The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1179 ฟ้องร้อง
“สงครามเซิร์ฟเวอร์โลก…สิ่งที่จะมาถึงในตอนท้าย”
หานเซี่ยวเปิดกระทู้ เมื่อเห็นเนื้อหาเป็นไปตามคาด เขาก็ถอนหายใจ
กระทู้ได้รับประกาศร่วมกันโดยพันธมิตรธุรกิจกาแล็กซี่ การประชุมเดือนกันยายน เขตร้อนภาคเหนือแห่งกลุ่มดาวปู พันธมิตรสงครามเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และพันธมิตรหลายกิลด์ พูดง่ายๆ ว่ามันเป็นจดหมายท้าทายพันธมิตรผู้เล่นทั้งหมด มันระบุเวลาและสถานที่โดยมีเป้าหมายเพื่อเริ่มการต่อสู้ครั้งใหญ่
ผู้เล่นของพันธมิตรต่างๆ มักทำตามคำสั่งของกองกำลังตนเอง แต่นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองกำลัง มันเป็นเรื่องระหว่างผู้เล่น
สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้าเขา พันธมิตรกิลด์ต่างๆ ได้ประกาศสงคราม มันเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นนับล้านที่กินเวลานานหลายวัน จากนั้นมันก็บันทึกลงใน’พงศาวดารกาแล็กซี่’ โดยใช้ชื่อว่า’การต่อสู้ชิงดาว’
สุดยอดช่างหานเองก็เคยเข้าร่วมมาก่อน ส่วนใหญ่จะปล้นอุปกรณ์และของที่ผู้เล่นทำตก เขายังได้รับโชคครั้งใหญ่จากมัน ครั้งนี้ แม้สงครามจะยังเกิด แต่ผลกระทบต่อเนื่องที่เขาก่อ เวลาและสถานที่จึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จากมุมมองเขา พันธมิตรกิลด์เหล่านี้ที่ประกาศความท้าทายไม่ใช่เรื่องกะทันหัน มันเป็นช่วงท้ายของเวอร์ชั่นสี่แล้ว ถ้าพวกเขาไม่สร้างงานใหญ่ พวกเขาจะไม่มีโอกาสทำอะไร เหตุผลหนึ่งเพื่อฆ่าคนที่อยู่ในพันธมิตรศัตรู และอีกเหตุผลก็เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของพันธมิตรกิลด์ใหญ่โดยให้ผู้เล่นทั่วไปมีส่วนร่วมด้วย
“…โดยทั่วไป พวกเขาเบื่อ พวกเขาจึงอยากเริ่มสู้กัน”
หานเซี่ยวส่ายหัว เรื่องภายในของผู้เล่นไม่มีส่วนเกี่ยวกับเขา เขาจึงไม่วางแผนแทรกแซง
ตำแหน่งไม่ได้อยู่ในเขตต่อสู้เฟอร์ดินาน มันอยู่บนดาวในแนวหน้าชื่อแมร์ริสัน เมื่อผู้เล่นตรงไปที่นั่นเพื่อร่วม มันจะส่งผลต่อการต่อสู้ของกองทัพในแนวหน้าพอสมควร แม้กองทัพจะสามารถใช้คำสั่งเพื่อควบคุมผู้เล่น ไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้าร่วมศึกใหญ่ของผู้เล่น แต่มันคงไม่เกิดผลดีและหานเซี่ยวก็ไม่วางแผนทำแบบนั้น
เหนือสิ่งอื่นใด ผู้เล่นไม่ใช่พนักงานจริงๆ ถ้าเขาห้ามพวกเขามากเกินไป มันจะเกิดผลตรงกันข้าม
แน่นอน ไม่ใช่แค่กับเขา แต่องค์กรทั้งหมดที่มีผู้เล่นต่างได้รับผลกระทบ ถ้ากองกำลังเหล่านี้เลือกบังคับผู้เล่น มันจะส่งผลดีต่อกองทัพแทนและทำให้การรับสมัครผู้เล่นในอนาคตง่ายขึ้น
“ผู้เล่นกองทัพจะเกาะติดกับสงครามนี้ พวกเขาจะเป็นกลุ่มที่ใหญ่สุด พวกเขาน่าจะโดนพันธมิตรอื่นรุม..แต่นั่นดีสำหรับฉัน” หานเซี่ยวตาเป็นประกาย
โปรลีกในช่วงสุดท้ายของเวอร์ชั่นเป็นวิธีที่ดีสุดในการกระตุ้นยอดขาย ผู้เล่นหลายคนเต็มใจจะใช้เงินเก็บจำนวนมากเพื่อทำให้ตัวเองแกร่งขึ้น เมื่อเกิดขึ้น ยอดขายของกองทัพจะพุ่งทะลุ และหานเซี่ยวจะเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์ได้มาก
แต่ทว่า โปรลีกได้จัดมาแล้วสามครั้ง ผู้เล่นปกติส่วนใหญ่ตระหนักดีว่าพวกเขาไม่มีโอกาส หลายคนอยากเก็บค่าประสบการณ์ไว้ใช้เวอร์ชั่นถัดไป
สงครามขนาดใหญ่นั้นต่างออกไป ผู้เล่นจะไม่พลาดมัน มันเป็นโอกาสส่งเสริมยอดขาย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากกับเขา เขาสามารถเก็บค่าประสบการณ์ได้มากเมื่อใกล้จบเวอร์ชั่นสี่ และนั่นจะเป็นคลังของเขาระหว่างการอัปเดทเวอร์ชั่น
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ช่วงระหว่างเวอร์ชั่นสี่ถึงห้าควรประมาณครึ่งศตวรรษ มันนานมาก..”
