The Legendary Mechanic - ตอนที่ 823 -824
ตอนที่ 823 ชนพื้นเมือง
หลังให้คำแนะนำกับเบนเน็ตหานเซี่ยวก็ออกเครือข่ายควอนตัมและกลับสู่ความเป็นจริงเพื่อตรวจสอบการทำงานบนดาวแพนกูรัส
กองยานวิศวเริ่มสร้างประตูดาวนอกชัน้บรรยากาศและทีมตรวจจับขนาดเล็กก็วนรอบดาวเพื่อสแกนดาว
อย่างรวดเร็วภาพโฮโลของดาวก็ถูกสร้างขึ้น หานเซี่ยวและเจ้าหน้าที่คนอื่นมองดูรายละเอียดที่เพิ่มขึ้น
ไม่นานเกินรอกองยานตรวจสอบก็กลับมา พวกเขาทำการสำรวจรอบแรกเสร็จแล้ว
รายละเอียดดาวถูกแสดงบนแผนที่รวมถึงแรงดึงดูดการแยกชั้นบรรยากาศ สภาพอากาศ ขนาดและอัตราส่วนมหาสมุทร
นอกจากนี้แผนที่3มิติยังแบ่งเขตตามภูมิภาคต่างๆตามสีเพื่อระบุแหล่งทรัพยากรที่แตกต่างกัน และสิ่งมีชีวิต
ออโรร่าอ่านรายงาน
“ดาวนี้มีทรัพยากรมากมายและนอกจากนั้นยังมีทรัพยากรหายากมากมายใต้ดินเช่นเหมืองทองดำ เหมืองเงินม่วง เหมืองผลึก และวัสดุหายากมากมาย ยังมีวัสดุสำคัญสำหรับระบบดาวเวทย์และราคาตลาดมันก็คือ60อีนาสต่อหมื่นตัน ดาวนี้มีนับพันล้านตันในเหมือง…”
“ที่ทางเหนือสุดของดาวเรายังตรวจพบแกนภูเขาหายากประมาณ8แสนตัน ทุกตันมีราคาประมาณ6พันอีนาส เรายังพบโลหะที่มีพลังงานทางจิตอยู่ มีไม่มากและควรมีราคาประมาณ1200ล้านอีนาส..”
หานเซี่ยวฟังก่อนพยักหน้า”ให้มูลค่าประมาณของดาวแก่ฉัน”
“จากการสแกนครั้งแรกมูลค่าของดาวนี้ควรประมาณ18000ล้านอีนาส หากเราสามารถหาทรัพยากรล้ำค่าได้เพิ่มตอนขุดลึกขึ้น มูลค่ามันจะยิ่งเพิ่ม”
“มากพอสมควร”หานเซี่ยวยิ้ม
ดาวนี้ถือว่ามีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์เมื่อเทียบกับดาวเหมืองแร่อื่นๆ
แต่ทว่าแม้การประเมินเริ่มต้นของดาวจะสูง มันก็ต้องใช้เวลากว่าร้อยปีเพื่อเก็บเกี่ยวทั้งหมด
ในจักรวาลดาวที่อุดมสมบูรณ์จะถูกอารยธรรมต่างๆคว้าไว้แน่นและพวกเขาจะไม่ขายมันออกไปเหมือนดาวไร้คนอาศัย
อารยธรรมจะค่อยๆขุดทรัพยากรดาวช้างๆและทำให้แน่ใจว่าจะขุดได้เป็นเวลานาน
แม้กระทั่งอารยธรรมขั้นสูงก็จะไม่ทำลายห่านทองคำหากพวกเขาไม่เจอกับสถานการณ์ฉุกเฉิน
ดาวมากทรัพยากรคือแหล่งรายได้สำคัญสำหรับอารยธรรม
นักขุดเหมืองสามารถขุดได้แค่ขอบของดาวร้างเพื่อเลี้ยงครอบครัวอารยธรรมไม่คิดมากกับดาวร้างและมักขายดาวเหล่านี้ให้องค์กรพลเรือน แต่กองทัพแบล็คสตาร์ได้รับสิทธิ์ขุดเหมืองบนดาวมากทรัพยากร
การสำรวจโลกริบหรี่ย่อมเป็นโอกาสดีสำหรับการพัฒนาหลังพันธมิตรของจักรวรรดิพบดาวอุดมสมบูรณ์ แม้พวกเขาจะต้องแจ้งจักรวรรดิและปล่อยให้จักรวรรดิรับปันส่วนส่วนใหญ่ พวกเขาก็สามารถได้รับสิทธิขุดในเวลาอันสั้น
เนื่องจากกองทัพแบล็คสตาร์พบดาวแพนกูรัสพวกเขาจึงมีสิทธิ์ทิ้งกองกำลังพวกเขาไว้เบื้องหลังเพื่อขุดเหมือง
การสำรวจทุ่งดาวแสดงถึงดาวนับไม่ถ้วนและผลประโยชน์สำหรับองค์กรที่ไม่ได้เป็นของอารยธรรมใด นี่คล้ายกับการได้รับสิทธิขุดเหมืองบนดาวมากทรัพยากร
นอกจากนี้พวกเขาสามารถได้รับโบนัสจากจักรวรรดิหากพวกเขาแจ้งจำนวนดาวทรัพยากรที่แน่นอน
แต่ทว่าข้อได้เปรียบของดาวแพนกูรัสไม่ใช่แค่ทรัพยากรมัน มันกลายเป็นหนึ่งในประตูเพื่อเข้ากลุ่มดาวการูและจึงกลายเป็นสถานีแลกเปลี่ยนในอนาคต ด้วยจุดนี้อย่างเดียว ดาวแพนกูรัสจึงไม่ได้เป็นแค่ดาวอุดมสมบูรณ์ธรรมดา แต่กลับมีศักยภาพสูง
เมื่อเห็นหานเซี่ยวยังเงียบออโรร่าก็พูดต่อ”เราตรวจพบสิ่งมีชีวิตจำนวนมากบนดาว ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ป่า เราไม่อาจระบุได้ว่ามีสายพันธ์มากแค่ไหน แต่มีสายพันธ์เดียวที่มีร่องรอยของสติปัญญาและอารยธรรม”
ขณะที่อธิบายภาพฉายก็ปรากฏตรงหน้าทุกคน มันคือภาพฉายของสิ่งมีชีวิตที่ออโรร่าอธิบาย
