Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 136
ฮาจุนบดเอวลงไม่หยุดราวกับคนที่พยายามจะไล่ตามเส้นด้ายที่พันกันไปกันมาเพื่อตามหาปมแรกที่มัดไว้ ทุกครั้งที่ทำแบบนั้น เสียงครวญครางที่ผสมปนเปไปด้วยความสุขสมและความทรมานก็พรั่งพรูออกมาจากปาก พลันทำให้น้ำตาทำท่าจะไหลออกมาด้วย น้ำเสียงของมูคยอมค่อยๆ สั่นเครือ
“ฮาจุน คุณแฟนครับ โค้ชครับ ปลดข้อมือให้หน่อยนะ หืม”
“ฮ้า ฮึก อา อ๊ะ…”
“เดี๋ยวฉันทำให้ จะทำไม่ให้เจ็บ ฮู่ว จะให้รู้สึกดีจริงๆ”
“อา เจ็บนะ อยู่ อื๊อ นิ่งๆ อ๊ะ อ๊า อ๊า…!”
ในตอนที่เอวของฮาจุนขยับเชื่องช้าลง มูคยอมก็ไม่รอช้าแล้วหยัดร่างกายท่อนล่างของตัวเองเด้งสวนขึ้นไป เรี่ยวแรงเหือดหายไปจากเสียงครวญครางของฮาจุนที่บอกว่าให้หยุด บอกว่าให้อยู่เฉยๆ
เมื่อร่างกายยกลอยขึ้นกลางอากาศแล้วกดลงมาทับบนร่างของมูคยอมจนเสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นอีกครั้ง ความหฤหรรษ์อันซาบซ่านราวกับจะทะลวงขึ้นไปถึงกระหม่อม ก็ทำให้ฮาจุนเชิดหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติ สะโพกที่ทับอยู่บนตัวของมูคยอมเกร็งแน่น
“ฮ้า อ๊ะ อ๊า!”
มูคยอมจ้องมองแนวลำคอที่ยืดตึงแล้วรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า
เขาอยากใช้มือจับแล้วสัมผัสแกนกายที่ตั้งตรงและแกว่งไกวอยู่ตรงหน้า อยากฟอนเฟ้นหน้าท้องกับแผ่นอกเรียบเนียนที่บิดไปมาและเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อกับของเหลวที่ขับออก ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนก็อยากจะลูบไล้ อยากประทับริมฝีปาก อยากรั้งมากอด ไม่ได้อยากจับมากระแทกตามอำเภอใจด้วยความเมามายเหมือนเมื่อครู่ แต่คราวนี้เขาอยากขยับร่างกายทำให้ฮาจุนรู้สึกดีจริงๆ และในขณะเดียวกันก็อยากปลดปล่อยแล้วด้วย
รู้สึกเหมือนดวงตามีไฟลุกโชนจนแดงก่ำ แต่ถึงจะเขย่าข้อมือมากเท่าไร วงล้อเหล็กอันแข็งแรงกลับไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว มันเป็นของที่เขาซื้อมาหลังได้อ่านคำอธิบายว่า เป็นวัสดุที่แข็งแรงซึ่งจะไม่แตกหักและปลดล็อกไม่ได้อย่างเด็ดขาดหากไม่มีกุญแจ
‘บ้าฉิบ บ้าชะมัด!’
“โอ๊ย!”
