The Legendary Mechanic - ตอนที่ 843-844
ตอนที่ 843 เผยตัว
ในฐาน4ของดาวประภาคารภายในห้องฝึกสงครามจริง การประลองเกิดขึ้น
ปัง!
หมัดจักรกลกระแทกกับหมัดแข็งและคลื่นก็ระเบิดจากจุดปะทะ
เฮดาวี่ค้ำตัวเองจับหมัดของไซโอนิคไพรม์ ก่อนจะเหวี่ยงหมัดขวาออกไป กระแทกเขาถอยไปแนวป้องกันของกองทัพจักรกล
ด้านหลังแนวป้องกันหานเซี่ยวขยับเล็กน้อย โบกมือและยิงลำแสงพลังจักรกลเพื่อปรับสมดุลร่างกายของไซโอนิคไพรม์
ดวงตาเขาส่องประกายแวววาวด้วยไฟฟ้าและต่อมาตามเส้นทางที่เฮดาวี่พุ่งหาเขา ม่านพลังไซโอนิคก็ปรากฏ
เพราะม่านพลังนั้นปรากฏขึ้นฉับพลันและใกล้เกินไปเฮดาวี่จึงกระแทกกับมัน
บูม!
“เสียงดีหัวนายแข็งไม่เบา”
มุมปากหานเซี่ยวยกขึ้นและกำหมัด และกำหมัด ม่านพลังคล้ายกำแพงหดตัวเป็นจุดก่อนจะกระแทกใส่หน้าเฮดาวี่โดยตรง ด้วยเสียงดัง มันยิงลำแสงสีฟ้า กระแทกเฮดาวี่เข้ากับกำแพงห้องฝึก
บูม!
แผ่นเหล็กของห้องโค้งงอแลละแตกรูรูปมนุษย์ปรากฏบนกำแพง
ทหารจักรกลสร้างแนวป้องกันเริ่มยิง กระสุนพวกเขาปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด ยิงตรงไปในหลุมมนุษย์
บูม!
แสงระเบิดทำให้ห้องสว่างวาบ
ในช่วงเวลานี้แสงสีแดงพลันพุ่งใส่ด้านหลังหานเซี่ยว เจาะผ่านทหารจักรกล ก่อนเล็งหลังหัวเขา
ไซโอนิคไพรม์พลันแยกส่วนและประกอบใหม่เป็นปืนใหญ่ลอยกระตุ้นม่านพลังเพื่อคลุมหลังหานเซี่ยว แสงสีแดงกระทบกับม่านพลัง กระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ฮีล่ายิงต่อสร้างระยะระหว่างพวกเขาขณะยิงรังสีความตายเธอ กับเขา เธอไม่กล้าเข้าใกล้และทำได้แค่พึ่งพาการโจมตีระยะไกล
การประลองนี้เป็นการให้องครักษ์แบล็คสตาร์ทั้งหมดมาสู้กับหานเซี่ยวเพื่อบรรลุความพยายามในการฝึก หานเซี่ยวจึงไม่ใช้กองทัพเขาทั้งหมดและใช้แค่ทหารจักรกลพันนาย โดยปราศจากกลยุทธ์คลื่นมนุษย์ เขาจึงกลบมันด้วยอุปกรณ์จักรกลต่างๆ
ห้องฝึกเละเทะองครักษ์แบล็คสตาร์ส่วนใหญ่ล้มลง มีแค่เฮดาวี่และฮีล่าที่ยังสู้
“มานี่สิที่รัก”หานเซี่ยวยื่นมือไปทางฮีล่าและส่วนประกอบจักรกลก็มารวมกันรอบแขนเขา พลังจักรกลยิงออกไป และแรงโน้มถ่วงรุนแรงก็ปล่อยจากแขนจักรกลเขา สร้างเสียงลมถูกดูด
ทหารจักรกลหลบทันทีและช่องว่างก็ปรากฏขึ้นในแนวป้องกันที่ฮีล่าเคลื่อนผ่าน
เธอรู้สึกถึงแรงดึงที่ลากเธอไปหาหานเซี่ยวรูม่านตาเธอหดลง พลังงานในตัวเธอระเบิด ต่อต้านแรงดึง แต่ความเร็วเธอก็ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ผลหานเซี่ยวก็ขมวดคิ้วก่อนขยับร่าง เขาเริ่มเปิดลำแสงดึงดูดห้าอันด้านหลังเขาพร้อมกัน
ฮึ่ม!
แรงดูดมหาศาลพลันเกิดขึ้นและฮีล่าก็ไม่อาจต้านทานได้อีก เธอไม่คิดต่อต้าน และความเร็วบินก็พุ่งสูง เธอรวมพลังงานเธอภายในขา และพลังรุนแรงก็กวาดออกมา ทรงพลังพอจะทำลายภูเขา
หานเซี่ยวยังไม่ไหวติงและชุดจักรกลก็คลุมตัวเขา
เกร๊ง!
ชุดจักรกลดำคลุมทั้งร่างเขาเผยแค่หัว หานเซี่ยวงอแขนและใช้ต้นแขนเพื่อรับขาแส้ของฮีล่า
บูม!
ขาเธอที่หุ้มด้วยพลังานปะทะกับแขนที่ปกคลุมด้วยจักรกลอนุภาคนาโนภายในชุดไม่เป็นฉนวนและส่งแรงไปยังขาและตัว
ปัง!
