Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 184
ส่วนหัวอวบกดลึกลงยังปากทางรักแล้วแหวกผนังเนื้อเข้ามา จากนั้นฮาจุนถึงได้สะดุ้งเฮือกแล้วหันหลังไปอย่างยากลำบาก
“ไม่ เอา… ใส่เข้ามาทั้งอย่างนั้น ฮึกกก ได้ยังไง…!”
“มันเล็กอยู่แล้ว… แค่ใส่เข้าไปก็น่าจะไม่เป็นไร”
มูคยอมตอบพร้อมกับไสเอวเข้า โพรงเนื้ออ่อนนุ่มลงเพราะวุ่นอยู่กับการหดรัดสลับคลายตัวมายาวนาน จึงรองรับท่อนเนื้อที่ขยายใหญ่เข้ามาได้อย่างไม่เกินกำลัง
โพรงเนื้อถูกใช้งานอย่างทารุณอยู่พักใหญ่โดยให้กลืนกินลูกแก้วหลายลูกแล้วคายออก จากนั้นก็ยังกักเก็บของเล่นที่สั่นได้เอาไว้ วันนี้มันจึงโอบชิดแกนกายอย่างเหนียวหนึบมากกว่าเดิม ความหฤหรรษ์ที่ทำให้ทั้งร่างสั่นสะท้านอย่างเสียวซ่านทันทีที่แทรกช่องทางด้านหลังเข้ามา ทำให้มูคยอมกัดฟันพร้อมหายใจลึก กล้ามเนื้อด้านหลังทุกส่วนทั่วร่างกายตั้งแต่แผ่นหลังลงไปถึงท้องน่อง ต่างก็หดเกร็งขึ้นเป็นก้อน
ผ่านไปไม่นานนัก ท่อนเนื้อที่แหวกผนังด้านในคับแคบเข้ามาก็สัมผัสกับสิ่งเรียวรีที่สั่นอยู่ข้างใน เสียงร้องไห้ของฮาจุนดังลั่นขึ้น
“อ๊าาา! อ๊า ฮื่อออ…!”
“อ๊า… นี่ รู้สึกแปลกชะมัด”
มูคยอมเองก็ขมวดคิ้วแล้วครางลอดไรฟัน เมื่อแรงสั่นรัวเร็วที่เบียดลงตรงส่วนหัว ผนวกเข้ากับการกระตุ้นจากผนังเนื้อที่บีบเค้นแกนกาย ความเสียงซ่านที่ยากจะอธิบายก็ชักจูงให้มูคยอมขยับเอว
เมื่อมูคยอมรั้งกระดูกเชิงกรานที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นแล้วค่อยๆ หมุนควงเอวเป็นวงกว้าง ฮาจุนก็ส่ายหน้าพร้อมกับพ่นลมหายใจหอบหนักๆ ออกมา เขาเหยียดแขนไปด้านหลังแล้วใช้ฝ่ามือดันหน้าท้องของมูคยอมพร้อมทั้งพึมพำด้วยเสียงกระท่อนกระแท่น
“อ๊า อื้อออ เดี๋ยว… เอาออก เอาออกก่อน…”
ทว่ามูคยอมไม่หยุด
มูคยอมยึดข้อมือของฮาจุนที่ดันตนเองออกแล้วยิ่งเพิ่มแรงเสือกไสเอวมากขึ้น เมื่อแกนกายเสียบเข้าไปถึงจุดลึกในพรวดเดียว ฮาจุนก็ทนไม่ไหวแล้วคว่ำหน้าแนบร่างกายท่อนบนลงกับเตียงหมดทุกส่วน เสียงกรีดร้องระเบิดออกมาราวกับตระหนกและเสียวซ่าน
“อา” มูคยอมครางเสียงทุ้มอย่างพึงพอใจราวกับทนไม่ไหว
“ลองใช้ อึก ของเล่น ครั้งแรกเลยนะ”
“ฮื่อ อ๊า ฮ้า… อ๊า อ๊า…!”
“ฉันก็ สงสัย… ว่าจะรู้สึกยังไง”
มูคยอมพูดต่อพร้อมกับเริ่มบดเอวเข้าออกอย่างหนักหน่วง
“อ๊ะ อ๊า! อ๊าาา อื้อ ฮ้า…! ฮึกกก!”
