Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 71
‘ปึง’ เสียงประตูปิดลงอย่างไร้ค่า ฮาจุนยืนทื่ออยู่เช่นนั้นพร้อมกับฟังเสียงฝีเท้าที่เดินไปตามทางเดินห่างออกไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ทรุดตัวนั่งฮวบลงไปบนเก้าอี้ตามเดิม เขาไล่ตามมูคยอมไปไม่ได้ เพราะตัวเขายังอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่า อีกทั้งน้ำเชื้อของมูคยอมก็ยังไหลอยู่ตรงหว่างขา
รู้สึกเหมือนลำคอขัดตึง หัวก็ปวดและหนักอึ้ง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะนอนแผ่แขนแผ่ขาอยู่เฉยๆ ตรงนี้หรือตรงไหนก็ได้ แต่ก็ทำแบบนั้นไม่ได้
“เฮ้อ” ฮาจุนได้แต่ถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็เอนหลังพิงพนักเก้าอี้พลางยกฝ่ามือขึ้นปิดหน้า เขาปรับลมหายใจให้สม่ำเสมออยู่ครู่หนึ่งแล้วดึงทิชชู่ที่มูคยอมวางไว้บนเก้าอี้ พร้อมทั้งลุกขึ้นยืนแล้วเช็ดน้ำขาวขุ่นที่เปื้อนอยู่ตรงระหว่างขากับด้านหลังที่เปียกนอง จากนั้นก็ดึงทิชชู่ออกมาเพิ่มเพื่อเช็ดเก้าอี้ด้วย
เขายกเก้าอี้ตัวนั้นไปวางไว้ที่เดิม จากนั้นจึงใส่เสื้อผ้า เสื้อที่ปล่อยวางไว้บนโต๊ะพักใหญ่เย็นเฉียบ การใส่เสื้อผ้าหลังจากไม่ได้ล้างด้านหลังให้เรียบร้อยทั้งที่ของเหลวไหลออกมาข้างนอกพอสมควร ทำให้ฮาจุนรู้สึกอึดอัดจริงๆ
‘ช่วยไม่ได้นี่ ทำได้แค่รีบกลับไปอาบน้ำเท่านั้น หรือว่ายังไงก็ไม่มีใครอยู่แล้ว ไปอาบที่ห้องอาบน้ำเลยดีไหมนะ’
“…”
ฮาจุนถือกระเป๋าเพื่อจะออกจากห้องรับรอง แต่เขากลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยที่ก้าวเท้าออกไปไม่ได้ ความคิดกลับเข้ามาตีกันวุ่นวายในหัวอันหนักอึ้งซึ่งเต็มไปด้วยความสับสน
ความอยากคุยเป็นความต้องการของเขาเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นจะไปโทษมูคยอมที่บอกแล้วว่าไม่ต้องการคุยกันก็ไม่ได้ เรื่องที่ว่าหากมีเซ็กส์กันแล้วครั้งหนึ่ง การพูดคุยก็จะเป็นไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น เรื่องนั้นก็เป็นเพียงการเดาสุ่มของเขาเอง แน่นอนว่าเรื่องของคนเราย่อมไม่เป็นไปตามที่คิดเสมอไป