วินาทีต่อมาคลื่นพลังก็ระเบิดจากเท้าหานเวี่ยว แม้ทักษะต่อสู้ระยะประชิดของฮีล่าจะไม่เลว เธอก็ไม่ใช่นักสู้ และดังนั้น ค่าสถานะเธอจึงด้อยกว่าหานเซี่ยวมาก ไม่อาจคุกคามเขาได้เลย
หานเซี่ยวไม่หยุดเคลื่อนไหวเขายื่นมือออกไปคว้าคอฮีล่าก่อนจับเธอกระแทกกับพื้น
“อึก!”ฮีล่าส่งเสียงครวญและกัดฟันเพื่อระงับเสียงร่างของเธอบิดภายใต้หานเซี่ยวเหมือนงูเลื้อย แต่ก็ยังไม่อาจหลบหนีจากเงื้อมมือเขาได้
ทันใดนั้นวิสัยทัศน์ของฮีล่าก็ดำมืด เธอมองและเห็นว่าหานเซี่ยวโน้มตัวมา ใบหน้าเขาเกือบจะติดอยู่กับหน้าเธอ
“หยุดดิ้นได้แล้วการต่อสู้จบลงตั้งแต่เธอถูกฉันจับได้แล้ว ตามความแข็งแกร่งร่างกายเธอ เธอไม่อาจหนีได้”
เมื่อได้ยินฮีล่าก็หยุดต่อต้าน เธอกัดปาก มองไปในตาหานเซี่ยว
ระยะห่างระหว่างตาพวกเขาไม่ถึงสิบเซนติเมตรและก็สามารถรู้สึกถึงลมหายใจของกันและกันได้
จมูกของหานเซี่ยวสูดดมกลิ่นหอมใบหน้าเขาแปลกไป
“แปลกทำไมถึงมีกลิ่นหอม?เธอฉีดน้ำหอม หรือมันเป็นกลิ่นหอมจากตัวเธอ?”
“…ปล่อย”
“ได้สิ”
หานเซี่ยวปล่อยมือและยืดเอวพร้อมจะช่วยฮีล่าให้ลุกขึ้น แต่เธอกลับไม่สนใจมือที่ยื่นมือ เธอกลับลุกขึ้นด้วยตัวเองและปัดฝุ่นบนเสื้อผ้า
เมื่อเห็นสีหน้าไม่ย่อท้อของเธอหานเซี่ยวก็ส่ายหัวเขารู้จักนิสัยเธอดี ต่อให้พลังจะแตกต่าง ฮีล่าก็ยังรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่เธอแพ้
กองทัพจักรกลหยุดยิงเผยให้เห็นรูมากมายในกำแพง ยังมีเสียงเศษโลหะหลุดจากภายใน และเฮดาวี่ก็คลานออกมาจากรู เขาลุกขึ้น เดินมาหาหานเซี่ยวขณะลอกผิวที่ไหม้ทั่วตัว
อุปกรณ์จักรกลที่ขังองครักษ์แบล็คสตาร์ยังถูกเก็บและพวกเขาก็ลุกขึ้นถูรอยฟกช้ำ ในหมู่พวกเขา คนที่มีสภาพดีสุดคือเฟย์ดิน นี่เป็นเพราะหานเซี่ยวลังเลที่จะโจมตีเขา กลัวจะทำลายใบหน้าอันหล่อเหลานั่น
เนื่องจากพวกเขาต่างหน้าตาดีมันจึงมีสิทธิพิเศษต่อกัน
“นี่สุดยอดไปเลย!”เฮดาวี่แสยะยิ้มใบหน้าดำคล้ำเขาเผยความสบายใจ
หานเซี่ยวไม่สนใจเขาเขากลับมองเวลา”พวกนายทนได้นานกว่าครั้งก่อนถึง37วินาที พัฒนาขึ้น”
องครักษ์เหล่านี้ล้วนเป็นภัยพิบัติชั้นยอดมันยากสำหรับพวกเขาที่จะก้าวหน้าอีก มีเพียงฮีล่าและเฟย์ดินถึงเผยการพัฒนา เหนือสิ่งอื่นใด ทั้งคู่มีพรสวรรค์เทพประทาน ในอีกยี่สิบปี ทั้งคู่อาจบรรลุระดับของเมล็ดพันธ์ผู้อยู่เหนือ
สำหรับการเข้าสู่อาณาจักรผู้อยู่เหนือมีเพียงฮีล่าที่พิสูจน์พลังเธอแล้วในชีวิตก่อนหน้าเขาถึงมีโอกาส แต่เนื่องจากเธอไม่ได้ทำการสังหารหมู่ทั้งดาวเหมือนในอดีต อัตราการเติบโตเธอจึงผิดเพี้ยนไป
“ห้องฝึกนี้เล็กไปและจำกัดขอบเขตการเคลื่อนไหวฉันมันทำให้ฉันอยู่ในระยะของลำแสงดึงดูด หากเราอยู่ในพื้นที่ไร้จำกัด ฉันคงทนได้นานขึ้น ครั้งหน้า เราต้องพิจารณาเรื่องนี้ด้วย…”ฮีล่าขมวดคิ้ว
ขณะที่หานเซี่ยวกำลังจะพูดบางสิ่งอุปกรณ์สื่อสารเขาก็ส่งเสียง
เขาเหลือบมองหัวเราะก่อนกล่าว”ไปฝึกกันต่อเถอะ ทาราคอฟและคนอื่นเรียกฉันไปคุย”
หลังอยู่บนดาวมากว่าครึ่งเดือนหานเซี่ยวก็สนิทกับมิลิซาสแล้ว เนื่องจากเขาเองก็ไม่มีอะไรให้ทำ ผู้บัญชาการสูงสุดทาราคอฟจึงมักเชิญผู้อยู่เหนือไปห้องเขาเพื่อจิบชาและคุยเล่นกัน
เมื่อได้ยินฮีล่าก็หยุดพูด เธอดูเหมือนจะอยากให้หานเซี่ยวสอนต่อ แต่ก็ยอมพยักหน้า เรียกองครักษ์คนอื่นให้มารวมกันและซ้อมกันต่อพลางเหลือบมองหานเซี่ยวออกไปด้วยหางตา
…
ขณะเดินไปหานเซี่ยวก็เข้าเครือข่ายควอนตัม
“ฟิลลิปมีข่าวจากหน่วยลาดตระเวนบ้างไหม?”
“ยังไม่พบอะไรเลยนายท่านฮุ่ม..”
