The Legendary Mechanic - ตอนที่ 867-768
ตอนที่ 867 ข่ม
แผนบรรลุผลจักรวรรดิแยกทัพเป็นสามส่วน มิลิซาสและกลุ่มเขาจะนำเชลยกลับ ทาราคอฟจะยังอยู่เพื่อบัญชาการกองยาน และหานเซี่ยวกับฮีเบอร์จะไปกดดันเผ่าเนตรม่วง
เมื่อเห็นกองยานจักรวรรดิออกไปหานเซี่ยวก็หันไปมองฮีเบอร์บนจอเสมือนของยานและยิ้ม
”เรากำลังจะจับมือกันอีกครั้งเมื่อเราไปถึงเผ่าเนตรม่วง หวังว่านายจะทำตัวสมชื่อและเผด็จการนะ”
”ฮึ่ม”
หน้าจอเสมือนมืดสนิทขณะที่ฮีเบอร์ตัดการเชื่อมต่อจากหน้าต่าง ใครก็สามารถเห็นกองทัพแดนหลั่งเลือดเปลี่ยนเป็นลำแสง
หานเซี่ยวเดาะลิ้นก่อนโทรหาซิลเวีย
”ให้เฮอลัสส่งกองยานไปจุดนี้ฉันจะให้ฟิลลิปส่งพิกัดให้เธอ”
”รับทราบค่ะ”
หานซี่ยวตัดสายทันทีเขาตระหนักว่าซิลเวียมีความสามารถมากขึ้น เขาไม่ต้องกังวลอะไรอีก
”มันรู้สึกเหมือนฉันจะยิ่งเหมือนเอเมสมากขึ้น..”
ขณะเล่นกับอุปกรณ์สื่อสารเขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะ เขาตระหนักว่าเขาเปลี่ยนเป็นเอเมส จากนั้นซิลเวียก็กลายเป็นเจนนี่
อัศวินจักรกลสาวในอดีตกลับเปลี่ยนเป็นผู้ดูแลและเลขาเขารู้ว่าซิลเวียนั้นเป็นที่นิยมในหมู่ผู้เล่น
วินาทีนี้นักล่าฟ้าคลั่งก็เริ่มเอนมาทางหานเซี่ยว นำหัวมาถูกับเขา ปากหานเซี่ยวขดและก็ลูบส่วนสมองของนักล่าฟ้าคลั่ง ทำให้มันส่งเสียงมีความสุขออกมา เหมือนสัตว์เลี้ยงจริงๆ
นักล่าฟ้าคลั่งจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ต่อหน้าหานเซี่ยวเท่านั้นในฐานะสิ่งมีชีวิตจักรกลประเภทอสูร มันเบี่ยงเบนไปจากบรรทัดฐานเล็กน้อย เมื่อเข้าสู่บันทึกเว็บมัน หาเนซี่ยวก็พบว่านอกจากเนื้อหาต่อสู้ มันยังโหลดวิดิโอสัตว์เลี้ยงจากเครือข่าย มันพยายามเลียนแบบนิสัยของสัตว์เลี้ยง แต่นั่นก็ทำให้หานเซี่ยวขนลุก
หากขาเลี้ยงมันจริงๆความรู้สึกที่เขาได้รับจากมือคงแปลกๆ แต่ทว่า เขาไม่ได้เลี้ยงมัน เขาแค่ชมมันจากการทำงานหนัก
ประกายแสงสีเงินยืนมองข้างๆอย่างเย็นชาแสดงความรังเกียจ
ฮึ่มพวกขี้ประจบ!
เมื่อคิดแบบนั้นหานเซี่ยวก็โทรหาเอเมสและในไม่ช้าใบหน้างดงามก็ปรากฏตรงหน้าเขา
”นายต้องการอะไร?”
”ฉันมีภารกิจที่นี่ซึ่งคือการไปเผ่าเนตรม่วงเพื่อรังแกไซเคอร์ เธอสนใจไหม?”
เอเมสหนุนคางด้วยมือขวาและแขนเสื้อเธอก็ตกลง เผยให้เห็นผิวขาวแสบตา
”ฉันรู้ว่านายจะไม่คุยกับฉันเว้นแต่จะมีงาน”
”เธอจะมาไหม?”
”ขอฉันดูตารางงานก่อน”เอเมสยกหัวมองผ่านหน้าจอไปหาคนข้างๆ และถาม”เจนนี่ มีอะไรบนเกาะมังกรที่ฉันต้องทำไหม?”
มันใช้เวลานานก่อนเสียงรอดไรฟันจะตอบกลับมา
”มี…แต่เธอเคยทำมันด้วยหรอ?”
เมื่อได้ยินเอเมสก็โบกมือ หานเซี่ยวไม่อาจเห็นสิ่งที่เกิด แต่เสียงเจนนี่ดูเหมือนจะหายไป บางที..เธอคงถูกโจมตีด้วยสนามพลังของเอเมส
”ดูเหมือนฉันจะว่างฉันจะไปด้วย”เอเมสดูเหมือนกำลังยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทางฝั่งเธอ
”ได้”หานเซี่ยวพยักหน้าเลือกไม่สนใจสิ่งที่เกิด
”นี่คือภารกิจที่มอบโดยจักรวรรดิฉันเชื่อว่ามันคงไม่ใช่แค่นาย”
”ใช่ฮีเบอร์ไปด้วย ร่วมกับกองยานจักรวรรดิ”
”ฮีเบอร์ก็ไปด้วย?”เอเมสหรี่ตา”ฮึ่มฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา ฉันไม่ไป นายไปเลย”
เอเมสตัดสายทันที
หานเซี่ยวกระพริบตาปริบๆจ้องหน้าจอดำด้วยความสับสน
เธอมีความไม่พอใจในตัวฮีเบอร์จนกลับคำพูดทั้งอย่างนั้น?!
ดูเหมือนฮีเบอร์จะมีวิธีจีบสาวที่แย่มาก
..