สิ่งมีชีวิตนี้สูงสามถึงสี่เมตรและดูเหมือนมนุษย์มันดูเหมือนเผ่าเอลฟ์ในจักรวาล แต่มีความแตกต่างระหว่างทั้งสองสายพันธ์ มันสวมชุดหนังสัตว์เหมือนมนุษย์ถ้ำ
“ตามการสังเกตเราสิ่งมีชีวิตนี้เป็นชนพื้นเมืองของดาวและก็ถึงระดับอารยธรรมชนเผ่า”ออโรร่ากล่าว”ชนเผ่าพวกเขากระจัดกระจายรอบดาวและก็พึ่งพาการล่าเพื่ออยู่รอด กองยานเรายังไม่ได้ทำการติดต่อกับพวกเขา”
หานเซี่ยวพยักหน้า
เขารู้มานานแล้วว่าดาวแพนกูรัสมีอารยธรรมพื้นเมืองที่เรียกตนเองว่า’บุตรแห่งป่า’ในความเป็นจริง ชื่อนี้เป็นธรรมดามากในกาแล็กซี่ และมีอารยธรรมพื้นเมืองหลายพันที่เรียกตัวเองว่าบุตรแห่งป่า ยังมีชื่อคล้องจองเช่นบุตรแห่งแม็กม่า บุตรแห่งขุนเขา และบุตรแห่งสมุทร
ในชีวิตก่อนหน้าเขาคนอื่นที่เคยใช้ชื่อดาวเคราะห์เป็นคำนำหน้าชื่ออารยธรรม เผ่านี้เรียกว่าเอลฟ์ยักษ์แพนกูรัส
“ส่งหน่วยสอดแนมไปติดต่อกับพวกเขา”หานเซี่ยวกล่าว
เมื่อกำลังบุกเบิกในทุ่งดาวใหม่มีหัวข้อละเอียดอ่อนที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณชนในจักรวาล พวกเขาควรจัดการกับชนพื้นเมืองยังไง?มีตัวอย่างเชิงลบมากในประวัติ เนื่องจากอารยธรรมขั้นสูงอยากขุดทรัพยากร มันจึงธรรมดามากที่พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติในฐานะผู้รุกรามและต้องเจอกับการโต้ตอบของชาวพื้นเมือง
การรักษาความหลากหลายทางชีวภาพเป็นกฏของอารยธรรมขั้นสูงมาเสมอและอารยธรรมจักรวาลเหมือนจักรวรรดิคริมสันก็ไม่อยากเริ่มการสังหารหมู่เพียงเพราะทรัพยากรดังนั้น ทาราคอฟจึงระบุไว้ชัดเจนว่าสิ่งสำคัญคือสื่อสารกับชนพื้นเมืองและพวกเขาก็ไม่ควรใช้ความรุนแรงอย่างขาดสติ
ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นมันง่ายกว่าที่จะจัดการกับชนพื้นเมืองที่อ่อนแอกว่า และการค้นพบชนพื้นเมืองก็จะได้รับรางวัลเช่นกัน
…
บนดาวแพนกูรัสลำธารสีเขียวคือป่าทึบมากด้วยต้นไม้สูงใหญ่กว่าห้าสิบเมตร ใบไม้ของต้นไม้ก่อให้เกิดมหาสมุทรและมันก็แกว่งตามลม แสงอาทิตย์ส่องผ่านทะเลใบไม้หนากลายเป็นจุดแสงที่แกว่งไปมาพร้อมใบไม้
ลำธารใสสะอาดไหลผ่านป่าและตัดป่าเป็นสองส่วนมีเต๊นท์หนังสัตว์สูง6-7ร้อยเมตรทั้งสองฝั่งของลำธาร ด้านนอกเต๊นท์ เป็นกลุ่มผลไม้แห้งสีแดงทองจำนวนมากแขวนอยู่ราวกับพวกมันคือของตกแต่ง
นี่คือหนึ่งในชนเผ่าของเผ่าเอลฟ์ยักษ์มีบางคนปีนขึ้นต้นไม้เพื่อเก็บผลไม้ บางคนโบกไม้เพื่อไล่สัตว์เลี้ยง และบางคนถือหอกและโล่เพื่อเตรียมล่า
ที่ทางเข้าชนเผ่าหัวหน้าเผ่ากล่าวกับนักล่า”เหล่านักล่า เผ่าเราไม่มีอาหารมากพอ พวกเจ้าต้องล่าหาอาหารเพิ่ม”
“ฮ่าๆๆแค่รอให้เรานำของกินกลับมาก็พอ’หัวหน้ากลุ่มนักล่าหัวเราะลั่น
จากนั้นหัวหน้าเผ่าก็ถอนหายใจ”เราถูกโจมตีโดยชนเผ่าอื่นครึ่งปก่อนและคนหนุ่มเราก็บาดเจ็บสาหัสเราทำได้แค่พึ่งพานักล่าสูงวัยเพื่อหาอาหาร แต่ทว่า พวกเจ้าก็แก่ขึ้นทุกวัน และข้าก็ไม่รู้ว่าเราควรทำยังไงในอนาคต”
หัวหน้านักล่าตบไหล่คนหนุ่มข้างเขา”ไม่ต้องห่วงเรากำลังฝึกคนหนุ่มชุดใหม่ ดูกิคือคนที่เรียนรู้เร็วสุดและเขาก็สามารถออกล่ากับเราได้แล้ว เขาอาจเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในอนาคต”
ดูกิตบหน้าอกเขาและทำสีหน้าภาคภูมิ
“เด็กดี”
“เราจะพึ่งพาเจ้าในอนาคต”
ชาวบ้านทุกคนยกย่องเขา
เมื่อได้ยินำชมจากชาวบ้านดูกิก็ยิ่งยืดอก
ทันใดนั้นสายตาเขาก็จ้องผ่านฝูงชนและหยุดที่กองไฟเล็กๆ เด็กหนุ่มนั่งข้างกองไฟและมองเขาด้วยใบหน้าอิจฉา มันคือเพื่อนเขา โรโซ
ดูกิยกแขนและเบ่งกล้ามให้โรโซและทั้งคู่ก็หัวเราะ
“ไปกันเถอะ”หัวหน้านักล่ากล่าวก่อนออกเดินทาง
เมื่อเห็นเช่นนั้นดูกิก็โบกมือให้โณโซและรีบตามหลังกลุ่มนักล่าไป กลุ่มนักล่าเข้าป่าและหายลับไป
