The Legendary Mechanic - ตอนที่ 749 -750
ตอนที่ 749 มันไม่ง่ายนักหรอก!
เมื่อกำลังเสริมที่นำโดยไซเคอร์มาถึงดาวอวิตานร่างแยกเทพเอสแรกก็ได้ทำลายเมืองไปกว่ายี่สิบแห่งแล้ว ทำให้เกิดการสูญเสียมากมาย
กองยานหยุดรอบนอกดาวไซเคอร์บินออกจากยานเขาและลอยตรงหน้ากองยาน เขาก้มมองผิวดาวที่เต็มไปด้วยเศษซก และคลื่นความโกรธก็ปรากฏในตา
โดยปกติคนของเผ่าเนตรม่วงจะมีสี่แขน สามตาและผิวฟ้าเนียน อวัยวะพวกเขายังแตกต่างจากเผ่ามนุษย์ พวกเขามีสองสมองและห้าหัวใจ และไม่มีจุดอ่อนถึงตาย ภายใต้อิทธิพลของลูกบาศก์ ยีนพวกเขายังโดดเด่น โครงสร้างกระดูก กล้ามเนื้อและเลือดล้วนเสริมแกร่ง แม้จะไม่อยู่ในระดับสายพันธ์หายาก แต่สมาชิกทั่วไปของเผ่าเนตรม่วงก็สามารถอยู่ในอวกาศได้
แต่หน้าตาของไซเคอร์แตกต่างจากคนอื่นมากเขาปลุกยีนบรรพชนในตัว ดังนั้นเขาจึงดูดุดันกว่า เขามีเจ็ดตา ท่ามกลางนั้น หกตาก่อตัวเป็นทรงเพชรล้อมตาหลักเขา ตาเขาเหมือนมณีดำ กระพริบแสงดาวไร้สิ้นสุด
เขามีผมขาวยาวแต่กลับไม่ใช่ผมจริงๆของเขาแต่กลับเป็นหนวดนับไม่ถ้วนที่บางเท่าเส้นผมที่สามารถสัมผัสสิ่งต่างๆได้ เขาขาวหิมะคู่ตัง้ตรง มีผิวสัมผัสเหมือนหยกยื่นจากหน้าผาก ไหล่ หน้าอก ศอก เข่า หลังและจุดอื่นล้วนปกคลุมโครงกระดูกขาวที่งอกขึ้นมาเอง เหมือนเขากำลังสวมเกราะกระดูก ผิวสีฟ้าเขาเต็มไปด้วยลวดลายสีม่วงเข้ม มีแขนสามคู่งอกจากหลังเขา ดูเหมือนปีกกระดูกเมื่อกางออก
แน่นอนในฐานะผู้นำอารยธรรม ไซเคอร์ไม่เปลือยกาย เขาสวมเสื้อคลุมงดงาม
วินาทีต่อมาไซเคอร์ก็พุ่งลงไปผิวดาว ร่างแยกเทพเอสแรกสังเกตและหยุดบนดินแดนรกร้าง จากนั้นก็แหงนมอง
“เทพเอสฉันรู้ว่าแกได้ยินฉัน แกโยนร่างแยกแกมาในอาณาเขตฉัน แกอยากเป็นศัตรูกับฉันงั้นหรือ?”ไซเคอร์กล่าวเสียงเย็น
เขาเคยเดินทางไปทุ่งดาวอื่นและมีความรู้ของผู้อยู่เหนือทุกคนในกาแล็กซี่ดังนั้นเขาจึงรู้จักเทพเอส
จุดสีแดงบนหน้าร่างแยกกระพริบขณะที่เทพเอสเข้าควบคุมผ่านร่างแยก เทพเอสยิ้ม”แกรู้ว่าฉันมาทำไม”
“คิดว่าตราบเท่าที่แกล่อฉันออกมาได้แกจะสามารถชิงสมบัติฉันไปได้?”ไซเคอร์แค่นเสียงและเดาเจตนาของเทพเอสได้ทันที
เขาคือผู้นำอารยธรรมดังนั้นเขาจึงไม่โง่ สำหรับผู้อยู่เหนือชื่อดังของกาแล็กซี่กลางที่จู่ๆก็ปรากฏในวงแหวนดาวกระจายและทำให้เกิดการทำลายล้าง มันไม่ใช่เพราะเทพเอสแค่อยากสนุก ลูกบาศก์วิวัฒนาการคือความปราถนาของคนมากมาย ทันทีที่ไซเคอร์เห็นข่าวนดาวแม่ เขาก็รู้ว่าเป้าหมายของเทพเอสคืออะไร
แต่ต่อให้เขารู้ชัดว่าการออกดาวแม่มาจะหมายถึงการทำตามแผนของเทพเอสเขาก็ไม่มีทางเลือก ไม่มีใครสามารถหยุดร่างแยกเทพเอสจากการทำลายดาวอวิตานได้หากเขาไม่มา
“ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนขอแค่เขาสนใจบางสิ่ง เขาจะมีจุดอ่อนไปตลอดกาล”ร่างแยกเทพเอสฉีกยิ้ม
“งั้นคนเราจะแข็งแกร่งขึ้นไปเพื่ออะไรหากไม่มีเป้าหมายให้ยืนหยัด?”
