Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก - ตอนที่ 94
ง่ายอย่างนั้นเหรอ ไม่เลยสักนิด จริงๆ ฉันรู้สึกเหมือนบังคับให้นายอดกลั้นต่อความต้องการของตัวเองตามใจชอบ ถึงไม่ใช่แบบนั้นก็หนักใจมากอยู่แล้ว นายก็เป็นผู้ชายร่างกายแข็งแรงที่มีความต้องการทางเพศเหมือนกันกับฉัน ฉันเลยกังวลอยู่เหมือนกันว่าตัวเองยึดมั่นแค่ในความคิดที่อยากเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่แล้วกำลังดื้อด้านไปคนเดียวหรือเปล่า
ฉันเองก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่ถ้าพูดออกไปก็คงจะได้แต่เป็นการชวนให้มานอนด้วยกันแค่อย่างเดียวอีก ฉันก็เลยพูดออกไปไม่ได้เพราะกลัวว่านายจะมองฉันเหมือนเป็นสัตว์ตัวหนึ่งจริงๆ ยังไงเล่า!
ต่อให้ฮาจุนบอกว่ายังมีใจให้เขา ในตอนที่อีกฝ่ายอยากเว้นระยะห่างจากเขาอย่างชัดเจน เขาก็ต้องพยายามให้เห็นภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นอีกสักนิดก็ยังดีไม่ใช่หรือไง เพราะอย่างนั้นถึงพูดตามที่อยากพูด ทำตัวแบบที่อยากทำได้ไม่ถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ เขาพยายามปฏิบัติตัวอย่างระมัดระวังกับฮาจุน รวมถึงยุนแชฮุนอีกต่างหาก แต่การกระทำนั้นก็ดูเหมือนว่ายังเป็นเพียงการกระทำตามอำเภอใจในสายตาของฮาจุนอยู่ดี
มูคยอมกักเก็บความรู้สึกไม่ยุติธรรมอย่างมากเอาไว้และตะโกนแก้ตัวอยู่ในใจ แต่จนป่านนี้ ต่อให้ร่ายคำพูดแบบนั้นออกมาเสียยาวเหยียดก็มีแต่จะทำให้ฮาจุนอารมณ์ไม่ดีเท่านั้น
“นายเอาแต่ตัดสินใจตามใจนายเองอยู่เรื่อย อย่ามาบอกให้ฉันทำตามที่นายตัดสินใจเลย”
“ฉันไม่เคยบอกให้นายทำตาม ไม่ได้พูดเพราะคิดแบบนั้น”
“ฉันเองก็มีเหตุผลที่สรุปออกมาแบบนี้เหมือนกัน มีเรื่องที่ต้องคิดตามสถานการณ์ แล้วก็มีเรื่องที่อยากยืนยันด้วย”
ยืนยันเหรอ ยืนยันอะไร
ใบหน้าด้านข้างของฮาจุนยังคงจับจ้องไปทางด้านหน้าเช่นเดิม
“ออกรถเถอะ”
น้ำเสียงของฮาจุนเฉียบขาดเหมือนตอนสั่งพวกนักกีฬาให้ทำเรื่องต่างๆ ในเวลาฝึก
‘ทราบแล้วครับ โค้ช’
มูคยอมตอบกลับแบบนั้นในใจพร้อมกับหมุนพวงมาลัย ทั้งที่เสี้ยวหนึ่งในใจยังโอบกอดความรู้สึกท้อแท้เอาไว้ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด
ก็ดี ถ้าหากอีฮาจุนเข้าหาเขาก่อนอย่างไม่หวั่นไหวแบบนี้ เขาเองก็จะช่วยตอบสนองให้อย่างเร่าร้อนเหมือนกัน ทำแบบนี้ก็น่าจะมาถูกทางแล้ว หน้าตาก็ไม่ได้ผล เงินก็ไม่ได้ผล แต่การให้อีกฝ่ายได้เห็นภาพลักษณ์ที่ดูดีในการแข่งเป็นคำตอบที่ถูกต้องอย่างที่คิด
จะว่าไป การที่ฮาจุนเป็นฝ่ายเอ่ยปากชวนให้ใช้เวลายามค่ำคืนด้วยกัน… พอนึกถึงช่วงเวลาทั้งหมดที่ผ่านมาจนถึงตอนก่อนที่จะทะเลาะกัน ตอนนี้ก็เหมือนจะเป็นครั้งแรกเลยนะ
หัวใจของคนขับรถเต้นรัวอย่างว้าวุ่น แต่รถก็แล่นตรงไปตามถนนอย่างรวดเร็วและมั่นคง
* * *
‘ติ๊ด’ เมื่อเอาคีย์การ์ดออกมาแตะ ประตูบ้านก็ถูกเปิดออกพร้อมกันกับเสียงแผ่วเบาที่คล้ายคลึงกับเสียงหัวใจเต้น
หากลองนึกย้อนดูก็ไม่ได้ผ่านมานานขนาดนั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าไม่ได้เข้าไปในบ้านพร้อมกันมานานมากๆ ฮาจุนถอดรองเท้าแล้วเข้าไปด้านในก่อนมูคยอม เขาเดินไปถึงห้องนั่งเล่นโดยไม่แม้แต่จะหันมามองด้านหลัง จากนั้นก็วางกระเป๋าพร้อมกับโพล่งขึ้นมาหนึ่งคำสั้นๆ
“อาบน้ำนะ”
“โอเค”
น้ำเสียงของฮาจุนเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก เหมือนทหารก่อนออกไปสู้รบ
มูคยอมเองก็ตอบกลับคำพูดของอีกฝ่ายอย่างเคร่งขรึมเช่นเดียวกัน ฮาจุนยังคงไม่ยอมหันมามองด้านหลังแล้วมุ่งตรงเข้าไปในห้องน้ำทั้งอย่างนั้น มูคยอมทอดสายตามองท่าทีของอีกฝ่ายแล้วยกมือขึ้นเท้าสะเอวพลางส่ายหน้าเบาๆ
ไม่รู้ว่าเป็นการกระทำที่ดีแล้วหรือเปล่า แต่เรื่องที่ทำไปแล้วก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้ การปล่อยให้ร่างกายห่างกันไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ดูจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ชาญฉลาดนัก ยิ่งไปกว่านั้น ตั้งแต่ตอนแรกมาจนถึงตอนนี้ ร่างกายที่เข้ากันดีกับฮาจุนก็ยังไม่เคยส่งเสียงร้องโอดครวญเลยสักครั้ง
เพียงแค่ความรู้สึกที่มีอยู่จริงมาตั้งแต่เมื่อก่อนถูกเก็บเป็นความลับเท่านั้น แล้วสุดท้ายจึงเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยร่างกายมาจนถึงตรงนี้ ถ้าหากเป็นแบบนั้น ไม่ว่าสาเหตุจะเกิดจากอะไร ก็อาจมีส่วนที่สามารถปรับความเข้าใจกันด้วยร่างกายก็ได้ ไหนๆ ก็ได้รับโอกาสมาแล้ว เขาก็จะเตือนคุณโค้ชผู้เย็นชาให้จำได้อีกครั้ง ว่าตัวเขาน่ะชอบเซ็กส์กับคิมมูคยอมที่เคยลืมเลือนไปชั่วขณะหนึ่งมากแค่ไหน
