Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 41
“สวัสดีครับ! ขอโทษที่มาช้านะครับ”
เขาคนนั้นก้าวเท้าไวๆ เข้าใกล้นักเตะคนอื่นๆ สายตาของมูคยอมมองตามไปยังทิศทางดังกล่าว ชายที่เพิ่งเข้ามาในสนามฝึกคือคนที่มูคยอมไม่เคยเห็นหน้าคร่าตามาก่อน นี่ก็ผ่านมาแล้วหลายเดือนนับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในทีมนี้ ในตอนนี้สตาฟ เจ้าหน้าที่ดูแลสนามฝึกซ้อม หรือแม้แต่นักโภชนาการเขาก็จำหน้าได้หมดแล้ว แต่กับคนคนนี้ไม่ว่าเขาจะพยายามค้นหาในหัวเท่าไหร่ก็ไม่มีอยู่ในความทรงจำเลยแม้แต่น้อย
รูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าสะอาดสะอ้าน ไหนจะหน้าตาที่แสดงออกอย่างแจ่มใส สวมใส่เสื้อยืดสำหรับเล่นกีฬา แต่ทว่าไม่ใช่เสื้อทีมสำหรับสตาฟที่ซิตี้โซลจัดซื้อให้ ผู้จัดการทีมต้อนรับผู้มาใหม่ด้วยความยินดี พลางกวักมือเรียกให้มายังจุดที่ตนยืนอยู่
“สวัสดีครับ ผู้จัดการทีม สวัสดีครับ โค้ชทุกท่าน”
“อย่างน้อยนายก็มาถึงก่อนเริ่มพอดี ไปยืนประจำที่เลย”
ชายคนนั้นพยักหน้าพลางยิ้มรับคำชี้แนะจากผู้จัดการทีมก่อนไปยืนข้างๆ ฮาจุน ราวกับว่าเป็นที่ประจำของตน ชายคนนี้ตัวสูงกว่าฮาจุน แต่ก็ดูเหมือนว่าจะสูงน้อยกว่ามูคยอม
ทันทีที่ผู้มาใหม่ไปยืนในตำแหน่งของตัวเอง ฮาจุนก็เงยหน้ามองชายคนนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสราวกับว่ายินดีจากใจจริงแล้วยกมือยื่นออกในระดับไหล่ เมื่อเห็นเช่นนั้นชายคนดังกล่าวก็จ้องมองฮาจุนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม และยื่นมือส่งกลับไป
ทั้งสองคนแปะมือกันเบาๆ ครั้งสองครั้ง ราวกับว่าเป็นสิ่งที่ทำกันด้วยความคุ้นชินก่อนจะยืนเอามือไพล่หลัง หันหน้าไปทางนักเตะคนอื่นๆ ระหว่างนั้นรอยยับย่นระหว่างคิ้วของมูคยอมก็ชัดเจนขึ้นโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว
มูคยอมเอียงคอเล็กน้อย และเอ่ยถามจองคยูที่ยืนอยู่ข้างกัน
“หมอนั่นมันเป็นใคร?”
