The Legendary Mechanic - ตอนที่ 691-692
ตอนที่ 691 ผู้สืบทอด
ในวังของเอเมสคนสองคนยืนอยู่นอกประตู หนึ่งในนั้นคืออีซอปและด้านหลังเขาคือสาวชาวมนุษย์ผมม่วง ผิวเธอเป็นสีฟ้าอ่อน ใบหน้าเธอดูอ่อนโยนและน่ารัก เธอมีขนตาน่าดึงดูด เธอกำลังแหงนมองหวังอย่างประหม่า
อีซอปมองสาวสวยผมม่วงและกล่าว”วิลน่าไม่ต้องประหม่า ก็แค่เจอกับเอเมส”
“มะ-มันเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับผู้อยู่เหนือท่านจักรพรรดินีมังกรเป็นคนแบบไหนกัน?ลืมกันว่าเธอเป็นคนที่เอาแต่ใจมาก มันจริงไหม?”
วิลน่ากัดปากและขยับนิ้วอย่างกังวล
“ไม่จริงอยู่แล้ว!ข่าวลือนั่นก็หลายปีมาแล้วมันเปลี่ยนไปแล่วเพราะแบล็คสตาร์…เห้อ ช่างเถอะ”
อีซอปดูเหมือนจะลำบากใจเขาส่ายหัวและถอนหายใจ
“ยังไงก็ตามเอเมสเป็นมิตรมาก นี่คือครั้งแรกที่ได้เจอเธอตั้งแต่เข้าร่วมเกาะมังกร ดังนั้นก็สร้างความประทับใจดีๆหน่อยละ”
“ฉะ-ฉันจะพยายาม”
วิลน่ายังไม่มั่นใจเธอสูดหายใจลึกและพยายามสงบอารมณ์เธอ
หลังเดินไปในวังอีซอปก็รู้ว่าเอเมสอยู่ไหนโดยพยายามถาม เขานำวิลน่าไปยังพื้นที่กลางแจ้ง จากระยะไกล พวกเขาสามารถได้ยินเสียงพลังงานปะทะกัน
เมื่อเข้าใกล้วิลน่าก็เห็นคนสองคนกำลังสู้กันและก็มีสามคนคอยเฝ้าดูจากด้านข้าง
เธอมองการต่อสู้และดวงตาเธอก็จับการต่อสู้ของทั้งสองทันที
เอเมสกำลังใกฮีล่าพลิกสนามพลังสีเขียวอ่อนด้วยปลายนิ้วหมุนกลางอากาศ ชุดดำเธอเบ่งบานเหมือนดอกบัว เผยให้เห็นขายาวเป็นครั้งคราว
ใบหน้าฮีล่าเย็นชาร่างเธอล้อมด้วยกระแสพลังสีแดงเข้ม และเธอก็ยังคงโจมตีใส่สนามพลังของเอเมสเสียงดัง
เอเมสรักษาพลังของสนามพลังเธอที่ระดับBแต่เธอก็ยังควบคุมมันได้แม่นยำและเหนือกว่าฮีล่า
“หยุดแค่นี้แหละมีคนมา”
เอเมสพลันหยุดความสามารถเอสเปอร์เธอและค่อยๆลอยลงบนพื้น
ฮีล่าเหลือบมองอีซอปและวิลน่าขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่พอใจที่การประลองเธอถูกขัง เธอปิดความสามารถเธอและพลังงานสีแดงเข้มรอบเธอก็กลับเข้าตัว จากนั้นเธอก็เดินตามเอเมสเหมือนออโรร่า ผู้เฝ้าดูจากด้านข้าง
“ท่านจักรพรรดินีมังกรฉัน..”วิลน่ารีบแนะนำตัว
เอเมสยกมือและกล่าว”ฉันรู้จักเธอในเมื่อเธอเป็นเพื่อนของอีซอป ก็อยู่ก่อนและดูว่ามีอะไรที่เธอสามารถทำได้ ฉันไม่มีข้อกำหนดอะไรที่นี่”
“คะ-ค่ะ”
“เธอดูประหม่านะ”เอเมสเลิกคิ้ว
“เอ่อ..ท่านคือผู้อยู่เหนือคนแรกที่ฉันเคยเจอท่านเป็นแบบอย่างของฉัน…อืม ฉันหมายถึง ฉันชื่นชมท่าน..”วิลน่าเขินอาย
“ไม่ต้องห่วงผู้อยู่เหนือไม่ใช่ตัวประหลาด ฉันไม่กัดหรอก”เอเมสยิ้มและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอยกมือและลูบแก้มวิลลน่า
เมื่อสัมผัสถึงฝ่ามือของเอเมสบนหน้าเธอร่างของวิลน่าก็แข็งทื่อและเธอก็ไม่รู้ว่าจะเอามือไปไว้ไหน
ออโรร่าผู้อยู่ข้างๆดึงเสื้อฮีล่าและถาม”พี่ค่ะ นี่คือเจ้าหน้าที่ใหม่ของเกาะมังกรงั้นหรอคะ?”
