The Legendary Mechanic - ตอนที่ 841-842
ตอนที่ 841 พายุที่ใกล้เข้ามา
เมื่อทุกคนนั่งการประชุมก็เริ่ม ทาราคอฟอธิบายสถานการณ์ปัจจุบัน
หลังฟังสักพักเรเวนลูดก็ยินดี เขากำลังจะสำรวจกลุ่มดาวการู และประตูดาวระยะไกลที่สร้างโดยกองทัพ
แบล็คสตาร์ก็มอบตัวเลือกให้เขามากมายซึ่งเป็นประโยชน์แก่เขา
ใครจะไปรู้ว่าแบล็คสตาร์กำลังคิดอะไร?
สำหรับคนอย่างฮีเบอร์ที่สำรวจกลุ่มดาวรีนอลท์เป็นขั้นๆทีมสำรวจที่มาทีหลังจึงไม่มีทางเลือกนอกจากค่อยๆใช้ไฮเปอร์ไดรฟ์ข้ามพื้นที่ทีสำรวจแล้ว
ความเยาะเย้ยในตาเรเวนลูดเพิ่มขึ้นขณะที่เขามองหานเซี่ยว
เมื่อสังเกตเห็นสายตานั้นหานเซี่ยวก็หันไปยิ้มให้เขา ด้วยสายตาเยาะเย้ยเหมือนกัน
แม้ประตูดาวระยะไกลจะทำให้การสำรวจของเรเวนลูดง่ายขึ้นจริงแต่รางวัลก้อนโตสุดก็คือกาลอวกาศแอมเบอร์ในมือเขา
นอกจากนี้หานเซี่ยวได้ยึดดาวมากทรัพยากรไปหมดแล้วและก็เหลือดาวน้อยมากให้เรเวนลูด แน่นอน เรเวนลูดย่อมไม่รู้
ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองได้เปรียบ
ฮี่ๆแกขาดทุนแล้ว เรเวนลูดอยากพูดแบบนั้น
จิ๊จิ๊แกต่างหาก
..
การประชุมจบลงอย่างรวดเร็วและกลุ่มคนก็แยกย้าย ทีมสำรวจชุดแรกรวมถึงหานเซี่ยวและฮีเบอร์ได้สร้างประตูดาวแล้ว ทีมสำรวจชุดสองจึงสามารถไปถึงกลุ่มดาวของพวกเขาได้ทันทีและไม่มีเหตุผลให้ต้องเสียเวลาบนดาวประภาคาร พวกเขาออกเดินทางอย่างรวดเร็ว
ทีมของมิลิซาสและเบโยนี่ก็ด้วยส่วนพวกเขาจะอยู่และคุ้มกันหานเซี่ยวชั่วคราว
ในฐานะผู้อยู่เหนือของจักรวรรดิพวกเขาไม่ว่าอะไรที่จะอยู่ข้างเพื่อนพวกเขา
ภายในห้องกว้างทั้งสามนั่งตรงข้ามกัน แก้วของเหลวสีแดงร้อนอยู่บนโต๊ะ นี่คือของที่เบโยนี่นำมาจากบ้านเขา มันคือเครื่องดื่มพิเศษที่เผ่าปีศาจกองฟืนชอบ
หานเซี่ยวจิบอึกใหญ่มันหนาและรุนแรง ร้อนและเผ็ด และไหลลงคอเขาเหมือนไฟ ท้องเขารู้สึกอบอุ่น และเลข-0ก็ผุดบนหัวเขาไม่หยุด
”ไม่เลวนี่คืออะไร?”หานเซี่ยวถาม
”ฮี่ๆนี่คือลาวาจากแดนแห่งไฟ ผสมกับแอลกอฮอล์ มันดีเลยใช่ไหมละ?”
แกเอาลาวามาให้ฉันดื่ม…?ปากหานเซี่ยวกระตุก
แดนแห่งไฟคือสมบัติจักรวาลเดียวที่เผ่าปีศาจกองฟืนมีมันดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สามารถเร่งความเร็วการเติบโตได้
หลังลังเลหานเซี่ยวก็ไม่วางแก้วลงและจิบอีก
”..อีกแก้ว”
มันรสชาติดีจริงๆ
เขาเคยอยู่ในดาวฤกษ์มาก่อนดังนั้นการดื่มลาวาจึงไม่นับเป็นอะไร
มิลิซาสยกแก้วขึ้นตรงและสงสัยว่าเขาควรดื่มไหมเพราะนี่แค่ร่างวิญญาณเขาส่ายหัวและถาม”แบล็คสตาร์ แล้วข้อเสนอที่นายพูดก่อนหน้านี้ละ?”
