Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 105
มูคยอมที่ได้รับคะแนนหัวเราะราวกับเด็กหนุ่ม และบุกเข้าใส่อีกครั้ง เพราะเมื่อครู่พวกเขาทำไปเพียงแค่รอบเดียว ทันใดนั้นฮาจุนที่นอนรับน้ำหนักตัวของอีกฝ่ายก็นึกขึ้นได้ จึงเอ่ยขึ้นว่า
“ทำในห้องนายไม่ได้เหรอ”
“ห้องฉันเหรอ”
“ไม่ทำตรงนี้นะ ไปทำที่ห้องนอนนายกัน ฉันยังไม่เคยลองเข้าไปเลยสักครั้ง”
“มันไม่ค่อยมีอะไรนะ อยู่ชั้นสอง ไม่จำเป็นต้องขึ้นไปหรอก”
อย่างไรก็ตาม มูคยอมก็พยักหน้าและไม่ห้ามปรามอีกต่อไป จากนั้นก็พยุงตัวขึ้นมาก่อน และอุ้มฮาจุนที่ยังนอนอยู่บนเตียงทันที ฮาจุนรู้สึกตกใจจึงเอาแขนโอบรอบคออีกฝ่ายไว้
“ปล่อยเลยนะ! เมื่อกี้ก็ด้วย ข้อเท้านาย!”
“มันดีขึ้นแล้ว”
จนถึงเมื่อวานนี้อีกฝ่ายยังลุกไม่ได้และขอให้เขาจับมือ แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนท่าทีรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด มูคยอมอุ้มฮาจุนราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเดินขึ้นบันไดของบ้านที่มีเพดานสูงและเปิดประตูหนึ่งบานในโถงทางเดิน
ห้องสไตล์โมเดิร์นและเรียบง่ายที่มีขนาดใหญ่กว่าห้องของฮาจุนประกอบไปด้วยชั้นวางของ โซฟาขนาดเล็ก แล็ปท็อปบนโต๊ะทำงาน แล้วก็มีโทรทัศน์ขนาดใหญ่พอที่จะเอาไว้ในห้องนั่งเล่นได้ ในทำนองเดียวกัน ห้องที่ทันสมัยและเรียบง่ายที่ไม่มีการตกแต่งขนาดใหญ่นี้ก็ดึงดูดสายตาของฮาจุนเอาไว้
มูคยอมยิ้มแล้ววางเขาลงบนเตียง
“ไม่ค่อยมีอะไรเลยใช่ไหมล่ะ บ้านหลังนี้ฉันเอาไว้อยู่แค่ชั่วคราวเลยไม่ได้ตกแต่งดีๆ”
หลังจากนั่งเงียบๆ ฮาจุนก็แย้มรอยยิ้มอย่างสดใสขณะที่ฝากฝังใบหน้าของตนเองไว้ที่หมอนบนเตียง เมื่อเห็นเช่นนั้น รอยยิ้มกว้างก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมูคยอม
“ฉันไม่ได้มาชมห้องสักหน่อย มันดีเพราะเป็นที่ที่นายใช้นอนทุกวันต่างหาก อยากถ่ายรูปแล้วเอามาตัดแปะไว้จัง”
“อยากถ่ายก็ถ่ายสิ นายเป็นคนแรกที่เดินเข้าห้องนอนพร้อมกันกับฉันเหมือนกัน”
“งั้นเหรอ”
ดวงตาของฮาจุนเปล่งประกาย มูคยอมมองไปที่ฮาจุนราวกับว่าเขาน่ารัก
“ทำไม ชอบใจเหรอที่ได้เป็นคนแรก”
“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่ว่ายังไงการได้เป็นคนแรกมันก็พิเศษกว่านี่นา”
มูคยอมนั่งลงบนเตียงแล้วเอนตัวลง พวกเขาสบตากันอีกครั้ง มูคยอมจึงกระแอมขึ้นมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงใจเล็กน้อย
“อีฮาจุน ฉันจะไม่มีทางเป็นแบบนั้นเป็นอันขาด ฉันจะไม่เป็นแบบไอ้คนนั้น ฉันสัญญา”
“อืม… ก่อนอื่นเลย ฉันเป็นคนประเภทที่ค่อนข้างใช้กำลังและค่อนข้างแรงเยอะ… ไม่ว่านายจะทำอะไร มันจะไม่เป็นอย่างที่นายคิดหรอก”
ทันใดนั้นเองมูคยอมก็หัวเราะออกมา เขาใช้มือลูบไล้แก้มของฮาจุน
“ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ ตั้งแต่แรกแล้วที่ฉันคิดว่านายเรียบร้อยเกินไปในฐานะกองหลัง”
“เรียบร้อย… สายตานายนี่ไม่ได้เรื่องเลยสินะ”