ดวงตาทั้งเจ็ดของไซเคอร์หรี่ลงพร้อมกันพลังงานจิตจำนวนมหาศาลยิงขึ้นฟ้า ทันใดนั้นเสียงเขาก็กลายเป็นเสียงสวรรค์ ราวกับมันปกคลุมทั้งท้องฟ้า
“ฉันไม่มีทางไม่สนใจกับดักของแกได้แต่ตราบเท่าที่ฉันรีบฆ่าแก การล่อฉันออกมาก็จะเปล่าประโยชน์!”
บูม!
ทันทีที่พูดจบร่างแยกเทพเอสแรกก็ปล่อยหมัดคู่ออกไป พลังงานสีแดงระเบิดจากหมัดเขา พื้นแตกเปิดและพื้นที่เสียหายหนักอยู่แล้วก็เริ่มสั่นอย่างรุนแรง ค่อยๆแตก
ความสามารถเอสเปอร์พลังงานมืดแห่งการทำลายล้าง!
ไซเคอร์ไม่สนใจคลื่นพลังงานแสงสีขาวยิงออกจากตาทั้งเจ็ดเขาพร้อมกัน พลังงานจิตที่มองไม่เห็นเปลี่ยนเป็นเข็มนับไม่ถ้วนและยิงใส่คลื่นพลังงาน
บูม!
ดุจพลุไฟคลื่นพลังงานระเบิด แม้จะมีสีสัน มันกลับอันตรายยิ่ง พลังงานที่ปล่อยออกมากระจายไปทั่ว ทุกที่ที่มันผ่าน แม้กระทั่งโคลนก็ยังกลายเป็นเถ้าถ่าน
บูม!
พลังงานจิตเจาะผ่านระเบิดและยิงใส่ร่างแยกเทพเอสร่างเขาระเบิดอย่างรุนแรงและกลายเป็นกลุ่มหมอกดำ ในหมอกดำ จุดแสงสีแดงกระพริบ นี่คือแกนของร่างแยกเทพเอส
วินาทีต่อมาหมอกดำทั้งหมดก็ควบแน่นรอบจุดแดงและเปลี่ยนกลับเป็นร่างแยกเทพเอส แต่เบาบางกว่า
พลังงานจิตของไซเคอร์ดันสามารถสร้างความเสียหายให้กับแกนของร่างแยกเทพเอสได้แม้กระทั่งร่างแยกเทพเอสก็ไม่อาจทนการโจมตีจากผู้อยู่เหนือได้ง่ายๆ ไม่ต้องพูดถึงความจริงว่าร่างแยกเทพเอสได้ใช้พลังงานไปมากแล้ว
ปังปัง ปัง!
การต่อสู้ระหว่างผู้อยู่เหนือทำให้ท้องฟ้าและแผ่นดินแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะร่างแยกเทพเอสไม่สนใจเกี่ยวกับความเสียหายที่เกิดขึ้นเลยและปล่อยพลังงานเขาโดยไม่เก็บรั้ง
อีกด้านความสามารถของไซเคอร์ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบมากนัก ดูเหมือนการโจมตีของร่างแยกเทพเอสจะน่ากลัวกว่า แต่จริงๆแล้ว เขาไม่ใช่คู่ต่อกรของไซเคอร์
เหนือสิ่งอื่นใดนี่แค่ร่างแยก ไม่มีทางที่จะล้มผู้อยู่เหนือตัวจริงได้
ปัง!
หลายนาทีผ่านไปร่างแยกเทพเอสเปลี่ยนเป็นกลุ่มหมอกดำซ้ำแล้วซ้ำเล่าและแทบก่อตัวใหม่ไม่ได้
จุดแสงสีแดงกระพริบถี่ราวกับมันจะหายไปได้ทุกเมื่อ
เมื่อไซเคอร์กำลังจะทำลายร่างแยกได้เขาก็พลันสัมผัสถึงแหล่งพลังงานผู้อยู่เหนือใหม่ และก็แหงนมอง
ร่างแยกเทพเอสอีกร่างที่กำลังซ่อนมานานบนดาวอวิตานเผยตัวตอนนี้เขากำลังโจมตีกองยานในวงโคจรดาว
“แกพูดถูกฉันไม่อาจหยุดแกได้ด้วยร่างแยกเดียว”เทพเอสแสยะยิ้ม”แต่หากมันเป็นสอง การถ่วงเวลาแกคงไม่ใช่ปัญหาเลย หลังทำลายกองยานแกและยานแก แกจะไม่มีทางรีบกลับไปดาวแม่แกได้”
“แกพูดมากไปแล้ว!”ดวงตาของไซเคอร์กลายเป็นมั่นคงเขาไม่อยากเสยีเวลาพูดและระเบิดพลังจิตทันที
ไซเคอร์ไม่ตื่นตระหนกเขาไม่กังวลเกี่ยวกับลูกบาศก์วิวัฒนาการเลย เขารู้สึกว่าเทพเอสแค่รู้ว่าลูกบาศก์วิวัฒนาการคือสมบัติจักรวาล แต่ก็คงไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันคืออะไร
ลูกบาศก์วิวัฒนาการแปลกมากและมันก็ใหญ่มาก เขาไม่อาจนำมันติดตัวได้หลังศึกษามานาน เว้นแต่มันจถูกชิงไปจากเขาตรงๆ ความเป็นไปได้ที่มันจะถูกขโมยแทบเป็น0 นี่ทำให้เขามั่นใจมากพอจะออกดาวแม่
แน่นอนไซเคอร์ไม่รู้เกี่ยวกับไพ่ตายจริงๆของเทพเอส