หานเซี่ยววางแก้วลงและยิ้ม”ยาเลือดมังกรต่างๆของชาติเลือดมังกรโด่งดังไปทั่วจักรวาลฉันอยากแลกการจัดสรรลูกบาศก์วิวัฒนาการสำหรับยาเลือดมังกร นายคือผู้นำเผ่ามังกรวิญญาณ ฉันจึงเดาว่านายคงอยากให้คนของนายวิวัฒนาการด้วย”
มิลิซาสไตร่ตรองและพยักหน้า”ได้แล้วเราจะแลกกันยังไง?”
ยาเลือดมังกรมีไว้เพื่อขายอยู่แล้วมิลิซาสจึงไม่ปฏิเสธ ชาติเลือดมังกรมีมังกรเลือดผสมที่เขาสร้างด้วยยาเลือดมังกร มันเป็นกองกำลังภายใต้เผ่าพันธุ์เขา เผ่ามังกรวิญญาณนั้นสำคัญต่อเขา
”ยาเลือดมังกรทั่วไปสองตันกับยาเลือดมังกรข้นร้อยกิโลกรัมแลกกับการใช้ลูกบาศก์วิวัฒนาการร้อยคน”
มิลิซาสตกตะลึง
ตัน?
นี่มันเกินไปแล้ว!
”มันต้องใช้เลือดมังกรกว่าสิบตันจากมังกรเกรดCเพื่อผลิตยาเลือดมังกรหนึ่งตันและยาเลือดมังกรข้นก็ต้องการกว่านั้น”มิลิซาสกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ”ทำไมนายไม่ให้ฉันมอบมังกรให้นายและสูบเลือดจากมันเอาเองเลยละ?”
หานเซี่ยวไตร่ตรองด้วยใบหน้าจริงจัง”นั่นก็ไม่ใช่ว่ารับไม่ได้…”
”แกจะโลภเกินไปแล้ว!”มิลิซาสคำราม
”ฉันไม่ได้ขอให้นายซื้อการจัดสรรทั้งหมดทีเดียวนายสามารถค่อยๆจ่ายได้”หานเซี่ยวหัวเราะ มิตรภาพคือเรื่องหนึ่ง ความโลภในธุรกิจคืออีกเรื่องหนึ่ง
แน่นอนเขาไม่อาจขอยาเลือดมังกรจำนวนมากได้ทีเดียว พวกมันจะนำมาใช้เพื่อเพิ่มความสามารถของเจ้าหน้าที่และขายให้ผู้เล่น
การขายของจากกองกำลังอื่นจะขยายขอบเขตผลิตภัณฑ์ของกองทัพและจะเพิ่มชื่อเสียงเขาทางอ้อม
มิลิซาสพูดไม่ออกแม้เราจะมีขนาดใหญ่โตและมีเลือดมากมาย แกก็ไม่อาจดื่มเลือดเราได้จนหมด!
”หากนายกังวลฉันสามารถให้คนของนายลิ้มลองผลของลูกบาศก์วิวัฒนาการได้ก่อนครั้งหนึ่ง”
”ได้ไปหาที่่ว่างกัน ฉันจะเรียกมังกรมา”มิลิซาสพยักหน้า
หานเซี่ยวมองเบโยนี่และเบโยนี่ก็บอกว่าเขาไม่คัดค้านและอยากเห็นเหมือนกัน
ทั้งสามออกห้องและไปทุ่งเหล็กกว้าง
หานเซี่ยวแหงนมองและะเห็นมังกรตัวโตลอยลงมา
หวือ!
