Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 56
เนกไทผ้าไหมสีน้ำเงินเนวีที่คล้องคออยู่อย่างหลวมๆ ถูกปลดออกจนไม่เหลือเค้าเดิม และกลับไปเป็นชิ้นผ้ายาว
“จะลองปิดตาดูไหม”
มูคยอมหยิบเนกไทขึ้นมาวางเหนือดวงตาของฮาจุนบดบังการมองเห็น ทันทีที่เอื้อมมือไปด้านหลังอย่างรวดเร็วเพื่อผูกปมอย่างลวกๆ ริมฝีปากล่างดวงตาที่ถูกบดบังอยู่ก็เปิดออกกว้างและสั่นขึ้นมาน้อยๆ
“หรืออยากจะลองมัดมือดีล่ะ”
ขณะที่เนกไทยังคงปิดอยู่บนตา ข้อมือของฮาจุนก็ถูกจับรวบขึ้นในท่าที่ยังนอนเอนอยู่บนโต๊ะ ข้อมือใต้ปลายแขนเสื้อเชิ้ตถูกตรึงไว้ด้วยกำมือใหญ่ราวกับว่าถูกล็อกอยู่ มูคยอมไล้เลียปลายนิ้วแต่ละนิ้วที่ทั้งนุ่มลื่นและเรียวยาวสมชาย ก่อนถามขึ้น
“ชอบแบบไหนครับโค้ช ไหนลองเลือกซิ ฉันจะจัดให้แบบที่นายชอบเลย”
สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงแค่เสียงลมหายใจบางเบาคงที่เท่านั้น ฮาจุนไม่ได้ตอบอะไร
“หรือจะให้ปิดตา แล้วก็มัดมือด้วยดีล่ะ ฉันมีเนกไทอยู่เยอะเลยนะจะบอกให้”
มูคยอมส่งคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบซ้ำ พลางลูบไล้อีกคนไปด้วย ใช้มือเปิดอ้ารอยแยกเสื้อเชิ้ตออก ยอดอกที่เผยให้เห็นที่ช่องว่างนั้นถูกมูคยอมใช้ลิ้นโลมเลีย จนเรือนร่างที่นอนอยู่สั่นเฮือกขึ้นมา
ขณะที่ข้อมือถูกจับติดอยู่กับโต๊ะ มูคยอมก็เริ่มแทรกมือเข้าไปในเสื้อเชิ้ตมากขึ้น ยอดอกที่ตั้งชันจากการถูกบดขยี้ด้วยมือก่อนหน้า ถูกปลายลิ้นสะกิด ทุกครั้งที่มูคยอมทำเช่นนั้นฮาจุนก็สะดุ้งแผ่นหลังขึ้นเบาๆ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นสลับเลียยอดอกทั้งสองข้าง
มูคยอมคืบคลานไประหว่างกล้ามอกที่ทั้งแน่นและนุ่มลื่นในเวลาเดียวกัน และมอบสัมผัสไปที่กระดูกไหปลาร้าและลำคอ ทันทีที่ดูดดึงเนื้อหนังอ่อนนุ่มที่เชื่อมระหว่างช่วงคางและลำคอ ร่างกายของฮาจุนก็สั่นไหวขึ้นเบาๆ ผิวบริเวณที่ถูกดูดดึงถูกแต่งแต้มไปด้วยสีชมพูเข้ม ราวกับว่ามีดอกซากุระเล็กๆ วางอยู่บนนั้น
“อื้อ…ฮืออือ ฮ้า”
แม้จะเป็นการเล้าโลมแค่พอประมาณ แต่ทั้งตัวของฮาจุนกลับสั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด เสียงลมหายใจที่ออกจากช่องปากรัวเร็วขึ้น อาจเป็นเพราะฮาจุนเองก็รู้สึกว่าสถานการณ์นี้แปลกใหม่ จึงถูกกระตุ้นได้ไวกว่าปกติ
มูคยอมยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งและยิ้มออกมา เขาปลดกระดุมกางเกงที่ฮาจุนใส่อยู่ ดึงออกพร้อมชั้นในและโยนทิ้งไป ส่วนเสื้อเชิ้ตนั้นช่วงข้างหน้ายังถูกเปิดออกไม่หมด ดังนั้นในตอนนี้จึงมีแค่ท่อนล่างขาวที่เปลือยเปล่าให้ได้เห็น
อ่า… เป็นเพราะว่าเสื้อผ้าเป็นของใหม่หรือเปล่า วันนี้มูคยอมถึงได้รู้สึกถึงความแข็งขืนบริเวณกลางกายที่มากขนาดนี้
ฮาจุนที่นอนเอนอยู่บนโต๊ะดูน่าลิ้มลองอย่างไม่เกินจริง มูคยอมไล้เลียริมฝีปากตัวเอง พลางใช้สายตาโลมเลียร่างกายอีกคนไปทั่วทุกซอกมุมราวกับสัตว์ที่กำลังพิจารณาเป้าหมายว่าจะฉีกกินส่วนไหนก่อนดี
ช่วยไม่ได้ว่าจุดที่เขาอยากจะใช้มือแตะลงไปมากที่สุดนั้น ถูกเลือกเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย ในตอนกินข้าวก็เช่นกัน มูคยอมเป็นคนประเภทที่มักจะกินของชอบก่อนซะด้วยสิ ขาข้างหนึ่งที่ตกลงไปล่างโต๊ะกว่าครึ่งถูกจับขึ้นพาดบ่า เรียวขาถูกแบะออก มูคยอมจ้องลงไปยังช่องทางด้านหลังที่เผยให้เห็น และยกมือขึ้นมา
แค่นิ้วเดียว ไม่มีเจลก็น่าจะใส่เข้าไปได้
ลิ้นชักที่ใส่เจลหล่อลื่นอยู่แค่ข้างๆ นี่เอง แต่มูคยอมกลับรู้สึกว่าแค่การเปิดปิดลิ้นชักแล้วหยิบออกมามันช่างยุ่งยาก หลังใช้ลิ้นเลียนิ้วกลางของตัวเอง มูคยอมก็ปัดป้ายลงไปบนช่องทางด้านหลัง และลองสอดนิ้วเข้าไปด้านใน ช่องทางที่ยังไม่ถูกขยายรัดแน่นราวกับว่ากำลังต่อต้านหนึ่งนิ้วนั้น
“อ๊ะ อ๊า…!”
นิ้วที่สอดเข้ามาแบบไม่ทันได้ตั้งตัวทำเอาฮาจุนเด้งเอวขึ้นด้วยความตกใจ ภาพตรงหน้ามูคยอมถูกซ้อนทับด้วยภาพของโค้ชที่กำลังทุ่มเทนั่งอยู่หน้าโต๊ะระเกะระกะ กำลังขยับปากกาและเคาะคีย์บอร์ดอย่างตั้งอกตั้งใจ และในตอนนี้ช่วงล่างของมูคยอมก็ร้อนรุ่มไปหมด
มูคยอมขยับนิ้วพลางกัดฟันข่มความต้องการที่อยากจะใส่แกนกายของตัวเองเข้าไปเดี๋ยวนี้ แม้จะไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนี้ แต่นิ้วมือของเขากลับสอดใส่เข้าไปในช่องทางอย่างรวดเร็วและรุนแรงด้วยใจที่เต็มไปด้วยความรีบเร่ง แต่ช่องทางด้านหลังที่ไร้สารหล่อลื่นกลับขยายตัวออกช้ากว่าปกติ เสียงลมหายใจหอบถี่ของฮาจุนปนเปไปกับเสียงของความเจ็บปวด
“อะอึก… ฮะ ฮ้า…!”