บนดาวแม่เผ่าเนตรม่วงขณะที่ไซเคอร์กำลังสู้กับสองร่างแยกเทพเอส ร่างแยกที่เหลือก็ลงมือ ใช้ความสามารถเคลื่อนย้ายกับคอลลิน โอโรเซ็นและคนอื่นเพื่อไปยังที่ที่เก็บลูกบาศก์วิวัฒนาการ
เกิดแสงสว่างวาบ
เมื่อพวกเขาปรับสายตาเข้ากับแสงแสบตารอบตัวได้พวกเขาก็มองไปรอบๆ
นี่เป็นพื้นที่แปลกๆพวกเขาถูกล้อมด้วยม่านพลังสีเขียวอ่อนที่ปล่อยโดยร่างแยกเทพเอส และทุกที่ด้านนอกก็เต็มไปด้วยของเหลวร้อนหนืด
“สถานที่นี้คืออะไร?”โอโรเซ็นสงสัย
“แกนชั้นนอกของดาวแม่เผ่าเนตรม่วง”ร่างแยกเทพเอสกล่าว
ไซเคอร์ได้ซ่อนลูกบาศก์วิวัฒนาการในแกนชั้นในของดาวแม่เขาและปกคลุมมันด้วยม่านพลังจิตปิดกั้นความสามารถตรวจจับส่วนใหญ่ หากไม่ใช่เพราะอารยธรรมวิวัฒนาการได้บันทึกวิธีระบุตำแหน่งลูกบาศก์ ร่างแยกเทพเอสคงไม่สามารถย้ายมาที่นี่ได้ตรงๆ
หลังยืนยันตำแหน่งเทพเอสก็ใช้ความสามารถพลังจิตเขาเพื่อละลายม่านพลังที่ไซเคอร์สร้าง
วินาทีถัดมาวัตถุโลหะยักษ์ก็ปรากฏต่อนห้าทุกคน
พวกเขาไม่รู้ว่าวัตถุนี้จะใหญ่ขนาดนี้ทั้งหมดที่พวกเขารู้คือพวกเขาสามารถเห็นได้แค่ด้านเดียวของลูกบาศก์ และก็ไม่อาจเห็นจุดสิ้นสุดของมันได้
“นี่ใหญ่เกินไปแล้ว”คอลลินหดตา
ด้วยความอยากรู้โอโรเซ็นยื่นมือออกไป แต่มือเขากลับผ่านมันไป ราวกับลูกบาศก์แค่ภาพจำลอง
สถานะทางกายของลูกบาศก์แปลกมากมันอยู่ระหว่างวัตถุและพลังงาน มันไม่อาจสัมผัสได้ด้วยวิธีปกติ
“ข้อมูลบอกว่าตราบเท่าที่ร่างกายคนเข้าไปในนั้นพวกเขาจะวิวัฒนาการได้ นั่นเป็นวิธีใช้ที่ง่ายสุด”โอโรเซ็นถูกล่อลวง
คอลลินก็เช่นกันแต่เขายังจำภารกิจได้”หยุดเสียเวลา รีบใช้อุปกรณ์เก็บมัน”หนึ่งในกลุ่มคนนำลูกบาศก์ขนาดเท่าฝ่ามือสีเงินออกมาและส่งมอบให้คอลลิน
นี่คืออุปกรณ์ที่เทพเอสสร้างตามข้อมูลที่ทิ้งไว้โดยอารยธรรมวิวัฒนาการเหมือนภาชนะเก็บน้ำ มันสามารถใช้เพื่อเก็บลูกบาศก์วิวัฒนาการขนาดยักษ์และทำให้พกพาได้
นี่เป็นเทคโนโลยีพิเศษที่หายสาปสูญไป
โดยปราศจากอุปกรณ์นี้การขโมยลูกบาศก์วิวัฒนาการเป็นภารกิจที่แทบเป็นไปไม่ได้
คอลลินยกมันขึ้นและกระตุ้นมัน
ติ้ง!
ลูกบาศก์เงินนี้พลันเปล่งแสงอ่อนโยน
ลูกบาศก์วิวัฒนาการยักษ์ดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางสิ่งมันสั่นและวินาทีต่อมา ลำแสงดำก็ยิงออกจากด้านที่หันให้พวกเขาเหมือนมันเป็นท่อ
ลูกบาศก์วิวัฒนาการเริ่มเปลี่ยนเป็นพลังงานบริสุทธิ์ผ่านท่อนี้ มันค่อยๆหดตัวมันลงลูกบาศก์เงิน ราวกับมันพบบ้าน
ลูกบาศก์วิวัฒนาการในโลกภายนอกเริ่มหดมันราวกับลูกบาศก์สีเงินกำลังดื่มลูกบาศก์วิวัฒนาการจาดหลอด
เมื่อเห็นว่าอุปกรณ์ได้ผลคอลลินก็โล่งใจ”กระบวนการควรกินเวลาไม่กี่นาที เรามีเวลามากพอ”
ทันทีที่เขาพูดจบกลุ่มแสงสีขาวก็ปรากฏในวิสัยทัศน์พวกเขาและมุ่งตรงมาทางพวกเขา หากไม่ใช่เพราะพวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือ พวกเขาคงไม่เห็นแสงผิดปกติเหล่านี้ท่ามกลางแสงสีขาว
“พวกมันคืออะไร?”สีหน้าคอลลินเปลี่ยนไปและตื่นตัว
“ตามคาด”ร่างแยกเทพเอสกล่าว”ไซเคอร์มีแผนสำรองกลุ่มแสงเหล่านี้คือพลังจิตของเขา ทุกๆแสงเทียบเท่ากับการโจมตีของผู้อยู่เหนือ นี่เพื่อปกป้องลูกบาศก์วิวัฒนาการและจะโจมตีผู้บุกรุก สนใจกับลูกบาศก์วิวัฒนาการกันก็พอ ฉันจะหยุดพวกมันเอง!”