หลังจากหลั่งในสถานที่ที่ยากต่อการทำความสะอาดหลังเสร็จภารกิจ มูคยอมก็ออกไปก่อนโดยโยนทิ้งไว้เพียงทิชชู่เท่านั้น ท่าทีนั้นน่าขัดเคืองใจไม่น้อยก็จริง แต่มูคยอมก็ไม่ได้เป็นคนที่คิดถึงเรื่องหลังปลดปล่อยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ล่าสุดมานี้ มูคยอมดูเหมือนจะเพลิดเพลินกับการช่วยเขาจัดการร่างกายหลังเสร็จกิจ อย่างเช่นช่วยล้างด้านหลังให้ หรือไม่ก็เช็ดของเหลวที่หลั่งใส่บนร่างกาย แม้เขาจะบอกว่าไม่เอาก็ตาม แต่โดยพื้นฐานแล้ว ฮาจุนไม่เคยต้องการให้มูคยอมทำแบบนั้น ถ้าบรรยากาศเป็นแบบช่วงนี้ก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องพูดเลย
เรื่องนั้นจะอย่างไรก็ได้ เขาไม่สนใจหรอก
‘ในทีมมีคนที่ช่วยสนองให้ทันทีก็เลยสบายเลยนะเนี่ย’
…ทว่า เหตุผลที่ฮาจุนมาเป็นโค้ชในทีมนี้ ไม่ใช่เพื่อจะ ‘สนองให้ทันที’ และนั่นยิ่งไม่มีทางเป็นวิธีที่เขาดูแลพวกนักกีฬาด้วย
ฮาจุนพูดไม่ได้ว่าตัวเองฉลาดกับคำพูดที่มีความหมายสื่อถึงเรื่องทางเพศ แต่ก็ไม่ได้โง่เสียจนไม่เข้าใจความหมายของคำที่คิมมูคยอมพูดออกมา ถึงแม้ว่าอย่างน้อยๆ เขาอาจจะพูดล้อเล่นก็ตาม
จนกระทั่งเมื่อครู่นี้ เขายังจับตาดูการแข่งขันซึ่งจบลงด้วยคะแนนเจ็ดต่อสองอยู่ข้างสนามพร้อมทั้งมัวเมาไปกับความเร่าร้อนจากชัยชนะอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมองดูฟอร์มการเล่นของคิมมูคยอมซึ่งทำให้พูดคำว่าบ้าไปแล้วออกมาโดยอัตโนมัติพร้อมกับแทบจะจมอยู่ในความประทับใจ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ลงเล่นในฐานะนักกีฬา แต่ก็มีอยู่หลายวิธีที่จะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสนาม
เป็นความจริงที่ฮาจุนรู้สึกโล่งใจกับการที่ฟอร์มของมูคยอมไม่ตกเลย และเป็นความจริงที่เขาคิดว่า หากทำเพื่อดึงฟอร์มของมูคยอมให้กลับขึ้นมาได้ เขาก็อยากเป็นตัวช่วย ไม่ว่าจะช่วยให้มูคยอมได้ปลดปล่อยความใคร่หรือเรื่องอะไรก็ตาม…
“คิมมูคยอม”
เสียงพูดกับตัวเองอันแผ่วเบาดังลอดริมฝีปากออกมา
“นี่มันจริงๆ เลย…”
ฮาจุนเสยผมด้านหน้าขึ้น หัวคิ้วด้านล่างหน้าผากขาวย่นเข้าหากัน ฮาจุนกระชับสายกระเป๋าให้สะพายดีๆ แล้วเปิดประตูออกไป เซ็กส์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันสร้างภาระให้ร่างกายของเขาก็จริง แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็นปัญหาต่อการเดิน
