The Legendary Mechanic - ตอนที่ 849-850
ตอนที่ 849 เทพเอสปรากฏตัว!
พลังงานแสงพลังงานเวทย์ เพลิงนักสู้ ระเบิดจิตและการโจมตีผู้อยู่เหนืออื่นๆถูกบีบแน่น ม่านพลังไซโอนิคของหานเซี่ยวสลาย ชุดจักรกลเขาแตกและก็ลอยไปอย่างควบคุมไม่ได้
สายตาเขาหมุนและดาวในจักรวาลก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นดาวหาง เขาต้องใช้ความพยายามมากถึงปรับสมดุลได้ ลอยอยู่ในอวกาศ ทั่วร่างเขาปวดระบม และเซลล์เขาก็กำลังถูกทำลายแต่ก็ยังฟื้นฟู
ไม่ไกลด้านหลังเขาคือสนามรบดวงดาวขนาดใหญ่ที่กองยานกำลังสู้กันด้านใต้เขาคือดาวสีเทา แซ็กแมนได้รับคฑาหมื่นเทพไปแล้วและเมื่อเห็นว่าหานเซี่ยวผนึกมัน ใบหน้าเขาก็บิดเบี้ยว
เมื่อเห็นสีหน้าศัตรูหานเซี่ยวก็ยิ้มแม้ร่างเขาจะเจ็บปวด
นี่คุ้มค่า!
เนื่องจากภัยคุกคามของคฑาหมื่นเทพต่อให้หนึ่งคนจะยิงได้แค่ครั้งเดียว การมีถึงหกก็หมายความว่าคฑาสามารถยิงได้หกครั้ง หากเขาปล่อยไว้ ฝ่ายเขาจะไม่มีโอกาสโต้กลับ วิธีเดียวคือผนึกคฑาหมื่นเทพของศัตรู
และแกนของแผนนี้ก็คือกาลอวกาศแอมเบอร์ซึ่งสามารถผนึกคฑาหมื่นเทพได้!
สิ่งที่เกิดก่อนหน้าทำให้สถานการณ์สิ้นหวังสำหรับเขาจริงๆเขาแสร้งทำเป็นยอมจำนน นำเอาลูกบาศก์วิวัฒนาการออกมาภายใต้จมูกพวกเขา ก่อนสร้างปัญหา จากนั้น พรรคพวกเขารวมถึงกองทัพจักรกลเขาจะสร้างความวุ่นวาย จากประสบการณ์เขาในชีวิตก่อนหน้า หากกาลอวกาศแอมเบอร์ป้องกันคฑาหมื่นเทพได้ ศัตรูจะต้องเผยจุดบอดเพราะความแปลกใจและตกใจ จากนั้นเขาก็จะใช้แอมเบอร์เพื่อป้องกันศาสนจักรจากการใช้คฑาหมื่นเทพอีกครั้ง
เป็นครั้งแรกกาลอวกาศแอมเบอร์ได้สำแดงพลังอำนาจมันต่อจักรวาล ศัตรูไม่ตระหนักถึงผลของมันและพูดไม่ออก จากนั้นเขาก็ได้รับโอกาสเพื่อคว้าเอาคฑาหมื่นเทพ
เพราะการเชื่อมต่อวิญญาณประสิทธิภาพการสร้างอำพันจึงเร็วขึ้น แถมคฑาก็ไม่ใช่ของใหญ่!
ตอนนี้คฑาหมื่นเทพถูกผนึกในอำพันมันถูกตัดจากพลังงาน พวกเขาไม่อาจเปิดอำพันได้และดังนั้น ศึกนี้ ศัตรูจะไม่มีอาวุธสังหารอีก!
หานเซี่ยวกำหมัดด้วยความตื่นเต้นการปลดอาวุธพิฆาตของศัตรูทำให้พวกเขายังมีโอกาส!
แซ็กแมนคว้าคฑาหมื่นเทพที่ถูกผนึกด้วยอำพันมือเขาเปล่งแสงขณะกดลงบนอำพัน แต่ก็เปล่าประโยชน์ อนุภาคแสงไหลรอบผิวอำพัน เปลี่ยนมันเป็นไข่ทองคำ
อีกห้าไม่นิ่งเฉยและร่วมมือแต่ถึงกระนั้น อำพันก็ยังไม่เป็นอะไร พวกเขาทำได้แค่จ้องมัน
”สิ่งนี้คืออะไร?ทำไมมันถึงทำลายไม่ได้?!”แซ็กแมนจ้องหานเซี่ยวและพึ่งพาคลื่นจิตของไซเคอร์ เขาคำราม”สารเลว แกทำอะไรลงไป?!”
ไม่มีการพูดถึงทักษะเช่นนี้บนข้อมูลของแบล็คสตาร์พวกเขาไม่ได้เตรียมตัว
หานเซี่ยวหัวเราะในใจ
เขาเพิ่งได้รับกาลอวกาศแอมเบอร์ในโลกริบหรี่เขายังไม่เผยมันต่อใคร และดังนั้น ข้อมูลจากจักรวาลจึงล้าหลัง
หานเซี่ยวหัวเราะก่อนพูดด้วยท่าทางเริงร่า”ฉันทำอะไรลงไปงั้นหรอ?คฑาหมื่นเทพนี้คือของล้ำค่าของพวกแกไงฉันเลยเสริมการป้องกันอีกชั้นเพื่อทำให้มันปลอดภัย ไม่ต้องขอบคุณฉัน มันฟรี!พวกแกพอใจกับบริการของฉันไหม?”
น้ำเสียงเขาทำให้แซ็กแมนหงุดหงิดทำให้ไฟในหัวใจเขาลุกโชน
เดิมเขาคิดว่าแบล็คสตาร์และคนอื่นไม่มีทางต่อต้านชัยชนะพวกเขาถูกกำหนดแล้ว แต่พวกเขากลับถูกหลอก!
ต่อให้ใช้ทุกวิธีพวกเขาก็ไม่อาจทำลายอำพันได้ แซ็กแมนกัดฟัน ส่งมันให้นินเจีย
”เก็บมันไว้เราไม่อาจทำลายผนึกของแบล็คสตาร์ได้ แต่อย่างน้อยคฑาหมื่นเทพก็ยังอยู่ในมือเรา เมื่อเรากลับไป เราจะปล่อยให้ศาสนจักรวิจัยมัน”
นินเจียพูดไม่ออก
ศาสนจักรอาร์เคนส่งสมบัติจักรวาลชิ้นนี้เพื่อให้พวกเขารีบฆ่ามิลิซาสแต่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่เขาและแซ็กแมนจะใช้พลังกับการโจมตี สถานการณ์ยังย่ำแย่ พวกเขายังไม่สามารถกำจัดหนึ่งในสามเสาหลักของจักรวรรดิได้!
