Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 152
ริมฝีปากของมูคยอมกดซับสายน้ำที่ไหลลงมา การเคลื่อนไหวที่บดเบียดริมฝีปากโดยไม่มีเสียงอะไรพร้อมกับซับคางให้ ทำให้ใบหน้าของฮาจุนร้อนผะผ่าวขึ้นทีละนิด ทั้งสองคนไม่ได้พูดคุยอะไรกัน ด้านหน้าโต๊ะกินข้าวที่มีเสียงช้อนตะเกียบกับถ้วยชามกระทบกันหรือเสียงพูดคุยโต้ตอบกันสั้นๆ จนถึงเมื่อครู่ เงียบสงบลงเหมือนไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว
ริมฝีปากของมูคยอมไต่ขึ้นมาจากตรงคางด้านล่างแล้วในที่สุดก็แตะลงบนริมฝีปากชื้นน้ำของฮาจุน ฮาจุนหลับตาลงโดยไม่รู้ตัว ‘จุ๊บๆ’ มูคยอมประทับริมฝีปากลงมาราวกับนกจิกจนเกิดเสียงแผ่วเบา
ทุกครั้งที่ริมฝีปากทาบทับกัน หัวใจของฮาจุนก็เต้นตึกตัก ตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการเริ่มเข้าประเด็นหลักเพราะกินข้าวเสร็จแล้วเลย
“กินข้าวหมดแล้ว คราวนี้ก็อาบน้ำดีไหม”
ในตอนนั้น ฮาจุนลืมตาขึ้นทันควันจากเสียงกระซิบที่ข้างหู
ก่อนที่จะตอบอะไรออกไป มูคยอมก็ลุกขึ้นจากที่ ฮาจุนซึ่งนั่งทับขาของอีกคนก็พลอยลุกตามไปด้วย เขางุนงงราวกับฝันอยู่แล้วตื่นขึ้นมา
เมื่อยืนอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำด้วยสภาพถูกมัดข้อมือ ภาพของตัวเองซึ่งถูกมัดข้อมือด้วยบ่วงที่ทำจากเนกไทสีม่วงกับสีกรมท่าเข้มๆ ก็ถูกสะท้อนให้เห็นอย่างแจ่มชัด คงเพราะเป็นเนกไทคุณภาพดี ปมที่มัดไว้อย่างไม่ประณีตจึงกลายเป็นเหมือนเชือกหลากสีโดยที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเก้งก้างอะไร และกำลังมัดอยู่บนผิวขาวๆ อย่างแน่นหนาราวกับเป็นของที่มีไว้ใช้การแบบนี้อยู่แล้ว ฮาจุนเขินอายขึ้นมานิดหน่อยจึงหลุบตาลงด้านล่าง
ตามที่อีกฝ่ายพูด เขาต้องอาบน้ำให้สะอาดก่อนทำ ยิ่งไปกว่านั้น มูคยอมยังชอบทำหน้ากระจกหรือไม่ก็ทำในห้องน้ำด้วย…
“เริ่มจากแปรงฟันแล้วกัน”
มูคยอมบีบยากสีฟันใส่แปรงแล้วขยับเข้ามาใกล้ มูคยอมเชยคางฮาจุนขึ้นพร้อมกับพูดคำเดียวกันกับตอนอยู่ตรงโต๊ะกินข้าวซ้ำอีกครั้ง
“อา”
ฮาจุนลังเลแล้วแบมือออกทั้งที่ยังถูกมัดอยู่
“มือใกล้กับหน้า แค่นี้ฉันทำเองได้”
“อีฮาจุน ยังไม่รู้อีกเหรอ เรื่องหลักของวันนี้คือนายจะทำอะไรไม่ได้เลยถ้าไม่มีฉัน”
“นายอย่าพูดเรื่องแปลกๆ อย่างผ่าเผยสิ”
