Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 175
ผู้ที่ครอบครองลูกฟุตบอลซึ่งลอยกลางอากาศเป็นคนสุดท้ายคือมูคยอม ผู้มีจุดแข็งในการโหม่งลูก เนื่องด้วยมีรูปร่างสูงใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อมูคยอมกระโดดขึ้นสูงแล้วใช้หัวโหม่งลูกบอลที่ไม่มีใครยึดครอง บอลที่ลอยคว้างก็พุ่งไปยังมุมหนึ่งของโกล ผู้รักษาประตูซึ่งตั้งหลักประจำที่อยู่อย่างวุ่นวาย ไม่สามารถรับมือได้ทันจึงเปิดให้เห็นช่องโหว่
“โกล-!”
เหล่าสมาชิกตรงม้านั่งส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี ฮาจุนเองก็ลืมความกังวลใจเมื่อก่อนหน้านี้ไปครู่หนึ่งแล้วลุกพรวดขึ้นจากที่พลางปรบมือ
มูคยอมโบกมือให้ทางอัฒจันทร์เชียร์เป็นที่แรกด้วยสีหน้ายิ้มกว้าง แล้วคราวนี้ก็วิ่งไปทางฝั่งที่เคยได้ยินเสียงเพลงล้อเลียนตนเอง จากนั้นอีกฝ่ายก็ชี้นิ้วลงด้านล่างราวกับบอกให้ดูหว่างขาของตนเองพลางส่ายหน้าไปมาพร้อมส่งรอยยิ้มเย้ยหยัน ถ้าหนักกว่านี้อีกแค่นิดเดียว ท่าทีของอีกฝ่ายอาจได้รับการตักเตือนได้ แต่ก็เลี่ยงไปได้อย่างหวุดหวิด
ในตอนที่กองเชียร์ฝ่ายตรงข้ามพากันเดือดดาลแล้วเริ่มขว้างปาพวกเศษขยะ มูคยอมก็วิ่งกลับมายังที่ของตัวเองแล้ว คราวนี้เสียงหัวเราะระเบิดออกมาจากทางม้านั่งกับอัฒจันทร์ คนที่ไม่หัวเราะมีแค่ฮาจุนเพียงคนเดียว
การแข่งขันเสร็จสิ้นลงโดยรักษาสถิติชนะรวดเอาไว้ได้ เหล่านักกีฬามาถึงสนามฝึกแล้วบอกลากันด้วยความร่าเริงก่อนจะแยกย้ายกันไป
วันที่มีการแข่งขันมักไม่มีกำหนดการฝึกใดๆ อีก ยิ่งไปกว่านั้น ผู้จัดการทีมซึ่งไม่รู้สาเหตุของการที่มูคยอมนอนซมอย่างแน่ชัด คงคิดว่าช่วงที่ฤดูกาลเริ่มต้นขึ้นและแข่งขันจบไปหลายนัดแล้ว เป็นเวลาที่พวกนักกีฬาจำเป็นจะต้องพักผ่อน
ผู้จัดการทีมจึงสั่งให้หยุดพักในวันต่อไปทั้งวันด้วย
เหล่านักกีฬาและสตาฟที่ได้รับวันหยุดพักผ่อน ต่างก็รีบร้อนกลับบ้านกันเร็วกว่าปกติ แล้วสนามฝึกก็เงียบเหงาลงอย่างรวดเร็ว
“จุนไม่กลับเหรอ”
“มีงานที่ต้องจัดการนิดหน่อยน่ะครับ เดี๋ยวก็กลับ กลับก่อนเลยครับ”
ฮาจุนบอกลาคนที่ถามไถ่มาว่าจะกลับตอนไหนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และเมื่อเขากลายเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ฮาจุนก็ออกมาจากห้องสตาฟ การแข่งขันวันนี้ถูกจัดขึ้นเร็วกว่าปกติ แม้กลับมาถึงสนามฝึกแล้วพระอาทิตย์ก็ยังไม่ตกดิน