ไม่ใช่แค่นั้นคฑาหมื่นเทพยังถูกผนึกผ่านวิธีลับ และไพ่ตายพวกเขาก็ใช้งานไม่ได้ชั่วคราว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะจบศึกนี้ก่อนเทพเอสจะมา นี่เหมือนการขโมยไก่แต่ไม่ให้ข้าวมัน!
เมื่อเห็นนินเจียนำคฑาหมื่นเทพไปสีหน้าเย้ยหยันก็ปรากฏบนหน้าหานเซี่ยว เขารู้ว่าคนกลุ่มนี้ต้องคิดว่าคฑาหมื่นเทพแค่ถูกผนึกชั่วคราว พวกเขาคิดจะนำมันกลับเพื่อให้ศาสนจักรหาวิธีทำลายมัน
หึพวกเขายังไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแค่ไหน…
มุมปากเขายกยิ้มกาลอวกาศแอมเบอร์คือเศษเสี้ยวของผู้หยุดกาลอวกาศ และความสามารถมันก็แบ่งมาจากความสามารถเอสเปอร์เขาเอง แต่ทว่า เพราะการล่องลอยผ่านจักรวาล มันจึงดูดซับรังสีจักรวาลแปลกๆ ซึ่งทำให้มันวิวัฒนาการเป็นอวกาศอัศจรรย์
ในการเป็นอวกาศอัศจรรย์นั้นพวกมันต้องไม่อาจระบุได้ด้วยทฤษฏีปัจจุบัน ดังนั้น หากแอมเบอร์สามารถทำลายได้ง่าย มันคงไม่เกิดสงครามของผู้อยู่เหนือเพื่อแย่งชิงสิ่งนี้
ความคิดเหล่านี้เติมเต็มหัวเขาและหานเซี่ยวก็ฉีกยิ้มใส่ศัตรู
เขาได้ผนึกไพ่ตายศัตรูทำให้ศัตรูอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เขาได้โต้กลับสำเร็จและการต่อสู้ก็ไม่มีทางจบลงง่ายๆ
หลายคนปะทะกันกว่านาทีนอกอวกาศเบโยนี่ ออสตินและมิลิซาสรีบตามมา
เมื่อเห็นแผนนี้สำเร็จและหานเซี่ยวก็ผนึกคฑาหมื่นเทพไว้ความชื่นชมก็สามารถเห็นได้ในตาของมิลิซาส
นายพึ่งพาได้มากน้องชาย!
แม้นายอาจเป็นต้นตอของอันตรายทำให้ฉันบาดเจ็บสาหัส แต่นายก็ช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันจะไม่โกรธนายอีก!
ผู้อยู่เหนือสิบคนปะทะกันอย่างรุนแรงความผันผวนพลังงานที่พวกเขาปล่อยมานั้นเหมือนฉากของซูเปอร์โนวานับไม่ถ้วน
”ลงมือเลย!”
แซ็กแมนและคนอื่นไม่อยากล่าช้าและโจมตีหานเซี่ยวอยากคุยไร้สาระต่อและซื้อเวลาเพิ่ม แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ เขาก็ทำอะไรไม่ได้
สิบผู้อยู่เหนือปะทะพร้อมกันเคลื่อนผ่านสนามรบดวงดาวและบดขยี้ยานรบทุกลำตามทาง
…
ในเวลาเดียวกันในเส้นทางดาว ผู้ปกครองเออแรนเรลพลันได้รับข่าวจากทาราคแฟและระเบิดความโกรธเมื่อเธอพบว่าศาสนจักรกำลังโจมตีดาวประภาคาร
”ศาสนจักรอาร์เคนสหพันธ์แห่งแสง…”สีหน้าเออแรนเรลดำมืด
มันไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าศัตรูเก่าทั้งสองของเธอจะต้องสร้างปัญหาให้เธอตอนกำลังสำรวจโลกริบหรี่แต่เธอคิดว่ามันจะหยุดที่ระดับของการเย้าแหย่ ไม่คิดเลยว่าพวกมันจะบุกดาวตรงๆ พยายามฆ่าสามผู้อยู่เหนือของเธอ!
คิดว่าจักรวรรดิคริมสันรังแกได้ง่ายๆหรือไง?!
หากมันแค่การขัดขวางก็ไม่มีอะไรให้พูด แต่ต่อหน้าการต่อสู้ จักรวรรดิไม่เคยกลัว!
เออแรนเรลพลันออกคำสั่งให้ระดมกองทัพจักรวรรดิเธอไม่คิดว่าทางฝั่งดาวประภาคารจะมีโอกาสรอดและดังนั้น เธอจึงเริ่มตรียมการโต้กลับแทน
รูปแบบของจักรวรรดิมักเป็นฟันต่อฟันเลือดต่อเลือด นี่คือประเพณีพวกเขา หากพวกเขาไม่เด็ดขาด ตำแหน่งของพวกเขาไม่มีทางมั่นคง!
ตอนนี้พวกเขาถูกเอาเปรียบหากพวกเขาไม่ทำแบบเดียวกัน คนอื่นก็จะคิดว่าจักรวรรดิแข็งแกร่งแค่ภายนอก แต่ภายในนั้นอ่อนแอ
…
เดิมผู้เล่นกำลังสำรวจด้านนอก แต่เพราะหานเซี่ยวอยู่บนดาวประภาคาร ผู้เล่นส่วนหนึ่งจะไปตรวจสอบ เมื่อการต่อสู้แตกหัก ก็มีผู้เล่นแค่ไม่กี่คนบนดาว และหนึ่งในนั้นก็คือขนมปังสุนัข เขาโพสต์บนฟอรั่มทันที
”งานใหญ่!ดาวประภาคารถูกโจมตีโดยกองกำลังลึกลับ!มีNPCผู้อยู่เหนือสิบคนกำลังสู้กัน!”
วินาทีที่โพสต์ผู้เล่นก็ตกตะลึง
สิบผู้อยู่เหนือพระเจ้า นี่มันงานใหญ่แค่ไหนกัน?!
มันผ่านมาไม่นานเองทำไมถึงมีเหตุการณ์ใหญ่เช่นนี้!
…
บนสนามรบสิบผู้อยู่เหนือปะทะกัน เพราะการมาของออสตินรวมถึงการผนึกของคฑาหมื่นเทพ พลังของศาสนจักรจึงลดไปมาก
”นายมีแผนอื่นไหม?”
