The Legendary Mechanic - ตอนที่ 1221 ปลดปล่อย
หานเซี่ยวปิดหน้าต่างสถานะ เตรียมยื่นคำขอไปเยี่ยมเทพเอส และส่งมันให้จักรวรรดิ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ได้รับคำตอบ
อืม?ไฟล์ของฉันโดนส่งกลับ?
หานเซี่ยวจ้องหน้าจอเสมือนตรงหน้าเขาที่กำลังแสดงไฟล์คำขอ
ประทับสีแดงถูกเพิ่มเข้ามายังมุมล่างขวาของไฟล์ที่เขียนว่า’ไม่อนุมัติ’ในภาษาจักรวรรดิ นี่หมายความว่าคำขอของเขาโดนปฏิเสธ
จักรวรรดิไม่ยอมให้ฉันไปเยี่ยมเทพเอส นี่มันหมายความว่ายังไง?
หานเซี่ยวขมวดคิ้ว นำอุปกรณ์สื่อสารออกมา คิดสักพักและไม่โทรหาหมายเลขส่วนตัวของเออแรนเรลแต่เป็นห้องทำงานเธอ
เสียงรอสายดังสักพักและถูกรับ เมื่อเห็นว่ามันเป็ฯแบล็คสตาร์ที่โทรมา เจ้าหน้าที่ก็ส่งสายให้หัวหน้าเลขาของห้องทำงาน
ท่านแบล็คสตาร์ มีอะไรให้ผมรับใช้งั้นเหรอ? หัวหน้าเลขามีความสัมพันธ์ดีกับหานเซี่ยว
ฉันได้ยื่นคำขอไปเยี่ยมเทพเอส แต่มันไม่ได้รับการอนุมัติ นี่เป็นการตัดสินใจของเออแรนเรลงั้นเหรอ?
อา ท่านผู้ปกครองกำลังประชุมอยู่ มันไม่ควรเป็นเธอ ผมเองก็ไม่รู้เรื่องนี้ คำขอของท่านไม่ได้รายงานมาถึงเรา
ช่วยตรวจสอบได้ไหมว่าแผนกไหนที่รับคำขอของฉัน?
ได้ครับ โปรดรอสักครู่..
หัวหน้าเลขาค้นผ่านระบบภายในสักพักก่อนถอนหายใจ
นี่เป็นการตัดสินใจของปัญญาประดิษฐ์หลักเรา วิญญาณวีรชน และแผนกนักโทษ ผมได้ดูหมายเหตุภายในแล้ว ตำแหน่งของเทพเอสเป็นความลับสุดยอด ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เยี่ยมภายใต้สถานการณ์ปกติ และท่านแบล็คสตาร์ก็คือกรณีพิเศษ ท่านกลับอยู่ในบัญชีดำ..
ทำไมฉันถึงอยู่ในบัญชีดำ?ฉันทำอะไร? หานเซี่ยวสับสน
หัวหน้าเลขาถอนหายใจ ท่านไม่ได้ทำอะไร แต่ปัจจุบันท่านเป็นคนเดียวในจักรวาลที่สามารถปลดปล่อยเทพเอสได้ ดังนั้น ก่อนจะครบห้าร้อยปี ท่านจึงไม่ได้รับอนุญาตให้เยี่ยม…
หานเซี่ยวพูดไม่ออก
ฉันเป็นคนจับเทพเอสให้จักรวรรดิ แต่ตอนนี้ฉันกลับไปเยี่ยมไม่ได้?
เอาล่ะ จากมุมมองของจักรวรรดิ นี่สมเหตุสมผล ฉันเป็นคนเดียวในจักรวาลที่สามารถเปิดผนึกอำพันได้ ฉันจึงเป็นคนเดียวที่มีความสามารถปลดปล่อยเขา แบบนี้ เหตุผลที่จักรวรรดิปฏิเสธคำขอฉันจึงดูเหมือนปกติ แม้จักรวรรดิจะไม่ผิด หานเซี่ยวก็ยังไม่พอใจ
เขาคิดว่าคำขอจะได้รับอนุมัติอย่างราบรื่น
ทำอะไรไม่ได้เลยงั้นเหรอ? หานเซี่ยวขมวดคิ้ว
ระดับอำนาจสำหรับคุกเทพเอสสูงมาก ถ้าท่านต้องการเยี่ยมเขา ท่านต้องขอให้ท่านผู้ปกครองช่วย เธอสามารถอนุมัติคำขอของท่านได้ แต่มันต้องมีเหตุผล ไม่งั้น..
