Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 58
มูคยอมมองลงไปที่ใบหน้าของฮาจุนอย่างแจ่มชัด อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาเล็กน้อยโดยที่ไม่สามารถรู้ได้เลยว่ากำลังหัวเราะเยาะเบาๆ หรือว่าถอนหายใจจริงๆ กันแน่ จากนั้นก็พยักหน้าราวกับว่าเข้าใจ แล้วก็ปีนขึ้นไปบนเตียง มูคยอมที่ทิ้งร่างกายของตนเองไว้บนเตียงอย่างเรียบร้อยพลิกตัวกลับมา
“นอนสิ”
จากนั้นอีกฝ่ายก็กางแขนออกไปทางฝั่งของฮาจุน ถึงแม้ว่าฮาจุนจะเป็นฝ่ายที่เอ่ยปากออกมาก่อน แต่พอเอาเข้าจริงก็ได้แต่กะพริบตาไม่กล้าเข้าไปใกล้ๆ
“มัวแต่ทำอะไรอยู่”
มูคยอมขมวดคิ้วเล็กน้อยเร่งเร้าอีกฝ่ายราวกับไม่ชอบใจที่ฮาจุนไม่พุ่งเข้าไปหาตนเอง ตอนนั้นเองฮาจุนถึงตั้งสติได้แล้วจึงค่อยๆ เข้าไปในอ้อมกอดของมูคยอม
แขนอันแข็งแรงและมือที่ใหญ่ก็โอบรอบหลังโดยทันที เขาไม่เคยคิดว่าตนเองตัวเล็ก แต่อกและไหล่ของมูคยอมกว้างและแข็งแรงกว่าของฮาจุนมาก มันรองรับตัวเขาราวกับพื้นดิน แต่ตรงกันข้ามกับปากที่น่าหมั่นไส้และเย็นชาของมูคยอม ร่างกายที่แข็งกระด้างและผิวเกรียมแดดจนเป็นสีแทนของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งเหมือนกับพื้นดินที่บอกกับฮาจุนว่า ถึงแม้ฮาจุนจะหยั่งรากลงไปพื้นดินนี้มันก็ไม่สั่นไหวอะไรหรอกนะ
“กอดหน่อย” ฮาจุนเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือราวกับคนโง่
แขนของมูคยอมที่โอบรอบหลังของฮาจุนออกแรงมากขึ้นและโอบกอดอีกฝ่ายในอ้อมแขนให้แน่น
ฮาจุนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง เช่น ขอให้อีกฝ่ายจูบตนเอง แต่จู่ๆ คำพูดนั้นมันก็ติดอยู่ในลำคอ เขาไม่สามารถเอ่ยปากได้เลยเพราะคิดว่าน้ำตาที่ไปล้างมาแล้วและแห้งเหือดนั้นจะไหลลงมาอีกครั้ง ดังนั้นเขาจึงซุกใบหน้าไว้ระหว่างไหล่และหน้าอกของมูคยอม
“เงยหน้าเร็ว จะจูบ” มูคยอมเอ่ยขณะลูบหลังฮาจุน
“ขออยู่แบบนี้ต่ออีกสักหน่อยนะ”
“ไม่สิ ใครกันแน่ที่ขอให้ทำก่อน นายคงชอบบอกปัดจนเป็นนิสัยสินะ”
ฮาจุนได้ยินอีกฝ่ายพูดว่าไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยเสียงที่พึมพำเหมือนพูดคนเดียวอย่างจั๊กจี้ที่ใบหู เขาพยายามกลั้นเสียงร้องไห้ที่ดูเหมือนจะออกมาจากปากของตนเอง แต่ความร้อนที่ดูเหมือนจะเอ่อล้นในลำคอกลับไม่ได้เย็นลงเลย
แค่วันนี้เท่านั้น เขาจะไม่ยอมให้มูคยอมเห็นตัวเองเป็นแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ เพราะฉะนั้นถึงแม้จะไม่ได้ร้องไห้ออกมาและอยากจะใช้เวลาดีๆ แต่ร่างกายที่งี่เง่าก็ทรยศต่อหัวใจ
“ฮึก…”
