The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1086 การทดลองลับ
“นี่คือห้องสะสมของฉัน”
ขณะที่กลุ่มเดินเข้าห้อง หานเซี่ยวก็พูด ด้านหลังของเขาคืออดีตเจ้าหน้าที่ของบรรพชนอสูร รวมถึงโจติน่า
ทันทีที่ทีมภาคสนามทำลายศูนย์ใหญ่ของบรรพชนอสูร โจติน่าก็นำเหล่าพี่น้องของเธอมาแสดงความขอบคุณต่อหานเซี่ยว หานเซี่ยวจำได้ว่าเขาสัญญาว่าจะพาพวกเธอไปเจอโกรูตัน เขาจึงพาไป
นี่คือห้องเก็บสะสมที่เขาใช้เพื่อขังเชลยผู้อยู่เหนือทั้งห้า มีชื่อของเชลยแต่ละคนหน้าตู้โชว์ พวกเขาคือปีศาจแดง โทเลน ผู้สันโดษ แจ็คคอร์นิท พลังงานวิญญาณ วอมรี และเฮดีสกับบรรพชนอสูร โกรูตัน
ตัวอย่างห้าผู้อยู่เหนือที่แสดงอยู่นั้นเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสำเร็จของเขา แค่ฉากนี้อย่างเดียวก็น่าสนใจแล้ว ดวงตาของโจติน่าจับจ้องโกรูตันทันที เมื่อเห็นว่าชายคนนนี้ที่เธอเกลียดและกลัวมาตลอดชีวิตถูกขัง ความยินดีก็เอ่อล้นหัวใจ
“แกสมควรแล้ว!”
โจติน่ากำหมัดด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เธอรู้สึกว่านี่เป็นวันที่เธอมีความสุขสุดในชีวิต ช่วงเวลาแสนมืดมนในอดีตของเธอดูเหมือนจะถูกลืมจนหมด โลกในสายตาดูมีสีสันอีกครั้ง
มันเหมือนกับสายลมหนาวพัดผ่านจิตใจเธอ นำภูเขาแห่งความเกลียด สิ้นหวัง โกรธหายไปกับมัน เหลือแค่ความหวังสำหรับชีวิตใหม่
เธอหันไปมองหานเซี่ยว สายตาเธอเต็มไปด้วยความชื่นชม
ในสายตาเธอ แบล็คสตาร์ดูเหมือนจะเปล่งประกายด้วยแสง ราวกับเขาคือแสงสว่างที่จะนำเธอไปสู่ชีวิตใหม่
เมื่อเจอกับสายตาหลงใหลของโจติน่า ใบหน้าของหานเซี่ยวก็สั่นกระตุกเล็กน้อย เขาไม่ได้ติดต่อกับโจติน่ามากนัก แต่เขาก็ประทับใจความตรงไปตรงมาและความหลงใหลของเธอ
รางวัล[ปลดปล่อยองค์กรบรรพชนอสูร]ได้มอบแล้ว เขาได้รับความโปรดปรานจำนวนมากและเดาว่าเครื่องวัดความภักดีที่โจติน่ามีต่อเขาคงใกล้ระเบิดแล้ว
หานเซี่ยวกระแอม”พวกเธอบางคนยังไม่มีตำแหน่งแน่นอน ในเมื่อเราเพิ่งช่วยลูกหลานกลุ่มใหญ่มา ฉันก็ควรให้พวกเธอเป็นคี้ชี้แนะ มีปัญหาอะไรไหม?”
“ไม่ครับ!”ทุกคนพยักหน้า ดูมีความสุขมาก
“เอาละ ตามสบาย ฉันมีธุระ”
หานเซี่ยวหาข้ออ้างออกไป โจติน่าและคนอื่นต้องทนกับความเกลียดชังนี้มาหลายปี เขาจึงไม่อยากรบกวนพวกเธอจากการระบาย ยังไงก็ตาม ฟิลลิปจะคอยจับตาดูอยู่แล้ว
หลังกลับห้องทำงานเขา หานเซี่ยวไตร่ตรองถึงการกระจายทรัพยากรมนุษย์ของกองทัพ
“ปัจจุบัน ภัยพิบัติชั้นสูงภายในบัญชาฉันมีแค่เฮดาวี่ ล็อตแฮร์ เฟย์ดินและโจติน่า คนอื่นที่มีศักยภาพยังไม่โต เจ้าหน้าที่บรรพชนอสูรกว่าสิบเหล่านั้นสำคัญมาก ร่วมกับกลุ่มลูกหลาน พวกเขาจะเป็นกลุ่มใหม่ในกองทัพ”
มีหลายกลุ่มในกองทัพแบล็คสตาร์ ไม่รวมถึงหานเซี่ยว
หนึ่งคือกลุ่มอาวุโสนำโดยเฮอลัส ท่ามกลางนั้นเป็นกลุ่มเล็กๆเช่นซันนิล โกโดร่า อความารีนและอื่นๆ กลุ่มนี้เป็นตัวแทนของสมาชิกอาวุโส อีกหนึ่งคือกลุ่มสถาบันนำโดยลากีและเนดร่ สร้างจากพวกจบการศึกษาของสถาบัน สามคือกลุ่มกระแสหลักนำโดยเหล่าภัยพิบัติที่เข้าร่วมภายหลัง ซึ่งยังเป็นกลุ่มใหญ่สุด สี่คือกลุ่มการเมืองนำโดยซิลเวียและเรย์โนล ประกอบไปด้วยคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมต่อการรบ แต่ดูแลเรื่องอื่นของกองทัพ คอยจัดการกิจการประจำวันของกองทัพ โลจิสติกส์ เศรษฐกิจ และอื่นๆ
โจติน่าและพวกน่าจะเป็นกลุ่มบรรพชนอสูรหลังมีตำแหน่งมั่นคงในกองทัพ
สำหรับฮีล่า เธอโดดเดี่ยวอยู่แล้ว เธอไม่มีกลุ่ม องครักษ์แบล็คสตาร์มีอิทธิพลจำกัดต่อแผนกต่างๆของกองทัพ พวกเขาไม่ต้องสร้างกองกำลัง ล็อตแฮร์ที่ดูแลสมาคมนักฆ่าก็อยู่นอกฐาน