“อย่างไรก็เถอะ แค่นี้นายก็แข็งแกร่งพอแล้ว เพราะงั้น 10 ปีแล้วที่มองแค่คนๆ เดียว แม้จะพูดจาไร้สาระแต่ก็ยังอดทน… แม้แต่ที่กรีนฟอร์ดเองก็ด้วย คนที่แข็งแกร่งและดื้อรั้นทุกคนล้วนเป็นกองหลัง แต่ถ้าฉันทำตัวเหมือนคนโง่เง่าอีก ก็เตะทิ้งได้เลยนะ”
พอพูดจบมูคยอมก็ขมวดคิ้วแล้วพูดเสริมอย่างเร่งรีบ
“หมายถึงให้ใช้เท้าเตะจริงๆ ไม่ได้หมายถึงให้พวกเราเลิกกัน”
“เคยโดนฉันเตะแล้วหรืออย่างไร แล้วนายจะเสียใจทีหลังที่บอกให้ฉันเตะได้เลยโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง”
เมื่อริมฝีปากประกบกัน เสียงหัวเราะคิกคักและเสียงเล็กๆ ราวกับฟองสบู่แตกก็ดังไปทั่วทั้งห้อง และเสียงนั้นก็จางหายไปและตกอยู่ในความมืดมิด
เด็กหนุ่มทั้งสองที่เติบโตมาโดยไม่สามารถแยกความเหงากับความเข้มแข็งออกได้ ดังนั้นคนทั้งคู่ที่พยายามอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวและอดทนอยู่กับช่วงเวลาของตนเอง สุดท้ายค่ำคืนนี้ก็เป็นคืนที่ไม่มีใครเปล่าเปลี่ยวอีกต่อไป
——————————————————
ก่อนที่จะเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ มูคยอมทำหน้าบูดบึ้งและหยุดเดินอยู่ที่หน้าประตูครู่หนึ่ง แต่ทว่าหลังจากลังเลอยู่เพียงแค่สองสามวินาที เขาก็เปิดประตูและเข้าไปทันที
นักเตะที่อยู่ข้างในหันมามองมูคยอมอย่างพร้อมเพรียงกัน บรรดานักเตะที่กำลังเปลี่ยนชุดหรือพูดคุยกันอยู่ก็เอ่ยทักทายเขา
“พี่มูคยอม! มาแล้วเหรอครับ”
“สวัสดีครับ”
มูคยอมเดินเข้าไปข้างในและได้รับการทักทายเหล่านั้น
“เมื่อวานผมได้ดูรายการโทรทัศน์ เรื่องของพี่ไม่ว่าจะฟังตอนไหนผมก็ประทับใจนะครับ”
ถึงแม้ว่าจะคิดเช่นนั้นก็ตาม แต่ก็มีคนที่พูดเรื่องดีๆ เพื่อให้ฟังดูดี แต่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องเฉพาะเจาะจงที่ออกอากาศในรายการ
มันไม่ใช่อากัปกริยาที่สนใจมูคยอมอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับปัญหาส่วนตัวหลายๆ เรื่อง ถึงแม้ว่าจะได้รับความสนใจเพียงชั่วครู่ แต่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องราวที่น่าสนใจมากจนถึงวันถัดไป คงจะดังกว่านี้ถ้าเป็นเรื่องอื้อฉาวทางเพศ แต่เรื่องนี้มันเป็นเพียงแค่เรื่องที่สามารถปล่อยผ่านมันไปได้หลังจากที่รู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเผชิญหน้ากับมัน
ความจริงที่ว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเขาเป็นคนวิกลจริตนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขากังวลเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์จากคนอื่นเหมือนไม่เคยประสบมันมาก่อน และปิดบังมันเอาไว้ เพราะนอกจากเป็นคนที่ติดยาหรือติดเหล้าแล้ว ยังเป็นการวางตัวนักเตะที่มาจากลูกของอาชญากรที่มีการใช้ความรุนแรงในครอบครัวอีกด้วย มีหลายกรณีจนนับถ้วนที่ในยุโรปนั้น อาชีพฟุตบอลยังคงเป็นบันไดเลื่อนฐานะยอดนิยมของคนชนชั้นล่าง
