The Legendary Mechanic - ตอนที่ 839-840
ตอนที่ 839 แผนเปลี่ยนและไสยศาสตร์
“แบล็คสตาร์กั้นสัมผัสจิตได้ยังไง?”
ปี้บปี้บ!
ขณะที่ไซเคอร์ตกใจอุปกรณ์สื่อสารเขาก็ดัง เขาหยิบมันและดู รูม่านตาเขาหดและเขาก็กัดฟัน
มันมาจากแบล็คสตาร์!
“สวัสดีสวัสดี นั่นไซเคอร์หรือเปล่า?”หานเซี่ยวปรากฏบนจอ
“แบล็คสตาร์!แกทำอะไรลงไป?!”ไซเคอร์คำราม
เมื่อเห็นหานเซี่ยวก็แสร้งทำเป็นตกใจ”โอ้ เราก็เพิ่งเจอกันไปไม่นาน แต่ผิวนายเขียวขึ้นหรือเปล่า?”
หลังเย้ยหยันเมื่อเห็นใบหน้าไซเคอร์ที่เต็มไปด้วยความโกรธ หานเซี่ยวก็หัวเราะและวางสายโดยไม่รอให้ไซเคอร์ตอบ
เพื่อทดสอบผลหานเซี่ยวโทรหาไซเคอร์ หลังได้ยินเสียงของไซเคอร์ เขาก็รู้ว่ามันได้ผล ดังนั้น เขาจึงไม่มีอะไรให้พูดและวางสายทันที
เดิมทีการเชื่อมต่อของไซเคอร์ต่อลูกบาศก์คือภัยคุกคามลับ ตอนนี้ เขากำจัดมันได้ หานเซี่ยวจึงรู้สึกปลอดภัยขึ้น
ศาสนจักรไม่มีเครือข่ายข้อมูลในโลกริบหรี่ดังนั้นพวกเขาจึงต้องพึ่งพาการเชื่อมต่อของไซเคอร์เพื่อแกะรอยเขา และตอนนี้ ศาสนจักรก็ไม่มีมันอีก…
ความปราถนาอันแรงกล้าส่วนหนึ่งของศาสนจักรมาจากการที่ไซเคอร์สามารถระบุตำแหน่งลูกบาศก์ได้พวกเขาคิดว่าพวกเขามีโอกาสชิงกลับ และตอนนี้พวกเขาก็ต้องพิจารณาใหม่ให้ดีหากอยากได้ลูกบาศก์คืน
แม้เขาจะตัดสินใจอยู่ในดาวประภาคารและเก็บตัวสักพักก็ไม่มีทางที่เขาจะหลบซ่อนไปได้ตลอด นอกจากนี้ ศาสนจักรต้องไม่คิดว่าจักรวรรดิจะรู้เจตนาพวกเขา หากไม่มีโอกาสลอบโจมตีจริง พวกเขาอาจโจมตีดาวประภาคารโดยตรง
เนื่องจากการสำรวจทุ่งดาวใหม่จักรวรรดิจึงอยู่ในสภาพอ่อนแอท่ามกลางสามอารยธรรม และอีกสองก็มักหาโอกาสเสมอ มันเป็นไปได้สำหรับศาสนจักรที่จะเริ่มขัดแย้งกับจักรวรรดิโดยตรง แม้โอกาสที่ศาสนจักรจะใช้วิธีรุนแรงแบบนั้นจะน้อยก็ตาม แต่หานเซี่ยวก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ทิ้ง
เหนือสิ่งอื่นใดเขาเปลี่ยนเนื้อเรื่อง เทียบกับช่วงเวลาเดิม ความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรเปลี่ยนไปมาก แม้แต่เขาก็ยังไม่อาจรู้ว่าศาสนจักรอยากได้ลูกบาศก์มากแค่ไหน
หากเขาสามารถทำให้ศาสนจักรล้มเลิกได้ครั้งนี้เขาก็จะไม่เป็นฝ่ายรับอีกในอนาคต
สำหรับเรื่องที่ว่าไซเคอร์จะยังติดตามศาสนจักรมาโจมตีเขาไหมหานเซี่ยวไม่กังวล ไซเคอร์ต้องมาแน่ ลูกบาศก์เคยเป็นของไซเคอร์ ดังนั้นศาสนจักรย่อมไม่ทิ้งเจ้าของเดิม ดังนั้น เขายังสามารถจับตาดูการเคลื่อนไหวของศาสนจักรได้ผ่านไซเคอร์
“แก..”ไซเคอร์กำลังจะถามแต่ก็ตระหนักว่าเขาถูกตัดสายความโกรธติดอยู่ในคอเขาและเลือดก็เดือดพล่าน
ไซเคอร์หยุดชะงักจากนั้นก็ติดต่อเบื้องบนของศาสนจักร
“สถานการณ์เปลี่ยนไปผมไม่อาจหาตำแหน่งแบล็คสตาร์ได้อีก”