สุดท้ายแล้วเสียงสะอื้นก็หลุดออกมาจากริมฝีปากของเขา และมันเป็นตอนที่น้ำตาไหลลงมาราวกับเขื่อนแตก แม้ว่าจะพยายามกลั้นไว้เท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์ ยิ่งฮาจุนพยายามกลั้นมันไว้เท่าไหร่ น้ำตาก็ยิ่งไหลออกมาเท่านั้น และเมื่อพยายามฝืนน้ำตาที่กำลังจะไหลนั้นมันยิ่งทำให้หน้าอกและไหล่ของเขาสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ
ใบหน้าที่ซุกอยู่ที่อกของมูคยอมเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาโดยทันที มูคยอมที่รับรู้ได้ถึงความผิดปกติขมวดคิ้วและดันฮาจุนออกเล็กน้อย มูคยอมกระเดาะลิ้นของตนเองเมื่อเห็นว่าใบหน้าขาวนุ่มของอีกฝ่ายที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จนั้นเปียกชื้นโดยไม่ได้ปกปิดเอาไว้เลย
“ทำไมกัน อย่าเอาแต่ทำเรื่องหน้าไม่อายหน่อยเลย”
“ฮึกๆ โทษที ฮึก”
ฮาจุนรีบเช็ดน้ำตาออกด้วยหลังมือ แต่ทว่าน้ำตาก็ไหลมากจนไม่ยอมแห้งเหือดไปเสียที ไม่ว่าจะใช้มือเช็ดเท่าไหร่ก็ยิ่งกระจายไปตรงนู้นทีตรงนี้ที เสียงที่ออกมาจากลำคอที่ติดขัดนั้นอู้อี้
“โทษ ที เดี๋ยว ฮึก ก็หยุดร้องแล้ว”
“ช่างเถอะ พอสารภาพแล้วโดนเขี่ยทิ้งก็อาจจะร้องไห้ออกมาได้ละนะ”
จากคำพูดนั้นฮาจุนจึงมองมูคยอมด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเปียกชื้น มูคยอมมองมาที่เขาด้วยสีหน้าที่มองอะไรที่มันน่ารำคาญจนยากที่จะรับมือ แต่ทว่าสายตาของอีกฝ่ายกลับเต็มไปด้วยความสนอกสนใจเหมือนกับตอนที่อยู่ในอ่างอาบน้ำด้วยกันเมื่อครู่ จู่ๆ ฮาจุนก็นึกถึงสิ่งที่มูคยอมพูดเมื่อครั้งก่อน เขาจึงเอ่ยถามออกไป
“คะ คิมมูคยอม มีอะไร ฮึก กันไหม”
มูคยอมขมวดคิ้ว เขาใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของฮาจุนจึกๆ ราวกับถามกลับไปว่าพูดบ้าอะไรกันเนี่ย
“ในบรรยากาศแบบนี้ถ้าเป็นนาย นายจะแข็งหรือไง”
“นาย…มีอารมณ์ ตอน ฮึก เห็นฉันร้องไห้นี่นา”
“ที่นายร้องไห้ตอนนั้นกับร้องไห้ตอนนี้มันเหมือนกันหรือไง”
“แล้ว แล้วมันต่างกันตรงไหนล่ะ”
“นี่นายเปลี่ยนคนให้เป็นขยะเลยนะเนี่ย”
มูคยอมแค่นหัวเราะราวกับตกตะลึง จากนั้นก็หรี่ตามองไปที่ฮาจุนครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว
“ถึงฉันจะมีอารมณ์ แต่ยังไงวันนี้ก็ไม่ทำหรอกนะ นายไม่ค่อยโอเคนี่นา”
‘ตอนนี้ไม่ได้ มันดึกเกินไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาที่นายควรจะนอนนะ นายน่ะอ่อนแอกว่าฉันนี่นา’
เขาพูดคล้ายกับตอนที่เขาเมา ฮาจุนอายกับเรื่องที่เขาคิดไปเองและความคาดหวังที่น้อยนิดเท่ารูเข็ม มันเลยทำให้เขานึกถึงฉากของวันที่ผ่านไปได้อย่างยากลำบากนั้นผุดขึ้นมาอย่างกะทันหันอีกครั้ง น้ำตาที่แห้งเหือดไปเพียงเล็กน้อยก็ ร่วงหล่นลงมาอีก
“ทำไมนายถึงจะเป็นขยะล่ะ นายไม่เคยเป็นแบบนั้นสักหน่อย…”
“หยุดพูดแล้วก็อ้าปากได้แล้ว ฉันจะจูบนาย”
ฮาจุนที่ทำท่าจะร้องไห้อยู่เรื่อยจนเกือบจะสะอึกออกมาอ้าปากของตนเอง
