The Legendary Mechanic - ตอนที่ 771-772
ตอนที่ 771 อย่าหนีละ
หลังทั้งสองฝ่ายจับมือกันเกาะมังกรก็เปลี่ยนวิถีและตรงไปศูนย์ใหญ่กองทัพแบล็คสตาร์
เนื่องจากเอเมสเลือกต่อสู้เคียงข้างหานเซี่ยวเธอจึงพกอาวุธส่วนตัวมาด้วย เกาะมังกรมีอีกสองเกาะแล้ว และการใช้มันบุบคนอื่นก็ต้องเจ็บปวดแน่นอน
จากนั้นหานเซี่ยวก็ให้เรย์โนลไปแจ้งแผนกโลจิสของกองทัพเพื่อดัดแปลงป้อมปราการดาวเทียมเสริมหานเซี่ยวเตรียมมอบมันให้เอเมสเพื่อที่เธอจะสามารถใช้พวกมันเป็นอาวุธได้ เหนือสิ่งอื่นใด เธอไม่อาจใช้เกาะมังกรเป็นอาวุธเธอได้ตลอด
หลังใช้ลูกบาศก์วิวัฒนาการทุกคนก็พักหนึ่งวันก่อนเอเมสและหานเซี่ยวจะเรียกรวมเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
ครั้งนี้มันเป็นการตอบกลับฮีเบอร์
ก่อนการประกาศต่อโลกหานเซี่ยวตัดสินใจติดต่อฮีเบอร์ก่อน
สงครามลับเกิดขึ้นมานานและทั้งสองฝ่ายก็เคยติดต่อกันมาก่อน ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาเห็นหน้ากันคือสิบกว่าปีก่อนตอนงานรวมตัวของฮีเบอร์ ตอนนั้น เขาเป็นแค่ผู้ติดตามของเอเมสและฮีเบอร์ก็พยายามชักชวนเขา
หานเซี่ยวไม่มีหมายเลขของฮีเบอร์แต่เอเมสมีมันในอุปกรณ์สื่อสารเธอ ครั้งนี้ เขากำลังหยืบยิมอุปกรณ์สื่อสารของเอเมสเพื่อติดต่อฮีเบอร์ ซึ่งเอเมสก็ไม่มีปัญหา
หานเซี่ยวเปิดอุปกรณ์สื่อสารของเอเมสและดึงหมายเลขฮีเบอร์ออกจากบัญชีดำเอเมสบล็อกเบอร์เขามาตลอด
จากนั้นหานเซี่ยวก็ติดต่อฮีเบอร์
เสียงเตือนดังปี้บ!
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีคำขอสื่อสารก็ได้รับการตอบรับและภาพฮีเบอร์ก็ปรากฏบนจอ
“เอเมสในที่สุดเธอก็…หืม?แบล็คสตาร์?!”
ฮีเบอร์ขมวดคิ้วทันทีชื่อของเอเมสปรากฏบนอุปกรณ์สื่อสารเขา และเขาก็คิดว่าเอเมสตกลงใจจะกลายเป็นคู่หูเขาแล้ว แต่ทว่า มันกลับเป็นแบล็คสตาร์
“เอเมสจับมือกับแก?”ฮีเบอร์ตอบสนองทันที
หานเซี่ยวพยักหน้า
ดวงตาของฮีเบอร์หรี่แคบและสีหน้าเขาก็ยังไร้อารมณ์
ไหลายปีก่อนองค์กรมากมายพยายามกระจายข่าวลือว่ากองทัพแบล็คสตาร์และเกาะมังกรกำลังแยกตัว เมื่อหานเซี่ยวกลายเป็นผู้อยู่เหนือ ฮีเบอร์รู้ว่าทั้งคู่ต้องแยกตัวกันแน่ และฮีเบอร์ก็หวังให้แบล็คสตาร์และเอเมสเป็นศัตรูกัน แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
“ดูเหมือนลูกไม้ที่องค์กรเหล่านี้ใช้จะไม่สามารถสั่นคลอนความสัมพันธ์ของแกได้”ฮีเบอร์กล่าว
“แกดูไม่กังวลเลยนะ”หานเซี่ยวเลิกคิ้ว
“มันไม่แตกต่างอะไรต่อฉัน”ฮีเบอร์กล่าว”บอกเอเมสว่าฉันจะให้โอกาสสุดท้ายกับเธอตราบเท่าที่เธออยู่ห่างจากเรื่องนี้ ฉันสามารถเมินเฉยเธอได้ ฉันจะไม่แสดงความเมตตาใดๆ”
“ไสหัวไปฉันไม่ได้ขอให้แกแสดงความเมตตาเลย.”เอเมสกล่าวอย่างเย็นชา
ฮีเบอร์ไม่สนใจเธอและกล่าวกับหานเซี่ยวขณะส่ายหัว”แบล็คสตาร์ฉันให้โอกาสแกไปนานแล้ว มันน่าเสียดายที่แกไม่เก็บรักษามันไว้และปฏิเสธคำเชิญฉัน หากแกติดต่อฉันมาเพื่อร้องขอความเมตตา มันก็สายเกินไปแล้ว เราเป็นศัตรูกันและไม่มีอะไรต้องพูดถึงระหว่างเรา”
“ฉันโทรหาแกเพื่อตอบรับการท้าทายของแกบอกเวลาและสถานที่มา”หานเซี่ยวกล่าว