“ว่าไงนะ?”เบื้องบนศาสนจักรตกตะลึง”แผนปฏิบัติการถูกตัดสินใจไปแล้วแต่กลับเกิดอุบัติเหตุขึ้นซะได้…ในเมื่อเราไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอนของแบล็คสตาร์ เราก็ต้องเปลี่ยนแผนปฏิบัติการ”
แผนเดิมของศาสนจักรคือลอบรวมตัวผู้อยู่เหนือและให้พวกเขาแอบมาโลกริบหรี่ลอบโจมตีแบล็คสตาร์ตอนเขาออกสำรวจและฆ่าเขา แผนนี้จะได้ผลก็ต่อเมื่อไซเคอร์สามารถระบุตำแหน่งหานเซี่ยวได้
ไซเคอร์ไม่เคยมีปัญหาเรื่องนี้แต่แบล็คสตาร์สามารถตัดสัมผัสของไซเคอร์ได้ และนี่ก็ปั่นป่วนแผนพวกเขา
เดิมพวกเขาวางแผนให้กลุ่มผู้อยู่เหนือโจมตีแบล็คสตาร์ตอนเขาอยู่ลำพัง พวกเขาจะได้กำจัดได้ในเวลาอันสั้นและรีบกลับวงแหวนดาวกระจายทันทีผ่านประตูดาวลับ
เนื่องจากพวกเขาไม่อาจระบุตำแหน่งแบล็คสตาร์ได้พวกเขาอาจต้องล้มเลิกการฆ่าและจับตัวแทนเพื่อสอบปากคำถึงตำแหน่งลูกบาศก์ นี่หมายความว่าผู้อยู่เหนือพวกเขาต้องใช้เวลาในโลกริบหรี่นานขึ้น
ในทุ่งดาวใหม่นั้นศาสนจักรไม่มีกำลังหนุนเลย ทุกวินาทีที่ผู้อยู่เหนอือยู่ ความเสี่ยงจะเพิ่ม หากประตูดาวลับถูกพบและถูกทำลายโดยจักรวรรดิ ผู้อยู่เหนือจะไม่มีทางออกจากโลกริบหรี่ได้และติดอยู่ที่นั่น
อย่างไรก็ตามเขาลอบดีใจที่สิ่งนี้เกิดขึ้นก่อนเริ่มแผน ทีมพวกเขายังอยู่ระหว่างทางไปกลุ่มดาวการูและยังไม่ได้สร้างทางออกของประตูดาว และผู้อยู่เหนือของศาสนจักรก็ยังประจำการ ยังมีที่ให้เปลี่ยนแผน
“ตกลง”ไซเคอร์ตอบแม้จะหมดความอดทนกว่าเดิม เขาก็รู้ว่าเขาทำอะไรไม่ได้
…
ผ่านประตูดาวหานเซี่ยวใช้เวลาไม่กี่วันกับการทุบตีเฮดาวี่ระหว่างทางกลับดาวประภาคาร
ทาราคอฟได้พูดกับหานเซี่ยวและรู้ว่าหานเซี่ยวจะเก็บตัวบนดาวประภาคารสักระยะเขาจึงมาต้อนรับหานเซี่ยวเองที่ท่า
กองยานจอดและหานเซี่ยวก็ออกยานพร้อมเจ้าหน้าที่มาพบกับทาราคอฟ
“ท่านผู้บัญชาการสูงสุด”
“ท่านแบล็คสตาร์”
หลังจับมือและทักทายทั้งคู่ก็มุ่งหน้าไปฐานบนดาวในยานพาหนะและเริ่มคุย
“ใครอยู่ในกลุ่มสองที่จะสำรวจบ้าง?”หานเซี่ยวถาม
ทาราคอฟทำสีหน้าเข้าใจก่อนกดลงบนกำไลมือซึ่งฉายข้อมูล11องค์กร
หานเซี่ยวพยักหน้าเขารู้จักองค์กรเหล่านี้ พวกเขาคือองค์กรชื่อดังของทุ่งดาวอื่น มีองค์กรผู้อยู่เหนือ อารยธรรมกลุ่มดาวแบบเคล็นท์
“สถาบันเวทย์แห่งเส้นทางดาวเผ่าปีศาจกองฟืนแห่งแม่น้ำดวงดาวแรกเริ่ม ชาติเลือดมังกรแห่งขอบหลุมดำ เมืองกองยานยักษ์แห่งทะเลวิญญาณดวงดาว…ทั้งหมดสี่องค์กรผู้อยู่เหนือ ทั้งสามเป็นคนคุ้นหน้า”
ในการเดินทางไปดาวแม่จักรวรรดิหลายเดือนก่อนหานเซี่ยวพบกับเจ็ดผู้อยู่เหนือ สามคนเข้าร่วมการสำรวจนี้
ผู้นำสถาบันเวทย์คือสมาชิกของกลุ่มอาวุโสชื่อดังก้องจักรวาลเรเวนลูดแห่งแอนเชี่ยนวัน
ผู้นำเผ่าปีศาจกองฟืนคือเพื่อนเก่าเขาเบโยนี่ ที่สู้กับเทพเอสร่วมกันกับเขา ผู้นำของเมืองกองยานยักษ์ยังเป็นคนที่เขาเคยพบ เขาคือช่างกลผู้อยู่เหนือ..
