Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 165
“ไม่ได้ เดี๋ยวมีใครมาเห็น….”
“ไม่มีใครมาหรอก นายชอบมีอะไรกันข้างนอกนี่นา”
“กระจกมันจะเปื้อน ไม่…ได้…. ที่นี่ไม่ใช่บ้านของพวกเรานะ….”
“ไม่เป็นไรหรอก ตอนจะกลับค่อยให้ทิปผู้ดูแลสักหน่อยก็ได้”
ในระหว่างที่เห็นภาพหลอนนั้น ฮาจุนก็มัวแต่กังวลเพราะกลัวว่าจะต้องได้ทิ้งกางเกงและทำกระจกบ้านคนอื่นเปื้อนเลยอดกลั้นการหลั่งเอาไว้
“จริงๆ แล้ว ก็เพราะนายเป็นแบบนั้น ฮ่าาา ตกใจเลยใช่ไหมล่ะเรื่องสูบยาน่ะ”
“เฮือก! อ๊า อ๊าาา!”
มูคยอมกดฮาจุนเอาไว้ระหว่างกระจกกับตนเอง แล้วกระแทกฮาจุนจากด้านล่างขึ้นด้านบน เมื่อการสอดแทรกเข้าไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ฮาจุนจึงยกปลายเท้าขึ้นในขณะที่ขายังสั่นเพื่อพยายามที่จะลดแรงกดลงมา
มือสีขาวนวลที่ติดอยู่กับหน้าต่างเลื่อนไถลไปกดที่ต้นขาของมูคยอม
มูคยอมหยุดกระแทกเอวแล้วกระซิบเข้าที่ใบหูของฮาจุน
“ฟู่ว… เอามือออกไปครับ โค้ช”
“อึ้ก อื้ออออ…!”
“เอามือออกไปครับ”
มูคยอมมองฮาจุนที่สูดน้ำมูกแล้วยกมือขึ้นเหนือศีรษะอีกครั้งอย่างเงียบๆ แม้ว่าข้อต่อจะปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัด แต่มือขาวนวลที่มีลักษณะรูปร่างที่งดงามก็สั่นเทาและเกาะอยูบนกระจก
ดวงตาที่ไหม้เกรียมจนเป็นสีดำสนิทมองตามอย่างมั่นคง ตัณหาที่อันตรายกำลังมีอิทธิพลกับหัวใจอันเดือดพล่านของเขา
เห็นได้ชัดว่าตัณหานั้นอันตรายยิ่งกว่าสารเสพติดเสียอีก มูคยอมกัดริมฝีปากเบาๆ แล้ววางมือของตนเองไว้บนหลังมือของฮาจุน เขาประทับรอยจูบลงไปที่ใบหูสุกงอมสีแดง
“อ๊ะ อ้าา….”
จุ๊บๆ
ริมฝีปากที่ค่อยๆ จูบคลำใบหูจนมีเสียงเล็กๆ ออกมาลากจูบจนไปถึงติ่งหู เขาจูบต่อไม่หยุด และจูบระหว่างเสื้อที่แหวกแผ่ออกราวกับว่าทิ้งรอยเท้าไว้บนข้างลำคอสีขาวนวล
ด้านในของฮาจุนสั่นอย่างหนักจากการลูบไล้อันอ่อนโยนที่เริ่มอย่างกะทันหันในระหว่างการกระทำที่รุนแรง ทุกครั้งที่ริมฝีปากและมือของมูคยอมลูบไล้ผิวที่เปียกชื้น ผนังด้านในที่กลืนแกนกายจะตอดรัดและโอบพันเอาไว้โดยไม่หยุดพัก มูคยอมจึงควงเอวอย่างช้าๆ จากการกระตุ้นนั้น เสียงต่ำเล็ดลอดผ่านช่องฟันของเขาออกมาราวกับเสียงคำราม และเสียงครางของฮาจุนเปลี่ยนเป็นเสียงสะอึกสะอื้นแสนหวาน
“อะอื้อ ฮึก… อ้าๆ อ๊าา….”
