The Legendary Mechanic - ตอนที่ 801-802
ตอนที่ 801 ประลอง
ด้านนอกวงแหวนผนึกไซโอนิคหานเซี่ยวและเวอรูลอยในอวกาศ ยานอวกาศกำลังลอยห่างไม่ไหลมาก
ยานอวกาศนั้นมีพวกคล็อตติรวมถึงเอเมส อีซอปและคนอื่น
“ไม่เจอกันนานเลยนะอีซอป”สมาชิกแอนเชี่ยนวันทักทายด้วยรอยยิ้มปลอมๆ
“เรเวนลูดด์นายยังไม่ตาย”อีซอปตอบ
“นับตั้งแต่นายถูกเตะออกแอนเชี่ยนวันฉันก็ไม่ได้ยินถึงนายอีก มันกลับเป็นว่านายไปยังพื้นที่ชนบท วงแหวนดาวกระจาย ทำไมถึงไม่ใช้ชีวิตในทุ่งดาวอื่นละ?”เรเวนลู้ดกล่าวด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
“นายใช้ชีวิตมานานจนความทรงจำเลอะเลียนหรือ?ทำไมฉันจำได้ว่าฉันเป็นคนออกจากแอนเชี่ยนวันเอง?”อีซอปเหลือบมองเขา
ท่ามกลางแอนเชี่ยนวันอีซอปมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับคนๆนี้
ย้อนกลับไปตอนอีซอปออกแอนเชี่ยนวันนอกจากเพราะเขาไม่อยากให้ชื่อนี้มาป้องกันเขาจากการถามหาปัญหา มันยังเพราะเขามีความสัมพันธ์ไม่ดีกับสมาชิกบางคน ในฐานะผู้พยากรณ์ที่ทรงพลัง เขาไม่ชอบใช้ความสามารถเขากับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง เมื่อครั้งที่เขาปฏิเสธเริ่มกองเป็นภูเขา มันก็กลายเป็นแหล่งความขัดแย้ง
เอเมสไม่รู้จักใครดังนั้นจึงยืนข้างๆและแค่ดู
นี่เป็นโอกาสสังเกตพลังของแบล็คสตาร์นอกจากคล็อตติ ผู้ไม่สนใจนัก ทุกคนต่างจับจ้อง
พวกเขารู้ว่าเวอรูแข็งแกร่งแค่ไหนความสามารถต่อสู้เขาได้รับการทดสอบมานับไม่ถ้วนผ่านการต่อสู้ ดังนั้น คำถามเดียวคือ แบล็คสตาร์จะทนได้นานแค่ไหน?
พวกเขาเคยได้ยินฉายากายอมตะและที่ว่าร่างเขาแข็งพอๆกับฮีเบอร์พวกเขาสงสัยว่าแบล็คสตาร์จะสามารถหยุดดาบผ่านภาของเวอรูได้ไหม
หานเซี่ยวเปิดใช้ชุดจักรกลหมวกคลุมหน้าเขาและซ่อนสีหน้า จากนั้นก็เปิดประตูมิติที่สอง กองทัพจักรกลกรูออกมาและเต็มสนามรบทันที
ค่อนข้างเยอะแต่ต่อหน้าฉัน มันก็แค่เศษขยะ เวอรูแค่นเสียง กล้ามเขาขยายและเปลวไฟสีฟ้าก็เผาไหม้บนตัว
เปลวไฟบีบอัดกันบนฝ่ามือเขาและยังคงขยายกลายเป็นดาบพลังงานสีฟ้ายาวกว่าร้อยเมตร
นักสู้มีสายต่างกันสายทหารสงครามจะต่อสู้ด้วยดาบเป็นหลัก แต่มันแตกต่างจากการเป็นนักสู้จักรกล นักสู้จักรกลพึ่งพาอาวุธเพื่อสู้และใช้พลังจักรกลเพื่อเสริมอาวุธพวกเขา ส่วนนักสู้จะใช้อาวุธเพื่อพัฒนาทักษะตนเอง แหล่งความเสียหายหลักก็ยังเป็นเพลิงนักสู้ของพวกเขา
เขาสูดหายใจลึกเปลวไฟทะลักเข้าสู่ดาบยาวร้อยเมตร เวอรูฟันหลายครั้งติด ดาบสีฟ้ายิงออกไปและสร้างพื้นที่ว่างเปล่าภายในกองทัพจักรกล พลังของดาบแสงเหล่านี้ลดลงขณะทำลายทหารจักรกล
หานเซี่ยวเปิดใช้ความสามารถโบนัสต่างๆและควบคุมกองทัพจักรกลเขาให้ร่วมสู้
เวอรูถูกล้อมด้วยทหารจักรกลนับไม่ถ้วนดาบเขาร่ายรำเร็วมาก ดาบแสงยิงจากมันไม่หยุดและทำลายขบวนรบทหารจักรกล ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก มันเหมือนพายุที่ปรากฏในอวกาศ
ข้อมูลการต่อสู้ผุดไม่หยุดความเสียหายของชายคนนี้สูงจริงๆ บางทีแม้แต่ฮีเบอร์ก็อ่อนแอกว่าในด้านนี้
เทียบกับการบุกที่หนักแน่นของฮีเบอร์เวอรูเน้นความเร็ว การโจมตีพื้นที่เขาไม่เลวและความเสียหายเป้าหมายเดี่ยวก็ยิ่งน่ากลัว ก่อนหน้านี้ เมื่อทหารยักษ์เปลี่ยนเป็นโหมดป้องกัน พยายามหยุดการโจมตีของเวอรู เวอรูก็ยังผ่ามันเป็นสองส่วนได้ง่ายๆ
อย่างไรก็ตามหานเซี่ยวไม่ได้สุ่มเลือกคู่ต่อสู้มา ความเสียหายของเวอรูสูง แต่เขาอ่อนกว่าฮีเบอร์ในด้านหนึ่ง…ความถึก!