ขณะที่จักรวรรดิคริมสันกำลังพาเชลยทั้งสี่กลับศักดิ์ศรีพวกเขาก็แผ่ขยายไปทั่วจักรวาล เผ่าเนตรม่วงภายในระบบดาวรัตติกาลนิรันดร์ได้ต้อนรับแขกที่ไม่คาดคิด
ไซเคอร์มีอำนาจสูงสุดที่นี่และคณะรัฐมนตรีก็ช่วยเขาในการจัดการกิจการของรัฐบุคลากรสำคัญบางคนจะยึดครองอำนาจ ระบบนี้มีข้อบกพร่อง แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาต่อไซเคอร์ พลังเขาช่วยให้เขามีสิทธิ์พูด และเพราะความสามารถทางจิตเขา เขาสามารถแยกความแตกต่างระหว่างความคิดและอารมณ์ได้ ไม่มีใครสามารถมาแทนเขาได้
ในช่วงเวลานี้ไซเคอร์ไม่อยู่ในรัฐบาล ดังนั้นคณะรัฐมนตรีจึงมีหน้าดูแล อย่างไรก็ตาม สองฝ่ายไม่ได้ตัดการเชื่อมต่อกันซะสมบูรณ์ ขณะที่ไซเคอร์กำลังหนี เขาก็คอยจับตาดูเรื่องภายในเผ่าเขา มันแค่ว่าเขาไม่อยู่บ้าน ไม่อาจเผยหน้าต่อสาธารณะได้ แต่ทว่า ความคิดเห็นสาธารณะรอบๆเขาทำให้พลเมืองหลายคนในเผ่าเนตรม่วงรู้สึกกังวลใจ
โดยเฉพาะหลังจักรวรรดิจับแซ็กแมนและเทย์เลอร์ได้ พวกเขากลัวว่าผู้นำพวกเขาจะถูกจับตัวไปและกลัวว่าจักรวรรดิคริมสันอาจตรงมาหาเผ่าเนตรม่วงเพื่อล้างแค้น
คนส่วนหนึ่งลอบสาปแช่งไซเคอร์
แกว่างจนไปแส่หาเรื่อง!
ความคิดเห็นสาธารณะเผยแพร่อย่างกว้างขวางในหมู่เผ่าเนตรม่วงคนกลุ่มเล็กเผชิญกับการคุกคาม ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พอใจผู้นำพวกเขา ไซเคอร์ สำหรับผลงานในอดีตของไซเคอร์ มันไม่อาจนำมาพิจารณาด้วยได้เพราะผู้คนจะมองตามกระแสปัจจุบัน มันน่าเสียดายที่ไซเคอร์ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่งั้น ทิศทางของความคิดเห็นคงตรงกันข้าม เปลี่ยนเป็นชมเชยเขา
แต่ทว่ามุมมองของคนกลุ่มน้อยไม่อาจส่งผลต่อความมั่นคงของอารยธรรม การควบคุมของไซเคอร์ที่มีเหนือเผ่าเขาไม่ใช่แค่การทาก้าวโป๊ะไว้ และต่อให้อนาคตยังไม่ถูกตัดสิน รัฐบาลก็ยังดำเนินการอยู่
คณะรัฐมนตรีได้ออกประกาศว่าไซเคอร์ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็เพื่อนำสมบัติเผ่ากลับมาพยายามสร้างภาพของไซเคอร์และศักดิ์ศรีของเผ่า การประกาศนี้ได้ระงับกลุ่มคนที่ไม่พอใจบางส่วนลงได้
ตอนนี้เองในโถงหลักของคณะรัฐมนตรี เจ้าหน้าที่หลายคนกำลังถกเถียงกันว่าจะเข้าสู่ภาวะฉุกเฉินหรือไม่ คิดเชิญไซเคอร์กลับมาและใช้กองทัพเพื่อปกป้องเขา
เจ้าหน้าที่ทหารอาวุโสหลายคนเข้าร่วมการประชุมนี้ด้วยแต่ละคนมีความคิดเห็นของตนและโต้เถียงกันอย่างดุเดือด
ตอนนี้เองหนึ่งในเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานข่าวและสีหน้าก็เปลี่ยนไป เขาทุบโต๊ะขณะอ่านรายงาน
”ป้อมชายแดน17ได้ตรวจพบกองยานจักรวรรดิขนาดใหญ่ที่มียานรบนับสิบล้านรวมถึงกองทัพแบล็คสตาร์และแดนหลั่งเลือด”
”ว่าไงนะ?!”
สมาชิกทุกคนตกใจและขลาดกลัว
สถานการณ์ที่เลวร้ายสุดเกิดขึ้นแล้วและจักรวรรดิก็เลือกมาหาพวกเขา?
ก่อนพวกเขาจะได้ตอบสนองรายงานชุดสองก็มาถึง
”อีกฝ่ายหยุดี่ชายแดนและไม่บุกฝ่าเข้ามาพวกเขากำลังเจรจากับเจ้าหน้าที่ชายแดน แบล็คสตาร์และฮ๊เบอร์เป็นผู้บัญชาการกองยานนี้ และเจตนาพวกเขาก็ยังไม่เป็นที่รับรู้”
หัวใจที่เกือบเด้งหลุดออกจากคอของพวกเจ้าหน้าที่เหล่านั้นไหลกลับลงไป
ทำไมแกไม่รีบพูดแกเกือบทำให้เราตกใจตาย!
หลังระงับอาการตกใจสติทุกคนก็กลับคืน
”ถูกต้องด้วยยานรบนับสิบล้าน มันไม่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาเพื่อประกาศสงคราม”
”เจตนาพวกเขาคืออะไร?หรือว่าจะคิดบังคับให้เราส่งมอบผู้นำเราไป?”
”นี่…งั้นเราจะทำยังไงกันดี?จะสู้ไหม?”
คนทั้งหมดสวมสีหน้าลำบาก
อย่างรวดเร็วรายงานที่สามก็ส่งมา
”แบล็คสตาร์และฮีเบอร์บอกว่าพวกเขามาเพื่อเยี่ยมเผ่าเนตรม่วงและอยากคุยกับไซเคอร์ครับ”
สมาชิกคณะรัฐมนตรีมองหน้ากัน
ด้วยกองทัพยิ่งใหญ่เช่นนั้นพวกแกกลับบอกว่ามาที่นี่เพื่อเยี่ยม คิดว่าเราโง่หรือไง?
การนำกองยานมาเห็นชัดว่าต้องไม่มีเจตนาดี
”หากเราปฏิเสธคำขอนี้คิดว่าพวกเขาจะรอนอกชายแดนหรือพวกเขาจะใช้ความรุนแรง?”หนึ่งในนั้นกล่าว
ทุกคนหันไปมองคนๆนั้น
คิดว่ากองทัพและผู้อยู่เหนือถูกส่งมาโดยจักรวรรดิเพื่อเดินเล่นหรือไง?
น้องชายแกเข้าคณะรัฐมนตรีมาได้ยังไง?
”เรื่องนี้ไม่อยู่ในขอบเขตอำนาจเราแล้วรายงานเรื่องนี้กับผู้นำไซเคอร์และให้เขาตัดสินใจ”
จากนั้นคณะรัฐมนตรีก็ได้ติดต่อกับไซเคอร์
ไม่นานการสื่อสารก็เชื่อมโยง
ไซเคอร์กวาดตามองสังเกตเห็นสีหน้าหนักใจของพวกเขาและถาม”เกิดอะไรขึ้น?”