ทุกๆลำแสงพลังงานจิตเหล่านี้ล้วนมีพลังเทียบเท่ากับอาวุธพลังจิตที่ใช้กับหานเซี่ยวตอนนี้ กลุ่มพลังงานจำนวนมากปรากฏไม่หยุด
ร่างแยกเทพเอสเปิดม่านพลังจิตที่มองไม่เห็นที่คลุมทุกคนไว้
บูมบูม บูม!
กลุ่มพลังงานจิตตกกระแทกม่านพลังเหมือนฝนทำให้เกิดระลอกนับไม่ถ้วนบนผิวม่านพลังจิต
จุดแสงสีแดงของร่างแยกเทพเอสหม่นลงพลังงานเขาถูกผลาญอย่างรวดเร็ว
“เร็วเข้า..เร็ว..”
ทุกคนกังวลขณะจ้องลูกบาศก์เงินค่อยๆดูดซับลูกบาศก์วิวัฒนาการ
พวกเขารู้ว่าเมื่อร่างแยกเทพเอสถูกทำลายพวกเขาต้องตายแน่
แต่ละวินาทีรู้สึกเหมือนนานนับปีโชคดี แม้สถานะทางกายของลูกบาศก์วิวัฒนาการจะแปลก มันก็ยังเป็นวัตถุทั้งหมด เมื่อลูกบาศก์เงินดูดซับพลังงานของลูกบาศก์วิวัฒนาการไปมากพอ มันก็เริ่มดูดซับที่เหลือด้วยอัตราที่เร็วยิ่งกว่าเดิม
ท้ายที่สุดลูกบาศก์วิวัฒนาการเสี้ยวสุดท้ายก็กลายเป็นพลังงานและเข้าสู่ลูกบาศก์เงิน การดูดซับเสร็จสมบูรณ์และลูกบาศก์ก็เปลี่ยนจากเงินเป็นดำ
นี่คือลูกบาศก์วิวัฒนาการในสภาพสมบูรณ์!
“มันเสร็จแล้ว!”คอลลินตะโกน
“ไป!”ร่างแยกเทพเอสทนไม่ไหวอีกต่อไปใช้พลังงานเสี้ยวสุดท้าย ส่งทุกคนกลับไปยานและตัดประตูเคลื่อนย้ายทันที
วินาทีถัดมาร่างแยกนี้ก็ไม่อาจรักษาม่านพลังได้อีกและถูกกลืนโดยกลุ่มพลังงาน หายไปทันที
อย่างไรก็ตามเขาทำภารกิจลุล่วงแล้ว
ร่างแยกมีพลังงานจำกัดมีเพียงลูกน้องเขาเท่านั้นที่สามารถข้ามแถบจักรวาลรกร้างและนำของกลับไปแดนผู้ล่วงหล่นได้ ร่างหลักเทพเอสไม่กล้าออกจากกาแล็กซี่กลาง สามอารยธรรมจักรวาลได้จ้องมองเขาตลอด หากร่างจริงเขาเคลื่อนไหว เขาคงไม่อาจปิดบังภารกิจนี้ได้ และเรื่องราวก็จะยิ่งยากลำบาก
ด้วยแสงที่สว่างวาบตรงหน้าคอลลินและคนอื่นถูกส่งกลับมายาน ก่อนจะได้พูด ความสนใจพวกเขาก็ถูกดึงดูดด้วยสัญญาณเตือนภัยของยาน
“บ้าจริงยานเราถูกพบแล้ว เผ่าเนตรม่วงส่งกองยานมาโจมตีเรา!’
สีหน้าพวกเขาย่ำแย่
ยานจิ้งจอกแสงทั้งสามถูกล้อมด้วยยานรบเผ่าเนตรม่วงจำนวนมากม่านพลังพวกเขาเต็มไปด้วยการโจมตี
เมื่อพวกเขากำลังขโมยไซเคอร์ก็สัมผัสได้ เขารีบสั่งให้ทหารที่ประจำการบนดาวแม่ทำการค้นหา เมื่อร่างแยกเทพเอสถูกกำจัด ยานทั้งสามก็เสียม่านพลังล่องหนและถูกพบโดยเนตรม่วง
“รีบหนีเร็ว!”
