The Legendary Mechanic - ตอนที่ 845-846
ตอนที่ 845 เปิดฉากการต่อสู้!
[อุปกรณ์เปิดท้องฟ้าหลากมิติ]
หานเซี่ยวรู้สึกใจสั่นเขาไม่ได้ไม่รู้จักสมบัติจักรวาลนี้ นี่คือสมบัติจักรวาลที่สหพันธ์แห่งแสงใช้ทรัพยากรจำนวนมากเพื่อหลอม มันคือเทคโนโลยีที่เป็นของพวกเขาเท่านั้น เหมือนกับที่ลูกบาศก์วิวัฒนาการสร้างโดยอารยธรรมวิวัฒนาการ อารยธรรมทั้งหมดที่มาถึงระดับอารยธรรมจักรวาลจะสร้างสมบัติจักรวาลของตนขึ้นมา
หลักการของชิ้นนี้เกี่ยวกับหลักการของการฉายและการปรากฏของมิติต่างๆมันจะยกระดับทั้งกองยานไปยังมิติที่สูงขึ้น และย้ายพวกเขาไปยังปลายทางก่อนจะฟื้นมิติดั้งเดิม
มันเหมือนกับการเปลี่ยนจักรวาลให้เป็นระนาบสองมิติและเปลี่ยนกองทัพให้เป็นวัตถุสามมิติเพราะสิ่งกีดขวางภายในระนาบสองมิติไม่อาจส่งผลต่อวัตถุสามมิติได้ วัตถุที่ลำเลียงจึงเคลื่อนผ่านผิวระนาบสองมิติได้อย่างราบรื่น
มันยากมากสำหรับรูหนอนทั่วไปที่จะเลียนแบบผลนี้และทักษะเทคโนโลยีนี้ก็มักเป็นไพ่ตายของสหพันธ์แห่งแสงในช่วงยุคสำรวจ กองทัพทั้งหมพดของพวกเขามีความคล่องตัวสูงมากและมันก็น่ากลัวมากในเวลาสงคราม
ด้วยการพึ่งพาเทคโนโลยีนี้กองยานสหพันธ์แห่งแสงจึงเอาชนะศัตรูได้มากในช่วงยุคสำรวจและรอดจนถึงยุคใหม่
แต่มันย่อมมีจุดบอดอย่างแรก จำนวนทรัพยากรที่ต้องใช้เมื่อกระตุ้นมันสูงมาก และจะเพิ่มตามระยะทาง สอง มันต้องใช้เวลารวบรวมพลังงานาน สาม มันต้องการพิกัดที่แม่นยำเพื่อเดินทาง สี่[อุปกรณ์เปิดท้องฟ้าหลากมิติ]คืออุปกรณ์ขนาดใหญ่คล้ายประตูดาวและจะไม่ส่งไปพร้อมกับกองยาน ดังนั้น กองยานที่ถูกส่งไปจะไม่อาจกลับมาได้ด้วยวิธีเดิมเว้นแพวกเขาจะนำอุปกรณ์เปิดท้องฟ้าหลากมิติอีกอันไปด้วย
สหพันธ์แห่งแสงย่อมไม่ให้ยืมสมบัติจักรวาลเฉพาะของพวกเขาและพวกเขาก็ไม่มีข้อผูกมัดใดที่จะช่วยศาสนจักรให้ถอย
“พระเจ้าแม้กระทั่งสหพันธ์แห่งแสงก็ยังแทรกแซง…”
เมื่อเห็นกองยานศาสนจักรที่ปรากฏตัวทุกคนในห้องบัญชาการก็ตกใจ
หานเซี่ยวไม่คิดว่าศัตรูจะร่วมมือกับสหพันธ์แห่งแสงและปรากฏบนดาวประภาคารด้วยอุปกรณ์พิเศษ
การร่วมมือระหว่างสหพันธ์แห่งแสงและศาสนจักรคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะทำนายและทั้งสองฝ่ายก็เก็บแผนไว้เป็นความลับ เช่นนั้น เครือข่ายของจักรวรรดิจึงไม่อาจได้รับข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องนี้
ทาราคอฟคาดการณ์ว่าศัตรูจะโจมตีจากภายนอกและส่งยานรบจำนวนมากออกไปซึ่งส่งผลให้การป้องกันของดาวประภาคารว่างเปล่า ปัจจุบัน พวกเขามียานรบแค่ล้านกว่าลำ แต่ทว่า ศัตรูมียานรบหลายล้านและยังอยู่แค่นอกชั้นบรรยากาศ
สถานการณ์ดังกล่าวได้พลิกคว่ำพวกเขาและดาวประภาคารก็ตกอยู่ในอันตราย
ห้องควบคุมกลายเป็นเงียบและทุกคนก็ตกใจกับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้
ทาราคอฟทำลายความเงียบและรักษาความเยือกเย็น”นอกจากกองยานที่ขวางทัพเทพเอสทัพอื่นทั้งหมดให้กลับมาเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องระวังกันอีกต่อไป แจ้งกองทัพที่ประจำการที่ประตูดาวให้ทำลายประตูดาวทั้งหมด เราต้องไม่ปล่อยให้พวกมันตกอยู่ในมือศัตรู”
“ทำลายประตูดาวทั้งหมด?บ้าไปแล้วหรือไง!?นั่นคือทางหนีเดียวของเรา!”เบโยนี่คำราม
“ประตูดาวใกล้กับดาวประภาคารมากและศาสนจักรจะต้องส่งคนมายึดพวกมัน”ทาราคอฟตอบ”กองทัพเราเป็นฝ่ายแพ้ และการป้องกันเราจะอ่อนลงหากเราพยายามป้องกันพวกมัน กองทัพของเทพเอสและศาสนจักรมีมากกว่าเราถึงสองเท่าและมันจะเป็นไปไม่ได้สำหรับเราที่จะสู้กับทั้งสองฝ่ายพร้อมกัน เราไม่อาจแยกทัพเราไปคุ้มกันจุดไหนได้”
“แต่หากไม่มีประตูดาวเส้นทางถอยเรา..”
“เราอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังไร้ทางถอยอยู่แล้ว”ทาราคอฟกล่าว”ความหวังเดียวของเราคือรวมกองทัพทั้งหมดและป้องกันดาวประภาคารขณะรอให้กำลังเสริมมาถึงแม้เราจะไม่มีประตูดาว คลังเราก็ยังมีอุปกรณ์ประตูดาวอีกมาก และเราก็สามารถสร้างช่องทางประตูดาวใหม่ได้เมื่อทัพเสริมเรามาถึงที่ทางเข้าของอีกฝั่ง แต่ทว่า กำลังเสริมเรายังมาไม่ถึง และเราก็จะเร่งการตายชของเราหากเราแบ่งแยกกองทัพเรา”
ทาราคอฟพยายามส่งเสียงมั่นใจออกไปแต่ทุกคนรู้ว่าการทำตามแผนเช่นนี้นั้นยากมาก การตั้งประตูดาวใหม่ต้องใช้เวลาและศัตรูจะไม่ดูเฉยๆ!
เมื่อกำลังเสริมพวกเขามาถึงทางเข้าพวกเขาต้องตั้งประตูดาวต่อหน้าศัตรู และการต่อสู้แสนขมขื่นจะเกิดขึ้น ปัญหาคือ พวกเขาอาจไม่สามารถรอดได้จนกำลังเสริมมาถึง
ทันใดนั้นเงาหกร่างก็ปรากฏต่อหน้ากองยานศาสนจักรอาร์เคน
หลังเห็นพวกเขาทาราคอฟก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ
‘บุตรแห่งแสง’แซ็กแมน‘อสูรเดียวดาย’เมอเซอร์ ‘คาถาเทพ’นินเจีย ‘ประตูโลก’เทย์เลอร์ ‘เนตรม่วง’ไซเคอร์ และ’จิตวิญญาณทะเล’ดีแลน
หกผู้อยู่เหนือ
นั่นคือสองเท่าของพวกเขา!
ร่วมกับเทพเอสที่ยังอยู่ด้านนอก…
ทาราคอฟมิลิซาสและเบโยนี่รู้สึกหวั่นเกรง ศาสนจักรแน่วแน่มากและไม่กลัวการเริ่มสงครามกับจักรวรรดิเลย
มิลิซาสและเบโยนี่รู้สึกเสียใจพวกเขาอาสามาคุ้มกันแบล็คสตาร์เพราะลูกบาศก์วิวัฒนาการ และชีวิตพวกเขาอาจถูกสังเวยในครั้งนี้
เราไม่ควรแทรกแซงเลยครั้งนี้…
พวกเขาอดมองหานเซี่ยวไม่ได้แต่ก็ตระหนักว่าหานเซี่ยวกำลังหลับตา
“นาย..”
ก่อนพวกเขาจะถามจบคลื่นพลังจักรกลรุนแรงก็ระเบิดจากตัวหานเซี่ยว และระดับพลังงานในตัวหานเซี่ยวก็พุ่งพรวด
เมื่อเห็นการมาของกองทัพศาสนจักรหานเซี่ยวก็ทุ่มค่าประสบการณ์เพื่อเลื่อนระดับทันที
ในช่วงสถานการณ์เร่งด่วนแบบนี้เขาไม่อาจสนใจเรื่องบทลงโทษค่าประสบการณ์ได้!
มันก็ผ่านมาเจ็ดถึงแปดเดือนแล้วตั้งแต่เขาเข้าสู่ระดับผู้อยู่เหนือและหานเซี่ยวก็สะสมค่าประสบการณ์ได้มากในช่วงนี้
แม้จะด้วยบทลงโทษ40%ค่าประสบการณ์ที่เขามีก็มากพอจะเพิ่มระดับเขาจาก240เป็น260!
เซลล์เขาอัดแน่นด้วยพลังงานและทั่วร่างเขาก็ปะทุด้วยพลัง!
ชุดการแจ้งเตือนเด้งบนหน้าต่างสถานะ
…
[จักรพรรดิช่างกล]เลื่อนเป็นระดับ35(สูงสุด)
+1000พลังงาน+5พละกำลัง +5ความเชี่ยวชาญ +8ความทนทาน +12สติปัญญา
ท่านได้รับแต้มสถานะ10
ท่านได้รับแต้มศักยภาพ1
บรรลุขีดจำกัดระดับสายอาชีพหลัก
ท่านกระตุ้นภารกิจเลื่อนขั้นสายอาชีพ : [แม่น้ำทั้งหมดไหลลงสู่ทะเล]
[แม่น้ำทั้งหมดไหลลงสู่ทะเล]: ไปหาช่างกลระดับภัยพิบัติและเหนือกว่าทั้งหมดร้อยคนและแลกเปลี่ยนทักษะช่างกลกับพวกเขา ช่างกลที่ทรงพลังจะไม่มีทางปิดประตูโรงงานแต่จะรู้วิธีเพิ่มพลังเขาผ่านการเรียนรู้
ท่านบรรลุระดับ260
ท่านกระตุ้นภารกิจเลื่อนระดับ[ผู้ไม่เคยหยุดท้าทาย]
[ผู้ไม่เคยหยุดท้าทาย]: ท้าทายผู้อยู่เหนือและรอดชีวิต การต่อสู้ไม่อาจน้อยกว่า30วินาที และท่านจะไม่อาจออกการต่อสู้ได้ในช่วงเวลานี้ หลังบรรลุข้อกำหนด การออกจากการต่อสู้จะถือว่าสำเร็จภารกิจ
เมื่อมาถึงคอขวดภารกิจเลื่อนขั้นสายอาชีพและเลื่อนระดับก็มาถึงพร้อมกัน
รางวัลสุ่มทั้งหมดที่เขาสะสมในช่วงเวลานี้ไม่ได้มอบบัตรสำเร็จภารกิจให้เขาเขากลับได้บัตรเลื่อนระดับทักษะและบัตรอัญเชิญตัวละครเปล่าสองใบ เขาเหลือบัตรสำเร็จภารกิจแค่ใบเดียว ซึ่งเหลือจากภารกิจก่อนหน้า ดังนั้น เขาจึงเลือกข้ามได้แค่ภารกิจเดียว
เมื่อเห็นสองภารกิจเหล่านี้หานเซี่ยวก็ยินดี สวรรค์อยู่ข้างเขา!
