The Legendary Mechanic - ตอนที่ 703-704
ตอนที่ 703 ฉันกลับมาแล้ว
กองทัพจักรกลล้อมทั้งภูมิภาคไว้และปืนใหญ่นับไม่ถ้วนก็เล็งใส่เงาร่างหมอกดำและผู้นำดาราทมิฬ ปืนใหญ่รวมพลังงานโดยไม่ยิง และหานเซี่ยวก็สำรวจผู้อยู่เหนือตรงหน้า ซึ่งทำให้เขากดดันมาก เขาขมวดคิ้ว รีบค้นความทรงจำเขา
ผู้อยู่เหนือนั้นหายากยิ่งกว่าภัยพิบัติและทุกคนก็ล้วนเป็นสุดยอดของกาแล็กซี่ หานเวี่ยวจำรายละเอียดของทุกคนได้ชัดเจน
หมอกดำจุดแสงสีแดง…
จากนั้นบุคคลคนหนึ่งก็ปรากฏในหัว
หรือจะเป็น[เทพเอส]?’เทพเจ้าแห่งเอสเปอร์’?
เงาร่างหมอกดำนี้คล้ายกับร่างแยกของเทพเอสในความทรงจำเขาหลังค้นผ่านความทรงจำสักพัก หานเซี่ยวก็ตระหนักว่าเขาเดาถูก
หากเป็นแบบนั้นมันก็ถือเป็นข่าวดี หานเซี่ยวหรี่ตา
เทพเอสคือหนึ่งในบอสสุดท้ายของกองกำลังปีศาจชื่อเขาเป็นความลับ และผู้คนก็รู้จักแค่ฉายาเขาว่า’เทพเอส’และ’จ้าวแห่งผู้ล่วงหล่’ เขามีฉายาอื่น เช่นกิลด์แห่งผู้ศรัทธา คลื่นดับสูญและผู้พรากชีวิต
ท่ามกลางผู้อยู่เหนือความสามารถของเทพเอสนับเป็นอันดับบน บันทึกต่อสู้เขาน่าตื่นตะลึง และเขาก็ไม่เคยแพ้มาก่อน บันทึกต่อสู้ที่เลวร้ายสุดของเขาคือเสมอและเขายังเคยฆ่าผู้อยู่เหนือมาแล้ว!
แม้แต่สามอารยธรรมก็ยังระวังเขา
หากร่างหลักของเทพเอสร่อนลงมาหานเซี่ยวมั่นใจว่าไม่มีใครในวงแหวนดาวกระจายจะสู้เขาได้ ต่อให้เป็นฮีเบอร์ เมกัสและจักรพรรดินีมังกรก็ตาม
แต่หากมันแค่ร่างแยกต่อให้เขาจะปล่อยแรงกดดันของผู้อยู่เหนือ ความสามารถต่อสู้จริงเขาก็อ่อนกว่าร่างหลักมาก
นอกจากนี้สนามรบย่อมเป็นประโยชน์ต่อหานเซี่ยว!หานเซี่ยวมองรูหนอนรอบๆและได้ข้อสรุป
ฉันสามารถยิงมันได้!
ความคิดทั้งหมดเหล่านี้พุ่งผ่านหัวและหานเซี่ยวก็เข้าใจสถานการณ์ เขาสูดหายเพื่อสงบสติอารมณ์และเพิ่มสมาธิ
นี่คือครั้งแรกที่เขาได้สู้กับผู้อยู่เหนือและหานเซี่ยวก็จะทุ่มสุดตัว ทันใดนั้น เขาดูเหมือนจะฉุกคิดอะไรได้และเริ่มคุยกับแฮร์โรฟาลในช่องสื่อสารพวกเขา
“ศาสตราจารย์เราตกอยู่ในอันตรายแล้วและนี่ก็ไม่ใช่เวลาเก็บงำอะไร บอกผมว่าคุณมีเครื่องจักรอะไรบ้าง ผมต้องรวมพลังทั้งหมดของเรา”
แฮร์โรฟาลลังเลสักพักก่อนกระซิบกับหานเซี่ยวผ่านช่องสื่อสารหลังฟังสิ่งที่แฮร์โรฟาลกล่าว ดวงตาหานเซี่ยวก็เป็นประกาย เขาคิดแผนได้ จากนั้นก็ออกคำสั่งกับแฮร์โรฟาลและแฮร์โรฟาลก็มอบบางอย่างให้เขา
ในขณะนี้ร่างแยกของเทพเอสได้ลงมือ ร่างเขาหายไปทันทีและมาถึงใจกลางขบวนของกองทัพจักรกล
ก่อนกองทัพจักรกลรอบๆเขาจะได้ยิงเขาก็หายไปอีกครั้งและร่างเขาก็พุ่งผ่านกองทัพอย่างรวดเร็วจนมาถึงตรงหน้าหานเซี่ยว เขาสามารถทำลายแนวป้องกันได้ง่ายๆ
วินาทีที่ร่างแยกเทพเอสลงมือหานเซี่ยวก็ตอบสนอง เขาพาแฮร์โรฟาลออกสนามรบไปก่อนจะรีบถอยห่าง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ปล่อยบอลบีบอัดจำนวนมากและอนุภาคนาโน ซึ่งเปลี่ยนเป็นแผ่นโลหะผสมนับร้อย ภายนอกพวกมันดูเหมือนแผงโซล่า แต่มีการออกแบบกลกไกที่ซับซ้อนกว่า แผ่นโลหะเหล่านี้ถูกนำมาเพื่อใช้ให้พิกัดเชิงพื้นฐานเสถียร
แผ่นโลหะเหล่านี้กระจัดกระจายและก่อตัวเป็นโครงสร้างทรงกลมหลวงๆพื้นที่ภายในทรงกลมมีความเสถียร
นี่คือผลิตภัณฑ์ของความรู้ล้ำยุค[การประยุกษ์อวกาศขั้นสูง]
เมื่อร่างแยกของเทพเอสปรากฏตรงหน้าหานเซี่ยวเขาก็ตกอยู่ภายในพื้นที่ของทรงกลมและทักษะเคลื่อนไหวเขาก็ถูกระงับ แต่เทพเอสไม่หยุดและยังพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงแทน
เพียงเมื่อหานเซี่ยวกำลังคิดถอยวิสัยทัศน์เขาก็ดำมืด และร่างของเทพเอสก็มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ความเร็วที่แสดงนั้นแทบไม่ต่างจากการเคลื่อนไหวชั่วพริบตา และความเชี่ยวชาญเขาก็ต้องมากอย่างน้อยสามพันแต้ม!