แม้เขาจะเป็นนักสู้และมีพรสวรรค์ลดความเสียหายมากมายเขาก็ไม่มีความสามารถหลักที่สำคัญ..เขาไม่ต้านทานความเสียหายจริง!
เวอรูมีพรสวรรค์ลดความเสียหายจริง50%ซึ่งอ่อนกว่าการต้านทานมาก ความเสียหายจริงยังน่ากลัวกว่าการโจมตีปกติมากต่อให้ลดลงไปครึ่งหนึ่ง!
เมื่อเทียบฮีเบอร์กับเวอรูหานเซี่ยวทำได้แค่สูสีกับฮีเบอร์ แต่กับเวอรู เขาดันเป็นศัตรูประเภทที่หานเซี่ยวสามารถโต้ตอบได้!
ดาบแสงยิงไปทุกทิศทางขบวนรบเสียหายหนัก ดังนั้นกองทัพจักรกลจึงรับมือด้วยการกระจายตัวและโจมตีจากระยะไกล
ภายใต้การระดมยิงของปืนใหญ่ไซโอนิคดาบของเวอรูก่อตัวเป็นทรงกลม เขาใช้ความสามารถบางอย่าง เปลี่ยนดาบแสงรอบเขาเป็นม่านพลังพิเศษ ป้องกันการโจมตีไซโอนิคส่วนใหญ่ การระเบิดถูกขวางโดยบอลแสง
แต่ทว่ากองทัพจักรกลใหญ่เกินไปและการโจมตีก็หนาแน่น การป้องกันของเวอรูไม่อาจหยุดทั้งหมดได้ บางครั้ง การโจมตีไซโอนิคจะผ่านเกราะดาบและยิงใส่ร่างเขา สั่นคลอนไฟพลังงาน
เมื่อรู้สึกถึงเซลล์ที่ตายในร่างดวงตาของเวอรูก็เปลี่ยนไป
ทรงพลังมาก..การต่อสู้ยืดเยื้อไม่เหมาะกับฉันฉันต้องโจมตีร่างกายเขา
เมื่อตระหนักเช่นนั้นไฟพลังงานของเวอรูก็สั่น ม่านพลังรอบเขาขยายและกลายเป็นคลื่นกระแทก ระเบิดทหารจักรกลรอบเขาออกไป
จากนั้นเขาก็จับดาบสลับด้าน ร่างเขาเปลี่ยนเป็นปีศาจเพลิงสีฟ้าและทะยานเข้าหาหานเซี่ยว เมื่อเขามาถึงแนวหน้ากองทัพจักรกล เขาก็เปลี่ยนมาถือดาบปกติ ฟาดไปข้างหน้า
เทคนิคผ่าดาวดาบเงา!
ดาบแสงนับพันปะทุพร้อมกันและกระจายไปทุกทิศทางทำลายกองทัพจักรกลในทิศทางหนึ่งและเจาะการป้องกันหลายชั้น ชิ้นส่วนจักรกลที่แตกกระจายไปทั่ว
หานเซี่ยวกำหมัดพลังจักรกลสีฟ้าทองยิงออกจากมิติ คว้าอะไหล่ทั้งหมดเหมือนตาข่ายสายฟ้าและเชื่อมต่อพวกมันเข้าด้วยกัน
[การดัดแปลงของเสีย]!
[การสร้างเครื่องจักรขั้นสูง]!
อะไหล่ที่เสียหายกลายเป็นทหารจักรกลอีกครั้ง
แต่ทว่าในชั่วพริบตา เวอรูก็หายไป เขาพุ่งผ่านชั้นป้องกันและปรากฏต่อหน้าหานเซี่ยว ดาบในมือเขาเปลี่ยนเป็นขนาดปกติจากยาวร้อยเมตร ด้วยดาบพลังงานเข้มข้นกว่าเดิมในมือ เขาผ่าลงมา!
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันสู้กับช่างกล”เวอรูกล่าวด้วยใบหน้าตายด้านมันไม่ใช่ความลับที่ช่างกลมีความสามารถดัดแปลงของเสีย ด้วยประสบการณ์เขา เขารู้ว่าช่างกลต้องใช้มัน เขาจึงใช้โอกาสนี้และเข้าประชิดตัวหานเซี่ยว เขาคือนักสู้ที่มุ่งเน้นความเร็ว ดังนั้นจึงมีวิธีเข้าประชิดกว่าหานเซี่ยว
ซวบ!
ดาบเฉือนผ่านร่างหานเซี่ยวโดยไม่มีการต่อต้านราวกับมันผ่าเขาเป็นสองส่วน แต่ทว่า เวอรูไม่รู้สึกเหมือนฟันโดนอะไร สีหน้าเขาเปลี่ยนไป
‘หานเซี่ยว’ที่ถูกผ่าพลันหายไปร่างจริงเขาอยู่ห่างไปสิบเมตร
ก่อนหน้านี้หานเซี่ยวใช้อุปกรณ์ลวงตาบางอย่างและหลอกสัมผัสของเวอรู การหลอกนักสู้ผู้อยู่เหนือที่สามารถจับเป้าหมายด้วยพลังงานได้ยากมาก แต่อุปกรณ์ลวงตาพิเศษนี้คือหนึ่งในอุปกรณ์ระดับสูงที่หานเซี่ยวสร้างขึ้นโดยเฉพาะ มันสามารถสร้างภาพลวงตาที่จำลองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ข้อเสียคือมันมีคูลดาวน์นาน
เมื่อพลาดการโจมตีไปครั้งหนึ่งการเคลื่อนไหวของเวอรูก็ไม่หยุด เขาหันไปโจมตีอีกครั้ง เร็วยิ่งกว่าเดิม ดาบเขาขยายและฟันหน้าอกหานเซี่ยวเหมือนแส้
เทคนิคผ่าดาวแส้!