“อ่า พี่คนนั้นเหรอ”
ไม่ทันที่จองคยูจะได้ตอบอะไร ผู้จัดการทีมก็แนะนำชายคนนั้นขึ้นมาก่อน
“ฉันขอแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับโค้ชยุนแชฮุน ที่จะมาช่วยโค้ชในการฝึกซ้อมนอกสถานที่ครั้งนี้ ด้วยชื่อเสียงที่โด่งดังมากๆ ของเขา ฉันคิดว่าบางคนอาจจะรู้จักเขาอยู่แล้ว หลังจากที่ทำกิจกรรมอยู่ในเจลีก ในช่วงครึ่งปีหลังเขาก็ได้เดินทางกลับมาที่เกาหลี เขาได้ร่วมงานกับโค้ชที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างโค้ชทาคาฮาชิมาแล้ว ดังนั้นต่อจากนี้ไปพวกเราคงจะได้เรียนรู้ และได้รับความช่วยเหลือจากเขาเยอะเลยทีเดียว น่าเสียดายที่เขาวางแผนกิจกรรมของตัวเองเอาไว้แล้วเลยมาอยู่กับทีมเรายาวๆ ไม่ได้ แต่ในการฝึกซ้อมนอกสถานที่ครั้งนี้ เขาก็ได้ตัดสินใจมาช่วยพวกเราเหมือนเป็นทีมของตัวเอง”
ตอนนั้นเองชายหนุ่มชื่อยุนแชฮุนก็กล่าวทักทายขึ้นมา
“ผมดีใจมากครับที่ได้มาเกาหลีหลังจากไม่ได้กลับมานาน ผมได้ยินมาตั้งแต่อยู่ญี่ปุ่นแล้วล่ะครับ ว่าช่วงนี้ทีมซิตี้โซลคว้าชัยชนะมาได้ตลอด พอได้มาร่วมฝึกด้วยแบบนี้เลยรู้สึกเป็นเกียรติมากเลยครับ ถึงจะเป็นเวลาช่วงเวลาสั้นๆ แต่เรามาสู้ไปด้วยกันนะครับ!”
ฝากตัวด้วยครับ! เหล่านักเตะเพิ่มระดับเสียงขึ้นราวกับแสดงการต้อนรับ หลังได้พบกับน้ำเสียงกระปรี้กระเปร่าและท่าทางเป็นเป็นมิตรของชายตรงหน้า มีเพียงมูคยอมที่ไม่เปิดปากออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
ไม่นานการฝึกซ้อมกับลูกฟุตบอลก็เริ่มต้นขึ้น คนอื่นๆ จับกลุ่มหกคน และฝึกส่งบอลกัน ขณะที่มูคยอมอาสามาฝึกยิงจุดโทษแทน เขาจับคู่กับจองคยู และเดินออกไปในจุดที่ห่างกับกลุ่มอื่นเล็กน้อย ทั้งสองพูดคุยกันระหว่างรับส่งบอล
“คนที่ชื่อยุนแชฮุนนั่น นายก็รู้จักเหรอ”
“ใช่ ฉันก็อยู่กับเขานั่นแหละ ตอนที่เข้าโปรทีมครั้งแรก”
ตู้ม บอลที่ถูกเตะอย่างแรงลอยออกนอกมือของจองคยูอย่างน่าหวาดเสียวไปติดอยู่ที่ตาข่าย จองคยูเดาะลิ้นอย่างรู้สึกเสียดาย พวกเขาฝึกอย่างนั้นโดยไม่พูดไม่จากันอยู่สักพัก มูคยอมตั้งท่า เตะลูกออกไป ส่วนจองคยูก็ทำหน้าที่สกัด บางครั้งเมื่อมีลูกเตะที่จองคยูสกัดไว้ได้มูคยอมก็จะขมวดคิ้วขึ้นมา
“พักกันหน่อยเถอะ”
จองคยูที่สกัดบอลของมูคยอมอยู่พักหนึ่งเป็นฝ่ายเสนอให้พักก่อน ทั้งคู่เลยพากันเดินกลับมาดื่มน้ำที่ม้านั่งข้างสนาม
ระหว่างนั้นคนอื่นๆ ยังคงรับส่งบอลกันอย่างไม่หยุดพัก ส่วนฮาจุนก็เดินวนเวียนอยู่ในกลุ่มนักเตะพวกนั้นเหมือนเคย หากพูดถึงสิ่งที่ต่างไปจากปกติก็คงจะเป็นที่ข้างกายของฮาจุนมีชายชื่อยุนแชฮุนยืนอยู่ไม่ห่าง ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูก ต้องบอกว่าตลอดทางในการเดินดูนักเตะ ยุนแชยุนเดินตามฮาจุนต้อยๆ เหมือนกับลูกเจี๊ยบที่ไล่ตามแม่ไก่เลยล่ะ
