Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 11
มูคยอมไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายเลย ทั้งในลอนดอน ทั้งในเมืองที่เขาไปพักร้อน ทั้งสถานที่ที่เขาไปพักผ่อนหย่อนใจ หรือแม้กระทั่งตอนที่มีงานปาร์ตี้ที่จัดโดยเพื่อนร่วมงานหรือคนดังที่เขารู้จักเป็นครั้งคราว ก็มีชายหนุ่มจำนวนไม่น้อยเลยที่เข้าหาเขาหลังจากที่เตร็ดเตร่อยู่ที่นั่นจนดึกดื่น
จากประสบการณ์ที่ว่า มูคยอมตระหนักตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าเขาก็สามารถดึงดูดความสนใจทางเพศกับผู้ชายได้เช่นกัน
เมื่อสร่างเมาแล้วเขาก็เคยตกหลุมความน่ารักของหนุ่มๆ เหล่านั้น แต่เขาไม่เคยลองเล้าโลมหรือจูบหนุ่มๆ เหล่านั้นเลย นับประสาอะไรกับการมีเซ็กส์กับผู้ชาย พูดได้เลยว่าตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เขามีอารมณ์กับผู้ชาย เขาไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ถึงเป็นเช่นนี้ เมื่อไรกันนะ ที่เขาเริ่มถามหาเหตุผลของความต้องการทางกิเลสกาม
“นานแค่ไหนแล้ว”
“หืม”
“นายอยากทำเรื่องแบบนี้กับฉันมานานแค่ไหนแล้ว”
มูคยอมปัดผมของฮาจุนที่กระจัดกระจายอยู่เต็มใบหน้าขึ้นไปบนหน้าผากและทัดหูด้วยนิ้วหัวแม่มือของเขา มันเป็นการกระทำที่อ่อนโยนมาก
“แสดงเก่งดีนี่ ฉันไม่เคยสังเกตเห็นเลย”
ฮาจุนนิ่งเงียบ ใบหน้าของเขาแดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตั้งอกตั้งใจเลือกสรรคำพูดตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว
ทั้งลางสังหรณ์ ทั้งเหตุการณ์ที่กะทันหันนี้ ทั้งอีฮาจุนที่แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา ทั้งความกลุ้มใจที่ต่างไปจากเดิม ทั้งหมดทั้งมวลนี้ตั้งแต่เริ่มแรกมันเหมือนกับการเทชิ้นส่วนของจิ๊กซอว์ออกมาต่อกัน นั่นจึงทำให้มูคยอมรู้สึกสนุก เขาที่เคยสงบนิ่งก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยราวกับตอนที่ได้เกมแผ่นใหม่หลังจากที่จุนซองล้มป่วย
“แล้วนายล่ะ”
“อะไร” จู่ๆ ฮาจุนก็ถามออกมาอย่างไม่คาดคิด มูคยอมย้อนถามเพราะไม่เข้าใจคำถามนั้น
“ทำไมนายถึงทำแบบนั้นกับฉัน”
“นายจะถามว่าทำไมฉันถึงจูบนายงั้นเหรอ”
คำพูดนั้นทำให้ฮาจุนแก้มแดงขึ้นแล้วยังมีสีหน้าที่กระวนกระวายมากขึ้นอีกด้วย มูคยอมยักไหล่โดยไม่ยอมปล่อยเอวของฮาจุน
“ฉันแค่อยากลองใจนายเฉยๆ ”
“…”
ฮาจุนปิดปากแน่นราวกับพูดไม่ออก ในตอนนี้แม้แต่จะสบตามูคยอมตรงๆ ฮาจุนก็ไม่สามารถทำได้เลย ท่าทางที่พุ่งเข้าใส่มูคยอมเมื่อก่อนหน้านั้นเหมือนกับเป็นเรื่องโกหก
ไม่ได้การแล้ว ถ้าจบเรื่องแล้วทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่นี่มันก็ไม่สนุกน่ะสิ มูคยอมไม่ต้องการที่จะล่มสถานการณ์อันน่าสนใจที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอยนี้