กลุ่มเหล่านี้มีความขัดแย้งกันเป็นการส่วนตัว แต่ด้วยการคงอยู่ของหานเซี่ยว พวกเขาจึงต้องรักษาท่าที องค์กรใหญ่ทั้งหมดต่างก็มีความขัดแย้งภายในเมื่อขยายตัว แต่กองทัพแบล็คสตาร์ถือเป็นองค์กรใหม่ในแง่ความยาวนาน ความขัดแย้งภายในจึงไม่ใหญ่มาก
การกำจัดความขัดแย้งภายในโดยสิ้นเชิงเป็นไปไม่ได้ ทุกคนต่างมีความคิดของตนเอง และไม่มีทางที่จะขอให้คนอื่นเห็นแก่ตัว แม้แต่เสาหลักอย่างเฮอลัสก็ยังมีเป้าหมายส่วนตัว ตัวอย่างเช่น เพื่อให้เผ่าซันนิลของเขาได้รับผลประโยชน์มากขึ้น อำนาจสามารถเปลี่ยนความคิดคนได้ ยิ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงทำงานให้กองทัพนาน พวกเขายิ่งอยากได้รับ นอกจากนี้ ผู้ใช้พลังเหล่านั้นที่เข้าร่วมกองทัพแบล็คสตาร์ภายหลังต่างมาเพื่อค้นหาอนาคตสดใส ไม่ว่าเค้กจะชิ้นใหญ่แค่ไหน การแข่งขันก็ไม่มีวันหาย
“มันเหมือนกับสมาคมพัฒนา มันเพิ่งสร้าง กลุ่มจึงยังไม่มี เมื่อทรัพยากรรวมกันระดับหนึ่ง ต้องมีกลุ่มต่างๆ..”
เขาสามารถเดาได้ว่าสามอารยธรรมจักรวาลพยายามแทรกซึมสมาคมผู้อยู่เหนือโดยการแบ่งแยก เพราะต้องมีบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับมันแน่ คนเหล่านี้จีบได้ง่ายกว่า
ผู้อยู่เหนือเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ รากเหง้าของกลุ่มที่ก่อตัวขึ้นคือความคิดเห็นที่แตกต่างกัน สมาคมพัฒนาเต็มไปด้วยข้อโต้งแย้งตั้งแต่มันถูกสร้างแต่เบื้องบนที่เหนือกว่าตำแหน่งผู้อำนวยการรู้ดีถึงความสำคัญของมัน
ในฐานะรองประธาน แม้ตำแหน่งเขาจะต่ำกว่าแมนิสัน มันก็ไม่ได้มีอะไรมาก พลังโดยรวมและอิทธิพลเขาในสมาคมยังสูง
“ขั้นตอนการรวมทรัพยากรคือโอกาสของฉัน ฉันสามารถใช้ข้อได้เปรียบของฉันเพื่อเข้าหาสมาชิกมากขึ้นและสร้างกลุ่มฉัน ค่อยๆขยายเครือข่ายฉันให้ไล่ทันแมนิสัน ตราบเท่าที่มีคนสนับสนุนฉันพอ ฉันจะสามารถสร้างผลกระทบใหญ่ได้ มันจะเป็นประโยชน์สำหรับฉันเพื่อการเลือกตั้งในอนาคตด้วย แถม ถ้าฉันไม่ทำอะไร ฉันอาจรักษาตำแหน่งรองประธานไว้ไม่ได้…”
หานเซี่ยวไตร่ตรอง เขาเลือกก้าวถอยเพราะอยากค่อยๆสะสมอำนาจ
และตอนนี้มีโอกาสใหญ่ตรงหน้าเขา แม้สามอารยธรรมจักรวาลจะยอมรับว่าสมาคมถูกต้องตามกฏหมาย ภารกิจของจ้าวแห่งความมืดก็ยังไม่จบ
นี่หมายความว่าคล็อตติผู้เป็นผู้อำนวยการกิตติมศักดิ์บนหน้ากระดาษยังต้องโจมตีสมาชิกคนอื่น นี่จะสามารถความเสียหายต่อชื่อเสียงสมาคมแน่ นี่คือการยั่วยุของอารยธรรมจักรวาล รวมถึงการทดสอบน่านน้ำ
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผู้อยู่เหนือเป็นกลางเหล่านั้นที่จ้างโดยอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดจะต้องลกัวมากแน่ นี่ดูเหมือนโอกาสอันดีสำหรับฉัน ถ้าฉันสามารถโน้มน้าวเบื้องบนของจักรวรรดิให้หยุดภารกิจของจ้าวแห่งความมืดได้ ไม่เพียงฉันจะสามารถแสดงได้ว่าฉันสำคัญแค่ไหนในฐานะรองประธาน แต่ฉันยังได้รับความโปรดปรานจากผู้อยู่เหนือเป็นกลางเหล่านั้น…”
ด้วยความคิดนี้ หานเซี่ยวจึงบอกฟิลลิปให้ส่งข้อความหาผู้อยู่เหนือเป็นกลางทั้งหมดในสมาคม ข้อความเริ่มด้วยการทักทายและคำถามอย่าง”กินข้าวหรือยัง?” จากนั้นเขาก็หยิบเรื่องจ้าวแห่งความมืดขึ้นมา
แม้เขาจะตัดสินใจจัดการปัญหานี้เอง หานเซี่ยวก็ไม่อยากเก็บมันเป็นความลับ
ดังนั้น สุดยอดช่างกลหานจึงวางแผนติดต่อผู้อยู่เหนือเป็นกลางเหล่านี้ที่อาจเป็นเป้าหมายของจ้าวแห่งความมืดและบอกพวกเขาให้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นในการประชุมต่อไปตอนทุกคนเข้าร่วม สมาชิกผู้อยู่เหนือทั้งหมดจะประชุมร่วมกันบ่อยมาก
“จ้าวแห่งความมืดจับตัวนักเดินทาง และนักเดินทางก็โทษโซโรคิน งั้นจักรวรรดิต้องไม่ปล่อยให้มันหลุดมือแน่ ฉันสงสัยว่าพวกเขาจะลงโทษกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัดยังไง”
หานเซี่ยวหัวเราะ
ปี้บ ปี้บ!