เสื้อคลุมสีเทาถูกเก็บไว้อย่างไม่สนใจไยดีโดยไม่มีเจ้าของมาพักหนึ่ง มูคยอมเอาเสื้อคลุมตัวนั้นออกมา จนป่านนี้แล้ว เขาถึงเพิ่งจะตระหนักถึงความเป็นจริงอันไม่อยากจะเชื่อขึ้นมาได้ว่าเสื้อผ้าทั้งหมดที่เขาซื้อมาให้สำหรับฮาจุน มีเพียงเสื้อคลุมใส่ในบ้านไม่กี่ตัวกับชุดสูทเพียงตัวเดียวเท่านั้น หนึ่งห้อง ไม่สิ สองห้องในบ้านหลังนี้ถูกสร้างไว้เป็นห้องแต่งตัวของเขา เพราะอย่างนั้น ถ้าหากจะซื้อเสื้อใหม่มาใส่ไว้จนเต็มให้หมดก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย แต่เขามัวทำอะไรมาจนถึงตอนนี้กันแน่นะ
มูคยอมเพียงแค่บ่นอยู่ในใจ เพราะมานึกเสียใจทีหลังก็ไม่มีความหมาย แต่แล้วประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก ในขณะเดียวกัน ฮาจุนก็เดินออกมา มูคยอมจับจ้องไปที่อีกฝ่ายซึ่งกำลังเดินออกมานอกประตู โดยที่ในมือก็ยังถือเสื้อคลุมค้างไว้
ฮาจุนเดินออกมาในสภาพร่างกายเปลือยเปล่าไม่ได้สวมอะไรสักชิ้น มูคยอมไม่ค่อยได้ใช้ห้องอาบน้ำร่วมกับพวกสตาฟ เพราะฉะนั้นล่าสุดมานี้จึงไม่ได้เห็นร่างกายของอีกฝ่ายมาเนิ่นนานแล้ว ผิวขาวผ่องกับร่องรอยที่หลงเหลืออยู่ตรงเอว โฉบผ่านดวงตาเข้ามาตะครุบร่างทั้งร่างของเขาทำให้รู้สึกแปลบปลาบไปทั้งตัว
ในขณะที่มูคยอมพูดอะไรไม่ออกและทำได้เพียงจ้องมองอีกฝ่าย ฮาจุนเองก็เดินเข้ามาหามูคยอมโดยไม่ได้พูดอะไรแล้วดึงเอาเสื้อคลุมในมือเขาไปถือ ทว่าก่อนที่แขนจะสอดเข้าไปในแขนเสื้อคลุมให้เข้าที่แล้วผูกสายรัดเอว แขนของมูคยอมก็ตวัดรอบเอวอีกฝ่ายพร้อมกับรั้งเข้าหาตัวก่อน
สุดท้ายสาบเสื้อที่ยังไม่ทันจัดให้เรียบร้อยก็คลายออก ส่วนเชือกก็ห้อยยาวลงทางด้านหลังทั้งอย่างนั้นราวกับหาง
“เดี๋ยว…”
บางทีคงตั้งใจจะพูดว่าเดี๋ยวก่อน แต่คำพูดของฮาจุนก็เงียบหายไปตรงนั้น ไม่ใช่เพราะมูคยอมกดจูบลงมาหรือเพราะถูกปิดปาก ฮาจุนเพียงแค่เงียบลงด้วยตัวเองและหยุดพูดไปเท่านั้น
มูคยอมเริ่มขยับใบหน้าฝังลงตรงซอกคอของฮาจุนก่อน โดยไม่สนใจอะไร ราวกับคนพเนจรซึ่งค้นพบแหล่งน้ำกลางทะเลทราย ท่าทีของมูคยอมไม่ได้เป็นเหมือนกับตอนอยู่สนามแข่งเมื่อครู่นี้ ซึ่งเป็นเพียงการก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วสูดลมหายใจเพราะมัวแต่สนใจสายตาของคนอื่น
