Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 168
วันแห่งการแข่งขันที่ฮาจุนไม่สามารถนั่งลงบนม้านั่งได้มาถึงแล้ว
การแข่งขันจะเริ่มตอนหนึ่งทุ่ม ฮาจุนยืนจิบเบียร์คนเดียวที่โต๊ะใกล้ทางเข้าในบาร์ยืนละแวกสนามเหย้ารอคู่นัด
ก่อนการแข่งขันนัดแรกในฤดูกาล ถนนเต็มไปด้วยผู้คนแน่นขนัดมากกว่าปกติ ไม่นานใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นท่ามกลางฝูงชน อีกฝ่ายยกมือขึ้นโบกทักทายไปมา ฮาจุนเองก็โบกมือด้วยเช่นกัน
“จุน! ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“สบายดีไหม”
“ฉันยุ่งมากเพราะมัวแต่ทำงานน่ะสิ นายล่ะ”
ฮาจุนก็เข้าเรียนในสถาบันการศึกษาและอู่เฉินก็หางานทำ ต่างคนต่างยุ่งกันมาก ในช่วงครึ่งปีแรก ทั้งคู่ไปโรงเรียนสอนภาษาและเจอกันทุกวัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบกันหลังฤดูร้อน ระหว่างที่แลกเปลี่ยนเรื่องความเป็นไปในช่วงนี้ อู่เฉินก็ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับคร่ำครวญ
“ฉันอิจฉานายที่สุดในโลกเลย! ทำงานกับกรีนฟอร์ดนี่ เจอพวกนักเตะทุกวันเลยไม่ใช่เหรอ”
“พอได้เจอกันทุกวัน พวกเขาก็แค่คนในที่ทำงานแหละน่า”
“ช่วงนี้นายก็ดังระเบิดไปเลยนะ ยังอยู่กับคิมเหมือนเดิมใช่ไหม”
“อื้อ”
“วันนี้ฉันขอถ่ายรูปกับคิมสักรูปได้ไหม นายขอให้หน่อยสิ ฉันรู้สึกขอบคุณมากเลยสำหรับลายเซ็นที่ได้เมื่อครั้งที่แล้ว แต่พอได้ลายเซ็นแล้วมันก็โลภอยากถ่ายรูปด้วยน่ะ”
ฮาจุนกลอกตา เขาบอกกับมูคยอมแค่ว่า จะมาดูการแข่งขันกับอู่เฉิน แต่ไม่ได้ขอถ่ายรูปด้วยล่วงหน้า
แต่ฮาจุนก็เป็นสต๊าฟของกรีนฟอร์ด เพราะว่าเขาได้ใบแดง ดังนั้นวันนี้จึงไม่สามารถนั่งบนม้านั่งได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถเข้าออกห้องพักได้อย่างอิสระ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ฮาจุน แต่ครอบครัวและเพื่อนๆ ของสต๊าฟก็มักจะใช้ประโยชน์จากเส้นสายเพื่อขอลายเซ็น ถ่ายรูปกับนักเตะ หรือแม้กระทั่งได้รับชุดยูนิฟอร์มของทีมด้วย
“เอาสิ หลังจากจบการแข่งขันก็น่าจะพอมีเวลาอยู่”
“จุน รักนะ! พูดจริงใช่ไหม ฉันโชคดีมากที่ได้มาเจอนายที่อังกฤษ!”
“ถ้าการแข่งขันเป็นไปได้ด้วยดี ก็คงโอเค แต่ถ้าการแข่งขันมันแย่ล่ะก็ พวกเขาก็คงจะอ่อนไหวกันน่ะ”
“สงสัยวันนี้ฉันคงต้องสวดภาวนาให้ชนะแล้วสินะ ขอให้คิมทำแฮตทริกได้!”