การโจมตีนี้เดิมมีเป้าหมายที่หน้าอกของหานเซี่ยวแต่เวอรูเลปี่ยนทิศทางมันและมุ่งเป้าที่หัวหานเซี่ยว
แต่ทว่าการตอบสนองของหานเซี่ยวก็ทำให้เขาตกใจ เขาไม่หลบเลยและพุ่งเข้าใส่
ดาบตัดเปิดชุดจักรกลของหานเซี่ยวผ่าหน้าผากเขาจนเลือดไหลชะโลมหัว
เวอรูตกใจก่อนจะได้ถอนดาบ เขาก็เห็นหานฌซี่ยวคว้าแขนเขาไว้เหมือนไม่บาดเจ็บและชกใส่หน้าอกเขา
บูม!
แรงสั่นสะเทือนส่งผ่านร่างเวอรูเซลล์มากมายของเขาถูกทำลายและส้รางขึ้นใหม่ผ่านพลังงานของเวอรู เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
[บิดาแห่งจักรกล]และ[พลังจักรพรรดิ]มอบค่าสถานะให้หานเซี่ยวมากมาย
จากนั้นบาดแผลของหานเซี่ยวก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว อนุภาคนาโนของชุดก็ซ่อมส่วนที่เสียหาย
ความเร็วการฟื้นฟูนี้…รูม่านตาของเวอรูหดลง
ครั้งนี้กองทัพจักรกลด้านหลังเวอรูพลันหันกระบอกปืนและยิงใส่ทั้งคู่
เพียงเมื่อเวอรูกำลังจะถอยผู้รักษาสัจจะทั้งสองก็ปรากฏข้างหานเซี่ยวและจับเขาไว้
ด้วยการสะบัดดาบเขาผ่าร่างของผู้รักษาสัจจะได้แต่ก็มีแรงต้านมหาศาล เขาไม่อาจผ่ามันได้ในการฟันครั้งเดียว พลังัจกรกลสีฟ้าทองกระพริบอยู่ภายในแผลของจักรกลเหล่านี้
ผู้รักษาสัจจะทั้งสองคือทหารจักรกลชั้นยอดที่ได้รับโบนัสจาก[พรสวรรค์จักรพรรดิ]แม้กระทั่งผู้อยู่เหนือก็ไม่อาจทำลายพวกมันได้ในการโจมตีเดียว
เมื่อไม่อาจทำลายได้ในการโจมตีเดียวเวอรูจึงรีบระเบิดพวกมันออกไปด้วยคลื่นพลังงาน แต่เขาก็ถูกผู้รักษาสัจจะโจมตีเหมือนกัน ปืนใหญ่ไซโอนิคยิงใส่หน้าอกเขาและการเคลื่อนไหวเขาก็หยุดชะงัก
ปืนใหญ่ไซโอนิคยิงจากด้านหลังเขาเวอรูไม่เต็มใจละทิ้งโอกาสโจมตีหานเซี่ยว ดังนั้นเขาจึงปล่อยม่านพลังด้านหลัง ป้องกันการระดมยิงก่อนโจมตีหานเซี่ยว
สนามรบทิ้งจากพื้นที่เดิมและย้ายไปเรื่อย
ทั้งสองสู้กันในระยะประชิดดาบของเวอรูเฉือนร่างหานเซี่ยวเป็นครั้งคราว ตัดชุดจักรกลและเนื้อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ทว่า เขาก็ฟื้นตัวด้วยความเร็วที่ตาเห็น และแผลก็รักษาหายในชั่วพริบตา
ยิ่งเวอรูสู้นานเขาก็ยิ่งตกใจ เขาได้ยินฉายากายอมตะมา แต่ไม่คิดว่ามันจะทรงพลังถึงเพียงนี้
ก่อนหน้านี้คล็อตติที่เฝ้าดูหยุดสนใจไปแล้ว แต่ตอนนี้เขากลับมีสีหน้าจริงจัง
ความเร็วการฟื้นฟูของหานเซี่ยวทำให้เขาตกใจ
เขาไม่เคยเห็นช่างกลคนใดที่มีร่างกายแข็งแกร่งเทียบเคียงกับนักสู้ได้มาก่อน
“ผู้ที่เพิ่งก้าวข้ามไม่ควรมีความสามารถมากขนาดนี้”หนึ่งในนั้นกล่าวอย่างตกใจ
หานเซี่ยวใช้[ขวากหนาม]และ[กระโดดมิติ]ต่อเนื่องเพื่อป้องกันการโจมตีของอีกฝ่ายทั้งคู่ศู้กันอยู่สักพักก่อนกองทัพจักรกลจำนวนมากจะล้อมเวอรูอีกครั้ง ในที่สุดหานเซี่ยวก็ออกจากการต่อสู้ระยะประชิดได้
หลังรับการโจมตีมากมายหานเซี่ยวแทบไม่บาดเจ็บ อย่างน้อยคนอื่นก็ไม่อาจเห็นได้ว่าเขาบาดเจ็บอะไร
หานเซี่ยวตบหน้าอกและกางแขน
ก่อนเวอรูจะได้ตอบสนองการโจมตีของกองทัพจักรกลจำนวนมากก็แข็งแกร่งขึ้น ด้วยความช่วยเหลือของกับดักทุกชนิด เวอรูกลายเป็นหยุดชะงัก
ครั้งนี้ปืนใหญ่ขนาดมหึมาปรากฏด้านหลังหานเซี่ยว พลังงานไซโอนิคเริ่มควบแน่น
ปืนใหญ่ทำลายดาว!