โรโซมองเพื่อนซี้เขาเดินหายไปและถอนหายใจ
“นักล่า..เห้อ”
นักล่ามีหน้าที่ล่าและสู้และพวกเขาก็เป็นที่เคารพของชนเผ่ามาก คนหนุ่มเกือบทุกคนอยากเป็นนักล่า แต่โรโซคือข้อยกเว้น
เขาไม่มีความสนใจในการล่าและสู้และก็ไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องนั้น
โรโซต้องการทำสิ่งอื่นที่ดูไร้ความหมายต่อคนอื่นเช่นการเขียนหรือคิด แต่ทว่า นี่ทำให้คนจำนวนมากในเผ่าไม่พอใจเขาและรู้สึกราวกับเขาเป็นคนขี้เกียจที่ไม่อยากทำอะไร
แต่ทว่าเขายังอยากได้รับความเคารพเหมือนเพื่อนสนิทเขา ดังนั้น เขาจึงทำงานหนักอย่างคัดแยกผลไม้ เย็นผ้าและอื่นๆภายในความสามารถเขา อย่างไรก็ตาม งานเหล่านี้มักทำโดยคนแก่ เด็ก และคนอ่อนแอ มันไม่พอจะเปลี่ยนทัศนคติคนอื่นที่มีต่อเขา
แม้โรโวจะสนใจว่าคนอื่นจะมองเขายังไงเขาก็ไม่อยากขัดหัวใจตัวเองและทำสิ่งที่เขาไม่ชอบเพื่อแลกกับทัศนคติคนอื่น เขาอยากใช้วิธีอื่นเพื่อช่วยเหลือเผ่า แต่ทว่า มันดูเหมือนคนหนุ่มทุกคนในเผ่านั้นต่างคิดอยากเป็นนักล่ากันหมด
ตอนนี้องลมกระโชกใหญ่พัดผ่านมา
หวือ!
ระลอกสามารถเห็นได้บนลำธารใสและทรายก็ยกตัวขึ้น
“เกิดอะไรขึ้น?!”โรโซแหงนมองด้วยตาเบิกกว้าง
เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน!
กล่องเหลี่ยมดำลอยลงมาจากท้องฟ้าและลอยเหนือเต็นท์พวกเขาบดบังทั้งชนเผ่าด้วยเงาขนาดใหญ่
เอลฟ์ยักษ์ในเผ่าตกใจมาก
“ท่านเทพแห่งป่า!สิ่งนี้คืออะไร?!”
“มันคือสัตว์ประหลาดที่สามารถบินได้?!”
“หนีเร็ว!”
เมื่อเห็นฉากที่ไม่มีใครเข้าใจหลายคนก็กังวล
ทันใดนั้นรูเล็กๆก็สามารถเห็นได้บนท้องของอสูรสีดำตนนี้ และกลุ่มสิ่งมีชีวิตแปลกๆที่ปกคลุมด้วยโลหะก็ลอยลงมาจากฟ้า
นักรบกว่าสิบที่ยังอยู่ในเผ่าโจมตีและหอกไม้พวกเขาก็กระแทกกับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้
ปักปัก!
หอกไม้พวกเขาหักทันทีที่สัมผัสกับผิวเกราะ
หลังถอดหมวกนักรบครึ่งหนึ่งของกองทัพคือผู้เล่นที่มีIDบนหัว ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกหลักของสโมสร เช่นห่าวเทียนและดาบคลั่ง
ผู้เล่นเหล่านี้รับภารกิจเพื่อพบชาวพื้นเมืองโดยไม่ฆ่า
ดาบคลั่งกดบนอุปกรณ์แปลภาษาและพยายามพูดด้วยความจริงใจ
”u0026$#@!u0026$@…”
พูดอะไร?!เอลฟ์ยักษ์แพนกูรัสสับสน
มันช่วยไม่ได้นี่คือครั้งแรกที่เผ่าเอลฟ์ยักษ์ได้ติดต่อกับกาแล็กซี่ และภาษาพวกเขาก็ยังไม่มีในฐานข้อมูล
“สัตว์ประหลาด!สัตว์ประหลาด!’ผู้หญิงหลายคนกรีดร้องและเริ่มหยิบหินขว้างปา
หินที่กระทบเกราะของนักรบเปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง
ผู้เล่นทุกคนมองหน้ากันพวกเขาควรปลอบชาวพื้นเมืองยังไงหากสื่อสารกันไม่ได้?
อีกด้านหัวหน้าNPCยกปืนขึ้นและยิงใส่ป่าข้างๆ
ชิ้ว!
เลเซอร์สีน้ำเงินยิงออกมาและเจาะต้นไม้หลายต้นทิ้งรูไว้
จากนั้นเสียงระเบิดก็ดังจากป่าและหลุมขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้น
ฉากนี้ทำให้ชนพื้นเมืองขลาดกลัวและความกลัวก็สามารถเห็นได้บนหน้าพวกเขา พวกเขาหยุดโจมตีและเริ่มตัวสั่น
“ฮู่.”จากนั้นเขาก็หันไปหาผู้เล่น”เห็นไหมพี่น้อง?วิธีจัดการกับชนพื้นเมืองที่สื่อสารด้วยไม่ได้คือทำให้พวกเขาตกใจ”
เพียงเมื่อบรรยากาศตึงเครียดและเผ่าเอลฟ์ยักษ์ตกอยู่ในความหวาดกลัวโรโซก็พยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาความสงบและวิเคราะห์เจตนาของสิ่งมีชีวิตแปลกๆตรงหน้าพวกเขา
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่ได้มาร้าย
แม้ฉันจะไม่อาจเข้าใจสิ่งที่พวกเขาพูดพวกเขาก็ดูเหมือนกำลังพูดอยู่?หรือพวกเขาจะมีสติปัญญาเหมือนกัน?