ทั้งสองเทเบียร์ที่สั่งไว้และเตรียมตัวเข้าสู่สนามแข่งขัน เมื่อเข้าใกล้สนามแข่งบรรยากาศที่สัมผัสได้ก็เริ่มร้อนระอุแล้ว
ครั้งแรกที่มาถึงลอนดอน ก่อนที่จะเหยียบที่กรีนฟอร์ด ฮาจุนได้ดูการแข่งขันอยู่บนอัฒจันทร์ด้วย มูคยอมเสนอให้จองที่นั่งวีไอพีที่เตรียมไว้สำหรับสต๊าฟของสโมสรและคนรู้จักของนักเตะ แต่เขาต้องการที่จะแช่ตัวเองอยู่ในความร้อนระอุของคนธรรมดา ดังนั้นเขาจึงนั่งในกลุ่มผู้ชมทั่วไป
มันก็นานมาแล้วที่เขาไม่ได้ดูกรีนฟอร์ดเล่นในฐานะผู้ชม ขณะที่นั่งลง ก็เห็นบรรดานักเตะกำลังอุ่นเครื่องกันอยู่ บรรดานักเตะที่วิ่งระยะสั้นบนสนามหญ้าหรือรับส่งลูกบอลกันในชุดฝึกซ้อมนั้นดูไร้เดียงสา มูคยอมยังคงซ้อมส่งบอลกับนักเตะคนอื่นเพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งขัน
ในขณะที่มองลงไปยังบรรดานักเตะด้วยรอยยิ้ม ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าตนเองกำลังถูกจ้องมองจึงหันหน้าไป ผู้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังจ้องมองฮาจุนอยู่ เมื่อสบตากัน พวกเขายิ้มอย่างเขินอายและเริ่มพูด
“มิสเตอร์ลี ใช่ไหมครับ โค้ชของกรีนฟอร์ด”
“เอ่อ…ใช่ครับ”
“ขอถ่ายรูปด้วยได้ไหมครับ”
ฮาจุนลังเลว่าจะตอบไปว่าได้หรือไม่ได้ดี เมื่อไม่ได้ตอบไปในทันที พวกเขาจึงคิดว่ามันเป็นการปฏิเสธ พวกเขาขอโทษที่เสียมารยาทและละสายตาไปจากฮาจุน
ฮาจุนถอนหายใจด้วยความตกใจและมองไปยังด้านหน้า ยิ่งทีมดังมากเท่าไร สต๊าฟก็จะยิ่งได้รับความสนใจจากสาธารณชนได้ง่ายขึ้นเท่านั้น เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่คาดคิด สักพักหนึ่ง เขาจึงตระหนักได้ว่าตนเองกำลังนั่งชมการแข่งขันบนอัฒจันทร์สำหรับผู้ชมทั่วไปอยู่
ก่อนเริ่มการแข่งขัน กองเชียร์ก็ยังคงร้อนแรง สมกับเป็นคู่แข่งระดับภูมิภาค ที่นั่งของผู้สนับสนุนจึงยุ่งวุ่นวายเหมือนกับเตรียมผู้ดูแลอารักขาเอาไว้
นักเตะที่เปลี่ยนชุดเสร็จแล้วได้เข้าไปในสนามและยืนต่อแถวกันอยู่ วันนี้เป็นการแข่งขันครั้งที่ 5 ซึ่งแข่งกับทีมฟินส์เบอรี ความตึงเครียดที่คมชัดระหว่างนักเตะแพร่กระจายจนสัมผัสได้ถึงบนอัฒจันทร์
การแข่งขันเริ่มต้นด้วยการส่งลูกบอลระยะสั้นครั้งแรก ลูกบอลย้ายจากนักเตะคนหนึ่งไปยังนักเตะอีกคนอย่างรวดเร็ว เป็นการส่งต่อที่สั้นและรวดเร็วเพื่อไม่ให้สูญเสียความเป็นฝ่ายนำ
แต่ฟินส์เบอรีไม่ปล่อยให้นักเตะของกรีนฟอร์ดรับส่งบอลกันเอง พวกเขารีบเร่งในชั่วขณะราวกับสัตว์ป่าที่พยายามจะตะครุบเหยื่อ และทีมที่ครอบครองลูกบอลก็สลับเปลี่ยนกันไปเรื่อยๆ ขณะที่ลูกบอลหมุนไปตรงกลาง รัศมีของการจ่ายบอลก็ค่อยๆ ยาวขึ้นเรื่อยๆ และทันทีที่กองกลางของกรีนฟอร์ดครอบครองลูกบอลได้ คราวนี้จึงได้ลองพยายามส่งต่อไปยังฝ่ายบุก