ความสามารถเอสเปอร์ความเร็วเทพเจ้า!
“เร็วขนาดนั้นเลย?”หานเซี่ยวตกใจและกัดฟันเพื่อเปิดใช้พลังัจกรกล
เตาปฏิกรณ์ไซโอนิคของชุดลิงภูเขาก่อตัวขึ้นและสายฟ้าก็แล่บไปทั่วผิวชุดพลังงานไซโอนิคระเบิดจากชุดจักรกลเขาและปล่อยบอลพลังงานใส่ร่างแยกเทพเอส
แต่ทว่าบอลพลังงานไซโอนิคกลับพุ่งผ่านเทพเอสไปราวกับเขาเป็นภาพจำแลง
ความสามารถเอสเปอร์รอยแยกมิติ!
วินาทีถัดมาร่างแยกของเทพเอสก็ฟื้นคืน และฝ่ามือก็ลอยใส่หน้าอกของหานเซี่ยว
หานเซี่ยวรู้สึกขนลุกและปิดการใช้งานอุปกรณ์ปรับเสถียรอวกาศโดยไม่ลังเลเขาใช้ท่องมิติและหลบเข้ามิติเพื่อหลีกเลี่ยงหมัดนี้
เขารู้สึกว่าเขาคงบาดเจ็บหากรับการโจมตีนี้!
โลกตรงหน้าเขาเงียบและช้าลงทุกอย่างรอบเขาดูเหมือนปกคลุมด้วยฉากน้ำ หลังจากเข้าไปในช่องว่างมิติ หานเซี่ยวก็พยายามหลบหนี
ในขณะนั้นหมอกดำที่แทนร่างแยกเทพเอสก็สั่นและหลบหนีจากสภาวะเฉยชา เขายังเข้าสู่มิติแห่งเดียวกับหานเซี่ยว!
จากนั้นเทพเอสก็กางนิ้วก่อนกำหมัดแน่นหานเซี่ยวสามารถเห็นรอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏในอวกาศรอบเขา และก่อนเขาจะได้ตอบสนอง โลกมิติรอบเขาก็แตกเหมือนกระจก หานเซี่ยวถูกเตะออกจากมิติและกลับสู่โลกกายภาพ
ท่องมิติถูกแทรกแซง!
ในเวลาเดียวกันร่างของเทพเอสก็ปรากฏตรงหน้าหานเซี่ยวอีกครั้งพร้อมตะปบฝ่ามือลงมา
หานเซี่ยวสูดหายใจลึกและเสียงเตือนในหัวก(ดังไม่หยุด นี่คือสัญชาตญาณที่ไม่อาจควบคุมได้ เขาทำได้แค่มองฝ่ามือที่เข้าหาเขา
เนื่องจากเขาหลบไม่ได้เขาก็ต้องรับมัน!
หานเซี่ยวกัดฟันและปรับกำลังขับของชุดจักรกลให้สูงสุดทักษะบัฟทั้งหมดทำงานโดยไม่ลังเล เขายังเปิดใช้บัตรอัญเชิญตัวละครเพื่อเพิ่มพลัง รวมถึงบัตร[กล้ามเนื้อคือความจริง]ของนากาคิน
ส่วนประกอบเครื่องจักรผุดบนผิวชุดลิงภูเขาและพลังก็พุ่งพล่าน
แขนหานเซี่ยวไขว้กันตรงหน้าและก็เปิดใช้ม่านพลังเพื่อต้อนรับการโจมตี
แม้ฝ่ามือที่กดลงมาจะดูเหมือนไร้เรี่ยวแรงหานเซี่ยวก็รู้สึกเหมือนมีสึนามิถาโถมใส่
ความสามารถเอสเปอร์โยนดาว!