”ผู้นำจักรวรรดิคริมสันได้มาเพื่อกดดันเรา…?”หนึ่งในเจ้าหน้าที่อธิบาย
หลังพูดจบห้องก็เงียบจนได้ยินเสียงเข็มตก ทุกคนกำลังรอให้เขาตอบ
ไซเคอร์สูดหายใจลึกหลับตา หลังจากนั้น เขาก็เปิดปาก
”ตอบรับพวกเขาไปฉันจะรีบกลับ”
”แต่พวกเขากำลังหมายหัวท่าน!”
หลายคนตื่นตระหนกแต่ก็ลอบโล่งใจ
หากไซเคอร์เลือกหนีและไม่มารับผิดชอบเรื่องนี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะกำจัดความวุ่นวายนี้ได้
”พวกเขาแค่ทำไปเพื่อบังคับฉันให้กลับแบล็คสตาร์และฮีเบอร์เข้าใจฉัน พวกเขารู้ว่าฉันจะไม่ทิ้งเผ่าและหลบหนี”สีหน้าไซเคอร์สงบลง”ไม่มีประเด็นให้ต้องหนี และไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขา นี่คือราคาของความล้มเหลว”
คนเหล่านี้เผยใบหน้าขุ่นเคือง
”ไม่ต้องห่วงจักรวรรดิมีเชลยสี่คนแล้ว การมาเยือนเผ่าเนตรม่วงนั้นอาจไม่ได้มาเพื่อจับฉัน”ไซเคอร์ส่ายหัว
เขาไม่กล้ากลับนอกจากการสังเกตสถานการณ์ เพราะเขาคาดว่าจักรวรรดิจะไม่เสี่ยงละเมิดสนธิสัญญาแน่ ด้วยการที่ฐานเขาตั้งอยู่ในวงแหวนดาวกระจาย จักรวรรดิต้องไม่ทำการบุ่มบ่ามแค่เพื่อจับเขา เขาไม่อยากให้เผ่าเขาตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นจึงไม่เต็มใจยอมรับการคุ้มครองของกองทัพอารยธรรมเขา แต่ทว่า เพื่อป้องกันปัญหาใด เขาจึงไม่ย้ายออกไปไกลเกินและมักอยู่ใกล้ดาวเขา
”เข้าใจแล้วเราจะเปิดชายแดนและพาพวกเขาไปหนึ่งในดาวเรา”หนึ่งในผู้บัญชาการตอบ
ความปลอดภัยของอาณาเขตนั้นสำคัญแต่พวกเขายังต้องเปิดชายแดนและพบกับแขกที่เกรี้ยวกราด กองกำลังของจักรวรรดิมาเพื่อกดดันอย่างไม่ต้องสงสัยและทุกคนก็อยู่ในสภาพที่ไม่สบายใจ
…
ไม่นานเผ่าเนตรม่วงส่งกองทัพไปชายแดนเพื่อต้อนรับพวกเขา และนอกจากกองทัพจักรวรรดิ่วนใหญ่ที่ยังอยู่บนชายแดน หานเซี่ยวและฮีเบอร์จึงนำทัพส่วนหนึ่งตามเผ่าเนตรม่วงไปดาวอาณานิคม
เผ่าเนตรม่วงไม่อยากให้คนมากมายพบเรื่องนี้ดังนั้นยานจึงหยุดภายในพื้นที่จัดการส่วนในของดาว ก่อนฑูตจะมาต้อนรับ คนคุมดาวอาณานิคมนี้ออกมารับหน้าด้วยตัวเอง
หลังออกยานหานเซี่ยวและฮีเบอร์ก็ถูกนำไปห้องรับรอง ด้านหลังเขา หานเซี่ยวสามารถเห็นเม็ดเหงื่อที่ไหลลงคอเจ้าหน้าที่เหล่านี้
ทหารรอบๆยังประหม่าจ้องหานเซี่ยวและฮีเบอร์ด้วยสายตาอาฆาต จับอาวุธไว้แน่น
ฮีเบอร์ชินกับสายตาหวาดกลัวจากผู้คนและก้าวยาวไปพร้อมกับเหล่าขุนพลด้านหลังเขากลุ่มนี้มักให้ความประทับใจแปลกๆ ราวกับพวกเขากำลังจะตะโกนว่า’กล้ามเนื้อคือทุกสิ่ง!’
ทางฝั่งหานเซี่ยวเขาสังเกตรูปแบบสถาปัตของเผ่าเนตรม่วง ด้วยฮีล่า องครักษ์เขาและอาวุธอัครฑูตทั้งสี่ด้านหลัง
พวกเขาทั้งคู่นำภัยพิบัติมาด้วยรวมถึงเจ้าหน้าที่มากมายจากจักรวรรดิ
เมื่อมาถึงทุกคนก็นั่งและผู้ดูแลดาวก็ปาดเหงื่อ”ท่านฑูตกำลังเดินทางมา โปรดรอสักครุ่”
ฮีเบอร์คล้ายกับภูเขาลูกเล็กขณะนั่งบนโซฟาเขาปล่อยกลิ่นอายกดดัน กอดอกขณะถาม”ไซเคอร์จะกลับมาตอนไหน?”
”นี่…นี่…ผมไม่รู้..”
ผู้ดูแลดาวกดดันจนพูดติดอ่าง
หานเซี่ยวหยิบผลไม้บนโต๊ะขึ้นมาซึ่งดูเหมือนแตงโมที่เป็นสีฟ้า เขากัดมันและเคี้ยวไม่กี่ครั้ง ก่อนเช็ดปากและยื่นให้ฮีเบอร์
”ฉันลองแล้วไม่มีพิษ กินได้”
ใบหน้าฮีเบอร์กระตุก
ฉันวางมาดอย่างดีแต่แกกลับโยนผลไม้ให้ฉัน!
นอกจากนี้ฉันเป็นนักสู้ ทำไมฉันต้องให้ช่างกลอย่างแกมาทดสอบพิษด้วย?!
ผลไม้ถูกโยนมาแล้วและมันคงไม่ดีหากปล่อยให้ตกลงพื้นดังนั้น ฮีเบอร์จึงต้องคว้ามันและจากนั้นก็ดีดให้ขุนพลด้านหลังเขา
ครั้งนี้ฮีเบอร์ไม่คิดพูดและหลับตา หานเซี่ยวก็ไม่กดดัน เขากึ่งหลับตาขณะเพลิดเพลินกับการนวดของออโรร่า
บรรยากาศสงบลง
แม้ทหารรอบๆจะเตรียมพร้อมหลังเห็นท่าทางของทั้งคู่ พวกเขาก็ต้องระงับความโกรธ
คนเหล่านี้ไม่ให้ความเคารพกับเผ่าเนตรม่วงเลย!
