกอย่างที่ต้องทำแล้วก็ปล่อยคำว่าชอบเขาทิ้งไว้อย่างนั้นหรอกเหรอ เขาไม่รู้เลยว่าความแตกต่างระหว่างก่อนชอบกับหลังชอบมันคืออะไรกันแน่!
เวลาที่ต้องเริ่มการฝึกซ้อมได้ใกล้เข้ามาแล้ว และฮาจุนก็ไปรวมกับทีมโค้ชด้วยความเร่งรีบด้วยการโบกมือให้สาวๆ ที่บอกว่าเป็นแฟนคลับของเขา สโมสรใหญ่ของยุโรปไม่ได้เปิดสนามฝึกซ้อมด้วยเหตุผลหลายประการ รวมไปถึงปัญหาด้านความปลอดภัยด้วย และถึงแม้ว่าจะเปิด แต่ก็ยังมีข้อจำกัด โดยมีการกำหนดตารางเวลาในการรับชมแยกต่างหาก อย่างไรก็ตามซิตี้โซลก็เหมือนกับสโมสรเคลีกหลายๆ แห่ง ที่ต้อนรับคนทั่วไปให้สามารถเข้าไปดูได้
แขกที่มาเยี่ยมยังไม่เดินทางกลับ แต่ไปนั่งบนอัฒจันทร์ที่อยู่ข้างสนามแล้วโบกมือให้ มูคยอมกัดฟันกรอดอยู่เพียงลำพังในขณะที่มองดูฮาจุนโบกมือตอบกลับให้พวกเขาเล็กน้อย
ปี๊ด
การฝึกซ้อมครั้งแรกในครึ่งหลังของฤดูกาลเริ่มต้นด้วยเสียงนกหวีดอันสดชื่น บรรดานักเตะยืนเป็นสองแถวอยู่ที่ลู่วิ่ง ทำเป็นวงกลมเล็กๆ หลายวงแล้วยืดกล้ามเนื้อตามคำสั่ง ฮาจุนสำรวจนักเตะคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เจอกันมานานและเดินไปเดินมาระหว่างคนพวกนั้น ฮาจุนมาถึงจุดที่มูคยอมและจองคยูยืนอยู่ ฮาจุนเริ่มตรวจดูสภาพร่างกายของจองคยูก่อน จองคยูที่หันไปสบตากับฮาจุนก็หยุดการกระทำของตนแล้วกระซิบราวกับว่าเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
“ฮาจุน เมื่อวานนายคุยอะไรกับคิมมูคยอมเหรอ”
“หืม”
“มันเป็นความลับเหรอ หรือเป็นเรื่องที่ฉันไม่ควรรู้งั้นเหรอ”
ถ้าจะขนาดนี้ก็เป็นโรคชอบสอดรู้สอดเห็นแล้วละ มูคยอมมองจองคยูอย่างเวทนาที่ไม่สามารถระงับความอยากรู้อยากเห็นของตนเองได้จนเข้าไปรบเร้าฮาจุน
ฮาจุนไม่สามารถตอบได้ในทันที เขาทำได้แค่เพียงแสดงสีหน้าพะวักพะวนอย่างลังเล มูคยอมกำลังจะบอกให้จองคยูหยุดละเมิดความเป็นส่วนตัวได้แล้ว แต่ฮาจุนก็ถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นมา
“อันที่จริงช่วงนี้ฉันช็อตน่ะ ก็เลยขอยืมเงินเขาหน่อย”
บนสนามหญ้าที่แจ่มชัดราวกับเปล่งประกายเพราะได้รับในแสงแดดฤดูร้อนนั้นได้เกิดความเงียบขึ้นมาระหว่างจองคยูและฮาจุน
โกหกเก่งกว่าที่คิดไว้อีกนะ มูคยอมที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่างเปลี่ยนท่าทีไปเป็นความรู้สึกเหมือนกำลังชมการแสดงการยิงมุกตลกของบทสนทนาระหว่างคนทั้งสอง
“อ๋อ งั้น…เหรอ”