หลังจากส่งลูกบอลต่อไม่กี่ครั้ง ลูกบอลก็ถูกส่งต่อให้กับมูคยอม มูคยอมคิดว่าตำแหน่งของตนเองพอเหมาะพอดี จึงได้พยายามยิงทันทีโดยไม่ต้องส่งต่อหรือเดินหน้าต่อไป ลูกบอลลอยไปอย่างรวดเร็วแต่ก็เด้งกลับออกมาหลังจากเตะโดนเสาประตู เสียงตะโกนที่น่าเสียดายครอบคลุมทั้งสนามแข่งขัน อู่เฉินลุกพรวดจากที่นั่งด้วยความรู้สึกเสียดาย
“ถ้ายิงเข้านะ คงเท่ระเบิดไปเลย! คิมมีเซนส์การยิงประตูที่สุดยอดมาก เพราะไม่ว่าจะยิงจากตรงไหนก็เข้าอยู่ดี”
“ถูกเผง นี่มันความสามารถพิเศษสินะ”
“เขาสามารถยิงเข้าจากที่ที่คิดว่าไม่น่าจะเข้าประตูได้ ช่างเกิดมาเป็นกองหน้าจริงๆ มันเป็นสัญชาตญาณ ท่าทางตอนอยู่บนสนามของเขาดูเหมือนสัตว์ร้ายเลย”
“ดูเหมือนแบบนั้นเหรอ อย่างไรก็ตาม จุดแข็งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคิมมูคยอมก็คือเขาไม่ได้พึ่งพาแค่ความรู้สึกเพียงอย่างเดียว ดูจากเมื่อกี้สิ ลูกบอลยังคงหมุนอยู่ฝั่งนั้น แต่เขาคาดการณ์ล่วงหน้าแล้วว่าลูกบอลจะมาตรงไหนและก็ไปรออยู่ตรงนั้นแล้ว การเลือกตำแหน่งให้ได้ดีต้องมีความฉลาดในการเล่นฟุตบอล มันเป็นความจริงที่ว่าเขาสามารถทำประตูได้ดีจากทุกที่ แต่มันมักจะเป็นผลลัพธ์จากการคำนวณ นั่นเป็นเรื่องที่เจ๋งมากๆ เลยละ”
คนที่ได้รับคำชมคือคิมมูคยอม แต่ฮาจุนพูดยาวราวกับโอ้อวดเรื่องของตนเอง เวลาดูการแข่งขันบนม้านั่ง สต๊าฟก็มักจะชื่นชมหรือทึ่งกับนักเตะด้วยกัน แต่ก็แทบจะไม่มีโอกาสได้เอ่ยชมกันถึงระดับนี้เลย
แม้ว่าจะเป็นแฟนคลับของคิมมูคยอมมานาน แต่เนื่องจากเป็นนักเตะเหมือนกัน ฮาจุนจึงไม่ค่อยได้พูดคุยเรื่องเกี่ยวกับมูคยอมกับคนอื่นๆ มากนัก อย่างน้อยที่สุด เขาสงสัยว่าตอนที่เขาสามารถแสดงความรักได้อย่างอิสระก็น่าจะเป็นตอนที่ได้พูดคุยกับน้องๆ ละมั้ง
มันอาจจะเป็นการเข้าใจตัวเองมากเกินไป เมื่อก่อนเขากลัวว่าถ้าเขาเปิดเผยว่าเป็นแฟนคลับจนมากเกินไป คนอื่นคงจะจับสังเกตจนเห็นความรู้สึก หรือมันอาจจะเข้าหูมูคยอมและเกิดความเข้าใจผิดได้
ขณะที่พูดคุยกับอู่เฉิน ฮาจุนรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษเมื่อได้ชมการแข่งขันในวันนี้ การแข่งขันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เสียงเชียร์และเสียงห้ามก็ล้นทะลักสนามแข่ง
“คิมๆ ครั้งนี้เขาบอกว่าจะพาพวกเราไป เขาบอกว่าจะพาไปที่ที่มีถ้วยรางวัล นั่นคือที่สำหรับคุณต่างหาก”
“คิมๆ กลับประเทศของคุณไปซะ หนังสือเดินทางของคุณกำลังรออยู่ในลิ้นชัก ประเทศอังกฤษไม่ต้องการคุณ”
ในช่วงครึ่งแรกประมาณ 30 นาที เมื่อเสียงของฝูงชนเพิ่มสูงขึ้น ลูกบอลก็เข้าไปใกล้ประตูของฝั่งฟินส์เบอรีแต่ถูกสกัดกั้นไว้โดยแนวรับ นักเตะที่บุกไปข้างหน้าส่งบอลกลับไปยังแดนกลาง ลูกบอลที่เตะผ่านเท้าของทางกรีนฟอร์ดหมุนกลับไปแถวๆ เส้นกลางสนาม และมันก็ลอยไปไกลอีกครั้งหนึ่งในภาพเส้นโค้งจากการส่งลูกสูง และทันใดนั้น เสียงเชียร์ของผู้คนก็สั่นสะเทือนสนามแข่งขัน
“ว้าว!”
