Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 45
ดูเหมือนอีฮาจุนจะไปดื่มมาจากที่ไหนสักแห่ง
ใครจะรู้ หมอนี่อาจไปดื่มมากับไอ้ยุนแชฮุนนั่นก็ได้
ดื่มเสร็จน่าจะอยากออกมาสูดอากาศ แล้วลงเอยเหมือนเขาเมื่อก่อนหน้านี้ ที่เดินไปเจอเจ้าพวกนักเตะเด็กๆ ชวนให้นั่งเล่นด้วยกัน แต่ก็บอกปัดไปด้วยความขี้เกียจ ก่อนจะย้อนกลับมาถึงตรงนี้พลางหาที่ที่มีคนน้อยๆ ด้วยอากาศที่ค่อนข้างร้อน ก็เป็นไปได้ที่คนตรงหน้าจะอยากเอาเท้าแช่น้ำแบบนั้น
มูคยอมคิดเช่นนั้นขณะยืนอยู่ ณ จุดเดิม ราวกับว่าที่ตรงนั้นไม่มีสิ่งอื่นใด นอกจากคนสองคน เกลียวคลื่นส่งเสียงสะท้อนไปมาอย่างสม่ำเสมอดังกลบเสียงอื่นจนหูอื้อ
ระหว่างนั้นฮาจุนค่อยๆ เดินลงไปในทะเล ในทีแรกมูคยอมคิดว่าหมอนี่จะแช่ถึงแค่ข้อเท้า แต่ไม่ทันรู้ตัว ความลึกก็เปลี่ยนไปอยู่ในระดับเข่า ท้ายที่สุดท้องทะเลสีดำก็กลืนกินคนตรงหน้าไปจนถึงช่วงเอว เขาหวังให้ฮาจุนหยุดเมื่อไปอยู่ในจุดที่ควรพอ แต่เจ้าตัวก็ยังคงก้าวขาไปข้างหน้าเรื่อยๆ เสียงคลื่นที่ดังเกินไป พาลทำให้ไม่ได้ยินกระทั่งเสียงร่างที่ฝ่าลงน้ำ สิ่งที่ได้เห็นในเวลาต่อมาจึงดูเหมือนว่าฮาจุนกำลังถูกดูดลงไปในท้องทะเล
“เจ้าบ้านั่น”
มูคยอมทนดูต่อไม่ไหว สบถออกมาพลางยกเท้าก้าวตรงไปในท้ายที่สุด เขาวิ่งเข้าไปโดยไม่คิดแม้จะถอดรองเท้า ก่อนกระโดดพุ่งลงทะเล
แม้จะเป็นเวลากลางคืน แต่เมื่อร่างกายซึ่งอยู่กับอากาศร้อน ชุ่มโชกไปด้วยน้ำเย็นอย่างกะทันหัน ขนตามตัวก็พากันลุกชันด้วยความยะเยือก ทว่าเขากลับไม่รู้สึกถึงความหนาวเลยสักนิด มูคยอมที่ไล่หลังฮาจุนไปพร้อมเสียงน้ำจ๋อมๆ เพิ่มระดับเสียงเรียกคนที่ตนกำลังเดินตาม
“อีฮาจุน!”
ก่อนหน้านี้น้ำยังอยู่แค่บริเวณเอว แต่ในตอนนี้ตัวของฮาจุนจมหายไปถึงช่วงอก มูคยอมว่ายน้ำเข้าไปใกล้จนระยะห่างลดลงในระดับหนึ่ง ก่อนตั้งตัวยืนขึ้น แล้วเดินต่อในน้ำ
“อีฮาจุน!”
ด้วยใจที่กังวล เขาตะโกนเรียกชื่อฮาจุนอีกครั้งก่อนยื่นแขนออกไป ปลายนิ้วเกี่ยวเข้าที่ปลายเสื้อยืดอย่างหวุดหวิด และในตอนนั้นเองฮาจุนจึงได้หันกลับมามอง ดวงตาที่ประดับอยู่บนใบหน้าขาวเบิกกว้างขึ้น
“คิมมูคยอม?”