ผ่านตราสังเกตเขาหานเซี่ยวรู้ว่าไซเคอร์ได้ติดต่อฮีเบอร์และเชิญฮีเบอร์ให้ร่วมมือกับเขา แต่ทว่า ฮีเบอร์ปฏิเสธและยืนกรานจะจัดการกับแบล็คสตาร์ลำพังแต่ก็ไม่หยุดไซเคอร์จากการมาดูการต่อสู้พวกเขา ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงประกาศสงครามแยกกัน
หานเซี่ยวยังเข้าใจความคิดของฮีเบอร์จากการสนทนาระหว่างทั้งสองฮีเบอร์ไม่ได้แค่อยากล้างแค้นแต่ยังอยากสร้างชื่อเสียงกับผู้อยู่เหนือคนใหม่ ฮีเบอร์อยากให้มีคนดูให้มากที่สุดและดังนั้นจะกำหนดเวลาให้กับสาธารณชนและเชิญองค์กรต่างๆมาดูการต่อสู้
“ได้”ฮีเบอร์พูดอย่างเฉียบขาด”เวลาจะถูกกำหนด20วันจากนี้ตำแหน่งจะเป็นแถบจักรวาลรกร้างระหว่างกลุ่มดาวโคลตันและโซล ฉันจะประกาศพิกัดต่อสาธารณะ”
การเลือกภูมิภาคเป็นกลางระหว่างทั้งสองทำให้มันสะดวกสำหรับแดนหลั่งเลือดที่จะส่งกองทัพพวกเขาและสร้างการเผชิญหน้าระหว่างผลึกม่วงและเคล็นท์มันยังเทียบเท่ากับการให้สองอารยธรรมต่อสู้กัน
ฮีเบอร์กำหนดเวลา20วันเพื่อให้ข่าวสามารถกระจายไปได้ทั่วทุ่งดาวและดึงดูดคนให้มาดูการต่อสู้มากขึ้น แต่ทว่า เขาจะไม่ลากการต่อสู้นานเกินไปเพราะไม่อยากให้หานเซี่ยวมีเวลาเตรียมตัวมากนัก เขายังไม่อยากให้เรืองนี้ตายลงและอยากสร้างชื่อเสียงเขาเมื่ออิทธิพลของแบล็คสตาร์ถึงจุดสูงสุด
หากแบล็คสตาร์อยากถอยออกจากการต่อสู้ฮีเบอร์ก็ไม่ยอมปล่อยเช่นกัน ฮีเบอร์สามารถพูดบอกได้ว่าแบล็คสตาร์กลัวเขาและก็ไม่กล้าเผยหัวออกมา เขาจะสามารถสร้างชื่อเสียงได้รวมถึงมีเหตุผลไปเยือนศูนย์ใหญ่กองทัพแบล็คสตาร์
“เอาละแกอย่าหนีละเมื่อถึงเวลา”หานเซี่ยวกล่าวโดยไม่ลังเลมากนัก
จากนั้นหานเซี่ยวก็วางสายโดยไม่รอให้ฮีเบอร์ตอบ
“เขายังเผด็จการเหมือนเคยน่ารำคาญมาก”เอเมสกล่าวด้วยตาหรี่แคบและสนามพลังเธอก็รวมกันในฝ่ามือ ทุกครั้งที่เธอเห็นใบหน้าของฮีเบอร์ เธอก็มีความต้องการจะทุบเกาะมังกรบนหน้าเขา
“ไม่ว่ายังไงเวลาและสถานที่ก็ถูกตัดสินแล้ว เราแค่ต้องแสดงตัวเมื่อถึงเวลา”หานเซี่ยวมองเจ้าหน้าที่ทุกคน”ได้ยินกันแล้วใช่ไหม?ประกาศมันให้สาธารณชนทราบในนามของกองทัพแบล็คสตาร์”
“เข้าใจแล้วค่ะ”ซิลเวียพยักหน้าและเริ่มการประชุมทางไกลในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร การประชาสัมพันธ์เป็นหน้าที่เธอ
“ยังมีเวลาอีก20วัน..”
ดวงตาหานเซี่ยวเป็นประกายดูเหมือนนี่จะเป็นเวลาให้เขาเตรียมการ
…
ความท้าทายที่มอบให้โดยฮีเบอร์และเนตรม่วงสร้างความปั่นป่วนครั้งใหญ่ในวงแหวนดาวกระจายแต่แบล็คสตาร์ไม่ให้การตอบสนองอย่างเป็นทางการ หลายคนมีความอยากและกำลังรอให้เรื่องราวใหญ่โต
เพราะพายุที่เกิดขึ้นพวกพิเศษหลายคนที่อยากเข้าร่วมกองทัพแบล็คสตาร์จำต้องระงับไว้และรอดูสถานการณ์ ดังนั้น จึงมีคนไม่มากที่เข้าร่วมกองทัพแบล็คสตาร์ในช่วงเวลานี้ แต่ทว่า หานเซี่ยวยังรู้เรื่องนี้และไม่เริ่มการรับสมัคร
เจ็ดวันหลังประกาศในที่สุดกองทัพแบล็คสตาร์ก็ตอบสนอง
แบล็คสตาร์ยอมรับคำท้าทาย!
ไม่ใช่แค่นั้นกองทัพแบล็คสตาร์ยังประกาศข่าวที่น่าตกใจ
จากวันนี้ไปกองทัพแบล็คสตาร์จะออกจากเกาะมังกรและเป็นอิสระ!