คนเดียวที่เขาไม่เคยเจอคือผู้นำชาติเลือดมังกรมิลิซาส เขาคือหนึ่งในสามเสาหลัก คนที่อยู่ระดับเดียวกับจ้าวแห่งความมืดคล็อตติ และคนที่แข็งแกร่งสุดในการสำรวจนี้
ท่ามกลางทั้งสี่หานเซี่ยวให้ความสนใจกับเรเวนลูดสุด พื้นที่ที่เขาจะสำรวจเหมือนกับเขา กลุ่มดาวการู เขาคือคู่แข่ง นอกจากนี้ เรเวนลูดยังเป็นเจ้าของกาลอวกาศแอมเบอร์คนแรก
แน่นอนครั้งนี้หานเซี่ยวได้รับมันก่อนและเรเวนลูดก็พลาดโอกาสไป
หานเซี่ยวคิดสักพักและถาม”จักรวรรดิบอกว่าพวกเขาจะส่งผู้อยู่เหนือคนหนึ่งมาคุ้มครองผมจากศาสนจักรใครกัน?”
ทาราคอฟโบกมือ’แผนแปลี่ยนไปแล้วมิลิซาสและเบโยนี่ร้องขอที่จะคุ้มครองคุณ”
หานเซี่ยวตกตะลึงจากนั้นก็ยิ้ม
“พวกเขาต้องบอกเงื่อนไข”
“ใช่”ทาราคอฟยิ้ม”พวกเขาอยากขอโอกาสใช้ลูกบาศก์”
หานเซี่ยวแสดงจุดยืนไปนานแล้วเขาจะไม่ยอมให้ใครใช้มันฟรีๆ หากอยากใช้ พวกเขาต้องมีอะไรมาแลก
“คุณคิดว่ายังไง?เห็นด้วยกับเงื่อนไขพวกเขาไหม?”
หานเซี่ยวพิจารณาก่อนพยักหน้า”ตกลง”
นี่หมายความว่าเขาจะมีผู้ช่วยเพิ่มอีกคนแถมยังเป็นคนที่แข็งแกร่งมากอีกด้วย
เขานึกถึงความพิเศษของชาติเลือดมังกรมันคือยาเลือดมังกรทุกชนิดที่จะเพิ่มค่าสถานะถาวร เขาคิดว่าเขาอาจสามารถได้รับมันบ้าง เป้าหมายของหานเซี่ยวไม่สูงเลย แค่สักร้อยตันก็พอ
ทีมสำรวจชุดสองใช้เส้นทางแตกต่างกันคนที่เร็วสุดอาจใช้เวลาประมาณสิบวันเพื่อมาถึง และช้าสุดอาจต้องใช้เป็นเดือน แต่ทว่า พวกเขาได้รวมกลุ่มกันแล้ว มันย่อมไม่เกิดความล่าช้า
หลังเดินทางไปถึงฐานหานเซี่ยวและคนของพวกเขาก็ไปเก็บของในที่พักตนเอง
เขาจะอยู่ที่นี่สักพักและควบคุมกองทัพให้สำรวจจากระยะไกลไม่จำเป็นที่เขาต้องสำรวจเอง
…
ในแถบจักรวาลรกร้างของกาแล็กซี่กลางกองยานแดนผู้ร่วงหล่นกำลังเคลื่อนผ่านอวกาศเหมือนทะเลยานรบ
“ศาสนจักรบอกว่าปฏิบัติการจะล่าช้าออกไป?”
เทพเอสถูกปลุกให้ตื่นมาฟังรายงาน
“เหตุผลละ?”
“ศาสนจักรบอกว่ามีปัญหากับการสร้างประตูดาวลับและจักรวรรดิก็ส่งทีมสำรวจชุดสองมาแล้วดังนั้น ความเสี่ยงของปฏิบัติการจึงเพิ่มและพวกเขาต้องปรับแผน พวกเขาบอกเราให้รอ”ฟาซิเค็นรายงาน
เทพเอสพยักหน้า
“งั้นก็ทำตามที่พวกเขาบอก.”
“มีอีกเรื่องครับ”ฟาซิเค็นกล่าว”ศาสนจักรอาร์เคนบอกว่าอาจมีความเป็นไปได้ที่จะโจมตีตรงๆดังนั้นพวกเขาจึงหวังว่าเราจะสามารถส่งกองยานไปเพิ่มได้หากเกิดขึ้น”
“งั้นพวกเขาอยากให้เราส่งคนไปเพิ่มเพื่อลดความสูญเสียทางฝ่ายตัวเองสินะ…นี่คล้ายกับรูปแบบของสหพันธ์แห่งแสง”น้ำเสียงของเทพเอสเย็นชาและไม่แยแส”เห็นด้วย”
ตราบเท่าที่เขาสามารถได้รับลูกบาศก์การล้มตายของลูกน้องไม่สำคัญต่อเขาเลย
ด้วยความที่เขาถูกแบล็คสตาร์หลอกมาครั้งก่อนเทพเอสจึงอยากร่วมมือกับศาสนจักรโดยใช้ศาสนจักรเป็นคนกลางในการหยิมยืมความสามารถระบุตำแหน่งของไซเคอร์ เขาจะไม่ทำผิดพลาดอีกครั้ง
นี่คือปัจจัยสำคัญในการร่วมมือของพวกเขา
แต่ทว่าไซเคอร์ไม่อาจใช้พลังจิตเขาเพื่อค้นหาตำแหน่งลูกบาศก์ได้อีก และหากเทพเอสรู้ เขาย่อมพิจารณาการร่วมมือนี้ใหม่