มูคยอมสัมผัสแนบชิดผิวของอีกฝ่ายจนไม่มีช่องว่าง ราวกับคนที่จมูกกับริมฝีปากมุดอยู่ในดินเลนแล้วจะหยุดหายใจไปทั้งอย่างนั้น ดวงตาปรือปิดลง สัมผัสของผิวอ่อนนุ่มทำให้ริมฝีปากรู้สึกจั๊กจี้ เพราะเพิ่งอาบน้ำออกมา กลิ่นกายอันเป็นเอกลักษณ์จึงเบาบางลงอย่างน่าเสียดาย
เมื่อกระชับแขนรองใต้ก้นกับเอวที่ถูกโอบรัดแล้วยกตัวอีกฝ่ายขึ้น ตัวของฮาจุนก็สะดุ้งแล้วเอนตัวทิ้งน้ำหนักมาทางด้านหน้าเล็กน้อย คราวนี้มูคยอมกดใบหน้าลงตรงบริเวณไหล่ของอีกฝ่ายแล้วมุ่งหน้าไปทางห้องนอน
ห้องที่ถูกปล่อยทิ้งไว้โดยไม่มีเจ้าของอยู่พักหนึ่ง มีคนเข้ามาหลังจากที่ไม่มีมานาน ถึงแม้จะเดินอยู่แต่มูคยอมก็ทนไม่ไหวแล้วไล้เลียสลับขบกัดเบาๆ ลงบนผิวส่วนที่ริมฝีปากสัมผัสได้ เสียงที่อยากฟังจนแทบบ้า เริ่มดังขึ้นมาข้างบนศีรษะ
“ฮ้า อือ…”
เสียงครางที่เผลอหลุดออกมา แผ่วเบาเป็นอย่างมากเมื่อเทียบกับฮาจุนในตอนปกติ ราวกับตั้งใจจะกลั้นมันไว้แต่ก็ทำไม่สำเร็จ แต่เพราะอย่างนั้นจึงยิ่งกระตุ้นเขามากกว่าเดิม ตรงหว่างขาของมูคยอมพองตัวขึ้นอย่างร้อนรุ่มก่อนที่จะได้ทำอะไรเสียอีก
“อีฮาจุน”
ไม่ได้เรียกชื่ออีกฝ่ายเพราะมีเรื่องอะไรจะพูดเป็นพิเศษ แต่เรียกเพราะอยากเรียกเท่านั้น เรือนร่างที่ค่อยๆ เอนตัวลงบนเตียง เผยให้เห็นอย่างแจ่มชัดตรงระหว่างสาบเสื้อคลุมที่ไม่ได้ปิดมิดชิด
ไม่รู้ว่าเอาร่างกายผู้ชายมาเปรียบเทียบแบบนี้แล้วจะรู้สึกว่ามันน่าละอายหรือเปล่า แต่มูคยอมรู้สึกราวกับกำลังมองดูแกนกลางของดอกไม้ ตรงกลางระหว่างกลีบดอกที่เพิ่งผลิบานและความชุ่มชื้นยังไม่เหือดหาย แล้วเขาก็จะได้สัมผัสผิวกายอ่อนนุ่มตั้งแต่นี้ไป
เขาไม่ต้องการให้มีสิ่งกีดขวางใดๆ มาขวางกั้นอุณภูมิร่างกายกับผิวเนื้อที่เขาจะได้สัมผัสหลังจากตั้งตารอมาเนิ่นนาน มูคยอมถอดเสื้อคลุมที่บดบังร่างกายครึ่งหนึ่งของอีกฝ่ายออกไปจนหมด แล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเองโยนไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงคร่อมทับเหนือร่างกายของฮาจุนแล้วรั้งหัวไหล่เข้ามากอดเป็นอย่างแรก
มูคยอมก้มหน้าลงไป หวังจะประทับริมฝีปาก แต่ฮาจุนซึ่งหายใจหอบเบาๆ อยู่เช่นเดียวกัน กลับยกนิ้วขึ้นแตะลงบนคางกับริมฝีปากของมูคยอมเบาๆ
การเคลื่อนไหวมือของฮาจุนบ่งบอกว่าห้ามจูบ ในขณะที่มูคยอมชะงักใบหน้าที่กำลังเอนลงไป เสียงกระซิบของฮาจุนก็ดังขึ้นอย่างแจ่มชัดภายในห้องที่ไม่มีเสียงอะไรแทรกเข้ามาเลย