ฮาจุนเดินไปตามทางเดินอันเงียบงันแล้วเปิดประตูห้องแต่งตัวสำหรับนักกีฬาที่อยู่ตรงสุดทางเดิน คนที่ยังอยู่ในห้องล็อกเกอร์ของนักกีฬามีเพียงคนเดียว เหมือนที่ในห้องสตาฟเหลือเพียงฮาจุนคนเดียวเช่นกัน
“โค้ช มาแล้วเหรอ”
ฮาจุนไม่ตอบ เขาไม่ขยับตัวออกมาจากหน้าประตูแล้วยืนนิ่งเฉย เพียงแค่ทำใบหน้าบูดบึ้งเล็กน้อยพร้อมทอดสายตามองมูคยอมซึ่งทักทายเขาอย่างยินดีเท่านั้น คิมมูคยอมปิดการแข่งขันลงด้วยชัยชนะแล้วเปลี่ยนมาใส่ยูนิฟอร์มตัวใหม่ อีกฝ่ายดูสุขสบายทั้งกายและใจ
มูคยอมเดินเข้ามาใกล้แล้วรวบตัวฮาจุนที่ทำท่าทีแบบนั้นไปกอดแน่น พร้อมกับขยับขาไปด้านข้างราวกับเต้นวอลซ์ ฮาจุนเองก็ก้าวตามมูคยอมพร้อมกับเดินไปอย่างทุลักทุเล เมื่อฝีเท้าหยุดลง ทั้งสองคนก็มาถึงหน้าล็อกเกอร์ของมูคยอม อีกฝ่ายประทับริมฝีปากลงมาบนสันจมูกของฮาจุนสั้นๆ ดังจุ๊บ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้น แถมยังทำใส่นักกีฬาที่ชนะกลับมาวันนี้อีก”
“ถามเพราะไม่รู้หรือไง”
“ยังไงก็ตัดสินใจว่าจะทำแล้ว มาทำไปพร้อมกับรอยยิ้มกันเถอะ โค้ชอีก็พูดบ่อยๆ ระหว่างฝึกนี่ ว่าถึงจะเหนื่อยแต่ในเมื่อเป็นเรื่องที่ต้องทำก็ให้ทำมันอย่างสนุกสนานซะ”
ฮาจุนได้แต่พรูลมหายใจที่แฝงไปด้วยสัญญาณของการยอมแพ้ออกมา
มูคยอมหรี่ตาลงเล็กน้อยพร้อมกับเหยียดยิ้มกว้างขึ้น
“ถ้างั้น โค้ช ช่วยฟังคำขอของนักกีฬาคิมมูคยอมผู้ว่านอนสอนง่ายหน่อยนะครับ”
“ลองบอกว่าไม่สบายแล้วให้ช่วยดูแลอีกครั้งสิ จะสติกเกอร์หรืออะไร
ฉันจะยกเลิกให้หมด”
เพราะอีกคนไม่สบาย แถมวันนั้นก็ยังทำตัวเป็นเด็กดี ฮาจุนจึงใจอ่อนยวบแล้วไม่เอาความเรื่องที่อีกคนเอาแต่ใจ แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ทำมาเป็นร้องจะให้เขาฟังคำขออย่างไม่มีเหตุผล
ฮาจุนบ่นงึมงำว่าจะไม่ยอมปล่อยผ่านอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ได้แต่ยืนนิ่งโดยที่ไม่สามารถขยับไปไหนได้ในทันที มูคยอมรอให้เขาขยับตัว จากนั้นจึงยื่นมือมา
“ฉันช่วยไหม”
“-ไม่เป็นไร”
เมื่อมูคยอมทำท่าจะดึงขอบกางเกงของเขาลง ฮาจุนจึงปัดมือของอีกฝ่ายออก เขาหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งครั้งแล้วถอดกางเกงออกด้วยตัวเองราวกับตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว
ร่างกายท่อนบนยังคงสวมเสื้อยืดสำหรับสตาฟซึ่งถูกแจกจ่ายให้โค้ชทีมกรีนฟอร์ด ทั้งยังไม่ได้ปลดนกหวีดที่ห้อยอยู่ตรงลำคอ ถุงเท้ากับรองเท้าสตั๊ดก็ยังสวมอยู่เช่นเดิม