“ใช่”
ตามเคยฮีล่าพูดน้อยมาก
อีซอปกล่าว”งั้นเราจะออกไปก่อนละฉันจะพาเธอไปทำความคุ้นเคยกับงาน”
เมื่อเขาพูดเขาก็พาวิลน่า ผู้ยังตกตะลึงออกไป
รอยยิ้มของเอเมสค่อยๆหายไปเธอมองไปในทิศทางที่วิลน่าจากไปและเงียบด้วยอารมณ์ซับซ้อน
“หนูได้ยินว่าเจ้าหน้าที่ใหม่นี้มาจากทุ่งดาวอื่นเธอมาทำอะไรที่นี่งั้นหรอคะ?”ออโรร่าถาม
ฮีล่าสะบัดผมสีแดงเธอและกล่าว”อีซอปกำลังฝึกเจ้าหน้าที่ใหม่เพื่อให้เธอสามารถมาแทนตำแหน่งของหานเซี่ยวได้ในอนาคต”
“หานเซี่ยวคงไม่ไปหรอกใช่ไหม?พี่สาวเอเมสดีกับเขามาก”ออโรร่ากล่าว
“ฮึมมีข่าวลือมากมายหลายปีมานี้ หลายคนสร้างข่าวลือว่าหานเซี่ยวและเกาะมังกรแยกจากกัน”
“แถมไม่รู้จักเขาหรือไง?หากเขากลายเป็นผู้อยู่เหนือจริงๆ เขาจะต้องเสริมองค์กรภายใต้เขาแน่ เพราะเหตุนั้น เขาจึงไม่สามารถใช้ชื่อเกาะมังกรได้ต่อ เขาต้องสร้างชื่อเอง”
เอเมสหันมาจ้องทั้งสอง”ไม่ต้องพูดมากอย่างน้อยตอนนี้ เขาก็ยังเป็นของฉัน ฮีล่า ฝึกต่อ”
สามปีผ่านไปและเอเมสก็ไม่คิดมากอีกเธอกำลังรอให้หานเซี่ยวเลือก
ทั้งสามหยุดคุยและฝึกต่อ
อีกด้านอีซอปพาวิลน่าออกวัง
ครั้งนี้ในที่สุดวิลน่าก็กล่าว”จักรพรรดินีมังกรเป็นมิตรมาก ข่าวลือไม่จริงเลย”
อีซอปส่ายหัว
ตลอดสามปีหลายคนแสดงความคิดเห็น อยากให้เอเมสดูเหมือนคนที่กดขี่มาก เป้าหมายพวกเขาคือแยกแบล็คสตาร์และจักรพรรดินีมังกรออกจากกัน
ตลอดระยะเวลาสามปีชื่อเสียงแบล็คสตาร์มีมากขึ้นเรื่อยๆ กองทัพแบล็คสตาร์ยังลดการขยายและทำให้มั่นคง ขอบเขตธุรกิจขยายไปยังระบบดาวต่างๆ กลายเป็นองค์กรระดับกลุ่มดาว
นอกจากนี้กองทัพแบล็คสตาร์ยังกลายเป็นพันธมิตรระยะยาวกับผลึกม่วง ได้รับการสนับสนุนมากมาย
กองทัพแบล็คสตาร์คือการขยายของเกาะมังกรแต่เอเมสไม่เกี่ยวข้องเลย เห็นได้ชัดว่าตั้งใจปล่อยให้เป็นฝีมือหานเซี่ยว หากแบล็คสตาร์และจักรพรรดินีมังกรกลายเป็นศัตรูกันเพราะเหตุนั้น มันย่อมเป็นกรณีที่ดีสุด