หลายองค์กรได้พยายามกระจายข่าวลือว่ากองทัพแบล็คสตาร์จะตัดความสัมพันธ์กับเกาะมังกรหลังได้รับอิสระภาพ
แต่ทว่าความจริงกลับทำให้ทุกคนตกใจ จักรพรรดินีมังกรเอเมสได้เลือกจับมือกับแบล็คสตาร์และประกาศศึกกับฮีเบอร์และไซเคอร์!
นี่คือสิ่งที่ไม่มีใครคาดถึงแบล็คสตาร์สู้มาลำพังตลอดและต้องรับมือกับไซเคอร์และฮีเบอร์ลำพัง หลายคนอดหวาดกลัวแทนผู้อยู่เหนือคนใหม่ไม่ได้ แต่ทว่า การแทรกแซงของจักรพรรดินีมังกรก็เหมือนโยนระเบิดลง
สี่ผู้อยู่เหนือกำลังจะปะทะกัน!
นี่เหมือนแรงกระตุ้นที่ทำให้ทุ่งดาวระเบิดไปด้วยความตื่นเต้น!
ไม่ว่าจะเป็นพลเมืองทั่วไปหรือสมาชิกองค์กรใหญ่ทุกคนต่างมีความชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งหนึ่ง
การแสดงครั้งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในทุ่งดาว!
…
ในวังคาถาลับออสตินมองผ่านข่าวบนอุปกรณ์สื่อสารเขาและคิดกับตัวเอง แบล็คสตาร์ยอมรับคำท้าทาย?เขายังลากเอเมสมาด้วย…
ตอนนี้มันเป็นศึก2ต่อ2และวงแหวนดาวกระจายก็มีห้าผู้อยู่เหนือ
นี่หมายความว่าเขาจะส่งผลต่อทิศทางในเรื่องนี้และทุกคนย่อมรู้ดี
“ดูเหมือนจะมีคนติดต่อฉันมาในไม่ช้า”ออสตินส่ายหัว
ปี้บปี้บ!
แค่คิดไซเคอร์ก็โทรหาเขา
ออสตินหัวเราะเบาๆและยอมรับสายตัดสายหลังคุยสักพัก เพียงเมื่อเขาวางสาย อีกสายก็โทรมา มันเป็นหานฌซี่ยว
“มันก็สักพักแล้วที่ฉันไม่ได้เห็นนายนายไม่ทำให้ฉันผิดหวังเลย แบล็คสตาร์”
“จริงๆแล้วฉันต้องขอบใจนาย”หานเซี่ยวยิ้ม
“ขอบคุณฉันเรื่องอะไร?”
“หากนายไม่บอกข้อมูลเกี่ยวกับลูกบาศก์วิวัฒนาการฉันอาจไม่ได้รับของชิ้นนี้มา”
“โอ้ฉันเข้าใจแล้ว”ออสตินยิ้มและพูดตรงๆ”ฉันรู้ว่าทำไมนายถึงโทรหาฉัน ไซเคอร์เองก็เพิ่งโทรมาหาฉัน”
ดวงตาหานเซี่ยวเปล่งประกายและไม่อ้อมค้อม”ในเมื่อรู้เจตนาเรานายคิดทำยังไง?”
ทั้งสองฝ่ายอยากลากออสตินมาฝั่งตัวเอง
ดวงตาของออสตินหรี่แคบ”แม้ฉันจะมีความสัมพันธ์กับไซเคอร์เขาก็ไม่เคยให้ฉันยืมลูกบาศก์วิวัฒนาการ ตอนนี้เขาเสียมันและมันก็อยู่ในมือนาย นายจึงเตรียมใช้มันเพื่อแลกกับความช่วยเหลือของฉันสินะ?”
“ถูกต้อง”หานเซี่ยวพยักหน้าออสตินไม่โง่ และหานเซี่ยวก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอธิบาย
แต่ออสตินกลับส่ายหัว”ฉันเต็มใจมากที่จะให้ความช่วยเหลือสำหรับการใช้งานมันแต่ฉันไม่อาจยอมรับเรื่องนี้ได้”
หัวใจของหานเซี่ยวสั่นไหว
แต่ทว่าออสตินก็กล่าวเสริม”ไม่ต้องห่วง ฉันไม่คิดช่วยไซเคอร์เหมือนกัน”
“นายอยากรักษาความเป็นกลาง?”หานเซี่ยวแปลกใจ
ออสตินยิ้ม”ความเงียบสงบในวงแหวนดาวกระจายถูกทำลายไปแล้วฉันจะยอมให้การแสดงสุดวิเศษนี้จบลงเพราะการแทรกแซงของฉันได้ยังไง?ฮ่าๆๆๆ!”