เพื่อนร่วมงานที่กรีนฟอร์ดของเขาบางคนมีพ่อแม่ที่ติดคุกเพราะค้ายาเสพติดและทำร้ายร่างกายทั้งในบ้านและนอก
บ้าน แล้วเพื่อนคนนั้นก็ไม่ได้ปิดบังความจริงข้อนั้น อาจเป็นเพราะมั่นใจว่าตนเองนั้นเป็นคนที่แตกต่างจากพ่อแม่ ก็คงเป็นแบบนั้น เพราะเพื่อนเขาคนนั้นไม่ใช้กำลังต่อยตีใครโดยไม่มีเหตุผล อีกทั้งยังไม่ค้ายาเสพติดอีกด้วย
ซึ่งต่างจากมูคยอม มันเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะมั่นใจได้ว่าทุกอย่างนั้นมันขึ้นอยู่กับปัญหาของจิตใจ อย่างไรก็ตาม ฮาจุนก็ยังยอมรับในตัวเขา แม้ว่าจะได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วก็ตาม
ถ้าอย่างนั้น เขาก็จะไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร สิ่งที่น่าสนใจในอนาคตของเขานั้น มีเพียงการพิสูจน์ให้ฮาจุนและตัวเขาเองเห็นว่าในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ เขาเป็นคนที่แตกต่างจากปีศาจตนนั้น
“คิมมูคยอม มาแล้วเหรอ”
“อืม”
อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของอิมจองคยู หนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ถึงช่วงวัยเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและในฐานะเพื่อนสมัยมัธยมต้นของมูคยอมกลับดูอึดอัดเล็กน้อย แน่นอนว่าแทนที่จะรู้สึกอึดอัดกับมูคยอม แต่มันกลับเป็นความอึดอัดของคนที่รู้ความลับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ความลับของอีฮาจุน ของมูคยอม หรือของอิมจองคยูนั้นก็ถูกให้ฉีดเข้าไปเรื่อยๆ เขาตัดสินใจที่จะคิดว่ากรรมตามสนองคนจุ้นจ้านที่ก้าวก่ายเรื่องของคนอื่น ก็เหมือนกับโดนบูมเมอแรงตีกลับนั่นเอง
“แล้วจะเอาไง รายการนั่นไม่ได้ขอความยินยอมจากนายใช่ไหม”
“จะให้ทำไงล่ะ ก็ต้องฟ้องร้องสิ”
“เรตติ้งมันทำเงินได้ขนาดนั้นเลยเหรอ น่ากลัวจนขนลุกขนพอง”
“ไหนๆ มันก็เป็นโลกที่เต็มไปด้วยคนที่กุเรื่องที่ไม่มีความจริงขึ้นมา ก็อยู่ให้เป็นเสียดีกว่า”
เมื่อมูคยอมหัวเราะคิกคักออกมา สีหน้าของจองคยูก็ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้จะแสร้งทำเป็นว่าไม่เป็นอะไร แต่ก็ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างกังวล เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรเป็นพิเศษ ก่อนที่จะโดนงอน ต้องรีบไปซื้อของขวัญให้กับคุณลูกสาวเสียแล้ว
อาการปวดข้อเท้าได้หายไปหมดแล้วและเอ็นที่บาดเจ็บก็กลับมาเป็นปกติแล้ว ตั้งแต่วันนี้เขาจึงได้ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมการฝึกอบรมนอกสถานที่อีกครั้ง หลังจากมูคยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปที่สนามหญ้า เขาก็เห็นว่าฮาจุนอยู่ข้างนอกเรียบร้อยแล้ว ท้องฟ้าสีครามในฤดูใบไม้ร่วง สนามหญ้าที่ถูกดูแลให้เขียวขจีตลอดทั้งปี และอีฮาจุนที่หล่อเหลาตลอดทั้งปี
ผู้ชายที่หล่อเหลาคนนั้นคือคนรักของคิมมูคยอม