ดูเหมือนศาสนจักรจะยังไม่ลงมือ…หานเซี่ยวพยักหน้า
แม้จะอยู่ใต้การคุ้มครองของจักรวรรดิหานเซี่ยวก็ไม่ลดความระวัง ช่วงเวลาที่เขาอยู่บนดาวประภาคาร เขาไม่ได้หย่อนยาน นอกจากการสร้างเครื่องจักรเพิ่มและฝึกองครักษ์แบล็คสตาร์ เขายังส่งกองกำลังควบคุมไกลไปรอบดาว ภายใต้การเฝ้าระวัง เขาจะได้รับรายงานทุกวัน วินาทีที่พวกมันพบร่องรอยของศาสนจักร เขาจะได้รับข่าวทันที
การอยู่บนดาวประภาคารทำให้หานเซี่ยวได้รับการคุ้มครองแถมยังมีทางหนีมากมายผ่านประตู หากศัตรูแกร่งเกิน เขาก็จะมีเวลาพอเพื่อใช้ประตูดาวหลบหนี หานเซี่ยวจะไม่ส่งตัวเขาไปตายอย่างไร้เหตุผล และการอยู่บนดาวประภาคารก็มอบเวลามากพอให้เขาหลบหนี
ครึ่งเดือนที่ผ่านมานั้นสงบสุขมากหานเซี่ยวรู้สึกว่ามันคือความสงบก่อนพายุจะมา เขาไม่คิดว่าศาสนจักรจะยอมแพ้
บางครั้งเขายังใช้ลูกบาศก์วิวัฒนาการกับองครักษ์มังกรของมิลิซาส ในช่วงการใช้ เขาต้องปลดผนึกมัน และดังนั้น ไซเคอร์ย่อมตรวจพบได้ว่าลูกบาศก์อยู่ไหน
“ศัตรูอยู่ในเงาส่วนฉันอยู่ในที่เปิด หากศาสนจักรอยากลงมือ พวกเขาทำได้แค่ส่งกองกำลังมา”
หานเซี่ยวส่ายหัวก่อนเปิดฟอรั่ม
ในช่วงเวลานี้การสำรวจราบรื่นมาก แม้เรเวนลูดจะได้รับผลกำไรบางส่วนจากการใช้ประตูดาวที่เขาสร้าง ดาวมากทรัพยากรส่วนใหญ่ตลอดทางก็ถูกสมาชิกกองทัพแบล็คสตาร์ยึดแล้ว เรเวนลูดไม่อาจกวาดต้อนอาณาเขตคนอื่นได้ภายใต้สายตาของจักรวรรดิ เขาทำได้แค่ค้นหาอาณาเขตอื่น
ผู้เล่นทำงานอย่างหนักกับการสำรวจและสะสมแต้มภารกิจได้มากมันเกิดจากการที่จีน รัสเซียและออสเตรเลียร่วมมือกันทำภารกิจ สร้างความสัมพันธ์ที่กลมกลืนขึ้น แต่ทว่า ความขัดแย้งระหว่างสามฝ่ายก็ยิ่งรุนแรงเช่นกัน
เหตุผลหนึ่งเป็นเพราะการแข่งขันเพื่อทรัพยากรในช่วงเวลานี้ กองทัพแบล็คสตาร์ได้ส่งกองกำลังอีกชุดมาสำรวจ มันคือผู้เล่นชุดสองที่อพยพจากเส้นทางดาว กิลด์ของรัสเซียและออสเตรเลียตัดสินใจเป็นพันธมิตรกันชั่วคราวและส่งผู้เล่นกิลด์กลุ่มใหม่มาสนับสนุนสาขาพวกเขา พยายามทำลายการรุกล้ำของจีน
ด้วยจำนวนที่เพิ่มพวกเขายังได้รับพลังเพิ่มและไม่เต็มใจอยู่บนดาวทรัพยากรชั้นสามอีก ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มสู้เพี่อพื้นที่ทรัพยากรที่ดีขึ้น เริ่มขัดแย้งกับจีน
“หากเป็นแบบนี้ต่อไปเกรงว่ามันจะกลายเป็นสงครามกิลด์เต็มรูปแบบ หากสโมสรเหล่านี้ยังกระตุ้นผู้เล่นจากประเทศพวกเขา มันจะเป็นปัญหาระดับชาติ”หานเซี่ยวเดา
แต่ทว่านี่คือเรื่องภายในของกลุ่มผู้เล่น เขาไม่อาจขัดขวางพวกเขาได้ ฃ
ยังมีตัวชี้วัดความสำเร็จของแผนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นทั่วไปกลมกลืนดี และต่อให้พวกเขาถูกลากไปต่อสู้ในสงครามชาติ พวกเขาก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันหลังสู้ ไม่มีการแบ่งแยกกลุ่มชัดเจน เหนือสิ่งอื่นใด นี่เป็นเรื่องพิเศษสำหรับผู้เล่น พวกเขาอาจเป็นฝ่ายตรงข้ามกันแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันได้
เมื่อมาถึงห้องทำงานของทาราคอฟหานเซี่ยวก็เห็นเบโยนี่ ทาราคอฟและมิลิซาสกำลังนั่งอยู่ โต๊ะต้อนรับด้านหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยเครื่องดื่มพิเศษจากจักรวรรดิ รวมถึง…ไพ่เวย์นที่ชั่วร้าย
เพราะความนิยมของไพ่เวย์นแม้กระทั่งผู้อยู่เหนือก็ยังชมชอบ
เมื่อได้ยินเสียงประตูทั้งสามก็มองตาม เบโยนี่หันมาโบกมือ
“แบล็คสตาร์นายมาคนสุดท้ายเลย นั่งสิ.”