ฮาจุนหน้าแดง ทว่ามูคยอมจริงจัง อีกฝ่ายไม่ยอมแพ้แล้วอ้าปากพร้อมพูดคำว่า ‘อา’ แบบไม่มีเสียงอีกครั้ง
ฮาจุนอ้าปากอย่างเลี่ยงไม่ได้ รู้สึกเหมือนยืนอยู่ตรงหน้าหมอฟัน ตอนนั้นมูคยอมถึงได้ยิ้มอย่างพอใจแล้วใส่แปรงเข้าไปในปาก มูคยอมแปรงฟันอยู่ แล้วก็พูดชมออกมาเสียงเบา
“ฉันไม่เคยดูข้างในปากอย่างละเอียดแบบนี้เลยนะ ฟันนายเรียงสวยสุดๆ เลย”
“อาอาอ้ออั๋วอ๊ะ”
“ยิ่งกว่าฉันอีก ขนาดฟันยังลักษณะเหมือนนายเลย ขาวแล้วก็ตรง”
ฮาจุนจำได้รางๆ ว่าตอนเด็กมากๆ แม่เอาแปรงสีฟันลวดลายหลากสีที่บีบยาสีฟันรสผลไม้ ใส่ปากเขาแล้วแปรงฟันให้แทน เป็นความทรงจำที่นานมากๆ จนเลือนราง อีกทั้งยังเป็นภาพจำสีจาง ใครจะไปคิดว่าจะมีวันนี้ วันที่เขาไม่ได้เจ็บมือหรือแขน แต่มีใครบางคนมาแปรงฟันให้แทนทั้งที่อายุตั้งเท่านี้แล้ว
ช่วงเวลาของการแปรงฟันที่ไม่ได้ยาวนานขนาดนั้น แต่รู้สึกเหมือนจะนานไปตลอดกาล จบลงแล้ว เมื่อฮาจุนบ้วนปาก คราวนี้มือใหญ่ของมูคยอมก็จับให้เขาก้มตัวลงเล็กน้อยแล้วล้างหน้าให้ ฮาจุนรู้สึกแค่ว่า เหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กน้อยไปแล้วจริงๆ ในระหว่างที่อีกฝ่ายซับหน้าให้ด้วยผ้าขนหนูผืนใหม่ที่มีกลิ่นน้ำยาซักผ้าหอมฟุ้ง จู่ๆ ฮาจุนก็เผชิญกับปัญหาที่นึกไม่ถึง
“ทีนี้นายออกไปหน่อยไหม”
ฮาจุนก้าวถอยหลังสองสามก้าวเพื่อหลบแขนของมูคยอมที่หวังจะอุ้มเขาอีกครั้ง มูคยอมทำหน้างง
“ทำไม”
“…ออกไปก่อน”
“ทำแบบนั้นได้ที่ไหน บอกแล้วไงว่าวันนี้นายต้องทำทุกอย่างกับฉัน”
“อย่าดื้อสิ”
ฮาจุนหลบตาจากมูคยอมอย่างไม่ค่อยจะมีสติ เขากระอึกกระอัก พูดออกไม่ได้ในทันที แล้วจึงเขย่าข้อมือ
“แล้วก็ปลดอันนี้ออกให้หน่อยแป๊บเดียว”
“ไม่ได้ แป๊บเดียวได้ที่ไหน นายสัญญาแล้วนี่ ว่าวันนี้จะอยู่แบบนี้ทั้งวัน”
“แค่มัดใหม่อีกรอบก็ได้นี่”
ฮาจุนขมวดคิ้วพร้อมเร่งเร้าอีกฝ่ายด้วยความงุ่นง่านใจ ท่าทีหงุดหงิดเล็กน้อยแบบไม่สมกับเป็นฮาจุน ทำให้มูคยอมเอียงหัวพร้อมเดินเข้ามาใกล้
“นายเป็นอะไร เจ็บหรือไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นก็บอกมาได้เลย”
“ไม่ใช่แบบนั้น…”
แก้มของฮาจุนขึ้นสีจัด เมื่อมูคยอมมายืนอยู่ข้างหน้าในระยะประชิดเข้าจริงๆ เสียงของเขาก็อ่อยลงอีกครั้ง เสียงที่แผ่วเบาลงพูดกระซิบตอบแทบจะไม่ได้ยิน
“ฉัน… อยากถ่ายเบา…”