สายตาของมูคยอมไล่มองเรียวขาเปลือยเปล่าใต้ร่มผ้าของฮาจุนซึ่งปรากฏให้เห็นหลังถอดกางเกงออก แล้วหยุดลงตรงหว่างขาของเขา ส่วนลับถูกบดบังอย่างวับๆ แวมๆ ใต้เสื้อยืดคอปกที่มีความยาวค่อนข้างพอดี มูคยอมกระตุกยิ้มแล้วหงายฝ่ามือกระดิกนิ้วขึ้นข้างบนเหมือนเวลาเรียกลูกสุนัข
“ลองยกขึ้นให้เห็นชัดๆ ซิ”
ฮาจุนเพียงแค่ถอนหายใจด้วยความวุ่นวายใจและไม่กล้าที่จะยกชายเสื้อยืดขึ้น ทันใดนั้น มูคยอมซึ่งยืนพิงล็อกเกอร์อยู่ก็ดันตัวขึ้นมาจับแขนของฮาจุนดึงเข้าหาตัว ร่างกายของฮาจุนโอนเอนไปโดยไม่ทันจะได้เปล่งเสียงร้องตกใจด้วยซ้ำ เขากลายมาอยู่ในท่ายืนหันหลังให้อีกฝ่ายโดยตัวพิงกับล็อกเกอร์ของมูคยอมอย่างไม่ทันตั้งตัว
มูคยอมสอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดของฮาจุนแล้วเลิกชายเสื้อขึ้นพรวดเดียว ร่างกายท่อนล่างซึ่งอยู่ในสภาพเปิดโล่งกว่าปกติ ปรากฏออกมาให้เห็นอย่างหมดจดท่ามกลางบรรยากาศโดยรอบ
มูคยอมกางมือออกแล้วกวาดไล้ลงบนก้นขาวเต่งตึงอย่างนุ่มนวล มองเห็นกล้ามเนื้อเอวบางแต่แข็งแรงหดเกร็งอยู่ข้างใต้ชายเสื้อที่ถูกเลิกขึ้น
“อายอะไรขนาดนั้น ตอนเป็นนักฟุตบอลอาชีพ นายก็น่าจะเคยใส่ยูนิฟอร์มแบบไม่ใส่ชั้นในไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ใส่อะไรเลยยังจะดีกว่า…”
มูคยอมหัวเราะเสียงทุ้มต่ำให้กับคำบ่นของฮาจุน เรื่องที่มูคยอมร้องขอเมื่อหายไข้สนิทแล้ว ถ้าจะบอกว่าเป็น ‘คำขอ’ ที่เคยสัญญากันไว้ ก็ไม่ได้ผิดไปจากการคาดการณ์ของเขามากนัก
สิ่งที่มูคยอมยื่นมาให้พร้อมขอให้เขาใส่ในวันที่มีการแข่ง คือกางเกงชั้นใน
จีสตริงสีดำสำหรับผู้ชาย หากมองจากด้านหน้า มันดูเหมือนกางเกงชั้นในชายทรงสามเหลี่ยมตัวแคบนิดหน่อย แต่ด้านหลังกลับเปิดโล่ง เผยให้เห็นก้นแจ่มชัด
มูคยอมถูไถแกนกายของฮาจุนผ่านกางเกงในที่บดบังไว้อย่างหมิ่นเหม่
น้ำหล่อลื่นซึมออกมาจากตรงส่วนหัว ทำให้ผ้าตัวบางเปียกชื้นขึ้นในทันที ความรู้สึกที่ได้รับการเล้าโลมตรงส่วนปลายแกนกายโดยมีผ้าเนื้อนุ่มขวางกั้นกลาง ทำให้รู้สึกหวิวๆ ในท้องต่างกับตอนสัมผัสแบบแนบเนื้อ ฮาจุนจึงครางออกมาแผ่วเบาพร้อมหลับตาลง
“ฉันบอกแล้วไงว่า ไม่เห็นจะต้องอาย ฉันตั้งใจว่าจะเตรียมตัวที่ดูโป๊กว่านี้อีก แต่ก็เลือกประมาณนี้มาเพราะรู้สึกว่าน่าจะเหมาะกับอีฮาจุนแล้ว ถึงที่เกาหลีจะหายาก แต่ที่อเมริกาหรือยุโรป พวกผู้ชายก็ใส่กันเยอะ”