อู่เฉินตะโกนออกมาเสียงดัง ฮาจุนเองก็กลืนลมหายใจเข้าไปด้วยเช่นกัน
เผลอแป๊บเดียว มูคยอมก็รับลูกบอลที่กลิ้งมาใกล้เส้น เตะมันขึ้น แล้วหลังจากพักลูกบอลไว้ที่อก ก็เตะมันขึ้นไปในอากาศอย่างแรงด้วยการเตะลูกวอลเลย์
มองจากระยะไกล ลูกบอลลอยข้ามศีรษะของนักเตะจำนวนมากที่ยืนอยู่ข้างหน้าและตกลงสู่ประตูอย่างราบรื่น
แม้ว่าจะยังอยู่ในช่วงต้นฤดูกาล แต่ก็เป็นการทำประตูที่ยอดเยี่ยมที่จะได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นผลงานที่ดีที่สุดของฤดูกาลได้เลยในอนาคต ผู้ชมดุเดือดขึ้นราวกับเบ้าหลอม ฮาจุนกอดไหล่ของอู่เฉินและร้องตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว
ในขณะที่สนามกีฬาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น มูคยอมก็วิ่งไปยังทิศทางที่นั่งของฮาจุน นักเตะที่กำลังตื่นเต้นดีใจก็วิ่งตามมูคยอมไป
วันที่ฮาจุนเดินทางมาถึงลอนดอนเพื่อดูการแข่งขันของกรีนฟอร์ดครั้งแรกจากที่นั่งผู้ชมบนอัฒจันทร์ มูคยอมก็ทำประตูและวิ่งมายังทิศทางที่เขาอยู่แล้วยกแขนขึ้นมาทำเป็นรูปหัวใจขนาดใหญ่ มูคยอมกำลังวิ่งมาพร้อมกับยิ้มกว้างบอกใบ้เป็นลางเช่นนั้น ‘เห็นไหมโค้ชอี’ ฮาจุนมองไปยังอีกฝ่ายอย่างมีความสุข ราวกับว่าเขาได้ยินเสียงของมูคยอมพูดออกมาแบบนั้น ถึงจะไม่ได้ทำรูปหัวใจให้แต่ก็คิดว่าแค่โบกมือก็ได้เหมือนกัน
เขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าพวกเราทั้งคู่สบตากัน ฮาจุนนั่งที่นั่งที่ค่อนข้างอยู่ตรงที่นั่งด้านหน้าของอัฒจันทร์ และสนามเหย้าของกรีนฟอร์ดก็อยู่ไม่ไกลจากอัฒจันทร์และสนามมากนัก
มูคยอมที่กำลังวิ่งมาพร้อมกับเสียงหัวเราะดังกึกก้องเข้ามาใกล้อัฒจันทร์ผู้ชมและหยุดชะงัก รอยยิ้มหายจากใบหน้าของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของนักเตะที่ทำประตูได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งยากที่จะทำได้ถึงสองประตูในฤดูกาลนี้ดูแข็งกร้าวเกินไป
แต่มันก็เป็นเช่นนั้นเพียงครู่เดียว และในไม่ช้า มูคยอมก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง มูคยอมชูกำปั้นออกไปยังอัฒจันทร์แล้วนำกำปั้นนั้นกลับมาทุบที่ตราสัญลักษณ์บนหน้าอกซ้ายสองครั้ง เสียงโห่ร้องของผู้คนดังขึ้นราวกับฟ้าแลบเมื่อมูคยอมแสดงถึงความจงรักภักดีต่อทีม
“ว้าว ให้ตายเถอะ! คิมนี่มัน นี่มันสุดยอดไปเลย! คนเราจะสมบูรณ์แบบขนาดนั้นได้ด้วยเหรอ”
