The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1125 ข้อมูลเกี่ยวกับวิหาร
ผู้รักษาสัจจะพยายามระงับอาการตกใจและปรับความผันผวนจิต ดังนั้นหานเซี่ยวจึงไม่พบว่าเขาตื่นตระหนก
เขาสังเกตสีหน้าของหานเซี่ยวและความผันผวนจิต แต่ไม่เห็นการเยาะเย้ยจากเขา มีแค่ความอยากรู้
แบล็คสตาร์ถามถึงวิหารเพราะเขารู้แผนเทพอำนวย หรือเขาได้ยินชื่อนี้มา?มีคนไม่มากที่รู้เกี่ยวกับวิหาร
อารมณ์ของผู้รักษาสัจจะเหมือนเรือลำน้อยในทะเลเกรี้ยวกราด เขารักษาความสงบไว้ให้มากที่สุด ทำเหมือนปกติและถาม”นายได้ยินเกี่ยวกับวิหารมาจากไหน?”
“มีคนบอกฉัน”หานเซี่ยวพูด
“ใคร?”ผู้รักษาสัจจะถามต่อ”มีน้อย น้อยคนมากในจักรวาลที่จะรู้ถึงการดำรงอยู่ของวิหาร แม้แต่อารยธรรมขั้นสูงก็อาจไม่รู้” ตั้งแต่แบล็คสตาร์เอ่ยชื่อวิหาร ผู้รักษาสัจจะก็รู้ว่าแบล็คสตาร์ต้องพอมีความรู้เกี่ยวกับมัน ถ้าเขาทำเหมือนเขาไม่รู้เกี่ยวกับวิหาร เขาอาจเสียโอกาสที่จะรู้ว่าหานเซี่ยวรู้มากแค่ไหน
“อืม..ถ้าฉันบอกว่ามันคือสัญชาตญาณ นายจะเชื่อฉันไหม?”
หานเซี่ยวไม่มีทางเลือกนอกจากหาข้ออ้างแบบนี้ แม้มันจะไม่ค่อยน่าเชื่อ แต่เขาก็ไม่มีแผนโน้มน้าวอีกฝ่ายอยู่แล้ว
แต่ทว่า ด้วยความแปลกใจ ผู้รักษาสัจจะกลับพยักหน้า ไม่ถามต่อ มันราวกับนี่เป็นคำตอบที่ถูกต้อง จากนั้นอีกฝ่ายก็พูด”นี่เป็นวิธีง่ายๆในการสัมผัสถึงวิหาร แต่มันไม่อยู่ภายในการควบคุมของคน มันเลือนรางมาก มีเพียงคนที่มาถึงระดับหนึ่งของลำดับชั้นชีวิตถึงสัมผัสได้ มันอาจสร้างการเชื่อมโยงอ่อนๆ พบเห็นโครงร่างเลือนรางตอนเชื่อมต่อกับจักรวาล แต่ทว่า สัมผัสของนายมีมิตินับไม่ถ้วน นายจะไม่มีวันได้ติดต่อกับมัน อย่างมากก็คงแค่ได้ยินเสียงพึมพำเป็นภาษาโบราณ..”
หานเซี่ยวตกตะลึง
ขอโทษนะ คำอธิบายนี้มันอะไรกันเพื่อน?
เมื่อได้ยินผู้รักษาสัจจะพูด หานเซี่ยวก็ไม่รู้ว่าควรเชื่อไหม เขาไม่รู้จริงๆว่าวิหารคืออะไรและเขาเพิ่งหยิบยกมันขึ้นมาวันนี้ด้วยท่าทีลองเสี่ยงโชค แต่ทว่า มันดูเหมือนเทพอำนวยจะรู้
“หยุดพูดเพ้อเจ้อ ช่วยบอกสิ่งที่ฉันะจเข้าใจมาได้ไหม?”
หานเซี่ยวทนไม่ไหวอีกและกล่าวแทรก
อีกฝ่ายเงียบไป ดูเหมือนลังเลว่าควรเผยข้อมูลไหม หลังไตร่ตรอง เขาก็ตัดสินใจแบ่งปันข้อมูลพื้นฐาน”วิหาร..เป็นอะไรที่เก่าแก่มาก ไม่มีใครรู้ว่ามันปรากฏตอนไหน มันอาจเก่าแก่ยิ่งกว่าสามอารยธรรมจักรวาล คนทำได้แค่สัมผัสหรือติดต่อกับมันในช่วงเวลาพิเศษผ่านวิธีพิเศษ”
ดวงตาหานเซี่ยวเป็นประกาย ในที่สุดเขาก็เจอคนที่พอรู้เกี่ยวกับวิหารบ้าง เขาไม่คิดละทิ้งโอกาส
“ถ้างั้น วิหารคืออะไร?มันอยู่ไหน?”