“แลบลิ้นออกมา”
ขณะที่ฮาจุนแลบลิ้นตามคำสั่ง มูคยอมก็ลุกขึ้นและโน้มตัวคร่อมฮาจุนไว้ มูคยอมดูดลิ้นที่ตนเองเฝ้ารออย่างนุ่มนวลและกลืนเข้าไป ในเวลาเดียวกันก็กดริมฝีปากลงไปให้ลึกกว่าเดิม ลิ้นที่อยู่ในปากของมูคยอมถูกครอบครองโดยลิ้นอีกอัน และมันก็กวาดไปทั่วจนรู้สึกจั๊กจี้ทั้งปลายลิ้น ทั้งด้านข้าง จนไปถึงด้านล่างอีกด้วย
“ฮื่อ อือ…”
รู้สึกจั๊กจี้ ไม่ใช่แค่ที่ลิ้น แต่ยังรู้สึกเหมือนมีใครบางคนเป่าลมเล็กน้อยตรงบริเวณใกล้ๆ หัวใจ ความรู้สึกเหมือนเมื่อตอนที่เปลี่ยนสถานที่ฝึกซ้อม ที่มูคยอมสระผมเสร็จแล้วก็เอื้อมมือไปถูหลังให้ฮาจุน มันเป็นจูบแรกที่ปราศจากเซ็กซ์ครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายเมา และอาจจะไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว
มูคยอมทำเสียงจุ๊บและปล่อยริมฝีปากของฮาจุน จากนั้นอีกฝ่ายจึงขบลิ้นและขยับศีรษะเล็กน้อย มูคยอมดูดลิ้นราวกับว่ากำลังเอื้อนเอ่ยคำพูดอยู่ เมื่อปลายลิ้นรู้สึกเสียวซาบซ่านริมฝีปากและคางของฮาจุนก็สั่นเล็กน้อย สายตาที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำตาสะท้อนแสงไฟที่เหมือนกับฝุ่นละอองเล็กๆ เสียงกระวนกระวายใจผสมกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญเล็ดลอดผ่านริมฝีปากที่อ้าปากค้างเอาไว้
“ฮะ อา”
“ไม่ต้องตื่นเต้น วันนี้ฉันไม่ทำ”
หลังจากที่ทำให้อีกฝ่ายเสียอารมณ์ มูคยอมก็กดเข้าไปที่ริมฝีปากนั้นลึกๆ อีกครั้ง ฮาจุนไม่อยากพลาดอะไรทั้งนั้น ตั้งแต่สัมผัสที่นุ่มนวลของริมฝีปาก ความสุขที่เบิกบานและจั๊กจี้เมื่อลิ้นสัมผัสกับลิ้น และแขนอันแข็งแรงที่ศีรษะหนุนอยู่ รวมไปถึงความอบอุ่นของมือใหญ่ที่จับศีรษะของเขาเอาไว้
ฮาจุนยกแขนข้างหนึ่งโอบกอดแผ่นหลังของมูคยอม และมูคยอมก็ดันร่างกายส่วนบนขึ้นราวกับยอมให้ฮาจุนกอดได้ตามใจเลย แขนอีกข้างที่ไม่สามารถขยับได้เพราะอยู่ในอ้อมกอดของมูคยอมได้ถูกปล่อยออกมา ดังนั้นฮาจุนจึงสวมกอดมูคยอมได้จนสุดแรง
มีข้อเท็จจริงเพิ่มมาอีกข้อหนึ่ง ข้อเท็จจริงที่ว่ามูคยอมกอดและจูบฮาจุน โต๊ะข้างๆ เตียงที่ฮาจุนนอนทันทีที่เข้ามาในบ้าน จู่ๆ วันนี้มันก็เตะตาเขาเข้าให้ มันเป็นสิ่งที่มูคยอมเป็นคนเตรียมเอาไว้ให้เขา
อีกฝ่ายบอกให้ฮาจุนทำงานที่เหลือที่นี่พร้อมวางโต๊ะที่ไม่ได้อยู่ในห้องไว้ให้ และเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้ฮาจุนใส่เมื่อมาถึงบ้าน
เมื่อฮาจุนไปนอนที่บ้านของมูคยอม อีกฝ่ายก็เตรียมอาหารเช้าให้ในวันรุ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้คือ “เรื่องที่เกิดขึ้นจริง” ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ของมูคยอมและฮาจุน
