Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 138
ดาร์บี้แมตช์ (Derby-Match)
ฤดูใบไม้ผลิมาเยือนลอนดอนที่เหมือนจะอากาศหนาวเย็นตลอดเวลาอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่ออากาศอบอุ่นขึ้น ผู้คนก็ออกมาเดทกันอย่างมีชีวิตชีวาอย่างเห็นได้ชัด ฤดูกาลอันดุเดือดใกล้จะดำเนินถึงจุดไคลแมกซ์แล้ว จึงยากที่จะเดินทางไปสนุกกับการท่องเที่ยวได้ แต่หลังเลิกงานหรือในวันหยุดก็ออกไปข้างนอกกันบ่อยครั้งขึ้นเรื่อยๆ
มูคยอมเพลิดเพลินไปกับการทำสิ่งที่คนเรียกกันว่า ‘อีเวนต์’ ในวันเกิดของฮาจุนซึ่งผ่านมาไม่นาน มูคยอมตกแต่งบ้านทั้งหลังด้วยดอกกุหลาบจนบ้านแทบจะกลายเป็นสวนดอกไม้เพื่อเซอร์ไพรส์ฮาจุน แล้วไม่กี่วันหลังจากนั้นก็เช่าเรือสำราญแบบเหมาลำ ไปล่องแม่น้ำเทมส์ ชมวิวยามค่ำคืนกันสองต่อสอง
คืนนั้นดุจดังภาพฝัน จนกระทั่งมูคยอมทำท่าจะมีเซ็กส์ด้วยบนเรือสำราญ ต่อให้เป็นเรือหรูที่มีห้องรับรอง แต่มันก็ต่างกับเรือสำราญขนาดใหญ่ที่ล่องบนทะเล ฮาจุนไม่สามารถตอบตกลงได้ เพราะบนเรือมีกัปตันเรืออยู่ใกล้ๆ และเพราะบนเรือมีพวกเขาอยู่กันเพียงสองคน ฮาจุนรู้สึกเหมือนมูคยอมชวนให้มีเซ็กส์กันในรสบัสที่มีคนขับอยู่ตรงหน้านี้เอง
เถียงกันไปเถียงกันมา สุดท้ายตอนลงเรือ มูคยอมก็หน้ามุ่ยไม่พูดไม่จา เพื่อเป็นการปลอบใจมูคยอม ฮาจุนจึงสัญญาว่าถ้าไปเที่ยวกันตอนวันหยุดพักร้อนก็ให้เช่าเรือยอชต์แล้วมีเซ็กส์กันบนนั้น แล้วในวันนั้น เดทก็จบลงด้วยการเล่นเข้าจังหวะกันบนรถที่จอดไว้ตรงลานจอดอย่างแฮปปี้เอนดิ้งพอสมควร
ฮาจุนไม่เคยคบหาใครมาก่อนจึงไม่รู้ความชอบของตัวเอง แต่พอได้ลอง ‘ออกเดทแบบพิเศษ’ แบบนั้นสองสามครั้ง ตอนนี้จึงเหมือนจะรู้สิ่งที่ตัวเองโปรดปรานเข้าแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงๆ เดทที่ประทับอยู่ในความทรงจำมากที่สุด กลับไม่ใช่อีเวนต์สวยหรูที่มูคยอมจัดขึ้น หรือการใช้เวลาในสถานที่ท่องเที่ยวโด่งดังที่คนเยอะและจอแจ
“นั่งตรงโน้นกัน”
ฮาจุนชี้นิ้วไปทางที่ว่างตรงมุมหนึ่ง มูคยอมซึ่งสวมหมวกมิดชิดเพื่อปิดบังหน้าตาพยักหน้า ด้านในมืดสลัวและมีผู้คนนั่งดื่มเบียร์ตรงที่ของตัวเองกันเยอะแล้ว บางคนก็พูดเอะอะเสียงดังเหมือนเมาไปแล้วด้วย
โทรทัศน์เครื่องโตที่ติดอยู่หลายจุด กำลังถ่ายทอดโฆษณาก่อนเริ่มออกอากาศการแข่งขันในวันนี้ และบนกำแพงมีพวกโปสเตอร์ตารางการแข่งขันฟุตบอลกับใบบอกรายละเอียดช่องถ่ายทอดกีฬาติดอยู่ด้วย
ฮาจุนเดินไปสั่งเบียร์สองแก้วที่เคาน์เตอร์บาร์ ฮาจุนเลือกเบียร์เอลใส่ส้มฝาน ส่วนของมูคยอมคือเบียร์ดำ พนักงานเสิร์ฟที่มีรอยสักเต็มท่อนแขน กดเบียร์ใส่แก้วทรงยาวจนเต็มแล้วส่งให้
“ลุยเลย ลุย โดเวอร์เรนเจอร์ส!”