ทันทีที่ตื่นนอน เขาก็ไปกินข้าวเลยทันที ยังไม่ได้เข้าห้องน้ำเลยสักครั้ง แปรงฟันก็แปรงแล้ว หน้าก็ล้างแล้ว แต่ถ้านอนทั้งคืนแล้วตื่นมา ไม่ว่าใครก็ต้องจัดการกับสภาวะที่เกิดขึ้นด้วยกลไกร่างกายกันโดยธรรมชาติ แต่ฮาจุนยังไม่ได้ทำแบบนั้น ใบหน้าของฮาจุนแดงก่ำ
ฮาจุนข่มความอายแล้วพูดออกมา เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีอะไรตะขิดตะขวงใจไปมากกว่านี้แล้ว ถึงแม้ว่าหน้าจะยังขึ้นสีจัดอยู่ แต่ฮาจุนก็ลืมตามองตรงๆ พร้อมเขย่ามือ
“ก็นั่นแหละ ช่วยปลดให้แป๊บเดียว”
“จริงๆ เลย จะฉี่แล้วทำไมต้องปลดมือออกด้วยล่ะ มันเป็นเรื่องที่ซับซ้อนสุดยอดยังไงกัน”
มูคยอมโอบแขนรอบเอวฮาจุนแล้วยกตัวขึ้นต่ำๆ พรวดเดียว ฮาจุนประมาทไปจึงต้องเคลื่อนตัวสองสามก้าวอย่างไร้ซึ่งแผนรับมือโดยที่ตัวถูกมูคยอมยกไว้ เพราะห้องน้ำไม่ได้กว้างถึงขนาดนั้น ตอนฮาจุนได้ลงมายืนจึงอยู่ตรงหน้าที่หมายแล้ว
มูคยอมดึงกางเกงชั้นในด้านหน้าของฮาจุนลง เมื่อแกนกายซึ่งถูกเก็บไว้ใต้ร่มผ้า ปรากฏออกมาเหนือขอบกางเกงที่ถูกดึงลง มือใหญ่ก็จับเข้าที่ส่วนนั้นซึ่งโผล่ออกมาให้เห็น ฮาจุนอึ้งจนพูดอะไรไม่ออกแล้วได้แต่ก้มลงมองส่วนล่างของตัวเองเท่านั้น ต่อให้สัญญากันไว้ก็เถอะ แต่การหวนย้อนกลับไปสู่วัยเด็กก็ต้องมีขอบเขตบ้าง
“อยู่ในท่านี้แล้วจะทำยังไง…”
“ผู้ชายด้วยกันจะเป็นอะไรไป เวลาเข้าห้องน้ำสาธารณะก็มองหน้าผู้ชายที่ไม่รู้จักกันแล้วฉี่ด้วยซ้ำ”
“มันจะไปเหมือนกับอันนั้นได้ยังไง”
“มันขึ้นอยู่กับที่นายคิด นายจะอั้นต่อไปเหรอ ถ้าอั้นเดี๋ยวเป็นโรคนะ”
ฝ่ามืออีกข้างของมูคยอมค่อยๆ กดลงตรงท้องน้อยของเขา บอกว่าท้องน้อยก็จริง แต่ถ้าให้พูดชัดเจนหน่อยก็ตรงตำแหน่งที่มีกระเพาะปัสสาวะอยู่ น้ำตาเอ่อขึ้นมาตรงหางตาของฮาจุน ส่วนใบหน้าก็ร้อนวูบวาบ
แรงกดที่เพิ่มลงมาที่ท้องไม่ได้รุนแรง แต่สถานการณ์ถูกชักจูงมาถึงเวลาขับปัสสาวะแล้ว เมื่ออีกคนผ่อนแรงกดออกครั้งหนึ่ง ฮาจุนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปราวกับเปิดวาวล์ก๊อกน้ำ แกนกายในมือมูคยอมกระตุกเบาๆ แล้วไม่นานก็ฉีดของเหลวออกมา ฮาจุนหลับตาลงเพราะเสียงเหมือนน้ำประปาที่ถูกเปิดไว้ให้ไหลเอื่อยๆ เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพร้อมกับพูดเตือนลอดไรฟันออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ทีหลังฉันไม่ปล่อยเอาไว้แน่ คิมมูคยอม…!”