เมื่อได้ยิน ผู้รักษาสัจจะก็มองหานเซี่ยวด้วยสีหน้าแปลกๆ แต่เมือ่เห็นว่าหานเซี่ยวดูเหมือนจะไม่ได้แกล้งถาม เขาจึงพูด”นายไม่รู้?”
“ถ้าฉันรู้ฉันจะถามทำไม?”หานเซี่ยวหรี่ตา สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเทพอำนวยมีจำกัด เขาไม่รู้ถึงสายสัมพันธ์ของเทพอำนวยและวิหาร ดังนั้น เขาจึงต้องถาม
เมื่อได้ยิน ในที่สุดผู้รักษาสัจจะก็โล่งใจและดีใจ
มันดูเหมือนแบล็คสตาร์จะไม่รู้แผนเราจริงๆ ฉันเข้าใจผิด?หรือว่าไม่มีสายและแบล็คสตาร์ได้รับข้อมูลมาจากที่อื่น?
ขณะคิด เขาก็ยังพูดต่อ”วิหารไม่อยู่ในโลกวัตถุ หรือมิติที่สอง ในความเป็นจริง มันไม่มีตำแหน่งที่ตั้ง ฉันไม่รู้ว่าจะนิยามมันยังไงแต่ฉันคิดว่ามันเหมือนปรากฏการณ์”
“ปรากฏการณ์?”หานเซี่ยวถาม
“ใช่ ปรากฏการณ์”
หานเซี่ยวรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ แต่เขาไม่มีเจตนา
ทั้งสองมองหน้ากัน และบทสนทนาก็โดนตัด เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจพูดต่อ เขาจึงเปลี่ยนคำถาม”แล้ว อะไรอยู่ภายในวิหาร?”
ทั้งสองจ้องตากันต่อ
“มีวิหารมากแค่ไหน?”
ครั้งนี้ อีกฝ่ายตอบ”6”
หานเซี่ยตกตะลึงเล็กน้อย คำตอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้
เขาถามคำถามเพิ่มเช่นว่าจะหาวิหารเจอได้อย่างไร จะเปิดวิหารอย่างไรและอื่นๆ แต่ผู้รักษาสัจจะไม่พูดอะไร
ชายคนนี้ต้องรู้เยอะกว่านี้ แต่เขาแค่ไม่เต็มใจแบ่งปัน ดังนั้น วิหารต้องเป็นอะไรที่สำคัญมากแน่..แม้ฉันจะยังไม่รู้ว่ามันใช้ประโยชน์อะไรได้
ความคิดนี้ฉายผ่านหัว เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถได้รับข้อมูลอะไรจากผู้รักษาสัจจะ หานเซี่ยวก็จบหัวข้อนี้ กลับเข้าข้อตกลง พวกเขาตัดสินใจถึงวันใหม่
เมื่อบรรลุสิ่งที่ต้องการ เงาของผู้รักษาสัจจะก็ระเบิด เปลี่ยนเป็นดอกไม้ไฟสีดำ หายลับไป
หานเซี่ยวสัมผัสรอบตัวให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไปแล้ว และเริ่มไตร่ตรอง
องค์กรเทพอำนวยดูเหมือนจะรู้ความลับมากมาย ฉันอาจต้องคิดหาวิธีรับข้อมูลจากพวกเขาเพิ่ม ทางเดียวที่จะติดต่อพวกเขาคือรอให้อีกฝ่ายติดต่อมา ดังนั้นฉันจึงเสียเปรียบ ระหว่างการตกลง ฉันสามารถลองติดตามฑูตพวกเขาได้…แต่ วิหารมีถึงหก?
หานเซี่ยวสับสน นี่แตกต่างจากสิ่งที่เขาเดา เดิมเขาคิดว่าคงมีแค่ห้า ทำไมถึงเป็นหก? แต่ทว่า ผู้รักษาสัจจะมีความคลุมเครือในเรื่องนี้และไม่เต็มใจแบ่งปันข้อมูล
เขามีความคิด
หลังจัดการเสร็จ ฉันสามารถพิจารณานำเจตนาพวกเขาในการคืนชีพบรรพชนขึ้นมา บางทีฉันอาจใช้มันเพื่อแลกกับข้อมูลเกี่ยวกับวิหาร นับว่ามันเป็นราคาสำหรับค่าปิดปาก
ภายในวิหารลับในฐานองค์กรเทพอำนวย ผู้รักษาสัจจะที่ลอยอยู่กลางอากาศได้ดึงจิตสำนึกกลับ กลุ่มไฟรอบเขากลับเข้าไปในตัวเขา
“มันเป็นยังไงบ้างครับ?”