ด้วยความวู่วามใจ มูคยอมกระชากข้อมือที่ถูกใส่กุญแจมือไว้ด้วยแรงทั้งหมดที่มีตามความปรารถนา กุญแจมือด้านในขูดส่วนที่เชื่อมระหว่างข้อมือกับมือซึ่งเป็นจุดที่โค้งออกมา แล้วมูคยอมก็รู้สึกว่าผิวของเขาถลอก
กุญแจมือเอาผ้าซ้อนไว้ด้านในเพื่อไม่ให้บาดเจ็บ แต่ดูเหมือนเป็นเพราะเขากระชากแรงมากเกินไปจึงพลาดไปโดนตรงไหนเข้า ความเจ็บแปลบทำให้เขาร้องเสียงดังออกมาโดยไม่รู้ตัว เอวของฮาจุนที่ขยับโยกหยุดชะงักลงฉับพลัน อีกฝ่ายถามขึ้นทั้งที่ยังส่ายหน้าราวกับเวียนหัว
“ปะ เป็นอะไรไป…”
มูคยอมมองหน้าอีกฝ่ายครู่หนึ่งแล้วจึงขมวดคิ้ว ทำหน้าเหยเก
“เหมือนข้อมือถลอกแล้วเลือดออกเลย”
“อ่า…”
ความตระหนกปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮาจุนราวกับเลือดฝาด มูคยอมพูดต่อทันที
“มือฉันคงจะเลือดไม่ไหลไปเลี้ยงแน่ๆ กุญแจมือเล็กเกินไปสำหรับฉันน่ะ”
“ขอโทษ ขอโทษนะ ฉันไม่คิดว่าจะทำนายเจ็บ”
ฮาจุนลุกลี้ลุกลนหยิบกุญแจซึ่งวางไว้ข้างกายคนที่นอนอยู่ เมื่อยกเอวขึ้น แกนกายที่ถูกกลืนกินก็หลุดออกมาเป็นทางยาว แกนกายเงาวาวกำลังกระดุกกระดิกด้วยตัวของมันเอง พร้อมทั้งรอคอยที่จะไปถึงฝั่งฝันซึ่งเหลืออีกไม่ไกลเท่าไรนัก
ฮาจุนรีบร้อนขยับเข้ามาใกล้ ในตอนที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหวมือเหนือศีรษะของเขา สายตาของมูคยอมก็จับจ้องเพียงแผ่นอกขาวและหัวนมบวมเป่งของอีกฝ่ายเท่านั้น
เมื่อได้ยินเสียงกุญแจมือถูกปลดดังแกร๊กด้านบนศีรษะและตระหนักได้ว่ามือได้รับอิสระแล้ว มูคยอมก็ยืดแขนไปรั้งเอวของฮาจุนแล้วโฉบร่างทับอีกฝ่ายราวกับตาข่ายกับดักทันที ฮาจุนตื่นตกใจพลางส่ายหน้า
“มะ ไม่ได้ อย่านะ ไม่ได้จริงๆ…”
ฮาจุนนอนแผ่ลงกับเตียงอีกครั้งแล้วดิ้นไปมา มูคยอมปิดปากของฮาจุนด้วยริมฝีปากของเขา
ฮาจุนพยายามจะหนี ส่วนมูคยอมก็พยายามยึดอีกฝ่ายไว้แน่น ขาของทั้งสองเกี่ยวพันกันอิรุงตุงนังอยู่พักหนึ่งบนเตียงยับยู่ยี่ราวกับกำลังเล่นมวยปล้ำ กระทั่งในตอนที่กำลังขยับไปมาอย่างวุ่นวายแบบนั้น มูคยอมก็ยังจับของตัวเองให้ตรงกับกลางบั้นท้ายของฮาจุนได้
ร่างของฮาจุนแข็งทื่อเพราะความตึงเครียด แต่ด้านหลังที่ขยายออกแล้วสามารถรองรับมูคยอมเข้าไปได้อย่างไม่หนักหนาเกินไป ส่วนที่ตื่นตัวจนแข็งผงาดยิ่งกว่าเมื่อครู่นี้ ไม่รีรอและสอดทะลวงเข้าไปในร่างที่สั่นสะท้านและกลั้นสะอื้นไม่อยู่
“อ๊า ไม่เอา ไม่เอา…! อื๊อ อึก!”
ฮาจุนพลิกตัวกลับ ตอนขยับเองเขาสามารถควบคุมได้ แต่ถ้ามูคยอมเป็นฝ่ายนำเมื่อไรก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้แล้ว หากมูคยอมกดสอดเข้ามาอย่างเต็มที่ ด้วยสภาพในตอนนี้ก็คงจะรู้สึกเจ็บเพียงอย่างเดียวแน่นอน
มูคยอมคงโกรธเพราะถูกเขาล็อกมือไว้ตามอำเภอใจ ฮาจุนนึกกลัวไปก่อนว่ามูคยอมจะทำตัวหยาบกระด้าง ฮาจุนหลับตาปี๋
“บอกแล้วไง ว่าจะไม่ทำให้เจ็บ”
มูคยอมกระชับแขนให้มากขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อยแล้วโอบกอดตัวของฮาจุนไว้อย่างมั่นคง มือใหญ่ลูบศีรษะของฮาจุนที่สั่นสะเทือนเพราะมัวแต่ดิ้นไปมาอย่างปลอบโยน
แกนกายที่สอดเข้ามาได้ครึ่งลำค่อยๆ หมุนควงด้านใน เมื่อส่วนปลายที่สัมผัสตรงจุดใกล้กับต่อมลูกหมากบดเคล้าลงบนนั้นอย่างเชื่องช้า และกวาดไล้ผนังด้านในอย่างอ่อนโยน ตัวของฮาจุนที่เคยแข็งเกร็งจึงผ่อนคลายมากขึ้นทีละนิด
“ฮ้าาา อือออ อื๊อ…!”