มิลิซาสเชื่อในตัวหานเซี่ยวมากและขณะสู้ พวกเขาก็สื่อสารกันด้วยความคิด
”พวกมันมีกันหกและเรายังเสียเปรียบ วัตถุประสงค์เราไม่เปลี่ยน เราทำได้แค่รอกำลังเสริม”
หลังหลบรังสีพลังงานหานเซี่ยวก็ควบคุมอกงทัพเขาให้ยิงกลับใส่แซ็กแมน
”ศัตรูเองก็รู้เรื่องนี้..พวกมันจึงอยากรีบจบการต่อสู้นี้มิลิซาสอาจบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังสู้ได้ ออสตินหดหัวในวังคาถาลับและจะไม่ล้มง่ายๆ สำหรับฉัน ไม่ต้องพูดถึง กายอมตะไม่ใช่แค่ฉายาที่ได้มาเล่นๆ ดังนั้น ศัตรูจะต้องมุ่งเน้นไปที่เบโยนี่ เขาอาจตายเป็นคนแรก”
”…”เบโยนี่
ตรงไปตรงมามาก!
ฉันไม่ชอบพวกแกเลยพวกแกคือโล่เนื้อ ฉันสิคือผู้อยู่เหนือที่แท้จริง!
มิลิซาสพูดไม่ออก”งั้นก็ให้เขาอยู่หลังฉันฉันจะช่วยเขารับการโจมตี มีแผนอื่นอีกไหม?”
”เอาเป็นว่าพวกนายอยู่และฉันหนีเป็นยังไง?”
ทั้งสามมีสีหน้าหน่ายใจแกพูดบ้าอะไร?
”แค่กแค่ก”หานเซี่ยวกระแอมก่อนถอนหายใจ”ฉันทำอะไรไม่ได้มากนัก เราทำได้แค่สู้ เทพเอสกำลังเดินทางมา หากเขามาถึง สถานการณ์คงไม่สู้ดี..”
ทุกคนเงียบไปเมื่อคิดว่ายังมีเทพเอส ทุกคนก็อารมณ์ดำดิ่ง
วินาทีนี้หานเซี่ยวพลันตัดสินใจ”ทุกคน ฉันมีคำขอ ช่วยคุ้มครองฉันห้านาที ฉันจะถอนตัวจากการต่อสู้นี้ห้านาที”
”นายจะทำอะไร?”มิลิซาสถาม
”ฉันมีความสามารถที่จะเพิ่มพลังฉันแต่ในช่วงการเตรียมการนี้ ฉันไม่อาจถูกรบกวนได้ ฉันต้องให้พวกนายรั้งไว้ห้านาที”
แกบอกว่าสถานการณ์ย่ำแย่แต่ก็เลือกถอนตัว?แถม ความสามารถแบบไหนกันที่ต้องให้ผู้อยู่เหนือเตรียมตัวห้านาที?
”นายจะเพิ่มพลังได้มากแค่ไหน?”ออสตินพลันถาม
”มันควรมากพอสมควร”หานเซี่ยวไม่รู้ชี้ชัด
”แน่ใจนะ?”มิลิซาสพูด”ต่อให้นายทำแบบนี้นายก็จะไม่ทรงพลังเกินไป พลังนายจะต้องต่ำกว่าฉันอยู่ดี และนี่จะไม่ส่งผลต่อภาพรวม โดยปราศจากพลังของนายห้านาที เราจะตกอยู่ในอันตราย นายเองก็รู้ว่าเทพเอสยังมาไม่ถึง และเราก็ไม่อาจบาดเจ็บสาหัสได้..”
”มันเพราะเทพเอสยังมาไม่ถึงนั่นทำให้ฉันเลือกใช้เวลานี้!หากเรารอให้เทพเอสมาถึง ห้านาทีจะยิ่งอันตราย ก่อนเขามาถึง ฉันจะเพิ่มพลังฉันและดูว่าจะมอบโอกาสให้เราได้ไหม”หานเซี่ยวกัดฟัน
นี่คือหนึ่งในเหตุผลเหตุผลที่พูดไม่ได้คือการเลื่อนขั้นนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ!
ไม่ใช่แค่มันจะเป็นการเลื่อนขั้นสายอาชีพเขายังมีโอกาสวิวัฒนาการเผ่าพันธ์ ซึ่งจะนำความสามารถใหม่ให้เขา!แถม ตราบเท่าที่เขาทำลายขอบเขตนี้ เขาจะสามารถเลื่อนระดับต่อได้
การพัฒนาเขาต้องไม่ใช่เล็กๆ!
ครั้งนี้ออสตินพยักหน้า”ดี งั้นนายเข้าวังคาถาลับฉันไป ฉันจะคุ้มครองนายห้านาที”
”นายทำได้?”
หานเซี่ยวพูดด้วยเสียงไม่มั่นใจไม่นานมานี้ ออสตินยังคิดหนี ตอนนี้คฑาหมื่นเทพถูกผนึกโดยหานเซี่ยวและไม่มีอะไรอันตรายสำหรับเขาอีก ทำไมเขาถึงไม่เลือกหนี?คนอยากเขากลับอาสาสมัครในภารกิจอันตราย?
หรือว่าความสัมพันธ์พวกเขาจะแน่นแฟ้นกันมาก?หรือเฒ่าทารกนี่เชื่อใจได้จริงๆ?
ราวกับอ่านความคิดหานเซี่ยวออกออสตินเผยรอยยิ้ม
”วินาทีที่นายผนึกคฑาหมื่นเทพฉันก็คิดว่าการเก็บชีวิตนายไว้อาจเป็นเรื่องดี”
หานเซี่ยวหยุดคิดสักพัก”หากฉันรอด งั้นฉันจะให้ก้อนอำพันกับนายเล็กน้อย..ฉันใช้มันก่อนหน้าเพื่อผนึกคฑาหมื่นเทพ”
”ฉันกำลังรอสิ่งนั้นอยู่!”
