The Legendary Mechanic - ตอนที่ 885 หลอมอิทธิพล
ตอนที่ 885 หลอมอิทธิพล
หานเซี่ยวหรี่ตาไม่พูด ในความเป็นจริง เขายังมีข้อสงสัย แต่ริสด้าตอบกลับด้วยท่าทางเดียวกันทุกครั้งที่เขาถาม ทำให้เขาไม่อาจยืนยันมันได้
แมนิสันกอดอกและพูดอย่างสงบ
”แค่ตามความสามารถพวกมันพวกมันไม่มีทางทำลายผ่านไฟร์วอลล์ฉันได้ เบื้องหลังพวกมันคือช่างกลผู้อยู่เหนืออีกคนที่หมายตาจักรวรรดิจักรกลอมตะของฉันและอยากยึดกองทัพฉันขณะที่ฉันไม่อยู่ในฐาน พวกมันลอบนำสิ่งมีชีวิตตัวน้อยทั้งสองที่ไม่รู้อะไรออกมาและลอบเปิดช่องทางข้อมูลเสมือนให้พวกมัน”
”น่าเสียดายที่ลูกไม้น้อยๆนี้ถูกฉันจับได้และแผนเขาจึงล้มเหลวฉันรู้มาตลอดว่าเพื่อนตัวน้อยที่เปลี่ยนเป็นทหารจักรกลอมตะอยู่บนเกาะมังกร เธอยืมช่องทางส่งลังงานฉันและขโมยวัสดุฉัน ดังนั้นฉันย่อมแกะรอยได้”
”แต่ฉันไม่ได้มาเก็บคืนนั่นเพราะฉันไม่สนใจพวกมันที่เร่ร่อนไปทั่ว แต่ฉันยังตัดสินใจไม่ติดต่อกับเอเมสเพราะความสัมพันธ์ในอดีตของฉันกับอีซอป แต่ทว่า วันนี้ไหนๆฉันก็มาแล้ว นายช่วยส่งคืนทั้งสองกลับให้ฉันได้ไหม?”
หานเซี่ยวนวดขมับยี่สิบปีก่อนตอนเขาพบอโรเชีย เขาเป็นแค่ผู้ใช้พลังระดับB เขาเป็นแค่มดในจักรวาล แมนิสันย่อมไม่เห็นเขาในสายตา
เมื่อเขาพบต้นกำเนิดของอโรเชียทีหลังเขาก็กังวลว่าแมนิสันจะไล่ตามมา แต่อโรเชียไม่เคยพบอันตรายใด ดังนั้นเขาจึงคิดว่าแมนิสันไม่รู้ตำแหน่งของอโรเชีย
เมื่อเขามาถึงระดับผู้อยู่เหนือความรู้เทคโนโลยีเสมือนเขายิ่งลึกล้ำ และยังเริ่มสงสัยถึงการหลบหนีของพวกเขา แต่เพราะเวลายี่สิบปีที่ผ่านมาอย่างสงบสุข เขาจึงไม่คิดซักถาม
แต่แมนิสันกลับรู้มาตลอด..
สมองของหานเซี่ยวหมุนอย่างรวดเร็ว
เห็นได้ชัดว่าด้วยสถานะของแมนิสันเขาไม่สนใจการหลบหนีของริสด้าและอโรเชียเลย เหนือสิ่งอื่นใด เขามีทั้งอารยธรรมปัญญาประดิษฐ์เป็นกองทัพ แค่สองผู้หลบหนีไม่นับเป็นอะไร
แต่เหตุผลที่เขากล่าวถึงไม่ใช่เพื่อพาริสด้าและอโรเชียกลับแต่เพราะหานเซี่ยวปฏิเสธคำขอเขา ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจโจมตี!