โชคดีไม่มีเสียงในอวกาศ หากมี คลื่นเสียงจากการโจมตีนี้คงมากพอจะฆ่าทุกชีวิตที่ต่ำกว่าระดับCทันที!
หานเซี่ยวกระเด็นและหมดสติไปชั่วขณะเมื่อเขาได้สติ เขาก็ตระหนักว่าร่างเขาลอยออกไปอย่างควบคุมไม่ได้ ทำลายทหารจักรกลตามทาง
ร่างแยกของเทพเอสกลายเป็นจุดเล็กๆในวิสัยทัศน์ของหานเซี่ยวและหานเซี่ยวก็ไม่รู้ว่าการโจมตีนี้จะส่งเขาไปไกลแค่ไหน
ชุดจักรกลเขาพยายามกระจายแรงโจมตีแต่ก็มากเกินและกลายเป็นเศษเหล็ก
หานเซี่ยวรีบเรียกหน้าต่างสถานะและเห็นว่าการโจมตีนี้อย่างเดียวทำให้ค่าเกราะของชุดเขาลดไป24%และพลังชีวิตเขาก็ลดไป10%หากเขาไม่มีเกราะและม่านพลัง ฝ่ามือนี้คงพรากพลังชีวิตเขาไป40%
“นี่คือพลังของผู้อยู่เหนือ…”หานเซี่ยวตะลึง
ส่วนที่น่ากลัวสุดของเทพเอสคือข้อเท็จจริงที่เขาดูดซับความสามารถเอสเปอร์มามากเขาสามารถวิวัฒนาการความสามารถและสำแดงพลังะรดับผู้อยู่เหนือได้จนหมด!
รูปแบบพื้นฐานของความเร็วเทพเจ้าและโยนดาวถือเป็นความสามารถเอสเปอร์เกรดต่ำทั่วไปแค่มอบความเร็วและเสริมพลัง!
ต่อให้มันเป็นแค่ร่างแยกมันก็ยังมีพลังของผู้อยู่เหนือ!
หานเซี่ยวพยายามรักษาสมดุลร่างกายขณะปลดปล่อยอุปกรณ์ปรับเสถียรเพื่อป้องกันเทพเอสจากการใช้ความสามารถเคลื่อนที่ชั่วพริบตาในเวลาสั้นๆ เขาก็ได้ให้กองทัพจักรกลเขาเล็งยิงเทพเอส
แสงสีรุ้งสว่างทั่วจักรวาล!
บอลแสงนับพันกลืนร่างแยกเทพเอสแต่วินาทีถัดมา หลุมดำก็ดูเหมือนจะก่อตัวและบอลพลังงานเหล่านี้ก็ถูกดูดเข้าไปในตัวเทพเอส ราวกับเขากินอาหารเสริมชั้นยอดไป ใบหน้าของเทพเอสที่เดิมทีหม่นกลับเริ่มสว่างขึ้น
ความสามารถเอสเปอร์หลุมดำ!
ความสามารถใช้พลังงานของร่างแยกเขามีจำกัดและจ้าวแห่งผู้ล่วงหล่นก็ไม่ได้อัดพลังงานมากเกินไป ดังนั้น ร่างแยกจึงมีเวลาแค่สามนาที แต่ทว่า การโจมตีรอบนี้กลับเพิ่มพลังงานให้เขา
“โกงไปแล้ว!”หานเซี่ยวสาปแช่งเขาไม่สามารถโจมตีศัตรูหรือรับการโจมตีศัตรูได้เลย
เกินไปแล้ว!
“ฮ่าๆๆ!”
ผู้นำดาราทมิฬที่ซ่อนตัวอยู่ข้างๆระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
เดิมทีเขากังวลว่าร่างแยกของเทพเอสจะไม่สามารถสะกดแบล็คสตาร์ได้แต่ดูเหมือนเขาจะกังวลเกินไป ในสายตาเขา ร่างแยกของเทพเอสสู้เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก!
ครั้งนี้แบล็คสตาร์ย่อมหนีไม่พ้น!