เขาพยักหน้านั่งข้างมิลิซาส หยิบแก้วขึ้นและจิบ
“ทำไมถึงมาดื่มของฉัน?”มิลิซาสไม่พอใจ
“ด้วยร่างพลังงานนัน่นายไม่มีต่อมรับรส มันเสียของเปล่าๆ”หานเซี่ยวไม่สะทกสะท้าน
หลังอยู่ด้วยกันมาครึ่งเดือนความสัมพันธ์พวกเขาก็พัฒนาและเขาก็ยิ่งเข้าใจนิสัยของมิลิซาสขึ้น แม้เขาจะแกร่งมาก เขาก็ไม่ได้หยิ่งอะไร ดีกว่าจ้าวแห่งความมืดคล็อตติมาก เทียบกับครั้งแรกที่พวกเขาเจอกัน หานเซี่ยวดูสบายๆกว่าตอนแรกขึ้นมาก..แทบจะไม่เคารพกันด้วยซ้ำ
“เห้อพวกนายอยู่บนดาวประภาคารมาเกือบครึ่งเดือนแล้ว หากไม่ใช่เพราะพวกนาย ฉันคงไม่ขี้เกียจขนาดนี้”
ทาราคอฟถอนหายใจเดิมเขาไม่มีคนสถานะเดียวกันมาคุยด้วย และตอนนี้หานเซี่ยวกับพรรคพวกมาอยู่ที่นี่นาน เขาจึงเริ่มแสดงความขี้เกียจ
“จริงๆแล้วมีเรื่องที่ฉันอยากรู้ มันเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคล็อตติและเออแรนเรล ฉันไม่คิดว่ามันจะเรียบง่ายเหมือนผู้คุ้มกัน”มิลิซาสอยากรู้”ในฐานะผู้ปกครอง คนเราต้องมีครอบครัว แต่เออแรนเรลเป็นสาวม่าย และคล็อตติก็ยังเป็นพวกเย็นชา หรือว่า..”
“จิ๊จิ๊ แม้ฉันจะเป็นคนง่ายๆ ฉันก็ยังเป็นหนึ่งในพวกระดับสูงของจักรวรรดินะ การพูดเรื่องนี้ต่อหน้าฉัน คิดว่ามันดีแล้วหรือไง?”ทาราคอฟกล่าว”แต่ฉันเองก็ไม่รู้ และต่อให้รู้ ฉันก็จะไม่พูด”
มิลิซาสแค่นเสียงและโยนไพ่เวย์น”งั้นนายก็แพ้แล้ว”
ทาราคอฟแข็งค้างมองไพ่เขา ก่อนจะหรี่ตาอย่างสงสัย”นายใช้เวทย์เพื่อเปลี่ยนไพ่ฉันอีกแล้ว?”
“อย่าพยายามเล่นลิ้นฉันจะไปทำเรื่องไร้ค่าแบบนั้นทำไม?!”มิลิซาสโกรธ
ในความเป็นจริงแกทำ..เพราะฉันไม่เห็นไพ่นั้นในมือแกตอนนี้…
หานเซี่ยวอดคิดถึงลากีไม่ได้เมื่อใดก็ตามที่เขาเล่นไพ่ เขามักพูดว่า’มีเพียงพวกขยะถึงใช้เวทย์ตอนเล่นไพ่!’
จากนั้นมาเขาก็รู้ว่าหากอยากหยุดจอมเวทย์จากการโกง มันต้องโต้กลับด้วยเวทย์ที่รุนแรงกว่า…
และท่ามกลางทั้งสามคนหนึ่งขี้เกียจ คนหนึ่งเล่นกับไฟ และอีกคนก็ลูบคลำเครื่องจักรทั้งวัน มันย่อมไม่มีใครสามารถหยุดจอมเวทย์ได้
เมื่อเห็นพวกคนใหญ่คนโตเหล่านี้กำลังบ่นและโม้กันเหมือนพวกขี้อวดหานเซี่ยวก็ผ่อนคลาย
นี่คือชีวิต…
แต่ก่อนเขาจะรำพึงจนจบการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้น
หวอออ!
สัญญาณเตือนแผดเสียงและทั้งสี่ก็ดีดตัวขึ้น
สีหน้าทาราคอฟเปลี่ยนไปและเปิดแผนที่ดาวเพื่อตรวจสอบสถานการณ์
ในเวลาเดียวกันหานเซี่ยวก็ได้รับข่าวจากฟิลลิป
“นายท่านหน่วย025พบร่องรอยของกองยานที่กำลังเคลื่อนไปทางดาวประภาคาร..”
ภาพถูกส่งมาและแสดงกองยานลึกลับเข้าสู่เขตเตือนภัยของดาวประภาคาร
กองยานนี้ประกอบไปด้วยยานอวกาศปิรามิดและก็มีมากกว่าหนึ่งล้านลำ!
กองยานลึกลับนี้ปะทะกับกองยานลาดตระเวนของจักรวรรดิทำลายแนวป้องกัน แสดงถึงเจตนาในการโจมตีดาวประภาคาร
หานเซี่ยวรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ศาสนจักรอาร์เคน?พวกมันมาจริงๆ!”
ตอนที่ 844 การเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจ!
ทันทีที่สัญญาณเตือนดัง ยานรบผู้ร่วงหล่นกว่าสามล้านปรากฏใกล้เขตความปลอดภัยเป็นแนวยาว
ในยานหลักลูกน้องของเทพเอส ฟาซิเค็นมองแผนที่ดาว และระยะห่างระหว่างพวกเขาและดาวประภาคารก็หดลงอย่างรวดเร็ว
“หัวหน้าเราเข้าแนวป้องกันของดาวประภาคารมาแล้ว เรดาห์แสดงว่ากองยานจักรวรรดิใกล้ๆกำลังมุ่งหน้ามาทางเราและจะปะทะกับเราในไม่ช้า”
ฟาซิเค็นใช้ลิ้นยาวเขาเพื่อเกาหลังคอขณะพูด
“พยายามเร่งความเร็วอย่าถูกรั้งโดยพวกมัน”เทพเอสกล่าวอย่างสงบ ครั้งนี้ ร่างหลักเขาปรากฏตัว
ฟาซิเค็นเหวี่ยงลิ้นไปรอบๆ”ต่อให้เราร่วมมือกันศาสนจักรอาร์เคนก็ยังระวังต่อเรา ไม่ใช่แค่พวกเขาจะไม่เปิดเผยแผน พวกเขายังเปลี่ยนตำแหน่งของประตูดาวลับ พวกเขาชัดเจนว่ากันท่าเรา และใครจะรู้ว่าพวกเขาจะลงมือตอนไหนและจากทางไหน?”