เมื่อได้ยิน หานเซี่ยวก็พยักหน้า
เขามีความสัมพันธ์ดีมากกับเออแรนเรล แต่ไม่มีทางที่เธอจะอนุมัติมันโดยปราศจากเหตุผล
หานเซี่ยววางสาย เออแรนเรลกำลังประชุม เขาต้องรอสักพักค่อยติดต่อเธอ
ฉันจะไปหาเทพเอสแต่น่าเศร้า นั่นไม่ได้ผล โดยปราศจากเหตุผล จักรวรรดิไม่มีทางยอมให้ฉันเข้าใกล้คุกของเทพเอสแน่ แม้กระทั่งพิกัดของคุกก็ยังเป็นความลับและฉันก็ไม่มีอำนาจตรวจสอบมัน..
หานเซี่ยวหน้ามุ่ย
เขาอยากไปตรวจสอบเทพเอสแต่ไม่สามารถโน้มน้าวจักรวรรดิได้ แถม เขาต้องเปิดผนึกอำพันดูถ้าอยากตรวจสอบเทพเอส มันยากเกินไป
ถ้าเขาไม่สามารถโน้มน้าวจักรวรรดิได้ เขาก็ต้องเลียนแบบเฒ่าแมนิสันและพยายามเจาะฐานข้อมูลของจักรวรรดิเพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง แม้เขาจะต้องตอแยจักรวรรดิโดยการทำเช่นนั้น แต่การขโมยข้อมูลก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงนัก…
หลังจากนั้นไม่นาน เลขาก็ส่งข้อความมาบอกเขาว่าการประชุมของผู้ปกครองจบแล้ว จากนั้นหานเซี่ยวถึงโทรหาหมายเลขส่วนตัวของเออแรนเรล
เออแรนเรลปรากฏบนจอด้วยใบหน้าสงบ
แบล็คสตาร์ ฉันได้ยินว่าคุณพยายามติดต่อฉันและอยากเยี่ยมเทพเอส ทำไม?
แม้เธอจะปิดบังมันได้ดี หานเซี่ยวก็มองเห็นว่าเออแรนเรลดูเหนื่อยล้า เขาคิดถึงมันและพูด เทพเอสโดนขังมานานแล้ว ผมอยากเปิดผนึกและตรวจสอบสถานะของวิญญาณเขา
มันจำเป็นเหรอ? เออแรนเรลขมวดคิ้ว คุณเป็นคนที่เสนอให้ขังเขาไว้ห้าร้อยปี แต่มันเพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่สิบปี ด้วยพลังของเทพเอส ดวงวิญญาณของเขาไม่มีทางสลายหายไปเร็วขนาดนี้ การเปิดผนึกตอนนี้จะนำมาซึ่งปัญหา
อะแฮ่ม ตอนนั้นผมไม่แข็งแกร่งพอ และมีความเข้าใจถึงระดับพลังของเทพเอสจำกัด นั่นทำให้ผมเสนอว่าควรขังให้นานที่สุด ห้าร้อยปีแค่การประเมินคร่าวๆ ตอนนี้ผมได้มาถึงระดับนี้แล้วและมีความเข้าใจลึกซึ่งต่อกาลอวกาศแอมเบอร์ ผมพบว่าการลบดวงวิญญาณของผู้อยู่เหนืออาจใช้เวลาไม่นานขนาดนั้น หานเซี่ยวบอกเหตุผลที่เตรียมไว้ เขาไม่มีหลักฐานเพื่ออธิบายว่าเขาสงสัยกอดด์ การบอกแบบนั้นมีแต่จะทำให้จักรวรรดิสงสัย ดังนั้น เขาจึงไม่พูดถึงกอดด์
เออแรนเรลไม่สงสัยเขาแต่ยังส่ายหัว ฉันไม่คิดว่านั่นจำเป็น เทพเอสอันตรายเกินไป ฉันยังคิดว่าการขังเขาไว้ปลอดภัยสุด จักรวรรดิสามารถรอได้
หานเซี่ยวคิดไว้แล้วว่าเออแรนเรลจะพูดแบบนี้ เขาจึงไม่แปลกใจ การทดสอบนั้นแค่หนึ่งในเป้าหมาย จริงๆแล้วผมมีอีกความกังวล ผมเพิ่งเข้าใจว่าบุคคลที่ระดับนี้แข็งแกร่งแค่ไหน และลองคิดย้อน ผมถึงตระหนักว่าการจับเทพเอสนั้นง่ายเกินไป บางอย่างไม่ถูกต้อง จากสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับเทพเอส เขาน่าจะหลบหนีโดยใช้ความสามารถที่เกี่ยวกับวิญญาณบางชนิด ผมกังวลว่าเราอาจถูกหลอก ผมจึงอยากเปิดผนึกและตรวจสอบ
ดวงตาของเออแรนเรลไหววูบ แต่ก็ยังไม่โดนโน้มน้าวนัก มีหลักฐานไหม?