แม้ศาสนจักรจะยังไม่วางแผนใหม่พวกเขาก็ไม่อยากให้เทพเอสถอยหลัง ดังนั้น พวกเขาจึงปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับไซเคอร์ไว้ก่อนและหาเหตุผลอื่นมาอธิบายความล่าช้า
เนื่องจากความเกลียดชังของไซเคอร์ที่มีต่อเทพเอสนั้นหยั่งยากลึกแน่นอน ศาสนจักรย่อมไม่บอกไซเคอร์ว่าเทพเอสมีส่วนร่วมในปฏิบัติการด้วย
ดังนั้นเทพเอสจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
…
หลังอยู่บนดาวประภาคารสองวันหานเซี่ยวก็ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวผู้หยุดกาลอวกาศจนหมด
ตามคาดเมื่อเขาอ่านเสร็จ การแจ้งเตือนก็ผุด รอบแรกของภารกิจง่ายมาก
เมื่อได้รับรางวัลการเชื่อมต่อวิญญาณเขากับแอมเบอร์ก็เพิ่มขึ้น หานเซี่ยวรู้สึกถึงความต่างทันที
เขารู้สึกถึงวิญญาณเขาที่เชื่อมโยงกับกาลอวกาศแอมเบอร์เขาไม่ต้องใช้อุปกรณ์สนับสนุนอีกและตอนนี้ก็ควบคุมมันได้ด้วยความคิด
ในเวลาเดียวกันพลังงานพิเศษก็ไหลเข้าตัวเขาผ่านการเชื่อมต่อ ทำให้เขารู้สึกอบอุ่น
พลังงานนี้หายไปหลังจากนั้นไม่นานหานเซี่ยวรู้สึกว่าพลังงานนี้ช่วยเพิ่มพลังร่างกายเขาไปอีกระดับ เขารีบเปิดหน้าต่างสถานะ
ท่านได้สร้างการเชื่อมต่อวิญญาณกับ[กาลอวกาศแอมเบอร์]
ระดับการเชื่อมต่อปัจจุบัน: 1/5
[กาลอวกาศแอมเบอร์]
เกรด: ทอง
ประเภท: สมบัติจักรวาล
ท่านได้รับบัฟ[คำอวยพรของกาลอวกาศแอมเบอร์]
[คำอวยพรของกาลอวกาศแอมเบอร์(ระดับ1): +10%พลังงานสูงสุด +50พละกำลัง +50ความเชี่ยวชาญ +50ความทนทาน +100สติปัญญา +25ลี้ลับ+25เสน่ห์ +50%ความต้านทานอวกาศพื้นฐาน +20%ความต้านทานทางจิตขั้นพื้นฐาน ผลของความสามารถที่เกี่ยวกับกาลอวกาศจะเพิ่มขึ้น12-24%
ระยะเวลาบัฟ: ถาวร
“มันแค่ระดับแรกและผลก็ดีขนาดนี้แล้ว”ดวงตาหานเซี่ยวสว่าง
เช่นเดียวกับที่ลูกบาศก์เสริมพลังจิตของไซเคอร์เมื่อเขาทำการเชื่อมต่อกับกาลอวกาศแอมเบอร์ เขาจึงแกร่งขึ้น
หานเซี่ยวหยิบมันออกมาและลองใช้เขาตระหนักว่ากำลังขับพลังงานสูงขึ้นและความเร็วการสร้างอำพันก็เพิ่มขึ้นประมาณ20-30%
“ดูเหมือนยิ่งการเชื่อมต่อจะแกร่งขึ้นฉันก็ยิ่งสร้างอำพันได้เร็วขึ้น”
หานเซี่ยวมองรอบสองของภารกิจซึ่งเพิ่มการเชื่อมต่อ ข้อกำหนดภารกิจนี้คือหาที่อยู่ของเผ่าผู้หยุดกาลอวกาศและทำการติดต่อกับลูกหลานที่สืบเชื้อสายเขา
“เอ่อ..ข้อกำหนดนี้.”
หานเซี่ยวมีสีหน้าแปลกๆ
มันไม่ใช่ว่าเขาไม่อาจหาลูกหลานได้แต่พวกเขาหาได้ง่ายมาก
เขาได้อ่านข้อมูลทั้งหมดของผู้หยุดกาลอวกาศแล้วเขารู้ว่าเผ่าของบรรพชนยังอยู่และมักอยู่ภายใต้อารยธรรมที่ผู้หยุดกาลอวกาศเคยเป็นอยู่มาก่อน
ปัญหาเดียวคือ…เผ่าลูกหลานของผู้อยู่เหนือมีพรสวรรค์โดดเด่นและมีเปอร์เซ็นต์ของผู้มีพลังสูงพวกเขามักถูกมองเป็นทรัพยากรที่สำคัญโดยอารยธรรมและได้รับการคุ้มครอง
เผ่าผู้หยุดกาลอวกาศยังได้รับการคุ้มครองโดยอารยธรรมที่พวกเขาอยู่และไม่ได้รับอนุญาตให้ติดต่อกับคนนอก
อารยธรรมนี้รอดจากยุคสำรวจมาได้และกลายเป็นกองกำลังขนาดใหญ่
มันคือหนึ่งในสามอารยธรรมจักรวาล…สหพันธ์แห่งแสง!