มูคยอมหอบหายใจถี่ออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่คือมูคยอมคนที่แม้จะลงเล่นในสนามครบ 90 นาที แต่ก็สามารถปรับลมหายใจกลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว ถึงจะบอกว่าอยู่ในทะเล แต่การเคลื่อนไหวเพียงไม่กี่เมตรก็ไม่มีทางทำให้เขาหอบหายใจถึงขนาดนี้ได้
ใบหน้านิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังทำคนอื่นตกใจ ทำเอามูคยอมเดือดปุด ฮาจุนหมุนตัวไปหามูคยอม และเอ่ยถามขึ้นขณะเดินแหวกผืนน้ำเข้าไปใกล้
“นายมาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อยากทำตัวเกินเรื่องฟาดงวงฟาดงาอยู่คนเดียว มูคยอมพยายามข่มอาการใจเต้นแปลกๆ ที่ก่อตัวขึ้น และกดเสียงที่กำลังไต่ระดับขึ้นสูงให้ต่ำลง
“…นายกำลังทำอะไร”
“ฉันออกมาสูดอากาศน่ะ เลยจะแวะว่ายน้ำเล่นสักพัก เสียดายที่เมื่อตอนกลางวันไม่ได้เล่น ว่าจะเล่นสักหน่อยก่อนไป”
“ดึกดื่นแบบนี้ ลงไปในน้ำลึกๆ มันอันตรายไหม”
จบประโยคนั้น รอยยิ้มใส่ซื่อก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เปียกชื้นของฮาจุน
“อากาศดีจะตาย คลื่นก็ไม่ค่อยมีด้วย น้ำสูงแค่นี้สบายอยู่แล้ว ฉันว่ายน้ำเก่งนะจะบอกให้”
“แล้วที่นี่คือสระว่ายน้ำหรือไง นี่มันทะเล!”
สุดท้ายเสียงที่พยายามกดเอาไว้ก็ระเบิดโพล่งออกมา เมื่อความโกรธปะทุตัว ดวงตาวาดยิ้มของฮาจุนก็เบิกโตพร้อมใบหน้าที่นิ่งตึง
มูคยอมยกมือขึ้นลูบใบหน้าเปียกชื้นของฮาจุน น้ำทะเลที่เค็มอาจทำให้ดวงตาแสบร้อนได้ ฮาจุนเอ่ยขอโทษออกมาในทันที
“เอ่อ ฉันขอโทษ…”
“ขึ้นมา เร็วๆ เลย”
ฮาจุนที่อึกอักขอโทษออกมาทั้งๆ ที่ไม่รู้เรื่องราว ถูกมูคยอมคว้าข้อมือเดินกลับไปทางชายหาดอีกครั้ง เหมือนตำรวจสายสืบที่มาจับกุมตัวนักโทษ เพราะครั้งนี้ไม่ได้กลับเข้าฝั่งเพียงคนเดียว มูคยอมจึงเลือกที่จะเดินลุยน้ำขึ้นไปแทนที่จะว่ายน้ำ
ทั้งสองเดินต่อไปโดยไม่พูดจา เมื่อย้ายขึ้นมาอยู่บนหาดทราย เสื้อผ้าที่ชุ่มน้ำก็ลู่ลงตามตัว ฮาจุนจับชายเสื้อขึ้นบิดจนน้ำไหลเป็นสาย มูคยอมกัดฟันกรอดถอดเสื้อยืดที่เปียกโชกโยนลงบนพื้น ปล่อยเสื้อที่โดนทิ้งอย่างไม่ใส่ใจให้ตกลง และถูกเกาะด้วยเม็ดทราย
ฮาจุนที่ใส่รองเท้าเสร็จสังเกตเห็นการกระทำนั้น จึงเก็บเสื้อที่ตกอยู่ขึ้นมาบิดน้ำออกเหมือนที่ทำกับเสื้อตัวเอง เสียงน้ำกระทบลงบนพื้นทรายดังให้ได้ยิน แค่โยนทิ้งไปก็สิ้นเรื่อง ทำไมต้องทำตัวขัดสนขนาดนั้นด้วย พอเห็นแบบนี้มูคยอมก็ยิ่งหงุดหงิดมากกว่าเดิม
ด้วยความที่ไม่อยากแสดงความหงุดหงิดใจออกไปมากกว่านี้ มูคยอมจึงเลือกที่จะก้าวไปยืนตรงหน้าฮาจุนโดยไม่พูดอะไร จัดการบิดน้ำออกจากเสื้อเสร็จฮาจุนก็ขยับเข้ามาใกล้กัน จากนั้นมูคยอมจึงเริ่มเคลื่อนเท้าไปด้านหน้า ฮาจุนเดินตามอยู่ข้างๆ แม้จะไม่ได้จับข้อมือลากมาก็ตาม ทั้งคู่เดินนิ่งเงียบไม่พูดจากันอยู่พักหนึ่ง ก่อนฮาจุนจะเป็นฝ่ายพูดออกมาด้วยเสียงที่ไร้เรี่ยวแรง