“ทีมที่ได้ขึ้นอันดับรอบนี้ต้องเป็นเบอร์มิงแฮม ฉันวางเงินเดิมพันไปสิบปอนด์”
ฮาจุนหันหลังให้เสียงเชียร์ของทุกคนที่ดังตีกันเจี๊ยวจ๊าวแล้ววางแก้วเบียร์ที่รับมาลงบนโต๊ะทรงกลม ทั้งสองชนแก้วกันสั้นๆ มูคยอมกระดกแก้วเข้าปากแล้วยกยิ้ม
“ยูนิฟอร์มน่ะ ทำไมเอาแต่เก็บไว้แล้วไม่ใส่”
“นายนั่งอยู่แค่ข้างๆ ให้ใส่ชุดนายก็แปลกแย่”
วันนี้มีนัดแข่งของโดเวอร์เรนเจอร์สซึ่งเป็นทีมเก่าของมูคยอม พวกเขาจะดูการถ่ายทอดอยู่บ้านก็ได้ แต่เพราะบรรยากาศของผับนั่งดูบอลที่เคยมาสองสามครั้งมันสนุกดี วันนี้จึงตั้งใจแวะมาที่ผับใกล้บ้านกัน
ก่อนออกจากบ้าน มูคยอมบอกว่าไหนๆ ก็จะเชียร์โดเวอร์แล้ว ใส่ชุดยูนิฟอร์มของเจ้าตัวสมัยอยู่โดเวอร์ไปก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมฮาจุนถึงรู้สึกเขินๆ จึงปฏิเสธ
ถ้าพูดถึงความปลาบปลื้มในตัวนักฟุตบอลคิมมูคยอม ฮาจุนมั่นใจว่าตนเองจะไม่แพ้ใคร แต่เขาไม่ชินกับการสวมยูนิฟอร์มของอีกฝ่ายออกไปนอกบ้านแล้วแสดงออกถึงความเป็นแฟนคลับด้วยวิธีการแบบนั้น
ยิ่งไปกว่านั้น เพราะว่ามูคยอมก็อยู่แค่ข้างๆ นี้เอง นี่น่าจะเป็นความกังวลใจของเขาเองคนเดียว แต่ถ้ามีใครจำมูคยอมได้ภาพของฮาจุนที่สวมชุดยูนิฟอร์มแล้วนั่งอย่างเป็นระเบียบนั้นก็อาจจะดูเป็นคนแปลกๆ ขึ้นมาด้วยก็ได้
“ความรักถึงจุดอิ่มตัวแล้วสิ ช่วงนี้แฟ้มตัดแปะข่าวฉันก็ไม่ขยันทำเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
มูคยอมบ่นงึมงำ พูดตามตรงว่ามันก็เป็นความจริง ฮาจุนจึงตอบกลับแบบกระอึกกระอัก
“แค่ถ่ายรูปนายก็ได้นี่นา ไม่เห็นจำเป็นต้องหาข่าวเลย…”
ช่วงเวลาที่เขารู้สึกเสียดายพวกข่าวหรืออะไรก็ตามที่มีร่องรอยของมูคยอมแล้วค้นหาในอินเตอร์เน็ตหรือหนังสือพิมพ์ด้วยตาลุกวาว เพิ่งจะผ่านมาได้ไม่นานนักก็จริง แต่ตอนนี้อีกฝ่ายก็อยู่ข้างกายเขาตลอดเวลาจริงๆ
ฮาจุนทั้งเห็น ทั้งได้ยิน ทั้งรู้สึก ทั้งสัมผัสกับภาพลักษณ์หลากหลายแบบของอีกฝ่ายซึ่งหาไม่ได้ในข่าวด้วยตัวเอง จึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกขี้เกียจนิดหน่อยกับการรวมรวมสื่อต่างๆ ที่บุคคลที่สามเป็นคนสร้างขึ้น
“เหรอ ถ้างั้นยังรักฉันเท่าเดิมไหม”