นี่ไม่วรผิดพวกเขาต้องอยากสื่อสารกับเรา!
โรโซลังเลสักพักก่อนสูดหายใจลึกและเดินไปข้างหน้า
การกระทำเขาดึงดูดความสนใจทั้งสองฝ่ายทันทีและความสนใจทุกคนก็จดจ่อมาที่เขา
หลังกลืนน้ำลายอึกใหญ่โรโซก็มองเพื่อนร่วมเผ่าเขาและกล่าว”ทุกคนไม่ต้องกลัว พวกเขาไม่ได้อยากฆ่าเรา”
จากนั้นเขาก็เดินไปหาดาบคลั่งและมองคนแคระผู้นี้ที่สูงแค่เอวเขาเขาระงับความกลัว เขาคุกเข่าเพื่อให้ความสูงพวกเขาเท่ากัน หวังให้อีกฝ่ายเข้าใจสิ่งที่เขาอยากสื่อ
ดาบคลั่งเข้าใจความหมายและโยนอุปปกรณ์แปลภาษาทำท่าให้อีกฝ่ายใช้มัน
โรโซเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายสื่อและรีบสวมอุปกรณ์มันอ่านความคิดเขาและเข้าใจความคิดเขา
“เข้าใจผมหรือยัง?”
ดวงตาโรโซสว่างและเขาก็พยักหน้า
จากนั้นหัวหน้าก็หัวเราะ”เขารู้วิธีสื่อสารกับเราเพื่อนคนนี้ค่อนข้างฉลาด เขาจะเป็นตัวแทนของชนเผ่านี้”
ตอนที่ 824 บ้านเกิด
ยานรบลงมาจากฟ้าอย่างฉับพลันและเกิดเสียงระเบิดดังมาจากชนเผ่าทำให้นักล่าทุกคนที่ออกไปไม่นานรีบกลับมา
นักล่าทั้งหมดรีบกลับเผ่าและแม้สมาชิกเผ่าจะยังสั่นกลัวก็ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย จากนั้นความกังวลของพวกเขาจึงคลายลง และรีบถามหาว่าเกิดอะไรขึ้น
ดูกิมองไปรอบๆและหัวใจเขาก็ดิ่งลง เขาไม่อาจหาเพื่อนรักเขาได้ในหมู่ฝูงชน เขาเดินถามไปทั่ว
“คนเหล่านั้นพูดไม่กี่คำก่อนพาโรโซไปก่อนจะไป เขาบอกให้เราไม่ต้องกลัวและบอกว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาร้าย..”
“พวกเขาไปทางไหน?”ดูกิโกรธเขาไม่สนใจสิ่งที่โรโซพูดและรู้แค่ว่าเพื่อนเขากำลังถูกกลุ่มมนุษย์ต่างดาวพาตัวไป เขาไม่อาจนิ่งเฉยได้
ชาวบ้านชี้สมาชิกกองทัพไม่ได้กลับขึ้นยานแต่เดินไปในป่าแทน
ดูกิยกอาวุธขึ้นและพุ่งไปทิศทางนั้นโดยไม่พูดอะไรสักคำนักล่าข้างเขาตะโกนให้เขาหยุด แต่เขาไม่สนใจ
เมื่อเห็นเช่นนั้นหัวหน้านักล่าก็ตามหลังดูกิไป กลัวว่าดูกิจะพบอันตราย
เอลฟ์ยักษ์วิ่งผ่านป่าและดูกิก็สามารถเห็นรอยเท้าได้บนพื้นหลังวิ่งสักพัก ในที่สุดเขาก็พบกับสมาชิกกองทัพ
ผู้เล่นทุกคนกำลังแกว่งอาวุธเพื่อกวาดพื้นที่พวกเขากำลังเตรียมสร้างฐานขนาดเล็ก
ตามข้อกำหนดภารกิจและคำสั่งของกองทัพพวกเขาต้องมาเจอชาวพื้นเมืองและสร้างฐานใกล้ชนเผ่าเพื่อการสื่อสารในอนาคต
“หืม?”สิ่งมีชีวิตกำลังใกล้เข้ามา”ดาบคลั่งสะบัดดาบเพื่อฟันต้นไม้ลงและเรดาห์เขาก็ตรวจพบดูกิ
ดูกิกำลังนั่งยองๆในพุ่มไม้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรับรู้ถึงเขาแล้ว เขามองไปรอบๆและสังเกต’สัตว์ร้าย’ในชุดโลหะ ทันทีที่เขาเห็นโรโซซึ่งถูกล้อม ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
“ฮ่าห์!”ดูกิกระโจนไปในอากาศและหยุดไม่ไกลจากโรโซ
จากนัน้เขาก็แทงหอกเขาใส่ส่วนล่างของอสูรเหล็ก
ปึก!
หอกไม้หักทันที
สมาชิกกองทัพส่งลูกเตะเบาๆไปกลัวว่าอาจฆ่าชนพื้นเมือง
แต่ทว่าในสายตาดูกิ ลูกเตะนี้เร็วจนเขาไม่อาจตอบสนองได้ เขายกโล่เพื่อป้องกัน และพลังที่ไม่อาจต้านก็กระแทกใส่โล่เขา
บูม!