“นี่… ถ้าฉันทำให้ตกใจก็ขอโทษนะ นายคิดว่าฉันจมน้ำเหรอ”
ใครตกใจกัน
เด็กประถมยังรู้เลยว่าการลงไปในทะเลลึกตอนกลางคืนแบบนั้นมันอันตราย แล้วเขาก็ไม่ได้ตกใจสักหน่อย แค่โมโหจนพูดไม่ออกต่างหาก
เมื่ออีกฝ่ายยังคงเดินต่อไปโดยไม่ให้คำตอบกัน ฮาจุนก็เลือกที่จะไม่พูดอะไร เสียงคลื่นที่ลอยเข้าหูและพาให้จิตใจสงบเมื่อครู่ ในตอนนี้ได้กลายเป็นเหมือนกับเสียงรบกวนที่ได้ยินแล้วทำให้มูคยอมรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เดินไปสักพักรอบตัวก็เริ่มมีคนมากขึ้นและกลับมาสว่างอีกครั้ง เหล่านักเตะที่ดื่มเหล้าและเล่นอยู่กับสุนัขก็ยังคงปักหลักกันอยู่ที่เดิม
“โอ๊ะ โค้ช พี่! ไปว่ายน้ำกันมาเหรอครับ โห ใจร้ายจัง ไปเล่นกันแค่สองคนได้ยังไง”
เงียบปากซะ
ถึงจะอยากเดินไปฟาดปากไอ้พวกที่กำลังพูดแหย่โดยไม่รู้เรื่องรู้ราวราว แต่มูคยอมก็ทำเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย และมุ่งหน้าเดินต่อไปยังตัวอาคารอย่างเงียบๆ คล้อยหลังเขาได้ยินเสียงใครบางคนที่กำลังตักเตือนเจ้าพวกนั้นปะปนไปกับเสียงหัวเราะ
“พวกนายเองก็อย่าดื่มกันให้มากนักล่ะ”
ทำคนอื่นเขาหงุดหงิดจนแทบบ้า แล้วก็ไม่คิดอะไรเลยสินะ
เสื้อที่ใส่ยังคงเปียกชุ่มไปแม้จะบิดน้ำออกแล้ว แม้ระหว่างที่เดินมาจะพอแห้งลงไปบ้าง แต่ร่างกายของพวกเขาก็ยังชื้นน้ำอยู่ ชายหุ่นดีสองคนที่เปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า เดินตัวโชกน้ำเข้าไปด้านในอาคารในเวลากลางดึก พนักงานบริเวณล็อบบี้เดินนำทั้งคู่ไปยังลิฟต์ในทันที โดยไม่พูดจาราวกับว่าตกใจอยู่นิดๆ แต่ถึงอย่างนั้นพนักงานคนนี้คงจะเห็นอะไรแบบนี้จนชิน เพราะรีสอร์ตนี้ตั้งอยู่ใกล้กับชายหาด
ฮาจุนกดลิฟต์ไปยังชั้นที่รวมห้องพักของสมาชิกในทีม ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันขณะที่กล่องเหล็กทรงสี่เหลี่ยมกำลังเคลื่อนตัวขึ้นสูง เสียง ติ๊ง ดังขึ้น พร้อมกับประตูที่เปิดออก น้ำหยดลงพื้นขณะเดินตามทางยาวที่ปูด้วยพรม เป็นฮาจุนที่ถึงหน้าห้องพักของตัวเองก่อน เขาเหลือบมองมูคยอมอย่างชั่งใจ ก่อนจะพูดออกมา
“คิมมูคยอม เดี๋ยวฉันเอาเสื้อนายไปซักให้ เข้ามาก่อนแล้วค่อยไปสิ”
“…แล้วยุนแชฮุน”
“พี่เขาน่าจะไม่อยู่ เพิ่งออกไปดื่มกับพวกโค้ชเมื่อไม่นานนี้เอง”
ฮาจุนหยิบกุญแจขึ้นทาบเครื่องสแกน เสียงติ๊ดดังขึ้นพร้อมกับตัวล็อกที่ปลดออก ทันทีที่ประตูแง้มเปิดก็สัมผัสได้ถึงความเงียบและห้องที่ว่างเปล่า ฮาจุนเดินนำเข้าไปก่อน จากนั้นมูคยอมจึงตามหลังไป ฮาจุนที่พุ่งเข้าห้องน้ำทันทีเมื่อถึงห้องจัดการถอดเสื้อที่แนบติดกับตัวออก และบ่นออกมาพลางใช้ฝักบัวฉีดน้ำใส่เสื้อไปด้วย
