Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 15
สีหน้าของจองคยูแข็งกร้าวเช่นเดียวกับมูคยอม ทั้งสองล็อกประตูห้องประชุมและเผชิญหน้ากัน ก่อนที่จองคยูจะถอนหายใจพลางส่ายศีรษะ
“บอกให้พอไง ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่ามันเป็นเรื่องความเหมาะสมของทีม”
“อิมจองคยู ฉันก็เป็นเหยื่อเหมือนกันนะ”
มูคยอมขมวดคิ้วและก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ถูกวางเอาไว้ระหว่างคนทั้งคู่ วันนี้ตัวอักษรสามตัวซึ่งเป็นชื่อของ ‘คิมมูคยอม’ ขึ้นติดอันดับคำที่ถูกค้นหามากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลงในเว็บท่า และประเด็นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับฟุตบอลเลย
ปกติแล้วหลังจากมีเซ็กซ์ น้อยครั้งที่เขาจะหลับในสถานที่นั้นๆ แต่มูคยอมเองก็คน บางครั้งเขาก็สลบเหมือดไปเลยก็มี วันหนึ่งหลังจากกลับมาที่เกาหลีได้ไม่นาน มูคยอมเคยเพลียจนผล็อยหลับไปราวๆ สามสิบนาที และระหว่างนั้นคู่นอนก็คงถ่ายรูปของเขาเอาไว้ อาจจะเป็นเรื่องล้อเล่นก็ได้
ไม่ว่าจะผิดพลาดหรือตั้งใจ แต่รูปภาพของมูคยอมที่นอนอยู่บนเตียง โดยที่ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่า ขณะที่อวัยวะสำคัญท่อนล่างและส่วนเหนือต้นขาถูกปกคลุมด้วยผ้าห่มสีขาวอย่างหมิ่นเหม่ ก็ถูกปล่อยออกมาว่อนอินเทอร์เน็ตในช่วงเช้ามืดของวันนี้
‘*******
อีกรอบแล้วสินะ’
‘*******
หล่อจนต้องสบถจริงๆ นะ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงก็คงหลง’
‘*******
ดูดีนะ 555 มาดูนี่สิคะ โดยเฉพาะพวกผู้ชายที่เอาแต่ขยับนิ้ว อย่ารู้สึกว่าตัวเองด้อยกว่า เล่นกีฬาบ้างก็ดี’
‘*******
ผู้หญิงที่นอนด้วยเป็นใครกันแน่ 5555’
‘*******
เหมือนมาโฆษณาเลยนะ… noise marketing’
มันเป็นภาพที่เผยให้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าดั่งประติมากรรม ใครเห็นก็ต้องคิดว่าถูกถ่ายหลังจากมีเซ็กซ์แน่นอน ทันทีที่ภาพถ่ายนี้ปรากฎบนอินเทอร์เน็ต ผู้คนก็ต่างวิจารณ์กันอย่างวุ่นวาย ทั้งตำหนิการกระทำของมูคยอม ทั้งประทับใจกับใบหน้าอันหล่อเหลาจนน่าชิงชังที่กำลังหลับตา ขณะที่คางเรียวก็เอียงเล็กน้อย ไปจนถึงร่างกายที่สมบูรณ์แบบของเขา และยังคาดเดากันด้วยว่าหญิงสาวที่เป็นคู่นอนของเขาคือใคร ถึงแม้จะเป็นภาพที่ถูกแอบถ่าย แต่มันกลับออกมาดูดี ถึงขนาดที่ว่าถ้าบอกว่าเป็นนิตยสารภาพก็เชื่อ จึงมีคนสงสัยว่านี่เป็น noise marketing หรือเปล่าด้วย เท่านั้นยังไม่พอ แม้แต่เครื่องนอนที่พันรอบตัวมูคยอมก็ดูเหมือนเป็นการจัดฉาก จนทำให้คีย์เวิร์ดอย่างเช่น ‘คิมมูคยอม ผ้าห่ม’, ‘คิมมูคยอม ที่นอน’ ติดอันดับการค้นหาแบบเรียลไทม์เช่นกัน