มูคยอมโยกเอวช้าๆ และขยับตัวอย่างนุ่มนวลราวกระแสน้ำ แทนการตอกกายกระแทกอย่างดุเดือด ท่อนเนื้อแข็งขึงให้ความรู้สึกเหมือนลิ้นที่กำลังโลมเลียผนังด้านใน ไม่ใช่ความร้อนแรงแสนทรมาน แต่ความสุขสมที่ซาบซ่านและหวานฉ่ำจนขาสั่นไปโดยอัตโนมัติกำลังแพร่กระจายออกไปจากจุดที่ร่างกายสอดประสานกัน
กระทั่งความเจ็บแปลบเล็กๆ ซึ่งจำต้องสัมผัสอย่างเลี่ยงไม่ได้ในทุกคราที่มูคยอมบดเอว ก็ยังตีตื้นขึ้นมาทำให้มวลก้อนความสุขสมพองใหญ่ขึ้น ราวกับน้ำจิ้มที่ช่วยชูรสชาติ ดวงตาที่เคยปิดสนิทเพราะความเครียดกลับมาปรือเปิดขึ้นทีหลังแล้วมองประจันหน้ากับอีกฝ่าย มูคยอมประทับริมฝากลงมาบนแก้มของเขาพลางกระซิบ
“เจ็บหรือเปล่า”
“อ๊ะ ไม่…”
“เอาขาเกี่ยวรอบเอวฉันไว้”
ฮาจุนพยักหน้าพร้อมกับทำตามคำสั่ง ขาสองข้างตวัดรอบแผ่นหลังส่วนล่างอันแข็งแกร่งของมูคยอม
“ลองหมุนเอวแบบเมื่อกี้ดูสิ เหมือนตอนที่นายขึ้นให้”
“ฮึก ฮ้าาา แบบนี้ เหรอ…”
“ใช่ ช้าลงอีกหน่อย…”
มูคยอมเร่งความเร็วนิดหน่อยแล้วกลับมาลดความเร็วลง สลับกันไปมา แกนกายฝังลึกด้านในแล้วจดจ่ออยู่กับการบดคลึงลงตรงจุดที่ฮาจุนรู้สึก
ถ้าเพื่อจุดสุดยอดของเขาเพียงคนเดียว การกระแทกอีกคนแรงๆ จนเนื้อกระทบกันเสียงดังปั้กๆ ก็น่าจะเป็นวิธีที่เรียบง่ายที่สุด แต่หากทำแบบนั้นตอนนี้ มูคยอมก็จะไม่สามารถรับมือกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นในภายหลังได้
“อ๊ะ ฮ้าาา… คิมมูคยอม แบบนี้ รู้สึก…”
ฮาจุนหมุนควงให้แกนกายที่ซอยถี่ๆ บดเบียดด้านในตนเองให้ทั่วทุกทิศทาง แล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ริมฝีปากของมูคยอมกดจูบลงบนลำคอขาว
“เจ็บเหรอ รู้สึกไม่ค่อยดีหรือเปล่า”
“อื๊อออ ไม่ ดี… ดีมาก เลย… ฮ้าาา…”
ทั้งน้ำเสียงของอีกฝ่าย เสียงลมหายใจที่ผ่อนออกมาระหว่างที่พูด ดวงตาชุ่มน้ำที่ทอดมองเขา ขาที่เกี่ยวรัดรอบลำตัวกับสัมผัสในร่างกายที่ชวนให้ผสานร่างเป็นหนึ่ง
แค่เพียงตัวตนของฮาจุนในอ้อมกอดของตัวเองก็ทำให้มูคยอมรู้สึกได้แล้วว่าความรักใคร่กับความกำหนัดที่ปะปนกันมันพลุ่งพล่านถึงจุดสูงสุด เขาอยากจับอีกฝ่ายกระแทกตามใจชอบตอนนี้เลย มูคยอมกัดฟันพร้อมกับจับเอวที่สั่นกระตุกกดลง จากนั้นก็หยัดแกนกายที่ถอนออกมายาวๆ ให้สอดลึกเข้าไป
“อา อ๊า…!”