ตาแก่นี่…มีเพียงพระเจ้าถึงรู้ว่าเขายังมีไพ่ซ่อนไว้มากแค่ไหน
หานเซี่ยวขมวดคิ้วหยุดสักพักก่อนตอบ
”อโรเชียคือสหายฉันที่ติดตามฉันมากว่า20ปีเธอเป็นอิสระและไม่ใช่ทาสฉัน ฉันไม่อาจส่งคนที่เคารพและเกี่ยวกับการสร้างกองทัพแบล็คสตาร์ให้ใครได้ ไม่งั้นฉันจะตอบกับคนในกองทัพว่ายังไง?”
แมนิสันอยากรับเอาทหารหลบหนีคืนแต่หานเซี่ยวกลับบิดสถานการณ์ ย้ำว่าตำแหน่งของอโรเชียภายในกองทัพไม่ได้ต่ำต้อย
”ท่านแบล็คสตาร์นายเคี้ยวได้ยากจริงๆ”แมนิสันยังสงบ และแค่ถอนหายใจ
จากเวลาที่พวกเขาพบกันจนถึงตอนนี้หานเซี่ยวมักปฏิเสธ
อยากได้อำพัน?ไม่ขาย!
อยากได้คนของฉัน?ไม่ให้!
หานเซี่ยวชัดเจนถึงพลังของแมนิสันแต่เขาไม่กลัวอีกฝ่าย มันจะเป็นอีกเรื่องหากเขาไม่มีคนหนุน แต่จักรวรรดิกำลังหนุนกองทัพแบล็คสตาร์ ส่วนสหพันธ์แห่งแสงหนุนแมนิสัน พวกเขาต่างมีคนหนุนและไม่จำเป็นต้องกลัว
เนื่องจากเขาคือคนที่ได้รับกาลอวกาศแอมเบอร์จักรวรรดิย่อมไม่บังคับให้เขาส่งมอบมันเพราะตราบเท่าที่มันอยู่ในมือเขา มันก็เทียบเท่ากับพลังของจักรวรรดิ
แต่ทว่าหากเขาเลือกตกลงกับจักรวรรดิช่างกล นี่ก็หมายความว่าวิธีผลิตชของกาลอวกาศแอมเบอร์จะตกอยู่ในมือสหพันธ์แห่งแสง นี่จะเป็นการล้ำเส้นจักรวรรดิ และเขาต้องรับผลที่ตามมา ไม่มีอะไรรับประนได้ว่าแมนิสันจะวิจัยมันเป็นการส่วนตัว
เหตุผลที่หานเซี่ยวไม่ตกลงไม่ใช่แค่เพราะการรักษาความลับของกาลอวกาศแอมเบอร์แต่ยังเพราะปัญหาเรื่องฝ่ายด้วย ต่อให้เขาต้องจบด้วยการยั่วโมโหอีกฝ่าย เขาก็ทำได้แค่ปฏิเสธ
บรรยากาศหนักขึ้นหานเซี่ยวจ้องแมนิสัน ไม่พูด ส่วนแมนิสันก็ทำเหมือนกัน ไม่แสดงอารมณ์ใด
หลังเงียบอยู่นานแมนิสันก็เปิดปากอีกครั้ง”งั้น มันดูเหมือนคำขอฉันจะเกินไปหน่อย”
เขาไม่ยืนกรานจะเอาตัวทั้งสองให้ได้อาจเพราะเขาไม่อยากเป็นศัตรูกับหานเซี่ยวด้วยเรื่องเล็กๆเช่นนี้ แต่ทว่า หานเซี่ยวไม่อาจรู้ได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
”ขอบคุณมากที่เข้าใจท่านจักรพรรดิช่างกล”น้ำเสียงของหานเซี่ยวอ่อนลง ในเมื่ออีกฝ่ายไว้หน้าเขา ก็ไม่จำเป็นต้องหยาบคาย
”อย่างไรก็ตาม..”แมนิสันพูดต่อ”แม้ฉันจะไม่สนใจชีวิตพวกมันแต่ก็มีเรื่องที่ฉันต้องเตือนนาย”
”โปรดพูด”
”ทั้งสองมักอยากช่วยคนของตัวเองหวังว่านายจะไม่ถูกหลอกโดยพวกมัน ช่างกลผู้อยู่เหนือที่ช่วยพวกมันครั้งนั้นจบลงด้วยการเป็นถ้วยรางวัลฉัน และฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับนาย..ไม่งั้น ผลลัพธ์คงดูไม่ดีนัก”น้ำเสียงแมนิสันยังสงบ
รูม่านตาของหานเซี่ยวหดลงนี่คือการเตือน!