มูคยอมที่บอกว่าตนเองกังวลว่าจะทำอย่างไรดี จึงตกอยู่ในห้วงของความคิดเข้าไปอีก ก่อนที่จะจูบมีเพียงสัญชาตญาณเดียวที่โอบล้อมมูคยอมเอาไว้
หมอนี่มีใจให้ฉันไหมนะ
อีกฝ่ายทำตัวเหมือนกำลังหลบเลี่ยงอะไรแบบนั้น เพราะสนใจเกี่ยวกับตัวเขาค่อนข้างเยอะเลยไม่ใช่เหรอ โดยเฉพาะใบหน้าที่ขึ้นสีและรู้สึกอึดอัดใจนั้นเมื่อพรรณนาถึงสิ่งที่เขาทำให้กับผู้อื่นราวกับเป็นคำอวยพร
ทันทีที่มูคยอมตระหนักถึงความขัดแย้งอันไม่สมเหตุสมผล จึงทำให้เขาเกิดความอยากรู้อยากเห็น และความสนใจก็เปลี่ยนไปเป็นการกระทำ และการทดสอบก็จบลงด้วยความสำเร็จ มูคยอมไม่มีความคิดที่จะถามอีกฝ่ายไปตรงๆ ว่ามีใจให้เขาหรือเปล่า มันเป็นคำถามที่รับมือไม่ไหว ถ้าหากคำตอบคือใช่ ในอนาคตมันคงยากที่เขาจะรับมือหรือเปล่า
แต่ตอนนี้ภายในใจมูคยอมมีความปรารถนาที่จะเข้าไปในสถานการณ์นี้มากกว่าความกังวลที่เกี่ยวกับสถานการณ์ในอนาคต เขาถอนหายใจและถามราวกับตำหนิ
“อีฮาจุน”
“อือ”
“นายไม่ได้ใจตรงกันกับฉันหรอกเหรอ”
ตอนนี้ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความฉงนและวุ่นวายใจจนดูน่าสงสารได้หันไปทางมูคยอม ฮาจุนส่ายหน้าอย่างช้าๆ เงยหน้ามองมูคยอมที่มองลงมาที่ตนเองพลางขมวดคิ้ว
“แล้วทำไมล่ะ”
มูคยอมเอาแต่ถามคำถามที่ฮาจุนไม่สามารถตอบได้ เพื่อให้อีกฝ่ายตอบได้แค่ว่าใช่หรือไม่ใช่โดยไม่ต้องคิดนู่นนี่
“เพราะว่าเดิมทีนายก็ชอบผู้ชายใช่ไหม”
“…อืม”
“แม้ว่าจะไม่มีหัวใจ แต่นายก็คงใจดำสินะ ไม่ใช่แบบนั้นหรือไง”
ฮาจุนไม่ตอบรับและปฏิเสธ ใบหน้าของเขาที่เคยรุ่มร้อนไปด้วยความตื่นเต้นตอนนี้ดูเหนื่อยล้าเล็กน้อย
มูคยอมรอคำตอบจากฮาจุนว่าใช่หรือไม่ใช่อยู่
“แล้วฉันต้องทำยังไงดีล่ะ” ฮาจุนย้อนถามกลับไป
“อะไร”
“ช่วยบอกทีว่าฉันต้องทำยังไงนายถึงจะไม่อารมณ์เสีย… ฉันจะทำให้เอง”
ทันใดนั้นฮาจุนก็มีสีหน้าอึมครึมเหมือนคนที่ทำอะไรผิด มูคยอมไม่สามารถกลบเสียงหัวเราะแผ่วๆ ได้ เขาจึงโน้มตัวลงไปใกล้ๆ
“ฉันไม่ได้บอกว่าฉันอารมณ์เสียนะ”
“…”
“ฉันแค่กังวลนิดหน่อย”
“กังวล…เรื่องอะไร”
แม้แต่ตอนแรกที่เดาใจของฮาจุน มูคยอมก็ไม่รู้เลยว่า ‘ความรู้สึก’ ของฮาจุนนั้นเป็นความรักแบบบริสุทธิ์หรือเป็นความต้องการทางเพศที่อยากจะทำเรื่องอย่างว่ากับเขากันแน่ แต่ว่าก็พอจะรู้ได้แล้วจากการจูบอันเร่าร้อนที่เขาเป็นแบบทดสอบเมื่อครู่ ในความรู้สึกนั้นมีความปรารถนาทางเพศอยู่ด้วยอย่างแน่นอน
“จนถึงเมื่อกี้ฉันรู้สึกหดหู่นิดหน่อย ดังนั้นวันนี้ฉันเลยไปเตะบอลจนกว่าจะหาย แล้วค่อยกลับไปนอนคนเดียว”
“แล้ว…”
“ตอนแรกก็ว่าจะทำอย่างนั้นแหละ แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจแล้ว” มูคยอมสบตาฮาจุน
“ทำกับฉันไหม”
“…อะไร”