ภายในร่างเต็มตื้นไปหมดเพราะท่อนเนื้อที่กดสอดเข้ามาในผนังอย่างเชื่องช้า ตัวของฮาจุนสั่นระริก เมื่อมูคยอมแทรกตัวลึกสุดโคนจนพวงเนื้อกดแนบชิดกับก้นขาว เสียงกรีดร้องก็ระเบิดออกมา ริมฝีปากของฮาจุนอ้ากว้าง คางสั่นเทิ้ม
“ฮู่ว ฮื้อ… อึก อื๊อออ ฮึก…”
ถึงแม้ว่าฮาจุนจะร้องครวญครางราวกับทรมานเพราะส่วนลึกในตัวถูกบดบี้ แต่ก็รู้สึกถึงคลื่นความสุขสมที่ซัดสาดไปในร่างกายอย่างถึงขีดสุด มือของมูคยอมปัดผมด้านหน้าที่ยุ่งเหยิงของอีกฝ่ายขึ้นไป ริมฝีปากปัดผ่านบนหน้าผากกลมกลึง บนโหนกคิ้ว บนขมับและแก้มที่น้ำตาแห้งเหือด ราวกับสัมผัสจากมืออันปลอบโยน
เอวยังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว มูคยอมโยกเอวอย่างเชื่องช้าทว่ายาวและหนักแน่นครั้งแล้วครั้งเล่า การสอดเข้าออกที่สั่นสะเทือนในร่างกายทำให้ฮาจุนแอ่นเอวและเชิดคอไปด้านหลังซ้ำๆ มูคยอมกดริมฝีปากลงบนลำคอขาวกระจ่างที่สั่นสะท้าน
เมื่อเอามือที่โอบรัดแผ่นหลังของเขาออกแล้วสอดนิ้วประสานกัน นิ้วขาวก็บีบกระชับแนบหลังมือของเขาราวกับกำลังรออยู่ สัมผัสของปลายนิ้วที่แตะลงบนหลังมือ เชื่อมเข้าไปถึงในอกแล้วทิ้งสัมผัสของมือไว้ในหัวใจของเขาด้วย ดังเช่นทุกครั้ง ความรู้สึกถาโถมขึ้นมาก่อนความคิดแล้วแปรเปลี่ยนเป็นคำพูดที่เปล่งออกมา
“ชอบนะ ฮาจุน ชอบมาก… ฉันรักนาย”
“อะ อื๊อ ฉันก็… รัก ฮึก… จริงๆ นะ รักจริงๆ มากๆ…”
“ฮ้าาา…”
หลังจากนั้น มูคยอมก็ยังกระซิบอีกหลายทีในทุกครั้งที่สอดกายเข้าออก ส่วนฮาจุน ถึงแม้จะหายใจสั่นๆ เพราะมีเสียงสะอื้นเจือปนอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังตอบรับคำกระซิบของมูคยอมอย่างไม่ตกหล่น
น้ำรักร้อนผ่าวที่ทำให้ร้อนรุ่มอยู่เนิ่นนาน ไหลทะลักสู่จุดที่ลึกที่สุดในร่างกายของอีกฝ่าย แทบจะในเวลาเดียวกัน น้ำรักสีจืดจางก็ไหลออกมาจากส่วนปลายลำกายของฮาจุนราวกับน้ำลายเหนียวหนืดเช่นกัน
มูคยอมกอดร่างของคนรักที่ส่งเสียงสะอื้นเพราะถึงจุดสุดยอดซึ่งโหมซัดร่างกายที่ถูกเอาเปรียบอีกครั้ง จากนั้นจึงแตะริมฝีปากกดจูบอย่างลึกซึ้ง
กี่โมงแล้วนะ บางทีด้านนอกหน้าต่างที่มีผ้าม่านผืนหนาปิดกั้นไว้ ท้องฟ้าอาจจะกำลังค่อยๆ สว่างขึ้นรำไรอยู่ก็ได้
มูคยอมนึกย้อนถึงค่ำคืนอันแปลกประหลาดที่เพิ่งเคยประสบครั้งแรกในชีวิต เขากินเหล้าเมามายอย่างเต็มที่ในระหว่างฤดูกาลสำคัญซึ่งนั่นไม่สมกับเป็นตัวเขาเลย และเพราะอย่างนั้น ฮาจุนถึงโดนทำเรื่องร้ายกาจตอนดึกดื่น พาลทำให้ชีวิตประจำวันที่หมุนเวียนไปของพวกเขาทั้งสองพังไม่เป็นท่าด้วย