หากฉันผู้อยู่เหนือทางฝั่งจักรวรรดิดันวิ่งไปในอาณาเขตของสหพันธ์แห่งแสง
ฉันต้องแอบเข้าไปอีกแล้ว?หากฉันถูกพบฉันอาจถูกล้อมและตาย…
ปากหานเซี่ยวกระตุกเขาอยู่ในโลกริบหรี่และไม่มีเวลาออกไปไหน ดังนั้นมันจึงชัดเจนว่าเขาไม่อาจทำภารกิจนี้เสร็จได้เร็วๆนี้ ดังนั้น เขาจึงพับเก็บมันไว้ก่อน
ยังไงก็ตามเขามีสมบัติในมือ ดังนั้นเขาจึงไม่รีบ เขามีเรื่องอื่นให้ต้องทำ
เจ็ดวันผ่านไปนับตั้งแต่เขาใช้ความสามารถนักสำรวจเวลาคูลดาวน์หมดลงแล้ว
ความสามารถนี้เปรี่ยบเสมือนบอลเวทย์เป็นเหมือนการเล่นไสยศาสตร์ แต่ทว่า หลังทดสอบมัน ผลของมันกลับยอดเยี่ยมมาก
หานเซี่ยวนำชุดข้อมูลรูหนอนที่เทพเอสต้องการออกมาและยิ้ม
“ในที่สุดฉันก็จะเผยความลับในข้อมูลชุดนี้ได้!”
แม้เขาจะได้แบ่งปันข้อมูลนี้กับจักรวรรดิแล้วและสถาบันวิจัยของจักรวรรดิก็น่าจะถอดรหัสมันได้ในอนาคตก็ตาม…
แต่วันนี้เขาตัดสินใจเชื่อในไสยศาสตร์
ตอนที่ 840 ผลกระทบที่ใหญ่ที่สุด!
ด้วยการแจ้งเตือนความสามารถสำรวจที่ทำงานบนหน้าต่างสถานะวิสัยทัศน์ของหานเซี่ยวจึงเต็มไปด้วยภาพอีกครั้ง
คนสองคนปรากฏในภาพล้อมด้วยพลังงานสีฟ้าและดำ เหมือนอยู่ในเส้นทางรูหนอน
คนสองคนนี้คุ้นหน้าหนึ่งคือตัวเขาในอดีต อีกหนึ่งคือร่างแยกเทพเอส
ข้อมูลรูหนอนชุดนี้มาจากรูหนอนที่ร่างแยกเทพเอสเข้าตอนสู้กับเขานี่คือภาพจากตอนนั้น
เมื่อภาพเล่นตัวเขาในอดีตก็บินจากรูหนอนตามเหตุการณ์ดั้งเดิม ขณะที่วิสัยทัศน์เขาจับกับร่างแยกเทพเอส ดูกระแสระหว่างลำธารของพลังงานอวกาศ
“มาเลย!”หานเซี่ยวตื่นเต้น
เมื่อเขาขับไล่ร่างแยกเทพเอสเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนี้ มันดูเหมือนเขาจะเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างแยกเทพเอสอีกฝั่งของรูหนอนได้
วินาทีต่อมาในที่สุดเทพเอสก็ผ่านรูหนอนและถูกพ่นออกไป ปรากฏในอวกาศมืดสนิท
เมื่อตระหนักว่าหานเซี่ยวไม่อยู่ด้วยร่างแยกเทพเอสในภาพก็ดูโกรธ รู้ว่ามันถูกหลอก มันหยุดสักพักแต่จากนั้นก็เคลื่อนที่
ไม่นานเทพเอสก็หยุด ดาวแปลกๆปรากฏตรงหน้ามัน เหนือชั้นบรรยากาศของดาวนี้ มีรูหนอนมากมาย รากของดาวขนาดใหญ่ยื่นจากภายในและเชื่อมต่อกับผิวดาว คลื่นพลังงานไหลผ่านราก เหมือนมันกำลังดูดซับสารอาหารของดาวนี้
“นี่คือ…”รูม่านตาหานเซี่ยวหดลง
เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นสิ่งนี้!
ก่อนเขาจะมีเวลาคิดการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น!
ที่ไหนสักแห่งอวกาศสีดำแตกเปิดข้างร่างแยกเทพเอส รากผอมยาวก็สิบจู่โจมตีและพันรอบเทพเอสไว้
ครั้งนี้ภาพหายไป วิสัยทัศน์หานเซี่ยวกลับเป็นปกติ
“บัดซบทำไมมันหยุดแค่นี้?”
เขาสบประมาทเขาเพ่งสมาธิกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป แต่มันกลับจบลงแค่นั้น?
น่าหงุดหงิดมาก!
หานเซี่ยวสูดหายใจลึกและนึกสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นสีหน้าเขาดำมืด
หากข้อมูลชิ้นนี้เผยต่อทุกคนนอกจากเขาคนย่อมรู้สึกว่ามันแปลกและไม่มีค่า ในความเป็นจริง ทั่วทั้งจักรวาล เขาอาจเป็นคนเดียวที่รู้ว่ามันสำคัญแค่ไหน
เขาอาจเป็นคนเดียวที่รู้ว่ารากเหล่านี้คืออะไรพวกมันมาจากอารยธรรมจักรวาลที่ทำการรุกรานครั้งใหญ่ในเวอร์ชั่นหลัง อารยธรรมต้นไม้โลก!