ทั้งสองคนเดินไปคุยเจื้อยแจ้วกันไปเรื่อย ทั้งยังหัวเราะออกมาบ่อยๆ มูคยอมเผยใบหน้าหงิกงอออกมา เมื่อเห็นฮาจุนอ้าปากกว้างหัวเราะเสียงดังจนเกือบจะเห็นลิ้นไก่
“เขาดูสนิทกับโค้ชอีนะ”
“ใคร”
“คนที่ชื่อยุนอะไรนั่น”
“ใช่ สนิทกันมากเลยล่ะ หลังจากที่ฮาจุนออกจากงานก็กังวลว่าจะทำยังไงต่อกับชีวิต พี่เขาก็ช่วยไว้เยอะเลย คนที่ชักชวนให้ฮาจุนเข้ามาเป็นโค้ชก็พี่คนนี้นี่แหละ แถมยังเรียนมาด้วยกันอีก ฮาจุนได้เรียนรู้จากพี่แชฮุนมาเยอะมากเลยนะ ฉันว่านายคิดแบบนี้ก็ได้ มองในมุมนายพี่คนนี้ก็เหมือนผู้จัดการทีมพัคนั่นแหละ”
ถ้าอย่างนั้นก็ถือเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษมากเลยนะ เมื่อได้ยินคำพูดที่บอกว่าเทียบได้กับผู้จัดการทีมพัค มูคยอมก็พยายามจะเข้าใจถึงความสนิทสนมที่แตกต่างจากคนทั่วไป ระหว่างนั้นเองแชฮุนก็กำลังแกล้งใช้มือยีเส้นผมของฮาจุนอยู่
ฮาจุนปัดมือนั้นออกก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น ทั้งสองหยอกล้อไปมาราวกับว่ากำลังเล่นซ่อนหากันอยู่ ท้ายที่สุดฮาจุนที่ถูกจับตัวเอาไว้ นั่นเขาเข้าไปหัวเราะคิกคักอยู่ในอ้อมกอดของยุนแชฮุนแล้วไม่ใช่เหรอ
“นายไม่มีตาหรือไง”
“ทำไม อะไรกับฉันอีก”
จองคยูเบิกตากว้างอย่างสงสัย เมื่ออยู่ๆ คำด่าก็วิ่งเข้าหาโดยไม่ทันตั้งตัว แต่มูคยอมก็ไม่อธิบายอะไรต่อ และทำเพียงแค่จ้องแชฮุนและฮาจุนต่อไป
ไอ้นี่มันไปมองตรงไหนถึงได้บอกว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้เหมือนเขากับผู้จัดการทีมพัค มองยังไงก็เหมือนคนจีบกันต่อให้มองอีกร้อยครั้งก็ยังเหมือนคนจีบกันอยู่ดี
ไม่สิ บางทีเขาอาจจะจีบกันเสร็จเรียบร้อยจนไปขึ้นเตียงกันแล้วก็ได้ จากประสบการณ์ตรงมูคยอมรู้ดีเลยล่ะว่าฮาจุนน่ะไวไฟแค่ไหน แค่อิมจองคยูยังไม่รู้ความจริงว่าฮาจุนชอบผู้ชายเลยอาจจะยังมองไม่ออก เพราะปกติเจ้านี่ก็เป็นคนที่ดูเหมือนจะรู้ทุกเรื่องราวมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“เขาเคยเป็นนักเตะมาก่อนเหรอ”
“ไม่ ก่อนหน้านี้พี่เขาเป็นเทรนเนอร์อยู่ แล้วบังเอิญได้มาช่วยดูร่างกายของนักฟุตบอลพอดีก็เลยเบนเข็มมาทางนี้ พี่เขาเก่งเลยนะ ฮาจุนเองก็รู้จักกับพี่เขามาตั้งแต่สมัยที่เป็นนักเตะแล้วก็ดูเหมือนว่าจะสนิทกันมาเรื่อยๆ เลย”
“ถ้างั้นก็คงจะรู้จักกันมานานมากๆ เลยสินะ”
“ใช่ อย่างน้อยก็น่าจะสักห้าปีมั้ง”
อยู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าอากาศที่คังวอนโดมันร้อนอบอ้าวขึ้นมา มูคยอมเลยกลับมาเตะบอลปึงปังอีกครั้ง พลางบรรเทาความร้อนรุ่มในใจไปด้วย ราวกับเวลาหยุดเดินหนึ่งจังหวะ จองคยูยกมือขึ้นส่งสัญญาณบอกให้หยุด และมองไปด้านหลังของมูคยอมพร้อมเอ่ยทักทายขึ้นมา
“ไม่เจอกันนานเลยนะครับ พี่แชฮุน!”