ฮาจุนเดินเนิบๆ ออกมาจากตึกแล้วมุ่งหน้าไปยังป้ายรถบัสอย่างเอื่อยเฉื่อย แต่แล้วร่างของเขาก็ชะงักแล้วหยุดยืนอยู่ตรงกลางทางเท้า ฮาจุนยืนนิ่งย่นใบหน้าราวกับลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดจึงเรียกแท็กซี่
ถนนในยามค่ำคืนหลังการแข่งขันจบสิ้นลงและผู้คนต่างพากันกลับไปพักหนึ่งแล้วช่างเงียบเหงา ฮาจุนพาร่างตัวเองขึ้นไปบนแท็กซี่ว่างซึ่งขับเข้ามาใกล้ในเวลาไม่นานแล้วบอกจุดหมายปลายทางกับคนขับ
***
มูคยอมโยนกุญแจรถไปอย่างไม่สนใจไยดีแล้วทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา เพราะมัวแต่ทำประตูถึงห้าประตูจนวิ่งไปบนสนามหญ้าอย่างไม่หยุดหย่อน ร่างกายของเขาจึงเหนื่อยเปลี้ยจนไม่รู้จะเหนื่อยอย่างไรแล้ว ถ้าเป็นเวลาปกติ ต่อให้เป็นตอนจบการแข่งขันทันที เขาก็ไม่ได้รู้สึกอ่อนล้าถึงขนาดนี้ แต่วันนี้มันต่างกับตอนปกติออกไป
ดูเหมือนว่าเขาจะปลดปล่อยความเครียดที่อัดแน่นอยู่ในใจช่วงนี้ออกไปจนหมด โดยเอาการแข่งขันมาเป็นข้ออ้าง ถึงแม้จะอยู่ระหว่างแข่ง แต่มูคยอมก็ค่อนข้างแบ่งใช้กำลังกายอย่างไม่สะเพร่า เพราะเขาต้องวิ่งอย่างน้อยเก้าสิบนาที บางครั้งก็กว่าสองชั่วโมง หากเอาแต่บุ่มบ่ามวิ่งอย่างเดียวเหมือนพวกนักกีฬากรีฑาระยะสั้น ในครึ่งหลังเขาก็จะใช้แรงได้อย่างไม่เต็มที่
ทว่าวันนี้ ตลอดระยะเวลาเก้าสิบห้านาทีทั้งครึ่งแรก และครึ่งหลัง มูคยอมวิ่งอย่างกับคนคลั่งฟุตบอล และเพราะอย่างนั้นจึงทำผลงานอันยอดเยี่ยมได้ถึงห้าประตู แต่ก็เหนื่อยล้ามากพอๆ กัน
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีเรื่องของอีฮาจุนด้วย
“…”
ดูจากการที่อีฮาจุนไม่ได้รวมอยู่ในกลุ่มคนที่โค้ชเขามาตั้งแต่ช่วงสองสามวันก่อน นอกเหนือจากการฝึกซ้อมแบบกลุ่ม มูคยอมก็คิดว่ามันจะจบลงอย่างง่ายดายแบบนี้เลยเหรอ แต่ไม่มีทางเป็นแบบนั้นไปได้ ดูเหมือนว่าฮาจุนเองก็ไม่ต้องการทำแบบนั้น แต่ก็เหมือนจะเข้ามาคุยกับเขาสักครั้งในอีกไม่นานนี้เหมือนกัน แล้วก็ไม่ผิดไปจากที่คิดไว้เลย
เพราะไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นโค้ชอี คงคิดว่าปล่อยผ่านไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นไม่ได้ และถึงแม้ว่าจะไม่เกี่ยวกับงาน แต่ต้องพูดคุยกันและแก้ปัญหาอย่างถูกต้อง ฮาจุนคงต้องคิดแบบนี้แน่ๆ ถึงเขาจะไม่ได้ถามแต่ความคิดภายในใจของฮาจุนมันชัดเจนอยู่แล้ว
มูคยอมยกหมอนขึ้นวางทับใบหน้าเต็มแรง เขานอนอยู่แบบนั้นพักใหญ่ราวกับคนอยากขาดอากาศหายใจ