“ยังมีอีกหลายเวอร์ชั่นกว่าจะถึงเวอร์ชั่นอารยธรรมต้นไม้โลกทำไมมันถึงปรากฏในช่วงนี้?”หานเซี่ยวกัดเล็บโดยไม่รู้ตัว สีหน้าเขาบิดเบี้ยว
ในที่สุดเขาก็เข้าใจมันกลับกลายเป็นว่าชุดข้อมูลรูหนอนนี้เชื่อมกับอาณาเขตของต้นไม้โลก และร่างแยกเทพเอสก็ไปโดยบังเอิญ!
อารยธรรมต้นไม้โลกตั้งในจักรวาลไร้การสำรวจที่ห่างจากจักรวาลที่ได้รับการสำรวจมากสามอารยธรรมและอารยธรรมต้นไม้โลกต่างไม่รับรู้ถึงกัน สำหรับอารยธรรมที่ทรงพลัง พื้นที่ไร้การสำรวจคือสิ่งจำเป็น ดังนั้น การพบปะพวกเขาจะเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ในเวอร์ชั่นหลังของชีวิตก่อนหน้าเขา อารยธรรมต้นไม้โลกพบการดำรงอยุ่ของสามอารยธรรมและตัดสินใจรุกราน เช่นนั้น มหาสงครามจักรวาลจึงบังเกิดขึ้น!
แต่ทว่าที่ขั้นนี้ สองฝั่งควรไม่มีการติดต่อกัน!
“โดยปราศจากฉันผู้นำดาราทมิฬจะไม่นำร่างแยกเทพเอสมาโจมตีฉัน และเทพเอสจะไม่ได้พบอารยธรรมต้นไม้โลก บัดซบ นี่อาจเป็นผลกระทบต่อเนื่องที่ใหญ่สุดที่ฉันเคยเจอ..”
สีหน้าหานเซี่ยวไม่สู้ดี
ภาพที่เขาเพิ่งดูเต็มไปด้วยข้อมูล
เขารู้ว่าอารยธรรมต้นไม้โลกคืออารยธรรมที่มีโครงสร้างพิเศษมากต้นไม้โลกเทียบเท่ากับสมบัติจักรวาลของพวกเขา และเป็นสมบัติจักรวาลที่มีระดับสูงสุดเลยก็ว่าได้ มันได้รับการเคารพบูชาและเลี้ยงดูโดยทั้งอารยธรรม ในเวลาเดียวกันก็นำผลประโยชน์ที่เปรียบไม่ได้มาสู่อารยธรรม
รากของต้นไม้โลกอยู่ในอีกมิติและมีสัมผัสแหลมคมต่อพลังงานซึ่งนำไปสู่การค้นพบร่างแยกเทพเอส แม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างแยกเทพเอสต่อไป มันก็ชัดเจนว่าเขาทำบางสิ่ง ด้วยความที่เขาอยากได้ข้อมูลรูหนอนมาก ทั้งสองต้องติดต่อกัน!
“เทพเอสอาจอยากได้ข้อมูลชุดนี้เพื่อที่เขาจะได้หาตำแหน่งของอารยธรรมต้นไม้โลกเขาบอกว่านั่นคือความหวังสำหรับการวิวัฒนาการเขา นี่เป็นการตบตาโดยอารยธรรมต้นไม้โลก?”
หลังคิดถึงความเป็นไปได้นี้สีหน้าหานเซี่ยวก็เปลี่ยนไป
หากอารยธรรมต้นไม้โลกพบตำแหน่งของสามอารยธรรมเพราะการไปเยือนของร่างแยกเทพเอสการรุกรานของอารยธรรมต้นไม้โลกอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าเดิม นั่นจะสร้างหายนะให้ทั้งจักรวาล!
หากสงครามเกิดขึ้นก่อนที่มันควรจะเป็นเนื้อเรื่องที่เขารู้จักก็จะหมดไป ข้อได้เปรียบที่เขารู้ก่อนใครจะสูญเปล่า และในเวลาเดียวกัน เขาก็จะเสียเวลาอันล้ำค่าเพื่อเพิ่มพลังเขา
แม้เขาจะเป็นผู้อยู่เหนือแล้วในมหาสงครามที่สูสีกับสงครามยุคสำรวจ แม้กระทั่งผู้อยู่เหนือก็ยังไม่อาจรับประกันชีวิตตัวเองได้
เหนือสิ่งอื่นใดมีผู้อยู่เหนือมากมายที่ตายในสงครามนี้
“โชคดีนั่นแค่หนึ่งในร่างแยกเทพเอส ด้วยนิสัยเขา เขาอาจไม่บอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้..”
เขาอยากหาตำแหน่งอารยธรรมต้นไม้โลกและไม่รอการมาถึงของอีกฝ่ายซึ่งหมายความว่าเทพเอสอาจไม่ได้เผิดเผยข้อมูลของจักรวาลที่ได้รับการสำรวจ
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันสิ่งเดียวที่หานเซี่ยวสามารถทำได้คือภาวนาให้เทพเอสไม่บอกอารยธรรมต้นไม้โลกเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของสามอารยธรรม
แต่ทว่าหากเทพเอสอยากศึกษาข้อมูลนี้ เขาคงต้องพบผลลัพธ์ในไม่ช้าและลากทุกคนเข้าสงคราม ไม่มีใครจะได้รับการยกเว้น
นี่คือระเบิดเวลา!