ออสตินระเบิดหัวเราะแม้เขาจะอยากดูสง่างาม เสียงหัวเราะก็ทำให้เขาดูเหมือนเด็กกว่าผู้ใหญ่
เขาถูกดึงดูดโดยกาลอวกาศแอมเบอร์และอยากวิจัยมันแต่นั่นไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด
คฑาหมื่นเทพถูกผนึกสถานการณ์ชัดเจน หากเขาอยู่ พวกเขายังสู้ได้ แต่หากเขาหนี พลังของทางฝั่งจักรวรรดิจะขาด และคนอื่นจะแพ้
ในเมื่อเขาได้ก้าวเท้ามาเอี่ยวแล้วหากเขาหนีไปกลางทาง เขาต้องตอแยทั้งศาสนจักรอาร์เคนและจักรวรรดิคริมสัน แต่ทว่า หากเขาเลือกอยู่และช่วยแบล็คสตาร์ เขาจะตอแยแค่ข้างเดียว ปัจจัยสำคัญคือออสตินอยากให้หานเซี่ยวมีชีวิตต่อ เขาพบว่าแบล็คสตาร์นั้นน่าจะทำให้เขาแปลกใจได้เรื่อยๆ
”แค่ห้านาทีไม่ใช่หรอ?”ดวงตาออสตินเป็นประกาย”ฉันไม่ได้อ่อนแอจนไม่อาจถ่วงเวลาได้หรอกน!”
หานเซี่ยวเปิดกล่องกองทัพมิติที่สองเขาและรวมทัพทั้งหมดหลังจากนั้น เขาก็บินไปทางวังคาถาลับ
โดยไม่ต้องพูดหานเซี่ยวเข้าวังไป อัญเชิญกองทัพจักรกลก่อนผนึกตัวเองในอำพัน ตั้งแต่ได้รับกาลอวกาศแอมเบอร์ เขาก็ทำการทดลองมากมาย ซึ่งรวมถึงการผนึกตัวเอง
สถานะเขาจะปรากฏเป็น[ถูกหยุด]และเขายังสามารถคิดและสัมผัสโลกภายนอกได้ แต่ไม่อาจสื่อสารหรือติดต่อเครือข่ายควอนตัมได้เลย
ฟิลลิปทำตามคำสั่งหานเซี่ยวและควบคุมกองทัพล้อมหานเซี่ยวไว้
เขาผนึกตัวเองก็เพื่อรับประกันว่าจะไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางเขา
ด้วยสามคนที่ถูกทิ้งไว้ให้รับมือแรงกดดันจึงเพิ่ม
เมื่อเห็นว่าหานเซี่ยวหยุดโจมตีแซ็กแมนและคนอื่นก็ไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนทำอะไร แต่ด้วยคฑาหมื่นเทพเป็นตัวอย่าง พวกเขาจึงไม่คิดปล่อยให้หานเซี่ยวทำอะไรอีก ดังนั้นจึงระดมโจมตีใส่วังคาถาลับ
ภายใต้การโจมตีม่านพลังของวังคาถาลับแตกทีละชั้นในเวลาแค่สามนาที
ทั่ววังสั่นไม่หยุดมีรอยแตกทุกประเภทและคุณสมบัติมากมายก็ถูกทำลาย
ออสตินคอยควบคุมจอมเวทย์ต้องห้ามเพื่อซ่อมวงเวทย์แต่อัตราการซ่อมก็ยังต่ำกว่าการทำลาย เหนือสิ่งอื่นใด จำนวนศัตรูมากกว่าพวกเขาสองเท่า และทางด้านพวกเขา บาดแผลของมิลิซาสยังเพิ่มไม่หยุด
สถานการณ์ยิ่งอันตรายแต่ทั้งสามก็ทุ่มสุดตัว ลากถ่วงให้ได้มากที่สุด
วังคาถาลับของออสตินมั่นคงมากแม้ความทนทานมันจะลดไม่หยุด มันก็ยังขวางการโจมตีทั้งหมดของศัตรูได้
…
อีกด้านกองยานของจักรวรรดิคริมสันและศาสนจักรอาร์เคนยังสู้กันดุเดือด ลำแสงพลังงานสูงยิงใส่กันอย่างรวดเร็ว
ทาราคอฟควบคุมการบัญชาการเองและก็ต่อต้านการรุกรานของศาสนจักรได้ดี
จำนวนของศาสนจักรเหนือกว่าพวกเขาหลายเท่าและเตาพลังงานมืดพวกเขาก็ขยายและควบแน่นราวกับมันกำลังหายใจ ปล่อยลำแสงสีแดงของพลังงานมืดเพื่อทำลายม่านพลังของจักรวรรดิ
ยานหลักโมเดลผีเสื้อพวกเขาได้รวมร่างแล้วและ’ปีกผีเสื้อ’ร้อยคู่ก็กางออก เปล่งแสงเจิดจ้าประดุจดวงอาทิตย์ ที่ขอบของแต่ละปีก แสงสีแดงจางๆปล่อยออกมาและชุดดาบแสงก็ยิงออกมาไม่หยุด คล้ายกับการฟัน หากมองดีๆ ขอบของปีกเต็มไปด้วยปืนใหญ่และพวกมันก็ยิงพร้อมกัน เหมือนดาบแสง
ยานหลักของจักรวรรดิโต้ตอบมันดูเหมือนจะสามารถฉีกจักรวาลได้ด้วยลำแสงพลังงาน สามอารยธรรมจักรวาลล้วนมียานรบสงครามต่างกัน และของจักรวรรดิก็มีชื่อเสียงสุดในด้านพลังยิงและเกราะ!
”ต้องใช้เวลานานแค่ไหนก่อนกองทัพภายนอกจะกลับมา?”ทาราคอฟถาม
”กลุ่มแรกควรกลับมาในเวลาประมาณสี่นาทีครับ”รองผู้บัญชาการตอบ
ทาราคอฟพยักหน้าด้วยดาวประภาคารเป็นฐาน เขาตัดสินใจเรียกทัพด้านนอกทั้งหมดกลับ ซึ่งจะมอบยานรบให้พวกเขาอีกสามล้านลำ ด้วยการสนับสนุนนี้ จำนวนพวกเขาจะสูสีกับศาสนจักรและลดแรงกดดันได้
หากไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนนำกองยานเพื่อต้านทานศาสนจักรพวกเขาคงไม่มีโอกาสรอกำลังเสริม เขาไม่มีเวลาไปสนใจการต่อสู้ของผู้อยู่เหนือและทำได้แค่ภาวนาขอให้แบล็คสตาร์ไม่แพ้เร็วเกินไป
”กองทัพของผู้ร่วงหล่นอยู่ไหน?”
”ผู้บัญชาการกองยานที่เราส่งไปยังพัวพันกับกองยานผู้ร่วงหล่นครับ คาดว่าอีกยี่สิบกว่านาทีก่อนพวกเขาจะเข้ามาได้”
ทาราคอฟพยักหน้าแต่ทันใดนั้นเสียงเตือนก็ดังจากเรดาห์
”คำเตือน!ตรวจพบแหล่งพลังงานสูง!กำลังทำการเทียบด้วยฐานข้อมูล..การเทียบสำเร็จตัวตนเป้าหมาย : เทพเอส!”