เทพเอสไม่สนใจนักเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะระวังกัน มันเหมือนกับว่าเขาะไม่บอกศาสนจักรถึงสถานที่ตั้งประตูดาวลับเขา
ด้วยดาวประภาคารเป็นศูนย์กลางเส้นความปลอดภัยรอบดาวใหญ่มากและจักรวรรดิก็มีเวลาพอจะระดมทัพพวกเขาวินาทีที่ศัตรูเผยตัว ดังนั้น เทพเอสจึงเดาได้ถึงเจตนาของศาสนจักรต่อให้พวกเขาเก็บมันเป็นความลับก็ตาม
พวกเขาชัดเจนว่าอยากให้เขาเป็นแนวหน้าและขนาดของกองทัพเขาก็ไม่พอจะทำให้จักรวรรดิละทิ้งด่านป้องกันขณะที่เขาสู้และรั้งแบล็คสตาร์กับสองผู้อยู่เหนือไว้ ศาสนจักรจะลงมือ
เทพเอสรู้สึกว่าการเดาต้องไม่ไกลจากความจริงและสิ่งเดียวที่เขาไม่แน่ใจคือจำนวนนักสู้ระดับสูงที่ศาสนจักรส่งมา
จักรวรรดิมีสามผู้อยู่เหนือและพลังของมิลิซาสสามารถเทียบเท่าได้กับเขา หากเป็นแบบนั้น ศาสนจักรแค่ต้องส่งคนมาจัดการกับแบล็คสตาร์และเบโยนี่
แบล็คสตาร์และเบโยนี่ยังอยู่ห่างไกลจากผู้อยู่เหนือชั้นนำและมันควรพอสำหรับศาสนจักรที่จะส่งผู้อยู่เหนือมาสักสี่คน
ฉันสงสัยว่าศาสนจักรจะส่งใครมา…
เทพเอสหรี่ตาหากศาสนจักรส่งคนที่ทรงพลังมา เขาคงต้องระวัง
ตอนนี้กองยานจักรวรรดิมาถึงและปรากฏบนเรดาห์
ฟาซิเค็นมองเทพเอสและเมื่อเห็นว่านายเขาไม่มีเจตนาจะพูดอะไรเขาก็สั่งในนามเทพเอส”ทำลายยานรบทั้งหมดที่ขวางทางเรา!”
…
ดาวประภาคารเข้าสู่มาตรการป้องกันและสามผู้อยู่เหนือก็เข้าห้องบัญชาการมาพร้อมทาราคอฟ
บุคลากรทางทหารจำนวนมากเข้าห้องมาพร้อมด้วยข้อความจำนวนมากที่ส่งกลับจากสนามรบทาราคอฟยืนตรงหน้าโมเดลสนามรบสามมิติ
ฉากที่แสดงบนสนามรบคือการต่อสู้ระหว่างแดนผู้ร่วงหล่นและจักรวรรดิยานรบทั้งสองฝ่ายถูกหดลงหลายเท่าเพื่อจำลองสภาพแวดล้อมสนามรบ มันราวกับกองยานขนาดเล็กสองกองยานกำลังปะทะกัน
“กองยานศัตรูมีประมาณ3.2ล้านลำองค์กรที่สามารถส่งกองยานเช่นนี้มาโลกริบหรี่ได้ต้องทรงพลังมาก เราไม่อาจเห็นต้นตอของกองยานได้จากโมเดลยาน เป็นไปได้สูงว่ามันคือศาสนจักร”
ขณะพูดแบบนั้นทาราคอฟก็หันมามองหานเซี่ยว”แต่พวกเขาอาจมาจากองค์กรอื่น”
หานเซี่ยวสังเกตเห็นสายตาและพูดโดยไม่ลังเล”พวกเขามาจากศาสนจักร”
ทาราคอฟพยักหน้า”เข้าใจแล้ว”
แม้สีหน้าหานเซี่ยวจะสงบแต่อารมณ์เขาก็ไม่ดีนัก
คำพูดเขาไม่ได้ไร้สาระเพราะการแจ้งเตือนได้ผุดขึ้นหลังการปรากฏของกองยาน
ท่านกระตุ้นภารกิจฉุกเฉิน[สาเหตุและผลกระทบ]
คำแนะนำภารกิจ: ท่านชิงลูกบาศก์วิวัฒนาการมาและดึงดูดศาสนจักร พวกเขาตัดสินใจโจมตีแบบสายฟ้าฟาดเพื่อชิงลูกบาศก์วิวัฒนาการกลับคืน!
ข้อกำหนดภารกิจ: เอาชนะศัตรูหรือหลบหนี
เงื่อนไขความล้มเหลว: ตายหรือเสียลูกบาศก์วิวัฒนาการ
รางวัล: ค่าประสบการณ์24000-45000ล้าน 1แต้มตำนาน 3รางวัลสุ่ม 3บัตรอัญเชิญตัวละคร
หานเซี่ยวตกใจเมื่อเห็นรางวัล
ค่าประสบการณ์24000ล้านเป็นอย่างต่ำ?!นี่เป็นรางวัลที่สูงสุดที่เขาเคยพบเจอ!
แม้กระทั่งเขาก็ยังรู้สึกว่าค่าประสบการณ์จำนวนนี้มากมหาศาล
แต่ทว่าหานเซี่ยวก็ไม่ได้มีความสุข รางวัลตรงกับความยากของภารกิจ ด้วยรางวัลเช่นนี้ นี่หมายความว่าพลังของศาสนจักรจะต้องน่ากลัวมาก!รางวัลกว่า45000ล้านหมายความว่าเขาต้องสู้กับผู้อยู่เหนืออย่างน้อยห้าคน!