เวอร์ชั่นถัดไปคือหายนะของผู้ใช้พลังความขัดแย้งระหว่างผู้อยู่เหนือปะทุขึ้น บรรพชนบางคนหวนกลับมา แต่ทว่า เนื่องจากเขาได้เปลี่ยนเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ไปแล้ว เหตุการณ์ในเวอร์ชั่นห้าจึงต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หานเซี่ยวรู้ว่าคนเหล่านี้ ใครที่สำคัญ เขาจึงไม่กลัวการเปลี่ยนเนื้อเรื่อง คนสำคัญจริงๆ ของเวอร์ชั่นถัดไปคือผู้เล่น
ในเวอร์ชั่นห้า ขีดจำกัดระดับสูงสุดของผู้เล่นจะเป็นระดับ 180 ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะกลายเป็นภัยพิบัติ ชื่อเวอร์ชั่น’หายนะของผู้ใช้พลัง’เป็นการบอกใบ้ให้ผู้เล่นรู้ว่าผลกระทบของพวกเขาที่มีต่อจักรวาลจะมากมหาศาล”นี่เป็นข่าวดีสำหรับฉัน”
จากนั้น พลรบระดับกลางของจักรวาลสำรวจก็พุ่งสูงขึ้น แม้ผู้เล่นจะก่อความวุ่นวาย แต่พวกเขาก็กลายเป็นกองกำลังสำคัญในการต่อสู้กับอารยธรรมต้นไม้โลก ในสงครามต้นไม้โลกของชีวิตก่อนหน้าเขา ความสำคัญของผู้เล่นไม่สามารถแทนที่ได้ ถ้าไม่ใช่ผู้เล่นระดับภัยพิบัตินับล้าน จักรวาลคงเสียหายหนักกว่าเดิม
แถม กองทัพจะแข็งแกร่งขึ้นมาก การวางแผนตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกก็เพื่อการนี้
มีเวลาหลายสิบปีจนกว่าจะถึงเวอร์ชั่นถัดไป เขาจึงมีเวลาเตรียมการพอ แถม คำพูดของตาแก่แมนิสันยังมีความหมายบางอย่าง รากฐานสำคัญมากสำหรับช่างกล เขาวางแผนใช้เวลาเหล่านี้เพื่อพัฒนาทักษะช่างกล ขณะรอให้ผลของ (กุญแจแห่งเทพจักรกล] แข็งแกร่งขึ้น
ผลของพรสวรรค์นี้จะเพิ่มขึ้นทุกๆ สองสามวัน ช่วยให้เขาแกร่งขึ้น นี่หมายความว่ายิ่งผู้ศรัทธาของแมนิสันวิ่งเข้าสู่อ้อมอกเขา เขาก็จะยิ่งเก่ง
ความคิดทุกประเภทแวบผ่านหัว หานเซี่ยวท่องฟอรั่มไปจนกระทั่งสนามรบเก็บกวาดเสร็จ จากนั้นเขาก็ขึ้นยานกลับไปวังแบล็คสตาร์ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะจบการประลอง 27 ครั้งภายในสองเดือน ในฐานฝึกทหารลับของจักรวรรดิคริมสัน กอดด์เดินเล่นผ่านฐานฝึก สวมชุดเจ้าหน้าที่จักรวรรดิระดับสูง เขาอารมณ์ไม่ดี ตอนนี้ กอดด์ได้รับข้อความจากเบื้องบน บอกเขาว่าต้องเลื่อนแผนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แผนดังกล่าวคือการใช้ความสามารถเอสเปอร์เขาเพื่อพยายามหาพลังงานหลักของลูกบาศก์วิวัฒนาการ
ย้อนกลับไปตอนพวกเขาคิดแผนนี้ มันทำได้ แต่ทว่า เวลาเปลี่ยนแปลงไปเร็วเกิน รบกวนจังหวะของฝ่ายเหยี่ยว ตอนนี้ ตำแหน่งและพลังของแบล็คสตาร์ไปถึงจุดสูงสุดใหม่ แผนนี้จึงยิ่งเสี่ยง ดังนั้น เบื้องบนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากระงับแผนไว้ก่อน เป็นเพราะพวกเขาไม่อยากตอแยกับแบล็คสตาร์รวมถึงอยากเก็บกอดด์ไว้เป็นไพ่ตาย
ที่ต้นตอนี้ มันเป็นเพราะแบล็คสตาร์เติบโตเร็วเกินไปจนผู้คนตอบสนองไม่ทัน
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้กอดด์อารมณ์ไม่ดี ความเร็วการเติบโตของแบล็คสตาร์เร็วกว่าเขามาก เขาไม่สามารถเห็นไฟท้ายของแบล็คสตาร์ได้เลย มันยากสำหรับเขาที่จะไม่รู้สึกหงุดหงิด