สีหน้าเวอรูเปลี่ยนไป
บ้าไปแล้วการใช้อาวุธระดับสงครามแบบนี้เกินกว่าคำว่าประลองไปแล้ว!
ทันใดนั้นจากกองทัพจักรกลรอบเวอรู โซ่แม่เหล็กไฟฟ้านับร้อยระเบิดออกมาและมัดเวอรูไว้
เวอรูพยายามหนีแต่ด้วยความตกใจ เขาตระหนักว่าเขาไม่อาจหลบหีจากมันได้ มันราวกับโซ่เหล่านี้เป็นหนวด พวกมันสามารถตรึงเขาไว้ได้
ตัวจับแม่เหล็กไฟฟ้าขั้นสูงกับดักจักรกลประเภทควบคุมเป้าหมายเดี่ยว นี่คืออุปกรณ์ที่หานเซี่ยวสร้างด้วยความรู้ล้ำยุค[ทฤษฏีการทำงาน] มันสามารถควบคุมผู้อยู่เหนือได้ชั่วคราวและถือเป็นเครื่องจักรระดับสูง มันซ่อนอยู่ในกองทัพจักรกล
วินาทีต่อมาทหารจักรกลก็ระดมยิงใส่เวอรูและการโจมตีไซโอนิคก็สาดเทเหมือนพายุสายฟ้า!
แสงส่องสว่างทำให้หน้าของเวอรูเปลี่ยนสีเปลวไฟปะทุทั่วร่างเขา เปลี่ยนเป็นดาบไฟและรีบหมุนรอบร่างเขา สร้างเป็นชั้นป้องกัน
การควบคุมดาบ-ม่านพลังงาน!
บอลแสงขยายหานเซี่ยวยิงปืนใหญ่ทำลายดาวที่ประจุพลังงานจนเต็ม ลำแสงพลังงานสีน้ำเงินก้อนโตระเบิดออกไป
เมื่อลำแสงเดินทางได้ครึ่งทางกลุ่มพลังงานสีดำก็ปรากฏบนเส้นทางโจมตีและปะทะกับลำแสงพลังงานไซโอนิค พลังงานทั้งสองทำให้เกิดการระเบิดต่อเนื่อง อีกด้นา ม่านพลังงานดำนับสิบหยุดการระดมยิงของกองทัพและให้เวอรูมีเวลาหายใจ
เวอรูรีบหลบหนีจากกับดักกระตุ้นความสามารถบางอย่าง เปลี่ยนเป็นลำแสงและหลบหนีออกสนามรบ เขาลอยอยู่ด้านข้างด้วยใบหน้าขาวซีด เหมือนจะบาดเจ็บ
หากมันเป็นฮีเบอร์การโจมตีเหล่านี้แค่คันๆ แต่ทว่า พลังชีวิตของเวอรูกลับลดไปมาก
หานเซี่ยวหรี่ตาและให้กองทัพจักรกลหยุดโจมตีก่อนหันมองยานอวกาศ
คล็อตติยืนด้านหลังหน้าต่างและยกมือหนึ่งขึ้นเขาคือคนที่ควบคุมพลังงานมืดและแทรกแซงการต่อสู้
“การประลองจบเพียงเท่านี้”คล็อตติกล่าวผ่านช่องทางสื่อสาร”นี่ถือว่า..เสมอ”
เสมอ?
คนอื่นมีสีหน้าต่างกัน
พวกเขารู้ว่านี่แค่การพูดเพื่อไม่ให้เวอรูอับอายแค่จากสถานการณ์ก่อนหน้า หานเซี่ยวเป็นฝ่ายชนะอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยความสามารถฟื้นฟูเช่นนั้นและกองทัพจักรกลรวมถึงการโจมตีแปลกๆ ช่างกลอย่างเขาแทบไม่มีจุดอ่อนเลย พวกเขาตกใจและรีบทิ้งขว้างการดูหมิ่นที่เคยมีไปเพราะเขาเป็นผู้อยู่เหนือคนใหม่จากวงแหวนดาวกระจาย
หานเซี่ยวได้รับความเคารพจากพลังเขา
สีหน้าเวอรูไม่สู้ดีในฐานะคนที่เริ่มท้าทาย เดิมเขามั่นใจมาก แต่ตอนนี้เขากลายเป็นเป้าหมายให้เด็กใหม่ได้แสดงพลัง เขารู้สึกอับอายมากและไม่พอใจ
แต่ทว่าอีกฝ่ายเหนือกว่าด้วยวิธีการที่ถูกต้อง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจพูดอะไรได้
เมื่อได้ยินสิ่งที่คล็อตติกล่าวหานเซี่ยวก็ไม่ปฏิเสธและถอนกองทัพจักรกลเขาไป
ผลที่ได้ไม่สำคัญตราบเท่าที่เป้าหมายของการแสดงพลังบรรลุ มันก็พอแล้ว
นอกจากนี้หากเวอรูทุ่มสุดตัว พลังระเบิดเขาย่อมสูงกว่าฮีเบอร์ มันจะไม่ง่ายสำหรับหานเซี่ยวที่จะรับมือแม้จะด้วยความเร็วการฟื้นฟู
เหตุผลหนึ่งที่เขาเหนือกว่าเพราะรูปแบบที่หักล้างมันดูเหมือนว่าเขาเหนือกว่าเวอรูซะสนิท แต่หากเป็นการต่อสู้จริง เวอรูย่อมไม่ทำผิดพลาดแบบนี้
ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้น
ในบรรดาผู้อยู่เหนือเขาแข็งแกร่งมากในการต่อสู้ยืดเยื้อ แต่พลังดิบๆเขายังไม่สูงพอ
เขาสะสมค่าประสบการณ์ไว้มากเมื่อการลงโทษค่าประสบการณ์หมด เขาจะสามารถเลื่อนระดับได้อีกครั้ง
เขาประเมินว่าตอนนั้นเขาจะได้รับตำแหน่งสูงขึ้น
เขากลับยานและเดินไปห้องโดยสารคนอื่นเข้ามาหาเขา
หานเซี่ยวสังเกตว่าไม่มีการดูหมิ่นในสายตาพวกเขาอีกตอนนี้มีแต่ความเคารพ
ผ่านการประลองพลังเขาเป็นที่จดจำ ตอนนี้ เขาได้รับการยอมรับแล้ว
เวอรูเดินมาหาหานเซี่ยวหลังดึงหน้าอยู่นาน เขาก็หันมาและกล่าว”หากมีโอกาสในอนาคต เราต้องประลองกันอีกครั้ง”
“งั้นฉันเดาว่าคงไม่มีโอกาส”หานเซี่ยวเลิกคิ้วหากไม่มีผลประโยชน์ ทำไมฉันต้องสู้กับนาย?ฉันไม่ใช่พวกบ้าการต่อสู้
พูดก็พูดมันดูเหมือนนักสู้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกบ้าการต่อสู้…
ตอนที่ 802 กินและนอนก่อนสู้กับเทพเอส
ยานอวกาศกลับดาวแม่บนนั้น พันธมิตรผู้อยู่เหนือไม่ซักถามอีก มันดูเหมือนพวกเขาจะยอมรับหานเซี่ยวสนิทใจและแนะนำตัวเองกัน
หานเซี่ยวรู้จักชื่อพวกเขานานแล้วและแค่ทำให้เป็นพิธีบางคนเกี่ยวข้องกับจักรวรรดิ บางคนคือคนที่ทรงอิทธิพลในกาแล็กซี่กลาง แต่มีเพียงสองคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปหลายทุ่งดาว
พวกเขามาจากทะเลวิญญาณดวงดาวและแม่น้ำดวงดาวแรกเริ่มอย่างหลังคือผู้อยู่เหนือที่เอาไปทางทหาร ดังนั้น ภายในกลุ่มนี้ ทัศนคติเขาจึงชมชอบสุด
ชายคนนี้ไม่แก่และชื่อเขาก็คือเบโยนี่เขามีฉายาว่า’แผดเผา’เพราะความสามาถรเอสเปอร์เขาคือแหล่งกำเนิดของไฟ เขาสามารถจุดไฟให้กับทุกสิ่งได้จากระดับจุลภาค นี่ไม่มีขีดจำกัดเรื่องสสาร เขาสามารถเผาพลังงานได้ด้วยซ้ำ เรื่องที่สร้างชื่อให้เขาคือดาวแห่งหนึ่งที่เคยถูกเขาจุดไฟ และต้นไม้ ดิน กับเหล็กทั้งหมดก็ถูกเผา เปลี่ยนเป็นดาวไหม้เกรียม
ก่อนหน้านี้หานเซี่ยวใช้เวลากับพวกชั้นยอดของจักรวรรดิ และพยานก็บอกว่าเขาดูแลเทนนี่ยังไง นี่ทำให้จักรวรรดิมองเขาดี เพราะเทนนี่คือหนึ่งในบุคคลสำคัญแม้จะไม่ใช่พวกเบื้องบนก็ตาม
ดังนั้นเพราะเหตุผลนี้ เบโยนี่จึงตั้งใจผูกมิตรกับเขาและหานเซี่ยวก็ไม่คิดปฏิเสธ ทั้งสองคุยกันอยู่นาน
นอกจากเขาอีกคนที่หานเซี่ยวรู้สึกว่าต้องระวังคือเรเวนลูดด์จากแอนเชี่ยนวัน เขาไม่เย็นชาและไม่เป็นมิตร และดังนั้น เขาจึงไม่คิดจะเสวนากับอีกฝ่าย
แอนเชี่ยนวันคือพันธมิตรหละหลวมสมาชิกต่างเป็นคนแปลกๆ บางคนคือผู้อยุ่เหนือ บางคนมีความสามารถพิเศษ จุดร่วมพวกเขาคือพวกเขาทั้งหมดมีอายุขัยยาวนานและอยู่ได้นานกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นในจักรวาล แอนเชี่ยนวันคือองค์กรที่มีชื่อเสียงมากสุด โดยมีสมาชิกจากสามอารยธรรมอยู่ด้วย
ตัวอย่างเช่นฝ่ายจักรวรรดิมีสมาชิกสองคนจากแอนเชี่ยนวันหนึ่งคือเรเวนลูดด์ และอีกคนคือหนึ่งในสามเสาหลักที่แข็งแกร่งสุด