“ขืนปล่อยให้น้ำทะเลแห้งคาเสื้อ ตอนซักลำบากแน่ เพราะแบบนี้ฉันเลยไม่เล่นน้ำทะเลตอนกลางวันไง ถ้าจะเล่นอย่างน้อยก็ต้องถอดเสื้อออกก่อน”
ประตูห้องน้ำที่เปิดออกกว้าง ทำให้มูคยอมเห็นภาพของฮาจุนที่เปลือยท่อนบนอยู่ตรงหน้า อาจเพราะใช้เวลาพักหนึ่งเดินกันมาในสภาพที่ตัวเปียกน้ำทะเล ผิวของอีกฝ่ายถึงได้ดูขาวราวกับอุณหภูมิร่างกายลดหาย แม้ตอนนี้จะเป็นฤดูร้อนก็ตาม
รอยแผลเหล่านั้นปรากฏเข้ามาในสายตาของมูคยอม ทั้งรอยแผลสีแดงเข้มที่ในคราแรกเจ้าตัวเคยใช้สองมือพยายามปกปิดราวกับว่าไม่อยากให้เขาเห็นนักหนา ดึงเสื้อลงไปบังพร้อมบอกออกมาว่าจะใส่เสื้อหากเขาไม่อยากมอง และรอยแผลเย็บที่พาดตัวยาวอยู่ข้างๆ กันนั่นด้วย
มันคือร่องรอยที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนบนผิวขาวละเอียด มองผ่านๆ แผลนั้นเป็นสีแดงเข้ม แต่ก็มีส่วนที่สีไม่สม่ำเสมอกัน ทั้งยังมีพื้นผิวบางจุดที่ขรุขระ เขาไม่รู้ชัดถึงที่มาของรอยแผลนี้ ทว่ามองจากภายนอกมันดูเหมือนแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก รอยแผลปรากฏตั้งแต่ช่วงเอวใกล้กระดูกเชิงกรานไล่ลงไปถึงหลังต้นขา แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถเห็นรอยแผลช่วงล่างได้ เพราะมีกางเกงที่บดบังอยู่
“คิมมูคยอม นายถอดชั้นในกับกางเกงมาด้วยเลย แล้วเอาเสื้อคลุมอาบน้ำในห้องฉันใส่ออกไป เดี๋ยวฉันเอาไปซักตากเอง แล้วพรุ่งนี้จะเอาไปให้”
ฮาจุนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ไม่ต่างจากปกติ มูคยอมทำตามคำสั่งโดยไม่พูดอะไร เมื่อเขาถอดกางเกงที่ชื้นน้ำ ตามด้วยชั้นในออกหมด จนไร้ด้ายสักเส้นที่ปกปิดร่างกาย มูคยอมก็เผยหุ่นแน่นกำยำให้ได้เห็น เขายื่นเสื้อผ้าให้ฮาจุนที่อยู่ในห้องน้ำ ฮาจุนรับไปด้วยสีหน้าที่ไม่ต่างจากเดิม
ส่งเสื้อผ้าให้เสร็จ มูคยอมก็ค่อยๆ ก้าวเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูลง แม้ห้องน้ำในรีสอร์ตสร้างใหม่จะกว้างสักแค่ไหน แต่เมื่อชายสองคนที่สูงเกินมาตรฐานมายืนอยู่ด้วยกัน ก็รู้สึกได้ว่าภายในนี้ดูแน่นขึ้นถนัดตา ฮาจุนเงยหน้ามองกัน และเอ่ยถามออกมา
“นายจะอาบน้ำที่นี่เลยเหรอ”
ชวนเข้าห้อง บอกให้ถอดเสื้อผ้า ยั่วกันซะขนาดนี้ ยังจะมาตีหน้าซื่อทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว มูคยอมไม่ได้ประทับใจแผนล่อลวงนี้เท่าไร ทั้งยังขี้เกียจเกินจะโต้ตอบอะไร โดยไม่เอื้อนเอ่ยคำใด มูคยอมใช้แขนข้างเดียวเกี่ยวเอวฮาจุนเข้ามากอด จนร่างกายสั่นไหวจากอาการตกใจ ทำเอาเสื้อผ้าที่เปียกอยู่หล่นตุ้บออกจากมือ