วินาทีถัดมาหานเซี่ยวก็หมุนตัวเพื่อหนีและพุ่งไปทางเขตรูหนอน
เมื่อเห็นผู้นำดาราทมิฬก็ถอนหายใจและฉีกยิ้ม
ดูเหมือนร่างแยกของเทพเอสจะคุกคามชีวิตของแบล็คสตาร์ได้ดังนั้นแบล็คสตาร์ถึงอยากหนีเข้ารูหนอน ฮ่าๆๆ แกต้องถูกเนรเทศเพื่อรักษาชีวิตน้อยๆไว้
ร่างแยกเทพเอสพุ่งผ่านกองทัพจักรกลง่ายๆและไล่ตามหานเซี่ยวทั้งสองเปลี่ยนเป็นลำแสงและพุ่งตรงไปยังเขตรูหนอนไม่เสถียร
แม้รูหนอนจะไม่เสถียรรูหนอนที่ผันผวนสุดก็มีแนวโน้มว่าจะเชื่อมต่อสถานที่ที่ไกลยิ่งขึ้น นี่ไม่ได้รับการยืนยัน แต่มันมาจากประสบการณ์ของผู้อาศัย
ความเร็วของเทพเอสสูงล้ำและก็ตามติดหานเซี่ยว วัตถุประสงค์เขาคือส่งหานเซี่ยวไปรูหนอนที่ใหญ่สุดและขับไล่หานเซี่ยวออกไปให้ไกลสุด
หนาเซี่ยวรู้สึกได้ถึงแรงดูดน่าหวาดหวั่นจากรูหนอนใหญ่ข้างเขาเขาหันกลับไปมองเทพเอส ผู้ดูเหมือนกำลังหยอกล้อเขา เขากัดฟันและเร่งตัวขับเพื่อหลีกรูหนอน
ตอนนั้นเองเสียงหัวเราะก็ดังข้างหูหานเซี่ยวราวกับมันถูกส่งผ่านกระแสจิต
“หยุดดิ้นรนเสียมาและเสี่ยงไปด้วยกันสิ การเข้ารูหนอนคือหนึ่งในงานอดิเรกของฉัน”
เทพเอสกล่าวผ่านการส่งเสียงและวินาทีถัดมาเขาก็ปรากฏด้านหลังหานเซี่ยวและคว้าแขนหานเซี่ยวไว้ พร้อมกันนั้น จุดแสงสี แดงบนหน้าเขาก็สั่นเล็กน้อยราวกับพวกมันกำลังสร้างใบหน้ายิ้ม
แกรู้วิธีพูด!
หานเซี่ยวปวดหัว
วินาทีถัดมาร่างแยกของเทพเอสก็ลากหานเซี่ยวเข้ารูหนอนและทั้งคู่ก็หายไป
กองทัพจักรกลเสียแหล่งพลังงานพวกมันและแข็งค้างกลางอากาศ
“สำเร็จ!”
ผู้นำดาราทมิฬมีความสุขมากและไม่อาจระงับความตื่นเต้นได้อีก
ในที่สุดพวกเขาก็ขับไล่แบล็คสตาร์ไปได้และภารกิจที่เคล็นท์มอบให้เขาก็ลุล่วงมีความหวังใหม่สำหรับการสร้างดาวสำหรับโกโดร่าเลือดผสมแล้ว!
“มันจบแล้วมันจบแล้วจริงๆ”ผู้นำดาราทมิฬพึมพำพร้อมหลั่งน้ำตา ดวงตาเขาเต็มไปด้วยความหวัง
ตราบเท่าที่ชาวโกโดร่าเลือดผสมมีบ้านของตนพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขปราศจากพวกเลือดบริสุทธิ์ แม้เลือดผสมจะดูแตกต่างและมาจากคนละเผ่า ผู้นำดาราทมิฬก็เชื่อว่าพวกเขาเหมือนกัน พวกเขาคือโกโดร่าใหม่
ผู้นำดาราทมิฬปาดน้ำตาแห่งความยินดีออกไปเพียงเมื่อเขากำลังจะหมุนตัวและออกไป เขาก็ฉุกคิดถึงบางสิ่งและมองหาแอร์โรฟาล
เขายังจำได้ว่าภัยพิบัติคนนี้ไม่ได้ร่วมต่อสู้ด้วยเขาเคยเห็นข้อมูลของแอร์โรฟาลมาก่อน และแฮร์โรฟาลก็ดูเหมือนจะเป็นนักวิจัยของอารยธรรมกลุ่มดาว ผู้นำดาราทมิฬรู้สึกว่าเขาสามารถจับตัวแฮร์โรฟาลเพื่อรับรางวัลเพิ่มเติมได้
หลังมองไปรอบๆในที่สุดเขาก็เห็นแฮร์โรฟาล ขณะที่เขาคิดจะพุ่งไปจับตัวแฮร์โรฟาล แฮร์โรฟาลก็หยุดขยับ
แฮร์โรฟาลนับบอลบีบอัดออกมาและบอลบีบอัดก็เปลี่ยนเป็นเครื่องจักรหน้าตาแปลกๆมันดูเหมือนกล่องเพลง แต่ก็ไม่ได้มีโครงสร้างซับซ้อนหลายชั้น เทียบกับอาวุธรบ มันดูเหมือนเครื่องมือวิจัยละเอียดอ่อน จากนั้นแขนทั้งแปดก็ปรากฏจากเครื่องจักรและแขนก็ทำงานราวกับมันคือพู่กันที่วาดภาพเป็นเส้นแสง
เส้นแสงกลายเป็นเข้มขึ้นและทันใดนั้นก็พองตัวกลายเป็นประตูมิติสีฟ้าจากนั้น ประตูแสงสีฟ้าก็พ่นร่างของคนๆหนึ่งออกมาก่อนปิดตัว
“สิ่งนี้เป็นประโยชน์มาก”หานเซี่ยวปรับสมดุลและโยนตัวรับสัญญาณกลับให้แฮร์โรฟาล
“ฮึมฉันเป็นนักวิจัย สิ่งที่ฉันพัฒนาย่อมไม่ไร้ประโยชน์ แต่ทว่า หากเธอบินไปในรูหนอนอื่นที่ไม่ได้รับการวัดมาก่อน เครื่องจักรนี้จะหาเธอไม่พบ”
แฮร์โรฟาลมองเครื่องรับสัญญารด้วยหัวใจปวดร้าวและเก็บมันกลับในชุดจักรกลเขานี่คือสิ่งที่เขามอบให้กับหานเซี่ยว
จากนั้นหานเซี่ยวก็เกาคอและมองผู้นำดาราทมิฬที่หน้าเหมือนเห็นผีกอดอก และยิ้มเยาะ
“คงคิดว่าจะไม่ได้เห็นฉันอีกแล้วสินะ!”