“ฉันจะปล่อยให้เขาศึกษาต่อไปไม่ได้..”หานเซี่ยวกัดฟัน
จนถึงตอนนี้เขาได้สู้กับเทพเอสมาสองครั้ง แม้พวกเขาจะเป็นศัตรูกัน เขารู้ว่าเขาไม่อาจทำอะไรกับเทพเอสได้ในตอนนี้
แต่วันนี้คือครั้งแรกที่เจตนาฆ่าในตัวเขานั้นชัดเจนและตรงไปตรงมาสุดเขาอยากฆ่าเทพเอสให้เร็วที่สุด!
“ด้วยความจริงที่เทพเอสสามารถอยู่รอดได้ระหว่างช่องว่างของสามอารยธรรมการหาความช่วยเหลือของจักรวรรดิจึงเปล่าประโยชน์ ฉันยังไม่มีวิธีพิสูจน์การดำรงอยู่ของอารยธรรมต้นไม้โลก ดังนั้นจักรวรรดิย่อมไม่คิดกำจัดเทพเอสแบบบเด็ดขาด..”
ข้อมูลที่ได้รับจากนักสำรวจไม่อาจแสดงให้ใครได้นอกจากเขาต่อให้เขาบอกจักรวรรดิถึงสิ่งที่เขาเห็นจักรวรรดิกฌไม่มีทางเชื่อ ทางเดียวที่จะทำให้จักรวรรดิเชื่อมันคือสอบปากคำเทพเอส
แต่ทว่าเพื่อสอบปากคำ พวกเขาต้องจับเทพเอสให้ได้ก่อน
หานเซี่ยวขมวดคิ้วเขาตระหนักว่ามีความช่วยเหลือภายนอกไม่มากนัก
เว้นแต่…จักรวรรดิจะศึกษาข้อมูลชุดนี้แล้วและพบอารยธรรมต้นไม้โลกในกรณีนั้นเพื่อรักษาการดำรงอยู่ของจักรวาลพวกเขาไว้เป็นความลับ จักรวรรดิย่อมมีเหตุผลรุนแรงเพื่อกำจัดเทพเอส
“ยากข้อกำหนดนั้นยากเกินไป แม้จักรวรรดิจะมีประสบการณ์ในยุคสำรวจและรู้ว่าจะซ่อนตัวเองจากสิ่งแปลกปลอมยังไง ด้วยกฏปัจจุบัน จักรวรรดิอาจทำการติดต่อเอง”หานเซี่ยวส่ายหัว หากเขารู้ว่าชุดข้อมูลนี้จะนำไปสู่อารยธรรมต้นไม้โลก เขาคงไม่มอบมันให้จักรวรรดิศึกษา มีปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้มากเกิน หากทุกอย่างผิดพลาด สงครามจักรวาลที่ควรจะเกิดในเวอร์ชั่นหลังอาจปะทุขึ้นล่วงหน้า”
“ตอนนี้ฉันเป็นคนเดียวที่รู้และมันก็ยากเกินที่จะแก้ไขปัญหาเพียงลำพัง…”
หานเซี่ยวรู้สึกหดหู่
“การจัดการกับเทพเอสจะต้องทำเร็วกว่าแผนที่วางไว้ฉันไม่แกร่งพอจะสู้กับเทพเอสลำพัง..เห้อ บทลงโทษค่าประสบการณ์ก็นานซะจริง….”
…
หลังอยู่บนดาวประภาคารนานกว่าครึ่งเดือนทีมสำรวจใหม่ก็มาถึงโลกริบหรี่
ทาราคอฟพบกับผู้นำทีมสำรวจใหม่ในฐานหานเวี่ยวก็มาพบด้วย วางแผนแสดงหน้าเขาและหาเพื่อนใหม่
ภายในห้องประชุมคนเข้ามาและเห็นทาราคอฟ ผู้นั่งรออยู่ จากนั้นพวกเขาก็มองด้านข้างและเห็นหานเซี่ยว
“สวัสดีท่านผู้บัญชาการสูงสุดทาราคอฟ ท่านแบล็คสตาร์”
ผู้บัญชาการของอารยธรรมกลุ่มดาวเหล่านี้มีความคุ้นเคยกับพันธมิตรใหม่ที่ครอบครองลูกบาศก์พวกเขามองหานเซี่ยวและหานเซี่ยวก็พยักหน้ากลับ
“ฮ่าๆเราพบกันอีกแล้ว”เบโยนี่หัวเราะ”ฉันได้ยินว่าศาสนจักรกำลังวางแผนโจมตีนาย ดูเหมือนายต้องการให้ฉันช่วยสินะ”
ทันใดนั้นบางคนก็กล่าวแทรก”เราต่างหาก”
หานเซี่ยวหันไปและสำรวจเสียงมาจากร่างพลังงานทรงมนุษย์ พลังงานสีแดงเข้มไหลผ่านตัวคนๆนี้เหมือนเปลวไฟเหลว เขาไม่มีปากหรือจมูก มีแค่ตามังกรทองคำคู่หนึ่ง
“นาย..”หานเซี่ยวตกตะลึงเกี่ยวกับความจริงที่เขาไม่รู้จักคนๆนี้
“มิลิซาส”ร่างพลังงานนี้กล่าว”ไม่ต้องแปลกใจนี่แค่ร่างพลังงาน ร่างหลักฉันอยู่ข้างบน”