‘ไม่รู้แล้วตอนนี้ ต่อให้เป็นคนจิตใจดีเหมือนพ่อพระขนาดไหน แต่ถ้าทำถึงขนาดนั้นก็คงจะไม่พะเน้าพะนอต่อหรอกใช่ไหม
ฉันไม่คิดที่จะพูดคุยกับนาย ถ่มน้ำลายใส่หน้ากันยังจะดีกว่า เพราะฉะนั้นตอนนี้อย่ามาเข้าใกล้แล้วบอกว่าชอบฉันเลย ขอร้องละ’
อยากรีบกลับไปกรีนฟอร์ดเร็วๆ แล้ว อย่างไรซะ ตอนนี้เขาเองก็เบื่อที่จะลงเล่นด้วยความรับผิดชอบอย่างเดียวในทีมที่ไม่มีจุนซองแล้วด้วย แค่คิดว่าจะต้องอดทนอย่างไรในระยะสัญญายืมตัวที่ยังเหลืออยู่หลายเดือน มูคยอมก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมาแล้ว
ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าการตัดสินใจมาเกาหลีของเขาเป็นการเอาเวลาหนึ่งปีไปทิ้งอย่างสูญค่า แต่ในตอนนี้ ถ้าเป็นแค่การเอาเวลาไปทิ้งเฉยๆ เขาก็แทบจะรู้สึกขอบคุณแล้ว มูคยอมไม่คิดเลยว่าที่นี่จะมีหลุมพราง และกับดักของชีวิตซ่อนอยู่
ถึงแม้ว่าฮาจุนจะดูออกง่าย แต่ก็ยากจะมองออกในเวลาเดียวกัน ฮาจุนเป็นแบบนั้นตั้งแต่ตอนแรกที่หลบเลี่ยงเขาแล้วทำให้เขาอารมณ์ไม่ดี ฮาจุนเหมือนกับกระเบื้องเคลือบเนื้อเนียนสวยโดยไม่ต้องมีอะไรมาตกแต่ง แม้ดูเหมือนจะรับมือได้ง่าย แต่บางครั้งก็มีส่วนที่ยื่นออกมาในจุดที่คาดเดาไม่ได้ด้วย เพราะอย่างนั้นจึงทำให้ยากในการที่จะเผชิญหน้ากัน
มูคยอมคิดว่าหากบอกให้ถอดเสื้อ หากชวนให้มีเซ็กส์กัน สถานการณ์ตรงนั้นก็จะสิ้นสุดลง คิดว่าฮาจุนคงจะโกรธแล้วถามว่าพูดบ้าอะไรอยู่ขึ้นมาในทันที แต่อีกฝ่ายกลับตอบมาว่าจะทำ การคาดการณ์ของเขาผิดเพี้ยนตั้งแต่ตรงนั้น
‘บรรยากาศแบบในตอนนี้เนี่ย พูดออกมาว่าจะทำแบบไม่ลังเลในสถานการณ์แบบนั้นได้ด้วยหรือไง’ มูคยอมไม่เข้าใจเอาเสียเลย ในหัวของเขาตีกันวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ตัดสินใจไปแล้วครึ่งหนึ่งด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง ‘ก็ได้วะ ให้ตายสิ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด กลายเป็นแบบนี้ไปแล้วก็ถือซะว่ากินเป็นครั้งสุดท้ายก่อนแยกกันแล้วกัน ถ้าได้มีเซ็กส์ด้วย แล้วก็ตัดเยื่อใยได้ด้วย มันก็ดีที่สุดเลยไม่ใช่เหรอ’
เดิมทีเวลามีเซ็กส์กับอีฮาจุน มูคยอมก็ไม่ได้มีนิสัยบนเตียงที่จะใส่ใจอะไรสักเท่าไรอยู่แล้ว และในวันนี้ก็ยิ่งไม่อยากสนใจมากขึ้นไปอีก ตั้งใจว่าจะกระแทกๆ เข้าไปแล้วปลดปล่อยออกมาโดยไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองพลังงาน
แต่ว่า… แผนการของเขาก็คลาดเคลื่อนอีกครั้งจากการกระทำของหมอนั่นที่จู่ๆ ก็แทงนิ้วเข้าไปไม่หยุดอย่างกับจะทำข้างในให้ฉีกขาด
‘ไอ้คนบ้า บอกพวกนักกีฬาจนปากเปียกปากแฉะว่าให้ทะนุถนอมร่างกายแท้ๆ แต่ตัวเองทำบ้าอะไรเนี่ย’
“หมอนั่นเสียสติไปแล้วหรือไงนะ”
เขาอยากเลิกคิดแล้ว
มูคยอมพูดคนเดียวพร้อมกับตั้งใจจะขับไล่ความคิดออกไป แต่ใบหน้าขาวแดงเรื่อกับดวงตาชุ่มน้ำของอีฮาจุนในระหว่างมีเซ็กส์กันหลังไม่ได้ทำมานาน กลับไม่ยอมหายไปไหนและติดแน่นราวกับกระดาษสีลวดลายแพรวพรายอยู่ในหัวของมูคยอมซึ่งใช้ชีวิตอย่างแห้งเหี่ยวราวกับเนื้ออกไก่แห้งๆ ในช่วงนี้
วันนี้ตั้งใจว่าจะไม่ใช้นิ้วแม้แต่นิ้วเดียวแตะต้องอีฮาจุนเลย ตั้งใจว่าจะสั่งให้อีฮาจุนเตรียมตัวเองแล้วบอกให้อ้าขาออก จากนั้นก็แทรกกายเข้าไปเท่านั้น
ทว่าพอได้ใกล้ชิดจริง เขากลับปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ และกลายเป็นทำเหมือนตอนปกติเสียอย่างนั้น วันนี้ตั้งใจว่าจะทำตัวไม่สนใจเท่าที่จะทำได้แล้วแท้ๆ!
เจ้าลูกวัวที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ทำลายความตั้งใจของเขาไปจนหมด เขาควรจะนั่งอยู่ตรงเก้าอี้เฉยๆ สิ แต่ดันใช้มือตัวเองจ้วงเข้าออกด้านหลังแดงเถือกของอีฮาจุนก่อนจะได้ทำอะไรเสียอีก
พอทำแบบนั้นแล้วควักท่อนเนื้อออกมา อีฮาจุนก็ตาเป็นประกายแล้วส่งสายตาจ้องเขม็งมายังท่อนล่างของเขาอย่างเปิดเผย พอถามว่าชอบท่อนเขาขนาดนั้นเลย อีฮาจุนก็ยังพยักหน้ารับหน้าตาเฉยอย่างไร้ยางอายอีก
มูคยอมโมโหตั้งแต่ตอนเริ่ม แต่พอมองดูท่าทีเสียวซ่านทันทีที่สอดใส่เข้าไป เขาก็มีอารมณ์จนรู้สึกเหมือนร่างกายจะระเบิดออกมา อีกทั้งยังโกรธจนแทบบ้าเมื่อคิดว่าไอ้คนน่ารังเกียจที่มีลูกมีเมียแล้วหรือไม่ก็พวกสันหลังยาวคนอื่นๆ ก็คงได้เห็นภาพนี้เหมือนกัน
‘จะเจ็บหรือไม่เจ็บก็ช่าง แค่กระแทกให้ด้านหลังฉีกขาดไปเลย ทำให้ไปอ้าขาต่อหน้าผู้ชายคนอื่นไม่ได้เลยดีไหม’ ความคิดแบบนั้นค่อยๆ ซึมซาบเข้ามาภายในหัว แต่แล้วอีฮาจุนก็บีบน้ำตาออกมาแบบได้จังหวะพอดีอย่างกับมีญาณทิพย์ พอมองดูใบหน้าที่กำลังร้องไห้ มูคยอมก็สับสนวุ่นวายเหมือนจะเป็นบ้าไปจริงๆ สุดท้ายก็เลยให้ฮาจุนคว่ำหน้าลงแล้วทำจากด้านหลังอย่างเดียว