[แม่น้ำทั้งหมดไหลลงสู่ทะเล]คือภารกิจเลื่อนขั้นสายอาชีพที่ต้องใช้เวลามากทั่วจักรวาล การหาช่างกลภัยพิบัติร้อยคนนั้นเป็นไปได้ แต่พวกเขากระจายอยู่ทุ่งดาวต่างๆ ภารกิจนี้ทำให้เขาต้องใช้เวลาเดินทางนานและต้องเก็บแต้มความโปรดปรานของอีกฝ่าย
แม้มันจะลำบากมากข้อดีก็คือมันไม่ยากเลย
เทียบกันแล้วภารกิจเลื่อนระดับยากกว่าสำหรับผู้เล่นทั่วไป การเผชิญหน้ากับผู้อยู่เหนือ30วินาทีคือภารกิจเลื่อนระดับที่จะปรากฏแค่ในช่วงหลัง การไม่แพ้30วินาทีไม่ใช่ปัญหา แต่ข้อกำหนดการรอดชีวิตนั้นยากมาก
มีสองวิธีที่ผู้เล่นจะทำภารกิจเช่นนี้ได้สำเร็จหนึ่ง ทุ่มสุดตัวและลองเสี่ยงโชคว่าพวกเขาจะตายไหม
วิธีสองปลอดภัยกว่าเข้าร่วมกองกำลังผู้อยู่เหนือและเก็บเกี่ยวแต้มความโปรดปรานเพื่อแลกกับโอกาสประมือ เนื่องจากมันคือการประลอง ผู้อยู่เหนือย่อมไม่ฆ่าพวกเขาต่อให้พวกเขาแพ้ แม้มันจะต้องใช้เวลานานมาก มันก็ยังมีโอกาสสำเร็จสูงกว่า
แต่ทว่าภารกิจนี้ไม่ยากสำหรับหานเซี่ยว ไม่ต้องพูดถึงผู้อยู่เหนือสักคน มีถึงหกตรงหน้าเขาและร่วมกับเทพเอส จำนวนผู้อยู่เหนือจึงมากเท่าตาของไซเคอร์!
โดยไม่ลังเลหานเซี่ยวใช้บัตรสำเร็จภารกิจกับ[แม่น้ำทั้งหมดไหลลงสู่ทะเล]
เทียบกันแล้วเขาสามารถทำภารกิจเลื่อนระดับได้สำเร็จโดยไม่ต้องใช้บัตรอะไร
ปัญหาเดียวคือภารกิจจะสำเร็จหลังเขาออกการต่อสู้แต่ทว่า มันจะไม่ง่ายสำหรับเขาที่จะออกการต่อส้หากศัตรูอยากพัวพันกับเขา บางทีเขาอาจต้องสู้กับเพื่อนเขา
หานเซี่ยวหันไปมอง”เบโยนี่สู้กับฉันเดี๋ยวนี้!”
“หือ?”
ทุกคนสับสน
ด้วยศัตรูตรงหน้าสมองนายจึงเพี้ยนไปแล้ว?!
นายคิดทรยศเราเพื่อเอาตัวรอดหรือไง?!
บูม!
ตอนนี้เองห้องพลันสั่น และชุดการระเบิดก็สาดลงจากฟ้า
กองยานศาสนจักรด้านนอกชั้นบรรยากาศเริ่มโจมตีและยิงปืนใหญ่ไซโอนิคขณะสู้กับกองทัพป้องกันม่านพลังขนาดใหญ่รอบดาวเริ่มกระพริบภายใต้การระเบิดนับไม่ถ้วน และพื้นก็สั่น
ตามที่ทาราคอฟคาดศัตรูต้องส่งอีกกองยานมาทางประตูดาวและพยายามชิงมัน
กองยานศัตรูเริ่มจู่โจมพวกเขาและกองยานต่างๆบนดาวประภาคารก็โต้กลับ
ด้วยลำแสงที่ตัดผ่านท้องฟ้าเหนือดาวประภาคารจึงเต็มไปด้วยแสงหลากสี และการระเบิดของสารกัมมันตภาพรังสีก็ทั้งร้ายแรงและงดงาม
อีกด้านผู้อยู่เหนือที่ทรงพลังสุดอย่าง’บุตรแห่งแสง’แซ็กแมน และ’คาถาเทะ’นินเจียก็เริ่มปะทะกับร่างหลักของมิลิซาส ซึ่งอยู่นอกชั้นบรรยากาศ
มิลิซาสพยายามใช้คาถาเคลื่อนย้ายแต่ก็ถูกขวางโดยนินเจีย ผู้เป็นจอมเวทย์ผู้อยู่เหนือ
ในขณะเดียวกันไซเคอร์และคนอื่นก็เริ่มพุ่งใส่แนวป้องกันของจักรวรรดิและเข้าใกล้พื้นอย่างรวดเร็ว เป้าหมายพวกเขาคือการทำลายฐานดาวประภาคารและบังคับให้หานเซี่ยวและเบโยนี่ออกไป!
“ทัพภาคพื้นทั้งหมดขวางการโจมตีของศัตรูไว้!”ทาราคอฟสั่ง”แบล็คสตาร์และเบโยนี่สี่ผู้อยู่เหนือเป็นหน้าที่พวกนายแล้ว เราไม่มีทางเลือกอื่น”
แม้เขาจะรู้ว่าแบล็คสตาร์คือเป้าหมายของอีกฝ่ายเขาก็ไม่อาจปล่อยให้ผู้อยู่เหนือเลี่ยงการต่อสู้ได้ พวกเขาจะมีโอกาสรอดก็ต่อเมื่อสู้กลับ
“ฉันเข้าใจ”หานเซี่ยวกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
หานเซี่ยวรู้ว่าเขาไม่มีเวลาจะมาประลองกับเบโยนี่เขาสามารถทำภารกิจสำเร็จได้ด้วยการปะทะกับศัตรู
หวือ!