ตอนที่ 704 แพะ
ไม่ถึงนาทีก่อนหน้า….
หานเซี่ยวถูกลากเข้าความมืดรูหนอนน่าขนลุก วินาทีที่เขาเข้า ภาพนับไม่ถ้วนก็ปรากฏ
ด้านข้างของรูหนอนดูเหมือนสีฟ้าแต่กลับเป็นสีดำเมื่อทั้งสองเข้า พวกเขาก็แยกตัวและไม่อาจเห็นกันได้อีก
ร่างแยกเทพเอสไม่คิดควบคุมเขากระแสในหลุมดำลากทั้งสองและทำให้สัมผัสหานเซี่ยวสับสน บางครั้ง เขารู้สึกว่าเขาถูกลากไปข้างหน้า บางครั้งถอยหลัง บางครั้งตก และบางครั้งก็พุ่งขึ้น มันแปลกมากราวกับเขาถูกกดลงโถชักโครก
จอภายในชุดแสดงพิกัดอวกาศที่แปรผันและตัวขับก็หยุดทำงาน เขาไม่อาจขยับได้เลย ภาพรอบเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเพ่งมอง มันก็จะกลายเป็นสีดำ ปลายรูหนอนคือสถานที่ที่ไม่รู้
ในเวลาเดียวกันตัวรับสัญญาณจักรกลที่หานเซี่ยวถือในชุดจักรกลก็เริ่มทำงาน
นี่อาจเป็นตัวรับสัญญาณรูหนอนที่หานเซี่ยวได้รับจากแฮร์โรฟาลก่อนสู้กับเทพเอส
แฮร์โรฟาลศึกษารูหนอนเมื่อพวกเขาต้องรวบรวมพารามิเตอร์ต่างๆของรูหนอน ทีมของสถานีสังเกตต้องเข้าใกล้รูหนอนบ้าง บางครั้ง บางคนจะถูกดูดเข้าไป ผ่านการทดลองหลายครั้ง แฮร์โรฟาลจึงคิดค้นอุปกรณ์ที่สามารถดึงคนออกจากรูหนอนได้
มันมีข้อกำหนดสองอย่างอย่างแรก คนนั้นต้องถือตัวรับสัญญาณไว้ สอง รูหนอนที่เข้าต้องเป็นอันที่เคยถูกวัดและมีบันทึกข้อมูล
หานเซี่ยวรู้ว่าเทพเอสแข็งแกร่งแค่ไหนต่อให้มันเป็นแค่ร่างแยก ทันทีที่เขาจำศัตรูได้ เขาก็รู้ว่าเขาไม่อาจต่อสู้ได้
ดังนั้นเมื่อหานเซี่ยวได้ยินอุปกรณ์นี้จากแฮร์โรฟาล เขาก็มีความคิด เขาตัดสินใจใช้ตัวเองเป็นเหยื่อและล่อเทพเอสเข้ารูหนอน จากนั้นแฮร์โรฟาลก็ดึงเขาออกมา
แม้แฮร์โรฟาลอาจไม่น่าเชื่อถือเขาก็ไม่มีทางเลือก จุดจบที่เลวร้ายมากสุดก็คือใช้เวลาฮันนีมูนกับร่างแยกเทพเอส
ในฐานะช่างกลหานเซี่ยวรู้ว่าเทียบกับช่างกลสายต่อสู้ พวกสายวิจัยมักมีลูกเล่นซ่อนอยู่
หานเซี่ยวถอนหายใจโล่งอกและคิดแผนศัตรูได้
ผู้นำดาราทมิฬอยากใช้รูหนอนเพื่อขับไล่เขาแต่การใช้เขตรูหนอนนี้จบด้วยเขาได้เปรียบ
เขาขับไล่ร่างแยกเทพเอสไปแทน!
หานเซี่ยวมองแฮร์โรฟาลและพึมพำ”โชคดีแฮร์โรฟาลอยู่นี่ ไม่งั้นฉันคงตกอยู่ในอันตราย”
คราวนี้ผู้นำดาราทมิฬที่อยู่ห่างไกลก็ได้สติคืน โดยไม่พูดสักคำ เขาเริ่มหนี สีหน้าเขาบิดเบี้ยวและดุร้าย เต็มไปด้วยความตกใจและโกรธ
เขาเพิ่งคิดถึงอนาคตแสนสดใสแต่ในเวลาไม่ถึงนาที จินตนาการเขาก็พังทลายลงกับความเป็นจริง แบล็คสตาร์หลบหนีจากรูหนอน แต่ร่างแยกเทพเอสไม่กลับมา
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้เขาเกือบหมดสติแต่วินาทีถัดมา ความกลัวก็ทำให้อารมณ์เขาสั่นสะท้าน
แบล็คสตาร์กำลังจะฆ่าฉันโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเทพเอส!