ถึงแม้จะเกิดเรื่องชุลมุนแบบนี้ขึ้น แต่ช่วงนี้มูคยอมกลับนิ่งเฉย หลังจากมีอะไรกับอีฮาจุนก่อนหน้านี้ เขาก็ไม่ได้ข้องแวะอะไรกับใครอีก มันไม่ยุติธรรมเลยที่เขาต้องถูกตำหนิติเตียนเพราะเซ็กซ์ที่ผ่านมานานแล้ว แต่เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือเหยื่อที่ถูกแอบถ่ายและถูกปล่อยภาพ
ใครมันจะคิดว่านายเป็นเหยื่อวะ จองคยูมองมูคยอมและทำท่าเหมือนอยากจะพูดแบบนั้น แต่อย่างไรเสีย มันก็เป็นความจริงที่ภาพนั้นถูกเผยแพร่โดยไม่ถามความคิดเห็นของมูคยอม จองคยูจึงจบบทสนทนาและไม่ตำหนิมูคยอมอีก
“ต่อไปนี้ อย่าให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกได้ไหม ช่วยคิดถึงขวัญกำลังใจของทีมหน่อย ขืนเป็นแบบนี้บ่อยๆ ทุกคนจะโดนด่าไปด้วย”
“รู้แล้ว ครั้งนี้เข้าใจแล้วจริงๆ ไม่ต้องห่วง”
“แล้วจะจัดการยังไงกับมัน นายไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยนี่”
“ปล่อยไว้ เดี๋ยวก็เงียบไปเอง”
ตั้งแต่กลับมาที่เกาหลี มีแค่ครั้งเดียวที่เขาผล็อยหลับไปหลังจากมีเซ็กซ์ จึงชัดเจนว่าคนร้ายเป็นใคร และถ้าคิดจะขุดคุ้ยก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ถึงจะเรียกร้องเงินชดเชยค่าเสียหาย ฝั่งนั้นก็คงไม่มีอะไรจะพูดอยู่ดี แต่เขาไม่อยากให้เรื่องราวบานปลายไปมากกว่านี้
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นอกจากค่ำคืนที่มีอะไรกับฮาจุนแล้ว คู่นอนของมูคยอมก็มีแต่พวกดาราหรือคนดังระดับเดียวกับเขา ถึงเขาจะไม่ได้หลับนอนกับคนดังมาตั้งแต่แรกเพราะเขาคือมูคยอม แต่หลังจากตระหนักได้ว่าหากเขาข้องแวะกับคนที่มีอะไรจะเสีย ตอนจบก็จะจบลงอย่างสวยงาม มูคยอมก็ยึดมั่นในตัวเลือกนั้นมาโดยตลอด
หากเรื่องราวบานปลาย อีกฝ่ายต่างหากที่จะลำบากยิ่งกว่าเขา ถ้าตั้งใจปล่อยภาพ แปลว่าตนเองก็ต้องมีส่วนได้ประโยชน์ แต่ฝั่งนั้นกลับปล่อยออกมาอย่างเงียบเชียบ ไร้การติดต่อและไม่มีการแฉกับสื่อแต่อย่างใด มันก็อาจจะเป็นความผิดพลาดก็ได้ และถ้าเป็นเช่นนั้น ตอนนี้ฝั่งนั้นก็คงกำลังร้อนรนอยู่สินะ พอคิดแบบนั้นแล้ว มูคยอมก็ไม่อยากทำตัวใจดำ
“อยากดูก็ให้ดูไป มันมีอย่างอื่นนอกจากท่อนบนด้วยเหรอ”
มูคยอมลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยขึ้นอย่างเบื่อหน่าย