“ก็ไม่”
“ไม่เหรอ”
มูคยอมดันลำตัวท่อนบนที่เคยพิงพนักเก้าอี้ขึ้นพรวดพราดพร้อมเบิกตากว้างราวกับจิตใจกระทบกระเทือนจริงๆ ฮาจุนหัวเราะร่า
“มากกว่าเดิมอีก”
“ฉันตกใจนะ เจ้าลูกวัวนี่”
ไม่นานมูคยอมก็หัวเราะคิกคักพร้อมกับยกแขนเกี่ยวไหล่เขา ดึงเข้าไปหาตัวเอง อีกฝ่ายกวาดตาสังเกตรอบข้างอย่างฉับไวแล้วกระซิบ
“ถ้างั้นก็จุ๊บหน่อย”
“เดี๋ยวมีใครมอง”
“ไม่มองหรอก กำลังดูทีวีกันหมดเลยนี่ไง”
ในระหว่างที่ฮาจุนยังมองซ้ายมองขวา การแข่งขันก็เริ่มต้นขึ้น ผู้คนปรบมือพร้อมกันกับที่บอลแรกถูกเตะออกไปเพื่อเปิดเกม บางคนส่งเสียงโห่ร้องควบคู่ไปด้วยพร้อมทั้งหันหน้าไปทางโทรทัศน์ ฮาจุนเล็งจังหวะนั้นแล้วรีบประทับริมฝีปากลงบนแก้มของมูคยอมซึ่งอยู่ใต้ปีกหมวก
ลอนดอน เมืองแห่งฟุตบอล ผับนั่งดูบอลเปิดบริการอยู่ทั่วทุกหนแห่ง จำนวนพอๆ กับที่นั่งผู้ชมในสนามแข่งขัน ความคึกคักในผับยังคงเร่าร้อนเฉกเช่นทุกวัน ตามที่มูคยอมอธิบาย ค่าใช้บริการช่องถ่ายทอดกีฬาของอังกฤษมีราคาแพง แทนที่จะนั่งดูอยู่บ้านใครบ้านมัน ผู้คนจึงนิยมมาดูการแข่งขันที่ผับที่มีการถ่ายทอดกีฬากันอย่างแพร่หลาย
ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอย่างไรก็ตามฮาจุนชื่นชอบบรรยากาศในผับเป็นอย่างมาก การมารวมตัวอยู่ในผับมืดๆ ที่มีผู้คนจอแจ แล้วดื่มเครื่องดื่มมึนเมาอย่างอิสระพร้อมทั้งเชียร์ฟุตบอลไปด้วย
อาจฟังดูฟุ้งเฟ้อไปหน่อย แต่ไม่ว่าอย่างไร ดูเหมือนฮาจุนจะเพลิดเพลินกับตอนที่ได้อยู่ตัวติดกันกับมูคยอมแล้วใช้เวลาร่วมกันเพียงสองคน มากกว่าการไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีคนพลุกพล่าน หรือเดทที่ใช้พลังงานอย่างเต็มที่เสียอีก ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้อยากอยู่แค่ที่บ้านอย่างเดียว แต่ก็ไม่ได้อยากไปที่ที่ต้องวุ่นวายกับอะไรบางอย่างมากเกินไปบ่อยๆ ขนาดนั้นอีกเหมือนกัน
เหมือนกับในตอนนี้ ดูอะไรเหมือนๆ กัน เชียร์ทีมเดียวกันพร้อมกับพูดคุยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ด้วยกัน ดื่มเบียร์แล้วแอบจับมือหรือจูบแก้มกัน
“ไอ้พวกโง่! เอาแต่ส่งไปให้เบอร์มิงแฮมได้ยังไงวะ!”