อารยธรรมกลุ่มดาวอื่นและองค์กรใหญ่ต่างๆไม่อยากเห็นสองผู้อยู่เหนือสร้างองค์กรร่วมกันมันจะมีความสมดุลและสอดคล้องกับผลประโยชน์กว่าหากทั้งสองเป็นศัตรูกัน ดังนั้น พวกเขาจึงทำทุกอย่างเพื่อกระจายข่าวลือ เชื่อว่าพวกเขาจะมีอิทธิพลต่อความคิดทั้งสอง
อีซอปเชื่อใจศักยภาพหานเซี่ยวดังนั้นเขารู้สึกว่าหานเซี่ยวต้องออกเกาะมังกรไปแน่ เขาจึงวางแผนล่วงหน้า
เช่นนั้นอีซอปจึงมาพบวิลน่า เพื่อนที่เขาเจอในทุ่งดาวอื่น แม้จะมีนิสัยอ่อนโยน เธอก็เชื่อถือได้ เขาขอให้วิลน่ามาวงแหวนดาวกระจายและเข้าร่วมกับเอเมสเพื่อให้เขาสามารถเลี้ยงดูวิลน่าให้กลายเป็นแบล็คสตาร์คนต่อไป
“เธอไม่ต้องทำงานบนเกาะมังกรเธอจะรับผิดชอบการสร้างทีมภาคสนามใหม่ รีบเก็บของและไปกันได้แล้ว”อีซอปกล่าว
วิลน่าพยักหน้าและถาม”ฉันต้องเริ่มยังไง?”
“เธอต้องไปหาคนๆหนึ่งและแสดงเจตนากับเขาเขาจะช่วยเธอ แค่ทำตามข้อตกลงของเขาก็พอ”
“ฉันต้องไปหาใคร?”
“แบล็คสตาร์”
ดวงตาของวิลน่าเบิกกว้างหลังมาวงแหวนดาวกระจาย เธอก็ได้ยินชื่อเสียงของแบล็คสตาร์ทันที แถม เขายังเป็นรุ่นพี่เธอ เป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาะมังกร
“แต่ฉันได้ยินว่าความสัมพันธ์เรากับแบล็คสตาร์มีแค่ในนามแน่ใจนะว่าเขาจะช่วยฉัน?”วิลน่ากังวลว่าอีซอปจะส่งเธอเข้าถ้ำหมาป่า
“หยุดพูดได้แล้วนั่นแค่ข่าวลือ แบล็คสตาร์คือสมาชิกหลักของเกาะมังกร เขาจะช่วยเธอ ไม่ทำร้ายเธอหรอก’อีซอปกล่าว
เขาจงใจส่งวิลน่าไปหาแบล็คสตาร์เพื่อให้เขาเลี้ยงเธอเป็นผู้สืบทอดนี่คือสัญญาณของความเป็นมิตร แสดงว่าพวกเขาหวังว่าเรื่องราวจะจบอย่างสวยงาม
เขาอยากให้วิลน่าสร้างทีมภาคสนามใหม่เพื่อแสดงว่าพวกเขาไม่ได้ปราถนาในกองทัพแบล็คสตาร์แบบนี้ เขาเชื่อว่าแบล็คสตาร์จะเต็มใจสอนวิลน่า ใช้กองทัพแบล็คสตาร์เขาเพื่อช่วยวิลน่า และให้ทีมภาคสนามใหม่กับเกาะมังกร
แน่นอนหากแบล็คสตาร์ไม่คิดไป มันก็ยิ่งดี
“เข้าใจแล้ว
วิลน่าพยักหน้าและอดอยากรู้เกี่ยวกับหานเซี่ยวไม่ได้
…
ในเวลาเดียวกันในพื้นที่ว่างเปล่าระหว่างกลุ่มดาวโซลและกล่มดาวโคลตัน สงครามกำลังรุนแรง