“ฉันอยากทำเหมือนที่เคยทำ”
“เหมือนที่เคยทำยังไง”
มูคยอมถามขึ้นเพราะไม่เข้าใจความหมายที่ฮาจุนจะสื่อ
“เหมือนที่เคยทำ… เราแทบไม่เคยเริ่มต้นด้วยจูบเลยนี่”
คำพูดนั้นทำให้มูคยอมทำสีหน้างงงันแล้วถามขึ้นอีกครั้ง
“ทำไม่ได้เหรอ”
“…ไว้ทีหลัง”
มูคยอมเพียงแค่ก้มลงมองฮาจุนเงียบๆ ครู่หนึ่ง แต่ไม่นานก็พยักหน้าราวกับยินยอม มูคยอมหยิบเจลที่ทิ้งไว้ในลิ้นชักและไม่ได้เอาออกมารับอากาศภายนอกมานาน จากนั้นก็วางเอาไว้ด้านข้างอย่างลวกๆ
‘ไม่สมัครใจที่จะทำงั้นเหรอ หมายความว่ามาเพื่อมีเซ็กส์แค่อย่างเดียว ไม่ได้มีความหมายอื่นแฝงสินะ’
จนกระทั่งก่อนที่ฮาจุนจะบอกเขาว่าชอบ ตัวเขาเองก็ไม่อนุญาตให้ฮาจุนสัมผัสริมฝีปากเขาได้ง่ายๆ เช่นกัน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เพราะหวงแหนริมฝีปาก ทั้งที่เคยใช้สัมผัสคนอื่นไปทั่ว แต่ก็เป็นเพียงการหยอกเย้าอีกฝ่ายเท่านั้น
เป็นเพราะฮาจุนผู้ชื่นชอบการจูบ ไม่ยอมพูดออกมาง่ายๆ และได้แต่ร้อนอกร้อนใจ พอเห็นท่าทีแบบนั้นของอีกฝ่ายมูคยอมก็รู้สึกว่ามันน่ารักดี เพียงเพราะแค่นั้นเอง แต่พอมาตอนนี้ เขาก็พยายามที่จะทำความเข้าใจความรู้สึกของฮาจุนผู้ถูกหยอกเย้าแบบนั้น อย่างน้อยก็ให้ได้สักครึ่งหนึ่ง พอหัวใจปวดแสบขึ้นมาก็เป็นความรู้สึกที่ย่ำแย่มากจริงๆ
วันนี้เขาจะปรับตัวเองให้ตรงกับความต้องการของอีฮาจุนอย่างไม่มีข้อแม้ มูคยอมเตรียมใจอย่างแน่วแน่พลางถอนหายใจออกมาบางๆ เขายอมไม่จูบแล้วกดริมฝีปากที่พลาดเป้าหมายลงบนกระดูกไหปลาร้าแทน
แม้ไม่ใช่ริมฝีปากก็ยังมีจุดที่จะประทับริมฝีปากลงไปได้อีกเยอะ มูคยอมกดริมฝีปากลงโดยจงใจทำให้เกิดเสียงดังจุ๊บจุ๊บ จากนั้นก็แลบลิ้นเลียทั่วบริเวณด้านล่างไหปลาร้าซึ่งลากยาวในแนวนอนอย่างสวยงาม
“…ฮึก อื๊อ ฮึ…”
การสัมผัสด้วยความรักใคร่อย่างจดจ่อและหนักแน่น ทำให้เอวของฮาจุนทนไม่ไหวและบิดไปมาเบาๆ ริมฝีปากและลิ้นรูดไปตามผิวที่ห่อหุ้มกระดูกเรียว ตั้งแต่ส่วนปลายสุดไปจนสุดปลายของอีกฝั่งราวกับทาสี จากนั้นมูคยอมก็เลื่อนใบหน้าลงมาดูดดึงติ่งเนื้อเล็กบนหน้าอกอย่างฉับพลัน
ริมฝีปากที่ส่งเสียงร้องคราง ในตอนแรกดูเหมือนพยายามที่จะปิดเงียบไว้ แต่คงไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว สุดท้ายจึงเปิดอ้ากว้าง
“อื๊อ ฮา อ๊ะ!”