ลอว์กับเฟย์รออยู่ด้านล่าง
“แบล็คสตาร์เป็นมิตร ข้อตกลงสำเร็จแล้ว”ผู้รักษาสัจจะพูด”เตรียมหมากของเรา ข้อตกลงเรายังเหมือนเดิม เราต้องไม่ถูกแกะรอยโดยแบล็คสตาร์”
“เข้าใจแล้ว”ทั้งสองพยักหน้า
ผู้รักษาสัจจะพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวเล็กน้อย แต่ก็มีความคาดหวังภายใน”เนื่องจากการรบกวนสภาวะข้อมูลที่บุตรแห่งโชคชะตาพูดถึง วันที่กำหนดจึงเลื่อนออกไป หลังเราได้รับอนุภาคแสงศักดิ์สิทธิ์ เราจะเตรียมการเปิดวิหารสามและทำพิธีปลุกความสามารถเอสเปอร์ของพันเงาคือรากฐานของการผสาน เราไม่มีเวลารอให้เขาเปลี่ยนแปลงจนเสร็จ เราจะต้องเริ่มทำให้มันเสร็จ”
ขณะพูด ดวงตาของผู้รักษาสัจจะก็ดูเหมือนกำลังจ้องลึกไปในจักรวาล
“มันถึงเวลาทำตามสัญญา ต้อนรับการกลับมาของประวัติศาสตร์”
“สาย…”ทั้งสองพูดเรื่องนี้ขึ้น อารมณ์ของผู้รักษาสัจจะโดนขัด เขากัดฟัน พูดด้วยความโมโห”ฮึ่ม หยุดหาซะ ฉันอาจเข้าใจผิด”
ในมิติโลกใต้พิภพ เกาะลอยฟ้าสีดำที่แตกสลายรวมกันเป็นดินแดนสีดำ มันดูเหมือนทะเลทรายไหล บางครั้งก็เป็นภูเขาสูง บางครั้งก็หน้าผาลึก ภูมิประเทศมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ในท้องฟ้า เมฆดำหนาทึบปกคลุมท้องฟ้า บ้างมืด บ้างสว่าง แสงทรงกลมสีขาวซีดลอยอยู่กลางท้องฟ้าเหมือนดวงจันทร์ แสงสีเงินแผ่วเบาของมันทะลุเมฆ ส่องสว่างทั่วแผ่นดิน บรรยากาศสงบมาก
กว่าครึ่งปีผ่านไปตั้งแต่ฮีล่าเริ่มเติมเต็มแกนพลังงานของมิติ กำแพงมิติที่พังได้รับการซ่อมแซมแล้ว และกระแสมิติวุ่นวายก็โดนขวาง มันไม่น่ากลัวอีก
ที่ใจกลางโลกใต้พิภพคือทะเลสาบสีแดง ไม่มีลม มีแค่คลื่นสูง เมื่อมองใกล้ๆ นี่เกิดจากการควบแน่นของพลังงานจนเกือบเป็นของเหลว มันคือพลังงานความตายของฮีล่า
ครั้งนี้ แสงสีแดงที่มีสีดำจางๆเจาะเข้ามา นี่มาจากโลกใต้พิภพและถูกนำไปใช้กับฮีล่าผ่านตราแห่งโลกใต้พิภพ การเชื่อมต่อของเธอกับโลกใต้พิภพได้เสริมพลังของเธอขึ้นมาก นี่คือมรดกของเอสเปอร์พลังงานความตาย ซึ่งทำให้ฮีล่าแข็งแกร่งขึ้นมาก เหนือทะเลสาบสีแดงสด ฮีล่ากำลังลอยอยู่กลางอากาศ เธอล้อมด้วยพลังงานสีแดง ดวงตาของเธอปิดแน่น ขนตาเธอสั่น เธอปล่อยพลังงานของเธอ มอบมันให้โลกใต้พิภพ
ครั้งนี้ โอนิเคลูปรากฏข้างฮีล่า
“การเชื่อมต่อของเธอกับฉันแข็งแกร่งขึ้น”ฮีล่าลืมตา พูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์”เธอฟื้นตัวได้มากแค่ไหนแล้ว?”