“ฮะ ฮา… ฮาจุน เสียวไหม”
“สะ… อ้าา อื้อ เสียว อ้า เสียววว… เสียวมาก…”
“อ้า… ถ้าเสียวมากมันก็ไม่ใช่บทลงโทษสิ”
ริมฝีปากอันอ่อนนุ่มย้อนกลับไปยังแก้มที่มีน้ำตาไหลรินรดอยู่
“ฮึก ตอนนี้พอได้แล้ว… ไม่รับบทลงโทษแล้ว…” ฮาจุนพูดงึมงำ
มูคยอมระเบิดหัวเราะแล้วเอ่ยออกมาจากคำพูดที่บอกให้พออย่างผิดเวลาริมฝีปากของเขาที่ปัดป่ายไปทั่วแก้มฮาจุนจนส่งเสียงเล็กๆ ออกมาจูบลงไปอย่างรุนแรง
“อ้า โค้ชจะกำหนดว่าจะให้ลงโทษนานแค่ไหนเหรอ นี่ฉันเป็นคนลงโทษนะ”
“จะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว…”
“หมายถึงจะไม่เสพยาเหรอ”
“จะ จะไม่รับของ จะ จากคนแปลกหน้า….”
ในที่สุด รอยยิ้มก็แผ่ไปทั่วใบหน้าของมูคยอมที่ไม่สามารถซ่อนความรู้สึกพึงพอใจของตนเองเอาไว้ได้
“จะไม่หายไปไหนโดยที่ไม่บอกฉันใช่ไหม ฉันเป็นห่วงนะ”
“อื้อ จะไม่ทำอย่างนั้น ขอโทษ ฉันขอโทษ…”
“ฮาจุน นายรักฉันไหม”
“รัก ฮื่อ มันแน่นอนอยู่แล้วนี่นา”
“ฟู่ว… ถ้างั้นพูดว่า ‘มูคยอม ฉันรักนายนะ’ หน่อยสิ”
“อื้อ มูคยอม ฉันรักนายนะ….”
ฮาจุนรู้สึกอย่างรวดเร็วว่าของของมูคยอมที่ถูกฝังเอาข้างในนั้นโป่งขึ้นมาอย่างหนัก ฮาจุนจึงพิงกายไว้ที่ไหล่ของมูคยอมที่กอดตนเองอยู่ แล้วเงยหน้าร้องไห้ออกมา ฮาจุนคว้าข้อมือของมูคยอมที่กอบกุมมือของตนเองที่ชูขึ้นไว้บนผนังกระจก มูคยอมไม่ได้เร่งเร้าให้ชูมือขึ้นอีกต่อไป
แขนอันแข็งแรงที่โอบเอวอยู่เลื่อนขึ้นไปด้านบนแล้วดันนิ้วเข้าปาก เขาทำเหมือนตอนที่มีเซ็กส์กันบนโต๊ะเมื่อครู่ ฮาจุนดูดนิ้วที่ถูเพดานปากและลิ้นของตนเองราวกับว่าไม่อยากให้มันหลุดออกไป
มืออีกข้างที่เหลือจับแกนกายที่ตอนนี้กำลังหลั่งน้ำรักหลังจากที่เสร็จไปแล้วหลายรอบ ทันทีที่มือสัมผัสลงไปกระตุ้นร่างกาย ร่างกายของฮาจุนก็สั่นสะท้านเล็กน้อยราวกับถูกไฟดูด
“เสร็จพร้อมกันนะ”
มูคยอมก้มลงกระซิบด้วยเสียงแผ่วเบาและเร่าร้อนที่ข้างหูอีกครั้ง
จุ๊บ
หลังจากที่จูบเขาก็แหย่ลิ้นเข้าไปในรูหู
“อ๊ะ ฮ๊าา…!”
ร่างกายของฮาจุนบิดเร่าราวกับกำลังจะล้มลงเพราะถูกกระตุ้นไปทั่วร่างกายในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หน้าต่างกระจกด้านหน้าและมูคยอมที่อยู่ด้านหลังก็รองรับเอาไว้อย่างมั่นคง
สิ่งอวบหนาที่เติมเต็มร่างกายเคลื่อนไหวกลับไปกลับมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง กระแทกเน้นย้ำไปยังจุดที่เสียวที่สุด และยังเข้าไปจนถึงปุ่มกระสันคับแคบที่ซ่อนอยู่ลึกเข้าไปในร่างกายของฮาจุนอย่างไม่ลังเล ก่อนที่การสั่นสะท้านที่ทำให้ร่างกายรู้สึกชาสงบลงไปนั้น เขาก็กระแทกสอดใส่เข้าไปอีกครั้ง
ผนังด้านในที่ไวต่อความรู้สึกมากเกินไปใกล้กับต่อมลูกหมากบวมถูกบดขยี้และควานออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ดูเหมือนจะเป็นลมแค่โดนกระแทกด้านหลังตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว แต่ร่างกายของฮาจุนร้อนรุ่มราวกับว่ามันกำลังระเหยลงไปกับพื้นเมื่อเขาใช้ฝ่ามือจับแกนกายที่เปียกชื้นแล้วลูบที่ส่วนหัว
ทุกครั้งที่นิ้วที่อยู่ในปากล้วงเข้าไปในลิ้นและเยื่อเมือกลึก น้ำลายก็ไหลหยดติ๋งๆ หัวก็มึนงงด้วยความเสียวซ่าน แม้แต่ปลายลิ้นที่แหย่เข้าไปแล้วเลียรูหู ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะฮาจุนจะทนไหว
“อ๊า…! ฮื่ออ! อื้ออ…!”