วินาทีต่อมาร่างสองร่างก็บินออกจากฐานและขึ้นฟ้าเหมือนลำแสงสีดำและแดง
หานเซี่ยวเปิดกล่องกองทัพมิติที่สองและปล่อยกองทัพจักรกลคลื่นสีดำไล่ตามหลังเขาขณะที่เขาพุ่งขึ้นฟ้า
อย่างรวดเร็วทั้งสองฝ่ายปะทะกันกลางอากาศ และการต่อสู้ก็เริ่มขึ้น!
หกผู้อยู่เหนือหยุดนิ่งกลางอากาศและจ้องตากันดวงตาพวกเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร
คลื่นพลังงานของศัตรูทั้งสี่ประดุจมหาสมุทรและเบโยนี่ก็รู้สึกกดดันมาก
เขารู้ว่าเขาไม่มีร่างกายเหมือนหานเซี่ยวและโอกาสตายเขาก็สูงกว่าแบล็คสตาร์
หลังทั้งสองฝ่ายจ้องตากันสักพักไซเคอร์ก็กล่าว”ฉันเตือนแกแล้ว แกคงไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงสินะ?”
หานเซี่ยวไม่สนใจนี่ไม่ใช่เวลาจะมาพูดคุยไร้สาระกับไซเคอร์ และเขาก็สังเกตศัตรู มีนักสู้ ผู้ใช้พลังจิต จอมเวทย์และเอสเปอร์
สี่ผู้อยู่เหนือ..ฉันไม่อาจรับการโจมตีพวกเขาได้ตรงๆมันดูเหมือนฉันจะต้องใช้บัตรอัญเชิญตัวละครออโรร่าและยา หวังว่าคนอื่นจะมาหนุนฉันในไม่ช้า
หานเซี่ยวกัดฟันและทุ่มค่าสถานะทั้งหมดลงความทนทานพลังชีวิตเขาเพิ่มขึ้นประมาณสองแสน
เนื่องจากความแตกต่างในพลังนั้นสูงเขาจึงทำได้แค่เลือกความอึด
จากนั้นทั้งหกก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน
การต่อสู้ปะทุขึ้น!
…
อีกด้านเทพเอสยังนำทัพเขาเพื่อสู้กับกองทัพในเขตรอบดาว
เทพเอสให้ฟาซิเค็นถามสาสนจักรว่าพวกเขาจะลงมือตอนไหนและการตอบกลลับก็ทำให้เขาตกใจ
“ศาสนจักรได้รับความช่วยเหลือจากสหพันธ์แห่งแสงและบุกดาวประภาคารโดยตรง?พวกมันยังส่งผู้อยู่เหนือมาหกคน?!”
สีหน้าเทพเอสเปลี่ยนไปและก็รีบสั่งการ
“กองกำลังทั้งหมดเร่งความเร็ว!”
ในเมื่อศาสนจักรส่งหกผู้อยู่เหนือมาเทพเอสก็ไม่รู้ว่าดาวประภาคารจะทนได้นานแค่ไหน
หากศาสนจักรชิงลูกบาศก์วิวัฒนาการกลับไปก่อนเขาจะไปถึงเทพเอสก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำตามสัญญาและให้เขายืมลูกบาศก์วิวัฒนาการ นอกจากนี้ เขาไม่อาจชิงมันจากหกผู้อยู่เหนือได้
ดังนั้นเทพเอสจึงกังวลและวางแผนจะเข้าร่วมสนามรบ
ตอนที่ 846 กำลังเสริม!
ด้านนอกชั้นบรรยากาศของดาวประภาคารมังกรยักษ์ที่ดูเหมือนยานรบหลักบินรอบสนามรบด้วยวงเวทย์หลากสีบนตัวซึ่งคอยสะท้อนปืนใหญ่ทั้งหมด
มิลิซาสกระพือปีกและร่างใหญ่ก็พุ่งไปข้างหน้าพลังเวทย์ในตัวเขาระเบิดออกมา และเขาก็โยนคลื่นคาถาเวทย์ไร้สิ้นสุดเพื่อสร้างพายุเวทย์บนสนามรบ
เงาเล็กสองร่างไล่ตามหลังเขามาพวกเขาคือแซ็กแมนและนินเจีย ‘บุตรแห่งแสง’แซ็กแนมีร่างที่ส่องแสงสีทอง และเขาก็พยายามทำลายวงเวทย์ป้องกันของมิลิซาส ในขณะเดียวกัน ‘คาถาเทพ’นินเจียก็ยิงคาถาเขา และทั้งคู่ก็รั้งกับมิลิซาส
เพราะร่างใหญ่โตความสามารถการหลบของมิลิซาสจึงต่ำมากและเขาก็เกือบเหมือนเป้ามีชีวิต แต่ทว่า พลังของกายเนื้อเขาก็เพิกเฉยจอมเวทย์ได้เกือบหมด พลังงานเขายังแกร่งมากและสามารถเสริมคาถาเขา แม้แซ็กแมนและนินเจียจะรั้งเขาไว้ การต่อสู้ระหว่างสองฝ่ายก็ไม่มีทางจบในเวลาอันสั้น
ขณะที่สามผู้อยู่เหนือปะทะกันรอบสนามรบยานรบทั้งหมดในบริเวณก็ถูกทำลาย
“สองตัวปัญหา..”มิลิซาสมองแซ็กแมนคือคนที่แข็งแกร่งสุดในหมู่หกคน และร่วมกับจอมเวทย์ผู้อยู่เหนืออีกคน มันจึงยากมากที่จะจัดการ
แม้เขาจะสามารถเผชิญหน้ากับทั้งสองได้ลำพังเขาก็ไม่อาจไปช่วยเหลือแบล็คสตาร์ได้