มูคยอมคิดอย่างไรกับฮาจุนกันนะ บางทีใจอีกฝ่ายอาจจะไม่ได้คิดเหมือนกับฮาจุนแม้เพียงแค่นิดเดียวก็ตาม ความสัมพันธ์นี้จะจบลงอย่างไร มูคยอมจะมีปฏิกิริยาอย่างไรถ้าหากอีกฝ่ายรับรู้ถึงความรู้สึกของฮาจุน…
ความคิดที่ว่านั้นเหมือนกับแมลงที่กัดกินจิตใจของฮาจุนวันละหลายครั้งจนทำให้เขาเหนื่อยล้า ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพียงจินตนาการและการคาดเดาของเขาเพียงเท่านั้น มันไม่เคยเป็นจริงและไม่เคยเกิดขึ้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว
จูบอันแสนหวานปานน้ำผึ้งยังคงดำเนินต่อไป มูคยอมตะบี้ตะบันจูบที่ริมฝีปากพร้อมทั้งเกี่ยวพันลิ้นของฮาจุนไว้ราวกับบอกว่าจะไม่หยุดจนกว่าฮาจุนจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากบอกให้หยุด
ความอบอุ่นของร่างกายที่กอดรัดกัน ริมฝีปากอ่อนนุ่มที่สัมผัสกัน และลิ้นที่แหวกว่ายอยู่ในปากของกันและกันสื่อถึงความสุขที่ถ่ายทอดออกมาอย่างสดใสตรงกันข้ามกับจินตนาการอันคลุมเครือและมืดมนของฮาจุน
ลมหายใจหอบถี่ขึ้น มือที่วางอยู่บนหลังของมูคยอมเลื่อนมาคว้าชายเสื้อของอีกฝ่ายและค่อยๆ เลิกขึ้นมา เมื่อปลายลิ้นแตะกับเพดานปาก เอวก็สั่นสะท้าน บางครั้งก็เหมือนกับมูคยอมแก้ปัญหานั้นโดยการผละริมฝีปากออกไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ลิ้นสีแดงที่อยู่ระหว่างริมฝีปากเปียกชื้นก็พยายามเกี่ยวรั้งเอาไว้ราวกับว่าจะไม่ให้ผละออกไป มูคยอมหัวเราะเบาๆ อีกฝ่ายยิ้มกว้างแล้วกดริมฝีปากลงไปลึกๆ อีกครั้ง ในตอนนั้นเองก็มีดอกไม้ไฟปะทุขึ้นมาในหัวของฮาจุน
“ฮื่อ ฮะ”
“อีฮาจุน พอทำแบบนี้แล้วเหมือนตรงนี้นายจะแข็งเลยนะ ฉันบอกว่าวันนี้ไม่ทำไงละ”
“ทำ ทำก็…ได้นะ อื้อ”
“ไม่ทำ ตามบทลงโทษที่นายสั่งไง”
ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายบอกว่าจะให้รางวัลตามใจฮาจุน แต่ตอนนี้ดันบอกว่าจะลงโทษเสียอย่างนั้น อย่างไรก็ตามจิตใต้สำนึกของฮาจุนเมื่อได้ยินคำที่น่าหมั่นไส้คำนั้น เขาก็ทั้งเปียกชื้นและสะลึมสะลือราวกับว่าได้รับสารเสพติด ทั้งต่อมน้ำตาแตกและทั้งการตัดสินใจที่คลุมเครือ ฮาจุนแค่อยากจะดื่มด่ำกับความสุขในเวลานั้น เขาชอบทุกอย่างที่มูคยอมมอบให้ไม่ว่าจะเป็นรางวัลหรือบทลงโทษก็ตาม
เขาใช้ชีวิตโดยคิดว่าจะซื่อสัตย์ต่อช่วงเวลาในตอนนั้นและความเป็นจริง ทิ้งให้ความทรงจำเป็นเพียงแค่ความทรงจำ อย่าไปยึดติดกับมัน คิดเสียว่าการตัดสินใจที่จะยอมแพ้นั้นเป็นเพียงเพราะว่ามันไม่ใช่ของของเขาตั้งแต่ตอนแรก
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่สำหรับฮาจุนแล้ว ชีวิตก็เหมือนกับล้อเกวียนขนาดใหญ่ที่ต้องหมุนด้วยมือและร่างกายโดยไม่ลดความเร็ว มันเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนฮาจุน ถึงแม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ เขาก็จะไม่หยุดรอ เพราะถ้าหยุดแม้เพียงแค่ครู่เดียว เขาก็จะบอกกับตัวเองทันทีเลยว่าห้ามหยุด ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้