“ประมาณ 3% มากพอจะสู้กับกระแสมิติโกลาหลของมิติที่สอง”
“น้อยมาก?”ฮีล่าขมวดคิ้ว
“เหนือสิ่งอื่นใด พลังงานของโลกใต้พิภพมาจากสองความสามารถเอสเปอร์ ถ้าเอสเปอร์พลังงานชีวิตมาถึงระดับผู้อยู่เหนือและป้อนพลังงานร่วมกับเธอ มันจะเพิ่มความเร็วการฟื้นฟูขึ้นมาก ตอนนี้ เธอคือคนเดียว มันย่อมไม่มีประสิทธิภาพพอ”โอนิเคลูพูดด้วยรอยยิ้ม “เข้าใจแล้ว..”ฮีล่าพลันคิดถึงบางสิ่งและถาม”เนื่องจากโลกใต้พิภพมั่นคงแล้ วิญญาณของเหล่าวีรชนจะได้รับการปลดปล่อยไหม?”
“อืม ได้ แต่มันเร็วเกินไป ฉันไม่เสนอ”โอนิเคลูส่ายหัว”นี่คือสุสานวีรชน มีวิญญาณมากมายที่นี่ การตื่นของพวกเขาจะผลาญพลังงานของโลกใต้พิภพ ยิ่งวิญญาณวีรชนแข็งแกร่งแค่ไหน ยิ่งใช้พลังงานมาก ซึ่งจะลดความเร็วการฟื้นฟูของโลกใต้พิภพ ก่อนโลกใต้พิภพจะฟื้นฟูจนถึง 30% มันดีกว่าที่จะให้พวกเขานอนหลับ”
“งั้น เธอก็กำลังบอกว่าเราไม่มีกำลังขับมากพอสินะ?”
“จะพูดแบบนั้นก็ได้”
ฮีล่าถอนหายใจ แม้โลกใต้พิภพจะทรงพลัง แต่ก็อีกนานกว่ามันจะไปถึงจุดสูงุสด มันต้องใช้เวลานานมากถึงสามารถอัญเชิญวิญญาณวีรชนมาสู้ได้เหมือนผู้ก่อตั้ง
ครั้งนี้ ฮีล่าพลันอยากรู้”โลกใต้พิภพสามารถปล่อยวิญญาณในอดีตให้ตื่นขึ้นได้ชั่วคราว ปล่อยพวกเขากลับมาโลกนี้อีกครั้ง งั้น มีวิธีอื่นที่จะปล่อยให้คนตายปรากฏในโลกนี้อีกครั้งไหม?”
เมื่อได้ยิน โอนิเคลูก็ค้นความทรงจำเธอสักพัก พูดด้วยความไม่แน่ใจ”เมื่อเนอคีสกับอีรอสยังมีชีวิต ฉันดูเหมือนจะได้ยินพวกเขาคุยกันถึงปรากฏการณ์พิเศษที่เกี่ยวกับการคืนชีพคนตาย”
“จริงหรือ?อะไร?”ฮีล่าถาม
“มันเป็นสิ่งที่เรียกว่าวิหาร ฉันคิด…ว่านายท่านทั้งสองทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ พวกเธอจึงไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีก มันดูเหมือนมีคนเชิญพวกเธอไปทำภารกิจที่เกี่ยวกับวิหาร ฉันไม่รู้รายละเอียด แต่พวกเธอปฏิเสธมัน”
“งั้น วิหารคืออะไร?มันคล้ายกับโลกใต้พิภพไหม?”
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้เกี่ยวกับมันมาก ฉันแค่ได้ยินบทสนทนา แต่ทว่า จากสิ่งที่ฉันได้ยิน วิหารทรงพลังมาก และการคืนชีพคนตายก็เป็นแค่หนึ่งในคุณสมบัติของมันเท่านั้น”โอนิเคลูส่ายหัว
“ฉันเข้าใจแล้ว…”
ฮีล่าส่ายหัว เธอแค่ถามเฉยๆ ไม่ได้สนใจมาก แต่ทว่า โอนิเคลูคิดถึงมันสักพักและพูด”ถ้าอยากรู้มาก มีวิญญาณวีรชนของบรรพชนในโลกใต้พิภพอยู่ พวกเขาอาจรู้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอปลุกพวกเขา เธอจะไม่สามารถบังคับให้พวกเขาหลับได้”
“งั้นก็ช่างเถอะ ฉันจะคิดถึงมันตอนพวกเขาสามารถกลับไปหลับได้หลังตื่น ฉันไม่รีบ”
ฮีล่าส่ายหัว
เธอจดจำข้อมูลเกี่ยวกับวิหาร วางแผนแบ่งปันมันกับแบล็คสตาร์
เขาสังเกตสีหน้าของหานเซี่ยวและความผันผวนจิต แต่ไม่เห็นการเยาะเย้ยจากเขา มีแค่ความอยากรู้
แบล็คสตาร์ถามถึงวิหารเพราะเขารู้แผนเทพอำนวย หรือเขาได้ยินชื่อนี้มา?มีคนไม่มากที่รู้เกี่ยวกับวิหาร
อารมณ์ของผู้รักษาสัจจะเหมือนเรือลำน้อยในทะเลเกรี้ยวกราด เขารักษาความสงบไว้ให้มากที่สุด ทำเหมือนปกติและถาม”นายได้ยินเกี่ยวกับวิหารมาจากไหน?”