ท่วงท่าที่ยกเอวขึ้นเล็กน้อยแล้วโด่งก้นไปด้านหลัง ทำให้สิ่งที่อยู่ด้านในปักหลักลึกในท้อง มูคยอมจับกระดูกเชิงกรานของฮาจุนโยกพร้อมกระแทกเอวอย่างรุนแรง ไข่สั่นเบียดเสียดด้านในอย่างสะเปะสะปะไปทั่วตามมุมที่แกนกายสอดเข้าไป
หากมูคยอมทุ่มแรงตอกเข้าปั้กๆ ของเล่นทรงรีเล็กก็จะกระดอนหน้าหลังตามการเคลื่อนไหวนั้น ถ้าบดวนเอวอย่างนุ่มนวลราวกระแสน้ำแล้วขยับตัวสวนจากล่างขึ้นบน ของเล่นก็จะถูกท่อนเนื้อใหญ่โตดุนดัน แล้วแรงสั่นหนักหน่วงก็แผ่ลามไปทั่วผนังด้านใน ฮาจุนรู้สึกเหมือนกับแรงสั่นที่กระเทือนต่อมลูกหมากมันเขย่าอย่างเสียววาบไปจนถึงผิวหนังหน้าท้องและแกนกายที่พองขยาย
ความซาบซ่านที่ไม่เคยประสบมาก่อน ถ่ายทอดสัมผัสที่เหมือนกับกระแสไฟฟ้าสู่ร่างกายของกันและกันโดยตรง และวิ่งพล่านไปมาระหว่างร่างกายของคนทั้งสอง เสียงบ่งบอกความประทับใจเล็ดลอดออกมาจากปากของมูคยอมอย่างต่อเนื่อง ความเปียกชื้นและเสียงร้องก็พรั่งพรูออกมาจากดวงตากับปากของฮาจุน
เพราะถูกจัดท่าให้เอวลอยขึ้นเล็กน้อย ส่วนปลายแกนกายของฮาจุนจึงสัมผัสกับผ้าปูที่นอนนุ่มละไม ทุกครั้งที่ร่างกายแกว่งไกว ส่วนปลายนั้นก็จะถูกถูไถ ก่อเป็นความเสียดเสียวเกินต้านทาน เขาพยายามที่จะคลานหนีไปข้างหน้าหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่ทำแบบนั้น มือของมูคยอมที่ยึดเชิงกรานไว้ก็จะออกแรงมากขึ้น ฮาจุนขยำผ้าปูเตียงพร้อมสะอึกสะอื้น
“อึก ฮึกกก! พะ ฮื้อ พอแล้ว…! อ๊า อื๊อ…! ทำต่อไปต้องตาย ต้องตาย…!”
“ฮ้าาา ฉันรู้ ฉันก็ เหมือนกัน…”
ประสาทสัมผัสที่ได้รับการกระตุ้นจากการสั่นของเครื่องจักรกับการสอดใส่อันดุเดือดพร้อมกันในทีเดียว ทั้งชาหนึบและแสบร้อน ฮาจุนพยายามกะพริบตาที่ทำท่าจะปรือปิดอยู่เรื่อยเพราะสติรับรู้เลือนราง
เขาอยากมองหน้ามูคยอมก่อนมันจะจบลง แต่แขนขาหมดสิ้นเรี่ยวแรง อีกทั้งมูคยอมก็กระแทกเข้าด้านหลังต่อเนื่อง ไม่ยอมปล่อยให้ได้พัก แค่จะหันหน้าไปก็ยังไม่ง่าย
ฮาจุนพยายามหมุนตัวไปหลายครั้ง แต่ก็ต้องยอมแพ้และโยกเอวตามที่โดนกระแทกพร้อมกับร้องไห้ฮือ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่ามูคยอมโน้มร่างกายท่อนบนลงมา ลิ้นไล้เลียหลังใบหูอย่างร้อนรุ่ม
“ฮู่ววว นายอยาก เปลี่ยนท่าไหม”
“ฮื้อ อ๊า…!”