โดยเฉพาะแบล็คสตาร์ปีศาจร้ายตนนี้ ไม่เพียงจะขโมยสมบัติเราไป เขายังกล้าวิ่งมาในเขตแดนเรา อวดดีมาก!
ทหารจับอาวุธแน่นเกือบอยากยิงใส่หานเซี่ยว แต่ทว่า ความมีเหตุผลก็ได้หยุดพวกเขาไว้
สถานการณ์สำคัญมากจักรวรรดิจะทำทุกอย่างที่ต้องการในวงแหวนดาวกระจาย และผู้หนุนพวกเขา ศาสนจักรก็เสียหายมากก พวกเขาย่อมไม่กล้าเคลื่อนไหวบุ่มบ่าม
ไม่ช้าทหารรอบๆก็เปลี่ยนกะ และเหล่าภัยพิบัติก็มาแทน พวกเขาจ้องหานเซี่ยวกับฮีเบอร์ราวกับกำลังมองศัตรูคู่อาฆาต
หลังรอสักพักเสียงฝีเท้าเร่งรีบก็สามารถได้ยินจากประตูและในไม่ช้าฑูตก็เดินเข้ามาพร้อมลูกน้อง
”ท่านแบล็คสตาร์ท่านฮีเบอร์ ท่านฑูตจักรวรรดิ ผมคือผู้ดูแลพวกท่าน ท่านสามารถเรียกผมว่าเจต”
เจตลดหัวเล็กน้อยแต่น้ำเสียงเขาไม่ถ่อมตนเลย
ฮีเบอร์ลืมตาขึ้นและถาม”ไซเคอร์จะมาถึงตอนไหน?”
”เราเองก็ไม่แน่ใจครับผู้นำมีตารางของเขาและอาจใช้เวลาหลายวันจนถึงครึ่งเดือน โปรดรอสักครู่ ผมจะจัดที่พักให้หากพวกท่านอยากพัก”เจตตอบ
บูม!
แรงกดดันรอบตัวฮีเบอร์เพิ่มขึ้นและห้องก็ดูเหมือนราวกับมีพายุไร้รูปร่าง
เขาจ้องเจตอย่างเย็นชา
”อย่าพยายามเล่นลูกไม้โง่ๆไซเคอร์มักอยู่รอบเผ่าเนตรม่วงและจะไม่อยู่ไกลเกินไป ฉันจะให้เวลาพวกแกสามวัน หากฉันไม่เห็นเขา พวกแกต้องรับผลที่จะตามมา”
เจตเริ่มรู้สึกหายใจลำบากเขาถูกกดดันจนถึงจุดที่ยากจะหายใจและทำได้แค่พยักหน้าอย่างยากลำบาก”ผมจะบอกเจตนาท่านให้เบื้องบน..”
ครั้งนี้หานเซี่ยวลืมตา แสดงท่าทางให้ออโรร่าหยุด ก่อนมองเจตอย่างสนใจ
”ฉันเพิ่งท่องรอบเครือข่ายพวกนายและตระหนักว่าฝั่งพวกนายดูเหมือนจะปิดข่าวได้ดีมีคนไม่มากที่รู้การมาของเรา”
เมื่อคิดถึงความสามารถของหานเซี่ยวสีหน้าของเจตก็เปลี่ยนไป”ท่านตั้งใจจะทำอะไร?”
”มันไม่ดีที่จะปิดข้อมูลไว้แบบนั้นฉันจะช่วยเอง”
หานเซี่ยวยิ้มและด้วยความคิดชุดข้อมูลที่ฟิลลิปเตรียมไว้ก็ถูกส่งไปยังสื่อใหญ่ของเผ่าเนตรม่วง
มันสรุปคร่าวๆว่า..
’กองยานจักรวรรดิได้มาคิดบัญชีเผ่าเนตรม่วงสั่นสะท้านด้วยความกลัว!’
’แบล็คสตาร์และฮีเบอร์เผยตัวแต่ไซเคอร์ไม่กล้ามาพบพวกเขา!’
’ไซเคอร์หนีทิ้งเผ่าเขาไว้!’
บทความทั้งหมดชี้ไปในทิศทางเดียวว่าเผ่าเนตรม่วงขลาดกลัวและไซเคอร์ก็ไม่กล้ามารับผิดชอบซึ่งทำให้พลเมืองของเผ่าพันธ์รู้สึกไม่ดี พร้อมกับทำลายชื่อเสียงของไซเคอร์
ด้วยทักษะเทคโนโลยีเสมือนปัจจุบันเขาข่าวนี้ได้ทำให้เกิดความปั่นป่วนและกวาดไปทั่วเครือข่ายของเผ่าเนตรม่วง
ไซเคอร์นำคดีใหญ่ติดตัวมาด้วยและตอนนี้เขาก็มาในนามของจักรวรรดิเพื่อมอบแรงกดดัน หานเซี่ยวย่อมไม่สุภาพ เพียงเมื่อไซเคอร์แสดงตัว เขาถึงสั่งให้ฟิลลิปหยุด
เจตเดินไปข้างๆและหลังคุยกับเบื้องบนไม่กี่ประโยคเขาก็เดินมาหาหานเซี่ยวด้วยใบหน้าเข้มงวด
”ท่านแบล็คสตาร์โปรดหยุดการกระทำเช่นนั้น ไม่งั้น…”
ปัง!
ก่อนเขาจะพูดจบหัวของเจตก็ถูกคว้าด้วยมือใหญ่และกระแทกกับโต๊ะอย่างไร้ปราณี
โต๊ะถึงกับแหลกละเอียด!