ถึงมูคยอมจะอธิบายแต่รู้แล้วจะได้อะไรขึ้นมา ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบหกปี เขาก็อาศัยอยู่แค่ที่เกาหลี จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการด้วยซ้ำว่าตัวเองจะใส่กางเกงชั้นในแบบนี้ แน่นอนว่าถ้าได้ลองไตร่ตรองดู เรื่องมากมายที่เกิดขึ้นหลังได้เจอคิมมูคยอม ทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี ต่างก็รวมกันอยู่ในขอบเขตที่ไม่เคยลองจินตนาการมาก่อนทั้งนั้น…
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้บอกว่าผู้ชายหลายคนก็ใส่กางเกงในจีสตริงเป็นครั้งคราว แต่ดีไซน์แบบนี้คงจะไม่ใช่แบบที่ใช้สวมใส่ในชีวิตประจำวันสักเท่าไร ส่วนผ้าสีดำที่ปิดด้านหน้า ทำจากวัสดุผ้าซีทรูซึ่งมองทะลุถึงด้านในเล็กน้อย อีกทั้งยังตกแต่งด้วยลูกไม้ให้เห็นรางๆ ด้วย
“ในทีมก็มีคนที่ใส่แล้วบอกว่าเวลาฝึกมันสบายตัวดีด้วยนะ ตอนเห็นหมอนั่นใส่เดินไปทั่วดันดูอุจาดตา ฉันไม่เคยคิดว่าเซ็กซี่เลยสักครั้ง…”
มูคยอมหยุดพูดกลางคันพร้อมกับบีบเค้นบั้นท้ายที่เคยลูบไล้อย่างแผ่วเบา นิ้วหัวแม่มือไต่เข้ามาใกล้ๆ ปากช่องทางแล้วแหวกแก้มก้นที่แนบชิดออกเล็กน้อย ได้ยินเสียงฮาจุนสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ มูคยอมเองก็พรูลมหายใจร้อนรุ่มออกมาเช่นกัน
“…แต่พอคิดว่าโค้ชอีใส่เจ้านี่แล้วนั่งอยู่ตรงม้านั่ง… ขนาดแข่งอยู่ก็ยังนึกขึ้นมาอยู่เรื่อยจนแทบเป็นบ้า แรงกระตุ้นที่โค้ชย้ำอยู่บ่อยๆ ฉันได้รับมันเต็มๆ เลย วันนี้ฉันเก่งใช่ไหม”
“พูด…ไปเรื่อยเลยนะ ฉันอึดอัด ฮึก จนคิดว่าจะตายอยู่แล้ว”
“ได้ยินเพลงที่ผู้ชมฝั่งแซนเดอร์สเตดร้องเมื่อกี้ไหม ทางนั้นล้อว่าคิมมูคยอมใช้ท่อนเก่งกว่าใช้เท้า เพราะอย่างนั้นฉันก็เลยตอบให้ ถามว่ารู้ได้ยังไง”
มูคยอมงอเข่านั่งลงด้านหลังฮาจุนซึ่งยืนหันหลังให้เขา เพียงแค่ถูกมองก็คงเกร็งแล้ว กล้ามเนื้อที่ซ่อนอยู่ใต้ก้นเต่งตึงจึงกำลังขยับเบาๆ
มูคยอมพรมจูบซ้ำๆ ลงบนเนินเนื้อขาว ก้มหน้าก้มตาใช้ฟันกัดพร้อมกับยกยิ้มแบบไม่สามารถปิดบังความรู้สึกพึงพอใจได้ ทุกครั้งที่ริมฝีปากกดลงบนผิวเนื้อที่ขนอ่อนลุกเกรียวกราว ฮาจุนก็จะสะดุ้งทั้งที่ยังยืนพิงล็อกเกอร์ มูคยอมกระซิบ
“ผ่อนคลายสิ”