…ถึงจะเป็นเรื่องแน่นอนว่า เวลาดูแข่งฟุตบอล บรรยากาศโรแมนติกไม่สามารถดำเนินต่อเนื่องไปได้ตลอดก็ตาม
มูคยอมตะโกนแว้ดขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้วเพราะนักกีฬาทีมโดเวอร์ส่งลูกพลาด จริงๆ แล้ว ฮาจุนก็แค่เชียร์เพราะเป็นทีมที่มูคยอมเคยสังกัดเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกชื่นชอบทีมที่ชื่อว่าโดเวอร์เรนเจอร์สเป็นพิเศษ
ถึงบอกว่ามูคยอมเคยอยู่ แต่อีกฝ่ายก็เข้าทีมไปในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ช่วงที่อีกฝ่ายอยู่ ทีมเปล่งประกายนิดหน่อยก็จริง แต่โดยพื้นฐานแล้วเป็นทีมอันดับต่ำ เพราะอย่างนั้นจึงน่าจะพูดได้ว่า ไม่มีแรงจูงใจมากพอให้แฟนๆ ต่างประเทศได้สนับสนุนอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
ถึงอย่างนั้น ฮาจุนก็ยังจับตาดูการแข่งขันอย่างตั้งใจ แต่แล้วมูคยอมก็เอียงตัวมาข้างๆ พร้อมพูดขึ้น
“คราวหน้าหาเวลาไปโดเวอร์กันสักครั้งเถอะ ทะเลสวยนะ ถ้าไปแถวไบรท์ตันก็มีชายหาดที่ขึ้นชื่อว่าหน้าผาสวยอยู่ด้วย นายน่าจะชอบ ทุ่งสีเขียวๆ กว้างมาก เหมาะจะให้ลูกวัวน้อยไปเดินเล่นพอดีเลย ถ้าจบฤดูกาลแล้วก็ไปที่ที่ดีจริงๆ กันอีก ช่วงนี้คนไปฮันนีมูนที่เม็กซิโกกันเยอะ พวกเราก็ไปด้วยดีไหม”
“ถ้าจะไปตอนพักร้อนก็อีกตั้งพักใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ อย่าคิดแต่จะเที่ยวเล่นแล้วคิดเรื่องปิดฤดูกาลให้สวยๆ ก่อนสิ”
“ก็กำลังเป็นไปได้ด้วยดีนี่ อย่ากังวลเกินไปเลย เวลาพักก็ต้องพักผ่อนสิ”
ยังอีกนานกว่าจะไปเที่ยวพักร้อนได้ เพราะปีนี้หลังจบลีกก็ยังมีเวิลด์คัพรออยู่ มูคยอมเองก็พูดทั้งที่รู้อยู่แน่ชัด
ตอนนี้กรีนฟอร์ดอยู่ในระหว่างการแข่งขันอย่างดุเดือดกับฟินส์เบอร์รีซึ่งเป็นทีมคู่ปรับกัน และสลับกันขึ้นลงอันดับหนึ่งสองในลีกทุกการแข่งขัน อีกทั้งในแชมเปียนส์ลีกก็เข้ารอบสี่ทีมสุดท้าย แล้วไม่นานก็ใกล้จะถึงศึกรอบที่หนึ่งแล้วด้วย มูคยอมเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่พร้อมบอกว่าปีนี้จะต้องได้ชูถ้วยรางวัลชนะเลิศของทุกการแข่งขันทั้งพรีเมียร์ลีก แชมเปียนส์ลีก และเอฟเอคัพ
ในเดือนพฤษภาคม ฤดูกาลแรกของเขาในทีมกรีนฟอร์ดก็จะจบลง ฮาจุนมาลอนดอนเมื่อเดือนมกราคม เพราะฉะนั้นก็เท่ากับว่าตอนนี้เขาอยู่กับทีมโดยผ่านมากว่าครึ่งฤดูกาลแล้ว รู้สึกเหมือนเพิ่งได้มาลอนดอนเมื่อวันก่อนนี้เอง พอฤดูกาลหนึ่งกำลังจะจบไป ฮาจุนก็รู้สึกงงๆ จึงนั่งจิบเบียร์โดยไม่ได้พูดอะไร
ในระหว่างนั้น เขาคุ้นเคยกับกรีนฟอร์ดอย่างเต็มที่แล้ว เขาไม่เอาแต่ไล่ตามหลังแฮร์รี่หรือเครียดจนจะเป็นประสาทเพราะกลัวว่าจะฟังคนอื่นพูดไม่ออกอีกต่อไป
แฮร์รี่แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ก็รีบเรียนคอร์สตามกำหนดให้จบแล้วเอาใบรับรองมา ทางนั้นบอกว่าเขามีประสบการณ์จริงเยอะจึงน่าจะเรียนเข้าใจได้ไม่ยากขนาดนั้น ถ้าทุ่มเวลาให้สักหกเดือนก็คงจะได้ระดับสอง และถ้าได้ระดับสอง ทางสโมสรก็จะเสนอสัญญาแบบประจำที่ไม่ใช่อินเทิร์นทันที
ถึงอีกฝ่ายไม่ได้ชี้แนะมา ฮาจุนก็คิดจะเริ่มเรียนอย่างจริงจังตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงอยู่แล้ว ตอนนี้เขามีความมั่นใจแล้วว่าจะประสบความสำเร็จได้ที่นี่
“โกล!”