“มีคนบอกฉัน”หานเซี่ยวพูด
“ใคร?”ผู้รักษาสัจจะถามต่อ”มีน้อย น้อยคนมากในจักรวาลที่จะรู้ถึงการดำรงอยู่ของวิหาร แม้แต่อารยธรรมขั้นสูงก็อาจไม่รู้” ตั้งแต่แบล็คสตาร์เอ่ยชื่อวิหาร ผู้รักษาสัจจะก็รู้ว่าแบล็คสตาร์ต้องพอมีความรู้เกี่ยวกับมัน ถ้าเขาทำเหมือนเขาไม่รู้เกี่ยวกับวิหาร เขาอาจเสียโอกาสที่จะรู้ว่าหานเซี่ยวรู้มากแค่ไหน
“อืม..ถ้าฉันบอกว่ามันคือสัญชาตญาณ นายจะเชื่อฉันไหม?”
หานเซี่ยวไม่มีทางเลือกนอกจากหาข้ออ้างแบบนี้ แม้มันจะไม่ค่อยน่าเชื่อ แต่เขาก็ไม่มีแผนโน้มน้าวอีกฝ่ายอยู่แล้ว
แต่ทว่า ด้วยความแปลกใจ ผู้รักษาสัจจะกลับพยักหน้า ไม่ถามต่อ มันราวกับนี่เป็นคำตอบที่ถูกต้อง จากนั้นอีกฝ่ายก็พูด”นี่เป็นวิธีง่ายๆในการสัมผัสถึงวิหาร แต่มันไม่อยู่ภายในการควบคุมของคน มันเลือนรางมาก มีเพียงคนที่มาถึงระดับหนึ่งของลำดับชั้นชีวิตถึงสัมผัสได้ มันอาจสร้างการเชื่อมโยงอ่อนๆ พบเห็นโครงร่างเลือนรางตอนเชื่อมต่อกับจักรวาล แต่ทว่า สัมผัสของนายมีมิตินับไม่ถ้วน นายจะไม่มีวันได้ติดต่อกับมัน อย่างมากก็คงแค่ได้ยินเสียงพึมพำเป็นภาษาโบราณ..”
หานเซี่ยวตกตะลึง
ขอโทษนะ คำอธิบายนี้มันอะไรกันเพื่อน?
เมื่อได้ยินผู้รักษาสัจจะพูด หานเซี่ยวก็ไม่รู้ว่าควรเชื่อไหม เขาไม่รู้จริงๆว่าวิหารคืออะไรและเขาเพิ่งหยิบยกมันขึ้นมาวันนี้ด้วยท่าทีลองเสี่ยงโชค แต่ทว่า มันดูเหมือนเทพอำนวยจะรู้
“หยุดพูดเพ้อเจ้อ ช่วยบอกสิ่งที่ฉันะจเข้าใจมาได้ไหม?”
หานเซี่ยวทนไม่ไหวอีกและกล่าวแทรก
อีกฝ่ายเงียบไป ดูเหมือนลังเลว่าควรเผยข้อมูลไหม หลังไตร่ตรอง เขาก็ตัดสินใจแบ่งปันข้อมูลพื้นฐาน”วิหาร..เป็นอะไรที่เก่าแก่มาก ไม่มีใครรู้ว่ามันปรากฏตอนไหน มันอาจเก่าแก่ยิ่งกว่าสามอารยธรรมจักรวาล คนทำได้แค่สัมผัสหรือติดต่อกับมันในช่วงเวลาพิเศษผ่านวิธีพิเศษ”
ดวงตาหานเซี่ยวเป็นประกาย ในที่สุดเขาก็เจอคนที่พอรู้เกี่ยวกับวิหารบ้าง เขาไม่คิดละทิ้งโอกาส
“ถ้างั้น วิหารคืออะไร?มันอยู่ไหน?”