โล่ไม้ระเบิดและแตกเป็นเศษ
ร่างดูกิถูกส่งออกไปหลายเมตรและความรู้สึกเจ็บปวดรุนแรงก็สามารถรู้สึกได้ในแขนเขา หน้าอกเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและเขาก็อดอาเจียนไม่ได้ เขานอนราบกับพื้นและไม่อาจลุกขึ้นได้ จ้องผู้โจมตีด้วยความกลัวและไม่อยากเชื่อ
“อย่าฆ่าเขา!เขาเป็นเพื่อนผม!”โรโซร้อง”เจ้ามาทำอะไรที่นี่?!”
“แค่กแค่ก…ข้ามาเพื่อช่วยเจ้า”ดูกิกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง เขาเป็นแค่สิ่งมีชีวิตทั่วไป แต่ถูกเตะโดยนักรบเกรดC เหตุผลเดียวที่เขายังไม่ตายเพราะอีกฝ่ายใช้พลังแค่1%
“เห้อ…ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาช่วยพวกเขาไม่ได้มาร้าย รีบออกไปเร็ว”
จากนั้นโรโวก็อ้อนวอนนักรบของกองทัพในเวลาอันสั้น เขาพบเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไปแล้ว แม้จะมีคำพูดมากมายที่ไม่อาจเข้าใจ มันก็ไม่หยุดเขาจากการเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีเจตนาร้าย
เมื่อได้ยินโรโซบอกให้เขากลับดูกิที่ยู่บนพื้นก็ยกหัวและเห็นโรโซกำลังพูดกับสิ่งมีชีวิตลึกลับด้วยภาษาแปลกๆ โรโซไม่ได้รับอันตรายเลยและไม่ต้องการความช่วยเหลือ
โรโซได้รับคำตอบและยินดี”พวกเขาจะปล่อยเจ้าไปรีบกลับไปชนเผ่าเร็ว ข้าไม่เป็นไร และเจ้าแค่ต้องรอข่าวจากข้า”
“ปล่อยข้าไป….”ดูกิทวนซ้ำและมองโรโซด้วยสีหน้าซับซ้อน มันราวกับเขามีความเข้าใหม่ถึงเพื่อนรักเขาที่ไม่เคยเป็นที่ต้อนรับ
ความรู้สึกแพ้เกิดขึ้นในหัวใจเขาและดูกิก็กำหมัดแน่น
เวลานี้เองในที่สุดหัวหน้านักล่าก็มาถึง และเขาก็มองสมาชิกกองทัพอย่างระวัง เมื่อเห็นดูกินอนบนพื้น เขาก็แปลกใจมาก จากนั้นโรโซก็รีบร้องบอกเขาและอธิบายสถานการณ์ หัวหน้านักล่าพยุงดูกิกลับไป
โรโซมองและถอนหายใจหนัก
…
กองทัพหลายกลุ่มลงมาจากฟ้าและติดต่อกับชนเผ่ารอบดาวยานรบขนาดยักษ์ที่ลงมาจากฟ้าเหมือนเทพต่อเอลฟ์ยักษ์แพนกูรัส
ความเงียบสงบในชีวิตพวกเขาเปลี่ยนไปและชนพื้นเมืองก็มองด้วยความกลัว
สมาชิกกองทัพตั้งฐานข้างชนเผ่าและเลือกตัวแทนจากแต่ละเผ่าตัวแทนเหล่านี้จะได้รับการสอนให้ใช้อุปกรณ์แปลงภาษาเพื่อให้กองทัพสามารถสื่อสารกับพวกเขาได้
ในเวลาเดียวกันหานฌซี่ยวไม่ปล่อยที่เหลือให้อยู่เฉยๆ และส่งหน่วยขุดเหมืองไป พวกเขาเริ่มสร้างฐานใหม่และเริ่มปฏิบัติการขุดแร่
ป่าขนาดใหญ่ถูกถอนรากและแทนด้วยโลหะเย็น
ด้วยกำลังคนจำนวนมากภายใต้เขาหานเซี่ยวไม่ต้องลงมือเอง เขาแค่ต้องสั่งคนจากยานหลัก
“ท่านแบล็คสตาร์ท่านพบดาวทรัพยากรที่มีแร่หายากหรือ?”
เซนิโก้ยินดีเมื่อได้รับข่าว
ตอนนี้องกแองกำลังส่วนใหญ่ยังสำรวจเขตดาวแรกและดาวทรัพยากรส่วนใหญ่ที่พวกเขาพบก็แค่ทรัพยากรทั่วไป มีดาวน้อยมากที่มีค่าสูงกว่าหกพันล้านอีนาส
ดาวแพนกูรัสคือดาวมีค่าแรกที่พวกเขาพบในเขตดาวแรก
“ใช่ผมอัปเดทข้อมูลของดาวลงฐานข้อมูลแล้ว มีชนพื้นเมืองในดาว และคนของผมก็กำลังติดต่อกับพวกเขา”หานเซี่ยวกล่าว
เซนิโก้คิดสักพักก่อนพูด”ผมเข้าใจปฏิบัติการขุดเหมืองดาวควรส่งมอบให้ท่าน ผมจะส่งทีมไปช่วยเหลือ”
ตามกฏหานเซี่ยวสามารถเพลิดเพลินกับสิทธิขุดเหมืองได้ชั่วคราว
แต่หากดาวถูกพบโดยกองกำลังอื่นพันธมิตรของจักรวรรดิที่พบก็จะมีสิทธิบนดาวนั้น ดังนั้น ทางเดียวที่จะได้รับผลประโยชน์สูงสุดคือการขุดดาวที่พวกเขาพบ กองทัพของเซนิโก้เป็นทั้งสหายและคู่แข่ง
หลังคุยสักพักหานเซี่ยวก็วางสายและเปิดหน้าต่างสถานะ การแจ้งเตือนมากมายผุดจากภารกิจเนื้อเรื่องหลักโลกริบหรี่ การค้นพบดาวมากทรัพยากรและอารยธรรมพื้นเมืองมอบแต้มสำรวจให้เขา
ผู้เล่นที่ติดตามเขามายังดาวแพนกูรัสคือพวกที่ได้รับรางวัลมากสุดในหมู่ผู้เล่น
บนฟอรั่มผู้เล่นที่สำรวจดาวต่างๆเริ่มอวดแต้มสำรวจตน แต่ทว่า พวกเขาอิจฉามากกับแต้มสำรวจที่ผู้เล่นบนดาวแพนกูรัสได้
“เราสามารถได้รับมากสุดจากการติดตามผู้บัญชาการกองทัพเรา”
“เห้อ..น่าเสียดายกิลด์ใหญ่ยึดที่ติตดามแบล็คสตาร์ไปเกือบหมด ฉันไม่สามารถชิงที่ว่างได้เพราะฉันน่าเกลียดเกินไป”
แม้ผู้เล่นจะไปสำรวจดาวต่างๆพวกเขาก็ยังสื่อสารกันได้ผ่านฟอรั่มและแบ่งปันข้อมูลกัน
ในบรรดาผู้เล่นที่หานเซี่ยวพามาด้วยส่วนใหญ่มาจากสโมสรต่างๆและผู้เล่นมืออาชีพ
เมื่อปิดหน้าต่างสถานะหานเซี่ยวก็มองจุดแสงบนแผนที่ที่บ่งชี้การดำรงอยู่ของกองทัพและถาม”การติดต่อกับชนพื้นเมืองเป็นยังไงบ้าง?มีใครสู้กลับไหม?”