ทาราคอฟดีดตัวด้านนอกสนามรบ เงาร่างคล้ายมนุษย์ปรากฏ ลอยในจักรวาลกว้าง
เทพเอส!
”ไหนบอกว่า20นาที?ทำไมเขา…”ทาราคอฟกำลังจะตะโกนแต่ก็ตระหนักว่าเทพเอสเผยตัวเพียงลำพัง และเขาก็เข้าใจทันที
ชายคนนี้ละทิ้งทัพเขาและมาสนามรบล่วงหน้า!
…
เทพเอสมองรอบๆสายตาเขาจับจ้องสนามรบของผู้อยู่เหนือ
เขาไม่พอใจกับความเร็วกองยานเขาและตัดสินใจแยกตัวใช้ความสามารถเอสเปอร์เขาเพื่อข้ามระยะทางไกล เคลื่อนย้ายมาดาวประภาคารตรงๆ
หลังกวาดตามองทั่วสนามรบเทพเอสก็พลันหรี่ตาแคบ
แบล็คสตาร์ไปไหน?!
ตอนที่ 850 กุญแจสู่ชัยชนะ
วินาทีต่อมาเทพเอสก็ย้ายเข้าสู่สนามรบของสิบผู้อยู่เหนือ ทันทีที่เขาปรากฏ สีหน้าทุกคนก็เปลี่ยนไป
ฝั่งของมิลิซาสรู้สึกกดดันขึ้นมากเทพเอสมาถึงเร็วเกินไป มันยังไม่ถึงห้านาทีเลย
ผู้อยู่เหนือของศาสนจักรยังตื่นตัวยกเว้นไซเคอร์ที่ระเบิดใส่วังคาถาลับด้วยพลังจิตเขา ดวงตาทั้งเจ็ดของเขาเปิดกว้าง เขาตกตะลึง
”ทำไมแกถึงมาที่นี่?!”
เนื่องจากความเกลียดจากเหตุการณ์บนดาวอวิตานศาสนจักรอาร์เคนจึงซ่อนการมีส่วนร่วมของเทพเอสไว้จากเขา เมื่อเห็นว่าศัตรูเขาปรากฏ ไซเคอร์จึงโกรธ
เทพเอสหันมามองเขาและยิ้มซึ่งเทียบเท่ากับการยั่วยุในสายตาไซเคอร์
”ใจเย็น”แซ็กแมนกล่าว”เทพเอสคือพันธมิตรชั่วคราวของเรา”
ไซเคอร์ตกใจน้ำเสียงเขากลายเป็นเย็นชา”งั้น พวกแกก็รู้เรื่องนี้กันอยู่แล้วสินะ?”
อีกห้าคนเงียบนี่คือคำสั่งจากศาสนจักร แต่มันก็ไม่ควรจะปิดบังจากเพื่อนพวกเขาจริงๆ
”ดีแลนนายเองก็รู้เรื่องนี้ด้วยงั้นหรอ?”
”ขอโทษฉันเพิ่งรู้ก่อนออกเดินทาง..”
ดีแลนไม่อยากเจอคำถามจากเพื่อนสนิทเขาดังนั้นเขาจึงระบายความไม่พอใจลงการโจมตี เขาหุบฝ่ามือและเล็งวังคาถาลับ กระแสน้ำไหลรอบแขนเขา เปลี่ยนเป็นลำแสงพลังงานสูงภายใต้ผลของความสามารถเอสเปอร์เขาและยิงใส่วังคาถาลับ
”ไซเคอร์”แซ็กแมนกล่าว”ภารกิจสำคัญกว่า”
ไซเคอร์ตัดสินใจไม่มองเทพเอสและจดจ่อกับการโจมตี
ระหว่างต่อสู้ไม่มีเวลาให้ถามหาการล้างแค้นเขาต้องคิดถึงเผ่าพันธ์เขา ดังนั้นเขาจึงไม่อาจยุ่งกับแผนของศาสนจักรได้ในเวลานี้ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากฝืนทนมัน
เมื่อเห็นแบบนี้เทพเอสก็ละสายตาจากไซเคอร์ ความจริงก็คือ แม้ไซเคอร์จะเป็นคนสำคัญในจักรวาล เขาก็ไม่มีค่าอะไรในสายตาเขา ผู้อยู่เหนือที่เขาฆ่าในอดีตล้วนไม่ได้อ่อนแอไปกว่าไซเคอร์
ท่ามกลางผู้อยู่เหนือทั้งหมดที่นี่มีเพียงมิลิซาสและแซ็กแมนที่คู่ควรในสายตาเขา สำหรับออสติน เขาแค่เคยได้ยินชื่อแต่ไม่เคยติดต่อด้วย
มิลิซาสคือคนเดียวที่เคยฆ่าผู้อยู่เหนือเหมือนเขาเทพเอสสู้กับมังกรเฒ่านี้มาหลายครั้งและรู้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ดังนั้น เมื่อเขาเห็นบาดแผลของมิลิซาส เขาถึงตกใจ
”บาดแผลนั้นมาจากการโจมตีเดียวศาสนจักรต้องใช้อาวุธพิเศษแน่ ไม่งั้นเขาคงไม่บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้”เทพเอสหรี่ตาและเพิ่มความระวังต่อศาสนจักรอาร์เคน
แต่ทว่าตอนนี้ เขายังอยู่ข้างเดียวกับศาสนจักร เขาสังเกตสนามรบและไม่อาจหาแบล็คสตาร์เจอ ด้วยความสับสน เขาติดต่อแซ็กแมนและถาม”แบล็คสตาร์อยู่ไหน?”
แซ็กแมนยิงคลื่นแสงสีทองเจาะการป้องกันเวทย์ของมิลิซาสและระเบิดบนหลังเขาฉีกเนื้อและเกล็ดส่วนหนึ่งของเขา จากนั้นก็ตอบ”แบล็คสตาร์ออกการต่อสู้และซ่อนในวังคาถาลับ ไม่รู้ว่าเขาคิดทำอะไร”
”เขากำลังซ่อน?”เทพเอสหยุดและถาม”ลูกบาศก์วิวัฒนาการอยู่กับเขาแน่นะ?”