“อื้อ เพราะงั้นมันก็คงไม่ดีเท่าไรถ้าจะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่น มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนนี่นา”
“…ฮาจุน! แม้ว่าฉันจะช่วยไม่ได้ดีเท่าหมอนั่น เพราะว่าฉันต้องเลี้ยงลูก แต่ฉันสามารถช่วยนายได้ไม่มากก็น้อย เพราะงั้นถ้ามีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะ”
มูคยอมไม่รีรอและก่นด่าจองคยูที่เศร้าสลดซึ่งกุมมือของฮาจุนไว้แน่นราวกับให้คำมั่นสัญญา
“ดูเอาเถอะคนสอดรู้อย่างนายแค่ต้นทุนยังหาไม่ได้เลย เขาไม่จำเป็นต้องไปแบมือขอนายหรอก เพราะงั้นกลับไปออกกำลังกายเลยไป”
จากคำพูดนั้นฮาจุนที่สบตากันเพียงเล็กน้อยจึงเดินไปด้านหน้าของมูคยอม จนกระทั่งเมื่อวานนี้อีกฝ่ายยังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงเดียวกันพร้อมกับสะอึกสะอื้นสารภาพรักอีกต่างหาก นานแล้วที่ไม่ได้เจอกันในฐานะนักเตะกับโค้ช มูคยอมจึงกระแอมนิดหน่อยราวกับกระอักกระอ่วน
มุมปากของมูคยอมยกขึ้นเล็กน้อย วันหยุดที่คิดว่าสั้นแต่ในอีกความหมายหนึ่งก็ช่างแสนยาวนาน
“ยกข้อเท้าขึ้นเหนือเข่าข้างซ้าย ลดกระดูกก้นกบลงอีก”
นานมากแล้วที่อีกฝ่ายแตะตัวเขาในขณะที่ฝึกซ้อม ขณะที่มือขาววางอยู่บนต้นขาด้านในของมูคยอม ความคิดที่ไม่เหมาะสมระหว่างการฝึกซ้อมก็แล่นเข้ามาในหัวของเขาอย่างตามอำเภอใจ มูคยอมพยายามปัดจินตนาการนั้นออกไป และเรียกชายที่อยู่ตรงหน้าตนเองด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“โค้ชอี”
“หืม”
“ถ้าหากว่านายต้องการเงินจริงๆ ก็บอกฉันนะ”
ฮาจุนกลอกตาด้วยสีหน้าที่บอกว่าอย่าพล่ามอะไรมันที่ไร้ประโยชน์ มูคยอมพเยิดคางชี้ไปที่สถานที่ไกลๆ แล้วเอ่ยถามขึ้นมา
“นายไปเจอพวกเขาบ่อยไหม”
“นายหมายถึงใคร”
“ตรงนั้นไง คนที่เข้ามาดู ได้ยินมาว่าเป็นแฟนคลับนาย”
“เปล่า แค่บางครั้งน่ะ ทุกคนต่างก็ยุ่งมาก ฉันเลยไม่ได้ไปเจอพวกเขาบ่อยๆ”
ฮาจุนคงเขินอายจากคำพูดที่ว่าเป็นแฟนคลับ อีกฝ่ายถึงได้ทำสีหน้าเคอะเขินขณะที่ตอบ
ปากบอกว่าเป็นแฟนคลับ แต่การที่มาเจอนักเตะที่วางมือไปได้สักพักแล้วนั้น ไม่ได้แปลว่าพวกเขาไม่ได้มองฮาจุนเป็นแค่นักเตะ แต่มองในฐานะผู้ชายคนหนึ่งหรอกเหรอ
“แล้วทำไมเหรอ” ฮาจุนถามในขณะที่มูคยอมหรี่ตามองไปทางอัฒจันทร์
“อ๊ะ โค้ชอี ตอนนี้ฉันรู้สึกเจ็บตรงบริเวณที่นายกดลงไปนิดหน่อย”
“อะไร ทำไมถึงเจ็บล่ะ”