ตอนนี้เอง อุปกรณ์สื่อสารเขาดัง
สหพันธ์และศาสนจักรส่งข้อความหาเขา เนื้อหาคือการประกันตัวพันธมิตรพวกเขา
หานเซี่ยวมองดู เทียบกับเงื่อนไขแรก ค่าชดเชยของสหพันธ์และศาสนจักรสูงขึ้นมาก
เนื่องจากเขาไม่เคยเสนออะไร คนที่ต้องรับผิดชอบการร่างข้อเสนอจึงเป็นสองฝ่าย
“มันก็หลายเดือนมาแล้ว ฉันทรมานพวกเขามามากพอแล้ว ถึงเวลาสรุป” หานเซี่ยวหน้ามุ่ยและเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่างของสองฝ่าย เช่นสลับทรัพยากรบางอย่างเป็นพิมพ์เขียวเกรดทอง
สองอารยธรรมจักรวาลมีพิมพ์เขียวเกรดทองมากมาย ดังนั้นพิมพ์เขียวที่พวกเขาเต็มใจมอบให้จึงไม่สำคัญ แต่ทว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ต่อหานเซี่ยวเพราะเขาแค่อยากได้แต้มการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งเทพ
ทันทีที่ราคาทั้งสองถูกส่งออกไป คนของสหพันธ์กับศาสนจักรก็ยินดี โดยไม่ลังเล พวกเขาส่งคำขอสื่อสารและเริ่มการเจรจากับหานเซี่ยว
ครั้งนี้ หานเซี่ยวไม่ทรมานพวกเขา หลังเจรจา ข้อตกลงก็ลุล่วง เขาได้รับสามพิมพ์เขียวเกรดสมบัติจักรวาล
เชลยที่เขาวางแผนส่งกลับไปก่อนคือโทเลนกับเฮดีส
เขาไม่เคยพันธมิตรของสหพันธ์ให้ศานสจักร แม้นี่จะเป็นประโยชน์ มันก็มีข้อเสีย อย่างไรก็ตาม เขายังมีเชลยสหพันธ์อีกสอง สิ่งที่หานเซี่ยวต้องทำตอนนี้คือการมีอิทธิพลเหนืออารยธรรมจักรวาลเพื่อเสริมตำแหน่งเขาในสมาคม และวิธีที่ดีสุดในการทำเช่นนั้นคืออย่าเคลื่อนไหวใดๆ ตราบเท่าที่เชลยยังอยู่ในมือเขา สหพันธ์ก็ต้องไว้หน้าเขา และศาสนจักรก็ยังหวังให้เขาขายพันธมิตรสหพันธ์ให้ ดังนั้น เขาจึงไม่คิดปล่อยเชลยทั้งหมดไปง่ายๆ
หลังยืนยันข้อตกลง หานเซี่ยวก็มองเจ้าหน้าที่การฑูตทั้งสอง”ผมจะรอวันที่พวกคุณขอโทษออกสาธารณะ”
การขอโทษจากสหพันธ์และศาสนจักรคือเงื่อนไขแรก
“มั่นใจได้เลยครับ”
ทั้งสองอำลาก่อนตัดสาย
หานเซี่ยวเอนหลัง ไขว่ห้างและพึมพำ”สหพันธ์กับศาสนจักรได้ประนีประนอม ตอนนี้ จักรวรรดิยังทำตามการตัดสินใจขายโทเท็มวิวัฒนาการเพื่อเสริมความสัมพันธ์กับฉัน พวกเขาจะไม่กำหนดเป้าที่สมาคมบนผิวเผย สามอารยธรรมจักรวาลคงไม่สร้างปัญหาไปสักพัก”
เขารู้นิสัยของสามอารยธรรมจักรวาลดี เขารู้ว่าความสงบนี้จะอยู่ไปอีกหลายเดือนจนถึงปี
แต่ทว่า นี่จะเป็นความสงบก่อนพายุมา สามอารยธรรมจักรวาลยังมีศัตรูคู่อาฆาตอย่างพันธมิตรกลุ่มดาวชั้นยอด
เมื่อสามอารยธรรมจักรวาลพร้อม พวกเขาต้องโจมตีพันธมิตรกลุ่มดาวชั้นยอดอย่างแรงและมันก็คงไม่อ่อนโยนแบบที่พวกเขาทำกับสมาคม พวกเขาต้องไม่รั้งมือ กำจัดพวกทะเยอทะยานเหล่านี้จนสิ้น มันอาจกล่าวได้ว่าสามอารยธรรมจักรวาลแค่ให้อวัยผู้อยู่เหนือเพราะพันธมิตรกลุ่มดาวชั้นยอดสำคัญกว่า
“ช่วงสั้นๆนี้ ฉันต้องสร้างข้อดีของตัวเองต่อไป”
หานเซี่ยวมองหน้าต่างสถานะ เขาได้รับค่าประสบการณ์มากมายทุกวัน แม้ค่าใช้จ่ายในการเลื่อนระดับจาก320เป็น340จะมหา แต่ต่อหน้าเครื่องเก็บเกี่ยวกระเทียมหอม เขาจะมีพอไม่ช้าก็เร็ว
ผู้เล่นยิ่งคุ้นเคยกับเวอร์ชั่นโลกริบหรี่มากขึ้น สำรวจขณะสู้กันเอง
หานเซี่ยววางแผนทำให้เกมของพวกเขามีประสบการณ์ดีขึ้น เขาอยากเป็นเจ้าภาพจัดงานแข่งกองทัพที่เขาคิดไม่นานมานี้และทำให้เป็นงานเทศกาลใหญ่