มุมปากของมูคยอมยกขึ้นและเกิดรอยยิ้มขึ้นโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว มูคยอมไม่ได้เดินขึ้นไปบนสนามหญ้าในทันที เขายืนอยู่ ณ จุดๆ หนึ่ง มองจากระยะไกล เขาเห็นฮาจุนกำลังสนทนาอย่างจริงจังกับโค้ชคนอื่นๆ ราวกับกำลังปรึกษาหารืออะไรบางอย่างกันอยู่ และอิมจองคยูที่ดูเหมือนเพิ่งจะออกมาก็เข้ามาตีที่ไหล่ของเขา
“ทำอะไร ไม่เข้าไปหรือไง”
“อืม ไปสิ”
มูคยอมก็ไม่รู้ตัวเลยว่าขณะที่ตอบนั้นตนเองไม่ได้ละสายตาไปจากฮาจุนเลย จองคยูที่ไล่สายตาตามการมองของมูคยอมดวงตาสั่นไหวแล้วมองไปที่มูคยอมอีกครั้ง จากนั้นก็ก้มหน้าไปหามูคยอมอย่างไม่มีความลังเล และกระซิบกระซาบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอยากรู้อยากเห็น
“นี่ พวกนายคบกันแล้วเหรอ”
“เห้อ น่าขยะแขยงจริงๆ ใครเขาอนุญาตให้นายมากระซิบกัน”
มูคยอมแสดงท่าทางรังเกียจและเดินเข้าไปในสนามหญ้าโดยไม่ตอบ เมื่อเดินตึงตังเข้าไปใกล้ ในระหว่างนั้นการสนทนากับโค้ชคนอื่นก็จบลง ฮาจุนที่ยืนอยู่คนเดียวก็เงยหน้าขึ้นและจับจ้องไปที่เขา
“คิมมูคยอม ออกมาแล้วเหรอ”
รอยยิ้มที่สดใสดุจแสงอาทิตย์ประดับบนใบหน้าสีขาวนวล รอยยิ้มแผ่กว้างโดยไม่ลังเลด้วยความเขินอายเล็กน้อย มูคยอมที่ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้วนั้นดึงอีกฝ่ายเข้ามากอดไว้อย่างแนบแน่น
เขาอยากโชว์ใบหน้านี้ให้นายยุนเห็นจังเลย!
ที่ผ่านมาเขารู้สึกร้อนใจเพราะคิดว่าสีหน้าของฮาจุนที่แสดงให้ไอ้คุณยุนเห็นมันงดงามเป็นพิเศษ แต่ตอนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงไม่ใช่เหรอ ระหว่างรอยยิ้มที่ฮาจุนแสดงให้พี่ชายที่ตัวเองติดตามเห็น กับรอยยิ้มที่มอบให้คนที่เชื่อใจ เขามั่นใจเลยว่าคนที่สามารถมองเห็นสีหน้าที่งดงามที่สุดในโลกของอีฮาจุนได้ในตอนนี้ก็เป็นเขาเอง! คิมมูคยอมยังไงล่ะ!
ฮาจุนตีเข้าที่เอวของมูคยอมด้วยความสับสนแล้วลดเสียงลง
“อะไรของนายเนี่ย นี่มันสนามฝึกซ้อมนะ”
“แล้วมันจะทำไมล่ะ คนอื่นทำแบบนี้กับนายได้ แล้วทำไมฉันถึงทำไม่ได้ล่ะ ฉันต้องจับจองไว้แบบนี้เพื่อไม่ให้แบคทีเรียตัวอื่นมาเกาะแกะนายนะ”
“นี่นายเรียกเพื่อนร่วมงานว่าแบคทีเรียเหรอ นายจะไม่เปลี่ยนนิสัยการพูดใช่ไหม”
ฮาจุนกลอกตาขณะที่ตำหนิเขา อย่างที่มูคยอมบอก ไม่มีใครสนใจทั้งสองคนเป็นพิเศษเลย ไม่ว่าพวกเขาจะกอดกันหรือไม่ก็ตาม…
มีอยู่หนึ่งคน ฮาจุนที่สบตากับจองคยูนั้นหน้าแดงเล็กน้อยแล้วจิ้มที่เอวของมูคยอม
“จองคยูมองพวกเราอยู่”
“มองแล้วยังไง กรรมของไอ้คนจุ้นจ้าน นายรู้ไหมว่าเขาบ่นฉันมากแค่ไหนให้ตั้งหลักปักฐานกับใครสักคน ตอนนี้ฉันจะทำในสิ่งที่เขาต้องการ แล้วเขาจะไม่พอใจอะไรอีกล่ะ”
ฮาจุนมองจองคยูด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ในที่สุด ก็ตัดสินใจปล่อยให้มูคยอมทำในสิ่งที่เขาต้องการ ถ้าฮาจุนไม่สารภาพว่าชอบมูคยอม จองคยูก็คงจะไม่สงสัยอะไรเป็นพิเศษเกี่ยวกับภาพที่เห็นนี้เหมือนกับนักเตะคนอื่นๆ…
แต่ในไม่ช้า ฮาจุนก็กระซิบกับมูคยอมด้วยน้ำเสียงที่คาดไม่ถึง