“ฮะ แม่ง”
มันไม่เป็นไปอย่างที่คิด ท้ายที่สุดมูคยอมจึงชักนิ้วออกด้วยความหงุดหงิด และรีบหันไปหยิบเจลออกมา พาลให้เกิดเสียงเปิดปิดลิ้นชักดังลั่นห้อง
มูคยอมบีบเจลลงไปบนช่องทางที่เริ่มจะคลายตัวขึ้นมาบ้าง ก่อนปลดหัวเข็มขัดของตนอย่างรีบเร่งแล้วดึงเอาแก่นกายที่แข็งจนปวดหนึบออกมา หลังจากใช้มือเฉอะแฉะรูดรั้งสิ่งที่ร้อนลวกเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็ใช้ลำท่อนที่เปียกชุ่มถูไถลงไปบนช่องทางด้วยใจร้อนรุ่ม
มูคยอมถูท่อนเนื้อใหญ่และแข็งขันอย่างรุนแรงและรวดเร็วลงบนช่องทางที่นุ่มหยุ่นราวกับผลไม้สุกงอมที่ถูกเปิดออก เสียงหายใจของฮาจุนที่กำลังตะเกียกตะกายดังขึ้นเหมือนกับเสียงครวญคราง เรือนร่างที่แผ่ราบอยู่บนโต๊ะค่อยๆ สั่นไหวแรงขึ้น ความหวามไหวของร่างกายที่แนบชิดกันค่อยๆ ปลุกเร้าความต้องการให้ทวีเพิ่ม มูคยอมผละออกเพียงครู่ และกัดฟันชำแรกเข้าไปยังช่องทางนั้น
“อ๊า…ฮึก!”
แค่ป้ายเจลลงไปเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้เล้าโลมอย่างที่ควรจะเป็น ช่องทางที่ถูกล่วงล้ำจึงยังคงปิดอยู่ เสียงครางที่เจือไปด้วยความเจ็บปวดหลุดออกมาจากริมฝีปากของฮาจุนอีกครั้ง แม้ร่างกายจะร้อนรุ่มราวกับถูกเผาไหม้ แต่เมื่อได้ยินเสียงนั้นมูคยอมก็ไม่สามารถที่จะหยัดสะโพกเข้าไปได้ในทันที เขาลูบมือเบาๆ ลงบริเวณกระดูกเชิงกรานและสะโพกของฮาจุน ทำทีว่ากำลังปลอบโยน
“ฮู่ เจ็บมาเลยเหรอ”
“อ๊ะ ม… ไม่…”
ศีรษะที่เอนอยู่บนโต๊ะส่ายไปมาช้าๆ
“ถ้าฉันทำช้าๆ นายจะโอเคไหม”
“ฮือ อือ อืม… โอ เค…”
ดวงตายังคงซ่อนอยู่ภายใต้เนกไท ริมฝีปากเผยอขึ้นส่งเสียงไร้เรี่ยวแรงออกมา มูคยอมกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ และถอนหายใจออกมา
นายบอกเองว่าโอเคนะ ใช่ไหม
หรือเพราะควันที่สูดดมก่อนหน้านี้มันเข้าไปในสมอง เขาถึงได้ยอมรับข้ออ้างนี้แบบง่ายๆ มูคยอมคิด ก่อนส่งแรงไปที่สะโพก แทนที่จะค่อยๆ สอดใส่แกนกายเข้าไป เขาฝืนยัดแกนกายพรวดพราดเข้าไปที่ช่องทางด้านหลัง
มูคยอมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนืดเหนียวเนื่องจากช่องทางยังไม่เปิด แต่ผนังด้านในที่แคบกว่าปกตินั้นกลับทำให้รู้สึกพึงพอใจกับความรัดแน่นที่โอบล้อมไปทั้งตัวตน มูคยอมดันเข้าไปจนสุด ก่อนหยุดรออยู่เช่นนั้นครู่หนึ่ง
“อื้อ ฮ่อก…ฮ้า”
ลมหายใจเหนื่อยอ่อนหลุดออกมาจากช่องว่างที่เปิดออกกว้างระหว่างริมฝีปากของฮาจุน ดวงตาที่ถูกปิดทับด้วยเนกไทมองไม่เห็นสิ่งใด ฮาจุนที่สั่นเทาไปทั้งร่างกายถูกตะโบมจูบตั้งแต่หัวเข่าไปจนถึงสะโพก เสียงน่าอายดังออกมาทุกครั้งที่ริมฝีปากแตะลงไป และพาให้กล้ามเนื้อภายในขาและสะโพกหดเกร็ง แต่ช่องทางนี้คุ้นชินกับการถูกสอดใส่ เพียงแค่มูคยอมขยับเข้าออกไม่กี่ครั้ง ไม่นานเดี๋ยวกล้ามเนื้อก็จะคลายตัวลงเอง ซึ่งมันเป็นเช่นนั้นมาตลอด
มูคยอมถอนสะโพกออกไปด้านหลัง และสอดใส่ลำท่อนซ้ำเข้าไปอีกครั้ง ‘ฮะ’ ตามมาด้วยเสียงแหบแห้งที่ปนเปไปด้วยเสียงครวญครางและเสียงลมหายใจ เขาดึงต้นขาของฮาจุนเข้าใกล้ตัว ทันทีที่เนื้อหนังของทั้งคู่แนบชิดขึ้น แกนกายก็แทรกตัวเข้าไปลึกกว่าเดิม
“อ๊ะอึก ฮึก…!”