“แบล็คสตาร์ แบล็คสตาร์…”กอดด์พึมพำขณะเดินไปลานฝึกสาธารณะโดยไม่รู้ตัว
เสียงการต่อสู้รุนแรงดังเข้าหู เขามองไปแหล่งกำเนิดเสียง เห็นทหารกำลังสู้กันภายใต้การดูแลของจ่าฝึก พวกเขาดูเหมือนกลุ่มผู้ฝึกหัด
ครั้งนี้ นักสู้ระดับCสองคนกำลังสู้กัน หนึ่งเหนือกว่า และอีกหนึ่งแทบจะสู้ไม่ไหว มันดูเหมือนฝ่ายหลังกำลังจะแพ้
ไม่น่าแปลกใจ ไม่กี่วินาทีต่อมา การประลองนี้ก็จบ ผู้แพ้โดนเตะหวดกระเด็นมากองแทบเท้ากอดด์พอดี
“คาร์ล็อตต์ นายแพ้อีกแล้ว”จ่าฝึกขมวดคิ้ว”นายชนะ0 แพ้ 9 มันน่าอายมาก”
“ขอโทษครับ”คาร์ล็อตลูบหน้าอก ยืนขึ้น ยิ้มอย่างหน่ายใจ จ่าฝึกดูไม่พอใจขณะตะคอก”คะแนนการสอบทั้งหมดของนายต่ำมาก ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเบื้องบนถึงจัดให้นายเข้าชั้นเรียนฉันจนลากคะแนนทั้งชั้นให้ตกต่ำ ฉันยอมให้นายอยู่ในชั้นเรียนหัวกะทิเพราะฉันเห็นว่านายฝึกหนัก แต่ถ้าคะแนนนายยังต่ำเตี้ย ก็อย่าหวังว่าฉันจะให้โอกาสนายอีก! ”
หลังพูดแบบนั้น เพื่อนร่วมชั้นก็มองคาร์ล็อตอย่างเย็นชา ไม่ปิดบังความไม่พอใจ
แม้คนเหล่านี้จะเป็นนักเรียน พวกเขาก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่จักรวรรดิคัดเลือกจากหน่วยงานต่างๆ จนได้รับการฝึกในฐานลับนี้ นอกจากนี้ นี่ยังเป็นชั้นเรียนหัวกะทิ ทุกคนในนี้ถือเป็นทหารจักรวรรดิระดับหัวกะทิ พวกเขาล้วนมีชื่อเสียงในหน่วยงานตน
โอกาสได้รับการฝึกแบบนี้หายากมาก นักเรียนเหล่านี้จึงหวงแหนมัน นี่ทำให้พวกเขาไม่ชอบคาร์ล็อต เขาธรรมดาเกินไป ไม่เหมือนหัวกะทิเลย เขาไม่มีคุณสมบัติได้รับการฝึกเช่นนี้ เนื่องจากความยากในการได้รับโอกาสนี้ พวกเขาจึงรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม จากมุมมองพวกเขา สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดได้คือ’สินบน’
นอกจากนี้ ในฐานะทหาร พวกเขาเคารพผู้แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถของคาร์ล็อตต่ำเกินไป พวกเขาจึงดูถูกเขา แน่นอน พวกเขาไม่มีทางปฏิบัติต่อเขาด้วยดี
เมื่อสังเกตเห็นสายตาเย็นชาของทุกคน คาร์ล็อตก็ถอนหายใจ
เขายอมรับความจริงที่ว่าเขาเป็นคนธรรมดามานานแล้ว เขารู้ว่าคนเหล่านี้คือทหารหัวกะทิที่มีพรสวรรค์มากกว่าเขาตั้งแต่ต้น เขาจึงไม่ท้อแท้
เขาได้รับโอกาสนี้เพราะแบล็คสตาร์ แม้เขาจะไม่สนใจ เขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมละทิ้งโอกาส แต่ทว่า เขาได้ทำสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันความเร็วการเติบโตของพวกหัวกะทิเหล่านี้ เขาไม่สามารถทำอะไรได้อีก
กอดด์สังเกตเงียบๆ ไม่นานมานี้ เขาได้ยินคนบอกว่ามีบางคนที่แบล็คสตาร์เคยเอาใจใส่ได้เข้าฐานฝึกนี้ และชื่อของคนคนนั้นก็คือคาร์ล็อต เนื่องจากมันเกี่ยวกับแบล็คสตาร์ กอดด์จึงจำใส่หัวเอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนคนนี้
เขาสำรวจคาร์ล็อต ทั้งหมดที่เขาเห็นได้จากคาร์ล็อตคือคำว่า’ดาษดื่น’
กอดด์คิดว่าตัวเองมีสายตาแหลมคม แต่แม้กระทั่งเขาก็ไม่พบอะไรพิเศษเกี่ยวกับคาร์ล็อต เขาจึงสับสน