เขาลากสายตาไปยังหน้าผากมนกลมระหว่างผมม้าที่เปียกชื้น ต่อที่ใบหูเรียวบางข้างกันๆ ผ่านไปสัปดาห์กว่าหลังจบงานนั้น อีกฝ่ายมัวแต่หลับหน้ากัน นี่ก็ผ่านมานานแล้วที่เขาไม่ได้ขบเคี้ยวผิวเนื้อนี่ ฮาจุนตกใจใช้มือผลักมูคยอมออกทันทีที่ถูกฟันขบเนื้อเข้า แน่นอนมูคยอมไม่ได้ขยับตัวออก และเพิ่มแรงกอดเอวของฮาจุนให้แน่นขึ้น
“นะ นาย จะทำอะไร… ฮื้อ!”
เขาแหย่ลิ้นเข้าไปในหู แตะเบาหนักสลับไปมาอยู่อย่างนั้น มือที่ลูบไล้ส่งผลให้ร่างเล็กในอ้อมแขนไร้ซึ่งเรี่ยวแรง เมื่อเห็นเช่นนั้นมูคยอมจึงค่อยๆ ดันตัวฮาจุนให้พิงผนังกระเบื้อง แล้วจับให้ยืนตรง
ปากที่ยังไม่ละออกไล้เลียจากใบหูลงมายังกรอบคาง มูคยอมทำมันอย่างไม่รีบร้อน เรียวลิ้นกวาดผ่านลูกกระเดือกที่ขยับไปมาราวกับว่ากำลังกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ ลากต่อไปยังกระดูกไหปลาร้า และกระดูกช่วงอก ก่อนเคลื่อนตัวไปด้านข้าง ไล้เลียยอดอกที่เปียกชื้นและตั้งชันอยู่ก่อนแล้ว รสชาติของมันเหมือนกับน้ำประปา อาจเป็นเพราะว่าน้ำทะเลได้ถูกชะล้างออกไปจนหมดแล้ว
“อะ อืม…”
ร่างกายของฮาจุนสะดุ้งด้วยความตกใจ อกแอ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว มูคยอมยังคงลากไล้ยอดอกอย่างไม่หยุดหย่อนพลางพิจารณาสิ่งที่ตั้งยอดเหมือนทรงหยดน้ำ
มันตั้งชันตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนที่เขาจะเอาปากมาสัมผัสหรือเปล่า มูคยอมก็จำไม่ค่อยจะได้สักเท่าไร จากนั้นเขาเร่งความเร็วขึ้นอีกนิด และกัดลงไม่แรงนัก พลางครูดฟันลงบนติ่งเนื้อและฐานรอบๆ เหมือนคนที่กำลังรีบจัดการอาหารตรงหน้าให้เกลี้ยงจาน
“อ๊ะ อา อะ…”
ใช้ฟันครูด ก่อนกัดลงที่ส่วนปลาย และขยี้ไปมา แต่นั่นก็ยังไม่สาแก่ใจ เขาใช้ริมฝีปากดูดรอบยอดอกที่มีเนื้อหนังไม่มากนัก จนมีเสียงดังจ๊วบจ๊าบ พลางใช้ลิ้นโลมเลียทาบทับลงไปอย่างแรง ฮาจุนบิดเอวร้องครางออกมา รู้สึกราวกับว่าสิ่งที่กำลังถูกดูดดึงคือส่วนอ่อนไหวกลางลำตัวไม่ใช่แผ่นอก
“อย่านะ… ไม่ได้ ที่นี่ไม่ได้…”
มูคยอมเมินเฉยกับคำพูดนั้น และย้ายริมฝีปากไปยังยอดอกอีกข้าง ฮาจุนใช้มือดันไหล่ของมูคยอมออก เมื่ออีกฝ่ายบดนิ้วมืออย่างแรงลงบนติ่งไตที่บวมแดง และละเลงผลงานเช่นเดียวกับที่ทำก่อนหน้าลงบนยอดอกข้างที่เหลือ
ปกติแล้วฮาจุนไม่ใช่คนแรงน้อย แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มูคยอมเริ่มทำอะไรแบบนี้ ฮาจุนจะไม่สามารถใช้แรงที่มีได้ ไม่รู้เพราะเรี่ยวแรงหายไปจริงๆ หรือแกล้งทำกันแน่ และวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรที่ต่างไปจากที่เคย จะมีก็แต่มือที่วางอยู่บนไหล่ที่อยู่ๆ ก็ออกแรงบีบขึ้นมา และปลายนิ้วที่ข่วนผิวของมูคยอมเบาๆ
“ฮะ จะ เจ็บ ฉันเจ็บ…!”