”ใช่เขานำมันออกมาใช้ก่อนหน้านี้”
”ดี”เทพเอสพยักหน้าวินาทีต่อมา เขาก็ปรากฏเหนือวังคาถาลับและก้าวไปบนผิวของคาถาป้องกัน กระแสเวทย์จากคาถาไม่ส่งผลต่อเขาเลย
ออสตินที่นั่งบนวังคาถาลับแหงนมองและเห็นเทพเอสทั้งสองแยกกันด้วยชั้นป้องกันหนา
ดวงตาออสตินเปลี่ยนไปเขาอ้าแขนและหนังสือเวทย์นับสิบรอบเขาก็เริ่มพลิกหน้ามัน
หวือ!
เมื่อหน้าหนังสือเหล่านั้นพลิกอักษรเวทย์หลากสีก็ปรากฏจากภายในและตกใส่วังคาถาลับ จากนั้นพวกมันก็ย้ายไปยังแกนควบคุมของวัง
วินาทีต่อมาวงเวทย์ใต้เท้าเทพเอสก็เปลี่ยนสี พลังเวทย์เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดและคลื่นเวทย์ก็ยิงจากด้านล่างเทพเอสเหมือนน้ำพุและกลืนกินเขา
ขณะที่ออสตินกำลังแหงนมองดูผลลัพธ์เสียงคนแปลกหน้าก็ดังขึ้นหลังหูเขา
”เมกัสออสติน ไม่เลวเลย”
เทพเอสพลันปรากฏขึ้นด้านหลังเขาใช้การสะท้อนพลังงาน ร่างพลาสม่า แยกมิติและการเคลื่อนย้ายติดกัน เขาแหวกผ่านชั้นป้องกันของวังคาถาลับตรงๆ ซึ่งเป็นอะไรที่หกผู้อยู่เหนือของศาสนจักรพยายามทำลายอยู่นาน!พลังของเทพเอสไม่ได้มาจากพลังเขาล้วนๆ สิ่งที่น่ากลัวสุดคือความสามารถเอสเปอร์แสนหลากหลายที่เขามี
”บ้าจริง!”ออสตินตกใจแม้จะมีมาตรการป้องกันมากมายภายในวังคาถาลับ พวกมันก็ไม่แกร่งเท่ากับชั้นป้องกันภายนอก ตอนนี้เทพเอสหลุดเข้ามา เขาจึงไม่อาจหยุดเขาจากการทำลายวังคาถาลับจากภายในได้!
บูม!
คาถาป้องกันของออสตินถูกทำลายโดยลูกเตะของเทพเอสที่เสริมพลังด้วย[ความสามารถเอสเปอร์- เขวี้ยงดาว] และร่างเล็กๆของออสตินก็ถูกระเบิดออกไปเหมือนปืนใหญ่
จอมเวทย์ชุดคลุมแดงรอบออสตินรีบร่ายคาถาพยายามหยุดเทพเอส แต่ทว่า วินาทีต่อมา ร่างพวกเขาก็เริ่มสั่นและเปลี่ยนเป็นฝุ่น
เมื่อเห็นวิธีแปลกๆที่เพื่อนพวกเขาตายจอมเวทย์ที่อยู่ไกลออกไปก็ตกตะลึง พวกเขารีบถอยหนีด้วยความตื่นตระหนกและไม่กล้าเข้าใกล้เทพเอส
เทพเอสลดมือและดูพอใจความสามารถเอสเปอร์ที่เขาใช้มาจากเอ็มเบอร์ มันคือความสามารถเอสเปอร์วงกว้างขั้นเทพเมื่อใช้กับเป้าหมายที่อ่อนแอกว่าเขา
จากนั้นเทพเอสก็ใช้ความสามารถเอสเปอร์สัมผัสและตรวจสอบทั้งวังคาถาลับ
ด้วยความตกใจเขาไม่สัมผัสถึงพลังงานของหานเซี่ยวเลย สัมผัสเขาถูกขวางด้วยกาลอวกาศแอมเบอร์
นี่ทำให้เขาขมวดคิ้ว
”เขาไปไหน…หืม?”
ออสตินปรับสมดุลได้เขาไม่มีทางแพ้ง่ายๆ เมื่อจำได้ว่าภารกิจเขาคือการถ่วงเวลา เขาก็รีบกลับมาขัดขวางเทพเอส
ปังปัง ปัง!
ทั้งสองสู้กันภายในวังคาถาลับและผลกระทบก็ทำให้สิ่งก่อสร้างรอบๆพวกเขาพัง
แม้ออสตินจะไม่ใช่คู่มือของเทพเอสเขาก็สามารถถ่วงเวลาได้ แต่ทว่า บาดแผลบนตัวเขาก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆและเขาก็ไม่มีเวลาควบคุมวังคาถาลับ
โดยปราศจากการควบคุมของออสตินการตอบสนองของวังคาถาลับจึงช้าและเจอกับการโจมตีมากขึ้น แม้จอมเวทย์ชุดคลุมแดงที่รอดชีวิตจะพยายามควบคุมมันสุดความสามารถ พวกเขาก็ไม่มีโอกาสอะไรมากต่อหน้าผู้อยู่เหนือ
บูม!
วงเวทย์ป้องกันแตกทีละชั้นและในที่สุดก็มาถึงขีดจำกัดมันแตกเป็นเสี่ยงๆ รูใหญ่ปรากฏบนชั้นป้องกันของวังคาถาลับและปล่อยแรงดูดรุนแรง พื้นที่ภายในของวังคาถาลับเป็นพื้นที่ปิดผนึก และอากาศภายในก็ถูกดูดออก
”ในที่สุด!”
แซ็กแมนรีบรุดหน้าไปกังวลว่าเทพเอสอาจชิงลูกบาศก์วิวัฒนาการไปก่อนเขา
ครั้งนี้ก่อนทุกคนจะได้สังเกตสถานการณ์ คลื่นพลังงานคุ้นเคยก็พุ่งออกจากภายในวังคาถาลับ!
หอคอยภายในวังคาถาลับพลันระเบิดชายคนหนึ่งกระโจนออกมา และหมัดเขาก็ขยายอย่างรวดเร็วในสายตาของเทพเอส!
ปัง!