ยิ่งผู้เล่นมีความสุข พวกเขายิ่งมีแรงจูงใจในการสร้างค่าประสบการณ์ให้เขา
…
ในเวลาเดียวกัน สถานที่แห่งหนึ่งในวังแบล็คสตาร์ ผู้เล่นที่เรียกว่าสวรรค์ดิสโก้ถูกทหารจักรกลสองตัวเดินนำผ่านด่านตรวจสอบ และเข้าทางเดินมืด
ไม่มีของประดับอะไรในทางเดินนี้เลย มีแค่แสงสีขาวซีดด้านหน้า ที่สุดปลายทางเดินคือกำแพงโลหะ ไม่มีเสียงสามารถได้ยินนอกจากเสียงเท้าพวกเขา
เมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศหนาวเย็นและน่ากลัว สวรรค์ดิสโก้ก็อดถามไม่ได้”พวก เรากำลังจะไปไหน?”
ทหารจักรกลทั้งสองไม่คิดตอบ
“ลึกลับมาก?”เขาเปิดหน้าต่างสถานะและพึมพำ”ภารกิจนี้คืออะไร?”
บนรายชื่อภารกิจ ภารกิจที่เรียกว่า[การทดลองพิเศษ]กำลังเปล่งแสง
ภารกิจนี้จู่ๆก็กระตุ้นขึ้นโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย มันขอให้เขาติดตามทหารจักรกลไปตำแหน่งหนึ่งเพื่อทำการทดลองพิเศษและนั่นคือเนื้อหาทั้งหมด รางวัลสูงลิวลิ่ว มันเป็นรางวัลของภารกิจระดับB 7-8 ภารกิจ
ความอยากรู้กลืนกินสมองเขาให้รับภารกิจและระหว่างทาง เขาไม่เคยหยุดคิด
ฉันพบความลับของกองทัพแบล็คสตาณื?
กองทัพกำลังทำการทดลองลับอยู่จริงๆ? ทำไมฉันถึงกระตุ้นมัน?
ขณะขบคิดอย่างบ้าคลั่ง ทหารจักรกลด้านหน้าเขาก็หยุด ตรงหน้าประตูเหล็กธรรมดา
หลังผ่านการสแกนตัวตน ประตูก็เปิด สวรรค์ดิสโก้รีบมองเข้าไปและเห็นห้องวิจัยสีขาว
ครั้งนี้ มีผู้เล่นอีกคนในห้อง เขาเองก็มองมา ทั้งสองสบตากัน
“นายก็รับภารกิจเหมือนกัน?”
“การทดลองพิเศษใช่ไหม?”
“ใช่ ใช่ อันนั้นแหละ นายรู้รายละเอียดไหม?”
“ไม่ ฉันเพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
“มันลึกลับมาก ฉันชอบมัน”
ทั้งสองคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน พวกเขายิ่งอยากรู้
เนื่องจากพวกเขามาถึงสถานที่ลับเช่นนี้ในศูนย์ใหญ่ มันจึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ครั้งนี้ กลุ่มทหารจักรกลผลักตู้ช่วยชีวิตสองตู้เข้ามา จากนั้นก็หยิบอุปกรณ์สองชิ้นที่ปิดกั้นความรู้สึกของผู้สวมและส่งให้ผู้เล่นทั้งสอง
ทหารจักรกลพูด”นอนในนั้น สวมหน้ากาก และรอให้การทดลองเริ่ม”
พวกเขามองหน้ากันและระงับความอยากรู้ เข้าไปข้างใน
สวรรค์ดิสโก้สวมหน้ากากและตกอยู่ในความมืดทันที วิสัยทัศน์ การได้ยินและการรับกลิ่นหายไปหมด เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
สองมือและสองขาถูกล็อคแน่น เขาไม่สามารถขยับได้เลย
เวลาผ่านไปช้ามากในสภาวะนี้ ทุกวินาทีรู้สึกเหมือนเป็นปี
สวรรค์ดิสโก้ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น เขาแทบอยากทำลายพันธนาการและอยากดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทว่า การลงโทษแสนหนักหนาของภารกิจบังคับเขาไว้
ขณะที่เขากำลังจะหมดความอดทน การแจ้งเตือนก็ผุดขึ้น
ความสามารถเอสเปอร์ศักยภาพB+ของท่าน[การเสริมร่างกาย-การขยายตัวกระดูกและกล้ามเนื้อ]ถูกชิงไป!
ท่านติดสถานะ[ผนึกความสามารถ] ท่านไม่สามารถใช้ความสามารถใดที่เกี่ยวกับความสามารถเอสเปอร์ท่านได้
ระยะเวลา : ไม่มีสิ้นสุด
“อะ-อะไรนะ?!”