คำร้องขอที่อยู่ๆ ก็ถูกส่งออกมา ทำให้มูคยอมลอบเงยขึ้นมามองฮาจุน เรียวคิ้วของฮาจุนขมวดฉับ ใบหน้าแดงก่ำ ราวกับว่ากำลังรู้สึกเจ็บอยู่จริงๆ
มูคยอมรู้ว่าตัวเขาเองกำลังบดขยี้ตุ่มไตที่ถูกดูดและกัดมาก่อนหน้านั้นแรงเกินไป ไม่ใช่แค่ยอดอก แต่ตอนนี้ผิวบริเวณรอบๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ เมื่อเขาละมือออก ฮาจุนก็ถอนหายใจออกเบาๆ ราวกับว่ารู้สึกโล่งใจ
พออยู่ในท่านี้ มุมมองที่ได้เงยมองใบหน้าอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่มูคยอมไม่คุ้นเคยเท่าไหร่ หลายต่อหลายครั้งที่เคยลูบไล้เรือนร่างใต้ศีรษะของฮาจุน ก็มีแค่ตอนที่เขาผลักให้ฮาจุนนอนลง หรือไม่ก็ตอนที่จับตัวให้พลิกคว่ำ ท้ายที่สุดมันก็ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังมองลงไปอยู่ดี
มูคยอมล้มเลิกความคิดที่จะหยอกล้อกับยอดอก และไล่ระดับลงต่ำกว่าเดิม ทั้งลิ้นปี่ กระดูกซี่โครง เมื่อเทียบกับของมูคยอมแล้ว มันอาจดูไม่ชัดเจน แต่กลับลื่นมือ เขาลากเรียวลิ้นไปตามกล้ามท้องที่เรียงตัวกัน ขณะแต่งแต้มสีสันให้มันราวกับกำลังเล่นวาดภาพระบายสี ก็ได้ยินเสียงลมหายใจที่กำลังพยายามกลั้นเสียงครางเอาไว้
กางเกงและชั้นในที่ยังไม่ถูกถอดออกก่อนหน้า ถูกดึงลงในครั้งเดียว เมื่อลองดูที่กลางกายเขาก็พบว่าส่วนนั้นไม่ได้แข็งตัวอยู่ อาจเพราะที่ผ่านมา เพียงสัมผัสไม่กี่ครั้ง และจูบซับให้ทั่วทุกที่ ไม่นานจุดกลางลำตัวของฮาจุนก็จะแข็งขืนและตามมาด้วยลมหายใจที่หอบถี่ แต่พอเป็นเช่นนี้หว่างคิ้วของมูคยอมก็ผูกเป็นปมโดยไม่รู้ตัว
เจ็บ
เสียงที่ฮาจุนเปล่งออกมาเมื่อครู่เล่นซ้ำอยู่ในหัวของเขา ฮาจุนรู้สึกดีแน่ๆ แต่ที่ตรงนั้นไม่แข็งขึ้นมา เพราะว่าเจ็บใช่ไหม หรือจะวุ่นวายใจเพราะที่นี่คือห้องน้ำในห้องที่พักร่วมกับยุนแชฮุน แต่หมอนั่นก็ออกไปกรอกเหล้าเข้าปาก และในตอนนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ แล้วอะไรมันคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าหนูของฮาจุนไม่ตั้งกันล่ะ
“ทำอะไรของนาย… พอได้แล้ว”