สหพันธ์แห่งแสงรวมถึงศาสนจักรเองก็มีแอนเชี่ยนวันหนึ่งในนั้นคือผู้นำจักรวรรดิช่างกล แมนิสัน แม้จักรวรรดิพวกเขาจะถือว่าเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่แข็งแกร่งสุด พวกเขาก็ยังมีความเป็นอิสระ เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือผู้นำของทั้งจักรวรรดิช่างกล ด้วยอำนาจที่มากขนาดนั้นในมือ มันย่อมกลายเป็นกองกำลังส่วนตัว
แอนเชี่ยนวันเป็นแหล่งรวมทรัพยากรและการเชื่อมต่อขนาดใหญ่น่าเสียดายที่หานเซี่ยวมีอายุไม่ถึงกำหนด
เพราะการประลองก่อนหน้าหานเซี่ยวจึงได้รับความเคารพ ขณะที่ฝูงชนกลับดาวแม่ การหารือก็เริ่มบนยาน เนื่องจากทุกคนยอมรับหานเซี่ยวแล้ว เขาจึงกลมกลืนได้
คนอื่นอยากยืมลูกบาศก์วิวัฒนาการแต่หานเซี่ยวไม่เห็นด้วยทันที สำหรับผู้อยู่เหนือ นี่เหมือนการติดปีกให้เสือ ไม่มีอะไรฟรีในโลก คล็อตติมีความสัมพันธ์ตรงๆกับจักรวรรดิและสามารถใช้มันได้ แต่คนอื่นไม่สามารถ โดยปราศจากผลประโยชน์ หานเซี่ยวจะไม่ยอมให้พวกเขาพัฒนาความสามารถ
เมื่อได้ยินว่าหานเซี่ยวอยากแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางคนก็มีความเห็นต่างและไม่แสดงความคิดทันที
เดิมส่วนใหญ่คิดว่าแบล็คสตาร์คงมีความยืดหยุ่นในครั้งแรกที่พวกเขาเจอกันและนำลูกบาศก์ออกมาเพื่อเอาใจพวกเขาแต่ทว่า แบล็คสตาร์กลับยากจะรับมือ ดังนั้นแผนพวกเขาจึงผิดพลาดและทำได้แค่รอหาโอกาส
หลังอำลาหานเซี่ยวและเอเมสก็กลับที่พักพวกเขา เมื่อเห็นทั้งคู่กลับมา ฮีล่าและคนอื่นก็รู้สึกโล่งใจ
นี่นับเป็นการปรากฏตัวอย่างเป็นทางการของฉันตอนนี้ฉันก้าวเข้ากาแล็กซี่กลางแล้ว
การมีมิตรมากขึ้นหมายถึงการทำอะไรที่สะดวกขึ้นด้วยการผูกมิตรกับกลุ่มนี้ เขาจะสามารถใช้การเชื่อมต่อของพวกเขาได้ แน่นอน เขาจะปรากฏตัวแบบเดียวกันในสายตาคนอื่น และนี่คือการใช้เครือข่ายของกันและกัน
แต่ยังมีข้อเสียพวกเขาจะได้รับการปฏิบัติเหมือนหมากบนโต๊ะโดยองค์กรอื่นและดึงดูดความสนใจขององค์กรใหญ่ ความเป็นปฏิปักษ์และพลังของศัตรูย่อมสูงขึ้นตาม
เพื่อให้ได้รับทรัพยากรมากมายจากจักรวรรดิการไม่ทำอะไรเลยนับว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน
กาแล็กซี่กลางถูกควบคุมโดยอารยธรรมจักรวาลและองค์กรมันก็ไม่มีอิสระในการพัฒนาและไม่เหมาะกับการปฏิบัติงานสำคัญมันยังเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขาที่จะออกนอกวงแหวนดาวกระจาย ตรงไปโลกริบหรี่เพื่อพัฒนา สำหรับพื้นที่นี้..ฉันแค่ต้องออกจุดติดต่อ หลังเรื่องนี้เสร็จ มันจะดีกว่าสำหรับฉันที่จะอยู่ให้ห่างบริเวณนี้
หากอยากเพิ่มจุดยืนในกาแล็กซี่กลางมันต้องไม่ทำภายในพื้นที่ มันต้องวิ่งวนให้เหมาะสม หากมูลค่าเพิ่ม มันก็ง่ายที่จะได้รับจุดยืนที่ดีขึ้น
…
ในคืนเดียวกันคล็อตติแบ่งปันข้อมูลของหานเซี่ยวให้เออแรนเรลและให้ความคิดเห็นเขาเกี่ยวกับหานเซี่ยว
แม้จะดึกห้องทำงานของเออแรนเรลก็ยังสว่าง เธอจ้องคล็อตติและถาม”คุณคิดว่าแบล็คสตาร์มีโอกาสที่จะพัฒนามากขึ้นกว่านี้ไหม?”