อาณาจักรเคล็นท์ได้สร้างช่องทางขนส่งมากมายสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญที่ผลึกม่วงมักอยากทำลาย
สามปีที่ผ่านมาสถานการณ์ของสงครามลับมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ สุดท้าย การต่อสู่ในลมตะวันตก คาย่าและไชด้าก็เข้าสู่ทางตัน แดนหลั่งเลือดหยุดขยาย
หานเซี่ยวสามารถทำลายภัยพิบัติส่วนใหญ่ได้หลังประสบกับการสูญเสียพลรบระดับสูง แดนหลั่งเลือดก็ได้เรียนรู้และหลีกเลี่ยงการปะทะตรงๆ
สมาชิกหลักของแดนหลั่งเลือดรู้ท่าทีของฮีเบอร์พวกเขาจึงถือว่าแบล็คสตาร์เป็นความท้าทายสำหรับพวกเขา ถือว่าเขาเป็นตัวตนที่ไม่อาจสู้ซึ่งๆหน้าได้ นี่ทำให้สถานการณ์ลดน้อยลง
การปล่อยให้เขาอยู่ในโคลตันจะเสียพรสวรรค์เปล่าดังนั้น ผลึกม่วงจึงให้เขานำทีมจู่โจมและย้ายไปในพื้นที่รกร้าง ค้นหาสถานีขนส่งของแดนหลั่งเลือดและทำลายพวกมัน
ปฏิบัติการนี้ดำเนินมากว่าครึ่งปีแล้วหานเซี่ยวทำผลงานได้ดีเยี่ยม ทำให้ข้อได้เปรียบของแดนหลั่งเลือดลงมาก
ตอนนี้เขากำลังนำกองยานเขาไปโจมตีสถานีขนส่งสุดท้าย…
ตอนที่ 692 วันใดที่ไม่มีใครพยายามลอบสังหาร ฉันจะรู้สึกไม่สบายใจ
ซิลเวียสวมแจ็คเก็ตต่อสู้จักรกลตัวบางและใช้ม่านพลังตลอดเวลามาตรการป้องกันของชุดสำหรับหัวเธอคือวงแหวนโลหะกึ่งวงกลมที่ล้อมด้านหลังหัวเธอ ใบหน้าเธอถูกป้องกันโดยม่านพลังกึ่งโปร่งใส และมือเธอก็เป็นดาบโลหะผสมสีเงิน
เธออ้าปากเพื่อสูดอากาศเหมือนกล่องลมและรู้สึกว่าปอดเธอกำลังเผาไหม้เหงื่อทั่วร่างเธอทำให้ชุดเธอเหนียวและเปียก
โฮก!
ทันใดนั้นทหารพันอสูรก็พุ่งมาจากด้านข้างกรงเล็บโลหะขนาดใหญ่มันเฉือนลงมา สั่นสะเทือนด้วยความถี่สูง
ซิลเวียบังคับให้พลังงานออกจากร่างกัดฟันและยกแขนขึ้น ดาบเงินบางแข็งในมือเธอปะทะกับกรงเล็บ สร้างเป็นประกายไฟ
เกร๊ง!
ชุดซิลเวียเพิ่มพลังมันและซิลเวียก็เร็วยิ่งขึ้นเธอรีบเปลี่ยนท่า หมุนดาบและแทงใส่ทหารพันอสูรจากมุมอับ สายฟ้าพลังจักรกลปรากฏบนดาบเหล็กและรอยแสงสีเหลืองก็ไหลเวียนบนดาบขณะแทงใส่ร่างของทหารพันอสูร
ปัง!