เมื่อได้ยิน ผู้รักษาสัจจะก็มองหานเซี่ยวด้วยสีหน้าแปลกๆ แต่เมือ่เห็นว่าหานเซี่ยวดูเหมือนจะไม่ได้แกล้งถาม เขาจึงพูด”นายไม่รู้?”
“ถ้าฉันรู้ฉันจะถามทำไม?”หานเซี่ยวหรี่ตา สิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับเทพอำนวยมีจำกัด เขาไม่รู้ถึงสายสัมพันธ์ของเทพอำนวยและวิหาร ดังนั้น เขาจึงต้องถาม
เมื่อได้ยิน ในที่สุดผู้รักษาสัจจะก็โล่งใจและดีใจ
มันดูเหมือนแบล็คสตาร์จะไม่รู้แผนเราจริงๆ ฉันเข้าใจผิด?หรือว่าไม่มีสายและแบล็คสตาร์ได้รับข้อมูลมาจากที่อื่น?
ขณะคิด เขาก็ยังพูดต่อ”วิหารไม่อยู่ในโลกวัตถุ หรือมิติที่สอง ในความเป็นจริง มันไม่มีตำแหน่งที่ตั้ง ฉันไม่รู้ว่าจะนิยามมันยังไงแต่ฉันคิดว่ามันเหมือนปรากฏการณ์”
“ปรากฏการณ์?”หานเซี่ยวถาม
“ใช่ ปรากฏการณ์”
หานเซี่ยวรอให้อีกฝ่ายพูดต่อ แต่เขาไม่มีเจตนา
ทั้งสองมองหน้ากัน และบทสนทนาก็โดนตัด เมื่อเห็น หานเซี่ยวก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจพูดต่อ เขาจึงเปลี่ยนคำถาม”แล้ว อะไรอยู่ภายในวิหาร?”
ทั้งสองจ้องตากันต่อ
“มีวิหารมากแค่ไหน?”
ครั้งนี้ อีกฝ่ายตอบ”6”
หานเซี่ยตกตะลึงเล็กน้อย คำตอบนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดไว้
เขาถามคำถามเพิ่มเช่นว่าจะหาวิหารเจอได้อย่างไร จะเปิดวิหารอย่างไรและอื่นๆ แต่ผู้รักษาสัจจะไม่พูดอะไร
ชายคนนี้ต้องรู้เยอะกว่านี้ แต่เขาแค่ไม่เต็มใจแบ่งปัน ดังนั้น วิหารต้องเป็นอะไรที่สำคัญมากแน่..แม้ฉันจะยังไม่รู้ว่ามันใช้ประโยชน์อะไรได้
ความคิดนี้ฉายผ่านหัว เมื่อเห็นว่าเขาไม่สามารถได้รับข้อมูลอะไรจากผู้รักษาสัจจะ หานเซี่ยวก็จบหัวข้อนี้ กลับเข้าข้อตกลง พวกเขาตัดสินใจถึงวันใหม่
เมื่อบรรลุสิ่งที่ต้องการ เงาของผู้รักษาสัจจะก็ระเบิด เปลี่ยนเป็นดอกไม้ไฟสีดำ หายลับไป
หานเซี่ยวสัมผัสรอบตัวให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายไปแล้ว และเริ่มไตร่ตรอง
องค์กรเทพอำนวยดูเหมือนจะรู้ความลับมากมาย ฉันอาจต้องคิดหาวิธีรับข้อมูลจากพวกเขาเพิ่ม ทางเดียวที่จะติดต่อพวกเขาคือรอให้อีกฝ่ายติดต่อมา ดังนั้นฉันจึงเสียเปรียบ ระหว่างการตกลง ฉันสามารถลองติดตามฑูตพวกเขาได้…แต่ วิหารมีถึงหก?
หานเซี่ยวสับสน นี่แตกต่างจากสิ่งที่เขาเดา เดิมเขาคิดว่าคงมีแค่ห้า ทำไมถึงเป็นหก? แต่ทว่า ผู้รักษาสัจจะมีความคลุมเครือในเรื่องนี้และไม่เต็มใจแบ่งปันข้อมูล
เขามีความคิด
หลังจัดการเสร็จ ฉันสามารถพิจารณานำเจตนาพวกเขาในการคืนชีพบรรพชนขึ้นมา บางทีฉันอาจใช้มันเพื่อแลกกับข้อมูลเกี่ยวกับวิหาร นับว่ามันเป็นราคาสำหรับค่าปิดปาก
ภายในวิหารลับในฐานองค์กรเทพอำนวย ผู้รักษาสัจจะที่ลอยอยู่กลางอากาศได้ดึงจิตสำนึกกลับ กลุ่มไฟรอบเขากลับเข้าไปในตัวเขา
“มันเป็นยังไงบ้างครับ?”