ฮาจุนมองไปที่มูคยอมด้วยสายตางงงวยราวกับว่าไม่เข้าใจว่ามูคยอมหมายถึงอะไร ฮาจุนกัดปากเอาไว้สุดแรงแล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้ มูคยอมขมวดคิ้วและอธิบายเป็นมารยาท
“เซ็กส์ ฉันถามว่านายอยากทำมันไหม”
“…”
“ไม่ต้องหนักใจหรอก มันไม่ใช่เรื่องที่ถ้าไม่ใช่นายแล้วฉันจะทำไม่ได้นี่”
เขาอธิบายมันค่อนข้างนานเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจง่ายขึ้น แต่ฮาจุนก็ไม่ได้ตอบในทันที อีกฝ่ายค่อยๆ กลอกตาลงไปด้านล่างซ้ำๆ ราวกับสับสน และต้นคอก็ขยับขึ้นลงเหมือนกลืนน้ำลายที่แห้งเหือด
ความเงียบนั้นยาวนานกว่าที่มูคยอมคิดไว้มาก อย่างไรก็ตามอย่างที่มูคยอมรู้ว่าการจูบแบบนั้นคือสิ่งที่จะทำให้ถึงขั้นต่อไป ยิ่งถ้าเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่เกิดจุดสัมผัสทางเพศ มูคยอมรู้ว่ามันจะเป็นไปตามเล่ห์เหลี่ยม เขาจึงรอและไม่เร่งอีกฝ่าย
เป็นไปตามคาดของมูคยอม ในที่สุดฮาจุนก็พยักหน้าช้าๆ ความรู้สึกกระวนกระวายและเหม่อลอยราวกับตามเรื่องราวไม่ทันก็พลันหายไปทันที
“อยากสิ”
อีกฝ่ายตอบอย่างชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนี้มูคยอมก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปเพราะความต้องการของทั้งคู่ตรงกัน
อย่างไรก็ตามไม่รู้ว่าทำไมวันนี้มันเป็นวันที่อีฮาจุนที่อยู่ต่อหน้าของเขานั้นช่างน่าดึงดูด และไม่รู้ด้วยว่าเพราะเหตุผลอะไร มูคยอมที่เคยคิดว่าเขาไม่น่าจะทำเรื่องแบบนั้นผู้ชายได้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสไตล์ความชอบของเขาจะเปลี่ยนไป หรือไม่ก็คงไม่มีเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ความสนุกสนานบนโลกใบนี้เพิ่มขึ้นมาแค่หนึ่งอย่างก็ยังดีกว่าลดลงเป็นไหนๆ
“งั้นก็ไปกันเลยไหม”
การทำเรื่องนั้นกับผู้ชายอาจจะดูเหมือนเป็นการพยายามครั้งใหม่ที่แตกต่างไปจากปกติ เขาจึงตื่นเต้นเล็กน้อย
มูคยอมไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้ว วิธีที่จะสนุกกับชีวิตคือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีที่สิ้นสุด คนที่พยายามทำสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอย่อมดีกว่าคนที่ไม่ทำอะไรเลย
ในขณะที่มูคยอมพาดแขนไว้บนไหล่ของฮาจุน ทันทีที่ก้าวเดินฮาจุนเองก็วางแขนของเขาไว้บนไหล่ของมูคยอมเบาๆ ด้วยเช่นกันและทั้งคู่จึงเริ่มเดินเคียงข้างกันไป
มูคยอมมองด้านข้างของฮาจุน อีกฝ่ายดูไม่แยแสเท่าไรเมื่อเทียบกับท่าทางอันเร่าร้อนเมื่อตอนที่จูบกันเมื่อครู่นี้ หรือเมื่ออีกฝ่ายหลบตาเมื่อตอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา และทันใดนั้นเขาก็คิดได้ว่าอีกฝ่ายคงจะค่อนข้างคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้
“นายไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ครั้งแรกใช่ไหม” มูคยอมก้มลงกระซิบ