ใครจะไปรอดได้?!
แม้หานเซี่ยวจะลอบจ้างความช่วยเหลือเพื่อความปลอดภัยแต่เขาก็อดคิดถึงการหนีไม่ได้
หากเขาหลบหนีผ่านประตูดาวตอนนี้เขาควรปลอดภัย แต่ทว่า มันจะไปง่ายขนาดนั้นได้ยังไง?
บางทีศาสนจักรอาจมีวิธีอื่นที่จะช่วให้พวกเขาจับเขาได้ง่ายขึ้นหากเขาหลบหนีลำพัง
ปัจจุบันเขาถูกล้อมด้วยการป้องกันหลายชั้นและยังถือว่าปลอดภัยนอกจากนี้ จักรวรรดิก็จะไม่ว่าอะไรหากเขาหนีตอนพบศัตรู หลังไตร่ตรอง หานเซี่ยวก็ไม่ทำการเคลื่อนไหวแต่มาถึงห้องบัญชาการพร้อมทาราคอฟ
เนื่องจากพวกเขามีเขตกันชนขนาดใหญ่มันคงไม่สายเกินไปสำหรับเขาที่จะตัดสินใจหนีหลังดูสถานการณ์
ชื่อของภารกิจคือ[สาเหตุและผลกระทบ] เห้ย สมบัติจักรวาลไม่ได้ถือง่ายๆเลย
แต่ทว่าทั้งหมดไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไร
ทาราคอฟสังเกตการเปลี่ยนแปลงในสนามรบและสั่งการ
“แจ้งพันธมิตรผู้อยู่เหนือทั้งหมดของเราให้กลับมาเดี๋ยวนี้”
เมื่อได้ยินดวงตาหานเซี่ยวก็เป็นประกายและพยักหน้า
ทาราคอฟพบสิ่งผิดปกติและผู้บัญชาการทหารคนนี้ก็รอบคอบมาก
ยังมีผู้อยู่เหนืออีกสามในโลกริบหรี่ฮีเบอร์ เรเวนลูดและช่างกลอีกคนที่ชื่อแม็กซิมิลเลอร์ หากพวกเขากลับมาหมด จะมีหกผู้อยู่เหนือ และพวกเขาก็จะไม่ต้องกลัวศัตรู
โดยไม่รู้ว่าศาสนจักรมีกำลังคนแค่ไหนทาราคอฟจึงเลือกข้างปลอดภัยก่อน ต่อให้การกระทำเขาจะไม่จำเป็นหลังการต่อสู้นี้ มันคงดีกว่าการไม่ทำอะไรเลย
“กองยานเราส่งข้อความขอกำลังเสริมพวกเขาไม่อาจรั้งศัตรูไว้ได้ ผู้บัญชาการสูงสุด เราควรส่งกองยานรักษาความปลอดภัยจากภูมิภาคอื่นไปสนับสนุนพวกเขาไหมครับ?”
ทาราคอฟสังเกตการต่อสู้สักพัก”ระดมกองยานรักษาความปลอดภัยในทางนั้นอย่างเดียวอย่าย้ายกองยานอื่นในทิศทางอื่น กำลังเสริมที่เหลือควรส่งไปจากดาวประภาคาร”
เบโยนี่อดแปลกใจกับคำสั่งไม่ได้”มันจะต้องใช้เวลาเพื่อส่งกองทัพออกไปจากฐานเราจากนั้นกองยานศัตรูจะอุดช่องโหว่ได้เร็ว ทำไมนายไม่ระดมทัพจากภายนอกแทน?”
“ศัตรูไม่มีสัญลักษณ์อะไรและเลือกโจมตีแค่ขอบแนวป้องกันเรา”ทาราคอฟตอบ”ฉันคิดว่านี่ไม่ใช่กำลังหลักของศาสนจักรแต่เป็นแนวหน้าวัตถุประสงค์คือรั้งกองกำลังป้องกันเราบนเส้นรอบวงและสร้างช่องโหว่ในแนวขบวน จากนั้นกองกำลังหลักพวกเขาจะทำลายแนวป้องกันเรา และเราจะต้องเจอกับการโจมตีตรงๆ นี่ควรเป็นกลยุทธ์ของศาสนจักร”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของผู้บัญชาการสูงสุดและมองสนามรบทุกคนก็ต้องยอมรับว่าเป็นไปได้ที่ศัตรูจะใช้กลยุทธ์เช่นนี้ เนื่องจากทาราคอฟมองแผนออก วิธีเขาจึงไม่เลว
‘อย่างไรก็ตามนี่แค่มาตรการชั่วคราว เราต้องการข้อมูลว่าอีกฝ่ายมีผู้อยู่เหนือมากแค่ไหน”
จากนั้นทาราคอฟก็มองทั้งสามคนด้วยเจตนาชัดเจนมีแค่คนระดับเดียวกันถึงบังคับให้ศัตรูออกมาได้
“ส่งมอบกองทัพระยะไกลให้ฉัน”
หานเซี่ยวพยักหน้าในเมื่อเขาเป็นเป้าหมายศัตรูและเป็นตัวละครหลักของการต่อส้ มันจึงไม่ดีสำหรับทั้งสามที่จะแยกกันในเวลาเช่นนี้
กองทัพระยะไกลที่เขาส่งออกไปยังแสดงถึงการลงมือของพวกเขาด้วย
…
“ว่าไงนะ?ดาวประภาคารถูกโจมตี?!”