“อีฮาจุน ย อย่า เกร็ง”
ทุกครั้งที่หยัดสะโพกแรงเข้าออกจนแตะไปถึงจุดที่ลึกข้างใน ทั่วทั้งร่างของฮาจุนก็สั่นไหวและหลุดครางออกมา แต่เมื่อถอดถอนแกนกายออก ช่องทางกลับแคบลงอีกครั้ง แม้จะสอดใส่กี่ครั้งต่อกี่ครั้งมูคยอมก็กระวนกระวายใจทุกครั้งที่รู้สึกเหมือนกำลังเจาะทะลุเข้าไปยังผนังแข็ง
แม้จะบอกว่าเขาเล้าโลมน้อย แต่มูคยอมรู้สึกได้ว่าช่องทางนั้นคลายตัวช้าเกินไป หรือเป็นเพราะว่าเราห่างหายกันไปนาน ขณะที่ขบคิดว่ามันจะดีกว่าไหมหากเขาขยายช่องทางเพิ่มอีกนิด มูคยอมก็ไม่สามารถที่จะหยุดการกระทำที่เริ่มขึ้นแล้วได้ ขณะที่ขยับสะโพกเข้าออกเร็วขึ้น ผนังนุ่มด้านในที่แคบลงเรื่อยๆ ก็ถูกลำท่อนแข็งขืนตอกตำเหมือนเครื่องบด
เสียงลมหายใจที่ขาดห้วง เสียงเนื้อกระทบกัน สะท้อนดังไปทุกซอกหลืบในห้องหับ ท้ายที่สุดเส้นความอดทนของมูคยอมก็ขาดผึง เขาสอดใส่ตัวตนเข้าไปอย่างแรงและไร้ความปรานี จนเสียงปั้กดังขึ้นมาราวกับว่าไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป
“…อ๊า…!”
ฮาจุนอ้าปากออกกว้าง เมื่อจุดที่ลึกที่สุดมีคนเข้าไปเยี่ยมเยือน ก่อนจะเสียงกรีดร้องจะหลุดออกมาราวกับว่าสิ่งที่ถูกกลั้นเอาไว้ระเบิดออก จากนั้นจึงเงียบลงไป
เสียงที่ออกมาจากริมฝีปากที่เปิด หยุดออกมาเป็นลมหายใจสั่นไหวไม่เป็นจังหวะ มีเพียงร่างกายที่สั่นสะท้านเหมือนกับต้นไม้สูงในป่า หลังจากดึงดันสอดใส่เข้าไปในร่างกายที่สั่นเทิ้มอย่างรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผนังนุ่มด้านในก็ยังคงปิดแน่นแม้จะพยายามดุนดันเข้าไปแค่ไหน มูคยอมจึงเดาะลิ้นแล้วค่อยๆ หยุดการกระทำของตนลง
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังแปลกอยู่ดี
“อีฮาจุน”
“อ่ะ อึก…!”