แน่นอนว่ามูคยอมโกหก ฮาจุนเบิกตาโตราวกับตกใจ อีกฝ่ายกดขาด้านในของมูคยอมและมองเข้าไปด้านในอย่างตั้งอกตั้งใจ มูคยอมที่จ้องมองฮาจุนเช่นนั้นหันไปแค่นหัวเราะทางอัฒจันทร์โดยเปล่าประโยชน์ พอทำแบบนั้นสุดท้ายแล้วเขาก็ถูกจับได้ว่าแสร้งทำเป็นเจ็บและโดนตีด้วยฝ่ามือที่ต้นขาหนึ่งฉาด
***
อีฮาจุนเป็นคนที่รักษาคำพูดของตนเอง
ฮาจุนที่เคยพูดว่าถ้ามีคนมาเจอจะทำอย่างไรนั้น ในตอนนี้กำลังเปลือยกายขาวใสไร้จุดด่างดำทั้งหมดของตนเองในรถของมูคยอมโดยที่ไม่เหลือแม้แต่ด้ายเส้นเดียว ราวกับว่าที่ผ่านมาเรื่องที่อีกฝ่ายเคยปฏิเสธว่าจะไม่มีทางทำแบบนั้นเลยเป็นเรื่องโกหก เมื่อมูคยอมมองลงไปที่ฮาจุนที่นอนอยู่บนเบาะหนังสีเทาเข้ม เขาก็ปัดเป่าความไม่พอใจเล็กๆ น้อยๆ ที่รู้สึกขณะฝึกซ้อมได้อย่างหมดจด
หลังจากการฝึกซ้อม มูคยอมมารับฮาจุนให้ขึ้นรถของตนเองใกล้ๆ ป้ายรถเมล์ ราวกับเปิดปฏิบัติการลับหลังจากที่ผ่านไปนาน เพียงเพราะต้องการพิสูจน์ให้ได้เร็วขึ้นอย่างน้อยหนึ่งวินาที
รถของเขาไม่ได้มุ่งหน้าไปยังบ้านของเขา แต่กลับไปที่ชานเมืองที่ไร้ผู้คน และในตอนนี้มูคยอมกำลังตรวจหาหลักฐานความแตกต่างระหว่างก่อนชอบและหลังชอบผ่านสายตาและร่างกายด้วยความกระตือรือร้น
“ฮ๊า อื้อๆ…”
แม้ว่าจะไม่มีวี่แววของมดเลยแม้แต่ตัวเดียว แต่เพราะว่าอยู่ในรถที่อยู่กลางแจ้ง ฮาจุนจึงพยายามที่จะกลั้นเสียงเอาไว้ แต่ถึงแม้ว่าจะพยายามกลั้นเอาไว้อย่างไร แต่ลำคอของฮาจุนที่ส่งเสียงครางนั้นก็เต็มไปด้วยความร้อนรนราวกับว่ามันเปล่งออกมาเองโดยอัตโนมัติ ในตอนนี้มันก็สงบลงเล็กน้อยแล้ว
มันหดตัวและคลายตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับว่าร่างกายเปลือยเปล่านั้นสั่นสะท้านทั้งภายในและภายนอกโดยไม่ปิดบังเอาไว้เลย กล้ามเนื้อที่เอวและหน้าท้องลื่นเปียกเป็นมันวาวไปด้วยของเหลวในร่างกาย มูคยอมขยับกระแทกอย่างรุนแรงทุกครั้ง ท่าทางนั้นมันดูราวกับว่าอีกฝ่ายกำลังร่ายรำอยู่ ดังนั้นมูคยอมจึงจ้องมองอย่างเงียบๆ ขณะที่ยกเอวขึ้นอีกเล็กน้อยและแบะขาทั้งสองข้างให้กว้างกว่าขึ้นกว่าเดิม เขาแทรกน้ำหนักตัวเข้าไปให้ลึกขึ้น เอวของฮาจุนก็สะดุ้งตอบสนองกลับมา
ถึงแม้ว่าจะเป็นรถเก๋งธรรมดาที่มันก็ไม่ได้แคบจนเกินไป แต่มันก็ยากในการเปลี่ยนท่าทางได้อย่างสบายๆ และรวมไปถึงเซ็กส์อันฉูดฉาดของชายหนุ่มสองคนที่ขนาดตัวไม่ได้เล็กเลย พอถึงครึ่งทางของการหลั่งรอบสอง มูคยอมตั้งใจจับฮาจุนนอนลงแล้วสอดใส่อยู่บนร่างของฮาจุนเพื่อความสะดวก
“อ๊ะ อื้อ อ๊าาา…!”