“วัตถุประสงค์ของสองคนนี้คือรั้งฉันไว้แต่อาจกล่าวได้ว่าฉันเองก็รั้งพลรบอีกฝ่ายไว้สองคน แต่ทว่า แบล็คสตาร์ต้องจัดการถึงสี่และต่อให้ฉันพยายามช่วย ทั้งสองก็จะตามมาด้วย ดังนั้นมันเท่ากับพาอันตรายไปหาแบล็คสตาร์…เห้อ มันช่วยไม่ได้ หวังว่าเบโยนี่และแบล็คสตาร์จะถ่วงเวลาได้”
มิลิซาสหมดหนทางต่อให้เขาจะแกร่งมากและเป็นหนึ่งในสามเสาหลักของจักรวรรดิ สองผู้อยู่เหนือที่เขากำลังเผชิญก็ไม่ควรดูถูก เขาไม่มีทางเลือกนอกจากทุ่มความสนใจทั้งหมด
หากเขาไม่เลือกก้าวมาวุ่นวายตั้งแต่ต้นเขาคงไม่ต้องเจออันตราย
เขาได้แต่หงุดหงิดตัวเองโกรธศัตรูและกังวลถึงสถานการณ์ปัจจุบันเขา ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งแค้นและปล่อยลมหายใจมังกรสีทองขึ้นฟ้า มันปะทะกับลำแสงที่แซ็กแมนส่งออกมา และการระเบิดครั้งใหญ่ก็บังเกิด
นินเจียใช้คาถาเขาเพื่อส่งเสียงหามิลิซาส”อ่าสหายทั้งสี่ของเรากำลังจัดการกับพวกแกสองคน และแบล็คสตาร์ก็จะทนได้ไม่นาน การต่อสู้จะจบลงอย่างรวดเร็ว แกจะสู้กลับไปทำไม ทำไมไม่ยอมแพ้ซะตอนนี้และเข้าร่วมศาสนจักร?นี่คือทางเดียวที่แกจะรอด แกไม่ใช่ลูกน้องโดยตรงของจักรวรรดิอยู่แล้ว ไม่เห็นต้องไปตายเพื่อพวกมันเลย”
คำตอบเดียวที่เขาได้รับคือลมหายใจมังกร
“ฮึมฉันรู้อยู่แล้วว่าแกจะไม่ยอม”นินเจียแค่นเสียงและสร้างโล่เวทย์เพื่อกัน
“งั้นก็ทำตามแผนเราต่อไป”แซ็กแมนกล่าว”เขาคิดว่าเราแค่พยายามรั้งเขาไว้และเราก็สามารถสร้างโอกาสเพื่อใช้คฑาหมื่นเทพได้”
“ตกลง!”
ตอนีน้มิลิซาสยังไม่รู้ตัวว่าเขาคือหนึ่งในเป้าหมายของศาสนจักร!
…
หานเซี่ยวและเบโยนี่เริ่มสู้กับศัตรูทั้งสี่
วินาทีที่การต่อสู้ปะทุขึ้นหานเซี่ยวก็ใช้บัตรอัญเชิญตัวละครเรย์โนลโดยไม่ลังเลและพลังจักรกลเขาก็ระเบิดออกมา
สัมผัสจักรกลสมบูรณ์!
บัตรนี้สามารถใช้ได้แค่สามครั้งและนี่คือครั้งสุดท้าย!
ความสัมพันธ์กับเครื่องจักร1.4เท่าเพิ่มพลังของกองทัพจักรกลเขาขึ้นอีกระดับพลังยิงของมันท่วมท้น
ทั้งสี่พลันขยับแสงสีฟ้าทอประกายในตาดีแลน และน้ำทะเลก็ยิงออกจากร่างเขาเพื่อสร้างมังกรน้ำ มังกรน้ำม้วนรอบพวกพ้องเขาและสร้างชั้นป้องกัน ภายใต้การควบคุมเ ชั้นน้ำมีแรงดันสูงและเปลี่ยนเป็นโล่แข็ง
ไซเคอร์ไม่นิ่งดูดายและปล่อยพลังจิตเขาเพื่อคลุมชั้นน้ำและเพิ่มการป้องกันมัน
บูม!
การยิงทีละระลอกกระทบใส่ชั้นน้ำและม่านพลังจิตชั้นป้องกันแตกหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว ภายใต้การรวมพลังของพวกเขา กองทัพจักรกลของหานเซี่ยวต้องทำลายผ่านการป้องกันของสองผู้อยู่เหนือ
ศัตรูทั้งสี่ไม่ยืนเฉยและรับการโจมตีพวกเขาเริ่มลงมือ
‘อสูรเดียวดาย’เมอเซอร์คือมนุษย์อสูรสีเทาสูงเจ็ดเมตรและหน้าตาเขาก็เหมือนอสูรร้ายที่ยืนตรง เขาปกคลุมด้วยขนหนาตั้งแต่หัวจรดเท้าและเต็มไปด้วยมัดกล้าม เขามีเกราะทำมือง่ายๆและก็ปกคลุมด้วยไฟนักสู้สีเขียว
หานเซี่ยวได้สวมชุดจักรกลแล้วและเขาก็มีประสบการณ์มากในการรับมือกับนักสู้ เขาเปลี่ยนตำแหน่งไม่หยุดและควบคุมกองทัพจักรกลเพื่อกันอีกฝ่าย รักษาระยะห่าง
การเผชิญหน้ากับสี่ผู้อยู่เหนือทำให้เบโยนี่ไม่กล้าประมาทเป้าหมายหลักเขาคือดีแลน และเขาก็จุดไฟใส่น้ำทะเลของดีแลนจนทะเลเดือด ชั้นน้ำเปลี่ยนเป็นก้อนหมอกหลังสัมผัสกับทะเลไฟ
ตอนนี้เองหานเซี่ยวและเบโยนี่รู้สึกถึงความผันผวนในอวกาศและหันไปมอง จากนั้นก็เห็น’ประตูโลก’เทย์เลอร์กำลังถือคฑาและร่ายคาถา วงเวทย์ขนาดมหึมาก่อตัวด้านหลังเขา
บูม!