ปีกมันกระพือพัดลมแรงมังกรตนนี้ร่อนลงบนพื้นเสียงดังและพื้นก็สั่นเล็กน้อย
หานเซี่ยวสำรวจมันร่างของมังกรยักษ์ตนนี้ยาว มันยาวประมาณพันเมตร มันมีปีกสองคู่บนหลังและกรงเล็บมังกรคู่ด้านล่างลำตัวมันที่ตรงหน้า กลาง และหลัง รวมเป็นสามคู่ มันจ้องทั้งสามด้วยตามังกรทอง
นี่คือมังกรวิญญาณเทียบกับมิลิซาส ขนาดมันไม่ใหญ่เท่า มังกรวิญญาณตนนี้ไม่มีนิสัยเปลือยกาย ร่างส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยเกราะเหล็กหนักดำ
เกราะมันยังติดตั้งอาวุธจักรกลเช่นป้อมปืนและม่านพลังยานรบ มังกรเกราะหนักเช่นนี้จะถูกมองเป็นยานรบเลยก็ว่าได้
เกราะมันและลำตัวมันมีวงเวทย์จำนวนมากอยู่ซึ่งเปล่งแสง
”นี่คือหนึ่งในองครักษ์มังกรของฉันให้เขาลองรับผลของลูกบาศก์วิวัฒนาการก่อน”มิลิซาสกล่าว ในฐานะผู้อยู่เหนือ เขาย่อมมีหน่วยชั้นยอดภายใต้ องครักษ์มังกรก็เหมือนจอมเวทย์ต้องห้ามของออสติน
ว้าวเขาดูสุดยอดไปเลย..ดวงตาหานเซี่ยวเป็นกระกาย สิ่งมีชีวีตขนาดยักษ์นี้สมบูรณ์แบบมาก
หลังปลดผนึกลูกบาศก์วิวัฒนาการชั่วคราวหานเซี่ยวก็กระตุ้นมัน พลังงานวิวัฒนาการสีดำไหลออกมาและปกคลุมองครักษ์มังกรนี้ สร้างรังไหมสีดำ
กึกกึก…
ไม่นานรังไหมดำก็แตกระจายเหมือนสิ่งมีชีวิตกำลังจะถือกำเนิด ภายใต้สัมผัสเฉียบแหลมของสามผู้อยู่เหนือ กลิ่นอายขององครักษ์มังกรนี้แกร่งขึ้นมาก ขนาดมันยังใหญ่ขึ้นและเกราะหนักมันก็กลายเป็นแน่นไป
โฮกก!
มันชูคอและคำรามปล่อยลมหายใจมังกรสีม่วงเงินสว่างที่ขยายเหมือนทะเลแสงและกระจายเหมือนพลุไฟในท้องฟ้า
”ดูเหมือนผลจะดี”เบโยนี่อิจฉาเล็กน้อยหากเขาสามารถให้สาวๆของเผ่าปีศาจกองฟืนได้รับการวิวัฒนาการเช่นนี้ พวกเธอย่อมสามารถทนความร้อนแรงของเขาได้กว่านี้ ซึ่งจะทำให้เขามีทายาทได้ง่ายขึ้น
มิลิซาสยังพอใจเช่นกัน
”งั้นฉันจะยอมรับราคานี้ฉันควรซื้อครั้งแรกที่…สองพันการจัดสรร”
”สองพันจะพอได้ยังไง?ประชากรของเผ่ามังกรวิญญาณไม่สูงแต่ก็ควรมีมังกรนับล้าน ซื้ออีกสิ”
มิลิซาสแค่นเสียง”ค่อยว่ากันในอนาคต”
หากเขาซื้อการจัดสรรเป็นหมื่นทีเดียวเผ่ามังกรวิญญาณเขาคงต้องเปลี่ยนชื่อเป็นเผ่ามังกรโลหิตจาง
”ฉันมีคำขออีก”หานเซี่ยวหัวเราะสำรวจองครักษ์มังกรและกล่าว”ฉันคิดว่ามังกรวิญญาณของนายค่อนข้างดูดี..”
”แกต้องการอะไรอีก?”มิลิซาสตื่นตัว
”นายจะว่าอะไรไหมหากฉันอยากรับมังกรมาเป็นพันธมิตรฉัน…”
”อย่าได้คิดฝัน!”มิลิซาสโกรธจนแทบไม่อาจรักษาร่างพลังงานเขาได้
พันธมิตร?คิดว่าฉันมองไม่เห็นความปราถนาในสายตาแกหรือไง?แกอยากขึ้นขี่คนของฉัน?!บางทีแกอาจอยากขึ้นขี่หลังฉันด้วย!
มิลิซาสอ่านประวัติหานเซี่ยวมาก่อนและรู้ว่าเขาหน้าหนาแค่ไหนแต่ทว่า หลังติดต่อกันจริงๆ หน้าหนาๆของหานเซี่ยวก็เกินกว่าที่เขาคิด ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าเรียกราคาสูงตรงๆ แถมยังอยากเอามังกรของเขาไปขึ้นขี่ มันมีผู้อยู่เหนือที่ไร้ยางอายขนาดนี้ได้ยังไง!
แต่ทว่ามิลิซาสไม่ใช่ไม่ชอบและยังชอบแบล็คสตาร์อีกด้วย ผู้อยู่เหนือในจักรวาลส่วนใหญ่จะสร้างภาพลักษณ์ตัวเองและมักคงท่าทางเย็นชาราวกับพวกเขากลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าพวกเขาคัญแค่ไหน เขามีความสุขที่เจอคนอย่างหานเซี่ยว
หลังใช้ชีวิตมานานคนก็จะกลายเป็นไม่แยแสต่อทุกอย่างหรือพัฒนาความสนใจในสิ่งแปลกใหม่เพิ่ม มิลิซาสถือว่ามีนิสัยคล้ายกับอีซอป
..