กองทัพแดนหลั่งเลือดที่อยู่ในรีนอลท์ได้รับข่าวจากจอร์ดและอดแปลกใจไม่ได้
“ศัตรูคือศาสนจักรอาร์เคนและเป้าหมายพวกเขาก็คือแบล็คสตาร์ ผู้บัญชาการสูงสุดทาราคอฟบอกให้เรากลับไปเสริมทัพพวกเขา…ท่านฮีเบอร์ เราควรทำยังไง?”จอร์ดถาม
ฮีเบอร์เริ่มขมวดคิ้วเขาไม่อยากช่วยแบล็คสตาร์ แต่ทว่า เขาพลันคิดถึงบางสิ่งและคลายคิ้ว
“ในเมื่อเป็นคำสั่งจักรวรรดิเราก็ควรกลับไป แจ้งกองทัพฉันให้ล่วงหน้าไปประตูดาวที่ใกล้สุดด้วยความเร็วเต็มกำลัง!”
จากนั้นกองยานฮีเบอร์ก็กลับหลังและตรงไปดาวประภาคาร
แม้หานเซี่ยวและเขาจะมีความขัดแย้งกันบ้างเรื่องนี้จึงเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของจักรวรรดิ ในฐานะสมาชิกของจักรวรรดิ การป้องกันจักรรรดิจึงมีแต่ได้กับได้
ในกลุ่มดาวการูเรเวนลูดเองก็ได้รับคำขอจากทาราคอฟเช่นกัน
ความตายของแบล็คสตาร์ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาและเขาก็มีคู่แข่งน้อยลง
แต่ทว่ามันน่าเสียดายที่องค์กรเขาตั้งอยู่ในกาแล็กซี่กลางและเขาก็ต้องพึ่งพาจักรวรรดิ
เรื่องเล็กเช่นนี้ไม่คุ้มกับการขัดคำสั่งจักรวรรดิเขาจึงทำได้แค่ส่งทัพไป
อย่างรวดเร็วเขาตระหนักว่าว่าเรื่องนี้น่าหงุดหงิดมาก แบล็คสตาร์สร้างประตูดาวในกลุ่มดาวการู ซึ่งหมายความว่าเขาสามารถมาดาวประภาคารได้อย่างรวดเร็วและไม่มีข้อแก้ตัวใด
ตอนนี้เองเรเวนลูดพลันตระหนักถึงบางสิ่ง
หรือแบล็คสตาร์จะสร้างประตูดาวเดินทางไกลเพราะเขารู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น?!
ถูกต้องนี่ต้องเป็นแบบนั้นแน่ หากไม่ ฉันก็ไม่อาจคิดหาเหตุผลอื่นได้อีก
ในที่สุดเรเวนลูดก็เข้าใจเป้าหมายจริงของแบล็คสตาร์เมื่อคิดว่าเขายังหัวเราะใส่ความคิดอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ ต่อให้ผิวเขาหนามาก เขาก็อดรู้สึกอายไม่ได้
..
กองยานเทพเอสค่อยๆเข้าใจกลางเส้นรอบและต่อสู้กับกองยานจักรวรรดิระหว่างทาง
กองยานจักรวรรดิตั้งแนวป้องกันมั่นคงและฝ่ายใดก็ไม่อาจใช้ไฮเปอร์ไดรฟ์ได้กองยานเทพเอสช้าลงอย่างเลี่ยงไม่ได้และยังถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง
ยานรบนับล้านยิงใส่กันและสงครามอวกาศก็ปะทุขึ้น
ลำแสงหลากสีบินไปทุกทิศทางและส่องสว่างในอวกาศมืดการระเบิดของยานกลายเป็นพลุไฟในจักรวาล
มีกองยานพิเศษในสนามรบที่เป็นกองกำลังระยะไกลที่หานเซี่ยวส่งไปกองยานเคลื่อนผ่านขบวนรบของกองยานแดนผู้ร่วงหล่นเหมือนฝูงอีกา
กองยานจักรกลนี้มีทหารจักรกลกว่าแสนและก็เสริมพลังด้วยพลังัจกรกลเขา ค่าสถานะพวกมันบรรลุถึงระดับของผู้อยู่เหนือ
ระเบิดพลังงาน!
ยานรบศัตรูอีกสามลำถูกทำลายและกองทัพจักรกลก็กำลังหาเป้าหมายต่อไป ตอนนี้เอง เสาพลังงานสีแดงเข้มกวาดผ่านระเบิดและกระแทกกับกองทัพจักรกล กลืนกองทหารเกือบครึ่ง
หลังเสาแสงหายไปทหารจักรกลที่ถูกกระทบก็ลดเป็นเศษเหล็ก
ดวงตาหานเซี่ยวหรี่ตา
“ผู้อยู่เหนือศัตรูลงมือแล้ว!นี่ไม่ใช่คนธรรมดา..”
หานเซี่ยวมองทิศทางของการโจมตีผ่านมุมมองกองทัพเขาอยากดูว่าศัตรูเป็นใคร และร่างของเทพเอสก็ปรากฏในสายตา
วินาทีต่อมาทาราคอฟ มิลิซาสและเบโยนี่เห็นสีหน้าหานเซี่ยวเปลี่ยนไปมาก
“เห็นไหมว่าศัตรูเป็นใคร?”ทาราคอฟถาม
หานเซี่ยวพ่นลมหายใจยาวและกล่าว”มันเป็น..เทพเอส!มันคือร่างหลักเขา!”
ทุกคนตกตะลึง
“ไม่ใช่ว่าเขาเป็นศัตรูศาสนจักร?ทำไมเทพเอสถึงมาที่นี่?!”
เบโยนี่สั่นสะท้านเพราะเขาเคยสู้กับเทพเอสมาก่อน เขาจึงชัดเจนถึงพลัง
สีหน้าของทาราคอฟก็เปลี่ยนไปเช่นกัน”ศาสนจักรต้องให้ความช่วยเหลือเทพเอสและพาเขาออกกาแล็กซี่กลางแน่!ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะร่วมมือกับอาชญากรเพียงเพราะลูกบาศก์วิวัฒนาการ!”