ทำไมแบล็คสตาร์ถึงสนใจผู้ชายคนนี้? อีกฝ่ายมีสายตาเฉียบแหลมเหมือนกัน เขาไม่ควรตัดสินใจแย่ๆ แบบนี้…
กอดด์คิดไม่ออก เขาคิดเกี่ยวกับมันสักพักก่อนโบกมือให้จ่าฝึก
จ่าฝึกสังเกตเห็นกอดด์นานแล้ว เขารีบสวมรอยยิ้มและเดินมา เกือบทุกคนในฐานนี้รู้ว่ากอดด์คือคนที่มีโอกาสสูงสุดในการเป็นผู้อยู่เหนือ เขาจึงได้รับทรัพยากรและการฝึกจำนวนมาก ตำแหน่งของกอดด์ค่อนข้างสูง “มีอะไร กอดด์? ”
“เด็กใหม่นั่นที่ชื่อคาร์ล็อต ไม่ว่าเขาจะผ่านการทดสอบหรือไม่ ให้เขาอยู่ในฐานต่อไป”กอดด์กระซิบ
เมื่อได้ยิน จ่าฝึกก็งงงวย
จากคะแนนการทดสอบของเขา คาร์ล็อตต้องโดนไล่ออก เขาไม่คิดว่ากอดด์จะพูดแทนอีกฝ่าย
“ฉันไม่แน่ใจ ชายคนนี้ไม่มีค่ามากนัก การให้เขาอยู่ที่นี่ต่อเป็นการเสียทรัพยากรเปล่า”
“งั้นก็ทำในสิ่งที่ทำได้”
กอดด์เองก็มองไม่เห็นอะไรพิเศษในตัวคาร์ล็อตเช่นกัน แต่เพราะแบล็คสตาร์ เขาจึงอยากเก็บคาร์ล็อตไว้ข้างตัว
หานเซี่ยวอยู่ในวังแบล็คสตาร์และไม่ไปแนวหน้า เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วถึงเดือนครึ่ง
วันนี้ ข่าวน่าตกใจพลันปะทุขึ้นในอารยธรรมโมโด!
สภาสามเผ่าได้ประกาศเริ่มต้นกระบวนการฟ้องร้องสามราชาคนปัจจุบันของโมโด ตลอดประวัติศาสตร์ การฟ้องร้องผู้นำสูงุสดเกิดขึ้นน้อยมาก นี่ทำให้ทั้งสังคมตกใจ
ตามชื่อ การประชุมนี้ก่อตั้งโดยสมาชิกสภาจากสามเผ่าพันธ์ุ มันมีอำนาจสูงมาก รวมถึงมีสิทธิ์ฟ้องร้องต่อผู้นำสูงสุด ผู้ริเริ่มการฟ้องร้องนี้คือสมาชิกสภาทั้ง 33 คนที่เสนอการฟ้องร้องร่วมกัน สภาสามเผ่าได้อนุมัติมันด้วยการลงคะแนน การเตรียมการเริ่มอย่างรวดเร็ว มันมีการวางแผนไว้
การตกใจเป็นอีกเรื่อง แต่พลเมืองโมโดให้การสนับสนุนมันอย่างมาก ความวุ่นวายในอารยธรรมได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขา แม้นี่จะเกิดจากศัตรู พลเมืองก็ไม่สนใจและกล่าวโทษผู้นำสูงสุด
มาร์โกรวมผู้สนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ เขาพบข้ออ้างที่สมเหตุสมผลเพื่อทวงอำนาจและคัดค้านสงคราม เขาใช้รายงานยาวเหยียดเพื่อวิเคราะห์โอกาสชนะของโมโดในสงครามนี้ ใช้มันเป็นหลักฐาน คัดค้านการตัดสินใจของสามราชาในการสนับสนุนกองทัพสำรวจต่อไป เรียกมันว่าการเสียสละที่ไร้ความหมาย
จุดยืนของเขาได้รับการยอมรับจากเจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมาก ไม่ใช่ทุกคนที่เต็มใจเสียสละผลประโยชน์ปัจจุบันเพื่อศักยภาพในอนาคต
สามราชาโมโดไม่คิดว่าผู้ที่คัดค้านการตัดสินใจของพวกเขาจะแทงข้างหลังในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ แผนการของพวกเขาจึงหยุดชะงัก
หานเซี่ยวเปิดกระทู้ เมื่อเห็นเนื้อหาเป็นไปตามคาด เขาก็ถอนหายใจ
กระทู้ได้รับประกาศร่วมกันโดยพันธมิตรธุรกิจกาแล็กซี่ การประชุมเดือนกันยายน เขตร้อนภาคเหนือแห่งกลุ่มดาวปู พันธมิตรสงครามเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และพันธมิตรหลายกิลด์ พูดง่ายๆ ว่ามันเป็นจดหมายท้าทายพันธมิตรผู้เล่นทั้งหมด มันระบุเวลาและสถานที่โดยมีเป้าหมายเพื่อเริ่มการต่อสู้ครั้งใหญ่