คนที่จับหัวเขาคือขุนพลของแดนหลั่งเลือดฟอสเตอร์ เขากล่าวเสียงเย็น”ดูท่าทางของแกตอนพูดกับเราสิ หากมีครั้งหน้า ฉันจะบดขยี้หัวแก”
วินาทีที่เขาปล่อยมือเจตก็รีบคลานถอยไปด้วยสีหน้าโกรธแค้น
แต่ทว่าเขาไม่มีทางเลือกนอกจากกล้ำกลืนฝืนทน เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปาดเลือดสีฟ้าบนหัว
เมื่อเหล่าภัยพิบัติเห็นสิ่งนี้ใบหน้าพวกเขาก็บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด แต่ทว่า เพราะสิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อทั้งเผ่า พวกเขาจึงเลือกไม่ขยับและสะกดความแค้นไว้ภายในใจ
หานเซี่ยวเลิกคิ้วให้ฮีเบอร์ดูเหมือนจะพูดว่า หากให้เทียบความดุดัน นายยังเหนือกว่า
หุบปาก!ฮีเบอร์ดูเหมือนจะตอบกลับอย่างนั้น
ในขณะเดียวกันข่าวก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนบนเครือข่าย พลเมืองนับไม่ถ้วนระเบิดความโกรธ บางคนก่นด่าจักรวรรดิและบางคนก็ด่าผู้นำพวกเขา บางคนยังกังวลว่าไซเคอร์จะไม่กลับมา
คนนับไม่ถ้วนอยากได้สมบัติของตนคืนดังนั้นความเกลียดชังที่เผ่าเนตรม่วงมีต่อหานเซี่ยวจึงไม่น้อย หานเซี่ยวไม่สนใจ
เจตไม่พูดแต่หนึ่งในทหารไม่อาจทนได้อีกและพลันตะคอกใส่หานเซี่ยว
”แกมันไร้มโนธรรม!หลังแกขโมยสมบัติของเผ่าเราแกยังกล้ามาอวดเบ่งที่นี่อีก!”
หลังประโยคนี้ถูกพูดทุกคนก็หันมา
สายตาเย็นชาของฮีล่าจับจ้องเขาและเธอก็กำลังจะลงมือแต่ก็ถูกหยุดด้วยหานเซี่ยว
”แกชื่ออะไร?”
”ลาเล็ม!”ทหารเห็นได้ชัดว่าขาดสติแล้ว
”อืมดี งั้นแกอยากให้ฉันทำอะไร?”
”แน่นอนแกควรคืนสมบัติให้เรา!”
”ได้”หานเซี่ยวพยักหน้านำลูกบาศก์วิวัฒนาการออกมาและโยนมันไปในมือของทหาร”รับ”
ทุกคนจากเผ่าเนตรม่วงตกตะลึงจ้องลูกบาศก์วิวัฒนาการอย่างเหลือเชื่อ
”แกแก…”
”แกบอกว่าต้องการมันไม่ใช่หรือไง?ตอนนี้มันอยู่ในมือแกแล้ว”หานเซี่ยวยิ้ม”อย่างไรก็ตามฉันต้องเตือนแก หากแกเดินออกห้องนี้ มันหมายความว่าแกชิงลูกบาศก์วิวัฒนาการและนั่นก็หมายความว่าจักรวรรดิจะส่งกองยานออกมา แกเตรียมใจแล้วหรือยังละ?”
ใบหน้าของทหารเปลี่ยนเป็นสีม่วงด้วยความโกรธและความอัปยศ
”แกก็แค่พึ่งพาคนหนุนหลัง!แกยังมีคุณธรรมในหัวใจแกอยู่ไหม?!”
เขายกมือนำลูกบาศก์วิวัฒนาการกลับ ส่ายหัวขณะพูด”พวกแกอ้างว่ามันเป็นสมบัติของพวกแก แต่สิ่งนี้ไม่ได้ถูกสร้างโดยพวกแก แค่พวกแกใช้มันมานาน พวกมันเลยเป็นของพวกแกหรือไง?นี่คือมรดกของอารยธรรมวิวัฒนาการ พวกแกเก็บมันขึ้นมา รั้งไว้ผ่านพลัง มันไม่เคยเป็นของพวกแก แต่แกยังเรียกมันว่า’สมบัติของเผ่า’…ยังมีอีกเรื่อง ฉันไม่ได้ชิงลูกบาศก์วิวัฒนาการมาจากแก มันเป็นพวกแกที่เสียมันไปและฉันก็หยิบมันขึ้นมา ฉันแค่ปฏิเสธที่จะมอบมันให้คนอื่น เหมือนกับพวกแกที่ทำมาหลายปี”
”ไร้สาระเราใช้ลูกบาศก์วิวัฒนาการมาหลายปีและถือได้ว่าเป็นเจ้าของ ผู้นำไซเคอร์เราได้เชื่อมต่อกับมันมาเสมอ ดังนั้นมันย่อมเป็นของเรา!”ทหารคำราม
”นั่นสมเหตุสมผลแต่เทพเอสขโมยมันไป ฉันไม่ได้ขโมยมัน ฉันแค่เลือกไม่ส่งมันคืน นอกจากนี้ เพราะของชิ้นนี้ไม่ได้ถูกสร้างโดยอารยธรรมแก ฉันจึงไม่มีภาระทางจิตที่ต้องคืนมัน…หากพวกแกสามารถชิงมันกลับจากฉันได้ ฉันก็ไม่อาจทำอะไรได้ แต่พลังของพวกแกไม่พอ สิ่งที่พวกแกพูดนั้นไร้ความหมาย ฉันให้โอกาสแกแล้ว แต่แกไม่กล้าเอามันไป งั้นก็ลืมมันไปซะ”
หานเซี่ยวส่ายหัวเขาไม่ใช่คนใจดี และก็มีแรงจูงใจอื่นที่นี่ ซึ่งเป็นการแก้ไขอันตรายซ่อนเร้นของลูกบาศก์วิวัฒนาการ เขาวางแผนใช้แรงกดดันเพื่อบังคับให้พลเมืองกับไซเคอร์ถอนการเชื่อมโยงทางจิตกับมัน!