คอลลินไม่มีเวลาสังเกตลูกบาศก์และรีบขับยานหลบการโจมตี
ยานทั้งสามแยกทางและลำหนึ่งก็ถูกทำลายอย่างรวดเร็ว
ด้วยเครื่องยนต์ชั้นเลิศของยานยานที่เหลืออีกสามเข้าสู่ไฮเปอร์ไดรฟ์ความเร็วสูงและหลบหนี เกราะของยานอวกาศเต็มไปด้วยความเสียหาย
คอลลินสูดหายใจเมื่อพวกเขาเข้าสู่ไฮเปอร์ไดรฟ์ ร่างเขาก็ผ่อนคลาย
“เราหนีได้แล้วด้วยความเร็วเรา ศัตรูจะไล่ตามไม่ทัน”คอลลินกล่าวเสียงต่ำ”วินิจฉัยสภาพยาน คำนวณความเสียหาย”
ปัญญาประดิษฐ์ของยานตอบด้วยเสียงขาดๆหายๆ”ซู่..กำลังวินิจฉัยตัวเอง..ตัวยานเสียหาย63%ม่านพลังเกือบพัง เตาปฏิกรณ์พลังงานเสียหายปานกลาง กำลังขับลดลง42%…ซู่..ตัวขับเสียหาย38% เครื่องยนต์4และ6เกือบพัง อุปกรณ์ซ่อมตัวเองทำงานผิดปกติ…ขอแนะนำให้ซ่อมยานทันที ด้วยสภาพปัจจุบันของยาน มันไม่อาจอยู่ในไฮเปอร์ไดรฟ์ได้นาน”
โอโรเซ็นยิ้ม”การขโมยของจากผู้อยู่เหนือน่าตื่นเต้นมาก”
“ไม่ว่ายังไงเราก็ได้ของมาแล้ว”คอลลินเหลือบมองลูกบาศก์วิวัฒนาการ”ยานอวกาศไม่อาจท่องข้ามทุ่งดาวได้ในสภาพปัจจุบัน เราต้องหาสถานที่ปลอดภัยเพื่อซ่อมยาน”
“อืมฉันรู้จักดาวที่สามารถซ่อนยานได้และไร้อารยธรรมควบคุม”โอโรเซ็นกล่าว”มันปลอดภัยมากและตั้งอยู่ขอบวงแหวนดาวกระจาย เราแค่ต้องซ่อมยานที่นั่น จากนั้นถึงออกทุ่งดาวนี้ได้ ฉันเคยหลบหนีจากวงแหวนดาวกระจายจากที่นั่น”
เมื่อได้ยินชื่อดาวคอลลินก็ตรวจสอบแผนที่และพยักหน้า
“ตกลงมันอยู่ห่างจากเผ่าเนตรม่วงมาก เราสามารถใช้ความเร็วเราเพื่อซ่อมยานได้”
พวกเขาจะกล้าเดินทางข้ามทุ่งดาวหลังซ่อมยานแล้วเราเท่านั้นไม่งั้น หากยานอวกาศทำงานผิดปกติในแถบจักรวาลรกร้าง พวกเขาคงติดที่นั่นไม่ตลอดกาล
ยานจิ้งจอกแสงเปลี่ยนทิศทางทันทีเปลี่ยนเป็นลำแสงและหายไป
บนดาวอวิตานร่างแยกเทพเอสสุดท้ายถูกทำลาย เปลี่ยนเป็นกลุ่มหมอกดำและสลายหายไป
ไซเคอร์ปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าและแหงนมองฟ้าด้วยสีหน้าดำมืด
ลูกบาศก์วิวัฒนาการถูกขโมยไปจริงๆเขาไม่คิดว่าเทพเอสจะมีรายละเอียดข้อมูลของมัน
ร่างแยกทั้งสามของเทพเอสเทียบเท่ากับสามผู้อยู่เหนือเขาอยู่ลำพัง ดังนั้นเทพเอสจึงไม่ได้ไร้เหตุผล
นี่ทำให้เทพเอสจัดการได้ยาก
แต่ไซเคอร์ยังสงบและไม่ตื่นตระหนกเขาหรี่ตาและพึมพำ”แกทำสำเร็จ แต่อย่าคิดว่าแกจะเอาลูกบาศก์ไปจากฉันได้ง่ายๆ”
แม้ไซเคอร์จะไม่มีคู่มือใช้งานลูกบาศก์วิวัฒนาการหลังถือครองมันมานาน เขาก็ได้รับความรู้มาบ้าง เหมือนกับที่ออสตินครอบครองวังคาถาลับ หลังไซเคอร์มีลูกบาศก์ในมือมาหลายปี เขาก็เกือบทำให้มันเป็นสมบัติของเขาแล้ว
เขาได้สร้างการเชื่อมต่อทางวิญญาณกับลูกบาศก์ต่อให้ลูกบาศก์ไม่อยู่ข้างเขา เขาก็ยังควบคุมมันจากระยะไกลเพื่อพัฒนาความสามารถทางจิตเขาได้
ในเวลาเดียวกันเขาก็ทิ้งร่องรอยไว้บนลูกบาศก์ ไม่ว่ามันจะอยู่ไหน เขาก็สามารถสัมผัสตำแหน่งมันได้
เขาสามารถสัมผัสได้ว่าพิกัดของมันกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงซึ่งเป็นจุดที่พวกคอลลินอยู่
คิดหนีหลังขโมยของจากฉัน?
มันไม่ง่ายนักหรอก!
ไซเคอร์กดนิ้วบนหน้าผากและสื่อสารกับลูกน้องเขาผ่านจิต”เตรียมยานที่เร็วที่สุดให้ฉันฉันจะไปจับพวกหัวขโมย!”