“ว่าไง จองคยู ไม่เจอกันนานเลย”
แชฮุนกำลังเดินมาจากทางด้านหลังของมูคยอม ตายยากจริง ๆ… ถึงผู้มาใหม่จะทักทายจองคยู แต่เขากลับหันมามองและพยักหน้าให้มูคยอมราวกับว่าสนใจในตัวเขามากกว่าจองคยู ถึงจะรู้สึกไม่ชอบใจแต่มูคยอมก็เลือกที่จะพยักหน้าทักทายกลับไป จากนั้นจองคยูก็เดินถือบอลเข้ามาใกล้ทั้งสองคน
“นี่คิมมูคยอมครับ เจ้าของฉายาเวิลด์สตาร์ เอซของทีมเรา”
“ว้าว พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วหล่อมากเลยนะครับเนี่ย เอาจริงๆ ที่ผมขอมาร่วมการฝึกนอกสถานที่ครั้งนี้ด้วยเพราะอยากเจอนักเตะคิมมูคยอมเลยนะครับ”
‘ถ้าอย่างนั้นการจะมาเข้าร่วมฝึก นายก็ต้องได้รับอนุญาตจากฉันก่อนไม่ใช่หรือไง’
มูคยอมแดกดันในใจพลางกวาดตามองอีกฝ่ายหัวจรดเท้า จองคยูรับรู้ได้ทันทีถึงท่าทีชวนเสียวสันหลังเลยรีบสานต่อบทสนทนาก่อนที่มูคยอมจะได้พูดอะไรออกมา
“พี่สะใภ้ก็มาด้วยใช่ไหมครับ นาริมคงจะโตขึ้นมากแล้วแน่ๆ เลย”
“ใช่ มาด้วยกันนี่แหละ ตอนนี้ฮีมังก็น่าจะสักสองขวบแล้วใช่ไหม?”