วันเวลาก็ผ่านพ้นไปหากเขามุ่งเน้นให้กับการกลิ้งล้อเท่านั้น ชิ้นส่วนของวันถูกเย็บต่อเข้าด้วยกันจนกลายมาเป็นปีและกลายมาเป็นชีวิต ไม่ใช่แค่ฮาจุนเท่านั้น แต่ยังมีผู้คนมากมายที่ใช้ชีวิตแบบนั้นอยู่ ดังนั้นมันจึงไม่ได้พิเศษอะไรมากมาย
ถึงแม้จะฝังใจกับแสงสว่างในอดีต แต่คนที่เจ็บปวดหัวใจก็คือตัวเขาเอง ถ้าลองมองสถานการณ์ที่ล้อมรอบตัวเขา และความจริงที่เห็นได้ด้วยตาที่ว่าได้ให้สัญญาเอาไว้ตั้งนานแล้ว แต่ทำไมเขาถึงทำกับมูคยอมแบบนั้นไม่ได้ล่ะ
ฮาจุนกำลังไปผิดเส้นทาง
ในระหว่างการจูบที่แสนยาวนานนั้นมูคยอมก็เงยหน้าขึ้นมาถามคำถามที่คล้ายกับคำถามที่เห็นได้บ่อยในขณะที่มีเซ็กส์กัน
“อีฮาจุน นายชอบขนาดนั้นเลยเหรอ”
น้ำตาทำให้ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มของฮาจุนดูราวกับเปล่งประกายระยิบระยับ
“ชอบสิ ชอบ…มากๆ เลย” ฮาจุนยิ้มและพยักหน้า
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นคนที่ฮาจุนรัก แต่ก็ไม่ได้เป็นกำลังใจให้ฮาจุนเสมอไป บางครั้งล้อที่เขาต้องหมุนก็หนักมากจนอยากจะปล่อยมันไป มีหลายครั้งที่เขาอยากให้ใครสักคนมารับน้ำหนักแทนตัวเขาสักพัก
แต่ฮาจุนรู้ดีว่าหากปล่อยมือแม้ครู่เดียวกงล้อจะไม่ไปตามทางที่ควรจะไปและโซซัดโซเซจนสะดุดล้ม มันอาจทำให้คนที่เขารักบาดเจ็บอยู่ใต้ล้อเกวียนนี้ได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่สามารถมองข้ามมันไปได้ และมันทำให้เขาเดินทางจนมาถึงตรงนี้ได้
เพราะสุดท้ายแล้วเขาได้ปลดปล่อยความรู้สึกที่โอบกอดตนเองไว้เพียงลำพังหรือเปล่านะ พอสารภาพรักแล้วก็โดนเขี่ยทิ้งอย่างน่าเวทนา แต่หลังจากนั้นก็น่าตลกที่ชายคนที่โยนหัวใจของเขาทิ้งไปราวกับเป่าดอกแดนดิไลออนอย่างเบาๆ ก็ทำให้ฮาจุนรู้สึกเหมือนกับได้พักพิงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มใช้ชีวิตมา ฮาจุนทิ้งน้ำหนักของตนเองไปชั่วขณะและเพลิดเพลินไปกับการพักผ่อนแสนสบายที่ไม่เคยมีมาก่อน
เมื่อหลับตาลง สีของท้องฟ้าที่สว่างสดใสก็แพร่กระจายไปทั่วในความคิดที่ยุ่งเหยิง เมื่อตอนที่ฮาจุนเป็นนักกีฬาที่โรงเรียน พอฝึกซ้อมทั้งวันจนร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วนอนแผ่ลงบนสนามหญ้า เขาถอนหายใจมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามและวาดภาพมูคยอมเดินทางไปลอนดอน หลังจากกลับถึงบ้าน การได้เห็นมูคยอมทำประตูและวิ่งบนพื้นผ่านทีวีหรือจอคอมพิวเตอร์ทำให้ฮาจุนมีแรงในการเตรียมตัวสำหรับวันถัดไป