พลังของเทพเอสเป็นที่เลื่องลือทั่วจักรวาลแต่ครั้งนี้ พวกเขายังมีผู้อยู่เหนือชั้นยอดอีกด้วย
มิลิซาสส่ายหัว”ฉันเคยสู้กับเทพเอสมาหลายครั้งและการรั้งเขาก็ไม่ใช่ปัญหาแต่ ฉันไม่อาจถูกก่อกวนตอนสู้กับเขาได้และจะไม่อาจทำอะไรได้”
“นอกจากเทพเอสศาสนจักรจะต้องส่งพลรบระดับสูงอื่นมาด้วย และสถานการณ์ก็ไม่ดีต่อเรา”
เมื่อได้ยินทาราคอฟก็คิดลึก
ศัตรูมีเทพเอสคนเดียวและยานรบนับล้านบนผิวเผินและก็ต้องมีสามผู้อยู่เหนือหรือยานรบซ่อนอยู่เพิ่ม
ในด้านเขาพวกเขามีสามผู้อยู่เหนือและยานรบประมาณสี่ล้านลำ พลังพวกเขาเสียเปรียบ แต่ก็สามารถยื้อเวลาได้ นอกจากนี้ จักรวรรดิยังมีกองทัพมากกว่าในทุ่งดาวนี้และพวกเขาก็กำลังเร่งมาจากภูมิภาคอื่น
ทาราคอฟกำลังพิจารณาว่าเขาควรถอยหรือรอให้กำลังเสริมมาถึง
เป้าหมายของศัตรูคือแบล็คสตาร์และหากเลือกถอย พวกเขาควรสามารถปกป้องแบล็คสตาร์ได้ แต่ทว่า ด่านหน้าของจักรวรรดิจะถูกทำลายโดยศัตรูหากไม่ป้องกัน การเสียทรัพยากรคือเรื่องรอง แต่พวกเขาต้องปิดประตูดาวพวกเขาหากไม่อยากให้ตกอยู่ในมือศัตรู หากเป็นแบบนั้น จักรวรรดิจะเสียแกนกลางของเครือข่ายขนส่ง และความคล่องตัวพวกเขาจะได้รับผลกระทบมาก
เมื่อคิดแบบนั้นจากนั้นเขาก็มองสนามรบอีกครั้ง นอกจากกองทัพจักรวรรดิที่กำลังเผชิญหน้ากับเทพเอส กองกำลังอื่นกำลังรอคำสั่งพวกเขาและรักษาความปลอดภัยในภูมิภาคนั้น
เขายังส่งกองยานส่วนหนึ่งบนดาวประภาคารไปสนับสนุน
หลังคิดสักพักทาราคอฟก็ถอนหายใจยาว”แม้สถานการณ์จะไม่ดีนัก เราก็มีความสามารถที่จะต้านทาน พยายามถ่วงเวลากันก่อน เมื่อกำลังเสริมมาถึง เราจะ..”
หวอ!
ก่อนเขาจะพูดจบเสียงเตือนก็ดัง
“คำเตือน!คำเตือน!ตรวจพบความผันผวนอวกาศด้านนอกดาว!อวกาศกำลังถูกเปลี่ยนเป็นรูหนอน!”
“รูหนอน?ประตูเคลื่อนย้าย?”
ทาราคอฟมีใบหน้าตกใจการปรากฏของรูหนอนอยู่นอกเหนือความคาดหวังเขา มันไม่ใช่เพราะเขาไม่มีการเตรียมการใด ด้วยทักษะเทคโนโลยีของจักรวรรดิ พวกเขาต้องติดตั้งอุปกรณ์ที่เหมาะสมเพื่อตัดการขนส่งระยะไกลและมันเป็นไปไม่ได้สำหรับ
ศาสนจักรที่จะไม่รู้เรื่องนี้
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมศาสนจักรถึงพยายามอย่างไร้จุดหมาย!
ด้านนอกชั้นบรรยากาศของดาวประภาคารอวกาศดูเหมือนจะถูกพับ นี่คือสัญญาณการปรากฏของรูหนอน กองกำลังที่ประจำการบนดาวประภาคารโต้ตอบเช่นกัน พวกเขากระตุ้นอุปกรณ์รักษาเสถียรภาพเพื่อก่อกวนรูหนอน นี่จะได้ผลโดยไม่คำนึงว่าอีกฝ่ายใช้เวทมนตร์หรือเทคโนโลยี
แต่ทว่าฉากที่ตามมาก็ทำให้ทุกคนตกใจ อุปกรณ์ต่อต้านรูหนอนไม่มีประโยชน์ อวกาศยังผันผวน แต่รูหนอนไม่ปรากฏทันที และฉากแปลกๆก็เกิดขึ้น
เค้าโครงยานรบปรากฏนอกชั้นบรรยากาศเหมือนภาพลวงตา
เพียงเมื่อทุกคนยังสับสนวินาทีต่อมา อวกาศก็พลันแยกตัวและเค้าโครงเหล่านี้ก็กลายเป็นของแข็ง ในชั่วพริบตา ภาพลวงตาก็กลายเป็นจริง!
กองยานนี้คือยานรบศาสนจักรนับล้านที่มียานหลักผีเสื้อ!
ในชั่วพริบตายานอวกาศนับล้านก็ทะยานเข้าหาดาวประภาคาร!
พวกเขาไม่สนใจต่อแนวป้องกันของดาวประภาคารและการป้องกันของดาวประภาคารก็อ่อนแอเพราะพวกเขาส่งกองยานส่วนหนึ่งออกไปนี่คือกลยุทธ์จริงของศาสนจักร
ทันใดนั้นทาราคอฟก็ดูเหมือนจะคิดอะไรได้และสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป
“นี่ไม่ใช่การเคลื่อนย้ายแบบรูหนอนมีเพียงสมบัติจักรวาลของสหพันธ์แห่งแสง[อุปกรณ์เปิดท้องฟ้าหลากมิติ]ถึงมีผล!”
“ศาสนจักรได้ร่วมมือกับสหพันธ์แห่งแสงจริงๆ?!”