มูคยอมโน้มตัวลงไป เพราะขยับร่างกายส่วนบนเข้าหาอีกคนในขณะที่ท่อนล่างยังคงสอดใส่อยู่ เลยดูเหมือนว่าแกนกายจะฝังตัวเข้าไปลึกกว่าเดิมจนฮาจุนเอนหลังลงไปและกัดฟันน้อยๆ เหมือนคนที่กำลังเจ็บ มูคยอมเอียงหน้าหรี่ตามองคนตรงหน้าเหมือนกับว่ากำลังหาจุดที่แปลกไป เขาก้มลงไปหาฮาจุนช้าๆ แล้วดึงสิ่งที่ยังแข็งขืนอยู่ออก เมื่อดึงออกมาก็เห็นว่าช่องทางนั้นบวมแดงขึ้นเล็กน้อย
มูคยอมเผยสีหน้าไม่พอใจออกมาครู่หนึ่ง แล้วก้มลงมอง ขาของฮาจุนที่พาดบ่าอยู่ก่อนหน้าถูกจับวางลง ก่อนมูคยอมจะโน้มตัวลงอีกครั้งยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าของฮาจุน
ระหว่างที่ร่างกายสั่นเทิ้มในตอนที่ต้องรับแรงกระแทกเข้าออก เนกไทที่ถูกมัดไว้เหนือดวงตาแบบลวกๆ ก็ไหลลงไปอย่างไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่ แต่มันก็ยังคงบดบังดวงตาอยู่ มูคยอมจึงรีบจัดการเนกไทนั้นออก แล้วกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอก่อนถามขึ้น
“…นายโอเคไหม”
ใบหน้าที่มักจะแดงระเรื่ออยู่เสมอทุกครั้งที่มีเซ็กส์กัน กลับซีดเผือดยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ เหงื่อเย็นซึมชุ่มเหนือหน้าผากมน ดวงตาที่ถูกเปลือกตาปิดบังไปแล้วครึ่งหนึ่ง เริ่มสูญเสียการโฟกัสก่อนจะค่อยๆ มืดลง
ตอนแรกมูคยอมก็คิดมาตลอดว่าที่ร่างกายสั่นสะท้านก็เพราะโดนกระตุ้นเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด แต่มันกลับไม่ใช่ ฮาจุนกำลังตัวเกร็งและสั่นไม่หยุดเหมือนคนซึ่งอยู่ในที่หนาวเย็น และยังคงเป็นเช่นนั้นแม้ในตอนที่มูคยอมนำแกนกายออกมาจากตัวอีกฝ่าย และไม่ได้แตะตัวกันแม้แต่นิ้วเดียวก็ตาม
“เจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ”
เขารู้ดีว่าตัวเองทำฮาจุนรุนแรงเกินไป แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหนักถึงขนาดที่ทำให้เจ็บขนาดนี้ แม้ว่าครั้งแรกที่เรามีอะไรกันเขาจะสอดใส่ดุดันกว่าครั้งนี้แค่ไหน แต่ฮาจุนก็ทำได้ดีจนจบเลยไม่ใช่เหรอ
มูคยอมกำลังตกใจจนทำตัวไม่ถูกจริงๆ เป็นครั้งแรกที่เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร วันที่เรามีความสัมพันธ์แบบนี้ด้วยกันเป็นครั้งที่สอง ตอนที่จู่ๆ ฮาจุนก็เริ่มช่วยตัวเองต่อหน้าเขา ตอนนั้นเขาก็รู้สึกมึนงงอยู่ไม่น้อย แต่มันไม่เหมือนกับความรู้สึกที่เกิดขึ้นในตอนนี้