ตอนที่ 750 คำเชิญที่ไม่คาดคิด
ดาวมาซิเฟอร์บริษัทยอดหิน
หานเซี่ยวทำงานที่นี่มากว่ายี่สิบวันแล้วชื่อเขากระจายอย่างกว้างขวางในหมู่วิศวกรอาวุโส ทั้งบริษัทรู้ว่าช่างกลมากฝีมือได้เข้าร่วมกับพวกเขาและเขาทำงานได้มากกว่าคนอื่นเป็นสิบเท่า
ด้วยความที่เจ้านายเบื้องหลังพูดแล้วเบื้องบนของบริษัทจึงไม่กังวลเกี่ยวกับความลับรั่วไหลอีกและใช้บาร์น พวกเขาให้โควต้าพิเศษกับเขา ซึ่งทำให้หานเซี่ยวได้รับอะไหล่เพิ่ม
ภารกิจวิศวกรเสร็จแล้วและเขาก็ได้รับพรสวรรค์ช่างเทคนิคม่ผลมันคือการเพิ่มสถานะของเครื่องจักรที่เขาสร้าง8-14% ความเร็วการสร้าง22% และลดต้นทุน6% ถือเป็นของดี
เนื่องจากความรับผิดชอบจำนวนมากที่มอบให้หานเซี่ยวจึงเรียนพิมพ์เขียวได้มาก สำหรับพิมพ์เขียวที่มอบให้วิศวกรอาวุโสคนอื่น หานเซี่ยวใช้เทคโนโลยีเสมือนเพื่อเจาะผู้ช่วยปัญญประดิษฐ์ของช่างกลเกรดBเหล่านั้นและจับตาดูพวกเขาในวิธีต่างๆ เมื่อวิศวกรอาวุโสมองพิมพ์เขียวพวกเขา ฟิลลิปก็จะถ่ายภาพและคัดลอกพิมพ์เขียว
สำหรับพิมพ์เขียวบางอันที่เขาไม่อาจเห็นได้ด้วยวิธีนี้หนาเซี่ยวแค่ไปหาพวกเขาด้วยข้ออ้างต่างๆ ทั้งหมดที่เขาต้องทำคือมองพิมพ์เขียวสักพักและก็จะได้รับผ่านหน้าต่างสถานะ
น่าเศร้าหลังการวิวัฒนาการเผ่า เขาก็เสียความสามารถตราสังเกตไป ไม่งั้นคงลอบเรียนพิมพ์เขียวได้ง่ายขึ้น
ในเวลากว่าครึ่งเดือนหานเซี่ยวก็ได้รับพิมพ์เขียวของแสงนิรันดร์ส่วนใหญ่มา ทั้งหมดที่เหลือคือพิมพ์เขียวแกน มันถูกเก็บไว้อย่างหนาแน่นโดยวิศวกรหลักของบริษัทและหานเซี่ยวก็ไม่มีโอกาสได้เห็นพวกมัน เขาไตร่ตรองวิธีที่จะได้รับพวกมันมาพักหนึ่งแล้ว
ในช่วงเวลานี้ผู้เล่นกำลังเรียนความรู้เพิ่มจากร้านค้ากองกำลัง ประสบการณ์เขาจึงเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ภายในโรงงานหานเซี่ยวกำลังทำงานเขาขณะมอบค่าประสบการณ์บนหน้าต่างสถานะ และคำนวณ
ด้วยปริมาณค่าประสบการณ์ปัจจุบันฉันควรสามารถเลื่อนเป็นระดับ238หรือ239ได้ แค่ก้าวเดียวจาก240 ซึ่งจะเติมเต็มในสามหรือสี่วัน…
หานเซี่ยวตื่นเต้นผู้อยู่เหนือแตกต่างจากภัยพิบัติโดยสิ้นเชิง พวกเขาเป็นคนสำคัญทั่วทั้งกาแล็กซี่ และแม้กระทั่งอารยธรรมจักรวาลก็ยังให้ความสนใจ
เมื่อเขาประสบความสำเร็จเขาจะได้ที่นั่งบนโต๊ะสูงสุดของทุ่งดาวและกองทัพแบล็คสตาร์จะกลายเป็นองค์กรผู้อยู่เหนือ
หลังมองไปในอนาคตหานเซี่ยวก็ดูเวลา มันถึงเวลาพักกลางวันแล้ว เขาหยุดงาน ถอนผู้ช่วยก่อสร้างทั้งหมด และวางแผนไปทานข้าว
ทันทีที่เขาเดินออกมาหานเซี่ยวก็สังเกตเห็นว่าลุคกำลังรออยู่ด้านนอกประตู
“บาร์นผมกำลังมองหาคุณอยู่”
“มีอะไรละ?อยากไปกินข้าวกับผมไหม?”หานเซี่ยวหยุดและมองเขา
ลุคยิ้มและส่ายหัว”ผมยินดีแต่นี่ไม่ใช่เหตุผลที่ผมมา เจ้าของตัวจริงของบริษัทอยากเจอคุณ”
“เจ้าของตัวจริง?”หานเซี่ยวยกคิ้ว”ได้สิ”
ลุคทำท่าให้หานเซี่ยวตามเขาและนำเขาไปพื้นที่หลักของบริษัท
หลังเดินกว่าสิบนาทีทั้งสองก็มาถึงชั้นบนสุดของอาคารสูงและเข้าสำนักงานใหญ่
ในห้องคนที่นั่งบนเก้าอี้หันหลังให้กับประตู หานเซี่ยวเห็นแค่หลังหัวเขา ลุคก้าวถอยและปิดประตู ทิ้งหานเซี่ยวไว้กับคนที่ชื่อว่าเจ้าของตัวจริง ครั้งนี้ คนๆนั้นพูดขณะยังหันหลังให้หานเซี่ยว
“บาร์นนี่ไม่ใช่ชื่อจริงของคุณสินะ?”