ฮาจุนคงกลัวว่าจะเผลอไปกัดนิ้วของมูคยอมจึงไม่สามารถออกแรงที่กรามหรือหุบปากได้เลย ฮาจุนวางศีรษะลงบนไหล่ของมูคยอมแล้วส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างยอมรับสภาพ ร่างกายทั้งตัวนั้นสุกงอมจนยากที่จะแยกแยะความแตกต่างระหว่างความรู้สึกนี้กับความรู้สึกนั้น ฮาจุนรู้สึกว่าราวกับกำลังถูกหลอกล่อจากคิมมูคยอมหลายคน
ร่างกายของฮาจุนกระตุกราวกับเป็นลมชัก รูที่เขมือบกินแกนกายตอดรัดอย่างแนบแน่นและดูดดึงไปมา ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่จบลงโดยสิ้นเชิง ขณะที่ตะเกียกตะกายเพื่อความสุขสมที่เปรียบเหมือนหนองน้ำที่สร้างจากน้ำผึ้ง ท่อนเสาที่ฝังลึกลงไปช่องทางด้านในก็เต้นเป็นจังหวะ
“อู้ว อือ อื้ออออ! อ๊ะ อึ้ก!”
“ฮ่า อ้า อื้ออ!”
เสียงลมหายใจและเสียงครวญครางของมูคยอมดังก้องอยู่ในหู ฮาจุนที่แทบทนไม่ไหวเพราะถูกความร้อนเปียกชื้นจากข้างในที่ซึมแพร่กระจายจนทำให้ละลายลงไปอย่างเสร็จสมบูรณ์ ขนลุกเกรียวเมื่อของเหลวที่ฉีดเข้าไปในร่างกายร้อนราวกับเหล็กหลอมเหลว แก้มเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา นอกเหนือจากความรู้สึกของการหลั่งน้ำอสุจิ ความรู้สึกที่รุนแรงของการถ่ายปัสสาวะก็เคล้าเข้ามาอย่างรวดเร็วในท้องน้อย
ในขณะเดียวกัน ดอกไม้หลากสีสันที่โบยบินอยู่เหนือกระจกใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนก็ค่อยๆ พองตัวขึ้น กลีบดอกไม้บานสะพรั่งอย่างเต็มที่ จากนั้นก็ระเบิดแตกกระจายดังปังๆ ราวกับประทัด ทัศนวิสัยที่พร่ามัวจากน้ำตาเต็มไปด้วยกลีบดอกไม้ ฮาจุนเบิกตากว้างตกอยู่ในสภาพงวยงงไร้สติ
มันเป็นทิวทัศน์ดังภาพฝัน
“ฮึก อื้ออออ…!”