ไม่ว่าเศษเสี้ยวที่ผิดพลาดจะเคยติดอยู่ติดกับชิ้นส่วนที่สมบูรณ์ มูคยอมรู้สึกไม่ดีกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นอย่างมาก แต่ก็ส่ายหน้าพร้อมตัดสินใจว่าจะลืมมันไปก่อน แม้นับรวมปีที่มาใช้ชีวิตในลอนดอนครบทุกปีก็ยังไม่เคยออกนอกลู่นอกทางแบบนี้สักครั้ง ความผิดพลาดนี้เขาต้องทำให้มันจบลงในวันนี้เป็นครั้งสุดท้ายให้ได้
มูคยอมที่รักใครสักคน จะมีความคิดวอกแวกและอ่อนไหวจนจิตใจว้าวุ่นไปหมด ยิ่งกว่ามูคยอมตอนก่อนที่จะมีความรัก เมื่อได้รับสิ่งสำคัญก็ย่อมมีความเสี่ยงที่มากพอๆ กันตามหลังมา เขาทำได้เพียงแค่ต้องรอบคอบและระมัดระวังอย่างต่อเนื่องไป
“ข้อมือไม่เป็นไรใช่ไหม”
ฮาจุนซึ่งกรีดร้องและร้องไห้ไม่หยุดอยู่พักใหญ่ ตอนนี้กลับมาสงบลงแล้ว เสียงที่อู้อี้นิดหน่อยของฮาจุน เหมือนกับท้องฟ้าทอแสงอ่อนยามเช้ามืดที่ไม่สงบเงียบมากเกินไปแต่ก็ไม่สว่างชัดมากเกินไป
ขนาดเกิดเรื่องวุ่นวายก็ยังเป็นห่วงข้อมือของเขาอย่างนั้นเหรอ มูคยอมยิ้มอย่างขมขื่น ข้อมือของเขาเพียงแค่ถูกขูดนิดหน่อยตรงส่วนที่กระดูกนูนออกมา แล้วเห็นเป็นเส้นสีแดงบางๆ เท่านั้นเอง
“ไม่ต้องทายาเหรอ”
“เอาน้ำลายนายทาให้หน่อย”
คำตอบของมูคยอมทำให้ฮาจุนเองก็หัวเราะเบาๆ ออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ
“ฮาจุน”
“อื้อ”
มูคยอมโอบแขนรอบซี่โครงของฮาจุน ฝังใบหน้าลงตรงอกขาว ได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายจากตรงแผ่นอกที่แนบชิดกับใบหน้า ‘ตุบๆ’ จังหวะการเต้นของชีพจรไม่ทิ้งช่วงนาน
“วันนี้ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ”
“…นายต้องสำนึกผิดจริงๆ นะ เมื่อกี้ฉันตกใจมาก”
“ฉันจะไม่เป็นแบบนี้อีก ถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแบบคาดไม่ถึง นายแจ้งตำรวจไปเลย จากนี้ไป เวลาอยู่คนเดียว ฉันจะให้เหล้าเป็นของต้องห้ามแล้ว เหล้าจะไม่ได้โดนปากฉันเด็ดขาดถ้านายไม่อยู่ด้วย ฉันไม่เคยเมาแล้วก่อเรื่องแบบนี้มาก่อน… ต้องระวังขึ้นแล้วละ”
ฮาจุนหัวเราะเบาๆ ราวกับขำอะไรบางอย่าง เพราะคำขอโทษที่ร่ายออกมาราวกับรอจังหวะอยู่
“มันต่างกับปกติเพราะนายเมาตอนอารมณ์ไม่ดีน่ะสิ ปกตินายไม่ได้เป็นแบบนั้นสักหน่อย”