“ครับ ผมให้ดูรูปไหมครับ”
นอกจากสาธยายความสุขของชีวิตแต่งงานและแผนในอนาคต งานอดิเรกอีกอย่างของจองคยูก็คือการอวดรูปลูกสาว เขาไม่พลาดโอกาสหยิบโทรศัพท์ออกมายื่นให้แชฮุนดู ภาพของชายสองคนที่กำลังยืนหัวเราะคิกคัก สลับกันยื่นโทรศัพท์อวดรูปลูกของตัวเอง หากเป็นในเวลาปกติมูคยอมคงจะรู้สึกไม่ชอบใจ แต่ในตอนนี้มูคยอมสามารถที่จะเลิกขึงตา และมองภาพตรงหน้าได้
‘อะไรกัน ผู้ชายคนนี้มีภรรยาแล้วเหรอ’
อยู่ๆ เขาก็รู้สึกโล่งใจพร้อมสัมผัสได้ถึงอากาศหน้าร้อนที่เย็นสบายขึ้นมาทันตา
“พี่นอนห้องเดียวกับใครเหรอครับ”
“กับฮาจุนน่ะ”
“ดีเลย น่าจะเพราะทั้งสองคนสนิทกันมากก็เลยแบ่งห้องให้แบบนี้สินะครับ”
“ต้องขอบคุณฮาจุนเลยที่ช่วยให้ฉันมาเข้าร่วมการฝึกซ้อมครั้งนี้ได้”
“เฮ้อ อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ พวกเราต่างหากที่เชิญมา”
แต่โลกใบนี้ก็เต็มไปด้วยพวกผู้ชายแต่งงานแล้วที่ชอบนอกใจ หรือทำสิ่งที่ไม่กล้าจะยืดอกพูดได้อย่างภาคภูมิ สองสามวันกับการมาค้างแรมที่รีสอร์ตฝั่งทะเลตะวันออกโดยไร้ภรรยา หน้าตาหน้าไม่อายแบบนั้นจะมีอะไรบ้างที่ทำไม่ได้
มูคยอมปลีกตัวออกมาจากแชฮุนครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบมองไปทางฮาจุนที่กำลังฝึกซ้อมนักกีฬาอยู่ ฮาจุนยืนดูสมุดโน้ตที่มักจะถือติดตัวอยู่ตลอด ปากที่อ้าออกเล็กน้อยราวกับกำลังตั้งอกตั้งใจจดบันทึก ใบหน้าด้านข้างที่เอาจริงเอาจังในตอนเขียนบางอย่างลงไป
ที่ด้านหลังของฮาจุนมีนักเตะจำนวนหนึ่งกำลังย่องเข้ามาใกล้อย่างเงียบๆ เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงแกะหรือแพะที่ยืนอย่างสงบเงียบบนสนามหญ้า และกำลังถูกฝูงหมาป่าจู่โจมจากด้านหลัง มูคยอมขมวดคิ้วขึ้นเป็นปมแล้วมองภาพตรงหน้า พลางนึกสงสัยว่าเจ้าพวกนั้นกำลังทำอะไรกัน ท้ายที่สุดฝูงหมาป่าก็ได้บุกมาจากด้านหลัง ต้อนฮาจุนให้ไปยังทิศของพวกมัน ก่อนจะผลักร่างหมอนั่นให้ล้มลงบนพื้นหญ้า
พวกเขากลายเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน และกลิ้งหลุนๆ ไปบนพื้น คล้อยหลังเสียงร้องว้ากด้วยความตกใจ ฮาจุนก็ตะโกนขึ้น “ตกใจหมดเลย!” มูคยอมได้ยินกระทั่งเสียงของเจ้าพวกนักเตะที่หัวเราะคิกคักราวกับว่ามีเรื่องอะไรตลกนักหนา แน่นอนว่าฮาจุนก็กำลังหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่เช่นเดียวกัน
ตอนซ้อมจะมาเล่นอะไรแบบนี้ก็ได้เหรอ มันถูกต้องแล้วหรือไงที่พวกนักเตะอายุน้อยๆ จะมาแกล้งโค้ชที่เคยเป็นนักเตะรุ่นพี่อายุมากกว่าแล้วผลักให้นอนลงกับพื้นแบบนั้น แล้วทำไมฮาจุนถึงได้ยอมเล่นตามไปด้วยซะทุกครั้ง บอกตามตรงว่ามูคยอมไม่เข้าใจเลยสักนิด
จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร กระทั่งได้มาตั้งใจดูดีๆ บอกเลยว่าทุกการกระทำในทีมนี้มันเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้จริงๆ
มูคยอมเคยคิดว่าเขาเป็นชายเพียงคนเดียวในทีมนี้ที่เคยนอนกับอีฮาจุน แต่จู่ๆ ความคิดที่ว่ามันอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็แล่นเข้ามาในหัว
ไม่สิ แต่หมอนี่จะมีเวลาไปทำเรื่องอย่างนั้นเหรอ ทั้งเขาและฮาจุนต่างก็เข้าทีมมาในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน… ขณะที่ในหัวซึ่งสับสนวุ่นวายไปกับการคิดคำนวณที่ไร้สูตรกำลังเดือดปุดๆ จนไร้ซึ่งสติ ในตอนนั้นเองยุนแชฮุนที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยถามออกมา
“เป็นยังไงบ้างครับ นักเตะคิมมูคยอม รู้สึกยังไง หลังได้กลับมาเล่นที่เกาหลีในรอบสิบปี?”