เฒ่าทารกนี่แค่อยากดูโลกวุ่นวาย…หานเซี่ยวกัดฟัน
ออสตินแค่อยากเป็นผู้ชมนอกจากนี้ เขารู้สึกว่าเขามีโอกาสใช้ลูกบาศก์วิวัฒนาการในอนาคตตามนิสัยของแบล็คสตาร์ ดังนั้น ออสตินจึงไม่เตรียมเข้าร่วมฝ่ายใด
สำหรับผู้อยู่เหนืออย่างเขาที่ชินกับการเป็นกลางเขาเต็มใจทิ้งผลประโยชน์บางอย่างเพื่ออยู่ข้างสนามและดูการแสดง ด้วยระดับเขา เขาไม่จำเป็นต้องตีสองหน้า
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นผู้อยู่เหนือ และเขาก็คงทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองหากเขาเข้าร่วม ออสตินไม่โง่ การรักษาเป็นกลางนับว่าดีสุด
ทัศนคติของออสตินแน่วแน่และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะโน้มน้าวดังนั้น หานเซี่ยวจึงวางสายหลังสนทนาสั้นๆ
แม้เขาจะไม่สามารถนำออสตินมาข้างเขาได้หานเซี่ยวก็ไม่ผิดหวังเกินไป เขาไม่เคยคิดให้ออสตินมาอยู่ข้างเขาตั้งแต่ต้น มันคงน่าแปลกใจเขาทำสำเร็จ แต่ความล้มเหลวอยู่ภายใต้การคาดการณ์เขา อย่างน้อย ไซเคอร์ก็ยังไม่อาจดึงตัวออสตินได้
สถานการณ์ชัดเจนแล้วและการแบ่งผู้อยู่เหนือก็ไม่เปลี่ยน หากเป็นแบบนั้น หานเซี่ยวจำต้องหาความช่วยเหลือจากองค์กรอื่น
…
ในสถานฑูตจักรวรรดิคริมสันบนดาวแม่ของอาณาจักรเคล็นท์…
“อืมเคล็นท์อยากให้เราช่วยพวกเขาจัดการกับแบล็คสตาร์?”
ภายในสำนักงานของสถานฑูตฑูตโซเอลมองฑูตเคล็นท์ด้วยรอยยิ้ม
“ครับแบล็คสตาร์คือคนของผลึกม่วงและฆ่าภัยพิบัติเราไปหลายสิบ ทำให้พลรบระดับสูงเราเสียหายหนัก ตอนนี้แบล็คสตาร์เป็นผู้อยู่เหนือแล้ว เขาจะกลายเป็นก้างชิ้นโต พลังเราจำกัด และหวังว่าจักรวรรดิคริมสันจะช่วยเราได้”ฑูตเคล็นท์กล่าวด้วยความเคารพ
โซเอลเคาะนิ้วกับโต๊ะและมองอีกฝ่ายเงียบๆ
เขาคือฑูตที่จักรวรรดิส่งมาและก็อยุ่มาหลายปีแล้วเขายังเป็นฑูตที่หานเซี่ยวเคยพบในงานเลี้ยงของฮีเบอร์
ช่วงชีวิตของเผ่าจักรวรรดิคริมสันยาวมากและสิบปีก็ไม่ได้มากอะไร
กว่าสิบปีเมื่อเคล็นท์ยอมจำนนต่อจักรวรรดิ โซเอลก็โผล่จากความมืดและสร้างสถานฑูตบนดาวแม่เคล็นท์ นี่แสดงถึงความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจักรวรรดิคริมสันและเคล็นท์
ในเวลาเดียวกันเขาก็มีอำนาจในการระดมกองทัพของจักรวรรดิที่ประจำการในวงแหวนดาวกระจาย
สามอารยธรรมจักรวาลมีโรงงานลับของตนในทุกทุ่งดาวและกองทัพที่ประจำการในทุกทุ่งดาวก็มากพอจะเริ่มสงครามกับอารยธรรมกลุ่มดาวสองสามแห่งพร้อมกัน
อำนาจการควบคุมกองทัพลับเป็นตัวบ่งชี้ถึงสถานะของโซเอลใสนวงแหวนดาวกระจายเขาคือคนที่มีอำนาจสูงสุด
โซเอลคิดพักหนึ่งก่อนพูด”ผมจะพิจารณาคำขอของเคล็นท์เชิญออกไปก่อน”
เมื่อได้ยินฑูตเคล็นท์ก็จำต้องออกไป
“แบล็คสตาร์..”โซเอลพึมพำ
โซเอลมีความเข้าใจถึงผู้อยู่เหนือคนใหม่ที่สร้างความปั่นป่วนทั่วทุ่งดาวในความเป็นจริง โซเอลยังเห็นบันทึกต่อสู้น่าตกใจของแบล็คสตาร์ในฐานข้อมูลของจักรวรรดิตลอดสิบปี
เคล็นท์ไม่อยากให้ผลึกม่วงมีพันธมิตรผู้อยู่เหนือและร้องขอให้จักรวรรดิช่วยพวกเขากำจัดหานเซี่ยว
ในฐานะฑูตจักรวรรดิคริมสันมุมมองของโซเอลอยู่สูงมาก มันไม่ใช่ว่าเขาหยิ่ง ต่อให้มีผู้อยู่เหนือมากมายในจักรวรรดิคริมสัน เขาก็ไม่คิดดูถูกผู้อยู่เหนือคนอื่น มันเพราะเขาเข้าใจถึงพลังของผู้อยู่เหนือดี
มันไม่ใช่ว่าโซเอลไม่อยากช่วยเคล็นท์จัดการกับผู้อยู่เหนือแต่เขาสนใจในตัวแบล็คสตาร์
“เขาเป็นผู้อยู่เหนือในเวลาแค่ยี่สิบปีและก็เป็นคนแรกในประวัติที่ทำได้ด้วยความเร็วเช่นนี้ เขายังมีเส้นทางอีกยาวไกล และศักยภาพก็ไม่อาจประเมินได้”
นอกจากนี้คนๆนี้ยังแย่งลูกบาศก์วิวัฒนาการซ่อนถูกซ่อนโดยศาสนจักรมาได้
บางทีฉันสามารถหาโอกาสติดต่อกับเขาได้
สำหรับความคิดของเคล็นท์..ในฐานะฑูตจักรวรรดิทำไมเขาต้องให้คำอธิบายกับอารยธรรมกลุ่มดาว?