“ปัญหาแบบนี้มันปกติได้ที่ไหนกัน ถ้าได้เมาอาละวาดครั้งหนึ่งแล้ว จากนี้ก็ต้องระวังแบบไม่มีข้อแม้เลย ฉันสัญญาแล้วว่าจะไม่เป็นแบบนี้เด็ดขาด แต่ถ้าเป็นบ้าอีก…”
มูคยอมขมวดคิ้ว ลูบฝ่ามือลงบนแผ่นหลังของฮาจุนแล้วพูดต่อ
“ที่ฉันพูดเมื่อกี้ ทุกอย่างเป็นเรื่องไร้สาระที่พูดไปเพราะฤทธิ์เหล้า นายไม่ต้องรับฟังความโลภแบบนั้นแล้ว มองข้ามมันไปเลยนะ ทำตามที่นายต้องการ อะไรก็ได้ทุกอย่างเลย”
แม้ไม่ได้ส่งเสียงแต่มูคยอมก็รับรู้ได้จากจังหวะการหายใจว่าฮาจุนหัวเราะ แขนอีกข้างของฮาจุนโอบกอดรอบศีรษะของมูคยอม ประทับริมฝีปากไล้ผ่านส่วนที่เชื่อมระหว่างหน้าผากกับเส้นผมของมูคยอมจากซ้ายไปขวาอย่างแผ่วเบา
“ไม่รู้สิ จะให้เมินเฉยแล้วทำตามใจฉันเองได้ยังไง เป็นคำพูดของคนที่ฉันชอบเชียวนะ”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นายจะทำตามทุกคำพูดไม่ได้สิ”
“ไม่รู้ละ ถ้างั้น ถ้าแม้แต่นายเองก็ยังคิดว่ามันเหมือนคำพูดไร้สาระ นายก็อย่าพูดแบบนั้นกับฉันตั้งแต่แรกสิ ถ้านายพูด ฉันก็จะอยากรับฟังขึ้นมา ฉันเองก็หาจุดที่มันพอดีลำบากเหมือนกัน”
มูคยอมไม่ตอบอะไรกลับไปให้คำพูดนั้นครู่หนึ่ง จากนั้นจึงพยักหน้า
“จะพยายามนะ”
คำตอบสั้นๆ ทำให้เขารู้สึกได้ว่าฮาจุนหัวเราะอย่างหมดแรงอีกครั้ง
ฮาจุนพูดถูก เขาต้องตั้งสติให้มั่น อีฮาจุนคือคนรักและผู้มีพระคุณของคิมมูคยอม เขาต้องมอบความรักให้และตอบแทนบุญคุณ เขาอยากทำให้อีกฝ่ายได้สิ่งที่ต้องการทุกอย่าง อยากทำให้มีความสุข ถึงได้มาด้วยกันจนถึงที่นี่
ฮาจุนไม่ได้คาดหวังอะไรจากเขาเลยแม้แต่น้อย มูคยอมอยากให้เรื่องที่ฮาจุนปรารถนา ขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนบอลลูน แล้วให้อีกฝ่ายขึ้นมันไปยังที่ที่ต้องการ เป็นความปรารถนาที่ซ้ำซ้อนและไม่สมเหตุสมผล แต่เขารู้สึกแบบนี้จากใจจริง มูคยอมไม่ได้พาอีกฝ่ายมาถึงที่ไกลแสนไกลนี้ เพื่อที่จะฟังฮาจุนพูดว่า ‘ถ้าต้องการ ฉันก็จะทำตามความตั้งใจของนาย’ หรือ ‘ยังไงซะ ฉันก็ไม่เคยฝันถึงชีวิตแบบตอนนี้อยู่แล้ว นายก็เอากลับคืนไปก็ได้’
ในตอนที่เขาพูดจาดูถูกฮาจุนก่อน แต่กลับปล่อยมืออีกฝ่ายไปไม่ได้และวนเวียนตัวติดหนึบอยู่ข้างๆ ถ้าหากฮาจุนไม่มอบโอกาสให้เขาและผลักไสกันไปจากใจจริง ตอนนั้นเขาจะจับฮาจุนมัดขังไว้ทั้งที่ไม่ได้ดื่มเหล้าและสติครบถ้วนสมบูรณ์ดีไหมนะ