จุดสุดยอดและแสงระเรื่อระยิบระยับราวกับสีของกลีบดอกไม้ที่แต่งแต้มท้องฟ้านั้นกระทบลงมาปกคลุมไปทั้งตัว
ฮาจุนที่ตัวสั่นพร้อมกับส่งเสียงครางออกมาเป็นเวลานานทรุดตัวลงทันที หมดแรงตั้งแต่หัวจรดเท้า แขนแข็งแรงของมูคยอมรองรับร่างกายที่กำลังทรุดลงไป
น้ำใสหยดกระเซ็นและไหลออกมาจากแกนกายที่หมดแรงลงมาตามต้นขา ปกติแล้วฮาจุนจะต้องรู้สึกเขินอายกับอะไรแบบนี้ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายไม่มีสติเหลือพอที่จะทำแบบนั้นแล้ว เปลือกตาสีขาวที่มองลงมายังด้านล่างของตนเองสั่นสะท้านราวกับถูกลมพัดแล้วก็ปิดเปลือกตาลงไปทั้งอย่างนั้น
* * *
เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบว่าอยู่บนโซฟายาว
ฮาจุนที่นอนบนเบาะที่มีงานปักอันหรูหราและอ่อนนุ่มไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ในทันที จึงได้แต่จ้องมองไปด้านหน้าอย่างเหม่อลอย
เขาเคยเข้าไปในห้องหลายห้องในบ้านของมูคยอมและเรือนกระจกที่อยู่ในสวนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ทิวทัศน์ที่มองเห็นตอนนี้มันเป็นอะไรที่แปลกตามาก ทั้งแจกันดอกไม้แบบโบราณ โต๊ะ โซฟา หรือแม้กระทั่งหมอนอิงซึ่งไม่ใช่รสนิยมของมูคยอม
เรื่องมันเป็นมาอย่างไรกันนะ ขณะที่ค่อยๆ นึกย้อนกลับไปอย่างช้าๆ คำว่า ‘งานปาร์ตี้’ ก็ผุดขึ้นมาทันที เรื่องก็คือ เขามางานปาร์ตี้กับมูคยอม
เมื่อนึกไปถึงจุดนั้น เขารู้สึกแปลกๆ ขณะที่ฮาจุนลุกพรวดพราดขึ้นมา สะโพกเขากลับไร้เรี่ยวแรง เขาจึงใช้ศอกค้ำยันไว้แล้วนอนคว่ำแบบเอียงๆ
ตอนนั้นเองที่ฮาจุนสังเกตเห็นว่าแขนที่ไร้อาภรณ์นุ่งห่มของเขาเผยให้เห็นผิวเปลือยเปล่า สิ่งที่ปกคลุมร่างกายของเขาคือผ้าห่มนุ่ม ไม่ใช่ชุดทักซิโด้ที่
มูคยอมเป็นคนซื้อให้ เขารู้สึกกลัวขึ้นมาโดยทันที ทำไมถึงได้ถอดชุดล่ะ ฮาจุนดึงผ้าห่มขึ้นไปไว้ที่ไหล่และกลั้นหายใจ
“หืม ตื่นแล้วเหรอ”
ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มที่เปิดประตูเข้ามาก็มองฮาจุน แล้วก็พูดอย่างไม่ตกใจอะไร
ทันทีที่เห็นใบหน้ามูคยอม เขาก็โล่งใจและผ่อนคลายราวกับว่าได้นวดให้กับร่างกายที่ตึงเครียด
“นายไปไหนมา” ฮาจุนเอ่ยถามโดยไม่สามารถซ่อนความยินดีไว้ได้
“ฉันออกไปยืมอะไรบางอย่างที่ด้านหน้านู้นมาน่ะ นอนต่อเถอะ ฉันคิดว่าถ้ากลับไปนอนพักที่โรงแรมเลยก็น่าจะดีกว่านะ”
ฮาจุนมองของที่อยู่ในมือของมูคยอม ตอนนี้มูคยอมใส่ชุดสำหรับงานปาร์ตี้และกำลังถือของที่ไม่เข้ากับอีกฝ่ายมากที่สุด
ฮาจุนมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้ามึนงง แล้วก้มหน้าลงตรวจสอบสภาพของตนเองและถามอย่างระมัดระวังด้วยน้ำเสียงกังวลเล็กน้อย
“คือฉัน… เมาเหล้าแล้วก็อ้วกใช่ไหม…”
“นายไม่ได้ดื่มเหล้าเยอะนี่”
“ก็… มันดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นน่ะ ฉันสงสัยว่าภาพมันตัดหรือเปล่าน่ะสิ…”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะไม่คิดแบบนั้น แต่หลังจากเจอประสบการณ์ที่ภาพตัดเพราะดื่มมากจนเกินไป เขาจึงรู้สึกสงสัยในตัวเอง ฮาจุนคลุมร่างกายอันเปลือยเปล่าราวกับเสื้อคลุมด้วยผ้าห่มสีไวน์แล้วลุกขึ้นจากโซฟา