ฮาจุนเอ่ยปรามด้วยเสียงแผ่วเบาปนความเขินอาย พลางสงสัยการกระทำของอีกฝ่ายที่ดึงกางเกงของเขาลง แต่ไม่ทำอะไรต่อ เอาแต่พิจารณาเรือนร่างกัน ราวกับว่ากำลังตรวจตราของลับและร่างกายท่อนล่างของตนอยู่ มูคยอมคว้าเอวที่งออยู่ และพยายามที่จะเลิกเสื้อขึ้นอีกครั้ง ก่อนดันอีกฝ่ายไปด้านหลัง เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหว
ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงรอยแผล บนผิวที่เนียนลื่นกว่าคนทั่วไป ดูเหมือนจะมีเพียงแค่บริเวณนั้นที่มีรอยเสียหายเล็กๆ ปรากฏอยู่ เป็นจุดที่ให้สัมผัสต่างจากผิวในบริเวณอื่น ปราศจากความอ่อนนุ่ม เป็นพื้นผิวที่ทั้งแข็งและขรุขระ รอยแผลเย็บข้างๆ พาดตัวเป็นแนวยาวและนูนเด่นออกมา รอบๆ มองดูเหมือนมีกิ่งไม้หรือเส้นทางรถไฟแตกแขนงออกมาจากตัวมัน
มูคยอมจ้องร่องรอยไร้รูปร่างนั้น ก่อนค่อยๆ เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ ริมฝีปากที่ในทีแรกแตะผ่านเบาๆ เริ่มเพิ่มแรงกดจูบลงบนผิวที่มีลาย ราวกับว่าถูกดึงให้จมดิ่งลงไป ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้ใช้ริมฝีปากจูบซับร่างกายของฮาจุนแค่ครั้งสองครั้ง แต่ในครั้งนี้เขากลับรู้สึกแปลกใหม่เหมือนได้ก้าวเท้าเข้าไปบุกเบิกดินแดนว่างเปล่าเป็นครั้งแรก ช่วงเอวของฮาจุนสั่นเทิ้มเหมือนคนตกใจ สัมผัสนั้นถูกส่งผ่านริมฝีปากที่แตะอยู่ และอุ้งมือที่จับกันไว้
จุ๊บ ทันทีที่ยกริมฝีปากขึ้น เสียงสัมผัสเบาๆ เมื่อผิวเนื้อละออกจากกัน ก็กลายเป็นเสียงที่ดังชัดเจนเมื่ออยู่ในห้องน้ำ เมื่อละปากออกเรียวลิ้นก็ถูกส่งไปทำหน้าที่แทน สัมผัสเปียกชื้นไล่ไปบนรอยแผลอย่างค่อยเป็นค่อยไป ฮาจุนหดตัวเข้า ราวกับต้องการหลบหนีจากสิ่งตรงหน้า แต่แรงจับของมูคยอมก็กักเกี่ยวตัวของเขาไว้อย่างแน่นหนา
คล้ายกับว่ากำลังเลียอยู่บนผิวที่ทาด้วยน้ำผึ้ง เรียวลิ้นของมูคยอมเคลื่อนไหวไปมาอย่างไม่เร่งรีบและหนืดเหนียว เหมือนต้องการที่จะละเลงลวดลายทับรอยที่สลักอยู่บนร่างกาย โลมเลียอย่างไม่หยุดหย่อน ราวกับเชื่อว่ารอยแผลทั้งหมดจะหายไป และจะมีเนื้อใหม่เกิดขึ้นมาบนร่องรอยที่มีมานาน
ผิวบริเวณเอวที่ได้สัมผัสผ่านมือยังคงนุ่มลื่นมือไม่ต่างจากเคย มีเพียงแค่อาณาเขตบริเวณเล็กๆ ที่มีสีและสัมผัสที่แตกต่างออกไป ราวกับผ้าที่เอามาเย็บซ้อนกัน
เจ็บ