ถึงแม้จะปฏิเสธจูบ แต่ฮาจุนก็ยังตอบสนองอย่างอ่อนไหวกับการลูบไล้เล็กๆ น้อยๆ นานมาแล้วที่ไม่ได้กอดร่างกายของฮาจุนแต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แกนกายของมูคยอมที่ตื่นตัวตั้งแต่ก่อนเข้ามาในบ้าน ตอนนี้กำลังชูชันจนรู้สึกเจ็บ
เขายังไม่คิดจะสอดใส่เข้าไป มูคยอมถูไถสิ่งแข็งขืนราวท่อนไม้ลงกับต้นขาด้านในของฮาจุน น้ำหล่อลื่นที่ซึมออกมาจากตรงส่วนหัว เปรอะเปื้อนบนผิวกายขาว ทำให้แรงเสียดสีไม่หยาบกระด้างจนเกินไป เพียงแค่บดเคล้าแกนกายลงบนผิวนุ่มหยุ่นเท่านั้น โดยไม่มีแรงบีบรัดอะไร แต่เพียงเท่านี้ในหัวของมูคยอมก็หมุนคว้างไปด้วยแรงอารมณ์
“ฮ้า โค้ชอี ทำไมแค่แตะหรือกดลงตรงไหนก็ทำให้คนอื่นเขาแทบบ้าได้ขนาดนี้”
“อ๊ะ จั๊กจี้…”
ฮาจุนเองก็คงไม่คุ้นเคยกับความร้อนระอุและความแข็งขืนซึ่งก่อกวนบนผิวเนื้ออ่อน และคงจะมีอารมณ์ขึ้นมาแล้วเหมือนกัน เขาจึงทำท่าจะบีบขาทั้งสองข้างเข้าหากันอยู่เรื่อย
“ทำแบบนี้แล้วยิ่งได้อารมณ์นะ”
มูคยอมจับขาที่เคยปัดป่ายไปมา กดให้หว่างขาแยกห่างออก แล้วในขณะที่ดูดดุนยอดอกนิ่มข้างหนึ่ง อีกข้างก็แข็งเป็นไตขึ้นก่อนที่เขาจะได้แตะต้องเสียอีก
เมื่อนำมือไปสัมผัส สิ่งที่ชูชันขึ้นจนแข็งก็ทำให้ปลายนิ้วรู้สึกจั๊กจี้
เมื่อมูคยอมเปลี่ยนตำแหน่งมาวางมือลงบนฝั่งที่เคยดูดดึง ส่วนริมฝีปากก็ฉกลงบนฝั่งที่เคยใช้นิ้วเขี่ย แผ่นหลังของฮาจุนก็ยกแอ่นขึ้นจากเตียงเล็กน้อย
“อ๊า พอ พอแล้ว…”
มูคยอมเพิกเฉยต่อคำพูดนั้นแล้วแลบลิ้นกวาดเลียยาวๆ ไปบนยอดอกเต่งตึงราวกับหยาดน้ำค้างที่พร้อมจะหยดลงมา มูคยอมจับร่างของฮาจุนที่สั่นระริกไว้แน่นราวกับจะบีบรัดบริเวณกระดูกซี่โครง จากนั้นก็ค่อยๆ เคลื่อนร่างกายท่อนบนลงมา พร้อมทั้งใช้ลิ้นไล้เลียอย่างสะเปะสะปะตั้งแต่ลิ้นปี่ไปจนถึงบริเวณหว่างขาใต้สะดือ เสียงครางหวิวถูกเปล่งออกมาอย่างต่อเนื่องอยู่เหนือศีรษะของเขา
ค่อยโล่งใจหน่อยที่ของของฮาจุนก็กำลังขยายตัวอย่างเต็มที่เช่นกัน รอยแผลเป็นบริเวณด้านข้างกับผิวขาวผ่องเมื่อเทียบกับเขา โฉบเข้ามาในการมองเห็นของมูคยอมอย่างเจิดจ้า มูคยอมใช้ฟันขบกัดไม่หยุดราวกับจะกลืนกินผิวนุ่มหยุ่นบริเวณขาหนีบที่ต่อเนื่องลงมาจากกระดูกเชิงกรานจนถึงแกนกาย และเชื่อมอยู่กับเอวและขา
ริมฝีปากเข้าใกล้จุดกึ่งกลางกายมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อใช้ลิ้นกดครูดอย่างแรงตรงลูกพวงไข่ข้างใต้แกนกายที่พองตัวเต็มที่ แรงกระตุ้นเล็กน้อยนั้นก็ทำให้ก้นของฮาจุนกระตุกอย่างแรงราวกับตกใจ
“ฮึก อ๊ะ!”