แม้บอกว่าทุกคนกลับกันไปหมดแล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นห้องล็อกเกอร์ในสนามฝึกซ้อม เป็นพื้นที่ที่พวกนักกีฬาอาบน้ำล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า และพูดคุยกันเป็นประจำแบบหาที่อื่นมาเทียบไม่ได้
มันต่างกับบนเรือยอชต์ของสถานที่พักร้อน หรือสวนหย่อมของที่จัดงานปาร์ตี้ ทั้งยังต่างกับที่พักของสนามฝึกซ้อมนอกสถานที่ ไม่ใช่ที่ที่แวะไปชั่วคราว แต่เป็นที่ทำงานของคิมมูคยอมและอีฮาจุนซึ่งต้องเข้าออกในทุกๆ วัน ทั้งวันพรุ่งนี้และวันมะรืนก็ด้วย
ถ้าเกิดยังมีคนอยู่จะทำอย่างไรล่ะ ถ้ามีใครกลับมาเพราะมีงาน… ลิ้นของ
ฮาจุนแห้งผาก ภายในหัวมึนงงจนกลายเป็นสีขาวโพลน
“เร็วๆ… รีบทำแล้วก็ไปกัน…”
“ได้สิ บางครั้งทำแบบรีบๆ ก็เสียวดี”
“อึก…”
เรียวเนื้อเปียกชื้นไต่ขึ้นไปบนบั้นท้ายอย่างเชื่องช้าโดยทิ้งร่องรอยเฉอะแฉะเอาไว้ แล้วในที่สุดก็ไปถึงร่องลึกกลางเนินเนื้อ สายผ้าเรียวเล็กเส้นหนึ่งบดบังรูรักไว้อย่างน่าหวาดเสียว มูคยอมกดลิ้นลงบนนั้นแทนที่จะแหวกหรือถอดชั้นในออกไป เส้นใยบางดูดซับน้ำลายไว้ในทันทีแล้วแนบสนิทไปกับผิวของฮาจุนยิ่งกว่าเดิม
เมื่อเอานิ้วเกี่ยวสายผ้าที่ปิดกั้นช่องทางลับออกไปด้านข้าง ปากช่องทางก็เผยออกให้เห็นชัดเต็มตา รอยจีบที่ชื้นแฉะขึ้น บีบหดเข้าหากันแน่นราวกับเขินอาย เมื่อมูคยอมหัวเราะเสียงทุ้มพร้อมกับปล่อยสายผ้าที่เกี่ยวไว้ มันก็ดีดลงบนปากช่องทางของฮาจุนเบาๆ พร้อมกลับไปอยู่ที่เดิมของมันอย่างมีความยืดหยุ่น ฮาจุนหน้าแดงก่ำแล้วยื่นมือมาด้านหลังเพื่อดันศีรษะของมูคยอมออกไปอย่างแรง
“อย่าเล่นซนนะ”
มูคยอมลุกขึ้นทั้งที่ยังไม่ลบเลือนรอยยิ้มไป อีกฝ่ายเดินไปตรงม้านั่งซึ่งตั้งอยู่ทางด้านหนึ่งในห้องแต่งตัว มูคยอมนั่งลงโดยกอดฮาจุนให้หันหน้าเข้าหากันแล้วประทับริมฝีปากลงบนแก้มที่พองขึ้นหลายครั้ง ฮาจุนทอดสายตามองมูคยอมอย่างขุ่นเคือง ทว่าลมหายใจที่พ่นออกมาจากริมฝีปากก็เต็มไปด้วยความร้อนเร่าเรียบร้อยแล้ว
มูคยอมเองก็ดึงขอบเสื้อผ้าท่อนล่างของตัวเองลง ส่วนที่ตื่นตัวแข็งขึงดีดเด้งปรากฏออกมาเหนือกางเกง มูคยอมบดเบียดริมฝีปากลงบนลำคอขาวผ่องพลางพูดกระซิบ
“วันนี้ก็ใช้มือทำกันเถอะ”
“…พูดจริงเหรอ”
ถ้าทำแบบนั้นได้ก็ค่อยโล่งอกหน่อย ฮาจุนกะพริบตาด้วยความสนใจ
“จริงสิ นายบอกให้รีบทำแล้วจะได้ไปกันนี่ ฉันก็ไม่คิดจะทำแบบยืดเยื้อในที่แบบนี้หรอก”
“เข้าใจแล้ว ถ้างั้น…”
ฮาจุนขยับมือไปหาความเป็นชายของมูคยอมที่ปรากฏออกมา แต่มูคยอมกลับรั้งมือของฮาจุนไว้
“ฉันยังพูดไม่จบ”