วันนี้มูคยอมไม่ได้ถามด้วยซ้ำแต่ฮาจุนกลับเอาแต่พล่ามว่าดีออกมาไม่หยุด ท่าทางนั้นก็ดูเหมือนเป็นแผนการเพื่อทำให้ผู้ชายคนอื่นเป็นบ้า จึงทำให้ความเดือดดาลแพร่กระจายไปทั่วร่าง แต่พอได้ยินเสียงพร่ำร้องบอกว่าดีพร้อมกับเรียกชื่อเขาไปด้วย หัวของมูคยอมก็ร้อนรุ่มขึ้นมาเพราะติดกับแผนการนั้นไปอย่างน่าหัวเราะเยาะเสียได้
กลิ่นอายของฮาจุนซึ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อมีเซ็กส์ เข้ามาแกว่งไกวภายในหัวที่หลอมละลายให้สับสนวุ่นวายเหมือนใช้ทัพพีคน และวินาทีก่อนที่เขาจะคลั่งขึ้นมา เขาอยากโอบอุ้มฮาจุนกลับมาบ้านทั้งอย่างนั้น อยากจับฮาจุนลงนอนบนเตียงแล้วขย่มจนกว่าจะหมดสติ ถึงแม้ว่าเขาจะมีเซ็กส์กับฮาจุนอยู่แต่ก็ยังจินตนาการภาพตอนทำกับฮาจุนไปด้วย
มูคยอมไม่ชอบตัวเองที่ภายในหัวร้อนรุ่มขึ้นมาถึงขนาดนั้น
ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาทันทีเมื่อเซ็กส์ที่ไม่ได้อยู่ในการคาดการณ์เสร็จสิ้นลง ไม่ใช่ทั้งความสุขสมทางกาย และความปลอดโปร่งที่มันจบลง แต่เป็นเพียงความห่อเหี่ยวใจเท่านั้น
อาจพูดได้ว่านี่เป็นปัญหาที่บอกให้จบกันด้วยคำพูดดีๆ ก็ได้ไม่ใช่เหรอ แต่ถึงแม้ว่าฮาจุนจะสารภาพว่าชอบเขาและถูกปฏิเสธไปแล้ว ฮาจุนก็ยังไม่จบความสัมพันธ์ในฐานะคู่นอนและยังคงยกยิ้มบอกว่าโอเคอย่างไม่ได้คิดอะไรอยู่อีก เพียงแค่บอกว่าให้สะสางความสัมพันธ์ ไม่ได้ช่วยในการตัดขาดกับหมอนั่นผู้ยอมรับได้ทุกอย่างเลย
ไม่ใช่ว่ายืดเวลาออกไปเพราะไม่มีใครพูดออกมาว่าให้จบกัน เพียงแค่คิดว่าการห่างกันไปเองมันดีต่อทั้งสองฝ่ายก็เท่านั้นเอง
…ถึงอย่างนั้น มูคยอมก็ยอมรับว่าได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์อันเลวร้ายที่สุดแล้ว การเลือกคำพูดร้ายกาจที่จะทำให้หัวใจของคนอื่นเจ็บปวด เป็นความถนัดเฉพาะตัวของเขามาตั้งแต่เด็ก แต่นั่นต้องเป็นตอนที่พูดออกมาจากใจจริงเท่านั้น ยากเหมือนกันที่ต้องสบตาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อพูดสิ่งที่ตัวเองไม่ได้คิดจริงๆ ออกมา
เขาชอบหลอกล่อผู้คนในเกม แต่ไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองเท่าไรกับการพูดโกหกจริงๆ ในชีวิตประจำวัน ถ้าหากว่าเขาโกหกเก่ง ตอนเด็กก็คงไม่ถูกทุบตีถึงขนาดนั้น และคงไม่ใช้ชีวิตมาโดยมีศัตรูเยอะถึงขนาดนั้นด้วย