“บางครั้งนายก็ฉี่ออกมาระหว่างมีเซ็กส์นี่ ไม่เข้าใจเลยแฮะว่านายเขินอะไร เหมือนไม่เคยไปได้”
“เงียบไปเลย!”
มูคยอมจัดการทำความสะอาดเสร็จเรียบร้อย คราวนี้อีกฝ่ายพาฮาจุนที่แดงเถือกลงไปจนถึงคอด้านล่าง มาตรงหน้าอ่างล้างหน้า การตีคนอื่นเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับหลักการของเขา แต่เขาก็พูดขู่ว่าสักวันจะต้องตีมูคยอมจริงๆ สักครั้งให้ได้ ฮาจุนมองสีหน้าตัวเองที่สะท้อนบนกระจกแล้วรู้สึกท้อใจ
เขาทำสีหน้าแบบนี้ในตอนนี้ เพราะฉะนั้นมูคยอมไม่มีทางกลัวคำที่เขาพูดแน่ๆ แก้มฮาจุนขึ้นสีแดง ส่วนดวงตาก็ถูกความร้อนตีขึ้นจนดูชุ่มน้ำ ใบหน้าของฮาจุนเพียงแค่ดูรู้สึกงุ่นง่านใจและไม่ยุติธรรม ไม่ได้ให้ความรู้สึกว่าเป็นใบหน้าที่กำลังพูดข่มขู่เลยแม้แต่ปลายก้อย
มูคยอมล้างมือของตัวเองโดยจับให้ฮาจุนยืนด้านหน้า จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูที่วางบนชั้นออกมาชุบน้ำอุ่นแล้วเช็ดนิ้วของฮาจุนทีละนิ้วหมดทุกซอกทุกมุม ในระหว่างที่ทำแบบนั้นก็จ้องมองใบหน้าของฮาจุนที่สะท้อนบนกระจกไปด้วย แล้วจู่ๆ ก็ประทับริมฝีปากลงบนแก้มของเขา
“เจ้าวัวน้อย วันนี้น่ารักมากๆ”
“อือ เอ็นดูให้เต็มที่นะ ตอนนี้บอกว่าน่ารักใช่ไหม”
“ลูกวัวหัวร้อน น่ารักเป็นสองเท่าเลย”
ลองลิ้มรสความหัวร้อนหน่อยไหมล่ะ ฮาจุนเอนหัวขวับไปด้านหลังเพื่อลองเอาหัวโขกมูคยอมเบาๆ แต่มูคยอมก็เอียงหน้าหลบอย่างฉับไว
อย่างไรซะ ด้วยสภาพที่ถูกมัดมือไว้แบบนี้ การต่อต้านใดๆ ก็เป็นเพียงการกระทำไร้ประโยชน์เท่านั้น ในตอนที่ตัวสั่นด้วยความอับอายหลายอย่างตีรวนกัน กางเกงชั้นในก็ถูกถอดออกไปทั้งตัวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ฮาจุนมองมูคยอมเริ่มล้างร่างกายท่อนล่างของเขาแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง
‘ปล่อยวางจิตใจกันเถอะ’
วันนี้วันเดียว เขาเลือกเองว่าจะให้อำนาจการควบคุมตัวเขาเป็นของคิมมูคยอม แม้คาดไม่ถึงว่ามันรวมถึงพวกรายละเอียดปลีกย่อยแบบนี้ด้วย และคิดว่าเป็นเรื่องบนเตียงเพียงอย่างเดียวจึงอนุญาตให้ทำ ‘ทั้งวันทั้งคืน’ ไป แต่ส่วนนั้นก็เป็นความผิดพลาดของเขาเอง มูคยอมไม่ได้เป็นคนอ้อนขอก่อน อีกทั้งเขาก็พูดออกไปเพราะไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องที่เคยสัญญาเมื่อก่อนไปได้