ลำแสงสีเหลืองเจาะผ่านร่างของทหารพันสูรและทะลุออกหลังทิ้งรูเลือดใหญ่ไว้ ทหารพันอสูรปลิวออกไป และตาย รอบมันมีศพของทหารพันอสูรนับสิบ และซากป้อมปืน
นี่คือสนามรบพื้นผิวบนหนึ่งในป้อมปราการดาวเทียมของสถานีขนส่งแดนหลั่งเลือดทีมบุกได้เคลื่อนไปยังเตาพลังงานหลักของป้อมปราการดาวเทียมนี้อย่างยากลำบาก ทหารพันอสูรมาจากทุกทิศทางเหมือนคลื่น และทั้งสองฝั่งก็สู้กันอย่างดุเดือด ทิ้งศพไว้ด้านหลัง
ซิลเวียมีสหายนับไม่ถ้วนรอบเธอเธออยู่ในทีมบุกเช่นกัน
ด้วยดาบในมือเธอเธอสู้มานานแล้ว เธอไม่อาจจำได้ว่าฆ่าทหารไปร้อยหรือสองร้อยคน ชุดเธอเสียหายและเธอก็บาดเจ็บเล็กน้อย
เมื่ออยู่ในสนามรบซิลเวียไม่ได้ยินเสียงอื่นใดนอกจากระเบิดและเสียงคำราม ทั้งหมดที่เธอรู้คือเธอกำลังตามทีมใหญ่และรุกไปข้างหน้า
เธอแหงนมองฟ้านอกป้อมปราการคือฉากรบยิ่งใหญ่ แสงนับไม่ถ้วนบินข้ามฟ้า เหล่านั้นคือแสงจากปืนใหญ่นับไม่ถ้วน
วิสัยทัศน์ของซิลเวียเต็มไปด้วยแสงปืนใหญ่เหล่านั้นยิงกระทบพื้นผิวไม่ไกล โจมตีใส่กองทัพพันอสูร ระเบิดคนจำนวนมาก
บูม!
กองยานสามารถเจาะม่านพลังของดาวเทียมและช่วยสนับสนุนการโจมตีด้วยกวาดเส้นทางให้ทีมบุก
“นั่นเกือบโดนเรา”ความกลัวฉายผ่านตาของซิลเวียก่อนเธอจะได้หายใจ ลำแสงมากมายก็ยิงใส่เธอ เธอไม่มีทางเลือกนอกจากขยายม่านพลังบนแขนและรีบขวางพวกมันไว้
ปังปัง ปัง!
ลำแสงกระจายเมื่อกระทบม่านพลังแขนเธอทนต่อแรงกระแทก เธอรู้สึกเจ็บปวดมากและไหล่เธอก็แทบขยับไม่ได้ ซิลเวียกัดฟันและทนความเจ็บปวด มีเพียงความคิดเดียวในหัว
ฉันอยากกลับไปเรียน!
อย่างน้อยชีวิตฉันก็ไม่ต้องมาเสี่ยง!