ลอว์กับเฟย์รออยู่ด้านล่าง
“แบล็คสตาร์เป็นมิตร ข้อตกลงสำเร็จแล้ว”ผู้รักษาสัจจะพูด”เตรียมหมากของเรา ข้อตกลงเรายังเหมือนเดิม เราต้องไม่ถูกแกะรอยโดยแบล็คสตาร์”
“เข้าใจแล้ว”ทั้งสองพยักหน้า
ผู้รักษาสัจจะพยักหน้า พูดด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัวเล็กน้อย แต่ก็มีความคาดหวังภายใน”เนื่องจากการรบกวนสภาวะข้อมูลที่บุตรแห่งโชคชะตาพูดถึง วันที่กำหนดจึงเลื่อนออกไป หลังเราได้รับอนุภาคแสงศักดิ์สิทธิ์ เราจะเตรียมการเปิดวิหารสามและทำพิธีปลุกความสามารถเอสเปอร์ของพันเงาคือรากฐานของการผสาน เราไม่มีเวลารอให้เขาเปลี่ยนแปลงจนเสร็จ เราจะต้องเริ่มทำให้มันเสร็จ”
ขณะพูด ดวงตาของผู้รักษาสัจจะก็ดูเหมือนกำลังจ้องลึกไปในจักรวาล
“มันถึงเวลาทำตามสัญญา ต้อนรับการกลับมาของประวัติศาสตร์”
“สาย…”ทั้งสองพูดเรื่องนี้ขึ้น อารมณ์ของผู้รักษาสัจจะโดนขัด เขากัดฟัน พูดด้วยความโมโห”ฮึ่ม หยุดหาซะ ฉันอาจเข้าใจผิด”
ในมิติโลกใต้พิภพ เกาะลอยฟ้าสีดำที่แตกสลายรวมกันเป็นดินแดนสีดำ มันดูเหมือนทะเลทรายไหล บางครั้งก็เป็นภูเขาสูง บางครั้งก็หน้าผาลึก ภูมิประเทศมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ในท้องฟ้า เมฆดำหนาทึบปกคลุมท้องฟ้า บ้างมืด บ้างสว่าง แสงทรงกลมสีขาวซีดลอยอยู่กลางท้องฟ้าเหมือนดวงจันทร์ แสงสีเงินแผ่วเบาของมันทะลุเมฆ ส่องสว่างทั่วแผ่นดิน บรรยากาศสงบมาก
กว่าครึ่งปีผ่านไปตั้งแต่ฮีล่าเริ่มเติมเต็มแกนพลังงานของมิติ กำแพงมิติที่พังได้รับการซ่อมแซมแล้ว และกระแสมิติวุ่นวายก็โดนขวาง มันไม่น่ากลัวอีก
ที่ใจกลางโลกใต้พิภพคือทะเลสาบสีแดง ไม่มีลม มีแค่คลื่นสูง เมื่อมองใกล้ๆ นี่เกิดจากการควบแน่นของพลังงานจนเกือบเป็นของเหลว มันคือพลังงานความตายของฮีล่า
ครั้งนี้ แสงสีแดงที่มีสีดำจางๆเจาะเข้ามา นี่มาจากโลกใต้พิภพและถูกนำไปใช้กับฮีล่าผ่านตราแห่งโลกใต้พิภพ การเชื่อมต่อของเธอกับโลกใต้พิภพได้เสริมพลังของเธอขึ้นมาก นี่คือมรดกของเอสเปอร์พลังงานความตาย ซึ่งทำให้ฮีล่าแข็งแกร่งขึ้นมาก เหนือทะเลสาบสีแดงสด ฮีล่ากำลังลอยอยู่กลางอากาศ เธอล้อมด้วยพลังงานสีแดง ดวงตาของเธอปิดแน่น ขนตาเธอสั่น เธอปล่อยพลังงานของเธอ มอบมันให้โลกใต้พิภพ
ครั้งนี้ โอนิเคลูปรากฏข้างฮีล่า
“การเชื่อมต่อของเธอกับฉันแข็งแกร่งขึ้น”ฮีล่าลืมตา พูดด้วยใบหน้าไร้อารมณ์”เธอฟื้นตัวได้มากแค่ไหนแล้ว?”