“นายบอกให้ใช้มือทำนี่”
“ใช้มือ ทำของใครของมัน”
“ห๊ะ”
ฮาจุนจ้องมูคยอมเขม็งราวกับไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น จากนั้นไม่นานก็ดูเหมือนจะเข้าใจอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว ใบหน้าจึงค่อยๆ ขึ้นสีแดงจัด คำพูดตะกุกตะกักถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากที่อ้าออก
“ทะ… ทำไมต้องทำ แบบนั้น ไม่ได้อยู่คนเดียวสักหน่อย… อยู่กันสองคน”
“พอได้ฟังเรื่องเมื่อครั้งก่อน ฉันก็สงสัยขึ้นมาก ว่าเวลาโค้ชอีทำคนเดียวจะทำยังไง ตอนอยู่เกาหลีเมื่อก่อน ฉันขอดูเป็นคลิปแต่นายบอกว่าไม่ได้เพราะอยู่กับครอบครัวนี่ วันนี้ไม่มีเหตุผลที่จะทำไม่ได้ใช่ไหม”
มูคยอมทาเจลลงบนมือแล้ววางมือที่วาววับลงบนของตัวเอง ฮาจุนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ต่อหน้าอีกฝ่ายซึ่งเริ่มลูบไล้ส่วนที่ตั้งชูชันอย่างเชื่องช้า
ฮาจุนนึกถึงวันที่ตามมูคยอมไปที่บ้านแล้วมีเซ็กส์กันครั้งแรกอย่างไม่มีสติ ทั้งที่ในหัวยังเรียบเรียงสถานการณ์อันกะทันหันให้เข้าที่เข้าทางไม่ได้ด้วยซ้ำ
นึกถึงภาพที่มูคยอมพูดว่า “มันตื่นขึ้นเพราะนาย” พร้อมกับรูดรั้งแกนกายของตัวเอง นึกออกกระทั่งความเสียวซ่านที่รู้สึกขึ้นมาเมื่อมองภาพอีกฝ่ายทำแบบนั้น
มูคยอมยกมุมปากขึ้นยิ้มพร้อมกับโพล่งขึ้นราวกับยั่วเย้าเหมือนตอนนั้น
“ดูนี่สิ ฉันก็ทำนี่ไง โค้ชก็จะทำใช่ไหม”
ฮาจุนไม่ขัดขืนอีกต่อไป เขาแบมือออกราวกับหลงกลแล้วรอให้มูคยอมบีบเจลลงบนมือนิ่งๆ จากนั้นก็กางขาออก นั่งหันหน้าเข้าหาอีกคนตรงระหว่างต้นขาแข็งแน่นแล้วจับของของตัวเอง
กางเกงชั้นในตัวแคบจิ๋วเมื่อเทียบกับชั้นในที่สวมใส่ประจำ ถึงแม้จะใส่อยู่แต่ก็ไม่มีอุปสรรคในการจับเอาแกนกายออกมา
“อื๊อ…”
มนุษย์เราไม่สามารถทำให้ตัวเองจั๊กจี้ได้ เพราะจะไม่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นที่สมองคาดการณ์ไว้แล้ว ความรู้สึกทางเพศก็ไม่ต่างกัน เพราะอย่างนั้นตอนสัมผัสตัวเองจึงยากที่จะรู้สึกเสียวซ่านเหมือนตอนถูกสัมผัสด้วยมือของคนอื่น
แต่ในวันนี้ กระทั่งสัมผัสจากมือของตัวเองที่แตะลงบนผิวก็ยังรู้สึกไม่คุ้นชิน ฮาจุนกัดริมฝีปากเพราะรู้สึกเหมือนจะหลุดครางออกมา จากนั้นก็รูดไล้ส่วนกลางกายขึ้นลงช้าๆ มือที่ทาเจลข้นหนืดกับแกนกายเสียดสีกันพร้อมส่งเสียงเฉอะแฉะเบาๆ มูคยอมจับตาดูท่าทางของฮาจุนพร้อมรั้งเอวเข้ามาใกล้กันยิ่งกว่าเดิม