ฮาจุนหันหน้าไปตอบคำถามและมองไปที่มูคยอมครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
“อืม”
มูคยอมเข้าใจและพยักหน้า
“เยี่ยมเลย”
“อะไร”
“เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันทำกับผู้ชายยังไงละ นายเป็นผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นช่วยสอนผมด้วยนะครับโค้ช”
ฮาจุนดูเหมือนจะยิ้มอย่างอ่อนแรงกับคำพูดนั้นและตอบกลับสั้นๆ ว่า “ก็ได้”
แม้มูคยอมจะทำตัวมีเลศนัย แต่เขาก็แอบตกใจอยู่ภายในใจ ถึงจะตกใจกับท่าทางของอีกฝ่ายเมื่อครู่ในตอนที่โถมเข้ามาจูบ แต่พอเห็นว่าดูคุ้นเคยกับการวันไนท์แสตนด์อย่างไม่คาดคิดแบบนี้ เขาก็ยิ่งตกใจเข้าไปอีก
ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ยิ้มอย่างอ่อนหวานต่อหน้าคนอื่น หรือว่าตอนที่ทำหน้านิ่งๆ ต่อหน้าเขา บางครั้งเขาก็เคยขัดแย้งกับอีกฝ่ายเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้วฮาจุนก็ไม่มีมุมที่ดึงดูดความสนใจ เพราะว่าอีกฝ่ายเป็นคนเรียบร้อยที่ปีนขึ้นไปบนเตาก่อนใคร ดูคนแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ
“แล้วรถล่ะ”
ฮาจุนเงยหน้าตอบทันทีที่ถึงลานจอดรถ
“ฉันไม่มีรถเป็นของตัวเองหรอก ฉันนั่งรถเมล์ไปกลับ”
“งั้นก็ไปนั่งข้างๆ”
มูคยอมรู้สึกแปลกๆ เมื่อเห็นฮาจุนเปิดประตูไปนั่งข้างคนขับรถ โดยปกติเมื่อมูคยอมเดินทางไปยังสนามฝึกซ้อม เขามักจะขับรถที่ไม่ค่อยสะดุดตา อย่างเช่น อาวดี้ แต่วันนี้เขากลับอยากจะใช้ลัมโบร์กีนีขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล อาจเพราะความรู้สึกที่เศร้าหมองนิดหน่อยเขาจึงอยากนั่งรถที่เป็นสีสดใส หรือเพราะเกิดเรื่องราวพลิกผันก็ไม่แน่ใจ เขาพูดกับฮาจุนที่ขึ้นมานั่งข้างคนขับว่า “ที่นั่งตรงนั้นก็เป็นครั้งแรกเลยที่ผู้ชายได้นั่ง”
“…นี่ฉันต้องบอกว่าเป็นเกียรติมากเลยไหม”
“ตามใจนายสิ”
มูคยอมหัวเราะแล้วสตาร์ทรถ รถเคลื่อนตัวช้าๆ ท่ามกลางสายฝนและไม่นานนักมูคยอมก็เร่งความเร็วขึ้น
***
บ้านของมูคยอมเป็นวิลล่าระดับพรีเมียมราคาสูงเนื่องจากที่นี่มีคนดังหลายคนมาอาศัยอยู่ การรักษาความปลอดภัยก็ดี แถมการป้องกันความเป็นส่วนตัวนั้นก็ค่อนข้างดีเหมือนกัน ไม่ว่าอย่างไรมันก็เป็นบ้านที่เลือกมาโดยไม่ต้องกังวลอะไรเป็นพิเศษ เพราะไม่มีที่ไหนที่จะอยู่คนเดียวแค่หนึ่งปีแล้วจะสะดวกสบายเท่าที่นี่
ทันทีที่ลงจากลิฟต์ ทางเดินหินอ่อนที่เรียงรายไปด้วยแสงไฟหรูหรานั้นค่อนข้างกว้าง แต่สิ่งเดียวที่ฮาจุนเห็นบนผนังคือประตูบ้านของมูคยอม มูคยอมเดินนำเข้าไปในบ้าน จากทางเข้าประตูบ้านไปสู่ห้องนั่งเล่นก็ยาวกว่าบ้านปกติทั่วไปมาก