เมื่อขาที่เคยกดไว้ด้วยน้ำหนักตัวคลายออกเพราะมัวแต่สัมผัสบริเวณด้านล่าง ฮาจุนก็ดิ้นพล่านอย่างแรงบนที่นอนราวกับตั้งใจจะหนี มูคยอมสอดแขนทั้งสองข้างลงข้างใต้เพื่อเกี่ยวรอบต้นขาของอีกฝ่าย ทำให้ยึดกระดูกเชิงกรานของฮาจุนไว้ในอ้อมแขนได้อย่างแน่นหนา
เมื่อล็อกตัวอีกฝ่ายไว้แน่นดีแล้ว จากนั้นมูคยอมจึงอ้าปากกลืนกินแกนกายที่ชูชันเข้าไป ต้นขาขาวที่ถูกยึดไว้แน่นในอ้อมแขนคล้ำแดด กระเสือกกระสนไปมาราวกับสัตว์ที่ติดกับดัก
“ไม่ ฮึ ฮึก! ใช้ปาก ตรงนั้น อ๊ะ ฮ้า…!”
ดูเหมือนว่าฮาจุนคงตั้งใจจะพูดห้ามไม่ให้ทำ เสียงของฮาจุนถูกเสียงครางกลบจนขาดห้วงไป ในขณะที่ถูกสัมผัสด้วยความรักใคร่โดยที่แกนกายกำลังถูกลิ้นห่อรัดรึง การขัดขืนทั้งที่ตัวสั่นสะท้านกลับทำให้ร่างกายของมูคยอมร้อนวูบวาบยิ่งขึ้น
อีกฝ่ายบอกให้ทำตามที่เคยทำ ถ้าจูบก่อนเริ่ม แน่นอนว่าอาจไม่คุ้นเคยระหว่างพวกเขาทั้งสอง แต่ถ้าเป็นออรัลเซ็กส์ก่อนสอดใส่ก็เคยทำมาแล้ว เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีเหตุผลให้ทำไม่ได้ เมื่อมูคยอมกลืนกินแกนกายเข้าไปทั้งลำแล้วปัดป่ายลิ้นอยู่ภายในปาก เอวกับก้นของฮาจุนก็ดิ้นพล่านแล้วกระเด้งขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“อื๊อออ อ๊า อะ อย่า เลีย… ฮึก!”
ฮาจุนบิดเอวราวกับไม่ว่าอย่างไรก็อยากจะหลุดออกไปให้ได้ แต่ร่างกายที่ถูกพันธนาการกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังได้แค่สั่นสะท้านอย่างไร้ทางสู้ มูคยอมลากลิ้นไล้เลียทั่วทุกจุดอยู่พักใหญ่ และเมื่อดูดมันจนเกิดเสียงจ๊วบจ๊าบ ร่างที่เขายึดไว้ก็แข็งเกร็ง อีกทั้งแกนกายด้านในปากก็สั่นกระตุกเบาๆ
ในตอนนั้น พอมูคยอมบดขยี้ลิ้นลงตรงรอยแยกส่วนปลาย กล้ามเนื้อต้นขาของฮาจุนหดเกร็ง ในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่ามันแข็งขึ้น
“ฮ้า อา… อ๊า!”