ในตอนนั้น ใครบางคนในผับตะโกนขึ้น โดเวอร์ระเบิดประตูแรกเป็นที่เรียบร้อย
ในจอโทรทัศน์ นักกีฬาผมยาวและใบหน้าเปียกเหงื่อคนหนึ่งกำลังฉลองที่ทำคะแนนได้ด้วยความตื่นเต้นสุดขีด มูคยอมก็หัวเราะอย่างเริงร่าแล้วอาศัยจังหวะที่ผู้คนกำลังเสียงดังวุ่นวาย เอียงใบหน้าลงมาจูบลงบนลำคอของฮาจุนแวบหนึ่ง
ไม่กลัวอะไรเอาซะเลย แต่แทนที่จะต่อว่า ฮาจุนเองก็ชนแก้วกับอีกฝ่ายเป็นครั้งที่สองพร้อมยินดีกับโกลแรกที่ทีมเก่าของคิมมูคยอมทำคะแนนได้
“พอได้ดูพร้อมกับที่รักแล้ว รู้สึกว่าการแข่งมันราบรื่นดีซะจริง เร็วๆ นี้มีแข่งอะไรที่น่าดูด้วยกันอีกไหมนะ”
มูคยอมคิดครู่หนึ่งแล้วสบตากับฮาจุน
“คิดดูแล้ว อีกไม่นานก็มีเอลกลาซิโกนี่ แมตช์ใหญ่แบบนั้นก็ต้องดูด้วยอีกนะ”
“แน่อยู่แล้วสิ แมตช์นั้นฉันก็จะดูให้ได้เลย”
คนที่รู้เรื่องฟุตบอล มีใครไม่ดูการแข่งนั้นด้วยหรือไงกัน ฮาจุนตอบกลับไปราวกับตั้งใจแน่วแน่
ฟุตบอลมักถูกยกมาเปรียบเทียบกับสงคราม มันไม่เพียงแค่เป็นกีฬาที่มีการตั้งสมมติฐานว่าเริ่มมาจากการฝึกทหารเท่านั้น แต่วิธีการแข่งขันโดยแบ่งทีมออกเป็นสองฝั่งแล้วพยายามบุกทะลวงแนวป้องกันสุดท้ายของทีมคู่แข่ง ก็คล้ายคลึงกันกับการทำสงครามไม่น้อย ธรรมเนียมการแลกธงก่อนเริ่มแข่งก็เหมือนกัน อีกทั้งตราสัญลักษณ์ของแต่ละทีมก็ทำให้นึกถึงสัญลักษณ์ของกองทหารหรือไม่ก็อาณาจักรโบราณอยู่บ่อยครั้ง
ในบรรดาการแข่งขันฟุตบอล การแข่งของเรอัลมาดริดกับบาร์เซโลนาซึ่งถูกจัดขึ้นในลีกสเปน เป็นศึกอันยิ่งใหญ่ของคู่ปรับที่มีผู้ชมจำนวนราวห้าร้อยล้านคนจากทั่วโลก
อีกทั้งยังมีเรื่องความขัดแย้งกันด้านอาณาเขตซึ่งลากยาวต่อเนื่องมาเนิ่นนาน เพราะอย่างนั้น ไม่ต้องพูดก็รู้ว่า จิตสำนึกในความเป็นปรปักษ์กันภายในประเทศสเปนจึงสูงลิบลิ่ว กระทั่งแฟนคลับต่างประเทศก็ยังได้รับผลกระทบจากความเผ็ดร้อนนั้น ถ้าศึกดาร์บี้ของทั้งสองทีมใกล้เข้ามา สงครามประสาทระหว่างแฟนๆ ผู้สนับสนุนทั้งสองทีมก็จะยิ่งเข้มข้นขึ้น
เดิมที ในช่วงนี้ทั้งสองทีมน่าจะเป็นทีมที่ควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจเข้ามาประชันเพื่อแย่งชิงชัยชนะของกรีนฟอร์ดในแชมเปียนส์ลีก แต่ในฤดูกาลนี้ โชคคงไม่เข้าข้าง ทั้งสองทีมจึงเรียงแถวตกรอบแปดทีมสุดท้ายไป เพราะอย่างนั้นจึงเท่ากับว่า พวกเขาทั้งสองคนจะสามารถนั่งกินป๊อบคอร์นไปพร้อมๆ กับดูศึกชิงชัยของภูมิภาคอื่นได้อย่างเพลิดเพลินโดยไม่มีเรื่องคาใจ ทั้งคู่ชนแก้วกันอีกครั้งพร้อมกับพูดอวยพรไปด้วย
“เพื่อชัยชนะของบาร์เซโลนา”
“ครั้งนี้มาดริดต้องเป็นฝ่ายชนะ”
โกล!