ไม่ว่าจะเป็นตอนโค้ชชิ่งให้เยาวชนหรือโค้ชชิ่งให้ผู้ใหญ่ก็ความรู้สึกเหมือนกัน จะต้องรักษาสัญญาที่พูดออกไปเพื่อกระตุ้นแรงบันดาลใจให้ได้ ถึงมานึกเสียใจทีหลังก็ช่วยไม่ได้แล้ว ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วก็หวนย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว เขาก็ต้องมุ่งทำต่อไปโดยลดความเสียหายลงให้น้อยที่สุด
“น่าจะถอดเสื้อก่อนมัดมือนะ อาบน้ำไม่ค่อยสะดวกเท่าไรเลย”
“เมื่อวานอาบก่อนนอนแล้ว แค่นี้ก็น่าจะพอนี่”
พออีกฝ่ายถึงกับจะให้อยู่แบบตัวเปลือยเปล่าในระหว่างนี้ ฮาจุนก็อยากจะปฏิเสธด้วยความเกรงใจ
มูคยอมดูไม่คิดที่จะทำกิจกรรมอย่างอื่นเลยแม้อยู่ในห้องน้ำ ฮาจุนก้มลงมองสันจมูกโด่งของมูคยอมซึ่งกำลังใช้ผ้าขนหนูเช็ดขากับก้นเปียกชื้นอย่างใจจดใจจ่อ แล้วฮาจุนก็เอนคอเงยหน้ามองเพดานอย่างไร้ซึ่งหนทาง
สถานที่ที่เขาถูกมูคยอมอุ้มมาหลังซับน้ำออกจนแห้งแล้ว ก็คือโซฟาในห้องนั่งเล่น
…ฮาจุนคิดว่าพอพามาโซฟา คราวนี้คงกะจะทำแล้ว แต่มูคยอมกลับชวนดูหนังพร้อมกับเปิดโทรทัศน์ขึ้นมาแล้วเริ่มไล่ดูช่องภาพยนตร์แบบเสียค่าบริการ ฮาจุนกำลังนอนหนุนตักมูคยอมและดูรายชื่อภาพยนตร์ด้วยกัน
ความอับอายพร้อมทั้งความขุ่นเคืองใจที่เกิดขึ้นในห้องน้ำวันนี้คงอันตรธานหายไปหมดแล้ว ฮาจุนรู้สึกว่าเรี่ยวแรงเหือดหายและเหนื่อยอ่อน เขาตัวอ่อนปวกเปียกเหมือนสัตว์ที่ถูกบังคับอาบน้ำจนหมดแรง และเพียงแค่มองดูทีวีอยู่เงียบๆ เท่านั้น มูคยอมไล่ดูรายชื่อภาพยนตร์ทีละอันๆ แล้วกดคำอธิบายหนังแอ็กชันหุ่นยนต์เรื่องหนึ่งให้ขยายขึ้นมาปรากฏบนหน้าจอ
“ดูเรื่องนี้กันไหม ยอดขายตั๋วสูงอันดับหนึ่งอยู่พักหนึ่งเลย ตอนนั้นเรายุ่งกันจนไม่ได้ดูนี่”
“ฉันดูได้ ดูที่นายอยากดูกัน”
ในขณะที่ฮาจุนขยับตัวสองสามทีเพื่อเปลี่ยนท่านอนหนุนต้นขาแข็งแรงให้เป็นท่าที่สบายที่สุด มูคยอมก็กดให้หนังเริ่มเล่นราวกับตัดสินใจแล้ว
พวกเขาปิดไฟในห้องและปิดม่านเพื่อดูหนัง ห้องนั่งเล่นจึงมืดสลัว มีเพียงแสงที่ส่องออกมาจากหน้าจอ ที่ทำให้ห้องนั่งเล่นกับทั้งสองคนสว่างขึ้นมาแบบพอมองเห็นรางๆ โลโก้ของบริษัทภาพยนตร์กับผู้จัดจำหน่ายเลื่อนผ่านไปตามลำดับ และทันทีที่หนังเริ่มขึ้น หน้าจอก็ปรากฏให้เห็นภาพหุ่นยนต์ที่กำลังต่อสู้กันพร้อมเสียงดังกระหึ่ม
มูคยอมผู้คล่องแคล่วไปหมดทุกเรื่อง กลับชื่นชอบหนังประเภทซาบซึ้งตรึงใจและเงียบๆ หรือไม่ก็หนังที่ดูแล้วอารมณ์ดิ่งอย่างเกินความคาดหมาย ที่อีกคนเลือกหนังแอ็กชันแบบนี้เป็นเพราะคำนึงถึงความชื่นชอบของฮาจุน