บนดาวแม่ศาสนจักรอาร์เคนภายในวิหารขนาดใหญ่ เหล่าบิชอบนั่งรอบโต๊ะกลม หารือเรื่องลูกบาศก์วิวัฒนาการ
การระดมผู้อยู่เหนือไม่ใช่เรื่องเล็กๆมันต้องได้รับการตัดสินจากสมาชิกระดับสูงสุดของศาสนจักร แต่ทว่า เนื่องจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับไซเคอร์ ความคิดของพวกเขาจึงแบ่งแยก
”เราควรล้มเลิกแผนนี้!”บิชอปกล่าวอย่างสงบ”เราเสียความสามารถในการระบุตำแหน่งไปแล้วตามข้อมูลสุดท้าย จักรวรรดิยังพบเจตนาเรา แบล็คสตาร์กลับดาวประภาคารและซ่อนอยู่หลังการคุ้มกัน จักรวรรดิย่อมมอบคนคุ้มกันให้เขาถึงสอง ผู้เผาไหม้ เบโยนี่และ ราชามังกร มิลิซาส หากเราดำเนินแผนต่อ เราจะเจอกับสามพลรบระดับสูงของจักรวรรดิคริมสัน และนั่นจะเป็นการขัดแย้งโดยตรง ซึ่งขัดกับเจตนาเดิมเรา”
”ความปลอดภัยรอบดาวประภาคารสูงมากทันทีที่กองยานลับเราปรากฏใกล้ๆ เราจะถูกพบ จากนั้น เราจะต้องเจอกับกองยานของดาวประภาคาร ผู้เตรียมทำสงครามเต็มรูปแบบ ความเสี่ยงสูงมาก
คนอื่นมองเขาเงียบๆ
”สำคัญสุดโดยปราศจากความสามารถระบุตำแหน่งลูกบาศก์วิวัฒนาการ หากแบล็คสตาร์ซ่อนมัน เราจะไม่มีทางหามันเจอ การจับแบล็คสตาร์ก็เป็นงานยาก รางวัลไม่คุ้มเสี่ยง เรา…”เขาถอนหายใจ”เราควรละทิ้งลูกบาศก์ไป”
คนอื่นไม่อาจปฏิเสธพวกเขามองที่นั่งหลัก นั่นคือตำแหน่งพระสันตะปาปา มันว่าง แต่พวกเขารู้ว่าพระสันตะปาปากำลังฟังอยู่
การพูดคุยมาถึงช่วงสุดท้ายมันเป็นการตัดสินใจของพระสันตะปาปา
หลังรอสักพักภาพฉายสามมิติก็ปรากฏเหนือโต๊ะกลม มีหลายประโยค มันคือคำตอบของพระสันตะปาปา
”หนึ่งพระองค์บอกว่าลูกบาศก์วิวัฒนาการยังอยู่กับแบล็คสตาร์”
”สองเปลี่ยนแผนและโจมตีดาวประภาคารโดยตรง”
”สามเป้าหมายภารกิจใหม่ มิลิซาส [คฑาหมื่นเทพ]สามารถใช้ฆ่าเขาได้”
”สี่สหพันธ์แห่งแสงตอบรับที่จะช่วยเหลือเรา”
ตอนที่ 842 เตรียมการ
ภายในแถบจักรวาลรกร้างในโลกริบหรี่สถานีประตูดาวลับซ่อนอยู่หลังดาวร้าง มันคือฐานของพวกลอบเร้นจากศาสนจักร สถานีประตูดาวนี้ติดตั้งอุปกรณ์ซ่อนตัวทุกประเภทเพื่อซ่อนปฏิกิริยาพลังงานและป้องกันไม่ให้ถูกตรวจพบ
เทคโนโลยีของศาสนจักรเทียบเท่ากับจักรวรรดิแต่พวกเขาสนใจแตกต่างกัน จักรวรรดิทุ่มเทกับการค้นหาที่อยู่ของอารยธรรมกลุ่มดาวชั้นยอด แต่ไม่เคยพบประตูดาวลับของสหพันธ์แห่งแสงและศาสนจักรอาร์เคน
เพื่อหลบซ่อนศาสนจักรจึงไม่ใช้ประตูดาวลับถี่นัก ดังนั้นสถานีประตูดาวนี้จึงเงียบซะเป็นส่วนใหญ่
แต่วันนั้นสถานีประตูดาวนี้กลับทำงาน พลังงานสีฟ้าภายในประตูดาวพลันหมุนเร็วขึ้น และยานรบก็ปรากฏจากภายใน
ยานรบเลห่านี้ไม่ใช่ยานอวกาศทรงแผ่นดิสก์ของศาสนจักรแต่มีรูปทรงกรวยสี่เหลี่ยมจตุรัสที่มีแสงสีแดงหมุนวนตรงขอบและเกราะภายนอกสีดำ
ยานรบทรงกรวยนี้เป็นหนึ่งในยานรบระดับสูงทั่วไปของกาแล็กซี่มันแพร่กระจายไปเป็นวงกว้าง ดังนั้นตัวตนของเจ้าของจึงไม่อาจระบุได้จากโมเดลยาน ผิวยานไม่มีสัญลักษณ์ที่แสดงตัวตน
ยานรบออกจากประตูดาวไม่หยุดมันเป็นกองยานขนาดใหญ่ที่มียานรบกว่าล้านลำ
เจ้าหน้าที่ศาสนจักรที่สถานีฐานเฝ้าดูเงียบๆเขาไม่รู้ว่ากองยานนี้เป็นของใคร ทั้งหมดที่เขารู้คือหัวหน้าได้ออกคำสั่งต่อเขาโดยตรงว่าอย่าทำอะไร
กองยานลึกลับนี้ไม่มีเจตนาสื่อสารเช่นกันเจ้าหน้าที่ฐานเฝ้าดูกองยานนี้เปลี่ยนเป็นลำธารแสงและหายไป
“พวกเบื้องบนวางแผนทำอะไรกันแน่?ยานรบล้านลำ…เรากำลังทำสงครามกับจักรวรรดิ?”