ออโรร่าส่ายหัว”มีชนเผ่ากว่าหมื่นบนดาวและประชากรของเผ่าเอลฟ์ยักษ์ก็ประมาณสิบล้าน นักรบเราใช้กลเม็ดปลูกฝังความกลัว ดังนั้น เราจึงไม่ต้องลงมืออะไร เอ่อ…ดูเหมือนจะมีคนตายจากอุบัติเหตุ แต่จำนวนไม่เกินร้อย”
หานเซี่ยวพยักหน้าตอบชนพื้นเมืองของดาวนี้ยังเป็นเหมือนทารกและจำนวนประชาก็น้อย
.”ปล่อยให้กองกำลังภาคพื้นดินควบคุมชนเผ่าเหล่านั้นและค่อยๆให้การศึกษากับพวกเขานี่เป็นวันแรกและจะเป็นกระบวนการยาวนาน บอกคนของเราไม่ต้องรีบ ต่อให้ชนพื้นเมืองสู้กลับ พวกเขาก็จะไม่ทำร้ายเรามาก พยายามอย่าใช้ความรุนแรง”
ต่อให้ไม่มีใครสู้กลับมันก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีในอนาคต ชนพื้นเมืองไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังเผชิญกับอะไร วันหนึ่ง บางคนจะสู้กลับเพราะความรักต่อบ้านเกิด
โชคดีชาวพื้นเมืองนั้นอ่อนแอเกินไป และการโต้ตอบของพวกเขาก็ไร้ความหมาย นี่ถือเป็นเรื่องดีต่อพวกเขา
หานเซี่ยวรู้ว่ามีอารยธรรมพื้นเมืองไม่กี่แห่งที่สามารถไปถึงระดับของระบบดาวได้ในกลุ่มดาวรีนอลท์และมันก็ยากมากที่จะจัดการกับพวกเขา หากแดนหลั่งเลือดเจอกับอารยธรรมเหล่านั้น พวกเขาต้องทนทุกข์สักพัก
มันคงใช้เวลานานเกินไปที่จะให้การศึกษานี่คืองานที่ต้องใช้เวลานับสิบปีหรือร้อยปี หานเซี่ยวจะไม่อยู่บนดาวดวงหนึ่งนานเกินไป เขาแค่จะวางรากฐานและส่งมอบงานให้การศึกษากับจักรวรรดิเมื่อพวกเขามาถึง เขาแค่ต้องทิ้งคนไว้ขุดแร่และไปสำรวจดาวอื่น
…
ตัวแทนของชนเผ่ากลับมาเผ่าพวกเขาด้วยความปราถนาดีของกองทัพแบล็คสตาร์และถ่ายทอดข้อความว่ากองทัพแบล็คสตาร์ไม่คิดทำร้ายพวกเขาในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็นำเมล็ดพืชต่างๆที่เหมาะกับภูมิอากาศของดาวกลับมาด้วย
ด้วยการรับรองของตัวแทนเผ่าเอลฟ์ยักษ์จึงไม่กลัวต่อแขกจากฟากฟ้าอีก หลังเอาชนะความกลัว พวกเขาก็อดอยากรู้ไม่ได้
ทุกฐานข้างชนเผ่าจะเป็นเหมือนโรงเรียนโรงเรียนเปิดให้ชนพื้นเมืองและเพราะเครื่องแปลภาษาได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภาษาของเผ่าเอลฟ์ยักษ์มากพอ มันจึงเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสื่อสารกันอย่างปกติ มีชนพื้นเมืองที่โดดเด่นหลายคนที่พยายามศึกษาในฐาน
ฐานสอนพวกเขาถึงทักษะชีวิตต่างๆรวมถึงการทำฟาร์มและงานฝีมือ พวกเขายังแจกเมล็ดพืชและอาหาร และชนพื้นเมืองบางคนก็กลับไปทำสวนเองหลังเรียนรู้จากฐาน
ผ่านกระบวนการนี้ชนเผ่าต่างๆจึงเข้าใจตัวตนของแขกเหล่านี้ พวกเขาพบการดำรงอยู่ของกองทัพแบล็คสตาร์และจักรวรรดิคริมสัน
สมาชิกของกองทัพถ่ายทอดความรู้พื้นฐานให้ชนพื้นเมืองและประวัติของกองทัพชนพื้นเมืองไม่อาจเชื่อว่าจะมีองค์กรที่ทรงพลังเช่นนั้นในท้องฟ้า ที่สามารถเดินทางข้ามผ่านจักรวาลได้ง่ายๆ
ทุกอย่างเกินความรู้พวกเขาและการดำรงอยู่ของกองทัพแบล็คสตาร์ก็เหมือนปาฏิหาริย์ในสายตาพวกเขา
ในชนเผ่าลำธารใสชีวิตของโรโซดีขึ้น
หลังกลายเป็นตัวแทนของเผ่าเพื่อสื่อสารกับแขกจากฟากฟ้าโรโซก็เรียนความรู้ใหม่และนำความรู้ทั้งหมดกลับชนเผ่า เขามีพรสวรรค์มากในเรื่องนี้และชนเผ่าก็เริ่มเรียนสิ่งใหม่จากกองทัพแบล็คสตาร์ เปลี่ยนวิถีชีวิตพวกเขา