สำหรับจะถูกหรือผิด..ไซเคอร์เสี่ยงอันตรายมาหลายครั้งตอนนี้เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้ว ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนี้
”แกออกไป”เจตโบกมือให้ทหาร แม้เขาจะโกรธเรื่องการเสียสมบัติไป เขาก็รู้ว่าจักรวรรดินั้นมาเพื่อกดดันพวกเขา มันเป็นแค่ฝันหวานที่จะทำให้พวกเขาส่งมอบลูกบาศก์วิวัฒนาการคืน
หลังเห็นบทละครนี้ฮีเบอร์ก็เหลือบมองหานเซี่ยว
”แกแสดงบทคนใจดำได้ดีนี่”
”เหมือนแกแหละ”
หานเซี่ยวกลอกตาตอบ
คนจำต้องแสดงท่าทางหยิ่งยโสเมื่อคิดกดดันอีกฝ่ายสำหรับคนอย่างเขา ผู้อยู่นิ่งเฉยมาตลอด นี่จึงยากที่จะทำ
ตอนที่ 868 ตัดการเชื่อมต่อ
กองยานเผ่าเนตรม่วงรอบๆพลันรวมตัวกันไปทางดาวและรอคำสั่งในเวลาเดียวกัน กองยานพิทักษ์ชายแดนเองก็แน่นหนาขึ้น
หลังรอมาสองวันในที่สุดไซเคอร์ก็มาถึงชายแดน
”ท่านครับท่านผู้นำไซเคอร์ได้มาถึงชายแดนแล้วและจะถึงที่นี่ในไม่ช้า”
เจตถอนหายใจ
หน้าตาเขาทรุดโทรมมากตลอดสองวัน เขาอยู่ในห้องร่วมกับหานเซี่ยวและฮีเบอร์ เขาเสนอให้ทั้งสองไปห้องรับแขก แต่ฮีเบอร์และหานเซี่ยวไม่ตอบเขา นอกจากนี้ พวกเขายังไม่อนุญาตให้เขาออกไปไหนด้วย ดังนั้นเจตจึงทำได้แค่พักกับทั้งสองในห้องตลอดสองวัน เขาไม่กล้านอน และสภาพจิตก็ดิ่งลงเหว
สำหรับสองผู้อยู่เหนือสองวันไม่นับเป็นเรื่องใหญ่อะไร พวกเขาสามารถหลับตาได้สบายๆและสองวันก็ผ่านไปไวเหมือนโกหก นอกจากนี้ ทหารของเผ่าเนตรม่วงในห้องล้วนเป็นภัยพิบัติและไม่ได้รับผลมาก มีเพียงคนอย่างเจตที่เป็นฑูตจึงรู้สึกเหนื่อยล้า
หากพวกเขาไปห้องรับแขกแรงกดดันที่ทั้งสองสะสมก็จะหายไป เช่นนั้น พวกเขาจึงเลือกนั่งที่นี่สองวันเพื่อเพิ่มแรงกดดันให้เผ่าเนตรม่วง
หลังรอมานานความปั่นป่วนก็ดังขึ้นด้านนอกและทั้งคู่ก็รู้สึกถึงแหล่งพลังงานรุนแรง
ฮีเบอร์ลืมตา”เขามาแล้ว”
ประตูเปิดและไซเคอร์ก็เดินเข้ามาสายตาของทุกคนหันไปจับจ้องเขา
ทหารพากันถอนหายใจและยืนตรงราวกับพบกระดูกสันหลังตัวเองแล้ว
”เอ๊ะไซไซน้อยหรอ?ในที่สุดวีรบุรุษก็ปรากฏตัว”หานเซี่ยวหยอกล้อ
ไซเคอร์เดินมาหาทั้งสองเจตผู้นั่งอยู่รีบลุกขึ้นให้ไซเคอร์นั่ง
”พวกแกอยากพบฉันไม่ใช่หรือไง?ฉันกลับมาแล้วเข้าเรื่องกันเลย”ไซเคอร์กล่าว
วินาทีต่อมาแขนของหานเซี่ยวก็พลันเปลี่ยนเป็นแขนจักรกลและเหวี่ยงมันไปทางไซเคอร์
โต๊ะและโซฟาตรงหน้าเขาถูกผลักออกและฝ่ามือเขาก็ส่งไซเคอร์ลอยไปกระแทกกำแพง
ปัง!
ทั่วห้องสั่นสะเทือน!
”แกทำอะไรลงไป?!”
ใบหน้าของเหล่าทหารเปลี่ยนไปและก็อยากลงมือเพื่อช่วยผู้นำพวกเขา
ตอนนี้เองฮีล่าและองครักษ์แบล็คสตาร์ยังปล่อยกลิ่นอายพวกเขาไปเตือนภัยพิบัติเหล่านั้น ขุนพลแดนหลั่งเลือดก็ทำเหมือนกัน
เพียงเมื่อสถานการณ์กำลังจะปะทุเสียงของไซเคอร์ก็ดังภายใต้แขนจักรกล
”อย่าขยับ”
แขนจักรกลถอนออกและไซเคอร์ก็ดึงตัวเองออกจากกำแพงด้วยพลังจิตจากนั้นก็มองหานเซี่ยวโดยไม่มีเจตนาสู้กลับ
”ฉันเกือบฆ่าแกแกมีปัญหาอะไรไหม?”หานเซี่ยวหรี่ตา
”…ไม่”
ไซเคอร์สูดหายใจลึกและรู้ว่าหานเซี่ยวอยากเหยียบย่ำชื่อเสียงเขาจากนั้นเขาก็บอกลูกน้องให้อย่าลงมือและให้พวกเขานำโต๊ะใหม่เข้ามา
สมาชิกเผ่าเนตรม่วงรอบๆกำหมัดแน่น
พวกเขาสามารถเข้าใจได้ว่าทำไมไซเคอร์ถึงเลือกยอมแพ้แต่ก็อดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ด้านหนึ่ง พวกเขาโกรธที่พวกเขาอ่อนแอ อีกด้าน พวกเขารู้สึกอัปยศ
แม้ทั้งหมดจะรู้ว่าจักรวรรดิมาที่นี่เพื่อหาคำตอบจากพวกเขาพวกเขาก็ยังหวังให้ไซเคอร์สามารถจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้ได้ แต่ทว่า ความจริงคือผู้นำพวกเขาต้องมาแบกรับความอัปยศ
ฑูตจักรวรรดิผู้ไม่พูดอะไรอยู่นานกล่าวขึ้น”คุณเข้าร่วมการโจมตีบนดาวประภาคารและสี่ในหกผู้อยู่เหนือที่เข้าร่วมก็ถูกจับแล้ว จักรวรรดิต้องการให้คุณและเผ่าเนตรม่วงมอบคำอธิบายให้เรา”
”คำอธิบายแบบไหน?”ไซเคอร์ถาม
จากนั้นฑูตจักรวรรดิก็เคาะกำไลและหน้าจาโฮโลแกรมก็ปรากฏ มีสัญญาปรากฏบนจอ
”คุณต้องทำการขอโทษต่อสาธารณะและลงนามในสัญญาชดเชยนี้เพื่อแสดงความจริงใจรายละเอียดของสัญญาอยู่บนนี้หมดแล้ว หากคุณไม่เห็นด้วย ก็โปรดตามเราไปเพื่อรับโทษของคุณในจักรวรรดิหรือรอให้ศาสนจักรจ่ายค่าไถ่ตัว”