“รู้สึกสกปรกครับ”
“ครับ?”
ตู้ม คิมมูคยอมเตะบอลอย่างแรงไปยังประตูที่ว่างเปล่า ตามมาด้วยเสียงจองคยูที่ถามขึ้น “เฮ้ย! ทำไมทำงั้น” ทว่ามูคยอมกลับสับเท้าเร็วไปยังทางออก มุ่งออกนอกสนามฝึกไปในท้ายที่สุด จองคยูที่ยืนหนีบลูกฟุตบอลไว้ข้างลำตัวได้แต่อ้าปากค้าง และถอนหายใจออกมา
“ทำไมอยู่ๆ ไอ้บ้านั่นก็เป็นแบบนั้น ก่อนหน้านี้ก็เห็นดีๆ อยู่ได้พักหนึ่ง ขอโทษด้วยนะครับพี่”
“อ่า ไม่เป็นไร มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้นี่”
จองคยูรีบวิ่งตามมูคยอมไป ทิ้งแชฮุนที่ยืนงงไว้ด้านหลัง เมื่อเห็นว่าอยู่ๆ มูคยอมก็หุนหันออกไปจากสนามฝึก นักเตะจำนวนหนึ่งก็แลกเปลี่ยนสายตากัน ราวกับกำลังวิเคราะห์สถานการณ์ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
จากที่กลิ้งเล่นบนพื้นหญ้ากับนักเตะคนอื่นๆ อยู่ ฮาจุนก็ลุกขึ้นมา และได้แต่กะพริบตามองแผ่นหลังของจองคยูที่กำลังเดินออกจากสนามด้วยสีหน้างุนงง
“คิมมูคยอม! เฮ้ย คิมมูคยอม!”
ไม่ว่าจองคยูจะเรียกแค่ไหน มูคยอมก็เอาแต่เดินตรงไปข้างหน้าอย่างกับรถถัง เมื่อออกห่างจากสนามฝึกในระดับหนึ่ง และเหลือเพียงพวกเขาสองคน มูคยอมก็หยุดฝีเท้าลง แล้วหันมาพูด
“เปลี่ยนห้องกัน”
“ว่าไงนะ”
“ฉันจะนอนห้องเดียวกับอีฮาจุน ส่วนนายก็ไปนอนกับไอ้ยุนอะไรนั่นซะ”
จองคยูขมวดคิ้ว
“เขาแบ่งห้องให้นักกีฬานอนด้วยกัน ส่วนสตาฟก็นอนกับสตาฟ นายไม่รู้หรือไง ทำไมอยู่ๆ ถึงอยากจะเปลี่ยน”
“มีใครตั้งกฎไว้หรือไงว่าต้องทำแบบนั้น”
“ไอ้นี่ คนสนิทเขาไม่ได้เจอหน้ากันมานานก็น่าจะอยากคุยอะไรกันหน่อยไหม จะไปขัดเขาทำไม อะไรทำให้นายสร้างเรื่องวุ่นวายแบบนี้อีกแล้วเนี่ย”
จองคยูถอนหายใจออกมา เมื่อมูคยอมไม่ยอมเปิดปากตอบ และเอาแต่ทำหน้าเครียด
“โอเค เดี๋ยวฉันไปถามฮาจุนให้ว่าเขาตกลงไหมที่นายขอเปลี่ยนห้อง”
“ไม่ได้ ห้ามถาม ห้ามไปเปิดปากบอกให้อีฮาจุนรู้เป็นอันขาด”
ท้ายที่สุดแม้แต่คนดีๆ อย่างจองคยูก็ต้องขึ้นเสียงออกมา
“นี่ แล้วจะให้ฉันทำยังไง! จะให้ทุกอย่างเป็นตามที่นายต้องการอย่างเดียวหรือไง ฉันก็ต้องถามความเห็นฮาจุนด้วยสิ!”