โรโซพลันตระหนักว่าสมาชิกเผ่าที่ดูถูกเขากลับปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพแล้วในเผ่า สถานะเขามีมากกว่าหัวหน้าเผ่าและกลายเป็นคนน่านับถือสุดในเผ่า
วัฒนธรรมของชนพื้นเมืองเหล่านี้ยังไม่เกิดและไม่มีแนวคิดละทิ้งประเพณีตน
คนที่เคยได้รับความเคารพสุดในอดีตคือนักล่าที่นำอาหารกลับมาแต่ตอนนี้ คนที่ได้รับความเคารพสุดคือคนที่นำความรู้กลับมาจากฐาน เมล็ดพืชและอาหารที่พวกเขานำกลับมาช่วยให้ชนเผ่าหาเลี้ยงตนเองได้ง่ายๆ งานฝีมือที่พวกเขาได้รับช่วยให้พวกเขามีเสื้อผ้าที่สบายขึ้นและเต็นท์ที่อุ่นขึ้น บางคนยังนำอาวุธกลับมาชนเผ่า ซึ่งเรียกว่าหน้าไม้ ด้วยอาวุธนี้ การล่าจึงง่ายขึ้นมาก
นักล่าคือนักรบของเผ่าและพวกเขาก็มีหน้าที่ปกป้องเผ่า แต่ทว่า นักล่าเหล่านี้กลับไร้ประโยชน์ต่อหน้าสมาชิกกองทัพ และชนเผ่าก็ค่อยๆเสียความศรัทธาต่อนักล่า แม้นักล่าจะยังได้รับความเคารพ แต่พวกเขาก็ถูกผลักไปที่ขอบ
ดูกิมองโรโซที่ถูกล้อมและมีความรู้สึกซับซ้อนในใจ
นี่เคยเป็นเกียรติเขาและแม้เขาจะปฏิบัติต่อโรโซในฐานะเพื่อนที่ดีความรู้สึกเหนือกว่าก็อัดแน่นในหัวใจเขามาตลอด เขารู้สึกว่าเขากำลังปกป้องโรโซอยู่ ณ ตอนนี้ แต่ตอนนี้ สถานะเขาสลับกัน โรโซเป็นคนที่ได้รับความเคารพสุดแทนนักล่าที่อายุน้อยสุดในเผ่าอย่างเขา
ดูกิรู้สึกหดหู่มากขึ้น
หลังคุยกับสมาชิกเผ่าเขาโรโซก็เห็นดูกิและกล่าวด้วยความกังวล”เจ้าบาดเจ็บอยู่ไหม?”
เมื่อได้ยินคำพูดของโรโซดูกิก็พบว่ามันกลับทิ่มแทงมาก
“..ข้าไม่เป็นไร”เขาตอบอย่างเย็นชาและเดินหนีไป
เมื่อเห็นการตอบอย่างเย็นชาโรโซก็สับสนมาก ดูกิเคยร่าเริงและกลายเป็นหดหุ่หลังถูกทุบตี โรโซไม่เข้าใจว่าทำไมดูกิถึงหลบหน้าเขาตลอด
…
อีกด้านดูกิเดินออกชนเผ่าและวิ่งไปในป่าเพื่อระบายความหงุดหงิด
เมื่อรู้สึกถึงลมที่พัดผ่านหน้าอารมณ์เขาก็ดีขึ้น
หลังวิ่งอยู่นานดูกิก็อยากไปฐานลับเขา เขาพบเจอที่ทะเลสาบใสในป่าและเขาก็ชอบไปที่นั่นเพื่ออาบน้ำ
แต่ทว่าฉากตรงหน้ากลับทำให้เขาตกตะลึง
ทะเลสาบหายไปและในสถานที่นั้นเป็นปล่องลึกหอคอยโลหะหลายแห่งอยู่ข้างๆปล่อง และสมาชิกกองทัพก็กำลังใช้เครื่องมือแปลกๆเพื่อขุดดิน
“พวกแกกำลังทำอะไร?!”
ดูกิโกรธเขาไม่ชอบแขกเหล่านี้และถืออาวุธกระโจนออกไป ทันใดนั้น สมาชิกกองทัพก็ขวางทางเขา
“สถานที่ขุดอยู่ตรงหน้าและก็ไม่เปิดให้คนนอกเข้า โปรดออกไปด้วย”
“ทะเลสาบตรงนี้ไปไหน?ทะเลสาบอยู่ไหน?!พวกแกทำอะไรลงไป?!”ดูกิคำราม
ปัง!
ดูกิถูกกดลงด้วยพลังมหาศาล
“ขอโทษด้วยโปรดอย่าขวางการทำเหมืองเรา หากมีคำขอใด สามารถไปที่ฐานใกล้ชนเผ่าคุณได้ สถานที่นี้ไม่เปิดให้คนนอกเ”
“พวกแกมีสิทธิ์อะไรมาหยุดฉัน?นี่คือสถานที่ที่ฉันค้นพบ..”
ดูกิกำหมัดและใบหน้าก็แดงจากความโกรธตอนนี้เอง เขาเห็นแขกจากฟ้ากำลังขุดผลึกกองใหญ่จากตำแหน่งเดิมของทะเลสาบ
เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็เข้าใจว่านี่คือเจตนาจริง
เขาแหงนมองมองไปรอบๆที่ต้นไม้ถูกโค่นและแทนด้วยเหล็ก เขาอดรู้สึกอ้างว้างไม่ได้แต่ก็ไม่เข้าใจว่ามาจากไหน
แต่ทว่าดูกิค่อยๆมีความรู้สึกในหัวใจเขา
ทุกสิ่งเหล่านี้ควรเป็นของพวกเขา…
เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าป่านี้แผ่นดินนี้และดาวนี้คือบ้านพวกเขา
…
ในยานหลักออโรร่าลังเลก่อนกล่าว”ลุง นี่มันถูกต้องงั้นหรอ?”