ตอนนี้อุปกรณ์สื่อสารเขาดังและใบหน้าของลูกน้องเขาก็โผล่ขึ้น
“ท่านโซเอลมีบุคคลพิเศษอยากคุยกับท่านครับ ผมควรโอนสายให้ท่านหรือไม่?”
“ใคร?”
“แบล็คสตาร์ครับ”
เขาเป็นฝ่ายติดต่อฉันก่อน?
โซเอลหยุดสองวินาทีก่อนพยักหน้า
“โอนสายมา”
ตอนที่ 772 การเจรจา
หลังรอสักพัก ร่างของโซเอลก็ปรากฏบนจอ
หานเซี่ยวเลิกคิ้ว
เนื่องจากฑูตจักรวรรดิไม่ปฏิเสธคำขอสื่อสารเขามันหมายความว่าพวกเขาสนใจที่จะเจรจากับเขา นี่คือเรือ่งดีเพราะจักรวรรดิเป็นส่วนสำคัญของแผนการเขา
หานเซี่ยวพูดด้วยรอยยิ้ม”ไม่ได้เจอกันนานเลยนะท่านฑูตโซเอล”
“ถูกต้องมันก็ผ่านมากว่าสิบปีแล้ว และ86Iก็เคยเข้าร่วมในงานเลี้ยงของฮีเบอร์ข้างจักรพรรดินีมังกร ผมยังจำได้ว่าคุณพยายามโน้มน้าวเอเมสให้เข้าร่วมกับจักรวรรดิ แม้คุณจะไม่สามารถทำได้สำเร็จ ผมก็ประทับใจในตัวคุณมาก”โซเอลกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทัศนคติเขาที่มีต่อหานเซี่ยวไม่ใช่เพราะหานเซี่ยวคือผู้อยู่เหนือแต่เพราะหานเซี่ยวดูเหมือนจะเอนเอียงมาทางจักรวรรดิ
“ปรากฏว่าคุณยังจำได้”หานเซี่ยวยิ้ม”ตอนนั้นผมรู้สึกว่ามันเป็นไปได้มากที่จักรวรรดิจะยึดโลกริบหรี่ และประวัติศาสตร์ก็ได้พิสูจน์มัน”
รอยยิ้มของโซเอลสว่างขึ้น
กว่าสิบปีก่อนแบล็คสตาร์ทำนายว่าจักรวรรดิคริมสันจะประสบความสำเร็จในการควบคุมโลกริบหรี่ ความประทับใจของโซเอลที่มีต่อหานเซี่ยวจึงเพิ่มขึ้นทันที
“คุณมองได้ไกลจริงๆ”
แน่นอนฉันสงสัยว่าทุกคนสามารถมองไปในอนาคตได้ไกลกว่าฉัน…หานเซี่ยวคิด
นี่คือผลประโยชน์ของการทำความคุ้นเคยกับเนื้อเรื่องก่อนจะได้กินในวันนี้ เขารู้ว่าเขาต้องกินอะไรในวันพรุ่งนี้
หลังหยุดสักพักหานเซี่ยวก็บอกจุดประสงค์
“ความคิดผมไม่เปลี่ยนตั้งแต่สิบปีก่อนและกองทัพแบล็คสตาร์ก็ได้ออกจากเกาะมังกรแล้ว ผมไม่ต้องโน้มน้าวใครอีกและก็สามารถตัดสินใจได้เอง”
ดวงตาของโซเอลสว่างวาบ”ถ้าผมเข้าใจคำพูดเหล่านั้นไม่ผิดคุณต้องการเข้าร่วมกับจักรวรรดิคริมสันงั้นหรือ?”
“นั่นคือเหตุผลที่ผมโทรมา”
หานเซี่ยวพยักหน้า
เพราะการทะลวงผ่านกองทัพแบล็คสตาร์จึงมีสิทธิ์เรียกว่าองค์กรผู้อยู่เหนือ แต่ทว่า ขีดจำกัดขององค์กรก็ยังขึ้นอยู่กับทรัพยากรและเครือข่ายเขา ในกาแล็กซี่ สามอารยธรรมจักรวาลคือผู้หนุนหลังที่ใหญ่สุดและเขาก็สามารถได้รับทรัพยากรจำนวนมากตราบเท่าที่เข้าร่วมกับพวกเขา
ในเวลาเดียวกันเขายังต้องการพันธมิตรที่แข็งแกร่งเพื่อปกป้องลูกบาศก์วิวัฒนาการ ไซเคอร์และศาสนจักรย่อมไม่ยอมแพ้ในตัวลูกบาศก์ และสหพันธ์แห่งแสงอาจเลือกแทรกแซง องค์กรใหญ่ทั้งหมดในจักรวาลล้วนหมายตาในลูกบาศก์วิวัฒนาการ และมันเป็นไปไม่ได้ที่กองทัพแบล็คสตาร์จะป้องกันมันได้
หนึ่งในสามอารยธรรมจักรวาลจักรวรรดิคริมสันเป็นพันธมิตรที่ดีสุดของหานเซี่ยว เขาจะสามารถเข้าถึงโลกริบหรี่ได้ก่อนใครและทำลายแผนของเคล็นท์เพื่อให้ได้ชัยในสงครามลับ
พวกมันล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อผลประโยชน์เขา
แน่นอนมีเหตุผลอื่นอีก