…
สถานีประตูดาวหายไปจากสายตาของกองยานลับนี้ภายในห้องบัญชาการของยานหลัก ชายสวมฮู้ดแหงนมอง มันคือร่างแยกเทพเอส
“ฮึ่มศาสนจักรอาร์เคน”ร่างแยกเทพเอสแค่นเสียง จิตสำนึกของเทพเอสอยู่บนร่างแยกนี้
กองยานนี้เป็นส่วนหนึ่งของแดนผู้ร่วงหล่น
กองกำลังของเทพเอสอยู่ระหว่างช่องว่างของกาแล็กซี่กลางเพื่อรีบมาโลกริบหรี่ พวกเขาทำได้แค่ใช้ประตูดาว ศาสนจักรลอบสร้างประตูดาวในแถบจักรวาลรกร้างของกาแล็กซี่กลางนานแล้วเพื่อให้บริการแก่กองทัพของเทพเอส แน่นอน นี่เป็นเพียงชั่วคราว
การใช้ประตูดาวของศาสนจักรกองยานย่อยนี้จึงลอบมาถึงโลกริบหรี่ แต่ทว่า แม้จะร่วมมือกันชั่วคราว เทพเอสก็ไม่ไว้ใจศาสนจักร
เพื่อป้องกันศาสนจักรซุ่มโจมตีเขาจึงส่งมาแค่ร่างแยกและกองยานย่อย ภารกิจของกองยานนี้คือสร้างประตูดาวลับของเขาเองในโลกริบหรี่เพื่อให้เขาถอนตัวเองได้หากมีอะไรหลุดมือ
ประตูดาวคือเทคโนโลยีอารยธรรมกลุ่มดาวแต่ตลาดมืดยอมให้คนซื้อของที่ไม่มีทางซื้อได้ผ่านวิธีปกติ อุปกรณ์ประตูดาวของเทพเอสซื้อมาจากตลาดมืดด้วยราคาสูง นจักรวาล มีอารยธรรมกลุ่มดาวอยู่มาก ดังนั้นอุปกรณ์ประตูดาวจึงไม่อาจเก็บรักษาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ร่างหลักของเทพเอสจาโลกริบหรี่เองเมื่อเขามีทางถอย
“เปิดแผนที่ดาว”
ลูกน้องเขาเปิดแผนที่ดาวสามมิติของโลกริบหรี่ที่พวกเขาได้รับจากศาสนจักร
แม้นี่จะเป็นแผนที่ดาวของจักรวรรดิศาสนจักรก็มีวิธีได้รับมันเพราะอารยธรรมจักรวาลทั้งหมดล้วนมีการแทรกซึมกันในระดับหนึ่ง แต่ทว่า แผนที่ดาวนี้ไม่แสดงแนวป้องกันของจักรวรรดิในโลกริบหรี่ นี่คือความลับสุดยอดที่แม้แต่ศาสนจักรก็ไม่มีทางได้รับง่ายๆ
อย่างไรก็ตามกองกำลังป้องกันบนดาวประภาคารโดดเด่นมาก การคุ้มกันดาวประกอบไปด้วยยานรบประมาณสามล้านลำ พ่วงด้วยยานรบลาดตระเวนใกล้ๆอีกล้านลำ
จักรวรรดิส่งยานรบมากว่าร้อยล้านลำแต่ส่วนใหญ่กำลังสำรวจ ด้วยยานรบสี่ล้านลำที่คอยป้องกันตลอดเวลา ดาวประภาคารจึงได้รับการปกป้องอย่างแน่นหนา
“สี่ล้าน…ดูเหมือนฉันต้องนำคนมาเพิ่ม”น้ำเสียงเขาดูสงบกล่าวกันว่าแดนผู้ร่วงหล่นมียานรบ60ล้านลำ และจำนวนจริงก็อาจสูงกว่านั้น มีเหตุผลที่สามอารยธรรมกลัวเขา เพราะเขาสามารถส่งกำลังคนจำนวนนี้ออกไปได้ง่ายๆ
หลังหยุดชั่วคราวร่างแยกเทพเอสก็นำอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาและติดต่อเจ้าหน้าที่ประสานของสาสนจักร เบื้องบนของศาสนจักรจะไม่ติดต่อกับอาชญากรอย่างเขาเอง ดังนั้นเจ้าหน้าที่ลับของศาสนจักรจึงเป็นคนกลางระหว่างพวกเขา ศาสนจักรสามารถอ้างว่าไม่มีบุคคลดังกล่าวในองค์กรพวกเขาหากเรื่องหลุดออกไป
“กองกำลังเราอยู่นตำแหน่งแล้วจะลงมือตอนไหน?”