“ไอ้บ้านี่ ถ้าหลุดออกมาถึงท่อนล่างนะ… ชิ มันคงดีซะกว่า! แล้วมันจะไม่ถูกตีพิมพ์ลงหนังสือพิมพ์เหรอวะ”
“นี่ไม่รู้อะไรเลยสินะ พอโมเสคแล้วก็ได้หมดนั่นละ”
ต่อไปมูคยอมจะเชื่อฟังคำพูดของจองคยูที่บอกให้เขาระมัดระวังรอบคอบ เขาเบื่อหน่ายข่าวอื้อฉาวเต็มที ยิ่งข่าวอื้อฉาวที่เกาหลี เขายิ่งเบื่อ มูคยอมเองก็ไม่อยากถูกละเมิดและรบกวนความเป็นส่วนตัวแบบนี้
หลังจากจบการพูดคุยสั้นๆ กับกัปตัน มูคยอมก็เดินออกจากห้องประชุมและตรงไปที่ห้องล็อกเกอร์ นักเตะบางคนมองมาที่มูคยอมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยสงสัย แต่ก็ไม่สามารถถามรายละเอียดได้ จึงได้แต่ปิดปากเงียบ สิ่งที่พวกเขาอยากรู้คือฝ่ายหญิงเป็นใคร มูคยอมไม่คิดจะโต้ตอบความคาดหวังที่หยาบคายแบบนั้น เขาจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ
มูคยอมเก็บข้าวของและออกมาจากห้องล็อกเกอร์ ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือก็สั่นครืด มูคยอมจึงเดินหลบออกมาก่อนเพื่อความแน่ใจ เขาถือโทรศัพท์ไว้ในมือและเดินออกไปยังทางเดินที่ไร้ผู้คน ทันทีที่รับสายจากหมายเลขที่ไม่ได้บันทึกไว้ มูคยอมก็ได้ยินน้ำเสียงที่เอ่ยเรื่องที่เขาคาดเดาได้
‘คุณมูคยอม ขอโทษนะ’
เสียงของหญิงสาวดังออกมาจากปลายสาย เริ่มต้นด้วยคำขอโทษที่หนักแน่นราวกับว่าเธอกำลังเครียดอย่างหนัก ถึงแม้เธอจะเรียกเขาด้วยความสนิทสนมเหมือนกับคืนนั้น แต่ทั้งคู่ก็ใช้เวลาด้วยกันเพียงข้ามคืนเท่านั้น มูคยอมกลั้วหัวเราะโดยไม่ออกเสียง
‘ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ฉันผิดไปแล้วจริงๆ’
“ถ่ายรูปไว้ทำไม”
‘ขอโทษ ฉันไม่ควรทำแบบนั้นตั้งแต่แรกเลย… ฉันก็แค่อยากเก็บไว้ดูคนเดียว’
“แต่ดูดีนะ ปกติผมก็ไม่ได้ปกปิดร่างกายมิดชิดอยู่แล้ว หรือว่าถ้าคุณกังวลคิดว่าผมจะไปคุยโวล่ะก็ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก”
‘…ขอบคุณจริงๆ แล้วก็ขอโทษด้วยนะ ครั้งหน้าฉันจะตอบแทนคุณทุกอย่าง’
“ไม่ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก เพราะเราคงไม่ได้เจอกันอีก”
หลังจากพูดจบ มูคยอมก็วางสายและเก็บโทรศัพท์มือถือใส่ไว้ในล็อกเกอร์อีกครั้ง
วันนี้มีกำหนดการฝึกในร่ม ในโรงยิมโค้ชยืนกระจัดกระจายทำหน้าที่ของตนเอง สายตาของมูคยอมมองไปทางฮาจุนที่กำลังพูดคุยพลางจ้องมองสมุดบันทึกอยู่ระหว่างพวกเขาอย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากเหตุการณ์นั้น มูคยอมนึกว่าวันต่อมาอีกฝ่ายจะพูดอะไรสักคำหรือแสดงท่าทีเหมือนว่ามีเรื่องพิเศษเกิดขึ้น แต่ผ่านไปวันแล้ววันเล่า ฮาจุนก็ยังทำตัวเหมือนเดิม คนที่แสร้งทำเป็นเมินเฉยเพราะอยากเห็นว่าอีกฝ่ายจะเป็นยังไงอย่างมูคยอมร่ำร้องอยู่ในใจ