ตอนนี้เองแมนิสันยืนขึ้นและเขาก็แสดงเจตนาจะกลับ
”ไม่ว่ายังไงการได้สามารถคุยกับนายก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว มันน่ายินดีที่ได้รู้จักนาย”
หานเซี่ยวยืนขึ้นจับมือกับอีกฝ่าย
หลังแลกเปลี่ยนหมายเลขสื่อสารกันพวกเขาก็เดินออกห้อง หานเซี่ยวไปส่งแมนิสันกลับขึ้นยานของสหพันธ์แห่งแสงด้วยตัวเอง
ก่อนประตูจะปิดแมนิสันหันกลับมามองหานเซี่ยว
”ในเมื่อนายจะมาแม่น้ำดวงดาวแรกเริ่มเพื่อจัดการกับเทพเอสหากมีเวลา ก็มาเยือนสถานที่ฉันบ้าง”
”ตกลง”หานเซี่ยวพยักหน้า
ปึก!
ประตูปิดและยานก็ออกเดินทางไปในจักรวาลกว้าง
เมื่อส่งพวกเขาออกไปหานเซี่ยวก็ลอบถอนหายใจ”จิ้งจอกเฒ่าเอ้ย”
การจัดการกับแมนิสันลำบากจริงๆ
หานเซี่ยวไม่อาจบอกความคิดจริงของแมนิสันได้ทัศนคติเขาคลุมเครือ ทุกการเคลื่อนไหวยังดูเหมือนจะมีเจตนาหยั่งเชิง
ชายคนนี้ไม่ใช่แค่คนที่แสวงหาผลประโยชน์ล้วนๆความคิดเขายากจะคาดเดา และแม้จะด้วยความเข้าใจแมนิสันจากชีวิตก่อนหน้าเขา หานเซี่ยวก็ยังไม่เข้าใจนิสัยของจิ้งจอกเฒ่าตนนี้
เมื่อล้อมจับเทพเอสสนามรบจะเป็นแม่น้ำดวงดาวแรกเริ่ม เขาจำเป็นต้องไปในอาณาเขตของจักรวรรดิช่างกลเพื่อสู้..จากสถานการณ์ปัจจุบัน ตั้งแต่ฉันปฏิเสธเขา แมนิสันย่อมไม่พอใจฉันแน่ แต่เมื่อพิจารณาปัจจัยทั้งหมด เขาอาจไม่เป็นศัตรูกับฉันตอนนี้
หานเซี่ยวส่ายหัว
เพราะความขัดแย้งด้านผลประโยชน์การพบปะนี้จึงไม่ดีนัก
ปี้บปี้บ!