ผู้เล่นของพันธมิตรต่างๆ มักทำตามคำสั่งของกองกำลังตนเอง แต่นี่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองกำลัง มันเป็นเรื่องระหว่างผู้เล่น
สิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นในชีวิตก่อนหน้าเขา พันธมิตรกิลด์ต่างๆ ได้ประกาศสงคราม มันเปลี่ยนเป็นการต่อสู้ระหว่างผู้เล่นนับล้านที่กินเวลานานหลายวัน จากนั้นมันก็บันทึกลงใน’พงศาวดารกาแล็กซี่’ โดยใช้ชื่อว่า’การต่อสู้ชิงดาว’
สุดยอดช่างหานเองก็เคยเข้าร่วมมาก่อน ส่วนใหญ่จะปล้นอุปกรณ์และของที่ผู้เล่นทำตก เขายังได้รับโชคครั้งใหญ่จากมัน ครั้งนี้ แม้สงครามจะยังเกิด แต่ผลกระทบต่อเนื่องที่เขาก่อ เวลาและสถานที่จึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จากมุมมองเขา พันธมิตรกิลด์เหล่านี้ที่ประกาศความท้าทายไม่ใช่เรื่องกะทันหัน มันเป็นช่วงท้ายของเวอร์ชั่นสี่แล้ว ถ้าพวกเขาไม่สร้างงานใหญ่ พวกเขาจะไม่มีโอกาสทำอะไร เหตุผลหนึ่งเพื่อฆ่าคนที่อยู่ในพันธมิตรศัตรู และอีกเหตุผลก็เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของพันธมิตรกิลด์ใหญ่โดยให้ผู้เล่นทั่วไปมีส่วนร่วมด้วย
“…โดยทั่วไป พวกเขาเบื่อ พวกเขาจึงอยากเริ่มสู้กัน”
หานเซี่ยวส่ายหัว เรื่องภายในของผู้เล่นไม่มีส่วนเกี่ยวกับเขา เขาจึงไม่วางแผนแทรกแซง
ตำแหน่งไม่ได้อยู่ในเขตต่อสู้เฟอร์ดินาน มันอยู่บนดาวในแนวหน้าชื่อแมร์ริสัน เมื่อผู้เล่นตรงไปที่นั่นเพื่อร่วม มันจะส่งผลต่อการต่อสู้ของกองทัพในแนวหน้าพอสมควร แม้กองทัพจะสามารถใช้คำสั่งเพื่อควบคุมผู้เล่น ไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้าร่วมศึกใหญ่ของผู้เล่น แต่มันคงไม่เกิดผลดีและหานเซี่ยวก็ไม่วางแผนทำแบบนั้น
เหนือสิ่งอื่นใด ผู้เล่นไม่ใช่พนักงานจริงๆ ถ้าเขาห้ามพวกเขามากเกินไป มันจะเกิดผลตรงกันข้าม
แน่นอน ไม่ใช่แค่กับเขา แต่องค์กรทั้งหมดที่มีผู้เล่นต่างได้รับผลกระทบ ถ้ากองกำลังเหล่านี้เลือกบังคับผู้เล่น มันจะส่งผลดีต่อกองทัพแทนและทำให้การรับสมัครผู้เล่นในอนาคตง่ายขึ้น
“ผู้เล่นกองทัพจะเกาะติดกับสงครามนี้ พวกเขาจะเป็นกลุ่มที่ใหญ่สุด พวกเขาน่าจะโดนพันธมิตรอื่นรุม..แต่นั่นดีสำหรับฉัน” หานเซี่ยวตาเป็นประกาย
โปรลีกในช่วงสุดท้ายของเวอร์ชั่นเป็นวิธีที่ดีสุดในการกระตุ้นยอดขาย ผู้เล่นหลายคนเต็มใจจะใช้เงินเก็บจำนวนมากเพื่อทำให้ตัวเองแกร่งขึ้น เมื่อเกิดขึ้น ยอดขายของกองทัพจะพุ่งทะลุ และหานเซี่ยวจะเก็บเกี่ยวค่าประสบการณ์ได้มาก
แต่ทว่า โปรลีกได้จัดมาแล้วสามครั้ง ผู้เล่นปกติส่วนใหญ่ตระหนักดีว่าพวกเขาไม่มีโอกาส หลายคนอยากเก็บค่าประสบการณ์ไว้ใช้เวอร์ชั่นถัดไป
สงครามขนาดใหญ่นั้นต่างออกไป ผู้เล่นจะไม่พลาดมัน มันเป็นโอกาสส่งเสริมยอดขาย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากกับเขา เขาสามารถเก็บค่าประสบการณ์ได้มากเมื่อใกล้จบเวอร์ชั่นสี่ และนั่นจะเป็นคลังของเขาระหว่างการอัปเดทเวอร์ชั่น
“ถ้าฉันจำไม่ผิด ช่วงระหว่างเวอร์ชั่นสี่ถึงห้าควรประมาณครึ่งศตวรรษ มันนานมาก..”