นี่แค่การคาดเดา ซึ่งทำให้ผมถึงอยากยืนยัน แต่ถ้าท่านต้องการหลักฐาน ท่านสามารถถามนักดาบดอกบัวได้ ตอนนั้นที่เราจับเทพเอส เธอสัมผัสได้ถึงระลอกวิญญาณแปลกๆจากเทพเอส ผมสงสัยว่านั่นอาจเป็นปัญหา
กอดด์คือดวงดาวที่จักรวรรดิหวังไว้สูง การพูดถึงเขาจึงไม่ใช่อะไรที่ฉลาดนัก คำพูดของหานเซี่ยวจึงมุ่งเน้นไปยังเทพเอส
เมื่อได้ยิน ในที่สุดเออแรนเรลก็เริ่มจริงจังและพลันบอกหัวหน้าเลขาให้ติดต่อนักดาบดอกบัว
นักดาบดอกบัวออนไลน์อย่างรวดเร็วและบอกว่ามันเกิดขึ้นจริง ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นเพิ่งผ่านมาแค่สามสิบปี เธอจึงจำมันได้ชัด
เมื่อเห็นแบบนี้ หานเซี่ยวก็ถอนหายใจโล่งอก หลักฐานนี้ไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ ทุกคนคิดว่ามันแค่การดิ้นรนที่เปล่าประโยชน์ของเทพเอา แต่ทว่า ตอนนี้ที่เขาใช้มันเป็นข้อแก้ตัว มันจึงฟังดูน่าเชื่อถือขึ้นมา…ถ้าไม่มีเรื่องนี้ การโน้มน้าวเออแรนเรลคงยาก
หลังได้รับคำตอบ เออแรนเรลก็เงียบไป ดูเหมือนกำลังวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสีย หลังจากนั้นสักพัก เธอก็จ้องตาหานเซี่ยว พูดด้วยความจริงจัง แบล็คสตาร์ ถ้าเทพเอสหลุดออกมา คุณสามารถรับประกันได้ไหมว่าจะจับเขากลับมาอีกครั้ง?
หานเซี่ยวยิ้ม ตอนนั้นผมทำได้ ตอนนี้ผมก็ทำได้
เขาไม่เหลือบัตรอัญเชิญตัวละครเทพเอส ผนึกเอสเปอร์อีก แต่หลังผ่านไปนับสิบปี เขาก็แกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ต่อให้การคาดเดาของเขาจะผิด เขาก็แค่ต้องผนึกเทพเอสใหม่
นอกจากนี้ คนอื่นไม่รู้ว่าผนึกเอสเปอร์ของเขาใช้ได้ครั้งเดียว พวกเขาจะคิดแค่ว่าเขาใช้มันได้อีก
เออแรนเรลไตร่ตรองสักพักและพยักหน้า ได้ ฉันจะอนุมัติมัน!เนื่องจากข้อสงสัยของคุณสมเหตุสมผล ก็เปิดผนึกและตรวจสอบสถานะของเทพเอสซะ ทำให้แน่ใจว่าเราไม่ได้จับแค่เปลือกเปล่า!
กว่าสิบวันต่อมา….