ผู้นำดาราทมิฬไม่กล้าอยู่ต่ออีกเขาหลบหนีไปโดยไม่ลังเล…ฉันจะตายตอนนี้ไม่ได้ โกโดร่าเลือดผสมต้องการฉัน!
แต่ทว่ากองทัพจักรกลก็ทำงานโดยพลังจักรกลหานเซี่ยวอีกครั้งและไล่ล่าเขาเหมือนฝันร้าย ทหารจักรกลนับล้านพุ่งหาเขาเหมือนคลื่นเหล็ก ในสายตาของผู้นำดาราทมิฬ พวกมันดูเหมือนโกโดร่าเลือดบริสุทธิ์แสนโหดร้าย
การต่อสู้ระหว่างกองทัพจักรกลหานเซี่ยวและภัยพิบัติที่ไม่เก่งการต่อสู้ย่อมชี้ชัดหานเซี่ยวจัดการเขาได้ง่ายๆ
โดยปราศจากเทพเอสผู้นำดาราทมิฬก็ไม่เหลือไพ่ตายอีก เพื่อไม่ให้ศัตรูตื่นตัว เขาจึงนำกองยานมานิดเดียว อีกกองกำลังและยานรบที่เขาได้รับจากแดนหลั่งเลือดล้วนถูกเก็บไว้ที่เคล็นท์
ผู้รักษาสัจจะทั้งสองพาตัวผู้นำดาราทิฬในสภาพปางตายมาผลของโซ่แห่งความเจ็บปวดและคาถาอื่นหมดไปนานแล้ว
“ฉันคิดว่าแกออกจากวงแหวนดาวกระจายไปแล้วซะอีกไม่คิดว่าจะยังกล้ากลับมา แกหลบหนีไปหลายปี ครั้งนี้ ในที่สุดฉันก็จับแกได้”
หานเซี่ยวลดหัวลงแผ่นเหล็กบนไหล่ซ้ายเขาเปิดและเผยให้เห็นอุปกรณ์รูปวงแหวนเปล่งแสงสีฟ้า มันสั่นและปล่อยสนามอากาศเหมือนฟองสบู่และหุ้มทั้งสามไว้
“…”
ผู้นำดาราทมิฬยังเงียบความมีชีวิตเขาหายไปหมด เหลือแค่ความสิ้นหวังในดวงตา
หมวกของชุดลิงภูเขาพับและหดกลับเป็นเกราะทรงวงแหวนบนคอหานเซี่ยวเผยให้เห็นหน้า เขาสำรวจผู้นำดาราทมิฬด้วยสีหน้าสนใจ
“ในเมื่อแกสามารถเรียกร่างแยกเทพเอสมาได้มันก็หมายความว่าแกได้สร้างความสัมพันธ์กับผู้ล่วงหล่น ซึ่งควรเกิดในปีเหล่านี้ ขอฉันคิดก่อน..ความจริงที่แกสามารถโจมตีฉันได้วันนี้หมายความว่าแกมีช่องทางข่าวสารที่จับตำแหน่งฉันได้ ฉันไม่ได้บอกใครเรื่องที่ฉันมานี่ และไม่เคยหยุดพักดาวใด นี่หมายความว่าช่องทางข้อมูลที่แกมีเริ่มจับตามองฉันก่อนฉันออกโคลตัน และยังรู้ว่าฉันมาสถานีสังเกตรูหนอนนี่บ่อยครั้ง มันดูเหมือนจะรู้จักฉันดี…”
หานเซี่ยวเกาหัว
“อืมคนของเคล็นท์น่าจะเป็นพวกเดียวที่ชอบไล่ฉันขนาดนี้ พวกมันเป็นคนเริ่มภารกิจนี้ด้วยสิน?”
ผู้นำดาราทมิฬเงียบไร้อารมณืใดๆ ราวกับเขาจมอยู่ในโลกของเขาและไม่ได้ยินหานเซี่ยวเลย
หานเซี่ยวผลักหัวผู้นำดาราทมิฬแต่เขาก็ยังไม่ตอบสนอง ดวงตาเขาดูเลื่อนลอย และลูกตาก็ไม่ขยับเลย
“ทำไมไม่พูดละ?คิดว่าการแกล้งทำเป็นนกกระจอกเทศจะได้ผล?”
แฮร์โรฟาลอดกระแอมไม่ได้”ฉันควรแกตัวไหม?”