สักทีมหนึ่งคงจะทำประตูได้อีกแล้ว เสียงกู่ร้องของผู้คนจึงดังกระหึ่มในผับ ทว่ามูคยอมกับฮาจุนกลับขมวดคิ้วเล็กน้อย เผยอปากนิดหน่อย พร้อมกับทำเพียงแค่มองหน้ากันเงียบๆ อยู่ชั่วขณะ ไม่มีใครสักคนที่คิดจะยกแก้วเบียร์กระดกเข้าปาก
“ก็อาจมีเรื่องแบบนี้บ้างแหละ”
คนที่ทำลายความเงียบขึ้นมาก่อนคือมูคยอม อีกฝ่ายวางแก้วพร้อมยิ้มมุมปากอย่างสบายๆ
“ไม่มีกฎตายตัวว่าพวกเราต้องเชียร์ทีมเดียวกันเสมอไปนี่”
“ใช่แล้ว ถูกต้อง แค่เชียร์ทีมชาติกับกรีนฟอร์ดด้วยกันก็พอแล้ว”
ฮาจุนเองก็ยิ้มพร้อมกับพยักหน้า จากนั้นก็หันไปสนใจแค่จอโทรทัศน์ เพียงครู่เดียวก็เหลือบตามองอีกฝ่ายพร้อมถามขึ้นราวกับสงสัย
“นายเคยให้สัมภาษณ์ที่ไหนว่าชอบบาร์โซโลนาไหม ทำไมฉันไม่รู้มาจนถึงตอนนี้นะ”
“ชอบนักกีฬาคนไหน เป็นแฟนคลับทีมไหน ฉันไม่พูดเรื่องพวกนี้ออกสื่อหรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องมีนักกีฬาหรือทีมโปรดอยู่แล้วล่ะ ตอนเด็กๆ ฉันเอาโปสเตอร์นักกีฬาที่ชอบแปะผนังห้องเยอะแยะเลยด้วยนะ”
“ฉันไม่รู้เลย นึกว่านายสนใจแค่เรื่องทีมที่ตัวเองสังกัดซะอีก”
“ฉันต่างหากที่ไม่รู้ว่านายเป็นแฟนคลับมาดริด คิดว่าเป็นแฟนคลับคิมมูคยอมแค่คนเดียว”
“ไม่ได้มีนักกีฬาที่ชอบเป็นพิเศษหรอก ก็แค่ชอบสไตล์ของทีมเฉยๆ”
“งั้นเหรอ”
มูคยอมเอียงหัว
“กองหลังเก่าชอบมาดริดงั้นเหรอ เกินคาดเหมือนกันนะ ทีมนั้นขึ้นชื่อว่าค่อนข้างอ่อนเรื่องป้องกันนี่ ถึงนั่นจะทำให้กระตือรือร้นเรื่องเกมรุกมากขึ้นมาหน่อยก็เถอะ”
“ตอนลงแข่งเอง มันก็มีทั้งตอนที่ดีและไม่ดีตามแผนการเล่นนั่นแหละ แต่ตอนเป็นคนดู ฉันชอบฟุตบอลที่เน้นเกมรุกมากกว่า”
“ฟุตบอลสเปนมีเสน่ห์ตรงส่งบอลสั้นได้แม่นยำไม่ใช่เหรอ”
“ตีกีตากาน่ะ ถ้าถูกบีบจนทำประตูไม่ได้ แล้วได้แต่เลี้ยงบอลอยู่อย่างนั้นก็จบ อ่อนเรื่องโต้กลับด้วย”
“ถ้าตัวรุกเก่งๆ ครองบอล เรื่องนั้นก็ไม่เป็นปัญหาหรอก”
“ยังไงก็เป็นความจริงนะที่มันมีจุดอ่อน อย่างแรกเลยคือฉันชอบสไตล์แบบคล่องแคล่วมากกว่า”
ภาพการแข่งขันบนจอโทรทัศน์ค่อยๆ เข้มข้นขึ้นทีละนิด และเสียงร้องตะโกนพร้อมปรบมือของผู้คนก็คึกคักขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