สิ่งก่อสร้างทรงเหลี่ยมขนาดใหญ่ลอยในอวกาศ มันคือป้อมปราการกาแล็กซี่ที่ปกคลุมด้วยเกราะกับม่านพลังที่มากพอจะทนการปูพรมจากกองยาน นี่คือคุกอวกาศที่ขังเทพเอสไว้
ตอนนี้ กองยานจักรวรรดิได้ล้อมรอบคุกไว้อย่างแน่นหนา ปืนใหญ่ยื่นออกจากยานทุกลำ เตรียมพร้อมยิง
ร่างสีดำลอยใกล้คุก มันคือหานเซี่ยว เขาเปิดกล่องกองทัพมิติที่สองและเรียกกองทัพของเขาออกมา
กอดด์ยังอยู่ในโลกริบหรี่ เขาไม่คิดเสียเวลาและใช้ชุดราคาย้ายมาสาขาในอาณาเขตจักรวรรดิโดยตรง ขึ้นกองยานจักรวรรดิที่มารับตัวเขา ใช้เวลาประมาณสิบวันกับการเดินทางและในที่สุดก็มาถึงพื้นที่หวงห้ามนี้
หลังเรียกทหารจักรกลออกมามากพอ หานเซี่ยวก็ปิดกล่องกองทัพมิติที่สองและพูดในช่องสื่อสารว่า’ฉันพร้อมแล้ว เปิดใช้อุปกรณ์ปรับเสถียรมิติเวลาและเปิดคุกได้
รับทราบ เสียงจริงจังของผู้บัญชาการกองยานดังขึ้น
วินาทีต่อมา ระลอกที่มองไม่เห็นก็ขยายจากศูนย์กลางของกองยาน มิติเวลาของพื้นที่นี้’กระชับ’ขึ้นทันที ค่าสัมประสิทธิ์มิติเวลาของพื้นที่นี้เสถียรขึ้น ความสามารถแทบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับมิติจะไร้ผล
จากนั้น คุกอวกาศก็เปิดออกเป็นชัั้นๆเหมือนดอกไม้บาน อวดเกสรของมัน แกนกลางของคุกคือห้องขังรูปไขที่เก็บอำพันของเทพเอสไว้อย่างแน่นหนา
เมื่อคุกเปิด ห้องขังทรงไข่ก็ได้รับการปลดปล่อยด้วย ระบบพลังอิสระมันเริ่มทำงาน ตัวขับพ่นไฟและค่อยๆผลักห้องขังมา
เมื่อหานเซี่ยวยื่นแขนออกไป พลังจักรกลของเขาก็ได้ดึงห้องทรงไข่ยาวสิบเมตรมาหาเขา จากนั้นก็เปิดประตู
ใบหน้าคุ้นเคยเข้าสู่สายตาเขา มันคือเทพเอส ผู้ติดในกาลอวกาศแอมเบอร์มาสามสิบปี เขายังมีสีหน้าและท่าทางเหมือนเดิม
ทุกหน่วยเตรียมพร้อม!
เสียงหนักแน่นของผู้บัญชาการกองยานดังในช่องสื่อสาร
ตอนนี้ มันถึงเวลายืนยันการคาดเดาของฉันแล้ว…
หานเซี่ยวจ้องตาเทพเอส สูดหายใจ นำเอาแกนของกาลอวกาศแอมเบอร์ออกมา และจิ้มมันใส่ผนึก
เป๊าะ!
มันราวกับเสียงแตกของอำพันสามารถได้ยินในห้วงอวกาศ คุกที่ขังเทพเอสเปิด แต่ร่างของเขาไม่ขยับ มันแค่ลอยในสูญญากาศตรงหน้าหานเซี่ยว
มันเป็นแค่เปลือกเปล่า
หานเซี่ยวหยิบอุปกรณ์ทรงแผ่นมาวางไว้บนตัวเทพเอส นี่คืออุปกรณ์ที่ใช้ตรวจสอบสภาพวิญญาณของคน
แม้ช่างกลจะไม่เชี่ยวชาญในด้านวิญญาณ แต่ด้วยวระดับเขา การสร้างอุปกรณ์เพื่อตรวจจับว่าเป้าหมายมีวิญญาณหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหา
เมื่อแผ่นนัั้นกำลังจะสัมผัสกับตัวของเทพเอส วินาทีต่อมา หานเซี่ยวกพลันรู้สึกถึงแรงต่อต้านตรงเอวเขาราวกับมีบางคนจับเอวเขาไว้แน่น มือของเขาหยุดเคลื่อนไหวทันที
หานเซี่ยวแหงนมอง ดวงตาของเทพเอสมีสีสันอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกัน ข้อความจิตก็เข้ามาในหัวของหานเซี่ยว อย่างที่ฉันได้บอก เราจะได้พบกันอีกครั้งในไม่ช้า..