เวอร์ชั่นถัดไปคือหายนะของผู้ใช้พลังความขัดแย้งระหว่างผู้อยู่เหนือปะทุขึ้น บรรพชนบางคนหวนกลับมา แต่ทว่า เนื่องจากเขาได้เปลี่ยนเนื้อเรื่องส่วนใหญ่ไปแล้ว เหตุการณ์ในเวอร์ชั่นห้าจึงต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ หานเซี่ยวรู้ว่าคนเหล่านี้ ใครที่สำคัญ เขาจึงไม่กลัวการเปลี่ยนเนื้อเรื่อง คนสำคัญจริงๆ ของเวอร์ชั่นถัดไปคือผู้เล่น
ในเวอร์ชั่นห้า ขีดจำกัดระดับสูงสุดของผู้เล่นจะเป็นระดับ 180 ซึ่งหมายความว่าพวกเขาจะกลายเป็นภัยพิบัติ ชื่อเวอร์ชั่น’หายนะของผู้ใช้พลัง’เป็นการบอกใบ้ให้ผู้เล่นรู้ว่าผลกระทบของพวกเขาที่มีต่อจักรวาลจะมากมหาศาล”นี่เป็นข่าวดีสำหรับฉัน”
จากนั้น พลรบระดับกลางของจักรวาลสำรวจก็พุ่งสูงขึ้น แม้ผู้เล่นจะก่อความวุ่นวาย แต่พวกเขาก็กลายเป็นกองกำลังสำคัญในการต่อสู้กับอารยธรรมต้นไม้โลก ในสงครามต้นไม้โลกของชีวิตก่อนหน้าเขา ความสำคัญของผู้เล่นไม่สามารถแทนที่ได้ ถ้าไม่ใช่ผู้เล่นระดับภัยพิบัตินับล้าน จักรวาลคงเสียหายหนักกว่าเดิม
แถม กองทัพจะแข็งแกร่งขึ้นมาก การวางแผนตั้งแต่เวอร์ชั่นแรกก็เพื่อการนี้
มีเวลาหลายสิบปีจนกว่าจะถึงเวอร์ชั่นถัดไป เขาจึงมีเวลาเตรียมการพอ แถม คำพูดของตาแก่แมนิสันยังมีความหมายบางอย่าง รากฐานสำคัญมากสำหรับช่างกล เขาวางแผนใช้เวลาเหล่านี้เพื่อพัฒนาทักษะช่างกล ขณะรอให้ผลของ (กุญแจแห่งเทพจักรกล] แข็งแกร่งขึ้น
ผลของพรสวรรค์นี้จะเพิ่มขึ้นทุกๆ สองสามวัน ช่วยให้เขาแกร่งขึ้น นี่หมายความว่ายิ่งผู้ศรัทธาของแมนิสันวิ่งเข้าสู่อ้อมอกเขา เขาก็จะยิ่งเก่ง
ความคิดทุกประเภทแวบผ่านหัว หานเซี่ยวท่องฟอรั่มไปจนกระทั่งสนามรบเก็บกวาดเสร็จ จากนั้นเขาก็ขึ้นยานกลับไปวังแบล็คสตาร์ เขาตัดสินใจแล้วว่าจะจบการประลอง 27 ครั้งภายในสองเดือน ในฐานฝึกทหารลับของจักรวรรดิคริมสัน กอดด์เดินเล่นผ่านฐานฝึก สวมชุดเจ้าหน้าที่จักรวรรดิระดับสูง เขาอารมณ์ไม่ดี ตอนนี้ กอดด์ได้รับข้อความจากเบื้องบน บอกเขาว่าต้องเลื่อนแผนออกไปอย่างไม่มีกำหนด แผนดังกล่าวคือการใช้ความสามารถเอสเปอร์เขาเพื่อพยายามหาพลังงานหลักของลูกบาศก์วิวัฒนาการ
ย้อนกลับไปตอนพวกเขาคิดแผนนี้ มันทำได้ แต่ทว่า เวลาเปลี่ยนแปลงไปเร็วเกิน รบกวนจังหวะของฝ่ายเหยี่ยว ตอนนี้ ตำแหน่งและพลังของแบล็คสตาร์ไปถึงจุดสูงสุดใหม่ แผนนี้จึงยิ่งเสี่ยง ดังนั้น เบื้องบนจึงไม่มีทางเลือกนอกจากระงับแผนไว้ก่อน เป็นเพราะพวกเขาไม่อยากตอแยกับแบล็คสตาร์รวมถึงอยากเก็บกอดด์ไว้เป็นไพ่ตาย
ที่ต้นตอนี้ มันเป็นเพราะแบล็คสตาร์เติบโตเร็วเกินไปจนผู้คนตอบสนองไม่ทัน
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้กอดด์อารมณ์ไม่ดี ความเร็วการเติบโตของแบล็คสตาร์เร็วกว่าเขามาก เขาไม่สามารถเห็นไฟท้ายของแบล็คสตาร์ได้เลย มันยากสำหรับเขาที่จะไม่รู้สึกหงุดหงิด