หนังเริ่มต้นมาได้ไม่นาน แต่ฉากต่อสู้ตระการตาก็ดำเนินอยู่บนหน้าจอแล้ว โทรทัศน์ที่มูคยอมซื้อมาใหม่ตอนแต่งบ้านใหญ่มากก็จริง แต่ถ้าดูในโรงหนังก็คงน่าดูยิ่งกว่านี้ ฮาจุนจับจ้องหน้าจอที่ดึงดูดสายตาเขาไปอย่างเหม่อลอย
ทว่าเขาไม่มีสมาธิกับหนังเลย ก่อนที่บทพูดกับซับไตเติลจะถูกซึมซับเข้าไปในดวงตากับหู หุ่นยนต์ในหนังก็ถูกดีดกระเด็นออกไปเหมือนลูกกระสุนปืนที่ถูกยิง มือของมูคยอมลูบหัวของฮาจุนซึ่งนอนหนุนตักอยู่แล้วคลำลงมาใต้คาง อีกทั้งยังไล้ลงมาตามใบหูกับลำคอด้วย
สัมผัสจากมืออีกฝ่ายเหมือนคิดว่าใบหน้าของเขาคือลูกหมาที่นั่งอยู่บนขา ฮาจุนหันหน้าไปเล็กน้อยแล้วเหลือบขึ้นมองมูคยอม อีกคนกำลังทอดสายตามองหน้าจอราวกับจดจ่ออยู่กับหนังพอสมควร
‘…จะทำเมื่อไรกันนะ’
ไม่รู้ทำไมด้านในคอถึงรู้สึกขัดๆ ขึ้นมา ฮาจุนจึงกลืนน้ำลาย เขาเตรียมใจซ้อมตายโดยการถูกสูบกำลังกายออกไปจนหมดเพราะคำว่า ‘มัดมือ’ กับ ‘ทั้งวันทั้งคืน’ แต่เรื่องราวกลับดำเนินไปอย่างแปลกประหลาด
หรือเซ็กส์ไม่ได้รวมอยู่ในกำหนดการที่มูคยอมคิดไว้ ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้นะ
ดูเหมือนมูคยอมจะไม่ได้คิดอะไรเลย มีเพียงเขาที่คิดแปลกๆ ขึ้นมาบ่อยครั้ง ความเขินอายจึงแผดเผาภายในใจแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สัมผัสจากมือที่ลูบไล้ใบหน้าเขาอย่างเชื่องช้าเริ่มจั๊กจี้ขึ้นเรื่อยๆ นิ้วมือยาวที่มีข้อนิ้วชัดลูบลงบนแก้มแล้วแหวกเข้าไปในเส้นผม ทุกครั้งที่ปลายนิ้วปัดผ่านผิวเนื้ออ่อนใต้คางหรือแถวๆ ใบหูอย่างอ่อนโยน ดวงตาของฮาจุนก็ปรือลงจนพร่ามัวอยู่เรื่อย ราวกับตอนรู้สึกได้ถึงความง่วงรำไรเพราะแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิ
“อือ…”
เสียงครางแผ่วเบาเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากในชั่วขณะเดียวกับที่ปล่อยตัวปล่อยใจ
ฮาจุนตื่นตกใจแล้วปิดปากเงียบทันควัน ทว่าเสียงฉากต่อสู้ที่มีการใช้อาวุธล้ำสมัยดังกึกก้องออกมาจากทีวีพอดี มูคยอมจึงแค่ลูบหัวที่หนุนอยู่บนตักอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงราวกับไม่ได้ยินเสียงของเขา
ใบหน้าของฮาจุนร้อนวูบวาบขึ้น ความรู้สึกที่รับรู้ขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่มือของมูคยอมปัดผ่านแก้มแล้วแตะลงบนลำคอด้านในอีกครั้ง ฮาจุนก็ทนไม่ไหวแล้วส่ายหน้าโดยที่ตัวสั่น
“ทำไม”