หานเซี่ยวเคยเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังจักรวรรดิมาก่อนในชีวิตก่อนหน้าดังนั้นเขาจึงมีข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อเรื่องมากและมีโอกาสกระตุ้นในจักรวรรดิคริมสัน ท่ามกลางสามอารยธรรมจักรวาล เขาชื่นชมจักรวรรดิคริมสันสุด
ประวัติของสามอารยธรรมจักรวาลสามารถย้อนกลับไปได้ในยุคต้นกำเนิดซึ่งก่อนยุคสำรวจและอารญธรรมทั้งสามก็ไม่ได้เกิดในช่วงเวลาเดียวกัน สหพันธ์แห่งแสงเก่าแก่สุด ตามด้วยศาสนจักรอาร์เคนและจากนั้นก็จักรวรรดิคริมสัน แต่ละช่วงเวลาของพวกเขาแยกห่างกันเป็นพันปี
ยุคต้นกำเนิดคือยุคโกลาหลสุดและขาดบันทึกประวัติศาสตร์ในเวลาเดียวกัน ก็ไม่มีอารยธรรมที่เป็นใหญ่สักอารยธรรม และทุ่งดาวต่างๆก็ไม่ได้เชื่อมต่อกัน ทุกอารยธรรมอยู่ลำพังและสำรวจจักรวาลมืดมิดด้วยตนเอง
ตอนนั้นสามอารยธรรมจักรวาลไม่ได้มีสถานะสูงส่งเช่นนี้ และก็มีอารยธรรมอื่นในทุ่งดาวพวกเขาที่เหนือกว่าพวกเขา หลังผ่านการพัฒนาหลายปี ในที่สุดพวกเขาก็กำจัดคู่แข่งทั้งหมดในทุ่งดาวต่างๆได้และได้รับอำนาจปกครองทั่วทุ่งดาว จากนั้นก็เริ่มสำรวจแถบจักรวาลรกร้าง
กาแล็กซี่กลางที่สามอารยธรรมจักรวาลอยู่คือจุดเริ่มต้นของอารยธรรมทั้งสามเหล่านี้และพวกเขาก็เป็นเพื่อนบ้านกัน พวกเขาค้นพบการดำรงอยู่ของอีกฝ่ายและอยากกำจัดกันและกัน เช่นนั้น สงครามจึงแตกหักระหว่างสามอารยธรรมจักรวาล และนี่ก็กลายเป็นจุดเปลี่ยนระหว่างยุคต้นกำเนิดและยุคสำรวจ จากนั้นสามอารยธรรมจักรวาลก็ร่วมมือกันเพื่อเริ่มยุคใหม่
ในช่วงยุคการสำรวจสามอารยธรรมจักรวาลสู้กันขณะสำรวจโลกภายนอก ด้วยกาแล็กซี่กลางเป็นแกน เปลวไฟแห่งสงครามขยายไปภายนอก มีทุ่งดาวมากมายถูกค้นพบมากขึ้น ในช่วงกระบวนการสำรวจทุ่งดาวใหม่เหล่านี้ มีอารยธรรมากมายถูกบังคับให้ร่วมรบ และสงครามก็กลายเป็นรุนแรง หลายอารยธรรมถูกทำลายย่อยยับเพราะสงคราม
สงครามกระจายไปทั่วกาแล็กซี่ในความเป็นจริง แถบจักรวาลรกร้างหลายแห่งในกาแล็กซี่เคยเป็นทุ่งดาวมาก่อน พวกเขาคือทุ่งดาวที่ถูกลบเป็นแถบจักรวาลรกร้างเพราไฟแห่งสงคราม
ตอนนั้นสามอารยธรรมจักรวาลไม่มีพลังเฉกเช่นนี้ และก็มีอารยธรรมทรงพลังหลายแห่งที่อยู่ระดับเดียวกับพวกเขา อารยธรรมวิวัฒนาการคือหนึ่งในนั้น หากอารยธรรมเหล่านี้อยู่รอด พวกเขาย่อมกลายเป็นอารยธรรมจักรวาลด้วย แต่ทว่า มีนน่าเสียดายที่พวกเขาถูกทำลายไปในช่วงสงครามของยุคสำรวจ มีเพียงสหพันธ์แห่งแสง ศาสนจักรอาร์เคนและจักรวรรดิคริมสันที่อยู่รอด จากนั้นพวกเขาก็ควบรวมอำนาจและหยุดสงครามเพื่อพักหายใจกัน
หลังสงบสุขมาหลายปีสหพันธ์แห่งแสงและศาสนจักรอาร์เคนก็เริ่มแสดงสัญญาณของการหยุดชะงัก มีเพียงจักรวรรดิคริมสันที่ไม่เกียจคร้านในช่วงเวลาสงบสุขและรักษาความทะเยอทะยานกับการพัฒนาเอาไว้
ดังนั้นหานเซี่ยวจึงคิดว่าจักรวรรดิคริมสันนั้นรุ่งโรจน์สุด อารยธรรมที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานมักสร้างโอกาสสำหรับการพัฒนา การจับมือกับจักรวรรดิย่อมให้อนาคตที่สดใสสุด
“อืม..”