“แบล็คสตาร์ แบล็คสตาร์…”กอดด์พึมพำขณะเดินไปลานฝึกสาธารณะโดยไม่รู้ตัว
เสียงการต่อสู้รุนแรงดังเข้าหู เขามองไปแหล่งกำเนิดเสียง เห็นทหารกำลังสู้กันภายใต้การดูแลของจ่าฝึก พวกเขาดูเหมือนกลุ่มผู้ฝึกหัด
ครั้งนี้ นักสู้ระดับCสองคนกำลังสู้กัน หนึ่งเหนือกว่า และอีกหนึ่งแทบจะสู้ไม่ไหว มันดูเหมือนฝ่ายหลังกำลังจะแพ้
ไม่น่าแปลกใจ ไม่กี่วินาทีต่อมา การประลองนี้ก็จบ ผู้แพ้โดนเตะหวดกระเด็นมากองแทบเท้ากอดด์พอดี
“คาร์ล็อตต์ นายแพ้อีกแล้ว”จ่าฝึกขมวดคิ้ว”นายชนะ0 แพ้ 9 มันน่าอายมาก”
“ขอโทษครับ”คาร์ล็อตลูบหน้าอก ยืนขึ้น ยิ้มอย่างหน่ายใจ จ่าฝึกดูไม่พอใจขณะตะคอก”คะแนนการสอบทั้งหมดของนายต่ำมาก ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเบื้องบนถึงจัดให้นายเข้าชั้นเรียนฉันจนลากคะแนนทั้งชั้นให้ตกต่ำ ฉันยอมให้นายอยู่ในชั้นเรียนหัวกะทิเพราะฉันเห็นว่านายฝึกหนัก แต่ถ้าคะแนนนายยังต่ำเตี้ย ก็อย่าหวังว่าฉันจะให้โอกาสนายอีก! ”
หลังพูดแบบนั้น เพื่อนร่วมชั้นก็มองคาร์ล็อตอย่างเย็นชา ไม่ปิดบังความไม่พอใจ
แม้คนเหล่านี้จะเป็นนักเรียน พวกเขาก็เป็นผู้มีพรสวรรค์ที่จักรวรรดิคัดเลือกจากหน่วยงานต่างๆ จนได้รับการฝึกในฐานลับนี้ นอกจากนี้ นี่ยังเป็นชั้นเรียนหัวกะทิ ทุกคนในนี้ถือเป็นทหารจักรวรรดิระดับหัวกะทิ พวกเขาล้วนมีชื่อเสียงในหน่วยงานตน
โอกาสได้รับการฝึกแบบนี้หายากมาก นักเรียนเหล่านี้จึงหวงแหนมัน นี่ทำให้พวกเขาไม่ชอบคาร์ล็อต เขาธรรมดาเกินไป ไม่เหมือนหัวกะทิเลย เขาไม่มีคุณสมบัติได้รับการฝึกเช่นนี้ เนื่องจากความยากในการได้รับโอกาสนี้ พวกเขาจึงรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม จากมุมมองพวกเขา สิ่งเดียวที่พวกเขาคิดได้คือ’สินบน’
นอกจากนี้ ในฐานะทหาร พวกเขาเคารพผู้แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด ความสามารถของคาร์ล็อตต่ำเกินไป พวกเขาจึงดูถูกเขา แน่นอน พวกเขาไม่มีทางปฏิบัติต่อเขาด้วยดี
เมื่อสังเกตเห็นสายตาเย็นชาของทุกคน คาร์ล็อตก็ถอนหายใจ
เขายอมรับความจริงที่ว่าเขาเป็นคนธรรมดามานานแล้ว เขารู้ว่าคนเหล่านี้คือทหารหัวกะทิที่มีพรสวรรค์มากกว่าเขาตั้งแต่ต้น เขาจึงไม่ท้อแท้
เขาได้รับโอกาสนี้เพราะแบล็คสตาร์ แม้เขาจะไม่สนใจ เขาก็ไม่ใช่คนที่จะยอมละทิ้งโอกาส แต่ทว่า เขาได้ทำสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังไม่ทันความเร็วการเติบโตของพวกหัวกะทิเหล่านี้ เขาไม่สามารถทำอะไรได้อีก
กอดด์สังเกตเงียบๆ ไม่นานมานี้ เขาได้ยินคนบอกว่ามีบางคนที่แบล็คสตาร์เคยเอาใจใส่ได้เข้าฐานฝึกนี้ และชื่อของคนคนนั้นก็คือคาร์ล็อต เนื่องจากมันเกี่ยวกับแบล็คสตาร์ กอดด์จึงจำใส่หัวเอาไว้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นคนคนนี้