หานเซี่ยวเลิกคิ้ว”เธออยากพูดอะไร?”
ฮีล่ามองมา
“เราบุกรุกบ้านพวกเขา..”ออโรร่ากล่าวเสียงเบา
“ฉันรู้”หานเซี่ยวโบกมือ”แต่เรากำลังให้การศึกษากับพวกเขาและนำความรู้มาให้พวกเขานี่แตกต่างจากการแค่บุกบ้านพวกเขา”
“แต่..”ออโรร่าดึงความกล้าหาญเธอขึ้นมา”ดาวนี้เป็นบ้านพวกเขาและชาวพื้นเมืองก็ไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเองพวกเขาทำได้แค่ดูเราบุกรุกบ้านพวกเขาและถูกนำทรัพยากรไป ไม่ใช่ว่าเรากำลังรังแกพวกเขาหรอ?”
“พวกเขาควรดีใจที่ไม่มีความสามารถสู้กลับไม่งั้นต้องมีการบาดเจ็บล้มตายแน่”
“แต่..”
“เห้อเธอไม่ต้องพูดต่อแล้ว”หานเซี่ยวกล่าวแทรกออโรร่า”คิดว่าพวกเขามีทางเลือกงั้นหรอ?”
ออโรร่ากระพริบตา”มีสิเราสามารถเลี่ยงดาวที่มีชาวพื้นเมืองและสำรวจดาวไร้คนอาศัยได้”
หานเซี่ยวส่ายหัวและมองไปนอกหน้าต่าง
“เธอมองโลกในแง่ดีเกินไปดาวนี้..ไม่สิ เมื่อทุ่งดาวนี้ถูกพบโดยสามอารยธรรมจักรวาล ชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาไม่มีสิทธิ์อะไรอีก”
“เราสามารถเลี่ยงดาวเคราะห์ที่มีชาวพื้นเมืองได้แต่เมื่อจักรวรรดิคริมสันเปิดโลกริบหรี่ เธอคิดว่าองค์กรอื่นๆจะปล่อยพวกเขาไปหรอ?พวกเขาถูกกำหนดให้สูญเสียหลายสิ่งและปล่อยให้คนนอกใช้บ้านเกิดพวกเขาร่วมกัน นี่นับเป็นจุดจบที่ดีแล้ว คนอ่อนแอจะไม่สามารถมีปากเสียงได้”
ออโรร่าเงียบไปและหัวใจเธอก็สับสน เพราะความสามารถเอสเปอร์เธอ เธอจึงอ่อนไหวมากต่อชีวิตคนอื่น
เธอเห็นใจชาวพื้นเมืองต่อให้เผ่าเอลฟยักษ์จะยังไม่เข้าใจความหมายเบื้องหลังสิ่งที่เกิด เธอก็อดดูถูกโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอไม่ได้
ฮีล่าเฉยเมยเธอแตกต่างจากน้องสาวเธอ เธอมักเชื่อว่าความอ่อนแอนั่นแหละคือสิ่งที่ผิด
หานเซี่ยวหยุดสักพักก่อนพูดต่อ”เธอไม่ต้องคิดมากการขุดทรัพยากรพวกเขาไม่ใช่การกระทำที่ดีงาม แต่เธอต้องรู้ว่าไม่มีใครมีภาระหน้าที่ช่วยเหลือเผ่าพันธ์อื่นในการพัฒนา จักรวรรดิจะแค่ให้การศึกษากับพวกเขาเพราะทรัพยากรบนดาว และนี่ก็คือการแลกเปลี่ยนชนิดหนึ่ง การแลกเปลี่ยนที่ชาวพื้นเมืองไม่อาจปฏิเสธได้”
ในชีวิตก่อนหน้าเขาหลังการพัฒนาหลายปี ดาวแพนกูรัสก็กลายเป็นสถานีขนส่ง และชนพื้นเมืองก็แบ่งเป็นสองฝ่าย หนึ่งคือฝ่ายที่จักรวรรดิให้การศึกษาและเปลี่ยนเป็นประชากรกาแล็กซี่ พวกเขาเรียนทักษะเทคโนโลยีมากมายและเริ่มสร้างต้นไม้ทักษะของตน อารยธรรมพวกเขาก้าวข้ามผ่านยุค เช่นนั้น ดาวแพนกูรัสจึงมีเมืองและผู้อาศัยของดาวก็สามารถท่องไปดาวอื่นได้
อีกฝ่ายปฏิเสธการศึกษาและเลือกใช้ชีวิตแบบเดิมพวกเขาพยายามต่อต้าน แต่ก็เปล่าประโยชน์ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจไม่ติดต่อกับโลกภายนอกและใช้ชีวิตในหุบเขาลึก พวกเขาใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์ป่า และไม่มีใครไปรบกวนพวกเขา
เผ่าเอลฟ์ยักษ์แยกเป็นสองเพราะเหตุนี้แต่ทว่า มักมีคนจากฝ่ายดั้งเดิมออกป่าและมาเข้าร่วมกับเมือง
“เทียบกับยุคสำรวจนี่ดีมาก”เฟย์ดินกล่าวจากด้านข้าง
เมื่อได้ยินหานเซี่ยวก็พยักหน้าเห็นด้วย
การสำรวจโลกริบหรี่คล้ายกับยุคสำรวจความแตกต่างเดียวคือสามอารยธรรมจักรวาลมีพลังมากพอเพื่อจะข่มทุกคน ดังนั้น พวกเขาจึงมั่นใจมาก
ในยุคสำรวจความคิดแรกหลังพบอารยธรรมอื่นคือการกำจัดอีกฝ่าย สงครามแตกหักทั่ว มันเป็นยุคมืด