ท่าหันหน้าเข้าหากันนั้น เขาชอบที่มันเห็นหน้ากันได้อย่างชัดแจ๋วและยังได้ยินเสียงกันอย่างชัดเจนอีก เขากระแทกอย่างเร็วและแรง แต่ทันใดนั้นก็ลดความเร็วให้ช้าลงและค่อยๆ เลื่อนเข้าไปจนถึงปลายสุดผนังด้านในที่แคบลง เอวของฮาจุนกระตุกและเด้งขึ้นมา มือสีขาวนวลคว้าข้อมือของมูคยอมไว้อย่างรวดเร็ว
มูคยอมแอบหัวเราะแบบไม่มีเสียง เขาชอบความรู้สึกที่ฮาจุนกำข้อมือของเขาอย่างแน่นมาก เขาอาจจะเสพติดมันแล้วก็ได้
แต่ที่ชอบมากกว่านั้นคือ การที่เขาเป็นฝ่ายจับข้อมือของฮาจุนด้วยมือของเขาเองต่างหาก มูคยอมยกแขนขึ้นและค่อยๆ เลื่อนมือที่ตนเองไว้ จากนั้นจึงคว้าข้อมือของฮาจุนแล้วกดลงบนเบาะ แล้วมูคยอมก็เริ่มกระแทกเข้าไปอย่างรวดเร็วไปตามจุดต่างๆ ของผนังด้านใน
“ฮ๊า เข้าใจแล้ว นายขอ ให้ ถู ตรงนี้ ฮู่ ใช่ไหมล่ะ”
“อ๊ะๆ ไม่ ไม่ ไม่ใช่ ตรงนี้ มัน เดี๋ยวก่อน ฮื่อ…!”
และถ้าไม่เปลี่ยนท่า มุมที่กระตุ้นด้านในก็จะไม่ค่อยเปลี่ยนมากนัก เขาจึงสามารถกดเข้าที่เดิมซ้ำแล้วซ้ำอีกได้
ส่วนหัวที่หนาและพองโตหลั่งไปแล้วหลายรอบ และบริเวณที่ถูก็ปลุกเร้าขึ้นมาโดยการกระแทกอีกครั้ง
ฮาจุนเอียงคออย่างเกร็งและสั่นไปทั้งตัว จากนั้นราวกับว่าอีกฝ่ายจะทนไม่ไหว ฮาจุนใช้ปลายนิ้วขูดต้นขาที่แข็งเป็นหินใต้บั้นท้ายของตนเองเบาๆ หรือพูดให้เจาะจงกว่านั้นคือบนกางเกงของเขานั่นเอง อาจจะเป็นท่าทางที่พยายามจะดันออกไปโดยสัญชาตญาณ แต่เพราะว่าถูกจับข้อมือไว้จึงไม่สามารถออกแรงได้เต็มที่
“เป็นอะไรไปอีกล่ะ หืม ฮู่ ฉันกระแทก เข้าไป แค่ตรงที่ ที่นายชอบ แค่นั้นเองนะ!”
“อ๊า ชะ ชอบ! ฮึก มัน…มาก อ๊ะ ไป….”
“มากไปเหรอ อะไรล่ะ เสียวมากไปเหรอ”
ขณะที่มูคยอมหลั่งออกมาแค่สองครั้ง ฝ่ายฮาจุนนั้นก็ได้หลั่งน้ำอสุจิลงบนหน้าท้องของตนเองมาแล้วหลายครั้ง และจนตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรจะหลั่งออกมาได้อีกแล้ว ดังนั้นแก่นกายที่หมดแรงไปเล็กน้อยนั้นก็ทำได้แค่เพียงสั่นไหวไปตามแรงกระแทกเอว มูคยอมใช้ฝ่ามือวางทับไว้แล้วลูบไล้เป็นวงกลมอย่างเบาๆ แม้ว่าความรู้สึกของแกนกายจะถูกกระตุ้นมากเกินไป จนสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนเมื่อเริ่มกระแทกเร็วๆ บนจุดที่บวมขึ้นมาจุดหนึ่ง
ทุกๆ ครั้ง ผนังด้านในที่เรียบลื่นและนุ่มนวลจะหดลงราวกับตกใจ และดูดกลืนแกนกายราวกับบอกว่าให้เข้ามาข้างในอีก ริมฝีปากของมูคยอมยิ้มอย่างเลือนราง
อ๋อ อีฮาจุนมีอารมณ์อยู่