ไม่ใช่ว่าสุดยอดจนต้องยกย่องเป็นโปรเฟสชันแนลเหรอ ระหว่างทางไปทำงานในวันรุ่งขึ้นเขากังวลเล็กน้อย พอๆ กับการที่รู้สึกกระอักกระอ่วนและตะขิดตะขวงใจในวันนั้น เขานึกเสียใจเมื่อสายไปแล้ว ว่าทำไมต้องล่อลวงคนในทีมเดียวกันด้วย และเขายังกังวลด้วยว่าถ้าทำเหมือนว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือทำตัวเหมือนต้องการมากกว่าหนึ่งคืน เขาจะต้องตัดมันทิ้งยังไง
แต่แล้วในวันที่เขาจูบฮาจุนก่อน สัญชาตญาณที่ตื่นขึ้นอย่างกะทันหันก็แจ่มชัดและตราตรึง คำพูดที่ฮาจุนร่ายยาวราวกับจะปลอบประโลม ทั้งที่อีกฝ่ายไม่เคยอ่อนโยนกับเขาเลยสักครั้งกำลังซ่อนเร้นความไม่ลงรอยเอาไว้
อีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะไม่สนใจมูคยอมมากที่สุดแล้วในสโมสรนี้กลับรับรู้เรื่องราวของมูคยอมมากมายกว่าที่คิด ถึงไม่ใช่เพราะเหตุนั้น แต่ปัจจัยต่างๆ อย่างเช่น อารมณ์หรือสีหน้าของฮาจุนที่ต่างจากปกติ ก็ทำให้มูคยอมเก็บความสงสัยไว้ในใจ ความสงสัยที่ว่าอีกฝ่ายมีใจให้เขา
…แต่เมื่อเวลาผ่านไปและลองคิดอย่างใจเย็นดูแล้ว สิ่งที่ฮาจุนพูดในตอนนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นสิ่งที่มูคยอมเคยให้สัมภาษณ์หรือพูดออกอากาศทั้งสิ้น ถึงอีกฝ่ายจะไม่ได้สนใจเขามากนัก แต่ในเมื่อเป็นโค้ชฟุตบอล มันก็เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายควรรู้เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว มูคยอมเองก็รู้ว่าเขาเป็นโค้ชคนใหม่ที่แสนกระตือรือร้น แค่มองหัวคิ้วที่ชนกันแบบนั้น ขณะที่กำลังครุ่นคิดพลางจ้องมองสมุดบันทึกในตอนนี้ก็รู้แล้ว
แน่นอนว่าจูบที่เหมือนกับลูกนกที่แสดงออกเต็มที่ ตอนที่อีกฝ่ายผลักเขาชิดกำแพงนั้นดูกระตือรือร้นกว่าการโค้ชชิ่งของเขาเป็นสิบเท่า การที่จะพูดว่าอีกฝ่ายจูบเขาแบบนั้นเพียงเพราะมีรสนิยมชอบผู้ชาย ไม่รู้สิ อีกฝ่ายอาจจะเก็บซ่อนความรู้สึกดีๆ ในด้านอื่นเอาไว้จริงๆ ก็ได้…
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดจะแสดงท่าทีเหมือนว่ารับรู้หรอก เพราะมันเกิดขึ้นเพราะความต้องการชั่ววูบ นี่จึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่ายแล้ว
“เลือกตำแหน่งฝึกของแต่ละคนตามที่สั่งเอาไว้เมื่อชั่วโมงที่แล้ว ผมจะคอยดูและตรวจสอบนะครับ”
“ครับ!”