ปากก็พูดพล่ามไปเรื่อย แต่หากใครมองมาก็คงจะเห็นว่าเขาร้อนรนราวกับไฟลนก้น แน่นอนว่าถึงแม้อีฮาจุนจะไม่ทันสังเกตว่าเขาเป็นแบบนั้น ในสถานการณ์เดียวกันกับเมื่อครู่นี้ก็เถอะ
เขาปล่อยหมอนั่นซึ่งยังไม่ได้แม้แต่จะสวมเสื้อเอาไว้แล้วออกมาก่อน เพราะอย่างนั้นจึงไม่สามารถออกไปจากที่นั่นได้จนกว่าจะยืนยันได้ว่าฮาจุนออกไปเรียบร้อยแล้ว เพราะถึงบอกว่าไม่มีใครอยู่ก็จริง แต่หากมีคนเข้าไปในห้องรับรองขึ้นมาก็จะยุ่งยาก ถ้ามีใครเห็นอีฮาจุนในสภาพตัวเปล่าเปลือยแล้วจะทำอย่างไรล่ะ
มูคยอมรอตรงสุดทางเดินพักใหญ่แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าฮาจุนจะออกมา ในตอนที่ขบคิดอย่างจริงจังว่าต้องหาข้ออ้างสักอย่างเพื่อลองกลับเข้าไปอีกครั้งหรือเปล่า ฮาจุนก็เปิดประตูออกมา มูคยอมมองดูถึงแค่ตอนฮาจุนออกมาแล้วจึงหันหลังเดินออกไปจากตึกทันที เขาไม่อยากมองต่อจนเห็นใบหน้าของฮาจุน
‘…ทำไมฉันถึงเป็นได้ขนาดนี้นะ
ถึงจะรู้สึกผิดต่อลุงก็เถอะ แต่จ่ายค่าฝ่าฝืนสัญญาแล้วกลับกรีนฟอร์ดไปซะตอนนี้เลยดีไหม’
ถ้าเห็นอีฮาจุนก็จะรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา ปกติแล้วเขาไม่ได้คิดถึงใครบางคนอยู่เรื่อยอย่างไร้สาระแบบนี้ ไม่ได้ฝันถึงคนคนเดียวทุกคืนด้วย คู่นอนจะไปมีความสัมพันธ์กับใครหรือไม่ เขาก็ไม่เคยแม้แต่จะสนใจและเข้าไปยุ่งเกี่ยว อีกทั้งยังไม่เคยโกรธกับเรื่องนั้นด้วย
‘ไม่สิ ยอมให้เป็นร้อยครั้งแล้ว คิดซะว่าโกรธได้แล้วกัน เพราะฮาจุนสัญญาไว้แล้วว่าจะไม่ทำแบบนั้น เพราะบอกชอบเขาแล้วแท้ๆ แต่กลับไปนอนกับผู้ชายคนอื่นทั้งที่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วัน!
แต่ถ้ารู้สึกว่าถูกหักหลัง แค่ตัดให้มันจบๆ ไปก็ได้นี่ ทำไมถึงยังยึดติดกับเรื่องนั้นอยู่เรื่อยล่ะ’
เมื่อเกิดความรู้สึกแบบนี้ขึ้นก็จะทำให้คนเราทุกข์ใจ มันน่าจะจบลงที่การโกรธอยู่ในใจคนเดียวกับเรื่องที่อีฮาจุนนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ถ้าได้อยู่กับอีฮาจุนแค่สองคนจริงๆ แล้วยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด เห็นได้ชัดว่าเขาคงถามซักไซ้ทีละเรื่องแล้วตะคอกอย่างบ้าคลั่งแน่ๆ