สวรรค์ดิสโก้ตกใจและหวาดผวา��
ขณะที่กลุ่มเดินเข้าห้อง หานเซี่ยวก็พูด ด้านหลังของเขาคืออดีตเจ้าหน้าที่ของบรรพชนอสูร รวมถึงโจติน่า
ทันทีที่ทีมภาคสนามทำลายศูนย์ใหญ่ของบรรพชนอสูร โจติน่าก็นำเหล่าพี่น้องของเธอมาแสดงความขอบคุณต่อหานเซี่ยว หานเซี่ยวจำได้ว่าเขาสัญญาว่าจะพาพวกเธอไปเจอโกรูตัน เขาจึงพาไป
นี่คือห้องเก็บสะสมที่เขาใช้เพื่อขังเชลยผู้อยู่เหนือทั้งห้า มีชื่อของเชลยแต่ละคนหน้าตู้โชว์ พวกเขาคือปีศาจแดง โทเลน ผู้สันโดษ แจ็คคอร์นิท พลังงานวิญญาณ วอมรี และเฮดีสกับบรรพชนอสูร โกรูตัน
ตัวอย่างห้าผู้อยู่เหนือที่แสดงอยู่นั้นเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสำเร็จของเขา แค่ฉากนี้อย่างเดียวก็น่าสนใจแล้ว ดวงตาของโจติน่าจับจ้องโกรูตันทันที เมื่อเห็นว่าชายคนนนี้ที่เธอเกลียดและกลัวมาตลอดชีวิตถูกขัง ความยินดีก็เอ่อล้นหัวใจ
“แกสมควรแล้ว!”
โจติน่ากำหมัดด้วยความรู้สึกตื่นเต้น เธอรู้สึกว่านี่เป็นวันที่เธอมีความสุขสุดในชีวิต ช่วงเวลาแสนมืดมนในอดีตของเธอดูเหมือนจะถูกลืมจนหมด โลกในสายตาดูมีสีสันอีกครั้ง
มันเหมือนกับสายลมหนาวพัดผ่านจิตใจเธอ นำภูเขาแห่งความเกลียด สิ้นหวัง โกรธหายไปกับมัน เหลือแค่ความหวังสำหรับชีวิตใหม่
เธอหันไปมองหานเซี่ยว สายตาเธอเต็มไปด้วยความชื่นชม
ในสายตาเธอ แบล็คสตาร์ดูเหมือนจะเปล่งประกายด้วยแสง ราวกับเขาคือแสงสว่างที่จะนำเธอไปสู่ชีวิตใหม่
เมื่อเจอกับสายตาหลงใหลของโจติน่า ใบหน้าของหานเซี่ยวก็สั่นกระตุกเล็กน้อย เขาไม่ได้ติดต่อกับโจติน่ามากนัก แต่เขาก็ประทับใจความตรงไปตรงมาและความหลงใหลของเธอ
รางวัล[ปลดปล่อยองค์กรบรรพชนอสูร]ได้มอบแล้ว เขาได้รับความโปรดปรานจำนวนมากและเดาว่าเครื่องวัดความภักดีที่โจติน่ามีต่อเขาคงใกล้ระเบิดแล้ว
หานเซี่ยวกระแอม”พวกเธอบางคนยังไม่มีตำแหน่งแน่นอน ในเมื่อเราเพิ่งช่วยลูกหลานกลุ่มใหญ่มา ฉันก็ควรให้พวกเธอเป็นคี้ชี้แนะ มีปัญหาอะไรไหม?”
“ไม่ครับ!”ทุกคนพยักหน้า ดูมีความสุขมาก
“เอาละ ตามสบาย ฉันมีธุระ”
หานเซี่ยวหาข้ออ้างออกไป โจติน่าและคนอื่นต้องทนกับความเกลียดชังนี้มาหลายปี เขาจึงไม่อยากรบกวนพวกเธอจากการระบาย ยังไงก็ตาม ฟิลลิปจะคอยจับตาดูอยู่แล้ว
หลังกลับห้องทำงานเขา หานเซี่ยวไตร่ตรองถึงการกระจายทรัพยากรมนุษย์ของกองทัพ
“ปัจจุบัน ภัยพิบัติชั้นสูงภายในบัญชาฉันมีแค่เฮดาวี่ ล็อตแฮร์ เฟย์ดินและโจติน่า คนอื่นที่มีศักยภาพยังไม่โต เจ้าหน้าที่บรรพชนอสูรกว่าสิบเหล่านั้นสำคัญมาก ร่วมกับกลุ่มลูกหลาน พวกเขาจะเป็นกลุ่มใหม่ในกองทัพ”
มีหลายกลุ่มในกองทัพแบล็คสตาร์ ไม่รวมถึงหานเซี่ยว
หนึ่งคือกลุ่มอาวุโสนำโดยเฮอลัส ท่ามกลางนั้นเป็นกลุ่มเล็กๆเช่นซันนิล โกโดร่า อความารีนและอื่นๆ กลุ่มนี้เป็นตัวแทนของสมาชิกอาวุโส อีกหนึ่งคือกลุ่มสถาบันนำโดยลากีและเนดร่ สร้างจากพวกจบการศึกษาของสถาบัน สามคือกลุ่มกระแสหลักนำโดยเหล่าภัยพิบัติที่เข้าร่วมภายหลัง ซึ่งยังเป็นกลุ่มใหญ่สุด สี่คือกลุ่มการเมืองนำโดยซิลเวียและเรย์โนล ประกอบไปด้วยคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมต่อการรบ แต่ดูแลเรื่องอื่นของกองทัพ คอยจัดการกิจการประจำวันของกองทัพ โลจิสติกส์ เศรษฐกิจ และอื่นๆ
โจติน่าและพวกน่าจะเป็นกลุ่มบรรพชนอสูรหลังมีตำแหน่งมั่นคงในกองทัพ
สำหรับฮีล่า เธอโดดเดี่ยวอยู่แล้ว เธอไม่มีกลุ่ม องครักษ์แบล็คสตาร์มีอิทธิพลจำกัดต่อแผนกต่างๆของกองทัพ พวกเขาไม่ต้องสร้างกองกำลัง ล็อตแฮร์ที่ดูแลสมาคมนักฆ่าก็อยู่นอกฐาน
กลุ่มเหล่านี้มีความขัดแย้งกันเป็นการส่วนตัว แต่ด้วยการคงอยู่ของหานเซี่ยว พวกเขาจึงต้องรักษาท่าที องค์กรใหญ่ทั้งหมดต่างก็มีความขัดแย้งภายในเมื่อขยายตัว แต่กองทัพแบล็คสตาร์ถือเป็นองค์กรใหม่ในแง่ความยาวนาน ความขัดแย้งภายในจึงไม่ใหญ่มาก