จากนั้นคนๆนั้นก็หันมาเผชิญหน้ากับหานเซี่ยว
เมื่อเห็นหน้าตาเขาหานเซี่ยวก็ตกตะลึงก่อนเข้าใจ
มันคือซาร์ดีมสมเหตุสมผลแล้ว ในฐานะเจ้าของดาว ซาร์ดีควบคุมหลายบริษัท บริษัทยอดหินเป็นของเขา ไม่มีอะไรน่าแปลกใจนัก
ในชีวิตก่อนหน้าเขาผู้เล่นรู้แค่ว่าจะได้รับพรสวรรค์เป็นรางวัลหากทำงานในบริษัทยอดหินและช่างกลก็สามารถทำภารกิจนี้ได้กันหมด แต่ทว่า ด้วยพลังของผู้เล่นในตอนนั้น พวกเขาจึงไม่ได้สัมผัสกับสมาชิกแกนหลักของบริษัท ในสายตาผู้เล่น บริษัทยัดหินเป็นแค่ภารกิจเล็กๆไร้ความสำคัญ ดังนั้นผู้เล่นจึงไม่รู้ว่าเจ้าของอู่ต่อยานนี้คือซาร์ดีม แต่นี่ไม่ได้ยากจะคาดเดา
นี่หมายความว่าพิมพ์เขียวแสงนิรันดร์เป็ฯของซาร์ดีม..ทำไมเขาถึงถูกเรียกตัวมา?เขารู้ว่าฉันเป็นใคร?”
ความคิดของหานเซี่ยวหมุนไม่หยุด
แน่นอนเขาไม่กลัวเลย แม้ซาร์ดีมจะเป็นช่างเกรดA+เหมือนกัน เขาก็ยังเหนือกว่า แต่ทว่า เขาแค่อยากลอบเรียนพิมพ์เขียว หากตัวตนเขาถูกเปิดเผย เขาคงต้องชิงด้วยกำลัง..แถม หานเซี่ยวยังไม่ชอบสร้างศัตรู
เมื่อเห็นหานเซี่ยวไม่พูดซาร์ดีมก็ยิ้ม
“ผมจับตาดูคุณมาสักพักแล้วคุณซ่อนพลังตัวเองไว้ คุณไม่ใช่ช่างกลเกรดB+ แต่เป็นภัยพิบัติสินะ?”
โดยไม่รอให้หานเซี่ยวตอบซาร์ดีมกล่าวต่อ
“ภัยพิบัติกลับเต็มใจทำงานในบริษัทผมในฐานะวิศวกรทั่วไปผ่านการสังเกตผม คุณดูเหมือนจะสนใจในพิมพ์เขียวแสงนิรันดร์สินะ?”
หลังได้ยินหานเซี่ยวก็รู้สึกโล่งใจแทน
ฟู่วโชคดี เจ้าหมอนี้แค่รู้ว่าฉันเป็นภัยพิบัติและไม่รู้ตัวตนจริงฉัน เขาคิดว่าฉันแค่ช่างกลระดับภัยพิบัติธรรมดา
เมื่อเห็นความมั่นใจของซาร์ดีมหานเซี่ยวก็เดาได้ว่าซาร์ดีมต้องคิดว่าเขาเหนือกว่า
อันที่จริงซาร์ดีมคือเกรดA+และก็มีทั้งดาวเป็นฐาน นี่คืออาณาเขตเขา ดังนั้นภัยพิบัติทั่วไปจึงไม่ใช่คู่ต่อกรเขาเลย
เมื่อเห็นความมั่นใจของซาร์ดีมหานเซี่ยวก็สงบลง โดยไม่แก้ไขความเข้าใจผิดของซาร์ดีม เขาทำเป็นตื่นตัวราวกับเป็นภัยพิบัติทั่วไป
“คุณต้องการอะไร?”
เมื่อเห็นแบบนี้ซาร์ดีมก็ยิ้มด้วยความพึงพอใจ บาร์นกำลังตื่นตระหนก มันเป็นสิ่งที่เขาอยากเห็น
‘ผมไม่รู้ว่าคุณไปได้ข้อมูลเกี่ยวกับแสงนิรันดร์จากไหนไม่รู้ว่าคุณมาจากองค์กรไหน แต่อย่ากังวล ผมไม่ได้เรียกคุณมาเพื่อลงโทษ ผมอยากเชิญคุณ”
“เชิญ?”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว
ซาร์ดีมยืนขึ้นและยิ้ม”มาเป็นลูกน้องผมผมสามารถรับรองได้ว่านี่จะเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดสุดในชีวิตคุณ”
“คุณกำลังชวนผม?”หานเซี่ยวกล่าวด้วยน้ำเสียงแปลกๆ
นี่ไม่ประมาทเกินไป?แกยังไม่รู้ตัวตนฉันเลย
นี่เพราแกมั่นใจว่าฉันจะไม่เป็นปัญหาให้แก?
อวดดีจริงๆแม้กระทั่งคนโดดเด่นอย่างฉันก็ไม่อวดดีแบบนี้!
“ผมมีบริษัทและกองทัพมากมายแต่ผมขาดผู้ช่วยมากความสามารถ คุณมีความสามารถ การรวมกันของเราจะทำให้เราแข็งแกร่ง”ซาร์ดีมกล่าวด้วยน้ำเสียงสงบ
หานเซี่ยวส่ายหัว”ผมไม่..”