“ใน20วันฉันจะแจ้งเวลาแน่ชัดล่วงหน้า เราต้องการให้นายร่วมมือกับกองทัพเรา”
ร่างแยกเทพเอสตอบด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย”ร่วมมือกันยังไง?”
“ตามคำสั่งเบื้องบนเราจะไม่ปรากฏตัวพร้อมกัน ดังนั้น เราจะแยกกัน นายควรรับผิดชอบการโจมตีโดยตรงเพื่อดึงความสนใจกองยานของดาวประภาคารและเราจะโจมตี”
ร่างแยกเทพเอสพยักหน้าเขาเข้าใจเจตนาของศาสนจักร เขารู้ว่าศาสนจักรจะไม่ส่งผู้อยู่เหนือลงมือพร้อมกับเขา ดังนั้นกลยุทธ์พวกเขาจึงเป็นตามคาด
แต่ทว่าการรักษาความปลอดภัยของดาวประภาคารเข้มงวดมาก กองทัพเขาไม่อาจหลีกเลี่ยงสายตาจักรวรรดิไปได้ กองทัพของศาสนจักรก็เช่นกัน ไม่มีเรื่องเช่นการลอบโจมตีอยู่จริง เทพเอสรู้สึกว่านี่เป็นเพียงเพื่อให้เขาเป็นเป้ารับแทน และศาสนจักรจะเข้าโจมตากอีกทาง
เทพเอสไม่กังวลว่าศาสนจักรจะใช้เขาเป็นโล่กำบังจักรวรรดิจะส่งกำลังเสริมมาหาเขาทันทีที่กองทัพเขากระตุ้นสัญญาณเตือนภัยบนดาวประภาคาร และเขารู้สึกว่าศาสนจักรย่อมไม่พลาดโอกาสนี้
แต่ทว่าเทพเอสไม่รู้ว่าแผนของศาสนจักรนั้นแตกต่างจากที่เขาคิดไว้มาก
…
ในห้องมืดโต๊ะกลมล้อมด้วยที่นั่งกว่าสิบ ตอนนี้ หกที่ถูกจับจองโดยบางคน
คำว่า’บางคน’อาจไม่ถูกต้องนักทั้งหมดคือภาพฉายทางไกล และหนึ่งในนั้นก็คือไซเคอร์
ทุกที่นั่งเป็นของผู้อยู่เหนือของศาสนจักร
สำหรับปฏิบัติการนี้ศาสนจักรส่งผู้อยู่เหนือมาถึงหกคน!
หกคนเหล่านี้กว่าครึ่งเป็นคนที่ศาสนจักรสามารถรวบรวมได้ในเวลาอันสั้นผู้อยู่เหนือคนอื่นล้วนมีงานของตนและไม่อาจเคลื่อนไหวได้โดยไม่เป็นที่จับตา
ศาสนจักรอาร์เคนมีหกผู้อยู่เหนือรวมถึงกำลังเสริมภายนอกศัตรูแค่แบล็คสตาร์ มิลิซาสและเบโยนี่ ความแตกต่างในพลังสูงมาก ศาสนจักรคิดโจมตีแบบสายฟ้าฟาด!