การกำจัดความขัดแย้งภายในโดยสิ้นเชิงเป็นไปไม่ได้ ทุกคนต่างมีความคิดของตนเอง และไม่มีทางที่จะขอให้คนอื่นเห็นแก่ตัว แม้แต่เสาหลักอย่างเฮอลัสก็ยังมีเป้าหมายส่วนตัว ตัวอย่างเช่น เพื่อให้เผ่าซันนิลของเขาได้รับผลประโยชน์มากขึ้น อำนาจสามารถเปลี่ยนความคิดคนได้ ยิ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงทำงานให้กองทัพนาน พวกเขายิ่งอยากได้รับ นอกจากนี้ ผู้ใช้พลังเหล่านั้นที่เข้าร่วมกองทัพแบล็คสตาร์ภายหลังต่างมาเพื่อค้นหาอนาคตสดใส ไม่ว่าเค้กจะชิ้นใหญ่แค่ไหน การแข่งขันก็ไม่มีวันหาย
“มันเหมือนกับสมาคมพัฒนา มันเพิ่งสร้าง กลุ่มจึงยังไม่มี เมื่อทรัพยากรรวมกันระดับหนึ่ง ต้องมีกลุ่มต่างๆ..”
เขาสามารถเดาได้ว่าสามอารยธรรมจักรวาลพยายามแทรกซึมสมาคมผู้อยู่เหนือโดยการแบ่งแยก เพราะต้องมีบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับมันแน่ คนเหล่านี้จีบได้ง่ายกว่า
ผู้อยู่เหนือเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ รากเหง้าของกลุ่มที่ก่อตัวขึ้นคือความคิดเห็นที่แตกต่างกัน สมาคมพัฒนาเต็มไปด้วยข้อโต้งแย้งตั้งแต่มันถูกสร้างแต่เบื้องบนที่เหนือกว่าตำแหน่งผู้อำนวยการรู้ดีถึงความสำคัญของมัน
ในฐานะรองประธาน แม้ตำแหน่งเขาจะต่ำกว่าแมนิสัน มันก็ไม่ได้มีอะไรมาก พลังโดยรวมและอิทธิพลเขาในสมาคมยังสูง
“ขั้นตอนการรวมทรัพยากรคือโอกาสของฉัน ฉันสามารถใช้ข้อได้เปรียบของฉันเพื่อเข้าหาสมาชิกมากขึ้นและสร้างกลุ่มฉัน ค่อยๆขยายเครือข่ายฉันให้ไล่ทันแมนิสัน ตราบเท่าที่มีคนสนับสนุนฉันพอ ฉันจะสามารถสร้างผลกระทบใหญ่ได้ มันจะเป็นประโยชน์สำหรับฉันเพื่อการเลือกตั้งในอนาคตด้วย แถม ถ้าฉันไม่ทำอะไร ฉันอาจรักษาตำแหน่งรองประธานไว้ไม่ได้…”
หานเซี่ยวไตร่ตรอง เขาเลือกก้าวถอยเพราะอยากค่อยๆสะสมอำนาจ
และตอนนี้มีโอกาสใหญ่ตรงหน้าเขา แม้สามอารยธรรมจักรวาลจะยอมรับว่าสมาคมถูกต้องตามกฏหมาย ภารกิจของจ้าวแห่งความมืดก็ยังไม่จบ
นี่หมายความว่าคล็อตติผู้เป็นผู้อำนวยการกิตติมศักดิ์บนหน้ากระดาษยังต้องโจมตีสมาชิกคนอื่น นี่จะสามารถความเสียหายต่อชื่อเสียงสมาคมแน่ นี่คือการยั่วยุของอารยธรรมจักรวาล รวมถึงการทดสอบน่านน้ำ
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ผู้อยู่เหนือเป็นกลางเหล่านั้นที่จ้างโดยอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอดจะต้องลกัวมากแน่ นี่ดูเหมือนโอกาสอันดีสำหรับฉัน ถ้าฉันสามารถโน้มน้าวเบื้องบนของจักรวรรดิให้หยุดภารกิจของจ้าวแห่งความมืดได้ ไม่เพียงฉันจะสามารถแสดงได้ว่าฉันสำคัญแค่ไหนในฐานะรองประธาน แต่ฉันยังได้รับความโปรดปรานจากผู้อยู่เหนือเป็นกลางเหล่านั้น…”
ด้วยความคิดนี้ หานเซี่ยวจึงบอกฟิลลิปให้ส่งข้อความหาผู้อยู่เหนือเป็นกลางทั้งหมดในสมาคม ข้อความเริ่มด้วยการทักทายและคำถามอย่าง”กินข้าวหรือยัง?” จากนั้นเขาก็หยิบเรื่องจ้าวแห่งความมืดขึ้นมา
แม้เขาจะตัดสินใจจัดการปัญหานี้เอง หานเซี่ยวก็ไม่อยากเก็บมันเป็นความลับ
ดังนั้น สุดยอดช่างกลหานจึงวางแผนติดต่อผู้อยู่เหนือเป็นกลางเหล่านี้ที่อาจเป็นเป้าหมายของจ้าวแห่งความมืดและบอกพวกเขาให้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นในการประชุมต่อไปตอนทุกคนเข้าร่วม สมาชิกผู้อยู่เหนือทั้งหมดจะประชุมร่วมกันบ่อยมาก
“จ้าวแห่งความมืดจับตัวนักเดินทาง และนักเดินทางก็โทษโซโรคิน งั้นจักรวรรดิต้องไม่ปล่อยให้มันหลุดมือแน่ ฉันสงสัยว่าพวกเขาจะลงโทษกลุ่มการเงินไร้ขีดจำกัดยังไง”
หานเซี่ยวหัวเราะ
ปี้บ ปี้บ!