สามปีก่อนซิลเวียมาถึงระดับBได้ เธอมีความสุข ไปบอกหานเซี่ยวถึงข่าวดี และหานเซี่ยวก็ดีใจมาก เขาโยนเธอไปยังทีมบุกเพื่อฝึกสู้จริง
ตอนแรกซิลเวียยินดีมาก แต่ตอนนี้ เธอกลับเสียใจ
นั่นเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหัวหน้าทีมเธอคือลากีก่อนทุกการต่อสู้ ลากีจะทำตามขั้นตอนและเพิ่มขวัญกำลังใจ…และทุกครั้ง มันก็ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเธอกำลังจะตาย
ครั้งนี้เงาร่างของคนบินมายังทิศทางเธอ กระแทกกับพื้นไม่ไกล ผลกระทบทำให้พื้นเหล็กบุบเหมือนกระดาษ
คนนี้ดูเหมือนจะบาดเจ็บจากการตกยืนขึ้นและลอยตัวหลังผ่านไปสักพัก หลังจากนั้นก็หันมามองทีมที่ซิลเวียอยู่
ซิลเวียรู้สึกตกใจมากคนๆนี้คือศัตรูระดับภัยพิบัติที่ประจำอยู่สถานีขนส่ง เขาควรจะต่อสู้ในอวกาศ แต่เขากลับตกกระแทกบนผิวของดาบเทียม ดูเหมือนจะถูกซัดมา
สนามรบเปลี่ยนแปลงเสมอสีหน้าของคนในทีมบุกเปลี่ยนไป พวกเขารู้ว่าศัตรูใหม่นี้คือภัยพิบัติ และในหมู่พวกเขาก็ไม่มีภัยพิบัติอยู่เลย
ขณะที่ทุกคนกำลังกังวลขีดสุดอุกกาบาตอีกลูกก็ตกมาจากฟ้าและกระแทกกับภัยพิบัติผู้นี้ ผลักเขาไปไกลหลายสิบกิโลเมตร สร้างเป็นวงแหวนโซนิค ผลกระทบระเบิดทหารพันอสูรรอบๆออกไปและลมแรงก็ทำให้ซิลเวียและคนอื่นเสียสมดุล
“มันเป็นท่านแมเรี่ยน!”
“เหมาะเจาะมาก!ฉันคิดว่าเราจะต้องตายแล้วซะอีก”
ซิลเวียได้ยินเสียงอุทานจากด้านหลังเธอฟื้นสมดุลและหันไปมอง ‘อุกกาบาต’ที่กระแทกศัตรูระดับภัยพิบัติออกไปลอยขึ้น มันคือนักสู้จักรกลเกรดAที่เพิ่งเข้าร่วมกองทัพแบล็คาสตาร์สามปีก่อน แมเรี่ยน
แมเรี่ยนปกคลุมด้วยชุดจักรกลหนักสีดำเหมือนอัศวินเกราะหนักเขาหันมามองทีมบุก พยักหน้าให้บุกต่อและไม่ต้องกังวลอะไร
จากนั้นเขาก็เร่งความเร็วและหายไป ไล่ตามศัตรูระดับภัยพิบัติ
“ฉันสงสัยว่าการต่อสู้ด้านบนเป็นยังไง…”
ซิลเวียแหงนมองอีกครั้งวิสัยทัศน์เธอดูเหมือนจะเจาะความมืดได้ เธอรู้ว่าอาจารย์เธออยู่ในกองทัพ
ในขณะเดียวกันกองยานเซ็คชั่นซีโร่ก็กำลังโจมตีสถานีขนส่งอย่างดุเดือด ทำลายยานรบศัตรูทีละลำ
หานเซี่ยวอยู่ในห้องบัญชาการของยานหลักสังเกตสนามรบ ย้ายกองกำลังและดูแลทั่วสนามรบ มีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่รอบเขา
เทียบกับสามปีก่อนหานเซี่ยวให้ความรู้สึกมั่นคงขึ้น เขามีผมสั้น ใบหน้ากร้านโลก เขาสวมสร้อยบีบอัดและชุดกันลมดำที่ไม่อาจบดบังทั้งร่าง เสน่ห์ของชายฉกรรจ์เปล่งออกจากตัวเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ตำแหน่งปัจจุบันเขาคือผู้บัญชาการสูงสุดของกองยานนี้