“ถ้าอยากก็บอก”
“อื้อ มอง…หน้า…”
“แต่ว่า…ฮาจุนเสียวที่สุดตอนทำแบบหันหลังนะ”
มูคยอมยิ้มราวกับบอกว่าน่ารักพร้อมกับจับตัวฮาจุนพลิกนอน พูดให้ถูกคือแค่ครึ่งเดียว อีกคนจับต้นขาแค่ข้างเดียวพาดบนไหล่ของตัวเองแล้วเสือกไสร่างเข้ามาดังปั้กๆ เมื่อท่าทางสับเปลี่ยน วัตถุทรงรีในร่างกายก็เปลี่ยนตำแหน่ง จุดที่ส่วนปลายแกนกายแข็งขึงกระทุ้งเข้ามาก็เปลี่ยนไปด้วย ท่อนเนื้อแดงก่ำที่เหยียดตัวตั้งอยู่กลางหว่างขาอ้ากว้าง แกว่งไกวอย่างควบคุมไม่ได้ ฮาจุนแหงนคอพร้อมร้องไห้
ถึงแม้น้ำตาจะหยดแหมะๆ แต่ฮาจุนก็เงยหน้ามองมูคยอม เขาทอดสายตามองคิมมูคยอมที่กำลังมองเขาด้วยดวงตาร้อนแรงตรงๆ มองดูภาพลักษณ์ที่เหมือนกับเปลวไฟลุกโหมอย่างร้อนระอุยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
สีหน้าของมูคยอมที่ก้มลงมองมา ทำให้อารมณ์ของฮาจุนพลุ่งพล่านยิ่งกว่าอุปกรณ์ที่กำลังสั่นอยู่ด้านในร่างกายหรือท่อนเนื้อที่ลากรูดและครูดเสียดเนื้อเยื่อนุ่มจนความรัญจวนสาดซัด สีหน้าอีกคนหนักแน่นราวกับเหล็ก ถึงอย่างนั้นก็ยังร้อนรุ่ม ฮาจุนลูบคลำอีกฝ่ายเท่าที่มือจะเหยียดไปสัมผัสได้ ต้นขาที่พองใหญ่ราวกับจะระเบิดกับหัวเข่าแข็งราวกับหิน แผงอกกับหน้าท้องแน่นๆ ที่สะท้านขึ้นลงพร้อมขยายสลับหุบตามการหายใจเน้นหนัก ลาดไหล่ แก้มเกลี้ยงเกลาใต้โหนกแก้มสวย ท่อนแขนราวกับถูกแกะสลักสร้างขึ้น หลังมือที่มีเส้นเลือดขึ้นชัด
การหายใจของมูคยอมถี่กระชั้นขึ้นอีกระดับตั้งแต่ตอนที่นิ้วขาวๆ ลูบไล้หน้าอก แล้วในที่สุด แกนกายผงาดก็ตอกปั้กเข้าไปจนสุดโคน ไข่สั่นก็ถูกดันเข้าไปสุดโพรงรักพร้อมกัน ปกติเมื่อมูคยอมทิ้งน้ำหนักเข้ามา ฮาจุนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรและปล่อยน้ำตาไหลออกมาก่อนอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มีการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงกดแนบลงตรงจุดที่ลึกและคับแคบเพิ่มด้วย
“อ๊า อ๊าาา!”