“แม่งเอ๊ย งั้นก็ช่างมัน ไม่ต้องย้ายมันแล้ว!”
การที่ชายรูปร่างดีสองคน สูงเกิน 190 เซนติเมตร กำลังตะเบ็งเสียงใส่กันอย่างน่ากลัว เป็นภาพที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี หลังจากแผดเสียงใส่ออกไป มูคยอมก็หมุนตัวกลับอีกครั้ง และมุ่งหน้าเดินไปยังล็อบบี้ จองคยูไม่ทันพูดอะไรต่อ ได้แต่ยืนเท้าเอว หัวเราะแห้งๆ ด้วยความรู้สึกที่ว่ามันไร้สาระเกินไป
“โอ๊ย ไอคุณชายนี่ ยากจังนะที่จะต้องมาตามอารมณ์แปรปรวนของแกให้ทัน”
การฝึกซ้อมดำเนินไปอย่างปกติตามเวลาที่กำหนดไว้ หลังจากออกไปโดยไม่ได้รับอนุญาต มูคยอมก็พุ่งตรงกลับไปที่ห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมานอกห้องก่อนจะกลับไปยังห้องพักหลังผ่านเวลาอาหารเย็นไปได้พักหนึ่ง ผู้จัดการทีมเรียกมูคยอมไปหา ทำทีเหมือนจะว่ากล่าวตักเตือนกัน แต่เขาก็ทำแค่พูดพอเป็นพิธีเท่านั้น คนเดียวในทีมนี้ที่จะสามารถพูดจาแรงๆ ใส่มูคยอมได้มีเพียงแค่ผู้จัดการทีมพัคจุนซอง และในตอนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่
หลังจากที่เข้าทีมมาในฐานะนักเตะตัวเช่า เหล่านักเตะทีมซิตี้โซลเคยได้เห็นเพียงแค่ด้านอ่อนโยนของมูคยอมเท่านั้น ในตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคิมมูคยอมถึงได้ฉายาพวกนั้นติดตัวมาตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่ว่าจะเป็นฉายา เด็กอันธพาล เด็กมีปัญหา หรือแม้แต่คนประสาท ตอนนี้พวกเขาถึงกับคิดถึงผู้จัดการทีมพัคที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ขึ้นมา
ฮาจุนกระวนกระวายอยู่ตลอด หลังมูคยอมออกจากสนามฝึกไปแบบนั้น เขาเรียกจองคยูมาหา และถามออกไป
“คิมมูคยอมล่ะ”
“พอเข้าห้องก็ลงเตียงนอนไปแล้ว”
จองคยูเกาต้นคอไปพลาง
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาเป็นแบบนั้น ตอนขามาก็ยังดูอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ นายพอจะรู้อะไรบ้างไหม”
ฮาจุนส่ายหัวด้วยสีหน้าลังเล จองคยูที่ในตอนแรกคิดจะพูดเรื่องเปลี่ยนห้องขึ้นมา แต่เมื่อนึกถึงที่มูคยอมขู่ห้ามไว้อย่างน่ากลัวว่าอย่าบอกเรื่องนี้กับฮาจุน เขาจึงเลือกที่จะปิดปากเงียบ แต่ถึงไม่คิดเรื่องนั้นมันก็ไม่มีความจำเป็นอะไรเขาที่จะไปกระตุกหนวดไอ้คนที่ชอบทำอะไรหุนหันพลันแล่นแบบนั้นอยู่ดี