“ไม่จำเป็นคุณสามารถเป็นพยานของผมได้’หานเซี่ยวตอบก่อนหันมามองผู้นำดาราทมิฬ เขาขมวดคิ้ว
แต่หานเซี่ยวไม่รู้ว่าผู้นำดาราทมิฬเสียความหวังไปหมดแล้วเขารู้สึกว่าทุกอย่างได้จบลงในมือแบล็คสตาร์ เขาไม่อยากพูดอะไรเลย
“จิตใจแกจะแตกสลายไปอย่างนี้?”หานเซี่ยวจ้องตาผู้นำดาราทมิฬและยกมุมปาก”ความยืดหยุ่นทางจิตแกต่ำไปแต่แกยังเรียกตัวเองว่าผู้นำองค์กรก่อการร้าย?แม้กระทั่งผู้นำองค์กรกบฏในบ้านเกิดฉันยังแข็งแกร่งกว่าแกซะอีก”
หานเซี่ยวคิดสักพักจากนั้นก็เรียกภูติผีออกมาสองคน พวกมันเปลี่ยนเป็นตัวพันธนาการ ขังผู้นำดาราทมิฬไว้ จากนั้นเขาก็นำเครื่องสกัดออกมาและสกัดยาพันธุกรรม
เมื่อผู้นำดาราทมิฬเห็นเครื่องสกัดยีนในที่สุดเขาก็มีอารมณ์”งั้น ลูกปัดข้อความลับก็อยู่ในมือแกสินะ”
“ถูกต้อง”หานเซี่ยวจำได้ว่าการติดต่อครั้งแรกเขากับดาราทมิฬเป็นเพราะลูกปัดลับ”แล้วเอ็มเบอร์อยู่ไหนละ?”
“เขาตายแล้ว”ผู้นำดาราทมิฬลดหัว
“โอ้เยี่ยมไปเลย”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว บัตรอัญเชิญตัวละครบุตรแห่งโชคชะตาถูกต้อง
เรื่องวิธีตายของเอ็มเบอร์เขาไม่สนใจเลย ในความเป็นจริง เมื่อเขาเห็นร่างแยกเทพเอส เขาก็พอเดาได้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
การจับผู้นำดาราทมิฬเป็นเรื่องน่ายินดีเคล็นท์สนับสนุนดาราทมิฬและพวกเขาก็ติดต่อกับเทพเอส นี่ทำให้เขารู้สึกว่าเขาต้องระวังตัวขึ้น
การใช้ผู้นำดาราทมิฬไม่ใช่แค่การคั้นน้ำเขายังสามารถมอบอาชญากรสงครามนี้ให้โกโดร่าได้ นั่นควรกระตุ้นแต้มตำนานและสิทธิ์สร้างดันเจี้ยน แสดงว่าองค์กรดาราทมิฬถูกกำจัดแล้ว
โกโดร่าส่งเสริมมันอย่างหนักซึ่งอาจช่วยภารกิจสายเลือด
แต่ทว่าหานเซี่ยวไม่พอใจกับแค่รางวัลจากอารยธรรมระบบดาว
อารยธรรมกลุ่มดาวเป็นคู่ค้าที่เมหาะสมสุดเนื่องจากเขาค้นพบว่าดาราทมิฬและเคล็นท์ติดต่อกัน เขารู้สึกว่าเขาสามารถทำบางอย่างได้ ผลึกม่วงย่อมเต็มใจแบ่งปันข้อมูลนี้แน่
ผลที่นำมาชัดเจนมากเมื่อเคล็นท์มีประวัติออกเงินทุนให้กลุ่มก่อการร้ายเพื่อปั่นป่วนอารยธรรมระบบดาว มันก็จะมากพอทำให้อารยธรรมของระบบดาวไชด้า ลมตะวันตกและคาย่าระวังตัวต่อเคล็นท์ นี่สามารถส่งผลต่อการควบคุมของผลึกม่วงในทางอ้อม ลดประสิทธิภาพของแดนหลั่งเลือด
นอกจากนี้จ้าวแห่งผู้ล่วงหล่นยังเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งจักรวาล รู้กันดีว่าสามอารยธรรมจักรวาลต่างเกลียดเขา ทันทีที่ความสัมพันธ์ของเคล็นท์และเทพเอสเผยออกไป แรงกดดันที่พวกเขาเผชิญย่อมมากขึ้น อย่างน้อย จักรวรรดิคริมสันย่อมไม่พอใจ
ไม่ต้องพูดถึงแรงกดดันที่เคล็นท์จะได้รับจากภายนอกยังมีโอกาสสำหรับภายใน พันธมิตรอย่างฮีเบอร์อาจไม่ชอบใจ
แน่นอนเขาอาจคิดผิดและเคล็นท์อาจไม่ใช่ผู้บงการดาราทมิฬ
แต่แล้วไงละ?
ผู้นำดาราทมิฬอยู่ในมือเขาหากฉันบอกว่าแกคือผู้บงการ แกก็เป็น!
หานเซี่ยวคิดส่งมอบของขวัญนี้ให้เคล็นท์
หลังเก็บยาไปหานเซี่ยวก็พลิกฝ่ามือและบอลบีบอัดก็ยิงออกจากท่อภายในชุดจักรกล ทำงานด้วยพลังจักรกลเล็กน้อย บอลบีบอัดเหล่านี้รีบขยายเป็นยานสำหรับคนเดียวยาวประมาณสิบเมตร มันเล็กมาก
ยานมาตรฐานขนาดเล็กที่เขาใช้ถูกทำลายไปแล้วแม้จะสามารถใช้ลิงภูเขาเพื่อเดินทางได้ มันก็ไม่สะดวกเมื่อมีเชลยอยู่ด้วย เขาจำต้องนำยานออกมาและออกจากเขตรูหนอนก่อน
“ศาสตราจารย์แฮร์โรฟาลให้ผมพาไปส่งดาวใกล้ๆไหม?”