ร่างกายของฮาจุนสะท้านอย่างหนัก หลังแผดเสียงร้องออกมาสั้นๆ ร่างกายก็สั่นระริกและเสียวซ่านไปทั้งตัวโดยไม่สามารถเปล่งเสียงอะไรออกมาได้อีก
เมื่อแตะปลายทาง กลับมีเพียงของเหลวเหนียวหนืดคล้ายน้ำหล่อลื่นไหลออกมาจากแกนกายอ่อนปวกเปียกนิดเดียวเท่านั้น ก้นกับโคนขาเกร็งแข็งจนเนื้อเต้นตุบๆ บริเวณเชิงกรานกับกล้ามเนื้อเอวกระตุกเกร็งถี่ยิบ
“ฮู่ว อึก ฮ้าาา บ้าฉิบ”
มูคยอมเองก็ปลดปล่อยไม่ต่างกัน อีกคนพ่นลมหายใจหอบหนักพร้อมขยับเอวออกไปด้านหลัง น้ำเชื้อสีขุ่นกำลังไหลจากปลายแกนกายที่ถูกถอดออกมา
อีกฝ่ายเอาของเล่นที่ยังคงสั่นสะเทือนด้านในร่างกายของฮาจุนออกมาแล้วโยนทิ้งไป ทำท่าราวกับว่าตอนนี้เบื่อมันแล้ว ของเล่นที่ถูกปาทิ้งลวกๆ หล่นลงพื้นพร้อมเสียงดังกึก จากนั้นก็คงพังไปเลย มันจึงเงียบลง
แขนหนากระชับตัวฮาจุนกอดไว้ในอ้อมอก ไถลแกนกายที่อยู่ระหว่างการขับน้ำเข้าไปในรูรักที่กำลังจะหุบลงแล้วบดเอวเร็วๆ จากนั้นก็สลับมาหยัดเอวเชื่องช้า แกนกายแทงเข้าลึกและฉีดพ่นในโพรงเนื้อที่สั่นเทิ้มแม้ไม่มีของเล่นคอยสั่นสะเทือนอย่างท่วมล้น
ผนังด้านในร้อนระอุ ลนลานโอบรัดลำกายมูคยอมอย่างแนบชิดราวกับรออยู่ โดยสัมผัสกันทุกส่วน ไร้สัมผัสอื่นมาขวางกั้น ฮาจุนรองรับมูคยอมทั้งที่ยังไม่มีสติเพราะดำดิ่งอยู่ในฝั่งฝันที่ทำให้การมองเห็นมืดมิด เขาโอบแขนรอบลำคอของอีกคนพร้อมส่งเสียงครางแล้วร้องสะอื้น
ริมฝีปากชื้นบดเบียดกันอย่างดูดดื่มโดยไม่สนลมหายใจหอบระรัว ราวกับจะทำให้อีกคนหายใจไม่ออก ถึงแม้ว่าจะหายใจหอบถี่เพราะแน่นหน้าอก แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะผละริมฝีปากที่ละเลียดกันอย่างชุ่มชื้นออกไปก่อนเลยสักคน
ในสถานที่ที่กิจกรรมอันแสนเนิ่นนานและอึดทนเสร็จสิ้น มีเพียงความเงียบสงบที่ขาวโพลนและว่างเปล่า ไร้ซึ่งความคิดต่างๆ นานา ปกคลุมลงมาเท่านั้น
ทั้งสองคนปรับลมหายใจให้สม่ำเสมอในอ้อมกอดของกันและกัน ฮาจุนยังคงเหมือนวิญญาณออกจากร่างไปครึ่งหนึ่งแต่ก็ไม่ได้หมดสติ มูคยอมซึ่งเป็นฝ่ายตั้งสติได้ก่อน ใช้มือเสยเส้นผมเปียกชื้นของฮาจุนขึ้น สัมผัสจากมือที่ไล่ตั้งแต่ขอบตา ขมับ และสางเข้าไปถึงหนังศีรษะที่อุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้เขารู้สึกดี ฮาจุนกลั้นเสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ยังเล็ดลอดออกจากปากตามอำเภอใจจนกระทั่งตอนนั้น แล้วกะพริบตาช้าๆ
มูคยอมที่เงียบอยู่พักหนึ่ง เผยความรู้สึกอันซื่อตรงออกมาแผ่วเบา
“ขอโทษนะ ฉันเอาแต่ใจมากเกินไป”
ฮาจุนปรือตาขึ้นอย่างรู้สึกหนัก เขาฝังตัวสู่อ้อมอกของมูคยอมพร้อมกับพยักหน้าโดยมีความหมายว่าเห็นด้วย จากนั้นก็ตอบอีกคนอย่างอ่อนแรง
“คราวหน้าถ้าจะใช้… ก็อย่าใช้หลายๆ อันในครั้งเดียวแล้วกัน…”
ความหฤหรรษ์ที่ไม่คุ้นเคยและการทดลองแปลกใหม่มันก็ดีอยู่หรอก แต่สุดท้ายพวกเขาทั้งคู่ต่างก็หมกมุ่นกับสถานการณ์ที่มีประสบการณ์ไม่มากกันเกินไป ฮาจุนคิดอย่างเหม่อลอยแล้วพูดต่อ
“ถ้าคิดว่าเป็นที่ระลึกสำหรับส่งท้ายปี… ก็ไม่แย่นะ”
“สนุกพอตัวใช่ไหม”
“แต่ก็เหนื่อยมาก คงทำบ่อยๆ ไม่ไหวหรอก”
ฮาจุนลูบท้องช้าๆ เพราะรู้สึกเหมือนยังคงเกิดอาฟเตอร์ช็อคในร่างกายอย่างต่อเนื่อง เมื่อทำแบบนั้น มูคยอมก็ขมวดคิ้วพร้อมถามขึ้น
“เจ็บเหรอ”
“เปล่า… ไม่เจ็บ”
มูคยอมเริ่มนวดหน้าท้องเขาเหมือนเวลาปลอบประโลมอาการปวดท้อง ฮาจุนไม่รู้สึกปวดแต่ฝ่ามืออุ่นที่ช่วยลูบไล้ตรงท้องก็ทำให้รู้สึกดี เขาจึงปล่อยให้อีกคนทำไป
ในขณะที่ยังมึนเบลอ เขาก็ลงบทสรุปได้ว่าพวกของเล่นผู้ใหญ่ก็คล้ายกับอุปกรณ์ส่วนใหญ่ เหมือนกับเวลาฝึกซ้อม เมื่อยืมความสามารถของอุปกรณ์หรือเครื่องมือแต่ละอันมา ประสิทธิภาพก็จะเพิ่มสูงขึ้นหน่อย หรือไม่ก็ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ซึ่งยากที่จะไปถึงตรงนั้นได้ด้วยการออกกำลังกายตัวเปล่า แต่สุดท้าย การออกกำลังก็คือการขยับร่างกาย เซ็กส์เองก็เช่นเดียวกัน
ฮาจุนพยายามกะพริบตาที่จวนจะปิด ความสุขสมรูปแบบใหม่กับจุดสุดยอดอันต่อเนื่องทำให้ร่างกายอ่อนล้าเหมือนกระสอบสำลีเปียกๆ หากเป็นแบบนี้ ฮาจุนกังวลว่าจะไม่ได้ดูพลุแล้วผล็อยหลับไป
“เดี๋ยวฉันปลุก นายพักสายตาสักแป๊บสิ”
คงอ่านความคิดแบบนั้นของฮาจุนได้ มูคยอมซึ่งกำลังใช้มือสางผมชื้นเหงื่อจึงกระซิบถ้อยคำหวานอันแสนยั่วยวนที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้
“ข้าวเย็นล่ะ…”
“นายนอนสักหน่อยแล้วค่อยสั่งรูมเซอร์วิสมากินกัน โรงแรมนี้อาหารอร่อย”
เมื่อได้ยินคำว่ารูมเซอร์วิส ในท้องของฮาจุนก็ส่งเสียงโครกครากดังลั่นราวกับพร้อมเดินเครื่อง เสียงนั้นคงส่งไปถึงฝ่ามือของมูคยอม อีกฝ่ายจึงหัวเราะออกเสียง
“จะกินข้าวก่อนไหม”
ฮาจุนส่ายหน้า ตอนนี้ความต้องการนอนหลับนำหน้าความอยากอาหารอย่างไม่ทิ้งฝุ่น
ถึงอย่างนั้น ขนตาดำยาวก็ขยับขึ้นลงอย่างเชื่องช้าอีกหลายครั้งอย่างดื้อดึงไม่น้อย แล้วในที่สุดก็ปิดสนิท ฮาจุนฝากร่างกายไว้กับคลื่นความง่วงงุนที่โหมซัดราวกับคลื่นยักษ์แล้วเคลิ้มหลับไปราวกับหมดสติ
มูคยอมกำลังคุยกับใครบางคนทางโทรศัพท์ที่ถูกจัดไว้ในโรงแรม
ฮาจุนเพิ่งลืมตาตื่นขึ้นแต่ยังไม่ลุกขึ้น ฟังเสียงของอีกฝ่ายทั้งที่ยังมุดหน้ากับหมอน เสียงพูดที่ลดให้แผ่วเบาราวกับพยายามจะไม่ปลุกฮาจุนทั้งสงบและน่าฟัง
สีหน้ายามพูดคุยจริงจังไม่น้อย ฮาจุนสงสัยว่าคุยเรื่องอะไรจึงตั้งใจฟังแล้วพบว่าอีกฝ่ายกำลังสั่งรูมเซอร์วิสที่พูดถึงก่อนเขาหลับ มูคยอมกำลังพลิกหน้าหนังสือเมนูอาหารที่จัดเตรียมไว้ในห้องพร้อมกับพูดชื่ออาหารนู่นนี่ออกมา ในที่สุดฮาจุนก็หลุดหัวเราะเบาๆ
ถึงคุยโทรศัพท์อยู่แต่ก็คงได้ยินเสียงหัวเราะของฮาจุน มูคยอมจึงหันหน้ามา เมื่อสบตากัน อีกคนก็จบบทสนทนาด้วยการพูดว่า “รบกวนด้วยนะครับ” แล้วเดินมาที่เตียง
“ตื่นก่อนปลุกอีกนะเนี่ย”
“ฉันหลับไปนานไหม”
“ประมาณสองชั่วโมง”
มูคยอมสวมชุดคลุมอาบน้ำ ฮาจุนลดสายตาลงสำรวจร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง คราบน้ำรักและเหงื่อไคลถูกทำความสะอาดจนผิวลื่น แต่หัวที่ไม่ได้สระก็ยังรู้สึกไม่สบายอยู่เล็กน้อย เขาลุกขึ้นเพราะอยากอาบน้ำอีกรอบ
“ฉันจะอาบน้ำสักหน่อย”
“โอเค ระหว่างนั้นฉันจะขอให้เขาเปลี่ยนผ้าปูให้ด้วย นายค่อยๆ อาบก็ได้”
ฮาจุนส่งยิ้มแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ แค่อาบน้ำก็กี่รอบต่อวันแล้วล่ะเนี่ย เมื่อจุ่มตัวลงในอาบอ่างน้ำกว้างสบาย ความง่วงที่คั่งค้างอยู่ถึงตอนนี้ก็ถูกน้ำชำระล้างไปหมด สติคมชัดมากขึ้น แล้วความรู้สึกสมจริงที่ว่าวันนี้เป็นการใช้เวลาข้ามปีร่วมกันกับมูคยอมเป็นครั้งแรกก็คืบคลานเข้ามาอย่างฉับพลัน
พอคิดว่าจะได้ต้อนรับปีใหม่ ไม่รู้ทำไมถึงรู้สึกว่าควรทำแบบนั้น ฮาจุนจึงล้างร่างกายทุกซอกทุกมุมอีกหนึ่งรอบ เสร็จแล้วจึงสวมชุดคลุมอาบน้ำสีขาวตัวนุ่ม เมื่อออกมาจากห้องน้ำ ผ้าปูที่นอนก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีใหม่ในระหว่างนั้นตามที่มูคยอมพูดไว้ พอมองดูเตียงนอนขาวสะอาดที่เป็นระเบียบขึ้นราวกับกิจกรรมเริงรมย์ก่อนผล็อยหลับเป็นเรื่องโกหก ฮาจุนก็รู้สึกสดชื่น
รูมเซอร์วิสก็มาส่งเมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนัก เมนูที่มูคยอมสั่งมา ถูกจัดเป็นเซ็ตตรงตามความชอบของฮาจุนเป๊ะๆ ซึ่งตัวฮาจุนชอบกินอย่างหนำใจจนกว่าจะยัดต่อไปไม่ไหว มีทั้งซุปที่ใส่เบซิลกับมะเขือเทศ ผักย่างที่มีดอกกะหล่ำรวมถึงเห็ดหลากหลายชนิด ซี่โครงแกะที่ถูกปรุง และเสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทาเนยกระเทียม สเต๊กเนื้อวัว ซีซาร์สลัดใส่ล็อบสเตอร์ ขนมปังกับปาเตและชีส เชอร์เบทที่ทำจากเสาวรส
“ฉันสั่งมาให้เรากินกันพอ ถ้าเยอะไปค่อยเหลือไว้”
มูคยอมพูดแบบนั้นแต่ฮาจุนไม่คิดจะกินเหลือ มูคยอมเองก็น่าจะเหมือนกัน คนสองคนค่อนข้างหิวจัดจึงกินอาหารไปเรื่อยๆ โดยไม่พูดคุยอะไรอยู่พักหนึ่ง
“อร่อยใช่ไหม”
“สุดๆ”
มีการสนทนาโต้ตอบกันสั้นๆ เป็นครั้งคราว
จานอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะค่อยๆ หมดเกลี้ยงไปทีละจานสองจานตามที่คาด มูคยอมรวมจานเปล่าไปวางไว้ใกล้ๆ ประตูด้วยตัวเองแล้วกลับมาที่โต๊ะ
ทั้งสองคนพูดคุยกันเรื่อยเปื่อยครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยกถังน้ำแข็งใส่แชมเปญกับน้ำมาวางไว้บนโต๊ะเตี้ยแล้วนั่งลงบนโซฟาที่หันออกไปทางหน้าต่างกระจกกว้างเต็มหนึ่งด้านผนัง ฮาจุนดูเวลา พอกินอาหารมื้อค่ำกว่าปกติเสร็จ ตอนนี้จึงเหลือเวลาอีกไม่เท่าไรที่จะถึงช่วงจุดพลุ
“ชนแก้วกันก่อนระหว่างรอไหม”
มูคยอมรินแชมเปญใส่แก้วทรงเรียวยาว สองคนที่นั่งเคียงข้างกันชนแก้วที่บรรจุน้ำสีทองเบาๆ เสียงใสกังวานลอยมาจั๊กจี้หูเล็กน้อย
ฮาจุนอมยิ้มแล้วเอ่ยปากพูดขึ้น
“คิมมูคยอม ปีนี้ก็เหนื่อยมามากเลยนะ”
“โค้ชต่างหาก มัวแต่ใช้ชีวิตแบบมีคิมมูคยอมติดสอยห้อยตามก็เลยลำบากมากเลย”
ทั้งสองคนกลืนแชมเปญรสหวานอมเปรี้ยวหนึ่งอึกให้พอชุ่มคอ จากนั้นก็ถือแก้วไว้พร้อมก้มลงมองทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงระยิบระยับ
เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่ในตัวเมืองลอนดอนน่าจะกำลังรอคอยปีใหม่โดยกกกอดความรู้สึกตื่นเต้นคล้ายๆ กันไว้ พร้อมทั้งมองย้อนกลับไปดูหนึ่งปีที่ผ่านมาและบอกเล่าความปรารถนาสำหรับปีที่ใกล้จะมาถึง บางคนน่าจะกำลังถูจมูกที่รู้สึกเย็นเยียบอยู่นอกบ้านโดยไม่สนใจความหนาวเหน็บ บางคนก็น่าจะกำลังจับจองพื้นที่ริมหน้าต่างเหมือนพวกเขาสองคนพร้อมกับรอให้ท้องฟ้าส่องสว่างขึ้นอย่างคาดหวัง
‘ที่เกาหลีน่าจะเข้าสู่ปีใหม่ไปแล้วสินะ เดี๋ยวต้องโทรศัพท์ไปหาทีหลัง’ ฮาจุนคิด เขารู้สึกว่าหนึ่งปีก่อนที่เคยดูถ่ายทอดตีระฆังคืนส่งท้ายปีในทีวีกับครอบครัวนั้นผ่านมาเนิ่นนานแล้ว
“จริงๆ แล้ว ต่อให้บอกว่าเป็นวันสุดท้ายของปี แต่จนถึงตอนนี้ ฉันก็ไม่เคยใช้เวลาแบบนี้มาก่อนเลย”
เสียงของมูคยอมที่ทอดสายตามองวิวกลางคืน ดังแหวกบรรยากาศตื่นเต้นเข้ามาอย่างแผ่วเบา ฮาจุนเบนสายตาไปหาอีกฝ่าย มูคยอมยังคงจับจ้องไปนอกหน้าต่าง