มันต่างจากความรู้สึกที่ว่าตัวเองกำลังสูญเสียตำแหน่งผู้นำบนเตียง เพราะในตอนนี้มูคยอมไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องจับฮาจุนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไร ทั้งๆ ที่อีกคนก็เป็นผู้ชายที่สูงน้อยกว่าเขาเพียง 10 เซนติเมตร แต่เขากลับรู้สึกว่าหากในตอนนี้สัมผัสอีกฝ่ายผิดที่ผิดทางไป บางส่วนของฮาจุนก็พร้อมที่จะแตกสลายไปเหมือนกับตุ๊กตาฟาง ถึงจะเป็นความคิดที่ฟังดูไร้สาระ แต่มูคยอมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
ฮาจุนที่หายใจหอบเงียบๆ อยู่พักหนึ่ง หันมามองใบหน้าที่ดูจนปัญญาของมูคยอมที่กำลังก้มมองกัน ก่อนจะฝืนใช้แรงส่ายหัวออกมา
“ฉันไม่ได้เป็นแบบนี้เพราะเจ็บสักหน่อย…”
ฮาจุนไม่มีแรงจนน้ำเสียงเบาลงไป ทำเอารอยยับย่นที่หว่างคิ้วของมูคยอมชัดขึ้นกว่าเดิม
“แล้วเพราะอะไร”
ฮาจุนกลั้นลมหายใจหอบถี่ แสดงอาการที่ดูห่างไกลจากคนที่พยายามข่มความเจ็บปวดเอาไว้ ส่งสายตางุนงงกลับไป ลดหางคิ้วต่ำลงแล้วหันไปหามูคยอม
“ขอโทษนะ แต่ดูเหมือนว่าร่างกายฉันจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่…”
ท้ายเสียงนั้นบางเบาและสั่นเครือเหมือนคนที่กำลังตื้นตัน ฮาจุนยกหลังมือขึ้นปิดตาที่ก่อนหน้านี้ถูกคลุมทับด้วยเนกไท มูคยอมก้มมองภาพตรงหน้าอย่างเหม่อลอย จากนั้นเขาถึงดึงสติกลับมาได้ แล้วยื่นมือออกไปตรงหน้า เพราะร่างกายของฮาจุนไม่ดีอยู่ ดังนั้นเขาไม่สามารถปล่อยให้นอนอยู่บนโต๊ะแบบนี้ต่อไปได้
“อีฮาจุน ไปที่เตียงไหม หืม?”
“ไม่เป็นไร ฉันขออยู่แบบนี้สักพัก”
“ตรงนี้พื้นมันแข็ง นายจะนอนไม่สบาย เตียงอยู่ข้างๆ นี่เอง”
มูคยอมอ้อมแขนไปโอบหลังฮาจุน หลังที่สัมผัสอยู่กับพื้นโต๊ะเป็นเวลานานโดยมีแต่เสื้อเชิ้ตหนึ่งตัววางกั้นเย็นเฉียบ ฮาจุนเกาะไหล่มูคยอมและยกตัวขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
และในตอนที่เขาประคองฮาจุนที่กลับมาอยู่ในท่านั่งอีกครั้งให้ลุกขึ้นยืน ฮาจุนก็ก้มไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฟุบต่ำลง
“อีฮาจุน?”
ฮาจุนหอบหายใจแฮ่กออกมา และหลุดครางเสียงเบาราวกับว่าไม่สามารถที่จะอดทนได้อีกต่อไป
“อุ้ก…”
อ่อก เสียงที่แสดงถึงอาการพะอืดพะอมทำเอามูคยอมตกใจ จนรีบเข้าไปยืนประชิดตัว
“น นี่”
เขาส่งเสียงที่ไร้สติออกไปด้วยใจที่ร้อนรน ทันทีที่เอาฝ่ามือกว้างไปรองไว้ใต้ปากของฮาจุน ชั่ววิเดียวสิ่งที่อีกฝ่ายสำรอกออกมาก็ตกลงบนมือของเขา อาจเป็นเพราะกินอาหารไม่ตรงเวลาด้วยความกังวลที่มีจากการเตรียมตัวนำเสนอ มูคยอมมองสิ่งที่เหมือนกับน้ำย่อยนั่น แล้วแสดงสีหน้าที่ตึงเครียดมากกว่าเดิม เขาพิจารณาสีหน้าของฮาจุน ก่อนพูดบางอย่างออกมาเหมือนกับว่ากำลังพูดคนเดียว