นี่คือทีมผสม45%ของกองยานเป็นของหานเซี่ยว เป็นกองกำลังที่ใหญ่สุเ ส่วนอื่นมาจากสมาชิกเซ็คชั่นซีโร่อื่น ล้วนอยู่ใต้บัญชาหานเซีย่ว
ตลอดสามปีกองทัพแบล็คสตาร์กลายเป็นสมาชิกชั้นสูงของเซ็คชั่นซีโร่ ปีก่อน ผลึกม่วงทำให้กองทัพแบล็คสตาร์เป็นหุ้นส่วนระยะยาวอย่างเป็นทางการ จากนั้นกองทัพแบล็คสตาร์ก็ได้เป็นองค์กรชั้นนำ
ด้วยการจัดการของผลึกม่วงหานเซี่ยวนำทีมนี้ที่รับผิดชอบการทำลายสถานีขนส่งของแดนหลั่งเลือด เขาทำแบบนี้มาครึ่งปีแล้ว
ในฐานะผู้บัญชาการมันหมายความว่าเขาไม่อาจลงมือเอาได้ง่ายๆ หานเซี่ยวไม่ต้องนำศึกและปล่อยให้ลูกน้องเขาจัดการ ภัยพิบัติใหม่ที่เขารับสามปีก่อนล้วนเป็นประโยชน์และพึ่งพาได้มาก
ตราบเท่าที่พวกเขาไม่เจอกับใครที่ไม่สามารถรับมือได้หานเซี่ยวก็จะไม่ลงมือเอง
เขาให้โอกาสพวกเขาสร้างผลงานเหนือสิ่งอื่นใด หากเขาลงมือเอง ลูกน้องเขาคงไม่มีอะไรให้ทำ
ครั้งนี้เจ้าหน้าที่รอบๆกำลังสังเกตภาพฉายสนามรบและหารือเสียงดัง
“ศัตรูยังต่อต้านและคุ้มกันทีมขนส่งพยายามลดความสูญเสียด้วยการส่งทรัพยากรในสถานีผ่านประตูดาว หากเราไม่หยุด ศัตรูจะสามารถถอนทรัพยากรได้ในเวลาประมาณ27นาทีและถอยผ่านประตูดาว”
“27นาที?พวกเขาสามารถทนได้อีกแค่สิบกว่านาทีเท่านั้นแนวป้องกันพวกเขาแตกแล้ว”
“ทั้งหมดที่เรทำได้ตอนนี้คือทำลายประตูดาวแบบนั้น ศัตรูที่ยังไม่ถอยก็จะเสร็จเรา”
เมื่อได้ยินหานเซี่ยวก็ลูบคางและไม่พูดอะไร
สิ่งอำนวยความสะดวกหลักของสถานีขนส่งคือประตูดาวที่สร้างโดยอารยธรรมกลุ่มดาวศัตรูได้วางม่านพลังและกองยานเพื่อปกป้องประตูดาวไว้ เมื่อถูกโจมตี พวกเขาจะถอยขณะปกป้องตัวเอง
ทันทีที่ศัตรูถอยหานเซี่ยวก็จะไล่ตามไม่ได้ อีกด้านของประตูดาวคือกลุ่มดาวโซลซึ่งเป็นอาณาเขตของอีกฝ่าย หากประตูดาวปิดตัวหลังพวกเขาผ่าน พวกเขาก็จะถูกล้อม ดังนั้น เงื่อนไขชนะคือทำลายประตูดาวก่อนศัตรูจะถอย
ประตูดาวเป็นแบบสองทิศทางดังนั้นกำลังเสริมศัตรูจึงผ่านประตูดาวมาได้ ศัตรูแค่ต้องการเวลาเพื่อรวมกำลังเสริม ตราบเท่าที่พวกเขาทำลายประตูดาวได้ก่อน ศึกก็จะถูกตัดสิน
กองทัพแบล็คสตาร์ได้รับทรัพยากรมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาดังนั้น หานเซี่ยวจึงขยายกองยานเขา ซึ่งทำให้ขนาดของกองยานใหญ่มาก พวกเขาทำลายทีมป้องกันของสถานีขนส่ง ภาพฉายสนามรบแสดงให้เห็นว่าแนวป้องกันศัตรูกระจาย เผยประตูดาว