ครั้งนี้อุปกรณ์สื่อสารดังและโมน่าก็ส่งข่าวที่สหพันธ์แห่งแสงตอบรับคำขอของหานเซี่ยว
ไม่ว่ายังไงอย่างน้อยฉันก็ต้องจัดการกับเทพเอสให้ได้ก่อน
หานเซี่ยวฟื้นคืนสติเรื่องจักรวรรดิช่างกล เขาสามารถจัดการได้ภายหลัง สิ่งสำคัญสูงสุดคือจัดการกับเทพเอส
เขาเป็นแค่พันธมิตรและไม่อาจร่วมมือกับสหพันธ์แห่งแสงโดยไม่ให้จักรวรรดิรู้ได้ไม่งั้นจะถือเป็นการเหยียบหัว ดังนั้น เขาต้องแจ้งจักรวรรดิ ซึ่งแสดงว่าเขามีเจตนาจะฆ่าเทพเอสจริงๆ
ไม่ว่าจักรวรรดิจะเต็มใจร่วมมือไหมสหพันธ์แห่งแสงก็ได้ออกตัวแล้ว และความแตกต่างเดียวคือพวกเขาจะร่วมมือกันล้อมจับเทพเอสหรือแยกกัน
…
ในเวลาเดียวกันบนยานของสหพันธ์แห่งแสง โมน่าเข้าหาแมนิสันและกล่าวอย่างเคารพ”เบื้องบนได้ยอมรับคำขอของแบล็คสตาร์เพื่อฆ่าเทพเอส และพวกเขาก็หวังว่าท่านจะสามารถช่วยได้เพราะสนามรบอยู่ในอาณาเขตท่าน”Aileen-novel
”เข้าใจแล้ว”
แมนิสันโบกมือก่อนควบคุมกายจักรกลเขาให้ขยับไปทางหน้าต่างจ้องศูนย์ใหญ่กองทัพแบล็คสตาร์ที่กำลังหดเล็กลง
”ไม่แปลกใจที่โซโรคินจะแพ้เขาจัดการได้ยากจริงๆ”แมนิสันพยักหน้า
เขาคือหนึ่งในหุ้นส่วนของกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัดและยังสนับสนุนกลุ่มการเงินด้วยวัสดุจักรกลมากมายทุกปี ดังนั้น เขาจึงรู้จึกโซโรคินมานาน
กองกำลังติดอาวุธที่โซโรคินพัฒนาบนวงแหวนดาวกระจายไม่ใช่ความลับต่อแมนิสันเครือข่ายข้อมูลเขากว้างขวาง จนถึงจุดที่แม้กระทั่งเมล็ดพันธ์ผู้อยู่เหนือโรโซแท้จริงแล้วยังเป็นสายให้เขา
ดังนั้นแมนิสันจึงรู้ว่าโซโรคินพยายามตรวจสอบกองทัพแบล็คสตาร์และจบลงด้วยการขาดทุนในอารยธรรมกูลาล
โซโรคินสนใจกองทัพอมตะของกองทัพแบล็คสตาร์ซึ่งแมนิสันเองก็สนใจ จากมุมมองเขา กองทัพอมตะของ
แบล็คสตาร์คล้ายกับกองทัพจักรกลอมตะของเขาแค่ว่ากองทัพของแมนิสันใหญ่กว่า ดังนั้น เขาจึงไม่กระตือรือร้นเท่าโซโรคิน”
สิ่งที่เขากังวลตอนนี้คือกาลอวกาศแอมเบอร์
สำหรับลูกบาศก์วิวัฒนาการเขาไม่สนใจเลย
ทฤษฏีเบื้องหลังลูกบาศก์วิวัฒนาการสูญหายไปนานแล้วและมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปรับเปลี่ยนอะไรเขาแตกต่างจากเทพเอส แมนิสันไม่ชอบอะไรที่ควบคุมไม่ได้
…
บนดาวแม่จักรวรรดิคริมสันเออแรนเรลวางรายงานในมือลง เผชิญหน้ากับภาพฉายระยะไกลของทาราคอฟ เธอถามอย่างไม่แยแส”คุณกำลังบอกว่า แบล็คสตาร์ริเริ่มติดต่อคุณ บอกว่าสหพันธ์แห่งแสงติดต่อเขา อยากเจรจากับเขาและเขาก็โน้มน้าวอีกฝ่ายให้เตรียมล้อมจับเทพเอสด้วยกัน?”
”ครับ”ทาราคอฟพยักหน้า
ไม่นานมานี้หานเซี่ยวได้ติดต่อเขาและสรุปเหตุการณ์คร่าวๆให้ฟัง หลังจบสาย เขาก็รายงานเออแรนเรลทันที ถ่ายทอดเจตนาของหานเซี่ยว
”อืม…”เออแรนเรลเอนพิงเก้าอี้มือเธอเคาะโต๊ะ ขณะหันไปมองคล็อตติ”คุณคิดว่ายังไง?”