“ดูเหมือนก่อนหน้านี้นายจะตกใจมากนะ”
แต่ฮาจุนก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป และเอาแต่เงยมองใบหน้าของมูคยอม เพราะอาการคลื่นไส้จึงเป็นปกติที่ฮาจุนจะหายใจหอบ แต่ริมฝีปากที่อ้าออกน้อยๆ กลับไม่มีเสียงลมหายใจเล็ดลอดออกมาเหมือนกับคนที่หยุดหายใจไปแล้ว ดวงตาที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาเบิกกว้าง จนดูเหมือนคนที่กำลังตกใจ
ตกใจอะไรกัน เรื่องเกิดไปแล้วสักพักแท้ๆ ทำไมตอนนี้ถึงได้มานั่งจ้องคนอื่นเขาตาถลนแบบนี้ล่ะ ก่อนที่จะทำอะไรมูคยอมก็ลูบหลังฮาจุนและเอ่ยขึ้น
“อ้วกออกมาหมดหรือยัง ถ้ายังรู้สึกว่าท้องไส้ปั่นป่วนอยู่ก็อ้วกออกมาอีก”
“…ฉันโอเค แล้ว”
“เดี๋ยวฉันไปล้างมือก่อน รอแป๊บหนึ่ง ฉันว่าเดี๋ยวนายแช่น้ำให้ร่างกายอุ่นแล้วค่อยนอนน่าจะดีกว่า”
มูคยอมรีบออกจากห้องตรงดิ่งไปยังห้องนั่งเล่น เสียงน้ำไหลที่เข้าหูพอช่วยให้สงบลง และทันทีที่มือสัมผัสกับน้ำมูคยอมก็ได้สติขึ้นมา ขณะที่ล้างมือเขาก็คิดขึ้นมาว่านี่มันคือสถานการณ์แบบไหนกัน
ถ้ารู้ว่าร่างกายตัวเองไม่ปกติดีก็ควรจะบอกกันตั้งแต่แรกสิ ทำไมถึงปล่อยตัวให้เขาทำแบบนั้นล่ะ… แล้วถ้าทำๆ ไปเกิดเจ็บป่วยใหญ่โตขึ้นมาจะทำยังไง ในตอนแรกมูคยอมคิดว่าจะแกล้งสอดใส่จนอีกฝ่ายปล่อยเบาออกมา แต่ฮาจุนกลับนิ่งไปแบบนั้น พอนึกย้อนกลับไป ฮาจุนเองก็ดื้อมากเลยทีเดียว
ทันทีที่กลับเข้ามาในห้องก็เห็นว่าในตอนนี้ฮาจุนยังนั่งอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม มูคยอมคิดว่าก่อนหน้านี้ตัวเองรับสิ่งที่อีกคนอ้วกออกมาหมดแล้ว แต่พอมาลองดูดีๆ ที่เสื้อเชิ้ตยังคงมีคราบเปื้อนอยู่เล็กน้อย มูคยอมเข้าประชิดตัวแล้วยกแขนคนตรงหน้าขึ้น
“เอาแขนพาดคอฉัน ยังพอมีแรงใช่ไหม”
“หา อื้อ…”
เมื่อเขาค้อมตัวลงฮาจุนก็เอาแขนขึ้นมาคล้องคอเขาหลวมๆ ตามที่สั่ง
“จับให้ดีล่ะ”
ขณะที่รู้สึกไม่พอใจอยู่น้อยๆ มูคยอมก็อุ้มฮาจุนขึ้นในครั้งเดียว ฮาจุนที่ถูกยกตัวขึ้นอย่างกะทันหันลุกลี้ลุกลนเอื้อมมือไปโอบหลังมูคยอมราวกับว่าตกใจ ร่างกายที่ถูกโอบอุ้มแข็งทื่อจนมูคยอมรู้สึกได้ว่าอีกคนไม่ให้ความร่วมมือ เขาจึงบ่นกระปอดกระแปดออกมา
“อีฮาจุนเกาะดีๆ นายกอดฉันเอาไว้สบายกว่า”
“ปล่อยเถอะ เดี๋ยวฉันเดินไปเอง”
“แบบนี้สบายกว่าการที่ฉันต้องประคองนายไปนะ”
“ไม่ต้องประคอง ฉันเดินเองได้… ตัวฉันหนักจะตาย”
มูคยอมแค่นหัวเราะออกทางจมูก ก่อนเดินผ่านประตูออกมา
“นายตัวหนักว่าฉันหรือไง”
“…ไม่สักหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่เงียบๆ”