ตอนนี้เอง อุปกรณ์สื่อสารเขาดัง
สหพันธ์และศาสนจักรส่งข้อความหาเขา เนื้อหาคือการประกันตัวพันธมิตรพวกเขา
หานเซี่ยวมองดู เทียบกับเงื่อนไขแรก ค่าชดเชยของสหพันธ์และศาสนจักรสูงขึ้นมาก
เนื่องจากเขาไม่เคยเสนออะไร คนที่ต้องรับผิดชอบการร่างข้อเสนอจึงเป็นสองฝ่าย
“มันก็หลายเดือนมาแล้ว ฉันทรมานพวกเขามามากพอแล้ว ถึงเวลาสรุป” หานเซี่ยวหน้ามุ่ยและเปลี่ยนเงื่อนไขบางอย่างของสองฝ่าย เช่นสลับทรัพยากรบางอย่างเป็นพิมพ์เขียวเกรดทอง
สองอารยธรรมจักรวาลมีพิมพ์เขียวเกรดทองมากมาย ดังนั้นพิมพ์เขียวที่พวกเขาเต็มใจมอบให้จึงไม่สำคัญ แต่ทว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ต่อหานเซี่ยวเพราะเขาแค่อยากได้แต้มการเปลี่ยนแปลงลักษณะแห่งเทพ
ทันทีที่ราคาทั้งสองถูกส่งออกไป คนของสหพันธ์กับศาสนจักรก็ยินดี โดยไม่ลังเล พวกเขาส่งคำขอสื่อสารและเริ่มการเจรจากับหานเซี่ยว
ครั้งนี้ หานเซี่ยวไม่ทรมานพวกเขา หลังเจรจา ข้อตกลงก็ลุล่วง เขาได้รับสามพิมพ์เขียวเกรดสมบัติจักรวาล
เชลยที่เขาวางแผนส่งกลับไปก่อนคือโทเลนกับเฮดีส
เขาไม่เคยพันธมิตรของสหพันธ์ให้ศานสจักร แม้นี่จะเป็นประโยชน์ มันก็มีข้อเสีย อย่างไรก็ตาม เขายังมีเชลยสหพันธ์อีกสอง สิ่งที่หานเซี่ยวต้องทำตอนนี้คือการมีอิทธิพลเหนืออารยธรรมจักรวาลเพื่อเสริมตำแหน่งเขาในสมาคม และวิธีที่ดีสุดในการทำเช่นนั้นคืออย่าเคลื่อนไหวใดๆ ตราบเท่าที่เชลยยังอยู่ในมือเขา สหพันธ์ก็ต้องไว้หน้าเขา และศาสนจักรก็ยังหวังให้เขาขายพันธมิตรสหพันธ์ให้ ดังนั้น เขาจึงไม่คิดปล่อยเชลยทั้งหมดไปง่ายๆ
หลังยืนยันข้อตกลง หานเซี่ยวก็มองเจ้าหน้าที่การฑูตทั้งสอง”ผมจะรอวันที่พวกคุณขอโทษออกสาธารณะ”
การขอโทษจากสหพันธ์และศาสนจักรคือเงื่อนไขแรก
“มั่นใจได้เลยครับ”
ทั้งสองอำลาก่อนตัดสาย
หานเซี่ยวเอนหลัง ไขว่ห้างและพึมพำ”สหพันธ์กับศาสนจักรได้ประนีประนอม ตอนนี้ จักรวรรดิยังทำตามการตัดสินใจขายโทเท็มวิวัฒนาการเพื่อเสริมความสัมพันธ์กับฉัน พวกเขาจะไม่กำหนดเป้าที่สมาคมบนผิวเผย สามอารยธรรมจักรวาลคงไม่สร้างปัญหาไปสักพัก”
เขารู้นิสัยของสามอารยธรรมจักรวาลดี เขารู้ว่าความสงบนี้จะอยู่ไปอีกหลายเดือนจนถึงปี
แต่ทว่า นี่จะเป็นความสงบก่อนพายุมา สามอารยธรรมจักรวาลยังมีศัตรูคู่อาฆาตอย่างพันธมิตรกลุ่มดาวชั้นยอด
เมื่อสามอารยธรรมจักรวาลพร้อม พวกเขาต้องโจมตีพันธมิตรกลุ่มดาวชั้นยอดอย่างแรงและมันก็คงไม่อ่อนโยนแบบที่พวกเขาทำกับสมาคม พวกเขาต้องไม่รั้งมือ กำจัดพวกทะเยอทะยานเหล่านี้จนสิ้น มันอาจกล่าวได้ว่าสามอารยธรรมจักรวาลแค่ให้อวัยผู้อยู่เหนือเพราะพันธมิตรกลุ่มดาวชั้นยอดสำคัญกว่า
“ช่วงสั้นๆนี้ ฉันต้องสร้างข้อดีของตัวเองต่อไป”
หานเซี่ยวมองหน้าต่างสถานะ เขาได้รับค่าประสบการณ์มากมายทุกวัน แม้ค่าใช้จ่ายในการเลื่อนระดับจาก320เป็น340จะมหา แต่ต่อหน้าเครื่องเก็บเกี่ยวกระเทียมหอม เขาจะมีพอไม่ช้าก็เร็ว
ผู้เล่นยิ่งคุ้นเคยกับเวอร์ชั่นโลกริบหรี่มากขึ้น สำรวจขณะสู้กันเอง
หานเซี่ยววางแผนทำให้เกมของพวกเขามีประสบการณ์ดีขึ้น เขาอยากเป็นเจ้าภาพจัดงานแข่งกองทัพที่เขาคิดไม่นานมานี้และทำให้เป็นงานเทศกาลใหญ่