เสียงประตูวังถูกผลักเปิดดังในหูหานเซี่ยวและวงเวทย์ด้านหลังเทย์เลอร์ก็เผยรอยแตกตรงกลางและเปลี่ยนเป็นประตูแห่งแสง
ภายในประตูแสงคือโลกสีดำสนิทที่เต็มไปด้วยจุดแสงสีแดงเหมือนหิ่งห้อยราวกับพวกมันเป็นดวงตาของสิ่งมีชีวิต
“นี่คือ…รูปแบบอัญเชิญ!”หานเซี่ยวหรี่ตา
ร่าห์!
วินาทีต่อมาสิ่งมีชีวิตสีแดงเลือดนับไม่ถ้วนก็คำรามและกระโจนออกจากประตูแสงเหมือนคลื่นเลือด!
สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เหมือนค้างคาวกลายพันธ์พวกมันมีกรงเล็บแหลม หนามกระดูก เขายาวบนหัว และดวงตาสีแดงเลือดที่ส่องแสงในความมืด หน้าตาพวกมันไม่แตกต่างจากปีศา
วินาทีที่สิ่งมีชีวิตอัญเชิญเหล่านี้ปรากฏพวกมันก็จู่โจมกองทัพจักรกลและทั้งสองฝ่ายก็เริ่มสู้กัน
เลือดเนื้อปะทะโลหะเลือดและน้ำมัน เศษเนื้อและชิ้นส่วนอะไหล่ตกจากท้องฟ้า
เทย์เลอร์คือจอมเวทย์แต่ก็เชี่ยวชาญในคาถาอัญเชิญ นี่จึงทำให้เขาได้รับฉายา ประตูโลก
“ผู้อัญเชิญทำให้ฉันเสียเปรียบมาก..”หานเซี่ยวกัดฟัน
ช่างกลรูปแบบกองทัพและผู้อัญเชิญคือสองสายที่ใช้กลยุทธ์คลื่นมนุษย์ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคือช่างกลใช้เงินและสามารถสร้างกองทัพได้ก่อนต่อสู้ แต่ผู้อัญเชิญทำได้แค่ค่อยๆอัญเชิญลูกๆพวกเขาในช่วงต่อสู้โดยผลาญมานา
ปัจจุบันกองทัพจักรกลของหานเซี่ยวมีกว่าสิบล้าน และมันก็ต้องใช้เวลานานมากสำหรับเทย์เลอร์ที่จะอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจำนวนเท่ากัน เช่นนั้น สิ่งมีชีวิตชุดแรกจึงไม่อาจสร้างความเสียหายต่อกองทัพจักรกลได้มากนัก แต่หากเขาปล่อยให้เทย์เลอร์ร่ายคาถาอัญเชิญต่อไป กลยุทธ์คลื่นมนุษย์ของหานเซี่ยวจะไร้ความหมาย
หากพวกเขาสู้กับตัวต่อตัวหานเซี่ยวก็มีหลายวิธีที่จะก่อกวน แต่ทว่า พวกเขาสู้กันเป็นกลุ่ม และเขาก็เสียเปรียบด้านจำนวน ดังนั้น มันจึงยากที่จะหยุดเทย์เลอร์
“นักสู้ยึดตำแหน่งรุกเพื่อกดดันฉันส่วนผู้ใช้พลังจิตและเอสเปอร์จะควบคุมสนามรบจากด้านข้าง ดังนั้น ผู้อัญเชิญจะไม่ต้องเจอแรงกดดันเลย นี่เป็นการผสมผสานอย่างลงตัว”
หานเซี่ยวปวดหัวศัตรูเตรียมการมาดี
เบโยนี่เข้าใจประเด็นนี้และนับรวมสิ่งมีชีวิตอัญเชิญไว้ในเป้าหมายด้วย
ซวบ!
ความสามารถเขาเป็นวงกว้างและคลื่นสิ่งมีชีวิตอัญเชิญก็ถูกแผดเผาโดยไม่มีความสามารถจะสู้กลับ
“ฉันจะจัดการกับเขาเอง”ดีแลนกล่าวและควบคุมน้ำทะเลให้โถมใส่เบโยนี่
จากนั้นเขาก็ก้าวไปบนคลื่นและยิงใส่เบโยนี่เหมือนปืนใหญ่
ร่างของเบโยนี่ปกคลุมด้วยไฟและเลือดเผ่าปีศาจกองฟืนก็เริ่มพุ่งพล่านเขาถ่มไฟและระเหยคลื่นน้ำในชั่วพริบตา
ไฟและน้ำแดงและฟ้า ทั้งสองฝ่ายปะทะกันและไอน้ำจำนวนมากก็ถูกสร้างขึ้น
หมอกหนากระจายและวิสัยทัศน์ของทั้งคู่ก็ถูกบดบังแต่ทว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผู้อยู่เหนือ
หานเซี่ยวไม่อาจเบี่ยงเบนความสนใจได้อีกฝ่ายแค่ต้องใช้คนเดียวเพื่อรั้งเบโยนี่ และไซเคอร์ เมอเซอร์กับเทย์เลอร์กำลังล้อมเขา
ทหารจักรกลเขาพังอย่างรวดเร็วและหากไม่ได้รับการสนับสนุนจากสัมผัสจักรกลสมบูรณ์ความเสียหายก็จะยิ่งเพิ่ม
หานเซี่ยวอยู่ในสถานะย่ำแย่และหลบการโจมตีไม่หยุดหย่อนไม่มีเวลาพักหายใจ
ด้วยพลังปัจจุบันเขามันยากที่จะจัดการกับสามผู้อยู่เหนือพร้อมกัน ผู้อยู่เหนือล้วนมีประสบการณ์ต่อสู้มากมายและร่วมมือกันได้ดี พลังรวมพวกเขาไม่ใช้แค่การเสริมแต่ง ดังนั้น หานเซี่ยวจึงใช้เวลา90%กับการหลบและอยู่ในสถานะโต้ตอบไม่ได้