อู่เฉินตื่นเต้นและคว้าไหล่ของฮาจุนมาเขย่าอย่างแรง
ถูกเผง นายพูดถูกแล้ว ขณะที่ฮาจุนตอบ เขารู้สึกได้ว่าที่มุมหัวใจมันดังเอี๊ยดเบาๆ
อย่างไรก็ตามเกมการแข่งขันยังคงดำเนินต่อไป และด้วยความร้อนแรงที่พุ่งออกมาจากทั้งสองฝั่งของสนามและจากอัฒจันทร์ผู้ชม ความขัดแย้งชั่วขณะนั้นก็ถูกลืมไปทันที
การแข่งขันรอบแรกของฤดูกาลจบลงด้วยชัยชนะของกรีนฟอร์ด หลังจากทำประตูแรกสำเร็จมูคยอมก็ไม่ได้เกียจคร้าน ซ้ำยังวิ่งเหมือนรถถังและทำแต้มได้อีกหนึ่งประตู แน่นอนว่าอีกฝ่ายเป็นผู้เล่นที่มีค่ามากที่สุดของวันนี้
หลังจากจบการแข่งขัน ผู้คนไม่ได้ลุกจากที่นั่งทันที แต่ไปถ่ายรูปและร้องเพลงกัน
ฮาจุนและอู่เฉินเก็บกวาดที่นั่งและลุกขึ้น หลังจากอู่เฉินได้ชมการแข่งขันอันยอดเยี่ยมด้วยตนเอง ดูเหมือนว่าความตื่นเต้นจะไม่ลดลงเลย
“จุน ฉันไปเจอบรรดานักเตะได้จริงๆ ใช่ไหม”
“ได้สิ วันนี้จบการแข่งขันได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
“ว้าว มีเพื่อนดีเป็นศรีแก่ตัวสินะเนี่ย”
ฮาจุนและอู่เฉินเดินลงจากอัฒจันทร์และมุ่งหน้าไปยังนั่งบนม้านั่งที่ไม่สามารถนั่งได้ก่อนหน้านี้ นักเตะเกือบทั้งหมดเข้าไปในห้องแต่งตัว เหลือเพียงไม่กี่คนเท่านั้น นักเตะที่กำลังดื่มน้ำนั้นยิ้มและเอ่ยคำพูดออกมา ฮาจุนและนักเตะคนนั้นชกหมัดกันเบาๆ แล้วพูดคุยกัน
“หนุ่มบึกบึน วันนี้คุ้มค่าที่มาดูการแข่งขันไหม”
“ดูจากอัฒจันทร์ก็แปลกใหม่ดีนะ”
“แล้วคนนั้นใคร”
“เพื่อนน่ะ”
อู่เฉินที่จ้องมองไปยังนักเตะชื่อดังที่อยู่ต่อหน้าต่อตาเฉียดปลายจมูกไปนิดเดียวได้สติหลุดลอยไปแล้ว ถ้ารู้ว่าชอบมากขนาดนี้ เขาคงจะพาอีกฝ่ายมาก่อนหน้านี้แล้ว… ฮาจุนรู้สึกผิดเล็กน้อย
ไม่มีใครมาตำหนิในส่วนนั้น แต่จนกระทั่งเมื่อถึงฤดูกาลที่แล้ว เขายังอยู่ในช่วงปรับตัว ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยที่จะพาคนที่เขาสนิทสนมมานั่งที่ที่นั่งของผู้เกี่ยวข้องด้วย แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าเขาเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสถานที่แห่งนี้
“มูมูเข้าไปในห้องแต่งตัวแล้ว”
ยังไม่ทันได้ถาม แต่ก็บอกเลยว่ามูคยอมอยู่ไหน ฮาจุนพยักหน้าเดินลงบันไดไป นักเตะกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการอะไรต่างๆ ทั้งแบ่งปันความสุขแห่งชัยชนะ ถอดเสื้อผ้าและพูดคุยกัน และดูเหมือนว่ายังไม่ค่อยมีคนเข้าไปในห้องอาบน้ำ
“มูคยอม!”