หมัดกระแทกใส่แขนของเทพเอสผลกระทบรุนแรงเจาะร่างเขาและสร้างปืนใหญ่อากาศด้านหลังเขา ซึ่งระเบิดชั้นป้องกันภายใน สร้างเป็นพายุรุนแรง
ชายคนนี้คือหานเซี่ยวขณะที่หมัดเขากดลงบนแขนเทพเอส พลังงานพวกเขาก็บดขยี้กันหลายครั้ง
เมื่อรู้สึกถึงพลังมหาศาลจากแขนเขาคิ้วของเทพเอสก็เลิกขึ้น
”เทียบกับครั้งก่อนที่เราสู้กันแกแข็งแกร่งขึ้นมาก”
ครั้งก่อนที่เขาสู้กับแบล็คสตาร์ในกาแล็กซี่กลางเขาเหนือกว่ามาก แต่ทว่า ระดับพลังงานที่แบล็คสตาร์แสดงตอนนี้ทำให้เขาตกใจ การพัฒนาของแบล็คสตาร์ชัดเจนเกินไป
สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือครั้งแรกที่พวกเขาสู้กัน หานเซี่ยวมีระดับแค่240 และเพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับผู้อยู่เหนือ ตอนนี้ หานเซี่ยวมีระดับ260และแกร่งขึ้นมาก
แต่ทว่าเขาทำภารกิจยกระดับสำเร็จแล้วในตอนนี้และสามารถรับรางวัลได้ทุกเมื่อ!
”เกือบไป”
ขณะปะทะกับเทพเอสเขาก็รู้สึกโล่งใจ การมาของเทพเอสทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้นมาก แต่โชคดี เขาใช้เวลาสังเกตสถานการณ์สักพักและจากนั้นก็ถูกถ่วงโดยออสติน เพราะเหตุนั้น เขาจึงสามารถออกจากการต่อสู้ได้ครบห้านาที
ด้วยระยะประชิดนี้หานเซี่ยวลังเลและไตร่ตรองว่าควรใช้[บัตรอัญเชิญตัวละครเทพเอส-ผนึกเอสเปอร์]ไหม
แม้เขาจะสามารถยกระดับได้ทุกเมื่อความแตกต่างระหว่างเขากับเทพเอสก็ยังมี ผลของผนึกเอสเปอร์ต้องพึ่งพา ระดับ พลังงาน และโชค หากระยะเวลาสั้นเกิน ความเสียหายที่เขาสามารถทำกับเทพเอสได้ก็จำกัด
หกผู้อยู่เหนือของศาสนจักรไม่ใช่หุ่นไล่กาแม้เทพเอสและศาสนจักรจะระวังต่อกัน แซ็กแมนและคนอื่นก็ไม่ได้ขาดสติจนจะยืนดูผู้ช่วยพวกเขาบาดเจ็บ พวกเขาต้องปกป้องเทพเอสต่อให้พวกเขาไม่เต็มใจ ในสถานการณ์นี้ การใช้บัตรอัญเชิญตัวละครนี้จะแค่เสียเปล่า
เมื่อรู้แบบนั้นหานเซี่ยวก็เปิดกล่องกองทัพมิติที่สองเขาอีกครั้งและปล่อยกองทัพจักรกลเขา
พลังจักรกลเขาไหลออกมาเหมือนสายฟ้าเพื่อเสริมพลังให้กองทัพจากนั้นหานเซี่ยวก็เปิดหน้าต่างสถานะโดยตรงขณะยังสู้กับเทพเอส
ยกระดับ!
ภารกิจยกระดับ260สำเร็จ!
+45โบนัสความทนทาน!
1ความทนทาน= 355พลังชีวิต = 365ความแข็งแกร่ง
ในชั่วพริบตาเซลล์เขาผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ พลังมหาศาลระเบิดในตัวเขาและกระตุ้นทุกเส้นประสาท
การยกระดับทุกครั้งต้องใช้เวลาโชคดี หานเซี่ยวชินกับความเจ็บปวดเช่นนี้แล้ว นอกจากนี้ ในฐานะช่างกล เวลาส่วนใหญ่เขาก็พึ่งพาแต่จักรกลเพื่อต่อสู้ ดังนั้นเขาจึงทนมันได้
สัมผัสเฉียบแหลมของเทพเอสสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของหานเซี่ยวและรูม่านตาเขาก็หดลง
พลังงานของชายคนนี้กำลังเพิ่มขึ้นในช่วงต่อสู้?!
ผู้อยู่เหนือคนอื่นสังเกตเห็นสถานการณ์แปลกๆและตกใจสุดขีดพวกเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อสถานการณ์นี้ นี่คือการยกระดับชีวิต!
”นี่คือสิ่งที่เขาหมายถึง?”
ออสตินตกตะลึงเขาไม่คิดว่าหานเซี่ยวจะหมายถึงการยกระดับชีวิตเมื่อเขาบอกว่าเขาสามารถเพิ่มพลังได้
ผู้อยู่เหนือทุกคนล้วนประสบกับการยกระดับชีวิตหลายครั้งในช่วงชีวิตแต่กระบวนการนั้นช้ามาก บางคนต้องใช้เวลานับสิบปี แต่ทว่า การยกระดับชีวิตท่ามกลางการต่อสู้และการบีบอัดกระบวนการวิวัฒนาการหลายปีในช่วงเวลาอันสั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต!
”หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่ทำให้แบล็คสตาร์เป็นผู้อยู่เหนือที่อายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์?นี่คือพรสวรรค์พิเศษของเขา?”