สวมรองเท้าเสร็จแล้วก็เดินหามูคยอม คิมมูคยอมที่ทั้งเท่และเซ็กซี่ราวกับสายลับไปเอาผ้าขี้ริ้วผืนใหม่มาจากที่ไหนสักที่ ผ้าขี้ริ้วผืนนั้นเปียกชื้น อีกฝ่ายจึงม้วนแขนเสื้อขึ้นมาจนถึงข้อศอกแล้วนำผ้าขี้ริ้วไปเช็ดโต๊ะ
“คิมมูคยอม เดี๋ยวฉันทำเอง” ฮาจุนห้ามปรามอีกฝ่ายอย่างเร่งร้อน
“บอกว่าจะทำแล้วรู้ไหมว่ามันคืออะไร”
“ฉันคงเป็นคนทำสินะ…”
จากคำพูดนั้นทำให้มูคยอมหัวเราะคิกคักออกมา
“ถ้าจะให้พูดตรงๆ นะ นายก็เห็นนี่นา ว่าฉันทำอยู่ นายไปพักเถอะ”
หลังจากพูดอย่างนั้น มูคยอมก็หยุดครู่หนึ่งแล้วมองขึ้นไปที่ฮาจุนอีกครั้ง
“จำไม่ได้เหรอว่าเกิดอะไรขึ้น”
“…จำได้ว่าออกไปรับลมที่ระเบียง”
“แล้วที่เห็นสายรุ้งล่ะ”
“สายรุ้งเหรอ”
ฮาจุนขมวดคิ้วพลางเอียงคอ เขากลอกตาราวกับจะเค้นเอาความทรงจำออกมา แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นไปได้ยาก มูคยอมเด้งตัวขึ้นมา
“นายจำสายรุ้งไม่ได้เหรอ ที่นายบอกว่าดอกไม้มันเป็นประกายแล้วลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าน่ะ”
“หืม ฉันเนี่ยนะ… สงสัยคงจะเมา”
“อะไรเนี่ย นายลืมแล้วเหรอ แม้ว่ามันจะเป็นของปลอม แต่ฉันว่ามันน่าจะเจ๋งออก เสียดายจัง!”
มูคยอมที่ถอนหายใจและบ่นราวกับว่าสำหรับฮาจุนแล้วมันน่าเศร้าใจเสียยิ่งกว่าอีก เดินมุ่งหน้าไปยังผนังกระจก จากนั้นก็คุกเข่าลงนั่งเริ่มเช็ดกระจก
“อย่างที่คิดเอาไว้เลย ยาหมดฤทธิ์แล้ว”
“ยาเหรอ”
“จำได้ไหมว่ารับบุหรี่มาสูบ”
“อื้อ”
“อันนั้นมันไม่ใช่บุหรี่นะ นายสูบกัญชา”
มูคยอมพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ดวงตาของฮาจุนนั้นเบิกกว้างราวกับว่ามันกำลังจะถลนออกมา ฮาจุนที่ขมวดคิ้วสามารถตอบกลับไปได้อีกครั้งหลังจากที่เขาสงบสติอารมณ์ลงครู่หนึ่ง
“ฉันพูดไม่ออกเลย… มิน่าล่ะ รสชาติมันถึงได้ต่างออกไปนิดหน่อย”
“นายลืมไปหมดเลยแฮะ เรามีอะไรกันในห้องเรือนกระจก แล้วนายก็สัญญาว่าจะไม่รับอะไรจากคนแปลกหน้ามาดูดอีก”
“เรามีอะไรกันที่นี่เหรอ!”
คราวนี้ เสียงของฮาจุนสูงขึ้นมาราวกับตกใจ คงเมาจนอ้วกออกมาแล้วก็ถอดเสื้อผ้าแหละ คงไม่ได้หมายถึงมีอะไรกัน…ในสวนของคฤหาสน์ที่จัดงานปาร์ตี้หรอก
แต่พอฟังดูแล้ว ความอ่อนล้าของร่างกายหรือความรู้สึกแน่นๆ ที่คั่งค้างอยู่ที่ท้องน้อยหรือก้นนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากมีอะไรกัน มันต่างจากอาการเมาค้างโดยสิ้นเชิง
บ้าไปแล้ว ใบหน้าร้อนผ่าว ความคิดของเขาไหลไปตามการกระทำของมูคยอมที่ตอนนี้กำลังเสยผมม้าที่เคยถูกเซตไว้จนคลายออกแล้วไปด้านหลังศีรษะ
ลำคอแน่นขนัดเพราะเขินอาย และในขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บคอเหมือนกับว่าต่อมทอนซิลบวม
“คิมมูคยอม ฉันไม่แน่ใจว่า…”
“หืม”
“คือฉันไม่แน่ใจว่า…”
‘ฉันฉี่ราดอีกแล้วเหรอ’
ฮาจุนไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคำพูดนั้นออกไปจากปาก เขาจึงได้แต่กลืนน้ำลายแห้งอยู่อย่างนั้น แต่มันก็เห็นได้ชัดโดยไม่ต้องถามออกไปเสียด้วยซ้ำ เขานึกไม่ออกแล้ว มันไม่มีเรื่องอะไรที่จะเช็ดถูตรงนั้นด้วยซ้ำหลังจากที่มีเซ็กส์
ไม่ใช่ว่านอนบนโซฟา แต่อยากโดนกดบนโซฟาต่างหาก เมื่อฮาจุนพยายามจะแย่งผ้าขี้ริ้ว มูคยอมก็ชูแขนขึ้นให้ไกลๆ และหลบหลีกอย่างรวดเร็ว
“เอามานี่ ฉันบอกว่าจะทำเองยังไงละ”
“เพิ่งตื่นก็มาบังคับขืนใจกันเลยแฮะ ไปพักเถอะ ร่างกายของนายไม่เป็นอะไรใช่ไหม”
“…อื้อ”
หลังจากที่ใช้ผ้าขี้ริ้วเปียกน้ำถูเสร็จแล้ว ครั้งนี้มูคยอมก็เช็ดกระจกด้วยผ้าแห้ง เขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากที่ท่าทางที่ดูเหมือนว่าจะไม่เข้ากับชุดสูทเท่ๆ นั้น กลับเข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด
แล้วสรุปว่าไปทำอะไรกันแน่ถึงได้เปื้อนไปถึงกระจกขนาดนั้นน่ะ
ฮาจุนทำหน้ามุ่ย แต่มูคยอมกลับอธิบายแบบไม่รู้สึกอะไร
“ปกติแล้วไม่ต้องทำเองก็ได้ ถ้าหากให้ทิปคนดูแล เขาก็จะทำความสะอาดให้อยู่หรอกนะ แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้มันเป็นร่องรอยที่นายทิ้งไว้นี่นา ถ้าเป็นผ้าปูเตียงก็คงพอรับได้ แต่พอเป็นอะไรแบบนี้ฉันเลยไม่อยากเหลือไว้โชว์ให้คนอื่นเห็นน่ะ”
เนื่องจากสถานที่นั้นมันพิเศษ ร่องรอยที่หลงเหลืออยู่จึงปรากฏอย่างโทนโท่อยู่หลายแห่ง ฮาจุนคลุมผ้าห่มและยืนราวกับกระสอบข้าวบาร์เลย์ที่ยืมมาแล้ววางไว้เฝ้ามองมูคยอมทำความสะอาด ถ้าต้องทำความสะอาดขนาดนั้น
มูคยอมก็คงจะทำอะไรไปแล้วหลายอย่างแล้ว อีกทั้งร่างกายของเขาก็สะอาดไม่มีส่วนที่สกปรกเลย เห็นได้ชัดเลยว่ามูคยอมเอาผ้าเช็ดตัวที่เปียกแล้วมาเช็ดตัวให้เขาก่อน เพราะว่าที่นี่ไม่มีห้องน้ำแยกออกมาต่างหาก
“ขอบคุณนะ…”
ด้วยคำพูดเหล่านั้น มูคยอมที่กำลังล้างมือหลังจากเช็ดหน้าต่างเสร็จแล้วก็หัวเราะราวกับเด็กซุกซน
“ถ้าจำเรื่องที่เกิดขึ้นที่เพิ่งได้ นายคงจะไม่ขอบคุณฉันหรอก เพราะว่าฉัน สนุก-มาก-เลย อย่างไรละ”
มีตอนที่ไม่สนุกด้วยเหรอ…
ฮาจุนไม่พูดความคิดของเขาออกมา
มันเป็นเรื่องน่าตกใจที่รู้ว่าบุหรี่ที่เขาสูบจากคนแปลกหน้าเป็นสารเสพติด
ดังนั้นเขาจึงไม่มีอารมณ์จะบ่นมูคยอมในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
สุดท้าย ฮาจุนก็นั่งลงบนโซฟาตามที่โดนบังคับ เขานั่งชันเข่าด้วยความรู้สึกเขินอายแล้ววางคางไว้บนเข่าของตนเอง มูคยอมที่ทำความสะอาดเสร็จแล้วก็มานั่งลงข้างๆ
“รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม ปวดหัว หรือปวดท้องหรือเปล่า”
“อื้อ ไม่เป็นอะไรเลย”
“ถึงอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็ให้คุณหมอตรวจสักหน่อยเถอะ”
ไม่มีแม้กระทั่งอาการเมาค้างใดๆ เลย เขาปกติดีจนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองเมายา มูคยอมที่จัดผมให้ฮาจุนดูอ่อนเพลียเล็กน้อย