ยิ่งผู้เล่นมีความสุข พวกเขายิ่งมีแรงจูงใจในการสร้างค่าประสบการณ์ให้เขา
…
ในเวลาเดียวกัน สถานที่แห่งหนึ่งในวังแบล็คสตาร์ ผู้เล่นที่เรียกว่าสวรรค์ดิสโก้ถูกทหารจักรกลสองตัวเดินนำผ่านด่านตรวจสอบ และเข้าทางเดินมืด
ไม่มีของประดับอะไรในทางเดินนี้เลย มีแค่แสงสีขาวซีดด้านหน้า ที่สุดปลายทางเดินคือกำแพงโลหะ ไม่มีเสียงสามารถได้ยินนอกจากเสียงเท้าพวกเขา
เมื่อรู้สึกถึงบรรยากาศหนาวเย็นและน่ากลัว สวรรค์ดิสโก้ก็อดถามไม่ได้”พวก เรากำลังจะไปไหน?”
ทหารจักรกลทั้งสองไม่คิดตอบ
“ลึกลับมาก?”เขาเปิดหน้าต่างสถานะและพึมพำ”ภารกิจนี้คืออะไร?”
บนรายชื่อภารกิจ ภารกิจที่เรียกว่า[การทดลองพิเศษ]กำลังเปล่งแสง
ภารกิจนี้จู่ๆก็กระตุ้นขึ้นโดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรเลย มันขอให้เขาติดตามทหารจักรกลไปตำแหน่งหนึ่งเพื่อทำการทดลองพิเศษและนั่นคือเนื้อหาทั้งหมด รางวัลสูงลิวลิ่ว มันเป็นรางวัลของภารกิจระดับB 7-8 ภารกิจ
ความอยากรู้กลืนกินสมองเขาให้รับภารกิจและระหว่างทาง เขาไม่เคยหยุดคิด
ฉันพบความลับของกองทัพแบล็คสตาณื?
กองทัพกำลังทำการทดลองลับอยู่จริงๆ? ทำไมฉันถึงกระตุ้นมัน?
ขณะขบคิดอย่างบ้าคลั่ง ทหารจักรกลด้านหน้าเขาก็หยุด ตรงหน้าประตูเหล็กธรรมดา
หลังผ่านการสแกนตัวตน ประตูก็เปิด สวรรค์ดิสโก้รีบมองเข้าไปและเห็นห้องวิจัยสีขาว
ครั้งนี้ มีผู้เล่นอีกคนในห้อง เขาเองก็มองมา ทั้งสองสบตากัน
“นายก็รับภารกิจเหมือนกัน?”
“การทดลองพิเศษใช่ไหม?”
“ใช่ ใช่ อันนั้นแหละ นายรู้รายละเอียดไหม?”
“ไม่ ฉันเพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
“มันลึกลับมาก ฉันชอบมัน”
ทั้งสองคุยและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน พวกเขายิ่งอยากรู้
เนื่องจากพวกเขามาถึงสถานที่ลับเช่นนี้ในศูนย์ใหญ่ มันจึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ครั้งนี้ กลุ่มทหารจักรกลผลักตู้ช่วยชีวิตสองตู้เข้ามา จากนั้นก็หยิบอุปกรณ์สองชิ้นที่ปิดกั้นความรู้สึกของผู้สวมและส่งให้ผู้เล่นทั้งสอง
ทหารจักรกลพูด”นอนในนั้น สวมหน้ากาก และรอให้การทดลองเริ่ม”
พวกเขามองหน้ากันและระงับความอยากรู้ เข้าไปข้างใน
สวรรค์ดิสโก้สวมหน้ากากและตกอยู่ในความมืดทันที วิสัยทัศน์ การได้ยินและการรับกลิ่นหายไปหมด เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
สองมือและสองขาถูกล็อคแน่น เขาไม่สามารถขยับได้เลย
เวลาผ่านไปช้ามากในสภาวะนี้ ทุกวินาทีรู้สึกเหมือนเป็นปี
สวรรค์ดิสโก้ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น เขาแทบอยากทำลายพันธนาการและอยากดูว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทว่า การลงโทษแสนหนักหนาของภารกิจบังคับเขาไว้
ขณะที่เขากำลังจะหมดความอดทน การแจ้งเตือนก็ผุดขึ้น
ความสามารถเอสเปอร์ศักยภาพB+ของท่าน[การเสริมร่างกาย-การขยายตัวกระดูกและกล้ามเนื้อ]ถูกชิงไป!
ท่านติดสถานะ[ผนึกความสามารถ] ท่านไม่สามารถใช้ความสามารถใดที่เกี่ยวกับความสามารถเอสเปอร์ท่านได้
ระยะเวลา : ไม่มีสิ้นสุด
“อะ-อะไรนะ?!”
สวรรค์ดิสโก้ตกใจและหวาดผวา��