เขายังหวังด้วยว่าถ้าหากตนเองทำงานหนัก ก็จะมีโอกาสที่จะได้ก้าวออกไปสู่โลกใบใหญ่ที่กว้างขึ้น ในสักวันหนึ่งเขาก็อยากจะลองโลดแล่นและได้รับการยอมรับว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่อยู่ข้างๆ มูคยอม
ฟุตบอลเป็นเพียงวิธีการหาเลี้ยงชีพที่พอจะรับประกันอนาคตที่เกือบจะเลวร้ายกับความสามารถเล็กๆ น้อยๆ ที่มีติดตัวของเขา และมูคยอมเป็นคนสอนเขาถึงวิธีการโอบกอดสิ่งที่เรียกว่าความฝันหรือเป้าหมายที่ตัวเขานั้นไม่ได้มีไฟในการที่จะทำมัน
หลังจากวันที่เด็กชายอายุ 16 ที่เคยสบประมาทคนอื่นไว้จู่ๆ ก็ก้มลงและผูกเชือกรองเท้าที่คลายออก แล้วแสดงให้เห็นถึงความสง่าผ่าเผยของชัยชนะต่อหน้าต่อตาเขานั้น ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนไปเลย
ฮาจุนรู้ดีว่าถึงแม้ว่าจะไม่ใช่แค่ตัวเขา แต่ก็ยังมีผู้คนมากมายทั่วโลกที่มองดูมูคยอมแล้วได้รับแรงใจในการเตรียมพร้อมสำหรับวันถัดไป แต่นั่นก็เหมือนกับความรักที่มีต่อไอดอล ถึงแม้มันจะเป็นประสบการณ์ร่วมกันของทุกคน แต่ฮาจุนก็เสพติดความเข้าใจผิดอันหอมหวานว่าของตนเองนั้นพิเศษที่สุด
ไม่เป็นไรเลยถ้าหากว่านายไม่ได้ชอบฉัน
คิมมูคยอมเป็นคนที่มอบกำลังใจและความกล้าหาญให้กับฮาจุนมาโดยตลอดตั้งแต่วันที่อีกฝ่ายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฮาจุนมีตัวตนอยู่ ความรักที่ไม่สมหวังที่ยาวนานนี้เป็นเหมือนการแลกเปลี่ยนสิ่งของอยู่ฝ่ายเดียวโดยที่มูคยอมไม่รู้ด้วยเลยตั้งแต่แรก
ไม่เคยรักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ในขณะที่หวังว่าจูบของมูคยอมจะคงอยู่ตลอดไป ฮาจุนก็อยากจะมองหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง เขาโอบแก้มทั้งสองข้างของอีกฝ่ายแล้วจึงผละออกเบาๆ อีกฝ่ายถอนริมฝีปากที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มให้ห่างออกไป
“เบื่อไหม”
นี่ถามเขาว่าเบื่อไหมอย่างนั้นเหรอ จะเบื่อได้อย่างไรล่ะ
แต่แทนที่จะตอบอะไรสักอย่าง ฮาจุนกลับมองหน้าอีกฝ่ายราวกับถูกดึงดูด ความคิดต่างๆ ไหลเวียนในหัวราวกับกระแสน้ำ
คนที่ได้รับความรักจากนาย คงจะมีความสุขมากเลยสินะ
ขนาดคนที่ไม่ได้ชอบอีกฝ่ายยังมีความอ่อนโยนแบบไม่คาดคิดเช่นนี้ แล้วกับคนที่ชอบจะขนาดไหนกันนะ
เพราะฉะนั้นเขาเลยคิดว่า มันน่าจะเป็นไปได้สำหรับฮาจุนเหมือนกันเลยเกิดความโลภและคาดหวังขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเขารู้แล้วว่า เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว และเขาก็ไม่จำเป็นต้องทุกข์ทนอีกต่อไป ถ้าเขาสามารถฝากตัวเองไว้กับอีกฝ่ายได้แค่เพียงสักเดี๋ยวเดียว เขาว่าแค่นี้มันก็เป็นความโชคดีแล้ว