การตามหามูคยอมนั้นไม่ยาก มูคยอมถอดเสื้อออก เผยให้เห็นถึงไหล่และแผ่นหลังอันกว้างและแข็งแรง มูคยอมหันมาทันทีที่ฮาจุนเรียก รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุขของชัยชนะต้อนรับฮาจุน
“โค้ช มาแล้วเหรอ”
“วันนี้นายก็ยอดเยี่ยมที่สุดเลย! พรุ่งนี้คงจะคุยแต่เรื่องของนายกันหมดแน่”
ฮาจุนยังคงชื่นชมโดยไม่ลบรอยยิ้มสดใสที่ออกมาอย่างอัตโนมัติ มูคยอมสบตาอย่างอารมณ์ดี แล้วจู่ๆ ก็หันไปมองด้านหลังไหล่ของฮาจุน คิ้วหนาและหล่อของอีกฝ่ายเลิกขึ้นเล็กน้อย
“คนนั้นคือ…”
“จำไม่ได้เหรอ อู่เฉินที่มาดูการแข่งขันด้วยกันวันนี้ไง เขาบอกว่าอยากถ่ายรูปกับนายเลยลงมาด้วยน่ะ”
ขณะที่ฮาจุนกวักมือเรียก อู่เฉินก็เดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าของอู่เฉินเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“สวัสดีครับ คิม ผมชื่อว่าอู่เฉินครับ ประมาณช่วงฤดูใบไม้ผลิ เราเคยเจอกันแค่แป๊บๆ ที่หน้าโรงเรียนสอนภาษาที่ผมกับจุนไปเรียนด้วยกัน จำได้ไหมครับ”
“จำได้ครับ”
“ผมจะไม่ลืมการทำประตูในวันนี้เลยครับ มันเป็นความรู้สึกของรางวัลปุสกัส[1]เลยครับ! ผมโชคดีมากที่ได้เห็นการทำประตูที่ยอดเยี่ยมจากสัญชาตญาณที่ไม่ได้เห็นมามานานมากเลยครับ คิม ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ถ่ายรูปด้วยกันสักรูปได้ไหมครับ”
“มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก แต่…”
มูคยอมหรี่ตาลงเล็กน้อย อีกฝ่ายเหลือบมองฮาจุนชั่วครู่ แล้วกลับไปจ้องที่อู่เฉินอีกครั้ง
“ผมทราบมาว่าคุณไม่ได้เจอกับโค้ชอีมานานมากแล้ว”
“ครับ ใช่ครับ พอพวกเราทั้งคู่เลิกเรียนที่โรงเรียนสอนภาษา ต่างคนก็ต่างยุ่งจนไม่ได้เจอกันนานเลยครับ”
“ไม่ได้เจอกันนาน ก็ต้องโฟกัสที่เพื่อนสิ…”
มูคยอมขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่งยิ้มขมขื่นราวกับว่าปวดใจแล้วเอ่ยออกมา
“ถึงขั้นตามมาถึงที่นี่เพื่อมาถ่ายรูปกับผม คงไม่ได้นัดเจอเพื่อหลอกใช้โค้ชอีหรอกใช่ไหมครับ”
“คิมมูคยอม!”
ฮาจุนที่กำลังฟังบทสนทนาอยู่ข้างๆ ขึ้นเสียง อู่เฉินทำได้เพียงปล่อยให้เหงื่อไหล ไม่สามารถตอบกลับคำพูดถากถางที่เข้ามาอย่างกะทันหันได้
ฮาจุนรีบแทรกเข้าไประหว่างสองคนนั้น แล้วลดเสียงกระซิบกับมูคยอม
“เป็นอะไรของนาย หลอกใช้อะไรกัน นายก็รู้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น”
“ฉันจะไปรู้ใจไอ้คนที่ฉันเคยเจอแว่บๆ แค่ครั้งเดียวได้ยังไง”
“เขาจะมาขอยืมเงินนายหรือไง เขาก็แค่อยากถ่ายรูปด้วย มาพูดว่าเขาหลอกใช้ฉันได้ยังไง”
“จากที่ขโมยเข็มกลายเป็นขโมยวัวไงละ เริ่มต้นแบบนั้นแล้วต่อมาเขาอาจจะหลอกเอาก็ได้ใครจะไปรู้”
………………………………….
[1] รางวัลลูกยิงยอดเยี่ยมประจำปี