เมื่อได้ยินโซเอลก็ไม่ตอบทันทีแต่กลับคิดลึก
เดิมเขาตั้งใจสำรวจแบล็คสตาร์เพื่อทำความเข้าใจเจตนาเขาแต่ไม่คิดว่าแบล็คสตาร์จะเป็นฝ่ายร้องขอเข้าร่วมเอง
มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับผู้อยู่เหนือที่จะเข้าร่วมอารยธรรมจักรวาลแต่มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตอำนาจเขา ดังนั้น เขาต้องรายงานแก่เบื้องบน
โซเอลประเมินคุณค่าของหานเซี่ยวลับๆ
ความแข็งแกร่งและศักยภาพของแบล็คสตาร์ไม่อาจปฏิเสธได้สิบกว่าปีก่อน เขายังเอนเอียงมาทางจักรวรรดิและต้องไม่ใช่พวกฉวยโอกาส นอกจากนี้ กองทัพแบล็คสตาร์ยังมีอิทธิพลมากในวงแหวนดาวกระจาย และมันก็เป็นประโยชน์ต่อการสำรวจโลกริบหรี่ แถม เขายังมีลูกบาศก์วิวัฒนาการในมือ…ใช่ ฉันต้องคุยกับเขาเรื่องลูกบาศก์วิวัฒนาการ
ลูกบาศก์วิวัฒนาการเดิมเป็นของไซเคอร์และถูกปกป้องโดยศาสนจักรอาร์เคนตอนนี้มันอยู่ในมือหานเซี่ยว มันเป็นชิปเจรจาต่อรองที่สำคัญ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้โซเอลก็กล่าว”ผมต้องอยากถามเรื่องหนึ่ง คุณคิดจัดการกับลูกบาศก์วิวัฒนาการยังไง?”
รอยยิ้มปรากฏบนหน้าหานเซี่ยว
“ของชิ้นนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในเงื่อนไขเราสามารถแบ่งปันลูกบาศก์กันได้ จักรวรรดิจะสนับสนุนผมในการเก็บลูกบาศก์วิวัฒนาการ และพวกคุณสามารถส่งคนมาใช้มันได้ไม่จำกัด”
นี่คือวิธีร่วมมือที่ไซเคอร์และศาสนจักรอาร์เคนเลือกใช้อย่างไรก็ตาม เขาไม่เตรียมทำสัญญาพิเศษกับอารยธรรมจักรวาลเหมือนไซเคอร์
ไซเคอร์ใช้สัญญาพิเศษเพื่อให้ศาสนจักรมอบการสนับสนุนแก่เผ่าเนตรม่วงแต่หานเซี่ยวไม่มีเผ่า ผลประโยชน์จากการแบ่งปันลูกบาศก์กับอารยธรรมอื่นย่อมเหนือกว่า
“อืมไม่เลว”โซเอลพยักหน้า นี่อยู่ในขอบเขตที่รับได้”เบื้องบนของจักรวรรดิย่อมเห็นด้วยกับเงื่อนไขนี้ เราสามารถช่วยคุณจัดการกับอุปสรรคภายนอกได้ นอกจากนี้ คุณมีเงื่อนไขอื่นอีกไหม?”
ดวงตาหานเซี่ยวเป็นประกายนี่เป็นเวลาที่พวกเขาจะเจรจาถึงผลประโยชน์
“ผมมีคำขอไม่กี่อย่าง”หานเซี่ยวกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง”อย่างแรกผมหวังว่าจักรวรรดิคริมสันจะมอบทรัพยากรให้แก่ผมและกองทัพแบล็คสตาร์”
“ไม่มีปัญหา”โซเอลตอบโดยไม่ลังเล”ด้วยลูกบาศก์วิวัฒนาการเราย่อมเต็มใจมอบทรัพยากรให้”
“สองผมหวังว่ากองทัพแบล็คสตาร์จะสามารถเข้าร่วมหน่วยสำรวจโลกริบหรี่ได้”
“ฮ่าๆๆผมคิดว่าจักรวรรดิต้องเป็นฝ่ายร้องขอให้คุณไปเองซะมากกว่าหากคุณไม่กล่าวขึ้น”
หานเซี่ยวพยักหน้า
ถูกต้องวงแหวนดาวกระจายอยู่ใกล้กับโลกริบหรี่สุด และหากจักรวรรดิต้องการทัพหน้า องค์กรในวงแหวนดาวกระจายก็เหมาะสมสุด
ตั๋วเข้าสู่โลกริบหรี่ไม่มีปัญหาแน่นอน
“สามผมหวังว่าจักรวรรดิคริมสันจะไม่ช่วยอาณาจักรเคล็นท์เรื่องสงครามลับ”
โซเอลขมวดคิ้วทันที
“นี่เป็นการตัดสินใจของเบื้องบนและไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจผมผมไม่อาจรับปากได้”
คำขอนี้เป็นสิ่งที่เขาคาดไว้แต่ก็ยังสมเหตุสมผล
หลังสู้กันมาหลายปีมันไม่แปลกหากแบล็คสตาร์อยากได้รับชัยชนะ แต่ทว่า เคล็นท์ก็เป็นพันธมิตรกับจักรวรรดิเหมือนกัน และนี่คือคำขอที่ถามว่าฝ่ายไหนมีค่ากว่ากัน แม้กระทั่งโซเอลก็ยังไม่อาจรับประกันได้ว่าเบื้องบนจะตัดสินใจยังไง
“ไม่มีปัญหา”หานเซี่ยวโบกมือ”นั่นคือเงื่อนไขของผม”
“อืมผมจะรายงานเรื่องนี้ทันที”
จากนั้นโซเอลก็กล่าว”ใช่ผมได้ยินเรื่องความขัดแย้งระหว่างคุณและฮีเบอร์ คุณอยากให้ผมเป็นตัวแทนของคุณไหม?”