ขณะทั้งสามกำลังไล่ล่าหานเซี่ยวพวกเขายังทำลายทหารจักรกลทั้งหมด พวกเขาอ่านผ่านไฟล์หานเซี่ยวมาก่อนและรู้ฉายากายอมตะ
แม้พวกเขาจะเชื่อแบล็คสตาร์ต้องเสียฉายากายอมตะแน่ภายใต้การโจมตีพวกเขาพวกเขาจะสามารถทำความเสียหายได้สบายๆหลังกำจัดกองทัพจักรกลของแบล็คสตาร์ เหนือสิ่งอื่นใด กองทัพจักรกลเป็นภัยต่อพวกเขา การเพิ่มจากสัมผัสัจกรกลและเทคนิคต่อสู้ในตำนานสามารถทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัสได้หากไม่ระวัง
เช่นนั้นไซเคอร์และอีกสองจึงให้ความสนใจกับกองทัพจักรกลหานเซี่ยวเป็นพิเศษ
ขณะที่ทหารจักรกลเขาถูกทำลายโดยศัตรูหานเซี่ยวก็นำพวกมันกลับมาด้วยการดัดแปลงของเสีย
“สิ่งต่างๆจะไม่ดีหากเป็นแบบนี้..”หานเซี่ยวพึมพำ
แม้เขาจะสามารถซ่อมกองทัพจักรกลได้มันก็มีจำกัด ต่อหน้าผู้อยู่เหนือทั้งสี่ กองทัพจักรกลเขาต้องไม่รอดจนจบ
หากกองทัพจักรกลเขาถูกทำลายเขาก็เหมือนกับเสือไร้เขี้ยวและจะไม่อาจสู้กลับได้ไม่ว่าเขาจะอึดแค่ไหน
…
กองกำลังป้องกันของดาวเริ่มต่อสู้กับศาสนจักร
องครักษ์มังกรของมิลิซาสเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยและมังกรยักษ์ในเกราะหนักก็ปะทะกับยานรบของศาสนจักร
ฮีล่าเฮดาวี่ เฟย์ดินและองครักษ์แบล็คสตาร์ทั้งหมดเข้าร่วมการต่อสู้นอกชั้นบรรยากาศเพื่อช่วยจักรวรรดิสู้กับกองยานศาสนจักรอาร์เคน
เจ้าหน้าที่ภัยพิบัติทั้งหมดเคลื่อนผ่านยานรบและใช้ความสามารถต่างๆพวกเขาเพื่อทำลายยานรบทีละลำ
แม้พวกเขาจะอยากช่วยหานเซี่ยวพวกเขาก็รู้ว่าการต่อสู้ระหว่างหกผู้อยู่เหนือไม่ใช่อะไรที่พวกเขาจะแทรกแซงได้ พวกเขา พวกเขาจะลากหานเซี่ยวลงหากพยายามทำแบบนั้น และสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้คือสู้พร้อมกองทัพจักรวรรดิ
องครักษ์แบล็คสตาร์มีภัยพิบัติมากมายและพวกเขาสามารถแสดงพลังได้ในสนามรบ
นอกจากการส่งผู้อยู่เหนือออกไปศาสนจักรยังส่งกลุ่มภัยพิบัติมาด้วย แต่จำนวนไม่อาจเทียบกับจักรวรรดิได้
ภัยพิบัติจากทั้งสองฝ่ายพบกันอย่างรวดเร็วและเริ่มการฆ่า
เฮดาวี่ทนแรงกดดันของการโจมตีจากทุกทิศทาง
เฟย์ดินควบคุมพลังจิตเขาและการโจมตีทางจิตก็แม่นยำทุกครั้ง
ในสนามรบขนาดใหญ่เช่นนี้แหล่งวิญญาณไม่รู้จบจะเพิ่มพลังฮีล่าไม่หยุด
โดยไม่ต้องเก็บรั้งพลังงานแห่งความตายไหลออกมาเหมือนสึนามิ
จากนั้นเธอก็แหงนมองการต่อสู้ในท้องฟ้าหกผู้อยู่เหนือกำลังสู้ และคลื่นพลังงานก็น่ากลัวมาก
“อย่าตายละ..”
ฮีล่ากัดฟันและค้นหาศัตรูคนต่อไป
…
สนามรบระหว่างทั้งหกเปลี่ยนไปเรื่อยๆและสิ่งมีชีวิตอัญเชิญก็ยิ่งเพิ่มตรงกันข้าม กองทัพจักรกลกลับลดลง
หานเซี่ยวและเบโยนี่ยิ่งเสียเปรียบ
หานเซี่ยวรับการโจมตีมากมายแต่อัตราฟื้นฟูก็ทรงพลังมาก และมันก็ไม่ส่งผลต่อเขานัก
แต่ทว่าเบโยนี่แตกต่าง เขาไม่มีร่างกายที่ทรงพลังและยังไม่มีการป้องกันใดที่จะจัดการกับการโจมตีทางจิตของไซเคอร์ เช่นนั้น สถานการณ์เขาจึงยิ่งย่ำแย่
“เขาไม่ไหวแล้ว..”หานเซี่ยวมองเบโยนี่ที่สภาพย่ำแย
เพื่อนเขาคือผู้ช่วยเพียงคนเดียวและหากเพื่อนเขาตายหานเซี่ยวคงต้องรับมือสี่ผู้อยู่เหนือลำพัง หากนั่นเกิดขึ้น เขาคงเท่ากับตาย
ตอนนี้กลุ่มของไซเคอร์ทั้งสี่สบตากันและพลันโจมตีอย่างรุนแรง
ฉิ่ว!