”ชดเชยและขอโทษ?”ไซเคอร์พึมพำเขาไม่ได้นิ่งดูดายตลอดสองวันและคิดถึงเจตนาของจักรวรรดิ นี่ไม่ได้อยู่นอกเหนือการคาดเดาของเขาเลย
ฑูตจักรวรรดิไม่คิดเก็บเรื่องนี้เป็นความลับและอ่านทั้งสัญญาออกมามีข้อเรียกร้องที่เกินไปมากมายและสมาชิกของเผ่าเนตรม่วงที่ดูอยู่ข้างๆก็โกรธจนแทบขาดสติ
ตอนนี้ไซเคอร์มีเพียงสองทางเลือกหนึ่ง ขอโทษและจ่ายค่าชดเชย สอง กลายเป็นเชลย แน่นอน มีข้อสามด้วย ซึ่งคือสู้กลับ แต่ทว่า จักรวรรดิย่อมไม่ไว้หน้าเขาอีกหากเขาเลือกข้อสาม
จักรวรรดิไม่ได้ต้องการค่าชดเชยเล็กๆน้อยแต่ต้องการให้ศัตรูยอมจำนน
หลังฟังเงื่อนไขไซเคอร์ก็พยักหน้า”ฉันยอมรับ ฉันจะทำการขอโทษสำหรับการกระทำฉัน”
เขาไม่สนใจเรื่องค่าชดเชยมากมายนั้นเขาทำงานให้ศาสนจักรและแม้จะล้มเหลว ศาสนจักรก็ต้องไม่ปล่อยให้เขาจ่ายค่าชดเชย หากพวกเขาไม่ทำเช่นนั้น มันคงไม่มีใครอยากช่วยพวกเขาอีกในอนาคต ดังนั้น ค่าชดเชยนั้นจะถูกจ่ายโดยศาสนจักร เผ่าเนตรม่วงนั้นไม่ต้องจ่ายเงินอะไร
สำหรับการขอโทษนี่ก็เป็นสิ่งที่ศาสนจักรอยากเห็น ศาสนจักรไม่เคยขอโทษจักรวรรดิ แต่ในเมื่อพวกเขาอยากไถ่ตัวคนของพวกเขา พวกเขาจึงต้องยอมความบ้าง ดังนั้น การขอโทษของเผ่าเนตรม่วงจึงถือเป็นทัศนคติของศาสนจักรไปในตัว
ต่อให้ศาสนจักรคือผู้หนุนหลังของเผ่าเนตรม่วงจักรวรรดิก็ยังเป็นอารยธรรมจักรวาล ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกัน เผ่าเนตรม่วงจึงต้องให้คำอธิบาย
ไซเคอร์เข้าใจจุดนี้ดีแต่สมาชิกส่วนใหญ่ของเผ่าไม่
ในสายตาคนอื่นผู้นำพวกเขายอมรับเงื่อนไขแสนอัปยศโดยไม่ลังเล นี่ทำให้ใบหน้าของทุกคนบิดเบี้ยว และสายตาพวกเขาก็ซับซ้อน
จากที่พวกเขาเห็นไซเคอร์ดูเหมือนจะกำลังปกป้องตัวเองและทรยศผลประโยชน์ของเผ่าโดยไม่ลังเล แน่นอน พวกเขารู้ว่าเรื่องนี้ห่างไกลจากความจริง แต่ก็อดคิดแบบนั้นไม่ได้
แม้พวกเขาจะรู้ว่าไซเคอร์ไม่ได้ตัดสินใจผิดหลายคนก็ยังอดรู้สึกโกรธและอับอายไม่ได้
ตอนนี้เองฮีเบอร์ก็กล่าวขึ้น”ไซเคอร์ ออกวงแหวนดาวกระจายไปพร้อมกับคนของแกซะ แกรู้ว่าเราและจักรวรรดิต้องไม่ยอมให้แกพัฒนาแน่ ทางเลือกดีสุดคือออกไป”
การมีผู้อยู่เหนือในวงแหวนดาวกระจายน้อยลงจะทำให้ที่เหลือได้รับผลประโยชน์เพิ่มฮีเบอร์และจักรวรรดิมีความคิดเดียวกัน
ไซเคอร์ส่ายหัว”ไม่ว่าสถานการณ์จะยากลำบากเพียงใดเราจะไม่ทิ้งบ้านเกิดเราตราบเท่าที่เราสามารถเอาชนะมันได้”
”ฮึ่ม”ฮีเบอร์ไม่พูดอะไรอีก
ตอนนี้เองหานเซี่ยวกล่าวขึ้น”เรื่องต่อจากนี้จะเป็นระหว่างเรา แกให้คำอธิบายต่อจักรวรรดิแล้ว แต่ยังต้องให้คำอธิบายกับเหยื่อด้วย”
ไซเคอร์หันมาและถาม”แกต้องการอะไร?”
หานเซี่ยวยิ้ม
”ฉันต้องการลูกบาศก์วิวัฒนาการ”
ทุกคนตกตะลึง
”แกชิงมันไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”ไซเคอร์ถามอย่างสงสัย
”ไม่แกเข้าใจผิด”หานเซี่ยวกล่าวอย่างสงบ”ฉันอยากให้แกตัดการเชื่อมต่อจิตที่แกมีกับลูกบาศก์วิวัฒนาการ และประกาศต่อทั้งจักรวาลว่าแกยกมันให้ฉัน”
สีหน้าของไซเคอร์พลันเปลี่ยนไป
ในที่สุดเขาก็เข้าใจเจตนาของแบล็คสตาร์!
สมาชิกเผ่าเนตรม่วงพากันคิดว่าแบล็คสตาร์ขโมยสมบัติเผ่าพวกเขาไปดังนั้นหากเขาประกาศต่อสาธารณะว่าเขามอบมันให้แบล็คสตาร์ เขาย่อมไม่มีสิทธิ์อะไรไปวิจารณ์อีกฝ่าย ในเวลานั้น สมาชิกเผ่าเขาจะโยนความอัปยศให้ผู้นำพวกเขาและระบายความโกรธทั้งหมดใส่เขา สถานะเขาในฐานะผู้นำจะลดลงมาก
”แก…”ไซเคอร์กัดฟัน
”เพราะลูกบาศก์วิวัฒนาการแกพยายามจัดการกับฉันอยู่หลายครั้ง”หานเซี่ยวกล่าว”การซุ่มโจมตีครั้งนี้ยังเป็นเพราะลูกบาศก์วิวัฒนาการ หากฉันไม่ทำให้แกยอมล้มเลิก เรื่องเช่นนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องที่วิญญาณอวิตานพยายามระเบิดดาวอความารีนเลย ลองดูวิดิโอนี้ก่อน”
จากนั้นหานเซี่ยวหน้าจอโฮโลแกรมและภาพของทหารชื่อลาเล็มกำลังวิจารณ์เขาก็ถูกเล่น ฟิลลิปได้บันทึกไว้หมด
ใบหน้าของไซเคอร์ยิ่งน่าเกลียดหลังดู
หานเซี่ยวเลิกคิ้วและกล่าว”มันยั่วยุผู้อยู่เหนือแต่ฉันไม่ได้ทำอะไร ฉันไม่อยากได้ยินเรื่องบัดซบแบบนี้อีกครั้ง ฉันจึงตัดสินใจคิดทางออกเพื่อแก้เรื่องนี้ แกคิดว่าไง?”