มูคยอมก้มหน้าลงถามอย่างนิ่งเฉย ฮาจุนนอนตะแคงแล้วตอบกลับด้วยร่างแข็งทื่อ
“…จั๊กจี้น่ะ”
ปลายนิ้วที่ถูกรวบไว้บริเวณหน้าอกสั่นระริกอย่างแผ่วเบา มูคยอมหัวเราะแล้วละมือออกจากใบหน้า
“ถ้างั้นลูบตรงอื่นให้ไหม”
ในขณะเดียวกันกับที่พูดอย่างหยอกล้อ มือของอีกฝ่ายก็สอดเข้ามาใต้เสื้อยืดของฮาจุนแล้วไล้เอวเนียนลื่นย้อนขึ้นมา ชายเสื้อยืดถูกรั้งขึ้นไปพร้อมกัน ทำให้ผิวเปลือยเปล่าปรากฏออกมาให้เห็น เมื่อสัมผัสที่ทำให้ขนอ่อนลุกเกรียว กวาดลากไปทั่วทั้งร่าง ‘ฮึก’ เสียงครางก็เล็ดลอดออกมาจากปากของฮาจุนอีกครั้ง คราวนี้มูคยอมคงจะได้ยินอย่างแน่นอน
มูคยอมจับตัวฮาจุนที่นอนหนุนขาของตัวเองให้ลุกขึ้นแทนที่จะพูดอะไร แล้วคราวนี้ก็จับให้นั่งทับบนต้นขาของตัวเองแล้วหันหน้าเข้าหากัน ดวงตาของทั้งสองสบมองกันใกล้เพียงปลายจมูก ใกล้มากเสียจนมองไม่เห็นเงาของกันและกันซึ่งสะท้อนในรูม่านตาภายใต้แสงสลัว
ถ้าเป็นตอนปกติ ฮาจุนคงคล้องแขนรอบลำคอของมูคยอมแล้วมุดใบหน้าลงกับไหล่ของอีกฝ่ายเพื่อเลี่ยงไม่ให้ตัวเองรู้สึกอาย แต่ข้อมือสองข้างที่ถูกยึดไว้อย่างแน่นหนาตรงบริเวณหน้าอก กลับขัดขวางไม่ให้เขาเคลื่อนไหวตามที่เคยชิน กระทั่งจะหลบตาก็ยังทำไม่ได้ และในตอนที่สบตากับมูคยอมอยู่นั้น มือที่สอดเข้ามาใต้เสื้อยืดก็ไต่ขึ้นมาบนผิวทีละนิดแล้วปลายนิ้วก็เฉียดเฉี่ยวยอดอกของเขา
“อ๊ะ…!”
เพียงแวบเดียวเท่านั้น เป็นเพียงสัมผัสในชั่วเวลาสั้นๆ ที่แผ่วเบาและนุ่มนวล
ทว่าความหวามไหวที่พุ่งทะยานขึ้นมาบนแผ่นหลังเป็นเหมือนกับกระแสไฟแรงสูง ฮาจุนไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองที่เริ่มสั่นได้ ทำได้เพียงแค่กำมือที่ถูกมัดเท่านั้น
หนังที่เอามาฉายซ้ำด้านหลังยังคงดำเนินการต่อสู้กันเสียงดัง แต่เสียงหายใจที่กระชั้นขึ้นของคนทั้งสองกลับวนเวียนอยู่ท่ามกลางกันและกันอย่างชัดเจนยิ่งกว่าเสียงเพลงหรือเสียงในหนังเสียอีก
มูคยอมม้วนเสื้อยืดของฮาจุนขึ้นไปหมดตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ จากนั้นก็แตะลิ้นลงมาบนยอดอกที่ปรากฏให้เห็นอย่างแจ่มชัด มูคยอมทำให้คนอื่นกระวนกระวายว่าอีกฝ่ายตั้งใจจะทำเมื่อไรกันแน่ แล้วท่าทีของเขาก็เปลี่ยนแปลงไปในทันทีราวกับกดสวิตช์เปิดปิด ลมหายใจหนักๆ ทำให้ผิวหน้าอกเปลือยเปล่าของฮาจุนร้อนรุ่ม ราวกับภาพลักษณ์นิ่งเฉยจนถึงเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องโกหก
“อื๊อ ฮึ อา…”