พวกเขาพากันคาดเดา
การแจ้งเตือนเด้งขึ้นหานเซี่ยวรีบเลือกตัวเลือกของการวิวัฒนาการเผ่าพันธ์และบางพรสวรรค์ลงในเผ่าแบล็คสตาร์
เขาทำได้แค่รีบตรวจสอบพรสวรรค์และความสามารถใหม่ในช่วงต่อสู้เขาต้องแบ่งสมาธิไปสะกดความเจ็บปวดและไม่มีสมาธิไปให้ส่วนอื่นอีก
พลังของกองทัพจักรกลหานเซี่ยวเพิ่มขึ้นทันตาเห็นแรงกดดันที่เขาแบกรับน้อยลง เขารู้สึกกังวลน้อยลง
หานเซี่ยวไม่คิดหวังพลิกสถานการณ์ด้วยแค่การยกระดับพลังของเขาตอนนี้มันคือการต่อสู้สี่ต่อเจ็ด
เขาอยากทำการยกระดับพลังเพื่อให้ข้างพวกเขาถ่วงเวลาได้นานขึ้นด้วยความแตกต่างพลังที่ลดน้อยลง หากศัตรูไม่แสดงข้อบกพร่อง มันย่อมไม่มีทางที่จะฆ่าศัตรูได้
หานเซี่ยวรู้เรื่องนี้ดีและไม่สูญเสียสติเพียงเพราะการเพิ่มขึ้นของพลังความอวดดีไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรมเขา
ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ไม่มีเวลาให้ขบคิดมากนัก
วังคาถาลับของออสตินเสียหายหนักและมิลิซาสก็อยู่ในสภาพย่ำแย่เมื่อหานเซี่ยวกลับสนามรบ เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเป็นตัวชนและคุ้มกันเพื่อนร่วมทีมเขา
การยกระดับทำให้เขาแกร่งขึ้นมากร่วมกับบัตรอัญเชิญตัวละครออโรร่าที่เขาเก็บไว้หลายปี หานเซี่ยวสามารถรับการโจมตีศัตรูได้ถึงครึ่ง
แม้สถานการณ์จะเสียเปรียบพวกเขาก็ยังถ่วงเวลาได้
…
เทียบกับสนามรบหลักสนามรบระหว่างผู้อยู่เหนือดูเล็กจ้อย ขณะพวกเขากำลังสู้กัน สถานการณ์บนสนามรบหลักก็เปลี่ยนไปด้วย กองยานภายนอกดาวประภาคารกลับมาและสถานการณ์ก็มั่นคง
แต่ทว่าด้วยการเข้ามาของกองยานผู้ร่วงหล่น กองยานของทาราคอฟจึงถูกล้อม และพวกเขาก็เป็นฝ่ายรับอีกครั้ง
กองยานของดาวประภาคารค่อยๆถูกทำลายด้วยสีหน้าดำมืด ทาราอฟไม่เคยละสายตาออกจากแผนที่สนามรบ เขาออกคำสั่งไม่หยุด ทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อชะลอการตายของกองทัพเขา
เขาละสายตาไปมองสถานการณ์ของเหล่าผู้อยู่เหนือนั่นทำให้เขาโล่งใจ โชคดี แบล็คสตาร์และคนอื่นกำลังรั้งผู้อยู่เหนือศัตรูไว้ ไม่งั้นสถานการณ์คงแย่กว่านี้
แม้ความจริงที่การต่อสู้ระหว่างผู้อยู่เหนือจะเป็นจุดสนใจของศัตรูและมีโอกาสสูงที่จะแพ้พวกเขาก็ยังรั้งไว้ได้ แม้ทาราคอฟจะไม่ใช่ผู้อยู่เหนือ เขาก็จินตนาการได้ว่าพวกแบล็คสตาร์แบกรับแรงกดดันมากแค่ไหน
ทาราคอฟกัดฟันและตะโกน”กำลังเสริมอยู่ไหน?เมื่อไรพวกเขาจะมาถึงทางเข้าประตูดาว?”
รองผู้บัญชาการรีบดูข้อความ”ผู้บัญชาการครับกำลังเสริมที่ส่งมาโดยสองฐานที่ใกล้สุดมาถึงทางเข้าประตูดาวแล้วครับ กำลังเสริมบานชายแดนของการู รีนอลท์ และมงกุฏรวมกันแล้วมียานรบกว่าสามล้านลำ แถม ท่านแม็กซิมิเลอร์ ฮีเบอร์และเรเวนลูดก็เกือบถึงตำแหน่งแล้วครับ!”
ในที่สุดกำลังเสริมก็มาถึง!
ดวงตาทาราคอฟเป็นประกาย”ทีมวิศวประกอบประตูดาวเดี๋ยวนี้!เปิดช่องทางและให้กำลังเสริมเข้ามา!”
กองยานจักรวรรดิเปลี่ยนขบวนรบทันทีใช้กองยานเป็นแนวป้องกันเพื่อประกอบประตูดาวพกพาตรงกลางขบวนรบ
ผู้บัญชาการของศาสนจักรเห็นและไม่ยินดีการต่อต้านของกองยานจักรวรรดิแข็งแกร่งกว่าที่คาด ภายใต้การบัญชาการของทาราคอฟ ผู้บัญชาการมากประสบการณ์ กองทัพป้องกันของดาวประภาคารแข็งมากและโต้กลับครั้งแล้วครั้งเล่า หลายครั้ง ศาสนจักรคิดว่ากองยานของจักรวรรดิกำลังจะล่ม แต่ก็ยังอยู่
สถานการณ์เหมือนกับสนามรบของผู้อยู่เหนือสี่ผู้อยู่เหนือของจักรวรรดิจัดการได้ยากมาก
เขาพลันติดต่อแซ็กแมน”เราไม่อาจปล่อยให้กองยานจักรวรรดิประกอบประตูดาวได้พวกคุณต้องยับยั้งศัตรูไว้และส่งหนึ่งหรือสองคนมาทำลายประตูดาวพวกเขา!”
แซ็กแมนมองแบล็คสตาร์ผู้ยังมีชีวิตแม้จะรับการโจมตีมากมาย อย่างไม่เต็มใจ เขากัดฟันและตัดสินใจ
“เมอเซอร์นายและดีแลนไปทำลายประตูดาวของจักรวรรดิ คนอื่นจะอยู่เพื่อยับยั้งพวกมันสี่คน!”
สองจอมเวทย์ต้องจัดการกับวังคาถาลับและไม่อาจแยกได้ไซเคอร์มีสัมผัสต่อลูกบาศก์วิวัฒนาการและต้องอยู่ แซ็กแมนต้องอยู่เพื่อยับยั้งมิลิซาสกับเทพเอส ดังนั้น เขาจึงทำได้แค่ส่งเมอเซอร์กับดีแลนไป
เดิมแซ็กแมนอยากรีบกำจัดทั้งสามแต่ออสตินกลับปรากฏและแม้กระทั่งคฑาหมื่นเทพก็ยังโดนผนึก ตอนนี้ เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างรวดเร็วอีก
เนื่องจากการต่อสู้ไม่มีทางจบลงอย่างรวดเร็วการทำลายประตูดาวของจักรวรรดิจึงสำคัญกว่า
เมอเซอร์และดีแลนพยักหน้าและออกสนามรบทันที
ด้วยสองคนที่ออกไปแรงกดดันของพวกหานเซี่ยวจึงน้อยลง แต่ทว่า พวกเขาก็ไม่ได้โล่งใจ เพียงกำลังเสริมมาถึงพวกเขาถึงปลอดภัยแน่ พวกเขาไม่อาจปล่อยให้ศัตรูทำลายประตูดาวได้
“นี่คือกุญแจสู่ชัยชนะ..”
ความคิดนี้ปรากฏในหัวทุกคน
พลังงานของหานเซี่ยวปะทะกับเทพเอสชุดจักรกลเขาแตกและเขาก็รีบสวมชุดสำรองอันที่เจ็ด จากนั้นก็หันไปมองเมอเซอร์กับดีแลน ผู้กำลังออกสนามรบ และความคิดหนึ่งก็พุ่งผ่านหัวเขา
“ในที่สุดก็มีคนแยกออกไป!”