คงทำให้คนอื่นเขาทรมานทั้งคืนจนกว่าอีกฝ่ายจะตอบเรื่องที่ถามออกมา และหากตอบแล้ว เขาก็น่าจะยังยึดติดว่าคำตอบนี้เป็นความจริงหรือเรื่องโกหกอย่างกับคนเป็นโรค สุดท้ายแล้วถ้าได้รับคำตอบอันน่าพึงพอใจ ตอนนั้นก็คงวางใจจนถึงกับน้ำตาไหล แต่พอถึงวันต่อมาก็คงจะโกรธในตอนที่ได้พิสูจน์ความจริงอีกครั้ง ว่าคำตอบที่เคยพอใจนักหนาเมื่อวานเป็นเพียงเรื่องโกหกที่สร้างขึ้นเพราะถูกตนไล่ต้อนเท่านั้น
มูคยอมเกลียดและระแวงมนุษย์รอบข้างทุกคน แม้แต่ไอ้พวกลูกหมาที่อีฮาจุนลูบหัวโอ๋ นั่นก็ทำให้เขาห่อเหี่ยวอยู่ทุกวี่ทุกวัน จนสุดท้ายอาจทำให้ถึงตายไปเลยก็ได้
น่ากลัวชะมัด ในเมื่อความรู้สึกแบบนี้ก่อเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่ง การอยู่ใกล้อีฮาจุนย่อมไม่ดีต่อทั้งสองฝ่าย เพราะฉะนั้น การกลับไปกรีนฟอร์ดเสียตอนนี้จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว ฤดูกาลนี้ยังเหลือเวลาอีกพักใหญ่ เพราะฉะนั้นก็คงจะทำให้คนที่นี่เกลียดแค้นเขาอย่างสมบูรณ์แบบแน่ แต่อย่างไรซะ ความคิดเห็นจากคนที่เกาหลีก็ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่านี้แล้ว
ทว่า เขายังไม่อยากไปในที่ที่ไม่มีอีฮาจุน
อยากทำเพียงมองดูอีกฝ่ายแม้จะไม่เข้ามาใกล้ก็ตาม
ถ้าทำแบบนั้นพร้อมกับค่อยๆ เรียบเรียงความคิดไปทีละน้อย ถึงกลับไปกรีนฟอร์ดก็คงจะไม่นึกถึงขึ้นมาอีกแล้วละมั้ง
การที่เขาคิดแบบนี้ขึ้นมาอยู่เรื่อยช่างเหมือนกับคนโง่เสียจริง และรู้สึกได้ว่าตัวเองเหมือนเมล็ดธัญพืชเล็กๆ ในเศษอาหารที่ถูกทำให้แห้งเพื่อทิ้งเป็นขยะ
…ไม่สิ วันนี้ไม่ได้ ‘เหมือน’ แต่เป็นขยะจริงๆ เลยต่างหาก จนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้เขี่ยคู่นอนทิ้งไปอย่างใจร้ายมาแค่คนสองคน แต่ทุกคนที่ทิ้งต่างก็เพราะว่ามีเหตุผลที่ควรให้ทำแบบนั้นทั้งนั้น มูคยอมไม่เคยจัดการความสัมพันธ์โดยทำให้คนที่อ่อนโยนกับเขาเหมือนอีฮาจุนรู้สึกถูกเหยียดหยาม นั่นไม่ใช่เรื่องที่คนเราควรทำ
ความรู้สึกเกลียดตัวเองถาโถมเข้ามา แต่เขาก็กำลังพยายามเพื่อให้ตัวเองพอใจกับเรื่องที่ได้จัดการเคลียร์สถานการณ์อย่างแน่ชัดแล้ว เพราะอีฮาจุนเองก็คงไม่เข้าใกล้ผู้ชายที่เหมือนเศษขยะถึงขนาดนี้อีกต่อไป
ต่อให้มูคยอมเล่าสภาพของตัวเองในตอนนี้ให้คนอื่นฟัง เขาก็รู้อยู่แล้วว่าจะได้ยินคำว่าอะไรตอบกลับมา คงจะบอกว่าเขาชอบอีฮาจุนน่ะสิ โดยเฉพาะคนอย่างอิมจองคยูที่น่าจะตอบมาอย่างเริงร่าในทันทีเลยด้วยซ้ำ