ตอนแรกฮาจุนคิดว่าแม้จะได้ใช้คืนเดียวกับอีกฝ่าย มันก็นับว่าเป็นของขวัญเซอร์ไพรส์แล้ว แต่ความโลภของมนุษย์ก็เหมือนหยดน้ำที่ตกลงมาทีละหยดจนกลายเป็นรูขนาดใหญ่โดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ความตั้งใจแรกนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ตอนนี้เขาสามารถพูดได้อย่างชัดเจน
การได้รักนาย การเป็นคู่นอนของนายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของฮาจุน
ดีแล้วที่สารภาพ เขาจะไม่รู้สึกเสียดายเด็ดขาด
เขาถ่ายทอดความรู้สึกที่ผูกมัดแน่นหนามาตลอด 10 ปี และถูกปฏิเสธกลับมาอย่างสุภาพ ความรู้สึกที่ฮาจุนเก็บเอาไว้คนเดียวเป็นเวลานาน พอเอาออกมาแล้วมันก็ล่องลอยไปเบาๆ เหมือนลูกโป่งที่เปล่งแสงได้อย่างสวยงาม มันไม่ใช่ภาระหนักอึ้งที่กดทับตัวเขาอีกต่อไป
เขาอยากจะบอกว่าไปว่าเขาชอบอีกฝ่าย ไม่ว่าหลังจากที่พูดจะเป็นอย่างไร แต่ในวันนี้เขาอยากจะทำแบบนั้น
ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ฤดูกาลหลังๆ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว ในเดือนพฤศจิกายนสัญญาเช่าตัวนักเตะของมูคยอมจะสิ้นสุดลงและอีกฝ่ายจะกลับไปยังที่ที่เคยอยู่และเข้าร่วมสงครามในช่วงเวลาที่ดุเดือดที่สุด จนกว่าจะถึงตอนนั้นฮาจุนตั้งใจแล้วว่าจะไม่นึกถึงเรื่องไร้สาระอีกต่อไป
แม้ว่ามูคยอมจะปฏิเสธคำสารภาพ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ขอให้เลิกมีเซ็กส์กัน อีกฝ่ายไม่ได้เอาบทบาทหน้าที่ที่ฮาจุนได้รับไปด้วย ไม่รู้เลยว่าฮาจุนโล่งใจแค่ไหน
ฮาจุนรู้ถึงจุดจบของคนที่สารภาพรักกับมูคยอมเป็นอย่างดี เขาได้ยินหลายคนเล่ามาว่าแค่อกหักจากมูคยอมยังไม่พอ แถมยังได้รับสายตาอันเยือกเย็นของอีกฝ่ายด้วย และบางครั้งก็ยังเป็นขี้ปากของคนทั้งโลกอีกต่างหาก ฮาจุนเคยกลัวว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้หลังจากที่รู้ถึงความรู้สึกข้างในใจของเขา
ทั้งความจริงที่ฮาจุนสามารถมอบร่างกายให้กับมูคยอมได้จนกว่าจะถึงวันที่อีกฝ่ายจากไป เขารู้สึกขอบคุณสำหรับความจริงที่ว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่คอยให้กำลังใจเขาอยู่เสมอ และเขาต้องการที่จะซื่อสัตย์กับความเป็นจริงเหล่านี้
เยื่อใยและความเกลียดชังนั้นต่างกัน ตอนนี้เขาอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ แต่เขารู้ดีว่าครั้งนี้จะกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาอดทนไปตลอดชีวิตได้อย่างแน่นอน
วันแห่งความฝันที่ไม่มีวันหวนกลับมาอีกครั้ง เพื่อเป็นแรงผลักดันในการดำเนินชีวิตต่อไป มันจึงเป็นความทรงจำที่เขาสามารถนึกถึงมันได้อีกครั้งเมื่อต้องหมุนวงล้อแห่งชีวิต มันก็เหมือนกับตอนที่ฮาจุนมองย้อนกลับไปเมื่อตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่และทำให้เขายิ้มออกมาได้