ตอนเขาบอกอีกคนว่าอย่ามาป้วนเปี้ยนแล้วไปให้พ้น ถ้าฮาจุนไม่กลับมาหลังไปพักร้อนห้าวันและไปเข้าทีมอื่นจริงๆ หรือถ้าอีกฝ่ายหายไปจากสายตาของเขาจริงๆ ในตอนนี้คงไม่มีใครรู้เลยว่า คิมมูคยอมผู้รับผิดชอบผลลัพธ์ของคำพูดตัวเองไม่ได้ จะทำอะไรลงไปบ้าง
เมื่อสถานะแปรเปลี่ยนเป็นคนรักแล้วใช้เวลาในทุกๆ วันอย่างหอมหวาน ตัวเขาก็เผลอเรอไป ในขณะที่หัวใจของมูคยอมเย็นวาบเมื่อนึกถึงหลายๆ ครั้งที่ไปจนถึงหน้าผา แล้วพอได้สติขึ้นมาก็ต้องถอยหลังกลับ ฮาจุนก็พึมพำขึ้นมาเสียงเรียบ
“ฉันน่ะ… ชอบคนดีนะ”
“…”
“ในโลกนี้มีคนไม่ดีอยู่เยอะ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังอยากเชื่อว่ามีคนดีอยู่เยอะกว่า เพราะมีหลายครั้งมากกว่าที่เราจะได้รับความใจดีกลับมาถ้าพยายามที่จะทำตัวใจดีกับคนอื่น เวลาแบบนั้นฉันจะรู้สึกเหมือนได้รับของขวัญเลย”
“เรื่องนั้นน่ะ ไม่ใช่เพราะโลกเป็นที่ที่ดี แต่เพราะนายเป็นคนที่คิดดีต่างหาก”
“เดิมทีฉันก็คิดแบบนั้นอยู่แล้ว แต่พอพ่อไม่อยู่ก็ดูเหมือนจะคิดแบบนั้นหนักกว่าเดิมอีก เพราะฉันต้องยิ้มแย้มให้คนอื่นและทำดีด้วย อย่างน้อยถึงจะมีอะไรสักอย่างที่ทำให้สบายใจมากขึ้น… ถ้าทำให้คนอื่นเกลียดแล้วสร้างศัตรูขึ้นมาโดยไม่จำเป็นก็ไม่มีอะไรดีกับใครทั้งนั้นเลยนี่นา ฉันก็อยากทำตัวใจดีกับคนดีๆ เหมือนกัน ทำแบบนั้นแล้วจะรู้สึกดีทั้งสองฝ่าย เวลาทำงานก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ทั้งหมดก็แค่นั้นแหละ”
“โอเค เข้าใจแล้ว ขอโทษนะ”
“ฉันเฝ้าดูนักกีฬามาหลายคน แต่เหตุการณ์แบบครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกสำหรับฉันเหมือนกัน มาร์โคแตกต่างจากคนอื่น”
“บอกแล้วไงว่าฉันรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของนาย”
มูคยอมดันตัวขึ้น คราวนี้เขากอดฮาจุนไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง
“เพราะฉะนั้น นายทำตามที่เคยทำเถอะ อย่าถอยออกมาโดยเปล่าประโยชน์เลย คนที่ทำผิดในวันนี้คือฉันกับไอ้บ้ามาร์โคนั่น ไม่ใช่นาย”
ฮาจุนไม่ได้ตอบอะไรเพิ่มเติมให้คำที่เขาพูดออกมาราวกับชี้แจง มูคยอมยืนยันอย่างหนักแน่น
“จะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก… ฉันสาบาน”
มูคยอมรู้สึกได้ว่าแก้มที่แนบอยู่ตรงอกของตัวเอง ขยับเข้ามาแนบสนิทมากขึ้นราวกับถูไถใบหน้าอย่างระมัดระวังและแผ่วเบามากๆ