อาจเป็นเพราะไม่มีเซ็กส์กันมานานหรือเปล่า การปลดปล่อยครั้งแรกจึงมาถึงเร็วกว่าที่คิด
ขาที่ยึดไว้ในอ้อมแขนสั่นสะท้านพร้อมกับที่สัมผัสได้ถึงของเหลวร้อนซึ่งทยอยฉีดพ่นเข้ามาในปาก ตัวของฮาจุนทิ้งน้ำหนักลงกับเตียงอย่างปวกเปียก ราวกับตอนนี้ยอมแพ้ที่จะขืนตัวออกแล้ว
มูคยอมคลายแขนออกจากร่างกายท่อนล่างที่เคยรัดไว้แน่น ทว่าฮาจุนไม่คิดแม้แต่จะดันตัวขึ้นหรือดึงร่างกายตัวเองขึ้นด้านบน เพียงแค่หอบหายใจราวกับเสียวซ่านอยู่กับอารมณ์คั่งค้างของจุดสุดยอดที่ได้ลิ้มรสเมื่อครู่นี้เท่านั้น
เมื่อก่อนมูคยอมรังเกียจเพราะคิดว่าจะเอาของผู้ชายใส่เข้ามาในปากได้ยังไง แต่ตอนนี้ถึงขั้นรู้สึกเสียดายเพราะดูดกลืนมันอีกสักครั้งไม่ได้แล้ว ไม่ใช่ว่าทำสองรอบไม่ได้ แต่ตัวเขาเองก็ใจร้อนแล้วเหมือนกัน
‘จุ๊บ’ มูคยอมกดริมฝีปากลงบนกระดูกเชิงกรานแล้วรีบบีบเจลใส่มือของตัวเองจนเต็ม เมื่อปาดของเหลวหนืดตรงหว่างขาที่อ้าค้างอยู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ ตอนนั้นฮาจุนถึงได้สบตากับมูคยอม
“ฉัน…”
“หืม”
เมื่อจับจ้องไปตรงริมฝีปากที่เผยออยู่อย่างจดจ่อ ฮาจุนจึงยื่นมือมาพร้อมกับพูดขึ้น
“ฉันจะทำ นาย… รอแป๊บเดียว”
“อะไรนะ”
ฮาจุนหยิบเจลที่วางไว้บนเตียงโดยไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมกับมูคยอมซึ่งย้อนถาม ใบหน้าของฮาจุนดูมึนเบลอแต่ก็สุขสบาย ราวกับเหน็ดเหนื่อยเพราะผ่านความหฤหรรษ์เมื่ออารมณ์พุ่งทะยานสูงมา กระทั่งท่าทีที่อีกฝ่ายบีบเจลหล่อลื่นสีใสลงเต็มมือขาว ก็ยังดูยั่วยวนอย่างไม่มีอะไรจะมาเทียบได้ในสายตาของมูคยอม
แต่จะให้ดูอยู่เฉยๆ เนี่ยนะ
“ทำไม ปกติฉันก็เป็นคนขยายช่องทางนายให้นี่”
“วันนี้ฉันอยากทำ ถ้านายทำล่ะก็…”
ฮาจุนพูดแบบนั้นแล้วหดไหล่เข้าหากันในขณะที่นิ้วหนึ่งแหวกเข้าไปด้านในช่องทางด้านหลัง ทุกครั้งที่นิ้วของฮาจุนผลุบเข้าในด้านในทีละข้อ หัวคิ้วของมูคยอมก็ย่นเข้าหากันมากขึ้นเรื่อยๆ