”แบล็คสตาร์ไม่ถามจักรวรรดิล่วงหน้าและลอบติดต่อโดยไม่ได้รับอนุมัติเขาข้ามเส้น”น้ำเสียงของคล็อตติไม่แยแส และไม่ได้ชอบหรือไม่ชอบหานเซี่ยว แค่พูดตามความคิด
”มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรในความเป็นจริง มันเป็นเรื่องดี แถม เขายังรายงานทันที เรื่องเล็กๆนี้ไม่ควรหยิบมาพูด”เออแรนเรลโบกมือ”ฉันรู้ว่าเขาอยากฆ่าเทพเอสมากกว่าใคร เขาอาจกังวลว่าเทพเอสจะยังหมายตาลูกบาศก์วิวัฒนาการ”
เธอไตร่ตรองก่อนตัดสินใจ
”ในเมื่อสหพันธ์แห่งแสงอยากร่วมด้วยงั้นนี่ก็จะเป็นปฏิบัติการของสามอารยธรรมจักรวาล”
เพราะเทพเอสทรยศศาสนจักรจึงเสียหายหนัก ดังนั้น ศาสนจักรย่อมไม่พอใจ นอกจากนี้ เพราะพวกเขาร่วมมือกับเทพเอสในช่วงการต่อสู้บนดาวประภาคาร มันจึงเกิดความคิดเห็นเชิงลบภายในสังคมดวงดาว พวกเขาจึงต้องแสดงจุดยืนเพื่อต่อต้านเทพเอส
ในเรื่องนี้เทพเอสเหมือนกระโถนปัสสาวะ เมื่อต้องการ พวกเขาจะนำมันมาใช้ แต่เมื่อพวกเขาใช้มันแล้ว พวกเขาก็จะพบว่ามันเหม็นและเตะมันกลับเข้ามุมอีกครั้ง
ความคิดของเออแรนเรลคือลากศาสนจักรมาร่วมด้วยเพื่อคล้ายแรงกดดันทางฝั่งตน หากพวกเขาจะสู้ ทั้งหมดควรทำด้วยกัน ไม่ควรมีใครนั่งดูเฉยๆ
นอกจากนี้การกำจัดเทพเอสยังเป็นการตอบสนองความต้องการของแบล็คสตาร์
…
ในแถบจักรวาลรกร้างของแม่น้ำดวงดาวแรกเริ่มกองยานของเทพเอสกำลังลอยล่อง เคลื่อนไปทางขอบทุ่งดาว
ในโถงหลักของยานฟาซิเค็นมาหน้าบัลลังก์ ปลุกเทพเอส
หมอกดำหมุนวนสร้างเป็นใบหน้าน่าเกลียด เทพเอสลืมตา จ้องผู้ช่วยเขาก่อนถาม”มีเรื่องอะไร?”
”มีปัญหากับค่ายหลักเรากองทัพเราในกาแล็กซี่กลางถูกล้อมด้วยจักรวรรดิคริมสันและศาสนจักร เราเสียหายหนักมาก”
”โอ้มีอะไรอีกไหม?”เทพเอสพยักหน้าราวกับเขาไม่สนใจ
ฟาซิเค็นหยุดไปก่อนฝืนยิ้ม”เราทำให้ศาสนจักรโกรธและพวกเขาอาจร่วมมือกับจักรวรรดิเพื่อส่งผู้อยู่เหนือมาไล่ล่าท่าน ท่านไม่กังวลเลยงั้นหรอ?”
”พวกมันคือคนที่ควรกังวลไม่ใช่ฉัน”เทพเอสหลับตาอีกครั้ง น้ำเสียงเขาคล้ายคนกำลังฝัน”ฉันจะได้ทดสอบพลังฉันหลังการวิวัฒนาการ”
เมื่อเห็นเทพเอสหลับไปอีกครั้งฟาซิเค็นก็ออกโถง เมื่อปิดประตู เขาก็เผยรอยยิ้มประหลาดบนหน้า
โกรธยินดี พอใจ หน่ายใจ…ความรู้สึกซับซ้อนทั้งหมดปรากฏบนหน้าเขา