หานเซี่ยวจับมือกับร่างพลังงานนี้ทันทีที่หายสงสัย”นับเป็นเกียรติที่ได้พบราชาแห่งชาติเลือดมังกร ผู้นำของเผ่ามังกรวิญญาณดวงดาว”
ในเวลาเดียวกันเขาก็ลอบเข้าเครือข่ายควอนตัมและดูชั้นบรรยากาศด้านนอกของดาวประภาคารผ่านอุปกรณ์เฝ้าระวังของฐาน
มังกรขนาดมหึมาที่มีขนาดเกือบเท่ายานหลักกำลังลอยในชั้นบรรยากาศหนดวยาวห้อยลงจากหัวมัน และเกล็ดมังกรทรงเพชรก็คลุมทั้งร่าง แม้เกล็ดเล็กสุดก็ยังยาวหลายเมตร ร่างของมังกรมีสีเงิน ม่วงและเขียว ราวกับแสงดาวสดใสกำลังไหล่ผ่านช่องว่างของเกล็ดมังกร แม้มันจะใหญ่ มันก็ยังดูคล่องแคล่วว่องไว
นี่คือมังกรวิญญาณดวงดาวแม้จะอยู่ภายในเผ่าเดียวกัน ขนาดนี้ก็ยังน่าประทับใจ นี่คือร่างจริงของมิลิซาส
เผ่ามังกรวิญญาณดวงดาวคือเผาที่สืบเชื้อสายของมังกรฟ้าพวกเขาเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ แม้ความสามารถการสืบพันธ์จะไม่สูง มังกรโตเต็มวัยก็มีพลังอย่างน้อยเกรดB อัตราของภัยพิบัติในเผ่าพวกเขาสูงมาก
มิลิซาสคือผู้อยู่เหนือคนสองในเผ่านี้ เขาคือจอมเวทย์มังกรยักษ์ เขามีความชำนาญทั้งจอมเวทย์ปกติและวงเวทย์และสามารถเรียนคาถาได้ทั้งหมด แต่ทว่า เมื่อใช้คาถาของเผ่ามังกร พลังมันจะเพิ่มขึ้นมาก ปัจจุบัน มิลิซาสคือผู้นำของเผ่านี้ ตำแหน่งเขาคล้ายกับแมนิสัน ผู้นำเผ่าจักรกล
นอกจากนี้ด้วยความที่มังกรมีชีวิตยืนยาว มิลิซาสจึงเป็นสมาชิกของแอนเชี่ยนวันด้วย
แอนเชี่ยนวันเป็นกลุ่มหละหลวมมากดังนั้นจุดยืนเขากับเรเวนลูดจึงแตกต่าง อาจพูดได้ว่าความสัมพันธ์ทั้งคู่ไม่ดีนัก เรเวนลูดคือจอมเวทย์เช่นกัน แต่ความเชื่อพวกเขาในเวทมนตร์นั้นขัดแย้งกัน
เห็นได้ชัดว่ามิลิซาสกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่แล้วและไม่ใช่มังกรวิญญาณบริสุทธ์อีกเนื่องจากร่างกายที่ใหญ่โต เขาจึงมักใช้ร่างพลังงานเพื่อสื่อสารกับคนอื่น
“ฉันได้ยินเกี่ยวกับนายมามากกายอมตะ แบล็คสตาร์”เสียงของมิลิซาสฟังดูเก่าแก่และแหบแห้ง แต่นิสัยเขาค่อนข้างร่าเริงและไม่เย็นชาเท่าคล็อตติ นี่อาจเพราะพวกเขาคือผู้อยู่เหนือเหมือนกัน ดังนั้นจึงสื่อสารกันได้อย่างเท่าเทียม
“ด้วยการคงอยู่ของฉันนายไม่ต้องกังวลเรื่องศาสนจักรเลย พวกมันอาจไม่กล้าลงมืออีกเมื่อเห็นฉัน”
“ฮ่าๆๆงั้นฉันก็ต้องเตรียมลูกบาศก์ไว้ให้นายแล้ว”หานเซี่ยวหัวเราะ”แล้วนายสนใจทำข้อตกลงกับฉันไหม?มันยังเกี่ยวกับลูกบาศก์วิวัฒนาการด้วยนะ”
“โอ้?”มิลิซาสสนใจ”นายรู้จักฉันดีแน่นอน เมื่อเราประชุมกันเสร็จ ก็มาคุยกัน”
เรเวนลูดเหลือบมองหานเซี่ยวจากนั้นก็พยักหน้าให้เขาเป็นรูปแบบทักทายและนั่งลงโดยไม่พูดอะไร
เนื่องจากอีซอปเรเวนลูดจึงไม่อยากสนิทกับแบล็คสตาร์เกินไป ในฐานะจอมเวทย์ เขาไม่สนใจในลูกบาศก์มากนัก นอกจากนี้ พวกเขายังสำรวจกลุ่มดาวการูด้วยกัน พวกเขาจึงเป็นคู่แข่งกัน เรเวนลูดจึงไม่อยากสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา เขาไม่ใช่คนที่ชอบคบค้าหาสมาคม