เจ้าหน้าที่ยิ้ม”ศัตรูไม่มีโอกาสเราชนะแน่”
ทันทีที่เขาพูดจบวังวนสีฟ้าก็ปรากฏใจกลางประตูดาว พ่นยานรบออกมาทีละลำ กำลังเสริมแดนหลั่งเลือดมาถึงและเข้าร่วมสนามรบ หยุดการโจมตีของกองยานหานเซีย่ว
หานเซี่ยวเหลือบมองเจ้าหน้าที่คนนั้นคนๆนั้นกระแอม หลีกเลี่ยงสายตาหานเซี่ยวและจ้องภาพฉายสนามรบ สวมสีหน้าจริงจัง ราวกับกำลังพูดว่า ฉันกำลังวิเคราะห์สถานการณ์ อย่ารบกวน
“นี่คือเหตุผลที่ฉันไม่ชอบพูดเมื่อเรากำลังเหนือกว่า”หานเซี่ยวถอนหายใจ
การปรากฏของกำลังเสริมทำให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่อีกด้านหนึ่ง ลำแสงตัดผ่าน กองยานขนาดใหญ่หยุดที่ขอบสนามรบ ล้อมกองยานของหานเซี่ยวไว้ตรงกลางพร้อมกำลังเสริม
“ซุ่มโจมตี?!”สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป
“โอ้ดูเหมือนสถานีขนส่งนี่จะเป็นกับดัก”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว เขาสงบและไม่แปลกใจเลย
การต่อสู้ราบรื่นเกินไปดังนั้นเขาจึงพบความผิดปกตินานแล้ว หลังเขาทำลายสถานีขนส่งไปมาก แดนหลั่งเลือดจะนิ่งเฉยได้ยังไง?
รูปแบบยานรบของกองยานซุ่มโจมตีนี้แตกต่างจากแดนหลั่งเลือดมันเป็นขององค์กรอื่น ตลอดสามปี องค์กรที่ต้องการให้เขาตายก่อนเติบโตได้เข้าร่วมกับแดนหลั่งเลือดลับๆ เข้าสู่สงครามลับ หานเซี่ยวเคยพบกับการซุ่มโจมตีแบบนี้มามาก ดังนั้นเขาจึงชิ้น วันใดที่ไม่มีใครพยายามลอบสังหารเขา เขาก็จะรู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป
ปี้บปี้บ!
ครานี้ยานหลักได้ยินข้อความวิดิโอจากกองยานโจมตี ชายผิวเหล็กปรากฏบนจอ ทั่วร่างเขาทำจากเหล็ก
“แบล็คสตาร์มาสู้กับฉัน!”เขากล่าวด้วยความปราถนาอันแรงกล้า
“จิ๊เจ้าหมอนี่อีกแล้ว”หานเซี่ยวถอนหายใจ
ชายคนนี้เองก็เป็นเมล็ดพันธ์ผู้อยู่เหนือเฮดาวี่ เป็นพวกคลั่งการต่อสู้ หนึ่งปีก่อน เขาเข้าสู่สงครามลับ มาเพื่อสู้กับหานเซี่ยวโดยเฉพาะ จากนั้นก็แพ้และหลบหนีไป
แต่ทว่าเฮดาวี่ไม่ยอมแพ้ หลังหลบหนี เขาก็เข้าร่วมกับแดนหลั่งเลือดและใช้โอกาสในช่วงสงครามคอยสู้กับหานเซี่ยว ถือหานเซี่ยวเป็นคู่ต่อสู้เขา เขาสู้กับหานเซี่ยวซ้ำแล้วซ้ำแล้ว และแพ้มาตลอด นอกจากนี้ เขายังหลบหนีได้เร็วมาก
ในช่วงสามปีที่ผ่านมารายชื่อเครือข่ายหานเซี่ยวยาวขึ้นและรายชื่อศัตรูเขาก็ยาวขึ้นเช่นกัน
“ฉันจะทิ้งการสั่งการให้พวกนายฉันมีงานต้องทำ”
หานเซี่ยวเหยียดคอและเดินไปทางประตู
“หวังว่าอีกฝ่ายจะทำให้ฉันสนุกได้บ้างนะ”