“เป็นไปได้”คล็อตติกล่าว
ผู้บุกเบิกได้ทำลายอาณาจักรนี้มานานกว่าหมื่นปีก่อนหลังวิจัยมานาน พวกเขายังเริ่มให้การจำแนกที่เหมาะสมกับระดับขั้นของอาณาจักรผู้อยู่เหนือ ด้วยอายุปัจจุบันของแบล็คสตาร์และการขาดจุดอ่อนที่ชัดเจนในรูปแบบต่อสู้ มักมีช่องว่างให้พัฒนาในอนาคต คนส่วนใหญ่อาจไล่ตามความเร็วเขาไม่ทัน
คล็อตติประเมินหานเซี่ยวอย่างจริงจังด้วยช่วงชีวิตอันยาวนาน เขาเห็นผู้อยู่เหนือมามาก บางคนหมดศักยภาพหลังทะลวงผ่านจากภัยพิบัติ ถูกกำหนดให้อยู่ระดับปัจจุบันไปตลอดกาล บางคนสามารถเติบโตต่อได้และคนเหล่านี้ก็คืออัจฉริยะในอัจฉริยะ ในสายตาเขา แบล็คสตาร์เป็นคนกลุ่มหลัง
แต่ทว่าเขาก็เห็นมามาก จนเขาไม่ชอบสื่อสารและพบปะกับคนใหม่ ยิ่งไปกว่านั้น คล็อตติยังเกี่ยวข้องโดยตรงกับจักรวรรดิและด้วยตำแหน่งเขา เขาจึงไม่ต้องประจบใคร ดังนั้น เขาจึงไม่แสดงความสนใจต่อหานเซี่ยวนัก
เหนือสิ่งอื่นใดไม่ใช่ผู้อยู่เหนือทุกคนที่เป็นเหมือนช่างกลหานเรา ผู้ชื่นชอบการสนับสนุน
เออแรนเรลพิงเก้าอี้
“ในเมื่อเป็นแบบนั้นมันก็เป็นประโยชน์กว่าที่เขาจะอยู่ทุ่งดาวรอบนอก ความคิดปัจจุบันเขามุ่งเน้นการพัฒนาโลกริบหรี่ แต่หลังจากนั้น เขาอาจมากาแล็กซี่กลางเพื่อพัฒนา…แต่ทว่า ที่นี่มีกำลังคนพอแล้ว และเราก็ไม่ต้องการเขา”
สามอารยธรรมจักรวาลมักขัดแย้งกันภายในกาแล็กซี่กลางบ้างแต่เพราะมันเป็นฐานหลักพวกเขา พวกเขาจึงไม่เคยทำสงครามเต็มรูปแบบ ดังนั้น จึงไม่ต้องมีผู้อยู่เหนือมาประจำในจักรวรรดินัก พวกเขาแค่ต้องมีจำนวนเพียงพอสำหรับการยับยั้ง และการมีมากเกินไปก็เสียทรัพยากรเปล่าๆ มันดีกว่าที่จะส่งผู้อยู่เหนือไปในทุ่งดาวอื่นเพื่อขยายการควบคุมของจักรวรรดิ นี่คือความหมายของคำว่าเสาหลัก
แต่ทว่าเนื่องจากกาแล็กซี่กลางอยุ่ใจกลางจักรวาล คนนับไม่ถ้วนจึงอยากมีสิทธิ์พูดที่นี่ สำหรับเออแรนเรล จำนวนพันธมิตรของพวกเธออิ่มตัวแล้วและไม่อยากให้คนมากมายพึ่งพาชื่อเสียงจักรวรรดิเพื่อพัฒนาองค์กรตนในสถานที่นี้
ในเมือ่แบล็คสตาร์นำป้อมปราการพกพามามันก็หมายความว่าเขาอยากสร้างสาขาที่นี่ เพื่อไว้หน้าพันธมิตรเธอ เออแรนเรลเต็มใจช่วย แต่เธอวางแผนลอบจำกัดความเร็วการขยายของกองทัพแบล็คสตาร์ นี่เพื่อหยุดเขาจากการมากาแล็กซี่กลาง ให้เข้าจดจ่อกับการพัฒนาในวงแหวนดาวกระจายหรือโลกริบหรี่
เออแรนเรลเชื่อในการตัดสินของคล็อตติเนื่องจากเขาบอกว่าแบล็คสตาร์มีความเป็นไปได้ที่จะก้าวหน้าต่อ เขาย่อมไม่ผิด เช่นนั้น แบล็คสตาร์จึงเป็นหมากตัวสำคัญของพวกเขา…
เนื่องจากเขาเป็นหมากตัวสำคัญเขาย่อมต้องถูกวางไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม
…
ข่าวของแบล็คสตาร์กระจายไปทั่วตามสิ่งที่หานเซี่ยวรู้ พวกเขาจะไม่ปิดบังเรื่องนี้และประกาศว่าพวกเขามีหมากตัวใหม่
ชื่อเขาเริ่มอยู่ในสายตาขององค์กรใหญ่ทั้งหมดในกาแล็กซี่กลางหานเซี่ยวไม่มีพื้นฐานในนี้และไม่อาจเข้าใจการตอบขององค์กรเหล่านี้ได้
หลายวันต่อมาจักรวรรดิก็ได้จัดเตรียมกองทัพรักษาการณ์ของดาวแม่เพื่อรับการวิวัฒนาการ และหานฌซี่ยวก็ให้ความร่วมมือ
มันใช้เวลาหลายวันกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการวิวัฒนาการ
ในช่วงเวลานี้กองทัพแบล็คสตาร์ไม่ได้นิ่งเฉย ด้วยความช่วยเหลือของจักรวรรดิคริมสัน พวกเขาใช้ที่ดินผืนเล็กๆในจักรวรรดิเพื่อสร้างสำนักงานเล็กๆ แค่ให้กลุ่มเจ้าหน้าสำหรับพักระยะยาวเพื่อการสือสาร ก่อนพวกเขาจะออกไป พวกเขาได้ประเมินคนกลุ่มนี้และเลือกเฉพาะคนที่เต็มใจอยู่ในกาแล็กซี่กลาง
สำหรับฐานดาวเทียมเคลื่อนที่ของกองทัพจักรวรรดิย่อมไม่ยอมให้พวกเขาตั้งข้างดาวแม่ ดังนั้นพวกเขาจึงให้แผนที่ดาวกับหานเซี่ยว ช่วยให้เขาเลือกจุดในอาณาเขตจักรวรรดิเพื่อตั้งฐานย่อย
ไม่ต้องลังเลในการเลือกเพราะหานเซี่ยววางแบบร่างไว้นานแล้ว
ในเมื่อมันหมายถึงการขุดกระเทียมเพิ่มเพื่อทำสวนตำแหน่งของฐานย่อยย่อมเป็นพื้นที่กิจกรรมหลักของผู้เล่น
เพราะเหตุผลบางอย่างหานเซี่ยวเลือกอยู่บนดาวแม่ชั่วคราว เขาสั่งกองทัพเขาให้ออกไปโดยไม่ต้องรอเขา เพราะความมั่นคงและความปลอดภัยภายในจักรวรรดิ กองทัพเขาจึงไม่ต้องให้เขาไปเปิดฐานที่นั่น
เหตุผลที่เขาเลือกอยู่ด้านหลังนอกจากอยู่กับเอเมสและเที่ยวชม เขายังวางแผนรับความรู้สูงสุด
เออแรนเรลส่งรายชื่องานมาให้หานเซี่ยวและหลังเลือก เขาก็เลือกภารกิจ
งานจิปาถะทั่วไปไม่พอและมีแค่งานยากถึงทำให้ได้รับความรู้ขั้นสูงสุด สิ่งที่หานเซี่ยวเลือกคืองานที่ต้องให้ผู้อยู่เหนือเข้าร่วม…การกว้างล้างกองกำลังแดนผู้ล่วงหล่น!