หลังจากทำการยืดกล้ามเนื้อแบบกลุ่ม, วิ่ง, ฝึกทรงตัว และฝึกความเร็วตามลำดับ บรรดานักกีฬาแต่ละคนก็แยกย้ายกันเพื่อดำเนินการฝึกซ้อมตามที่ได้รับคำสั่ง มูคยอมตรงไปที่รีฟอร์มเมอร์เพื่อฝึกความแข็งแรงของข้อเท้าและลำตัวตามที่ฮาจุนสั่ง
ฮาจุนเช็กความไม่สมดุลของข้อเท้าของมูคยอมทุกครั้งราวกับว่าอีกฝ่ายค่อนข้างหนักใจ ตอนอยู่ที่อังกฤษมูคยอมก็ถูกตำหนิหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีโค้ชคนไหนใส่ใจเขาถึงขนาดนี้ ฟุตบอลเป็นการออกกำลังทั้งร่างกาย แต่โดยปกติแล้วเท้าข้างหนึ่งจะถูกใช้เป็นกำลังหลัก หากไม่รู้ ร่างกายก็จะค่อยๆ เสียสมดุล แต่เพราะมูคยอมรู้ดี เขาจึงระมัดระวังอยู่เสมอ
“ไม่เจ็บตรงไหนใช่ไหม”
“ใช่”
มูคยอมเอนกายนอนลงบนกระดาน สอดเท้าเข้ากับสายรัด และยืดขาขวาสลับกับขาซ้ายตามคำสั่งของฮาจุน ฮาจุนจับตามองการเคลื่อนไหวนั้นอย่างตั้งอกตั้งใจ ก่อนจะพูดซ้ำๆ เบาๆ ว่า “เดี๋ยวก่อน” และเอื้อมมือไปยังหัวเข่าข้างขวา
ฮาจุนขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางยกน่องของมูคยอมขึ้นคาดเอว ก่อนจะออกแรงกดและรวบจับต้นขาด้านในด้วยมือ มูคยอมเกือบหยุดหัวเราะเพราะสัมผัสบนผิวหนังที่ทำให้เขารู้สึกจั๊กจี้
“ตรงนี้เป็นอะไรไหม ทำแบบนี้แล้วไม่เจ็บใช่ไหม”
“รู้สึกขัดยอกนิดหน่อย”
“กล้ามเนื้อส่วนโซแอสได้นวดหน่อยก็คงจะดี มีห้องกายภาพบำบัดแยกใช่ไหม ฉันจะเขียนความเห็นให้ นายก็เอาไปนวดนะ”
มูคยอมตัดสินใจแล้วด้วยเหตุผลหลังจากได้จับตามองฮาจุนมาหลายวัน อีกฝ่ายไม่ชอบความยุ่งยาก และไม่ชอบทำให้ตัวเองรำคาญ จิตวิทยาของมนุษย์ช่างน่าทึ่ง เขากังวลแทบตายว่าอีกฝ่ายจะข้ามเส้น หลังจากตั้งข้อสรุปไปแบบนั้น ท่าทางของฮาจุนระหว่างทำงานเป็นเหมือนดาบที่ทำให้ความรู้สึกต่อต้านโหมกระหน่ำเข้ามา
‘อย่างไรก็ตามถ้าแค่สนุกกันทั้งคู่ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่มีครั้งที่สองนี่นา’
ตัวเขาที่ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าโล่งอกที่ฮาจุนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นกลับคิดอะไรแปลกๆ แต่ว่าเดิมทีสิ่งที่เรียกว่าความต้องการนั้น ในวันนี้ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อวานเหมือนต้นอ้อที่แกว่งไกวอยู่แล้ว มูคยอมเอ่ยพูด
“นายทำให้หน่อยได้ไหม”
“ว่าไงนะ”
มูคยอมเอ่ยอย่างสุภาพมากกว่าเดิม
“คุณโค้ชอีทำให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“…ฉันเองก็ทำได้ แต่เรื่องนวดน่ะ ให้ผู้เชี่ยวชาญทำจะดีกว่า”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ มาหาผมที่บ้านสักครั้ง แล้วทำให้หน่อยสิครับ”
ฮาจุนมองหน้ามูคยอม ขณะที่มูคยอมก็ยิ้มพลางหยัดกายขึ้น แล้วเคลื่อนใบหน้าไปแนบใบหูของฮาจุน
“ถึงตอนนี้ต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นด้วยเหรอ”
ทันทีที่ก้มหน้าพลางมองดูปฏิกิริยา ความตกใจเล็กๆ ก็ติดอยู่ในสีหน้าของฮาจุนที่มองมูคยอมอยู่ ดวงตาที่สั่นไหวนั้นไม่เพียงแต่กำลังตกใจ แต่ยังดูเหมือนกับกำลังตำหนิเขาด้วยว่า ‘บ้าไปแล้วเหรอ’ ฮาจุนคงไม่ใช่แค่ตกใจ บริเวณขอบตาสีขาวจึงค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงทีละน้อยๆ
หลังจากมองดูสีหน้าที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปแล้ว มูคยอมก็คิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังระลึกความทรงจำสินะ แต่เพราะฮาจุนแสดงออกอย่างเฉยชา เขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายคงลืมทุกอย่างไปหมดแล้ว มูคยอมแย้มยิ้มและคิดจะเอ่ยต่ออีกประโยคหนึ่ง
“อ๊า!”