เขาสำรวจคาร์ล็อต ทั้งหมดที่เขาเห็นได้จากคาร์ล็อตคือคำว่า’ดาษดื่น’
กอดด์คิดว่าตัวเองมีสายตาแหลมคม แต่แม้กระทั่งเขาก็ไม่พบอะไรพิเศษเกี่ยวกับคาร์ล็อต เขาจึงสับสน
ทำไมแบล็คสตาร์ถึงสนใจผู้ชายคนนี้? อีกฝ่ายมีสายตาเฉียบแหลมเหมือนกัน เขาไม่ควรตัดสินใจแย่ๆ แบบนี้…
กอดด์คิดไม่ออก เขาคิดเกี่ยวกับมันสักพักก่อนโบกมือให้จ่าฝึก
จ่าฝึกสังเกตเห็นกอดด์นานแล้ว เขารีบสวมรอยยิ้มและเดินมา เกือบทุกคนในฐานนี้รู้ว่ากอดด์คือคนที่มีโอกาสสูงสุดในการเป็นผู้อยู่เหนือ เขาจึงได้รับทรัพยากรและการฝึกจำนวนมาก ตำแหน่งของกอดด์ค่อนข้างสูง “มีอะไร กอดด์? ”
“เด็กใหม่นั่นที่ชื่อคาร์ล็อต ไม่ว่าเขาจะผ่านการทดสอบหรือไม่ ให้เขาอยู่ในฐานต่อไป”กอดด์กระซิบ
เมื่อได้ยิน จ่าฝึกก็งงงวย
จากคะแนนการทดสอบของเขา คาร์ล็อตต้องโดนไล่ออก เขาไม่คิดว่ากอดด์จะพูดแทนอีกฝ่าย
“ฉันไม่แน่ใจ ชายคนนี้ไม่มีค่ามากนัก การให้เขาอยู่ที่นี่ต่อเป็นการเสียทรัพยากรเปล่า”
“งั้นก็ทำในสิ่งที่ทำได้”
กอดด์เองก็มองไม่เห็นอะไรพิเศษในตัวคาร์ล็อตเช่นกัน แต่เพราะแบล็คสตาร์ เขาจึงอยากเก็บคาร์ล็อตไว้ข้างตัว
หานเซี่ยวอยู่ในวังแบล็คสตาร์และไม่ไปแนวหน้า เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วถึงเดือนครึ่ง
วันนี้ ข่าวน่าตกใจพลันปะทุขึ้นในอารยธรรมโมโด!
สภาสามเผ่าได้ประกาศเริ่มต้นกระบวนการฟ้องร้องสามราชาคนปัจจุบันของโมโด ตลอดประวัติศาสตร์ การฟ้องร้องผู้นำสูงุสดเกิดขึ้นน้อยมาก นี่ทำให้ทั้งสังคมตกใจ
ตามชื่อ การประชุมนี้ก่อตั้งโดยสมาชิกสภาจากสามเผ่าพันธ์ุ มันมีอำนาจสูงมาก รวมถึงมีสิทธิ์ฟ้องร้องต่อผู้นำสูงสุด ผู้ริเริ่มการฟ้องร้องนี้คือสมาชิกสภาทั้ง 33 คนที่เสนอการฟ้องร้องร่วมกัน สภาสามเผ่าได้อนุมัติมันด้วยการลงคะแนน การเตรียมการเริ่มอย่างรวดเร็ว มันมีการวางแผนไว้
การตกใจเป็นอีกเรื่อง แต่พลเมืองโมโดให้การสนับสนุนมันอย่างมาก ความวุ่นวายในอารยธรรมได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำเนินชีวิตของพวกเขา แม้นี่จะเกิดจากศัตรู พลเมืองก็ไม่สนใจและกล่าวโทษผู้นำสูงสุด
มาร์โกรวมผู้สนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ เขาพบข้ออ้างที่สมเหตุสมผลเพื่อทวงอำนาจและคัดค้านสงคราม เขาใช้รายงานยาวเหยียดเพื่อวิเคราะห์โอกาสชนะของโมโดในสงครามนี้ ใช้มันเป็นหลักฐาน คัดค้านการตัดสินใจของสามราชาในการสนับสนุนกองทัพสำรวจต่อไป เรียกมันว่าการเสียสละที่ไร้ความหมาย
จุดยืนของเขาได้รับการยอมรับจากเจ้าหน้าที่และประชาชนจำนวนมาก ไม่ใช่ทุกคนที่เต็มใจเสียสละผลประโยชน์ปัจจุบันเพื่อศักยภาพในอนาคต
สามราชาโมโดไม่คิดว่าผู้ที่คัดค้านการตัดสินใจของพวกเขาจะแทงข้างหลังในช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ แผนการของพวกเขาจึงหยุดชะงัก