ทว่ามีเพียงโต๊ะของมูคยอมกับฮาจุนที่บรรยากาศเยือกเย็นลงกว่าเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ทั้งสองคนเพียงแค่จ้องมองไปทางหน้าจอพร้อมกับดื่มเบียร์โดยไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็สั่งเครื่องดื่มเพิ่มด้วยใบหน้าบึ้งตึงเท่านั้น
‘ทำตัวอย่างกับเด็ก’
สนามฝึกซ้อมในวันต่อมา ฮาจุนเป่านกหวีดดังปิ๊ดๆ เพื่อคุมการฝึกซ้อมพร้อมคิดทบทวนบทสนทนาเมื่อคืน
พวกเขาพูดคุยกัน ดื่มเบียร์กัน แถมยังแอบจุ๊บกันโดยไม่ให้คนอื่นรู้ จนถึงตอนนั้นมันดีจริงๆ นะ แต่ทำไมมูคยอมกับเขาต้องเล่นสงครามประสาทกันเพราะศึกการแข่งของทีมคู่ปรับที่ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาทั้งคู่เลยด้วย
ไม่ได้พูดดูถูกอีกทีมโดยไม่คิดก็จริง แต่ทันทีที่รู้ว่าเชียร์คนละทีมกัน ความไม่พอใจบางๆ ก็แฝงอยู่ในบทสนทนาของทั้งคู่อย่างเห็นได้ชัด อย่างน้อยตอนมูคยอมจัดการจบบทสนทนาไปตามสมควร เขาก็ควรที่จะไม่พูดต่อไปมากกว่านั้นอีกแล้ว แต่น่าอายจริงๆ ที่เขาดันเป็นฝ่ายยืดเยื้อหัวข้อนั้นต่อไปอีก
ฮาจุนคิดว่าตัวเองรู้ข้อมูลที่มูคยอมเผยออกสื่อเกือบหมดทุกเรื่อง แต่เพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าอีกฝ่ายชอบหรือเชียร์ทีมอื่นที่ไม่ใช่ทีมที่ตัวเองสังกัด เขาจึงอดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ไม่ไหว
อันที่จริง เรื่องชอบนักกีฬาคนไหนหรือเป็นแฟนคลับทีมไหน ถ้าพูดไป เผลอๆ ก็กลายเป็นยอมรับว่านักกีฬาคนนั้นเหนือกว่าตัวเองหนึ่งระดับ และพอลองคิดดูแล้ว ถ้าเสนอตัวเกินหน้าเกินตาว่าอยากย้ายสังกัดไปทีมไหนก็ย่อมถูกนินทาแน่นอน เพราะอย่างนั้นฮาจุนจึงพอเข้าใจเหตุผลที่อีกฝ่ายยืนหยัดที่จะไม่เปิดเผยเรื่องนั้น
ฮาจุนเคยฝืนเล่นฟุตบอล แต่หลังได้เจอกับมูคยอมก็เกิดความคลั่งไคล้ในตัวฟุตบอลขึ้นมา เขาเก็บรวบรวมข้อมูลของมูคยอม วิเคราะห์ฟุตบอลของอีกฝ่าย พร้อมกับสนุกสนานไปกับการดูฟุตบอลด้วย พอสนุกไปกับมันแล้วก็เลยมีนักกีฬาคนโปรดกับทีมที่สไตล์การเล่นตรงกับแบบที่ชอบอยู่บ้างเหมือนกัน และเรอัลมาดริดคือหนึ่งในนั้น
ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ เขาจะชอบทีมเดียวกับมูคยอมมากขึ้นไหมนะ ฮาจุนจินตนาการไม่ออกง่ายๆ เพราะตัวเองเชียร์หนึ่งในทีมคู่ปรับแห่งศตวรรษอยู่ก่อนแล้ว
เชียร์คนนะทีมกับมูคยอมเนี่ยนะ เป็นสถานการณ์ที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย