Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 38
ตอนที่มาถึงที่บ้านของมูคยอม มูคยอมก็ดูจะหลับสนิทจริงๆ ฮาจุนจึงประคองมูคยอมลงจากรถอย่างทุลักทุเล โชคดีที่เขาเคยเป็นนักกีฬามาก่อน ถ้าเป็นคนธรรมดาทั่วไป ต่อให้เป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงก็คงจะประคองอีกฝ่ายเพียงลำพังไม่ไหว ฮาจุนที่แบกมูคยอมที่ทั้งรูปร่างสูงใหญ่และตัวหนักมาถึงหน้าประตูบ้านจนได้
“คิมมูคยอม คิมมูคยอม! ตั้งสติแป๊บหนึ่งสิ กุญแจอยู่ไหน”
“อะอืม อะไร”
“กุญแจเปิดประตู”
มูคยอมลืมตาปรือๆ ขึ้นมา พอเห็นฮาจุนแล้วก็สอดมือเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่องช้า ฮาจุนเอากระเป๋าสตางค์ของมูคยอมออกมาถือไว้ก่อนที่มูคยอมจะเอาออกมา เขาหาสิ่งที่เหมือนกับคีย์การ์ด จากนั้นก็เอาไปแตะที่ประตู ประตูก็เปิดออก เขาลากมูคยอมเข้ามาพลางครวญคราง
จะพาไปถึงห้องนอนชั้นสองก็ลำบากเกินไป แล้วฮาจุนเองก็ยังไม่เคยเข้าไปในห้องนอนของมูคยอมด้วยเลยไม่รู้ว่าตัวเองเข้าไปในห้องนอนของอีกฝ่ายได้หรือเปล่า ฮาจุนเดินโซเซตัดผ่านห้องรับแขกกว้างๆ พร้อมกับลากมูคยอมไปไว้ที่โซฟา ทันทีที่เห็นโซฟาก็โยนมูคยอมลงไปนั่งทันที
“เฮ้อ…”
ทำไมต้องมาออกแรงกลางดึกแบบนี้เนี่ย
พอมองลงไปที่มูคยอมที่นอนหลับตาทั้งๆ ที่นั่งพิงหมิ่นเหม่อยู่อย่างนั้น ฮาจุนก็พิงกับโซฟาและทรุดลงไปนั่งกับพื้น เขาแอบออกมาจากบ้าน และตั้งใจจะกลับไปในอีกไม่ช้า แต่เรื่องก็ดันใหญ่ขึ้น
แต่ก็ดีแล้วที่ตามมาดู ถ้ามูคยอมอยู่คนเดียว คนช่วยขับรถคงไม่พาเขามาถึงที่บ้าน ถึงใช้เวลาอยู่ในรถสักคืนก็คงจะไม่เป็นอะไร แต่ในเมื่อเมาแล้วและไหนๆ ก็เป็นวันหยุดที่ไม่ได้มีบ่อยๆ ก็เลยอยากให้พักผ่อนให้เต็มที่
“อะอืม”
ฮาจุนที่มองมูคยอมที่คงจะร้อนจึงทำหน้าบึ้งพลางใช้มือลูบไปที่คอ ส่งเสียงโอดโอยออกมาพลางพยุงให้อีกฝ่ายลุกขึ้น และชูแขนขึ้นเพื่อถอดเสื้อออก แต่แล้วมูคยอมก็ลืมตาขึ้นมาและสบตาเข้ากับฮาจุน เขาจึงพูดออกไปพลางคิดว่า
ดีแล้ว
“ร้อนใช่ไหม ถอดเสื้อออกสักหน่อยนะ”
มูคยอมถอดเสื้อออกอย่างอ่อนโยนและโยนทิ้งไป ร่างกายที่มีกล้ามเนื้อเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนกลางค่ำคืน หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก ฮาจุนก็มุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำที่มูคยอมใช้ เป็นสถานที่ที่เขายังไม่เคยเข้าไปเลยสักครั้งเหมือนกับห้องนอน แต่วันนี้เป็นเหตุการณ์ฉุกเฉิน
ห้องน้ำดูมีพื้นที่และอ่างอาบน้ำที่ใหญ่กว่าห้องน้ำสำหรับแขกที่ฮาจุนใช้ ไม่ได้แตกต่างมากนัก ฮาจุนหาแปรงสีฟันจากบนชั้นวางและบีบยาสีฟันลงไป และกลับไปหามูคยอมอีกครั้ง โชคดีที่เขายังลืมตาอยู่
“ถ้าเมาแล้วหลับไปเฉยๆ ฟันจะผุเอานะ แปรงฟันสิ”
มูคยอมได้แต่เหม่อมองฮาจุน แม้แต่มือก็ไม่ขยับ ฮาจุนที่ถอนหายใจออกมาเอาแปรงสีฟันใส่ไว้ในมือของอีกฝ่าย แล้วก็เอาแปรงสีฟันใส่เข้าไปในปากให้ด้วย จากนั้นมูคยอมก็เริ่มแปรงฟันเหมือนกับเครื่องจักร
เขาพาอีกฝ่ายไปที่ห้องน้ำอีกครั้ง เพื่อให้อีกฝ่ายบ้วนปากและล้างมือล้างขา ถึงจะเกิดความขัดแย้งในใจขึ้นมาสั้นๆ แต่ก็ไม่กล้าอาบน้ำให้คนตัวใหญ่ที่เมาเหล้าในสถานการณ์ที่เขาต้องกลับบ้านก่อน จึงทำเพียงแค่นั้นและลากอีกฝ่ายไปที่ห้องน้ำสำหรับแขกที่เขามักจะใช้เวลามีเซ็กซ์กัน
พอเห็นเตียงมูคยอมก็นอนลงทันทีโดยที่ฮาจุนไม่ต้องบอก พร้อมกับถอนหายใจยาวๆ ออกมา ฮาจุนนั่งหมิ่นลงบนขอบเตียงภายในห้องที่มืดสลัว และมองลงไปที่อีกฝ่าย ก่อนจะเอ่ยพร้อมรอยยิ้มโดยที่ไม่รู้ตัว
“อยู่ได้ไหม”
“อืม”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ ทำไมถึงได้ดื่มหนักขนาดนั้น”
“มันนานแถมยังหัวร้อนอีก เลยไม่รู้จะทำยังไง…”
“นานเหรอ อะไร แล้วทำไมถึงหัวร้อนล่ะ”
มูคยอมดึงแขนของฮาจุนเอาไว้แทนคำตอบ ฮาจุนไม่ทันตั้งตัวกับการโจมตีที่ไม่คาดคิด จึงล้มลงไปบนร่างของมูคยอมทั้งอย่างนั้น ชีพจรของอีกฝ่ายที่เต้นเร็วและรุนแรงกว่าปกติหลังจากดื่มเหล้าเข้าไปถูกถ่ายทอดผ่านแผ่นอกที่สัมผัสกัน
“อืม…”
มือของมูคยอมสอดเข้ามาในเสื้อหลวมๆ ของฮาจุนทันทีและลูบไล้ไปบนหลัง ปลายนิ้วของอีกฝ่ายที่อยู่ในอาการเมานั้นร้อนกว่าปกติ อาจจะเป็นเพราะอากาศเย็นๆ ภายในห้อง ร่างกายที่ร้อนขึ้นมาเพราะประคองมูคยอมจึงไม่ได้รังเกียจความร้อนจากปลายนิ้วของอีกฝ่าย ส่วนมืออีกข้างก็ลูบไล้ตั้งแต่หัวไปจนถึงต้นคอซ้ำไปซ้ำมา
เขาเพิ่งจะแนบชิดติดกันจนไปถึงจุดสุดยอดหลายต่อหลายครั้งเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง ผลกระทบจากการกระทำอันโหดร้ายยังไม่หายไป และยังคงหลงเหลืออยู่ในร่างกาย ถ้าคิดถึงร่างกายก็คงจะใช้ปากหรือมือทำให้เสร็จ แต่ตอนนี้อีฮาจุนอยากจะตอบสนองทุกอย่างหากมูคยอมต้องการ แล้วจะมีช่วงเวลาแบบนี้อีกไหมนะ ยังไงพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดอยู่แล้ว
มูคยอมที่เมาจูบเขาในทันที เมื่อริมฝีปากที่มีทั้งกลิ่นแอลกอฮอล์และกลิ่นยาสีฟันประกบมาภาพที่อยู่ตรงหน้าก็หมุนเคว้งราวกับมีแสงอาทิตย์อันร้อนแรงสาดส่องอยู่ในหัว
จูบของอีกฝ่ายที่เมาแตกต่างไปจากปกติ แทนที่จะใช้ลิ้นดุนดันกวาดเข้าไปลึกๆ กลับบดขยี้ริมฝีปากก่อน เขาทนกับความรู้สึกที่ริมฝีปากนุ่มๆ จั๊กจี้บริเวณริมฝีปากเหมือนกับขนนกไม่ไหวจึงเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยพร้อมกับหัวเราะออกมา มูคยอมมองดูฮาจุนอยู่เงียบๆ สักพักก็ค่อยๆ ดึงคอกลับคืน
ฮาจุนที่ตั้งใจจะก้มหน้าลงไปแบบนั้นเกิดนึกสงสัยขึ้นมาจึงไม่ประกบริมฝีปากลงไปทันทีและขืนคอเอาไว้พร้อมกับมองลงไปที่มูคยอม ทำไมล่ะ อีกฝ่ายถามออกมาด้วยสีหน้าที่เจือไปด้วยความไม่พอใจอยู่หน่อยๆ ฮาจุนจึงเปิดปากพูด
“คิมมูคยอม รู้ไหมว่าฉันคือใคร”
“อีฮาจุนไง โค้ชผู้ขยันขันแข็งของเรา”
มูคยอมตอบออกมาห้วนๆ ราวกับได้ฟังคำถามที่ดูโง่เง่า และดึงคอของฮาจุนเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ฮาจุนเองก็โน้มตัวลงไปอย่างอ่อนโยน
รู้สินะ
เพราะต่างกับปกติมากเลยคิดว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นคนอื่นเพราะฤทธิ์เหล้าหรือเปล่า
ถึงแม้ตอนแรกจะเริ่มจากการจูบ แต่พอเจอกันไปเรื่อยๆ ก็รู้ว่ามูคยอมเป็นผู้ชายที่ติดการจูบ ทั้งๆ ที่รังแกด้านหลังของเขาเป็นเวลาหลายชั่วโมงก็ไม่ละริมฝีปากออกไปง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ตัวเองอยากจูบขึ้นมาหรือเวลาที่กิจกรรมต่างๆ จบลง เขาก็มักจะมอบจูบให้หนึ่งครั้งราวกับเป็นการแสดงความขอบคุณครั้งสุดท้าย
ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น ฮาจุนก็จะปล่อยร่างกายของตัวเองให้กับริมฝีปากนั้นที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำชื้นแฉะ ราวกับบรรเทาความเจ็บปวดที่รู้สึกได้เพราะการกระทำที่รุนแรง หรือความรู้สึกอันรุนแรงเกินกว่าจะทนได้
ปกติถ้าเมาก็คงจะใช้กำลัง แต่ดูเหมือนคิมมูคยอมจะเป็นคนที่ถ้าเมาแล้วจะอ่อนโยนขึ้น แต่เพราะว่าเขาเป็นโค้ช จึงไม่ควรหวังว่าอีกฝ่ายจะดื่มเหล้าจนเมาบ่อยๆ ได้ แต่ก็อยากคว้าความโชคดีที่จู่ๆ ก็ได้รับอย่างตอนนี้เอาไว้ให้นานกว่านี้ เหมือนกับวันแรกที่ได้มีเซ็กซ์กัน รู้สึกเหมือนจะเมากลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนๆ ที่ออกมาจากตัวของอีกฝ่ายเสียแล้ว
“อือ อะ…”
มูคยอมที่จั๊กจี้ริมฝีปากและประกบปากลงไปแรงๆ หนึ่งครั้ง ในที่สุดก็บุกเข้ามาในปากของเขา ร่างกายสั่นสะท้านโดยอัตโนมัติเพราะสัมผัสของลิ้นที่ทั้งแข็งและอ่อนนุ่มที่ควานไปที่ปลายลิ้นและด้านหลัง และลูบไล้ไปทั่วเยื่อบุอ่อนนุ่ม จูบของเขามักจะเป็นจูบที่รุนแรงและดันเข้าไปลึกๆ เหมือนกับการสอดแทรก แต่ตอนนี้เหมือนกับการลูบไล้เขาอย่างรักใคร่ด้วยลิ้น
อีกนิด อีกนิดเท่านั้น
ฮาจุนที่จริงจังขึ้นมาเพราะความรู้สึกดีที่ไม่คุ้นเคยซึ่งไม่ได้มีบ่อยๆ หายใจหอบและแนบกายเข้าไปใกล้ๆ มูคยอมมากขึ้น และแล้วมูคยอมที่ลุกล้ำเข้าไปในปากก็เอามือกุมแก้มทั้งสองข้างของฮาจุนและดันออกไปเล็กน้อย จากนั้นก็กัดริมฝีปากด้วยริมฝีปากเหมือนกับคนที่กำลังกินอาหารอร่อยๆ มากกว่าจูบ
“อื้อ… อ๊ะ”
เหมือนกับตอนที่กินซอฟต์ครีมที่แค่เอาริมฝีปากไปแตะโดยที่ไม่จำเป็นต้องกัดแรงๆ ก็หลอมละลาย ริมฝีปากของมูคยอมจึงประกบริมฝีปากบนและล่างของฮาจุน และในบางครั้งก็ประกบทั้งบนและล่างพร้อมกับดูดดึงเบาๆ ซ้ำไปซ้ำมา
อ่อนโยน อ่อนโยนเหลือเกิน… อีกฝ่ายกัดริมฝีปากครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เขาเวียนหัวเข้าใจไปเองว่าตัวเองกลายเป็นครีมที่ค่อยๆ ละลายอยู่ในปากของเขาจริงๆ เหมือนการลูบไล้ด้วยความรักใคร่มากกว่าการจูบ ภายในหัวรู้สึกสับสนขึ้นมา
แตกต่างกับความรู้สึกดีอันดุดันที่ฟาดฟันไล่ต้อนเขาราวกับแส้ ส่วนล่างภายในร่างกายร้อนผ่าวขึ้นมาราวกับน้ำอุ่นๆ ที่ไหลมารวมตัวกันในที่เดียวอย่างช้าๆ
“ฮ๊า อ๊า…”
รู้สึกเหมือนสิ่งที่เหมือนกับไส้เทียนที่มองไม่เห็นที่อยู่ในตัวเขากำลังหลอมละลายลงมาจากจุดศูนย์กลางของร่างกาย ฮาจุนจึงดึงคอของมูคยอมเข้ามากอดเอาไว้ราวกับห้อยอยู่ มือของมูคยอมที่วางอยู่บนหลังคอและหลังเอวของฮาจุนเองก็เกร็งเล็กน้อย
ดูดดึงริมฝีปากอย่างอ่อนโยนราวกับหลอมละลายอยู่อย่างนั้น และเมื่อถึงจุดหนึ่งลิ้นของอีกฝ่ายก็ดุนดันเข้ามาระหว่างริมฝีปากที่เผยอออกโดยไร้เสียงใดๆ ขณะที่คลอเคลียโลมเลียใต้ลิ้น ปลายลิ้น และด้านข้าง ฮาจุนก็ทนกับความรู้สึกดีอันอ่อนนุ่มนั้นไม่ไหว เขาตัวสั่นและส่งเสียงครางออกมา ริมฝีปากของทั้งคู่จึงประกบกันอีกครั้งราวกับแตะเบาๆ
ปรับมุมใบหน้าพร้อมกับประกบปากกันหลายต่อหลายครั้ง และเสียงชื้นแฉะเบาๆ ที่ดังขึ้นทุกครั้งที่ทำแบบนั้น แทรกซึมเข้าไปในหัวใจของฮาจุนราวกับสายฝนบางๆ ที่ตกลงมาในห้องอันเงียบงัน
“…”
และในตอนนั้นเอง
มือที่โอบเอวของฮาจุนเอาไว้ก็ค่อยๆ ผ่อนแรงลง การสัมผัสและไออุ่นที่ห่อหุ้มริมฝีปากเอาไว้ก็ค่อยๆ จางหายไป ถึงฮาจุนที่ตกอยู่ในห้วงแห่งการจูบอย่างเต็มที่จะรู้สึกได้แต่ก็อยู่อย่างนั้นไปสักพัก จากนั้นก็ค่อยๆ ลืมตาและหยัดกายขึ้นเล็กน้อย
ส่วนมูคยอมก็หลับตาสนิทและผ่อนลมหายใจเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ดูเหมือนว่าความเมาจะครอบงำร่างกายของอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์แล้ว ฮาจุนที่จ้องมองใบหน้าของอีกฝ่ายเผยรอยยิ้มเล็กๆ ออกมาอยู่เงียบๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นและลงมาจากตัวของมูคยอม
อีเว้นท์สั้นๆ จบลงแล้ว ต้องบอกว่าโชคดีที่ได้กลับบ้านเร็วไหมนะ
ฮาจุนนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงและจ้องมองใบหน้าด้านข้างของมูคยอมที่หลับใหลไปสักพัก ใบหน้าหล่อเหลาที่มองทุกวันก็ไม่เบื่ออยู่ตรงนั้น ใบหน้าที่ไม่มีส่วนไหนเลยที่รังสรรค์ขึ้นมาอย่างขอไปที จมูกโด่งได้รูปรับกับคิ้วหนาๆ ที่เลิกขึ้นไปเล็กน้อยดูดื้อรั้น คางที่ทั้งแหลมและเข้ารูปชวนมอง ริมฝีปากที่ไม่หนาและไม่บาง ที่เพิ่งทำให้เขาหลงใหล ถึงแม้ว่าตอนนี้จะปิดสนิท แต่ก็ทำให้ใบหน้าของอีกฝ่ายดูไร้เดียงสาเวลาที่ยิ้มออกมา
“โชคดีนะที่เป็นฉัน ถ้านายไปกินเหล้าแล้วทำแบบนี้กับคนอื่นก็จะถูกเข้าใจผิดและโดนด่า”
ฮาจุนบ่นโดยไร้ซึ่งความเกลียดชังต่อใบหน้านั้น
“ขอบใจสำหรับตุ๊กตานะ”
ฮาจุนขอบคุณมูคยอมที่กำลังหลับใหลอีกครั้งด้วยเสียงอันแผ่วเบา
“รวมถึงจูบด้วย”
ฮาจุนหยิบตุ๊กตาที่ถือมาจนถึงที่บ้านของมูคยอมขึ้นมาถือเอาไว้ เวลาล่วงเลยไปเกินกว่าหนึ่งชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว กำลังเลยตีสี่ไปแล้ว ต้องกลับไปที่บ้านโดยที่ไม่ให้คนในครอบครัวสังเกตเห็น
พอออกมาจากบ้านของมูคยอม ไอร้อนก็ปกคลุมไปทั่วใบหน้าเหมือนกับตอนที่ออกมาจากบ้านเป็นครั้งแรก บรรยากาศนั้นที่ก่อนหน้านี้รู้สึกเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายใจ ตอนนี้กลับรู้สึกประหลาดใจและอบอุ่นราวกับการต้อนรับจากอีกโลกหนึ่ง ทางเดินมืดๆ ที่มีเพียงแสงสว่างของไฟข้างทางท่ามกลางหมอกในช่วงเช้ามืดไม่มีรถเลยสักคันเหมือนกับเป็นโลกอีกใบ
แต่ถึงอย่างนั้น ฮาจุนที่ยืนเปียกเหงื่อท่ามกลางอากาศยามค่ำคืนของฤดูร้อนอย่างเหม่อลอยไร้ความกระวนกระวายใจก็ยกมือขึ้นเรียกแท็กซี่ที่เปิดไฟรับผู้โดยสารมาแต่ไกล เส้นทางที่บอกว่าช่วงเวลาแห่งเวทมนตร์ได้จบลงและพาเขากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เมื่อขึ้นไปบนรถ เพลงดังในสมัยก่อนก็ดังออกมาจากวิทยุที่คนขับรถเปิดเอาไว้ ฮาจุนถอนหายใจออกมาด้วยความว้าวุ่น และเอนหัวลงบนพนักพิง
วันนี้เขาขึ้นโรลเลอร์โคสเตอร์เพราะมูคยอมไปตั้งหลายครั้งในวันเดียว แต่ถึงยังไงวันนี้ก็จบลงได้ด้วยดีจริงๆ
***
“พี่ แม่บอกให้มากินมื้อเที่ยงก่อนค่อยนอน”
ตอนที่ฮาจุนลืมตาตื่นขึ้นมาก็เที่ยงแล้ว เมื่อเช้ามืดเขาหลับๆ ตื่นๆ เพราะมูคยอม
ก่อนหน้านี้การตื่นแต่เช้าโดยที่ไม่ต้องมีใครมาปลุกไม่ใช่เรื่องยากเลย เวลากังวลเรื่องที่นอนไม่หลับก็จะกังวล แต่ไม่เคยกังวลถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นเลย อย่างเรื่องสายนี่ก็เป็นเรื่องไกลตัวมาก เขามักจะตื่นเป็นคนแรกของครอบครัวตลอด แต่หลังจากที่รักษาอาการบาดเจ็บแล้วก็นอนตอนเช้ามากขึ้นเรื่อยๆ
เห็นว่าวันนี้มีเรียนเสริม แต่วันนี้คงจะไปเรียนตอนบ่าย มินคยองจึงมาปลุกฮาจุนในตอนกลางวันด้วย ฮาจุนขยับตัวและตอบกลับไปอย่างงัวเงีย
“อือ เดี๋ยวออกไป”
“โอ๊ะ พี่! นี่อะไรเนี่ย”
ฮาจุนลืมตาขึ้นมาทันทีเพราะเสียงแหลมๆ ของมินคยองที่ได้ยินก่อนที่จะตั้งสติได้เสียอีก
พอลุกขึ้นมามินคยองที่เดินไปจากบริเวณเตียงแล้วถือตุ๊กตาแมวเอาไว้ในมือพร้อมกับมองฮาจุนด้วยความตกใจ มินคยองทำตาโตพร้อมกับถามอย่างรีบร้อน
“พี่ซื้อมาเหรอ ช่วงนี้หายากนะ”
“อ๋อ… อือ”
‘พี่หามาอย่างยากลำบากเพราะอยากจะให้เป็นของขวัญกับมินคยองของเราไงละ’
‘ที่จริง คิมมูคยอมที่เคยเจอกันก่อนหน้านี้ เขาบอกให้พี่เอามาให้เธอ’
คำพูดเหล่านั้นควรจะออกมาในทันที แต่กลับติดอยู่แต่ในปากของฮาจุน ร่างกายกับใจสวนทางกัน เหมือนจะมีเหงื่อซึมออกมาที่มือด้วย มันเป็นตุ๊กตาที่เขาไม่ได้สนใจอะไร แต่พอน้องบอกว่าอยากได้ก็ตั้งใจตามหาร้านที่ขายอย่างเต็มที่
พอได้มาด้วยความโชคดีก็ควรจะให้เป็นของขวัญด้วยความยินดี ตอนแรกเขาตั้งใจจะทำแบบนั้น เลยตั้งใจไม่เอาออกมาจากกล่อง และวางเอาไว้บนโต๊ะหนังสือทั้งอย่างนั้น
“น่ารักจังเลย! พี่ ตุ๊กตานี่… เป็นของฉันหรือเปล่า”
มินคยองถามพลางจับมือของตุ๊กตาและขยับขึ้นลงอย่างน่าเอ็นดู
‘แน่นอนสิ ถ้าไม่ใช่ของมินคยองของเราแล้วจะเป็นของใครกัน’
สิ่งที่จะตอบออกไปผุดขึ้นมาในหัวเหมือนกับเป็นบทที่กำหนดเอาไว้แล้ว แต่ฮาจุนก็ไม่สามารถพูดตอบออกมาได้ และมองมินคยองด้วยความลังเล เป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาเลยที่รู้สึกแบบนี้
ทำไมล่ะ เพราะเป็นของที่มูคยอมให้เขางั้นเหรอ แต่มูคยอมเองก็ไม่ได้เอาตุ๊กตามาให้ฮาจุนเป็นของขวัญ อีกฝ่ายหาตุ๊กตามาให้เพราะได้ยินที่ฮาจุนกับจองคยูคุยกันว่าฮาจุนอยากให้ตุ๊กตาเป็นของขวัญแก่มินคยอง
เพราะฉะนั้น ตุ๊กตาแมวตัวนั้นจึงเป็นของมินคยองมาตั้งแต่แรก เป็นของที่มินคยองบอกว่าอยากได้ และเขาเองก็อยากให้มินคยองเป็นของขวัญจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มา แม้ว่าจะเกิดความโลภขึ้นมา แต่ก็ต้องเสียสละให้อยู่แล้ว ตุ๊กตาบนเตียงของผู้ชายอายุยี่สิบหกเนี่ยนะ ทั้งไม่เข้ากันและไม่น่ามองเอาเสียเลย