รูปปั้นอสูรหยกขาวที่สูงกว่าร้อยเมตรพลันพ่นแสงสีเทาใส่หานเซี่ยวนี่คือสิ่งมีชีวิตอัญเชิญขั้นสูงของเทย์เลอร์
หานเซี่ยวหลบข้อมูลสายเลือดเขาได้บันทึกไว้แล้วและไฮเปอร์ไดรฟ์มิติก็ถูกยับยั้งโดยศัตรู
ในฐานะจอมเวทย์ผู้อยู่เหนือเทย์เลอร์ย่อมมีวิธีควบคุมพลังงานมิติ นี่คือทักษะพื้นฐานของผู้อัญเชิญ ตราบเท่าที่หานเซี่ยวเข้ามิติ เขาจะถูกบังคับให้ออกมาโดยอีกฝ่าย มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเข้ามิติเป็นเวลานาน
ในความเป็นจริงจากวินาทีที่กองยานศาสนจักรปรากฏ มันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับหานเซี่ยวที่จะหลบหนีด้วยการกระโดดมิติแล้ว ต่อให้เขาทิ้งทุกคนเพื่อหลบหนีลำพัง ความเร็วไฮเปอร์ไดรฟ์ของศาสนจักรย่อมไม่ช้ากว่าเขา พวกเขาจะจับเขาได้และเขาก็ต้องสู้ลำพัง
หลังหลบแสงสีเทาพลังงานจิตและมังกรน้ำก็จู่โจมเขา หานเซี่ยวไม่มีทางเลือกนอกจากใช้พลังงานไซโอนิคและป้องกันการโจมตีขณะพยายามหลบ
ตอนนี้เองเงาร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้าเขา นี่คือเมอเซอร์ หมัดไฟกระแทกใส่เขา
“นี่คือทักษะเคลื่อนไหวชั่วพริบตาที่ฮีเบอร์เคยใช้?”หานเซี่ยวตกใจและพยายามป้องกัน
แต่ทว่าหมัดนี้ดูเหมือนจะผ่านตัวหานเซี่ยวไปเหมือนภาพลวงตา ซึ่งพิสูจน์ว่าร่างตรงหน้าเขาคือภาพลวงตา
“บัดซบ!’หานเซี่ยวตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นและหันไปมองเบโยนี่
เทย์เลอร์โบกคฑาและเมอเวอร์ก็ปรากฏข้างเบโยนี่และปล่อยหมัดไม่หยุด
ตึง!
เมื่อเห็นเบโยนี่โดนโจมตีทั้งสามก็เปลี่ยนเป้าหมายและปล่อยการโจมตีทั้งหมดใส่เบโยนี่!
หากเขาถูกโจมตีในสภาพนี้เบโยนี่อาจตายได้
หวือ!
หานเซี่ยวไม่คิดอะไรและใช้ไฮเปอร์ไดรฟ์มิติซึ่งถูกจำกัด ปรากฏตรงหน้าเบโยนี่ การเดินทางระยะสั้นนี้คือสิ่งที่เขายังทำได้
จากนั้นหานเซี่ยวก็ผลักเบโยนี่ไปข้างหลังและก็รับการโจมตีของทั้งสี่ลำพัง
บูม!
ชุดจักรกลเขาแตกและพลังชีวิตก็ลดลงมาก
หานเซี่ยวรู้สึกปวดเมื่อยตัวและถูกส่งลอยออกไป
กองทัพจักรกลเขาขวางกลุ่มของไซเคอร์ไว้โดยไม่พิจารณาความสูญเสียซึ่งช่วยมอบเวลาให้เขาฟื้นตัว
ด้วยความเจ็บปวดอย่างหนักหานเซี่ยวมองดูพลังชีวิตเขา
“คลื่นการโจมตีนี้น่ากลัวเกินไปหากไม่ใช่ฉัน เบโยนี่อาจตายไปแล้ว..”
หานเซี่ยวหัวเราะขมขื่นในใจเขาเป็นเกราะเนื้ออย่างแท้จริง
จากนั้นเบโยนี่ก็สนับสนุนหานเซี่ยวจากด้านข้างและถาม”ไม่เป็นไรนะ?”
“ไม่เป็นไรฉันไม่ตายง่ายๆหรอก อย่าลืมฉายาฉัน”
จากนั้นหานเซี่ยวก็สูดหายใจและเปิดใช้ความสามารถฟื้นฟูของเซลล์เพื่อรักษาบาดแผล
“ขอบคุณหากไม่ใช่นาย ฉันคงตายไปแล้ว”เบโยนี่ขอบคุณ แต่เสียงก็พลันหดหู่”ไม่ เราต้องตายแน่ และมันก็เป็นแค่เรื่องของเวลา”
“นายพูดถูกสุดท้ายทุกคนก็ต้องตาย.”หานเซี่ยวกลอกตา
“.”เบโยนี่พูดไม่ออกนายยังมีเวลามาพูดเล่นอีก
หลังจากนั้นหานเซี่ยวก็ส่ายหัวและกล่าวอย่างมั่นใจ”แต่ไม่ใช่วันนี้!”
เพียงเมื่อกลุ่มของไซเคอร์กำลังจะไล่ตามเทย์เลอร์ก็กล่าวด้วยความตกใจ”รอเดี๋ยว ฉันตรวจพบคลื่นพลังเวทย์รุนแรงกำลังเข้าใกล้เราผ่านมิติที่สอง มันทรงพลังมาก!’
อวกาศเริ่มบิดเบี้ยวและประตูเคลื่อนย้ายขนาดมหึมาก็ปรากฏ
เครื่องมือต้านรูหนอนของจักรวรรดิปิดตัวแล้วและเทย์เลอร์ก็พยายามใช้เวทย์กาลอวกาศเขาเพื่อยับยั้งประตูแต่ก็ตระหนักว่าความผันผวนของเวทมนตร์นั้นเหนือกว่าจอมเวทย์ทุกคนที่เขาเคยพบเจอ!
เทย์เลอร์ตกใจมากเขาไม่อาจหยุดประตูเคลื่อนย้ายได้ด้วยพลังของเขา!
วินาทีต่อมาปราสาทขนาดมหึมาก็ปรากฏจากภายในประตู
“เขามาทำบ้าอะไรที่นี่?!”ดวงตาของไซเคอร์เบิกกว้างในฐานะผู้อยู่เหนือของวงแหวนดาวกระจาย เขาคุ้นเคยกับปราสาทนี้
มันคือวังคาถาลับ!
ออสตินลอยอยู่ด้านบนของวังคาถาลับพร้อมด้วยเหล่าจอมเวทย์ต้องห้าม
“เอ่อฉันไม่ได้มาสายใช่ไหม?”