แต่หลังจากนั้นมูคยอมก็ต้องแผดเสียงสั้นๆ เมื่อมือของคนที่บอกเขาว่าถ้าได้นวดก็คงจะดีอย่างฮาจุนกดลงบนพื้นที่ระหว่างเอวและสะดือของเขาอย่างแรง คงเป็นเพราะกดได้ตรงจุด มูคยอมจึงเจ็บจนเผลอนิ่วหน้า ฮาจุนยังคงกดลงไปและเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้ายกาจ
“ตรงนี้ถือว่าเป็นจุดอ่อนที่ช่วยให้กล้ามเนื้อของนายคลายตัว ฉันจะเขียนความเห็นให้ไปทำกายภาพบำบัด แล้วก็ขอให้เขาคลายตรงนี้เยอะๆ เลยนะ เข้าใจมั้ย”
“อย่ามาโกหก มันเหมือนจุดอ่อนที่ฆ่าคนได้เลย”
“อย่าเว่อร์ไปหน่อยเลย ทำแบบที่เคยทำ ซ้ายขวาครั้งละยี่สิบ สามเซ็ต แล้วก็ทำแต่ทางซ้ายอีกยี่สิบครั้ง สองเซ็ต จากนั้นก็ทำแบบที่ฉันสอนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วต่อ แล้วฉันจะมาเช็กใหม่”
“เข้าใจแล้วครับ โค้ช”
มูคยอมตอบอย่างสุภาพและค่อยๆ ยกขาที่ถูกรัดไว้ขึ้นลง ขณะที่ฮาจุนก็หันหลังกลับไปดูนักกีฬาคนอื่นๆ มูคยอมอยู่ในท่านอน เขาจ้องมองเพดานอย่างเงียบๆ พลางจัดการกับความคิดที่เพิ่งแวบเข้ามาในหัว
สิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไปเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อยั่วยุอีกฝ่าย แต่เมื่อคิดดูดีๆ แล้วก็พบว่าเป็นไอเดียที่ดีจริงๆ
เขาคิดจะเลิกเป็นหนุ่มเจ้าสำราญยามค่ำคืนตามที่จองคยูบอก มูคยอมรู้สึกเบื่อหน่ายกับการฟังเสียงพร่ำบ่น และรำคาญเรื่องอื้อฉาวที่ไม่น่าพึงใจกับการถูกติฉินนินทา ถึงแม้ว่าจะเกิดเรื่องน่ารำคาญที่ลอนดอนเหมือนกัน แต่ความยุ่งเหยิงที่เขารู้สึกได้ที่โซล ที่ที่เขาถูกจับตามองนั้นมีมากกว่าหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากละทิ้งความสุขอย่างหนึ่งของชีวิตไปอย่างง่ายดาย แต่จะทำยังไงถ้าความสามารถด้านการแข่งขันด้อยลง มันเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่กะทันหัน แต่สำหรับนักกีฬาแล้ว ตะปูชีวิตไม่ใช่สิ่งที่จะตอกและถอนออกทันทีได้
ถ้าเขาตกลงกับฮาจุนและทำแต่กับหมอนั่นสักพักจะได้ไหม
ถึงจะพาอีกฝ่ายเข้าออกบ้านก็คงไม่มีใครสงสัย เพื่อนร่วมทีมที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ใครจะไปสงสัยล่ะว่า สองคนนี้จะมีอะไรกัน
อิมจองคยูเองก็น่าจะยินดีกับเรื่องนี้ ถึงแม้จะไม่ทันสังเกตว่าฮาจุนกำลังหลบหน้ามูคยอม แต่จองคยูก็คงไม่สบายใจที่ต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างเขากับฮาจุนที่ไม่ได้สนิทสนมกันอย่างที่คิด นั่นละนิสัยของกัปตันอย่างแท้จริง เพราะจองคยูเป็นคนที่เหมือนจะตกที่นั่งลำบากอยู่เสมอ เวลาที่ผู้คนไม่ลงรอยกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว และถึงแม้นิสัยแบบนั้นจะทำให้รำคาญอยู่บ่อยครั้ง แต่หลายครั้งก็ได้ประโยชน์จากเรื่องนั้น มูคยอมจึงไม่คิดจะโทษมัน
……………………………………….