บ้านถูกตกแต่งอย่างประณีตและทันสมัย แต่เนื่องจากมูคยอมขี้เกียจเขาจึงฝากให้ผู้จัดการและผู้ประกอบการตกแต่งภายในทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีอะไรที่มูคยอมเลือกด้วยตัวเองมากนัก มีเพียงรถสองสามคันและเสื้อผ้าไม่กี่ชุดของเขาที่ใช้ในตอนที่อยู่ลอนดอนที่เอามาทิ้งไว้ นอกจากของพวกนั้นแล้วเขาก็คิดที่จะซื้อใหม่หมดเลย
“เพิ่งอาบน้ำมาก็ไม่จำเป็นต้องอาบอีกใช่ไหม”
มูคยอมพูดแบบนั้นแล้วจ้องมองที่ฮาจุน ฮาจุนยืนแข็งราวกับเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาในที่ที่ไม่ควรมา ในทางกลับกันมูคยอมก็เอาแต่หัวเราะคิกคักตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว
“มัวแต่ทำไรอยู่ มาทางนี้สิ”
ตอนนี้ก็ไม่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมแล้วรีบก้าวขึ้นมาบนเตาได้แล้ว
ขณะที่มูคยอมยืนอยู่ใกล้โซฟาในห้องนั่งเล่นและยื่นมือออกไป ฮาจุนก็เดินเข้ามาหาและจับมือของมูคยอมเอาไว้ ในขณะที่มูคยอมดึงอีกฝ่ายลงบนโซฟา เขาก็จับอีกฝ่ายนั่งตักของตนเอง มูคยอมวางชายหนุ่มที่ตัวใหญ่ไม่น้อยไว้บนตัก แต่ต้นขาที่แข็งแกร่งของเขานั้นดูเหมือนจะไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของฮาจุนเลย
พวกเขาเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้กัน ทั้งคู่สบตากันโดยไม่คาดคิด แต่ฮาจุนกลับเหลือบมองลงข้างล่างอย่างรีบร้อนจนทำให้เสียมุมมอง มูคยอมเริ่มลูบแก้มไปจนถึงหลังคอเรียบลื่นของฮาจุน
“ชอบบ้านฉันไหม”
“ก็กว้าง…ดีนะ”
“ฉันควรจะพาแขกเดินชมบ้าน แต่สถานการณ์ของฉันตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะทำอะไรแบบนั้น”
เพราะเพิ่งโดนกัดไปเมื่อไม่นานมานี้ ริมฝีปากของฮาจุนก็เลยยังแดงและดูบวมกว่าปกติเล็กน้อย มือของฮาจุนที่ลังเลไม่รู้จะเอาไว้ตรงไหนจึงเลื่อนไปจับไหล่ของมูคยอมเบาๆ ขณะที่อีกฝ่ายงับริมฝีปากล่างของตนเองราวกับจะต่อจากที่พวกเขาจูบกันที่สนามฝึกซ้อม
แม้ว่าฮาจุนจะทำตัวเป็นเด็กขี้อายหรือจะแข็งเป็นหิน แต่มูคยอมก็ยังชอบเพราะว่าเมื่อเริ่มแล้วอีกฝ่ายก็ไม่ผละออก ในขณะที่กัดปากกันอยู่นั้น เขาก็ขยับศีรษะไปซ้ายทีขวาทีอย่างช้าๆ เมื่อเขาใช้ฟันขูดอีกฝ่ายก็ส่งเสียงครางออกมาแล้วใช้แขนออกแรงดึงมูคยอมขยับเข้ามาใกล้อีก ไม่รู้ว่าเพราะอะไร อาจจะเพราะหัวใจต้องการหรือเปล่า เขาถึงได้สอดลิ้นเข้าไปในปากแล้วดันเข้าไปจนลึก อีกฝ่ายส่งเสียงครวญครางออกมาสั้นๆ ราวกับตกใจ
“ฮื้อ”
เขาพยุงศีรษะของฮาจุนและเอียงร่างที่อยู่ด้านบนของตนเองให้นอนราบลงบนโซฟา ฮาจุนที่เคยนั่งตักอยู่เอนหลังนอนลงอย่างเป็นธรรมชาติใต้ร่างของมูคยอม
เมื่อมูคยอมถูเพดานปากด้วยปลายลิ้น ฮาจุนก็หอบหายใจราวกับไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี คิดอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่ว่าข้างในปากค่อนข้างไวต่อความรู้สึก เซ็กส์จะสนุกขึ้นถ้าหากรู้สึกดี เขาเองก็ถูกใจในจุดจุดนี้เหมือนกัน
“อื้อ ฮื้อ!”
เขาค่อยๆ สอดและเอาลิ้นออกแตะเบาๆ ภายในปากจากนั้นดันลึกเข้าไปในลำคอ เสียงครวญครางของอีกฝ่ายดังขึ้นและร่างกายก็สั่นสะท้าน
ชอบตรงนี้เหรอ ขณะที่ขยับศีรษะ มูคยอมก็ยังคงสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากของฮาจุน ฮาจุนที่เอนตัวนอนอยู่บนโซฟาเอาแต่ดึงรั้งมูคยอมเข้าหาอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“อ๊ะ อื้อ อือ”
“โค้ชครับ ตั้งสติหน่อยสิครับ” มูคยอมหยุดจูบและหัวเราะพลางใช้ปลายนิ้วแตะแก้มของอีกฝ่าย
“ฮ่า อื้อ”
“อย่าใจลอยแล้วก็ดูดลิ้นของฉันบ้างสิ”
ฮาจุนที่หลับตาครางอยู่ลืมตาขึ้นมา ในขณะที่มูคยอมแลบลิ้นออกเล็กน้อย ฮาจุนก็อ้าปากกว้างขึ้นและยื่นหน้าเข้าไปใกล้ราวกับว่าเข้าใจความหมายมันเป็นอย่างดี ฮาจุนโฉบเอาลิ้นของมูคยอมที่แลบออกมาด้วยริมฝีปากของตนเอง และเริ่มดูดมันจนเกิดเสียงชื้นแฉะ ความรู้สึกที่จั๊กจี้ทำให้มูคยอมหัวเราะโดยไม่มีเสียง
การดูดลิ้นของฮาจุนโดยไม่มีเทคนิคใดๆ คล้ายกับจูบเมื่อก่อนหน้านี้ที่เหมือนกับลูกนกกินอาหาร เหมือนว่าอีกฝ่ายจะชอบจูบแต่ดันจูบไม่เก่งเอาเสียเลย มูคยอมผละริมฝีปากแล้วเงยหน้าถามฮาจุน
“โค้ชอี ความสามารถเรื่องจูบก็งั้นๆ นะเนี่ย”
“…ขอโทษละกัน”
ใบหน้าของฮาจุนที่ได้รับการประเมินต่ำเริ่มบูดบึ้งและแดงขึ้นเล็กน้อย ในระหว่างนั้นฮาจุนเผยอปากออกราวกับจูบนั้นยังไม่เพียงพอ และมองมูคยอมราวกับโดนแย่งอาหาร มูคยอมกลั้นหัวเราะ ก้มหน้าลงอีกครั้งก่อนจะเลียลงไปบนริมฝีปาก
ทันใดนั้นฮาจุนก็หลับตาปี้ราวกับว่าตนเองนั้นได้กินของที่มีรสเปรี้ยว แล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนเอง ครั้งนี้มูคยอมหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“จั๊กจี้เหรอ”
เขาซุกหน้าที่ต้นคอของฮาจุนโดยไม่รอคำตอบ ผิวที่ขาวราวกับเครื่องปั้นดินเผาสีขาวผสมกับสีงาช้างเล็กน้อยเรียบลื่นและนุ่มราวกับเนื้อสัมผัสที่มูคยอมเดาได้ด้วยตาของเขา ตอนนี้ผิวของอีกฝ่ายร้อนเหมือนไฟ
มือของมูคยอมขยับอย่างรวดเร็วด้วยความเคยชิน จากนั้นก็ลูบต้นคอของอีกฝ่ายด้วยลิ้นและริมฝีปาก เขาสอดมือเข้าไปข้างในเสื้อยืดอย่างรวดเร็ว แต่กลับหยุดชะงักครู่หนึ่ง
‘กับผู้ชายนี่ถ้าจับหน้าอกจะรู้สึกไหมนะ’
พูดตามตรง มูคยอมไม่ใช่คนที่ชอบการลูบไล้เลยจริงๆ อย่างไรก็ตามถ้าไม่มีการลูบไล้กันในขณะที่มีเซ็กส์นั้น การสอดใส่ก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เขาคิดว่าการลูบไล้คือมารยาทอย่างหนึ่ง เพราะอย่างนั้นเขาเลยไม่เคยข้ามขั้นตอนนี้ไปเลย สำหรับมูคยอมเซ็กส์ก็คือเกม และคะแนนความสำเร็จในเกมก็ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของอีกฝ่าย แต่ผู้ชายก็ไม่ได้แฉะจากด้านล่าง ดังนั้นจำเป็นต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอ
แต่ไหนๆ ก็สอดมือเข้ามาในเสื้อแล้ว มูคยอมเอื้อมมือไปจับหน้าอกที่ไม่มีเนินเช่นเดียวกับของตนเองแล้วจึงใช้นิ้วถูกยอดถันที่ผุดขึ้นมาเล็กๆ
หลังจากนั้นร่างกายของฮาจุนก็แข็งทื่อ
……………………………………………….