“จองคยูหัวเราะด้วยแหละ ดูท่าทางคงจะอารมณ์ดีนะ”
“หัวเราะเหรอ ชอบใจอะไรขนาดนั้นถึงได้หัวเราะออกมา อย่างไรก็ตาม หมอนั่นเป็นคนแปลกๆ น่ะ”
“ถ้าดูจากที่เป็นเพื่อนนายมาเกิน 10 ปีแล้ว จองคยูนี่ก็ไม่ธรรมดาใช่ไหม”
“อีฮาจุน… แล้วนายล่ะ”
การฝึกอย่างเป็นทางการเริ่มต้นขึ้นในขณะที่มูคยอมซึ่งกอดฮาจุนจากด้านหน้าย้ายไปยังตำแหน่งของเขาและกอดฮาจุนจากด้านหลัง จากนั้นจึงปล่อยฮาจุนอย่างช้าๆ พร้อมกับถอนหายใจ
ขณะที่วิ่งอยู่ สตาฟคนหนึ่งก็เรียกมูคยอม มูคยอมจึงออกจากแถวแล้วไปหาอีกฝ่าย
“มีอะไรเหรอครับ”
“มีแขกจากภายนอกมา เขาบอกว่าเป็นคนจากสถานีโทรทัศน์ที่มาถ่ายทำรายการตอนนั้น”
มูคยอมขมวดคิ้ว
ต้นสังกัดตัดสินใจที่จะยื่นฟ้องทันที ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แต่งเรื่องขึ้นมาหรือตั้งใจแต่งเรื่องขึ้นมา แต่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับครอบครัวซึ่งดูเหมือนยากที่จะลงทัณฑ์โทษใหญ่ เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่จะใช้สิ่งนั้นในการดึงดูดความสนใจ แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยผ่านมันไปได้
ไม่ใช่ครั้งแรกหรือสองครั้งที่เขาได้พบกับคนที่ปฏิบัติต่อชีวิตส่วนตัวของคนอื่นเฉกเช่นการเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วคายทิ้งไปเพื่อดึงดูดความสนใจเพียงชั่วครู่ ครั้งนี้มูคยอมเองก็เคยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าโดนดูถูกก่อนด้วย ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะรู้สึกแย่ก็ตามแต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ แน่นอนว่าถึงแม้จะเป็นกรณีนี้ แต่วิธีแก้ปัญหาก็เหมือนเด็กเกินไปหน่อย
อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งเคยหางตกเร็วขนาดนี้เป็นครั้งแรก ถ้าเป็นแบบนี้แล้วจะมาทำไม มูคยอมดื่มน้ำอึกหนึ่งและมุ่งหน้าไปยังคลับเฮาส์ที่บอกว่ามีแขกมาหาด้วยชุดฝึกซ้อม
ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในห้องว่างที่ไม่มีนักเตะคนใดอยู่เลยเพราะกำลังฝึกซ้อมอยู่ เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปเธอก็ลุกขึ้นยืน มูคยอมเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายโดยที่ยังไม่คลายใบหน้าที่แข็งทื่อของตนเอง
มินแจยอง ผู้ประกาศข่าวของทางรายการ
“มีเรื่องอะไรเหรอครับ ถึงได้มาหาผมในตอนนี้”
มินแจยองโค้งศีรษะลง ผมของเธอถูกมัดไปด้านหลัง เธอสวมสูทที่ต่างจากตอนที่ถ่ายทำรายการอย่างสิ้นเชิง
“ขอโทษจริงๆ นะคะ”
มูคยอมเอียงคอแล้วนั่งลง มินแจยองเองก็นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง
“แล้วคุณขอโทษเรื่องอะไรเหรอครับ ผมว่าน่าจะมีคนที่คอยรับผิดชอบไว้ต่างหากนะ มีแค่คนที่ออกหน้าออกตาอย่างเราๆ นี่แหละที่จะเสียหายใช่ไหมล่ะครับ”