“แน่สิ”
หานเซี่ยวเก็บกองทัพจักรกลเขาและทั้งสองก็เข้ายานอวกาศ เขาบอกแฮร์โรฟาลให้ช่วยจับตาดูผู้นำดาราทมิฬขณะที่เขานั่งที่นั่งคนขับ
ในเวลานี้หานเซี่ยวดูเหมือนจะนึกอะไรได้
“แล้วรูหนอนที่ผมเข้ามันพาไปไหน?ร่างแยกเทพเอสไม่ได้หลบหนี เขาจะถูกส่งไปไหน?”
แฮร์โรฟาลส่ายหัว”อีกด้านของรูหนอนไม่เสถียรเราได้ทำการวัดข้อมูลและอีกด้านของรูหนอนก็เปลี่ยนไปตลอด ดังนั้นฉันจึงไม่รู้ว่าเขาถูกส่งไปไหน แต่ตามความน่าจะเป็น มีโอกาสสูงที่เขาจะไปถึงภูมิภาคที่ยังไม่ได้รับการสำเร็จ เหนือสิ่งอื่นใด รูหนอนนั้นใหญ่และความผันผวนพลังงานก็รุนแรงมาก”
“ผมเข้าใจ….
ร่างแยกเทพเอสมีพลังงานจำกัดดังนั้นมันย่อมหายไปเอง ตราบเท่าที่เขาไม่ได้โผล่ปยังพื้นที่ประชากรหนาแน่น มันย่อมปลอดภัย
เปลวไฟสีน้ำเงินพุ่งออกจากท้ายของยานมันเร่งความเร็วช้าๆและค่อยๆเปลี่ยนเป็นลำแสง หายไปจากเขตรูหนอน
ในพื้นที่ไร้การสำรวจของจักรวาลรูหนอนค่อยๆหมุน ทันใดนั้น เงาร่างหนึ่งก็บินออกจากรูหนอน มันคือร่างแยกเทพเอส
หลังปรับสมดุลร่างแยกเทพเอสก็รออยู่ด้านนอกรูหนอน หลังรออยู่นาน เขาก็ยังไม่เป็นแบล็คสตาร์ออกมา
จุดสีแดงบนหน้าของเทพเอสส่องแสงให้ความรู้สึกชิงชัง
ร่างหลักมีการเชื่อมต่อทางจิตกับร่างแยกร่างหลักสามารถเห็นทุกการกระทำของร่างแยกและควบคุมร่างแยกได้ เทพเอสมักชอบสังเกตและปล่อยให้ร่างแยกทำงาน
เพราะเขามีความสามารถนี้เขาจึงชอบเข้ารูหนอนเพื่อความสนุกและปล่อยให้โชคชะตาตัดสินว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับร่างแยก
ครั้งนี้การโจมตีแบล็คสตาร์ ร่างเดิมของเทพเอสยังเฝ้าดูร่างแยกกระทำตามใจชอบ เขาไม่ได้ทำตามคำขอของเคล็นท์อย่างจริงจัง เมื่อเขาเห็นแบล็คสตาร์กำลังหลบหนี เขาก็ยังอยากรู้และจำเขาไว้ จากนั้นก็ลืมเรื่องภารกิจและมองว่าร่างแยกเขาไปโผล่ไหน
ร่างแยกเทพเอสมองซ้ายขวาก่อนเลือกทิศทางสุ่มและเริ่มเคลื่อนย้ายทางไกลต่อเนื่อง
การผลาญพลังงานไม่เยอะแต่พลังงานภายในร่างเขาก็ยังลดมากเมื่อผ่านไปนานจุดแสงสีแดงสลัวเวลานี้ ร่างแยกเทพเอสก็เห็นดาวเคราะห์
ดาวเคราะห์ประหลาด
เมื่อมองจากระยะไกลผิวดาวเต็มไปด้วยสีเขียวและมีชีวิตชีวาราวกับไม่มีร่องรอยการดัดแปลงใดๆ แต่ ความสามารถตรวจจับของร่างแยกเทพเอสก็สัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญามากมาย
ส่วนสำคัญสุดคือมีรากยาวหนากำลังแผ่ขยายมานอกชั้นบรรยากาศไปถึงรูหนอนนั่น
ร่างแยกเทพเอสเพ่งสมาธิและตระหนักว่าเขากำลังมองมันกลับหัว
รากขนาดใหญ่ไม่ได้งอกจากดาวแต่ขยายออกจากรูหนอนและเชื่อมต่อกับผิวดาว นี่หมายความว่ารากเหล่านี้ไม่ได้โตจากพื้นดิน แต่เป็นภายในรูหนอน ดาวนี้คือจุดสิ้นสุดของราก
แสงทุกสีปรากฏที่ส่วนท้ายของรากเหล่านี้และเข้าไปในรูหนอนราวกับรากเหล่านี้เป็นท่อสารอาหารที่ดูดพลังงานของดาวเคราะห์นี้
เมื่อเห็นสิ่งนี้ผ่านร่างแยกภายในโถงผู้ล่วงหล่น ชายสวมฮู้ดบนบัลลังก์ก็ลืมตา
“น่าสนใจ”