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือต่อสู้กับเทพเอส!
สามทุ่งดาวของกาแล็กซี่กลางถูกแยกโดยแถบจักรวาลรกร้างซึ่งอ่อนไหวและจัดการได้ยาก เช่นนั้น พวกนอกกฏหมายที่ไม่กล้าอยู่ในสามทุ่งดาวจึงหลั่งไหลเข้าแถบชายแดน สร้างเป็นดินแดนคนเถื่อน
แถบจักรวาลรกร้างนี้ครอบครองพื้นที่กว้างขวางในช่วงการเริ่มของสงคราม สามอารยธรรมได้สู้กัน และสนามรบพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นแถบจักรวาลรกร้าง ดาวนับไม่ถ้วนไร้สิ่งมีชีวิตเพราะพวกเขา
พวกนอกกฏจำนวนมากซ่อนตัวในนั้นทำให้ยากจะค้นหา ด้วยพื้นที่ชายแดนที่เชื่อมต่อกับแถบจักรวาลรกร้างของกาแล็กซี่กลาง การเชื่อมต่อระหว่างทั้งสองทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะถอนรากพวกนั้น
พื้นที่ละเอียดอ่อนนี้ไม่อาจควบคุมได้ง่ายๆนอกจากนี้ สามอารยธรรมจักรวาลมีประตูดาวที่เชื่อมต่อกัน ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงไม่เลือกเดินทางผ่านแถบจักรวาลรกร้าง ดังนั้น มันจึงไม่ส่งผลต่อความปลอดภัยของกาแล็กซี่กลางนัก
ทีมของเทพเอสมักซ่อนภายในรอยต่อของแนวพรมแดนตามแถบจักรวาลรกร้างการดำรงอยู่ของพวกเขาเป็นความลับมาตลอดและเร็วๆนี้ พวกเขาดันเปิดเผยเส้นทาง และถูกจับภาพได้โดยจักรวรรดิ
ด้วยชื่อเสียงฉาวโฉ่ของเทพเอสสามอารยธรรมจักรวาลจึงถือว่างานนี้เป็นงานทั่วไปนานแล้ว ราวกับงานประจำวันพวกเขาคือการกิน นอนและสู้กับเทพเอส
หานเซี่ยวยังมีความแค้นกับเทพเอสแม้เทพเอสจะยื่นข้อเสนอให้เขา หานเซี่ยวก็ไม่ถือเทพเอสเป็นเพื่อนหรือพันธมิตร ในเมื่อเขาอยู่ฝฝ่ายถูกกฏหมาย เขาย่อมต้องขีดเส้นแบ่งระหว่างตัวเขาและอาชญากรชื่อดัง
พูดก็พูดเทพเอสมักสร้างปัญหาให้เขาตลอด นี่คือครั้งแรกที่เขาจะได้เอาคืน
หากมันไม่ใช่โอกาสที่จักรวรรดิมอบให้เขาคงไม่อาจทำแบบนี้ได้ การมีผู้หนุนหลังนับว่ายอดเยี่ยมอย่างแท้จริง
แต่ทว่าเขากังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับความสามารถแปลกๆของเทพเอส ดังนั้นเขาจึงไม่เคลื่อนไหวลำพัง เขากลับเชิญพันธมิตรผู้อยู่เหนือมาด้วย
คล็อตติมีตำแหน่งและดังนั้นจึงปฏิเสธโดยไม่คิดคนอื่นยังหาข้ออ้าง เพราะพวกเขาไม่อยากตอแยเทพเอส มีเพียงคนเดียวที่ตอบรับ
“เราจะออกเดินทางตอนไหน?”
อุปกรณ์สื่อสารแสดงหัวที่ปกคลุมด้วยเขาของเบโยนี่ผิวเขาเหมือนผิวของภูเขาไฟ และมีงูไฟแหวกว่ายรอบเขา เขาไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเอสเปอร์เผ่ากองฟืน
“พรุ่งนี้ฉันได้แจ้งให้คนในจักรวรรดิรู้แล้ว และพวกเขาจะส่งเราไป”หานเซี่ยวลูบคาง
เขาจัดการทุกอย่างบนดาวแม่จักรวรรดิแล้วและไม่เหลืออะไรให้ทำอีกก้าวต่อไปเป็นการทำตามแผนทั้งสองที่เขามีในกาแล็กซี่กลาง
สิ่งแรกคือการรับเอาความรู้สูงสุดและสองคือการพัฒนากระเทียมเขาอย่างหลังต้องใช้แค่ชื่อกองทัพแบล็คสตาร์และเขาไม่ต้องไปเอง
“มันจะเป็นอันตรายด้วยแค่เราสองกองยานเทพเอสยิ่งใหญ่เกินไปและตัวเขาก็อันตรายมาก”เบโยนี่ส่ายหัว
“เราไม่ได้มีแค่สองผู้อยู่เหนือ”
เขาเหลือบมองเอเมสเมื่อรู้เรื่องนี้ เอเมสก็อาสาเอง ราวกับเธอกังวลว่าจะถูกทิ้ง
เมื่อเห็นเขามองมาเอเมสก็ยิ้มเล็กน้อย ราวกับเธอพร้อมจะไป