ปัจจุบันทั้งหกกำลังคุยกัน
“มันก็นานมาแล้วที่ฉันไม่เห็นปฏิบัติการใหญ่เช่นนี้”
“อืมมิลิซาส….มังกรนั่นไม่ได้จัดการง่ายๆ ฉันเคยสู้กับเขามาก่อน เราไม่อาจฆ่ากันได้ และจบลงด้วยการเสมอ แต่ทว่า ครั้งนี้ แม้กระทั่งคฑาหมื่นเทพก็ยังถูกนำออกมาใช้ โอกาสรอดของเขาน้อยมาก”
“ศาสนจักรขาดสติไปแล้วพวกเขาคิดเริ่มสงคราม?หลังฆ่าสามผู้อยู่เหนือของจักรวรรดิรวดเดียว สิ่งนี้อาจขยายไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ”
“ไม่ใชว่านั่นคือสิ่งที่สหพันธ์แห่งแสงต้องการ?นั่นคือสาเหตุที่พวกเขาตกลงช่วยและยังอนุญาตให้เรายืมสมบัติจักรวาลพวกเขา”
ผู้อยู่เหนือพากันส่ายหัวศาสนจักรนับว่าล้ำเส้นจริงๆ
พวกเขาไม่กังวลเรื่องผลปฏิบัติการเลยด้วยพลังเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่มีทางล้มเหลว สิ่งที่พวกเขากังวลคือผลกระทบหลังจากนี้ต่างหาก
พวกเขาสามารถเห็นได้ว่าหลังฆ่าสามผู้อยู่เหนือของจักรวรรดิความขัดแย้งระหว่างจักรวรรดิและศาสนจักรย่อมทวีคูณ พวกเขาในฐานะคนเข้าร่วมจะตกเป็นเป้าหมายของจักรวรรดิ
แม้พวกเขาจะไม่กลัวจักรวรรดิคริมสันอาณาเขตพวกเขาบางคนก็อยู่ในทุ่งดาวอื่น หากพวกเขาตกเป็นเป้าโดยจักรวรรดิ พวกเขาอาจลำบาก ดงันั้น บางคนจึงไม่อยากมีส่วนร่วม
แต่ทว่าในฐานะพันธมิตรที่รับผลประโยชน์มามาก พวกเขาทำได้แค่ตอบรับคำเชิญของศาสนจักรต่อให้ไม่เต็มใจ
“หากไม่ใช่เพราะไซเคอร์เสียลูกบาศก์ไปมันคงไม่มีปฏิบัติการนี้”บางคนตำหนิไซเคอร์
ไซเคอร์เหลือบมองเขายืนยันว่ามันคือคนที่เขาไม่อาจเอาชนะได้และเลือกไม่พูดอะไร
“ในเมื่อศาสนจักรทำการลงมือครั้งใหญ่เช่นนี้ต่อให้เราได้ลูกบาศก์กลับมา เราก็ไม่มีทางส่งมันคืนให้นาย”บางคนกล่าว
“ฉันรู้”สีหน้าไซเคอร์ยังคงเดิม”มันเป็นที่ยอมรับได้ตราบเท่าที่มันไม่อยู่ในมือคนอื่น”
“จิ๊หากแบล็คสตาร์ส่งมอบลูกบาศก์กลับคืนให้นายซะตอนนั้น เขาคงไม่ลำบากขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่าการที่เขาเป็นผู้อยู่เหนือที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์จะทำให้เขาโลภมาก”บางคนกล่าวขึ้น
“เขาเอาสิ่งที่เขาไม่ควรมีไปเขาสมควรแล้ว”ไซเคอร์กล่าวเย็นชา
เขารู้ว่าลูกบาศก์วิวัฒนาการจะไม่กลับมาหาเขาหลังศาสนจักรทำสำเร็จแต่ทว่า ด้วยความที่ลูกบาศก์ถูกผนึกโดยหานเวี่ยว การเชื่อมต่อวิญญาณเขากับลูกบาศก์จึงถูกตัด ดังนั้น เขาจึงเสียการเสริมพลังจิตเขาไป
ต่อให้ศาสนจักรชิงมันกลับมาได้ตราบเท่าที่การเชื่อมต่อเขายังคงอยู่ ไซเคอร์ก็สามารถยอมรับได้ หานเซี่ยวคือต้นเหตุ และไซเคอร์ก็เกลียดเขา เขาจะไม่ปล่อยให้โอกาสกำจัดหานเวี่ยวหลุดมือไป
ความเกลียดชังส่วนตัวเป็นอีกเรื่องแต่องค์กรของแบล็คสตาร์อยู่ในวงแหวนดาวกระจายเหมือนเขา เนื่องจากความจริงที่พวกเขาเป็นศัตรูกัน แบล็คสตาร์จึงกลายเป็นอุปสรรคการเติบโตของเผ่าเนตรม่วง และการประชุมอารยธรรมก่อนหน้าก็คือตัวอย่าง เพื่อการเติบโตและการพัฒนาของอารยธรรมเขา ไซเคอร์จึงอยากกำจัดหานเวี่ยว
ผู้อยู่เหนือข้างไซเคอร์ดูเหมือนจะรู้ความคิดเขา เขาตบไหล่ไซเคอร์”ไม่ต้องห่วง ฉันจะกำจัดแบล็คสตาร์ให้นายเอง”
“ขอบใจมากดีแลน” แม้ไซเคอร์จะอารมณ์ไม่ดี เขาก็ยังฝืนยิ้มให้คนๆนี้”มาสู้ด้วยกัน”
ดีแลนพยักหน้าผมยาวสีเขียวเข้มเขาสะบัดเหมือนสาหร่าย
ผิวเขาเป็นสีฟ้าและใบหน้าก็ปกคลุมด้วยเกล็ดเล็กๆคล้ายกับปลาเขามีตาคู่โตที่กระพริบเป็นครั้งคราวและตาที่สามบนหน้าผาก มีสายรัดบนมือและเท้าเขาและดวงตาลูกหนึ่งในฝ่ามือทั้งสองข้าง มันแปลกมาก หลังเขางอราวกับเขาหลังค่อม และก็มีครีบบนนั้น เขาดูเหมือนสัตว์ทะเล ใครจะรู้ว่าบรรพบุรุษเขามีอะไรกับปลาหรือเปล่า?