เนื่องจากแบล็คสตาร์กำลังจะจับมือกับจักรวรรดิฮีเบอร์และแบล็คสตาร์จึงถือเป็นพันธมิตรกัน การต่อสู้นี้คล้ายกับการตีกันของพวกเดียวกันเอง
แม้การท้าทายต่อสาธารณะจะไม่อาจยกเลิกพวกเขาก็แค่ต้องประกาศว่าแบล็คสตาร์เข้าร่วมกับจักรวรรดิแล้ว ตอนนั้น ทั้งสองฝ่ายย่อมไม่สู้กัน
“นั่นไม่จำเป็น”หานเซี่ยวปฏิเสธ
โซเอลคิดสักพักและเข้าใจได้จากนั้นก็ยิ้ม”คุณพูดถูก ผมคิดน้อยไป”
มันจะไม่เป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ของแบล็คสตาร์หากจักรวรรดิคริมสันออกหน้าแก้ไขความขัดแย้งระหว่างทั้งสองโลกภายนอกจะคิดว่าแบล็คสตาร์เลือกเข้าร่วมกับจักรวรรดิเพราะกลัวฮีเบอร์
“หากคุณไม่มีอะไรเพิ่มเติมผมก็จะรายงานเงื่อนไขคุณกับหัวหน้าผม”
“อืม”หานเซี่ยวพลันคิดถึงบางสิ่ง”ผมมีคำขอเล็กๆผมหวังจะได้รับความรู้ล้ำยุคสายช่างกลภายใน20วัน”
จักรวรรดิคริมสันย่อมมีความรู้ทั้งชุดและความรู้ล้ำยุคก็ไม่ได้ล้ำค่ามากต่อพวกเขา บางทีเขาคงสามารถเปิดใช้งานทักษะของจักรพรรดิช่างกลได้ก่อนต่อสู้
ด้วยความเร็วการสร้างปัจจุบันของเขา20วันมากพอให้เขาสร้างกองทัพจำนวนมากด้วยความรู้ใหม่
โซเอลพยักหน้าหากมันคือความรู้สูงสุด เบื้องบนอาจยังต้องพิจารณา แต่ความรู้ล้ำยุคไม่มีค่าอะไร เหนือสิ่งอื่นใด อีกฝ่ายคือผู้อยู่เหนือที่กำลังจะเข้าร่วมเป็นพันธมิตร
“เอาละรอคำตอบของผม”
นี่คือการเจรจาครั้งแรกของพวกเขาและผลลัพธ์ก็จะถูกกำหนดโดยเบื้องบนของจักรวรรดิคริมสัน
…
ในเวลาเดียวกันในภูมิภาคหนึ่งของวงแหวนดาวกระจาย ไซเคอร์กำลังรุดหน้าไปกลุ่มดาวโคลตัน
“ในเมื่อจักรพรรดินีมังกรตัดสินใจแทรกแซงดูเหมือนเรื่องนี้จะไม่ราบรื่นเสียแล้ว..”
ไซเคอร์อารมณ์ไม่ดี
ฮีเบอร์ยืนกรานจะต่อสู้กับแบล็คสตาร์ลำพังและปฏิเสธที่จะจับมือกับเขา ดังนั้น ไซเคอร์จึงต้องประกาศสงครามแยก แต่ทว่า เขาก็ยังพบโอกาสดีจากเรื่องนี้
ในเมื่อแบล็คสตาร์ยังรักษาลูกบาศก์ไว้ในสภาพพกพาเขาย่อมนำมันติดตัวไปด้วย ในตอนต่อสู้ แบล็คสตาร์ต้องเผยจุดบอด ตอนนั้น เขาจึงมีโอกาสชิงของคืนจากแบล็คสตาร์
ตอนนั้นมันจะเปล่าประโยชน์สำหรับฮีเบอร์ที่จะปฏิเสธเขา ตราบเท่าที่ฮีเบอร์และแบล็คสตาร์เริ่มสู้กัน เขาย่อมสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ทุกเมื่อและไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้
เขาไม่ต้องปะทะกับแบล็คสตาร์ซึ่งๆหน้าหากอยากคว้าโอกาสเช่นนี้และอัตราสำเร็จก็สูงมากเป้าหมายของไซเคอร์ก็มีแค่ลูกบาศก์ ไม่ใช่การจัดการแบล็คสตาร์ เขาไม่สนใจความคิดคนอื่น เพื่อการพัฒนาเผ่าเขา การเสียชื่อเสียงไม่นับเป็นอะไร
เดิมทีแผนเขาไม่ผิดพลาด แบล็คสตาร์ต่อสู้ลำพังและขณะที่เขาจดจ่อกับฮีเบอร์ เขาก็ไม่มีทางเสียเวลาไปจัดการกับผู้อยู่เหนือคนอื่นได้แน่
แต่ทว่าการแทรกแซงของเอเมสได้ทำลายแผนการเขา
ในเมื่อแบล็คสตาร์มีพันธมิตรเอเมสย่อมหยุดเขาหากเขาอยากโจมตี จากนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะชิงลูกบาศก์
เว้นแต่..จะมีคนมายับยั้งเอเมส
ตัวเลือกที่ดีสุดคือออสตินแต่เฒ่าทารกนี่แค่อยากดูการแสดงข้างๆและปฏิเสธที่จะช่วย
ดังนั้นเขาต้องมองหาผู้ช่วยคนอื่น
โชคดีเขามีพันธมิตรที่ทรงพลัง
“ดูเหมือนฉันจำต้องขอความช่วยเหลือจากกองทัพของศาสนจักรที่ประจำการอยู่ในวงแหวนดาวกระจายพวกเขาควรเต็มใจลงมือหากมันเป็นการยับยั้งผู้อยู่เหนือ…”
ดวงตาของไซเคอร์สว่างวาบราวกับหลอดไฟ