“ต่างกับตอนที่ทำให้ฉันเมื่ออาทิตย์ก่อนนิดหน่อยไม่ใช่เหรอ”
“อะไร ยังไง…”
“ลองทำแบบตอนนั้นดูสิ ตอนนั้นทักษะการใช้มือโค้ชของฉันยอดเยี่ยมกว่านี้อีกนะ โค้ชบอกว่าเป็นผู้ชายเหมือนกันก็เลยทำได้ขนาดนั้น”
มูคยอมจุ๊บลงบนใบหูจนเกิดเสียง ฮาจุนหอบหายใจกระชั้นพร้อมกับเพิ่มความเร็วในการขยับมือขึ้นทีละนิด
เขามองใบหน้าที่หันเข้าหากัน จากนั้นก็หลับตาลงแล้วดำดิ่งไปกับความรู้สึก แล้วก็จ้องมองร่างกายส่วนล่างของมูคยอมซึ่งกำลังรูดรั้งของตัวเองอยู่เช่นเดียวกัน ทำแบบนั้นวนไปมาซ้ำๆ มูคยอมกำลังทอดมองฮาจุนอย่างไม่ละสายตาด้วยแววตาจดจ่อ เมื่อสายตาคมกริบจดจ้องผิวกาย มันก็คลอเคลียอยู่ไม่ห่างไปไหนอย่างลุ่มหลง
การเคลื่อนไหวมือของฮาจุนค่อยๆ รุนแรงและเฉอะแฉะขึ้น เขาใช้นิ้วโป้งบดลงบนส่วนปลายแกนกายของตัวเองแล้วขยับฝ่ามือที่เคยรูดชักลำท่อนขึ้นไปโอบหุ้มตรงส่วนปลาย
“ฮึก…”
คงเพราะความเกร็งเครียดที่สถานที่มอบให้ หรือคงเพราะสายตาที่ทอดมองมาทางตนราวกับจะจับกิน ความสุขสมในระดับที่การแอบช่วยตัวเองโดยไม่ให้คนอื่นรู้เป็นครั้งคราวนั้นเทียบไม่ติด และแผ่ซ่านขึ้นมาตามกระดูกสันหลังของฮาจุน มูคยอมเลียลำคอกับใบหูของเขา นิ้วบดคลึงยอดอก ประสาทสัมผัสที่รู้สึกไวขึ้นทำให้หัวไหล่สั่นเทิ้ม ความร้อนรุ่มจนทรมานแผดเผาภายในช่องท้องให้รู้สึกวาบหวิว
“ฮ้าาา อ๊ะ อา…”
“สมัยอยู่ที่บ้าน… นายทำคนเดียวยังไง ในห้องเหรอ”
“อะ อือ… ปกติ ทำตอนอาบน้ำ… เพราะว่า อึก… คนที่บ้านอาจเข้ามา ในห้อง…”
“ก่อนมีความสัมพันธ์แบบนี้กับฉัน… ก็เคยคิดถึงฉันพร้อมทำไปด้วยหรือเปล่า…”
“-อ๊า ฮึก…”
ฮาจุนไม่ตอบแล้วพิงใบหน้าลงกับไหล่ของมูคยอม ท่าทีของฮาจุนซึ่งร่างสะท้านราวกับความกำหนัดตีรวนขึ้นอย่างฉับพลันพร้อมกับส่งเสียงครางกระท่อนกระแท่นเป็นเหมือนกับคำตอบรับ ทำให้มูคยอมเองก็กัดฟันอย่างอดกลั้น
มูคยอมทาบมือใหญ่ลงบนมือของฮาจุนแล้วรวบท่อนเนื้อของทั้งสองให้แนบติดพร้อมรูดรั้งเหมือนคราวที่แล้ว ท่อนเนื้อที่ผงาดจนร้อนระอุทั้งสองท่อนเสียดถูกันอย่างลื่นไหล เสียงเนื้อเปียกชื้นเสียดสีกันอย่างเฉอะแฉะดังขึ้นเรื่อยๆ
“ฮื่อ ฮ้า อ๊า…!”
“แม่ง… ดูนายชักให้ตัวเองคนเดียวแล้วเหมือนหัวจะระเบิดเลย”
เสียงของมูคยอมร้อนรุ่มราวกับเหล็กเขี่ยไฟ ฮาจุนเองก็จ้องมองท่าทีของมูคยอมอย่างไม่คลาดสายตา เส้นเลือดจึงปูดโปนขึ้นบนลำคอของมูคยอมราวกับว่านั่นไม่ใช่คำพูดที่แค่พูดไปอย่างนั้น