จากหน้าตาความสามารถเขาชัดเจนว่าเกี่ยวกับน้ำ ดีแลนคือเอสเปอร์ ฉายา’จิตวิญญาณทะเล’และ’ผู้ปกครองทะเล’ ความสามารถเอสเปอร์เขาคือการควบคุมน้ำ มันฟังดูธรรมดาและอ่อนแอในอวกาศ แต่ไม่มีผู้อยู่เหนือคนใดที่อ่อนแอ
ดีแลนสามารถบีบอัดน้ำได้ในระดับสูงสุดที่สามารถเฉือนผ่านยานรบได้ ไม่ใช่แค่นั้น เขายังสามารถเปลี่ยนน้ำให้เป็นลำแสงพลังงานทรงพลังที่มีพลังทำลายล้างเทียบเท่ากับอาวุธยานรบ ในเวลาเดียวกัน ร่างเขาก็สามารถเก็บน้ำไว้ได้จำนวนมากพอจะปล่อยน้ำให้ท่วมทั้งผิวดาว
ความสามารถเอสเปอร์ประเภทนี้ไม่เหมาะกับการสู้ตัวต่อตัวแต่มันค่อนข้างเก่งในการต่อสู้กลุ่ม
หลังเป็นส่วนหนึ่งของศาสนจักรมาหลายปีไซเคอร์ก็มีเพื่อนและดีแลนคือหนึ่งในนั้น เขาเป็นเพื่อนสนิทสุดของไซเคอร์ในหมู่ผู้อยู่เหนือ มันอาจเพราะทั้งคู่มีหลายตา พวกเขาจึงมีความสนใจกัน
…
บนดาวแม่ของสหพันธ์แห่งแสงประธานสหพันธ์ บาเดอร์กำลังให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของศาสนจักร มันคือเขาที่ตัดสินใจช่วยศาสนจักร
“ด้วยความช่วยเหลือเราตราบเท่าที่ศาสนจักรไม่ประมาท โอกาสที่จะสำเร็จนั้นสูงกว่า95% อย่างน้อยผู้อยู่เหนือของจักรวรรดิจะต้องตายสักคน”น้ำเสียงบาเดอร์มั่นใจมาก
ผู้อาวุโสสูงสุดพยักหน้า”อืมความตายของผู้อยู่เหนือมากพอจะกระตุ้นความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อเรา”
สหพันธ์แห่งแสงช่วยศาสนจักรเพื่อคอยดูทั้งสองตีกันหากศาสนจักรและจักรวรรดิทำสงครามกัน พวกเขาคือฝ่ายที่จะได้รับผลประโยชน์
ศาสนจักรรู้แต่ก็ยังตัดสินใจทำตามแผนเพราะพวกเขามีเป้าหมายนอกจากนี้ การทำงานกับเทพเอสยังไม่เหมาะสม พวกเขาจึงไม่บอกสหพันธ์แห่งแสง
แม้ทั้งสองฝ่ายจะมีเป้าหมายของตนพวกเขาก็มีเป้าหมายร่วมกัน เพื่อกดดันจักรวรรดิคริมสันและทดสอบท่าทีของจักรวรรดิ
สำหรับไม่ว่ามิลิซาสหรือแบล็คสตาร์จะถูกฆ่าไหมมันไม่แตกต่างอะไรต่อบาเดอร์ เขาไม่สนใจเลย