“…แน่นอนว่าดิฉันไม่ใช่คนที่คอยรับผิดชอบ แต่มันเป็นรายการที่ดิฉันเป็นผู้ดำเนินรายการอยู่น่ะค่ะ ฟังดูเหมือนเป็นข้ออ้าง แต่ดิฉันคิดว่าพวกเราถ่ายทำรายการภายใต้ความยินยอมจากทุกคนค่ะ”
“ไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วครับ ผมเองก็ได้เจอกับนักข่าว ผู้ประกาศข่าว และนักวิจารณ์ทุกประเภท และผมก็รู้คร่าวๆ ว่าการออกอากาศเป็นอย่างไร”
“ขอบคุณสำหรับความเข้าใจของคุณค่ะ ดิฉันจึงอยากจะขอโทษ อย่างไรก็ตามเทปนั้นก็จะยังคงอยู่ต่อไป และมันเป็นเรื่องจริงที่ดิฉันอยู่ที่นั่นค่ะ”
มูคยอมเดาะลิ้นแล้วจับจ้องไปที่อีกฝ่าย
“ผมเข้าใจความรู้สึกคุณ แต่ว่าคุณจะทำแบบนี้ไม่ได้นะครับ การขอโทษนั้นไม่ควรทำโดยที่ไม่รู้สึกแบบนั้นจริงๆ แม้ว่าคนที่ควรรับผิดชอบจะเป็นคนขอโทษเองก็ตามนะครับ หรือว่าโปรดิวเซอร์รบกวนขอให้คุณมาขอโทษเหรอครับ คิมมูคยอมชอบผู้หญิง เขาจึงใช้คุณให้มาหาผมแล้วใช้เสน่ห์หญิงล่อเหยื่อเหรอครับ”
เธอถลึงตาโตแล้วลุกขึ้นยืนในทันที
“ไม่ใช่ค่ะ ไม่มีใครสั่งดิฉันค่ะ”
“คงไม่รู้อะไรสินะ ไม่ได้สั่งให้ทำ แต่ให้คุณลุกขึ้นยืนรับลูกกระสุนแทนสินะครับ กลับไปเถอะครับ เอาเป็นว่าผมเข้าใจ แต่ไม่รับคำขอโทษแล้วกัน เพราะว่าคุณไม่ใช่คนที่จำเป็นต้องมาขอโทษ”
มูคยอมพูดอย่างนั้นและเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยักไหล่แล้วเอ่ยต่อ
“แต่ถึงอย่างนั้นโปรดิวเซอร์ก็ดูเหมือนเป็นคนที่รู้กระแสธุรกิจบันเทิงดีนะครับ ผมประหลาดใจมากที่แอร์ไทม์ของโค้ชอีฮาจุนมีมากกว่าที่ผมคาดไว้น่ะครับ”
“นั่น…เป็นความเห็นแก่ตัวของฉันที่ใส่เข้าไปค่ะ อย่างที่ฉันพูดไปเมื่อครั้งที่แล้ว ฉันชอบเขาเมื่อตอนที่เขายังเป็นนักเตะอยู่น่ะค่ะ ฉันเกลี้ยกล่อมเขาว่าจะมีรีแอคชันอย่างแน่นอนถ้าเขาไปออกรายการ เขาจึงตอบตกลงค่ะ”
มูคยอมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเล็กน้อย จากนั้นหลังจากมองไปที่มินแจยองสักครู่ เขาจึงพูดต่อ
“คุณมินแจยอง ในปีหน้าจะมีการแข่งขันฟุตบอลโลก ดังนั้นจะมีรายการโทรทัศน์อีกมากมายที่มองหาผม”
“ใช่ค่ะ”
“ในตอนนั้น ผมจะให้ข้อมูลกับภายในว่ารายการที่คุณมินแจยองกำลังดำเนินการอยู่จะถูกเลือกเป็นลำดับแรก ถ้าหากว่าคุณต้องการว่าครั้งต่อไปอยากใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกับตอนนี้ ก็มาบอกทางผมได้เลยนะครับ ผมคิดว่าชุดนี้น่าจะเหมาะกับรายการในครั้งนี้มากกว่านะครับ”
เมื่อพูดเช่นนั้น มินแจยองก็เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยและยิ้มอย่างขมขื่นในทันที
“ขอขอบคุณในเรื่องนั้นด้วยนะคะ เพราะพวกเขารู้ดีกระแสธุรกิจบันเทิงดีว่าเป็นอย่างไร พวกเขาคงไม่ยอมฟังความเห็นของดิฉันหรอกค่ะ”
มูคยอมลุกจากที่นั่ง
“กลับดีๆ นะครับ ผมออกมาระหว่างที่ซ้อมอยู่ ดังนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”
มินแจยองยืนขึ้นและโค้งศีรษะลงอีกครั้ง มูคยอมเดินไปที่ประตูโดยไม่หันกลับมามองเธออีก จากนั้นเขาจึงหยุดเดินและหันไปมองทางด้านข้าง