“ประมาณ 3% มากพอจะสู้กับกระแสมิติโกลาหลของมิติที่สอง”
“น้อยมาก?”ฮีล่าขมวดคิ้ว
“เหนือสิ่งอื่นใด พลังงานของโลกใต้พิภพมาจากสองความสามารถเอสเปอร์ ถ้าเอสเปอร์พลังงานชีวิตมาถึงระดับผู้อยู่เหนือและป้อนพลังงานร่วมกับเธอ มันจะเพิ่มความเร็วการฟื้นฟูขึ้นมาก ตอนนี้ เธอคือคนเดียว มันย่อมไม่มีประสิทธิภาพพอ”โอนิเคลูพูดด้วยรอยยิ้ม “เข้าใจแล้ว..”ฮีล่าพลันคิดถึงบางสิ่งและถาม”เนื่องจากโลกใต้พิภพมั่นคงแล้ วิญญาณของเหล่าวีรชนจะได้รับการปลดปล่อยไหม?”
“อืม ได้ แต่มันเร็วเกินไป ฉันไม่เสนอ”โอนิเคลูส่ายหัว”นี่คือสุสานวีรชน มีวิญญาณมากมายที่นี่ การตื่นของพวกเขาจะผลาญพลังงานของโลกใต้พิภพ ยิ่งวิญญาณวีรชนแข็งแกร่งแค่ไหน ยิ่งใช้พลังงานมาก ซึ่งจะลดความเร็วการฟื้นฟูของโลกใต้พิภพ ก่อนโลกใต้พิภพจะฟื้นฟูจนถึง 30% มันดีกว่าที่จะให้พวกเขานอนหลับ”
“งั้น เธอก็กำลังบอกว่าเราไม่มีกำลังขับมากพอสินะ?”
“จะพูดแบบนั้นก็ได้”
ฮีล่าถอนหายใจ แม้โลกใต้พิภพจะทรงพลัง แต่ก็อีกนานกว่ามันจะไปถึงจุดสูงุสด มันต้องใช้เวลานานมากถึงสามารถอัญเชิญวิญญาณวีรชนมาสู้ได้เหมือนผู้ก่อตั้ง
ครั้งนี้ ฮีล่าพลันอยากรู้”โลกใต้พิภพสามารถปล่อยวิญญาณในอดีตให้ตื่นขึ้นได้ชั่วคราว ปล่อยพวกเขากลับมาโลกนี้อีกครั้ง งั้น มีวิธีอื่นที่จะปล่อยให้คนตายปรากฏในโลกนี้อีกครั้งไหม?”
เมื่อได้ยิน โอนิเคลูก็ค้นความทรงจำเธอสักพัก พูดด้วยความไม่แน่ใจ”เมื่อเนอคีสกับอีรอสยังมีชีวิต ฉันดูเหมือนจะได้ยินพวกเขาคุยกันถึงปรากฏการณ์พิเศษที่เกี่ยวกับการคืนชีพคนตาย”
“จริงหรือ?อะไร?”ฮีล่าถาม
“มันเป็นสิ่งที่เรียกว่าวิหาร ฉันคิด…ว่านายท่านทั้งสองทะเลาะกันเพราะเรื่องนี้ พวกเธอจึงไม่หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาอีก มันดูเหมือนมีคนเชิญพวกเธอไปทำภารกิจที่เกี่ยวกับวิหาร ฉันไม่รู้รายละเอียด แต่พวกเธอปฏิเสธมัน”
“งั้น วิหารคืออะไร?มันคล้ายกับโลกใต้พิภพไหม?”
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้เกี่ยวกับมันมาก ฉันแค่ได้ยินบทสนทนา แต่ทว่า จากสิ่งที่ฉันได้ยิน วิหารทรงพลังมาก และการคืนชีพคนตายก็เป็นแค่หนึ่งในคุณสมบัติของมันเท่านั้น”โอนิเคลูส่ายหัว
“ฉันเข้าใจแล้ว…”
ฮีล่าส่ายหัว เธอแค่ถามเฉยๆ ไม่ได้สนใจมาก แต่ทว่า โอนิเคลูคิดถึงมันสักพักและพูด”ถ้าอยากรู้มาก มีวิญญาณวีรชนของบรรพชนในโลกใต้พิภพอยู่ พวกเขาอาจรู้ อย่างไรก็ตาม ถ้าเธอปลุกพวกเขา เธอจะไม่สามารถบังคับให้พวกเขาหลับได้”
“งั้นก็ช่างเถอะ ฉันจะคิดถึงมันตอนพวกเขาสามารถกลับไปหลับได้หลังตื่น ฉันไม่รีบ”
ฮีล่าส่ายหัว
เธอจดจำข้อมูลเกี่ยวกับวิหาร วางแผนแบ่งปันมันกับแบล็คสตาร์