ครั้งนี้ซาร์ดีมส่ายหัวและกล่าวแทรก”หากคุณเต็มใจเป็นลูกน้องผม ไม่ใช่แค่แสงนิรันดร์ ผมสามารถให้คุณเรียนพิมพ์เขียวทั้งหมดที่ผมรู้ได้”
“อืมผมจะพิจารณา..”หานเซี่ยวเปลี่ยนสิ่งที่กำลังจะพูดทันที ในฐานะผู้นำกองกำลัง แน่นอน เขาไม่คิดเป็นลูกน้องของภัยพิบัติ แต่ ข้อเสนอนี้ก็นับว่าดึงดูด
เหนือสิ่งอื่นใดทุกสิ่งที่บาร์นทำไม่เกี่ยวอะไรกับแบล็คสตาร์…อะแฮ่ม
หานเซี่ยวพลันถาม”คุณจะบังคับผมไหม?ผมไม่เข้าร่วมกับคุณ?”
ซาร์ดีมส่ายหัวและหัวเราะ
“ไม่ต้องห่วงผมไม่ชอบสร้างศัตรู หากผมเป็นศัตรูกับทุกคนเช่นคุณที่มาเยือนดาวมาซิเฟอร์ ผมคงอยู่ไม่ได้มาจนถึงตอนนี้ คุณสามารถปฏิเสธผมได้ และผมจะไม่ไล่คุณไป ผมจะไม่บังคับคุณให้เผยตัวตนจริงด้วย คุณยังอยู่ในบริษัทยอดหินได้ในฐานะบาร์น ผมไม่ต้องปฏิเสธช่างกลอย่างคุณจากการทำงานให้บริษัทผม แต่ผมจะมักจับตาคุณ และจะไม่ปล่อยให้คุณเข้าร่วมโครงการสำคัญ”
หานเซี่ยวหรี่ตา.”คุณค่อนข้างใจกว้าง”
“มันยากมากที่คนจะบรรลุสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตผมดูแลดาวมาซิเฟอร์มาเกือบ130ปีแล้ว”ซาร์ดีมกล่าว”สถานการณ์ไหนบ้างที่ผมไม่เคยเห็น?หืม?”
หานเซี่ยวใคร่ครวญสักพักและยังส่ายหัว
ในฐานะผู้นำกองกำลังมันไร้ยางอายเกินกว่าที่จะเป็นลูกน้องของคนอื่นเพียงเพราะพิมพ์เขียว
แม้เขาจะปลอมตัวอยู่หากเขาเผยตัวตนจริงเข้าสักวัน มันคงเป็นตราบาปบนประวัติเขาไปตลาดชีวิต มันจะทำลายชื่อเสียงอันสูงส่งเขาในสายตาผู้เล่นและไม่เป็นประโยชน์ใดๆ รวมถึงการเพาะเลี้ยงกระเทียมหอมเหล่านั้น สรุปแล้ว ข้อเสียมากกว่าข้อดี
พิมพ์เขียวแสงนิรันดร์คือของดีแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องได้รับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
นอกจากนี้แกคิดว่าฉันจะไม่มีทางได้รับพิมพ์เขียว?
แกกำลังฝัน!
เมื่อเห็นหานเซี่ยวปฏิเสธเขาซาร์ดีมก็หรี่ตา
“ฮี่ๆผมรู้ว่าคุณมีความภาคภูมิในฐานะผู้อยู่เหนือ แต่ผมคู่ควรให้ติดตาม คิดว่าคนธรรมดาจะสามารถได้รับพิมพ์เขียวยานของสหพันธ์แห่งแสงงั้นหรือ?”
หานเซี่ยวถูกโน้มน้าว
ใช่แม้กระทั่งเขาก็ไม่อาจซื้อพิมพ์เขียวหายากเช่นนี้ได้
ซาร์ดีมนำมือไพล่หลังและมองหานเซี่ยว”คุณอาจคิดว่าคุณเป็นภัยพิบัติคุณไม่มีทางกลายเป็นลูกน้องภัยพิบัติคนอื่น ดังนั้นคุณจึงปฏิเสธผม..แต่หากผมบอกคุณว่าผมมีผู้อยู่เหนืออยู่เบื้องหลังละ?”
“หืม?”หานเซี่ยวสังเกตเห็นบางสิ่ง
ตอนนี้เขาคิดถี่ถ้วน ควรมีเหตุผลเบื้องหลังที่ทำให้ดาวมาซิเฟอร์รุ่งเรืองนอกจากพลังของซาร์ดีม เขาอาจเป็นคนของผู้อยู่เหนือ
แต่มีผู้อยู่เหนือแค่สี่คนในวงแหวนดาวกระจายเจ้าหมอนี่ทำงานให้ใคร?
ฮีเบอร์?เป็นไปได้แต่ไม่น่าจะใช่ เหนือสิ่งอื่นใด ซาร์ดีมไม่ใช่พวกบ้ากล้าม
เมกัส?นั่นไม่ใช่ซาร์ดีมไม่ใช่จอมเวทย์…
เนตรม่วง?เขาออกอาณาเขตเขาน้อยมาก
หรือจะเป็นจักรพรรดินีมังกร?ฮ่าๆ
เมื่อเห็นหานเซี่ยวสับสนซาร์ดีมก็ส่ายหัวและยิ้ม
“คุณต้องเคยได้ยินชื่อเขาแน่”
ความภาคภูมิปรากฏบนหน้าซาร์ดีมร่วมกับความรู้สึกเหนือกว่า
“คุณรู้จัก…จักรวรรดิช่างกลหรือไม่?”
หานเซี่ยวตกใจและเกือบอยากออกไปทันที
จักรวรรดิช่างกลแมนิสัน?
ไม่รู้ไม่เคยได้ยินมาก่อน บาย!