ไซเคอร์ระงับความโกรธ”แล้วหากฉันไม่เห็นด้วยละ?”
”แกสามารถเลือกไม่เห็นด้วยได้”หานเซี่ยวหรี่ตาและปล่อยกลิ่นอาย”แต่ทว่าแกจะยังเป็นศัตรูฉัน แกคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเผ่าเนตรม่วงแกหากไม่มีแกเป็นผู้นำ?”
วินาทีนี้ไซเคอร์ตระหนักว่าแบล็คสตาร์ตรงหน้าเขาไม่ใช่คนเดิมที่สู้กับเขาอย่างสูสีอีก จากนั้นก็คิดถึงภาพหานเซี่ยวจับดีแลนและรู้สึกกลัว
แต่ทว่าเขายังลังเลที่จะยอมละทิ้งลูกบาศก์วิวัฒนาการ เขาได้สร้างการเชื่อมต่อกับลูกบาศก์แล้วและพลังงานจิตเขาก็แกร่งขึ้นเพราะมัน โดยปราศจากสมบัติจักรวาล พลังเขาย่อมลดลงมาก และสถานะเขาก็ยังลดลงในศาสนจักร
จากนั้นฑูตจักรวรรดิก็กล่าวอย่างสงบ”เจตนาของแบล็คสตาร์คือเจตนาของจักรวรรดิหากคุณไม่เห็นด้วย เราสามารถเพิ่มมันลงในสัญญา”
หานเซี่ยวไม่ได้หารือเรื่องนี้กับจักรวรรดิแต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้จักรวรรดิเสียเปรียบอะไร พวกเขาจึงสนับสนุน
เมื่อได้ยินไซเคอร์ก็คลายหมัดและกล่าวเสียงเบา”..ฉันตกลง”
ปัง!
ทหารภัยพิบัติของเผ่าเนตรม่วงไม่อาจสะกดกลั้นความโกรธได้อีกและชกกำแพง
ทหารคนอื่นยังโกรธจนถึงจุดที่ร่างพวกเขาสั่นไม่หยุดหานเซี่ยวและคนอื่นไม่สนใจพวกเขาโดยสิ้นเชิง
หานเซี่ยวพยักหน้าและนำลูกบาศก์ออกมาลูกบาศก์สีเงินลอยกลางอากาศและดึงดูดความสนใจของทุกคน
ตัวฮีเบอร์กระตุกเล็กน้อยแต่ลูกน้องเขาไม่สังเกตเห็น
”งั้นช่วยแสดงความจริงใจและตัดการเชื่อมต่อซะ”
ไซเคอร์หลับตาและปล่อยพลังงานจิตเพื่อติดต่อกับลูกบาศก์วิวัฒนาการกัดฟันแน่นและตัดการเชื่อมต่อกับลูกบาศก์
วินาทีต่อมาร่างเขาก็สั่นสะท้านและสามารถรู้สึกได้ชัดว่าสะพานระหว่างเขาและลูกบาศก์วิวัฒนาการนั้นพังทลายแล้ว
ความสามารถระบุตำแหน่งลูกบาศก์หายไป
”เรียบร้อย”ไซเคอร์กล่าวเสียงเบาและพยายามปกปิดความเศร้า
หานเซี่ยวนำลูกบาศก์กลับสัมผัสของผู้อยู่เหนือเฉียบแหลมมากและสามารถรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายที่ห่อหุ้มบนลูกบาศก์กำลังหายไป
ในที่สุดฉันก็กำจัดภัยคุกคามซ่อนเร้นได้..หานเซี่ยวถอนหายใจแม้กาลอวกาศแอมเบอร์จะให้ผลคล้ายกัน เขาก็ยังต้องใช้ลูกบาศก์เป็นครั้งคราว
แต่ทว่าเขายังส่งลูกบาศก์ให้เฟย์ดินดู แม้เฟย์ดินจะเป็นแค่ภัยพิบัติ โชคเขาก็ไร้คู่ต่อกร
”ไม่ต้องห่วงจักรวรรดิแกยังมีผู้ใช้พลังจิตระดับผู้อยู่เหนือ มันง่ายมากที่จะบอก แกไม่ต้องกังวลว่าฉันจะทิ้งอะไรไว้”ไซเคอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่”ฉันทำตามเงื่อนไขแกแล้ว แกมีอะไรอีกไหม?โปรดออกจากอาณาเขตของเผ่าเนตรม่วงไปหากไม่มีอะไรแล้ว”
จากนั้นฑูตจักรวรรดิก็ลุกขึ้น”เอาละเราจะไม่รบกวนคุณอีก จักรวรรดิจะจับตาดูคุณและรอให้คุณทำการประกาศ”
ไซเคอร์กัดฟันแต่ไม่พูดอะไร
”อย่าโทษฉัน”หานเซี่ยวยืนขึ้น”แกต้องชดใช้สำหรับความล้มเหลวอย่างน้อยแกก็ยังไม่ตาย”
”ฉันจะไม่ล้มเหลวตลอดไป”ไซเคอร์กล่าว
”งั้นแกก็คงอยู่ไปไม่ได้ตลอด”จากนั้นฮีเบอร์ก็เดินออกห้องไป
เมื่อเดินออกประตูหานเซี่ยวก็หันมามองไซเคอร์”แทนที่จะโกรธเรา แกควรสนใจปัญหาของแก”
ไซเคอร์ไม่สนใจคำพูดเหล่านี้และถาม”ดีแลนเป็นยังไงบ้าง?”
”แกยังมีเวลาไปสนใจคนอื่นอีก?ดูเหมือนแกจะสนิทกับเขามากสินะ”หานเซี่ยวยิ้ม”ไม่ต้องห่วงเขาปลอดภัย…ปลอดภัยมาก”
จากนั้นหานเซี่ยวก็โบกมือและออกไปต่อมาไซเคอร์ก็ได้รับรายงานว่าพวกหานเซี่ยวออกดาวไปแล้ว
หลังจากนั้นไซเคอร์ก็แหงนหน้าและถอนหายใจ
”ให้รัฐบาลจัดงานแถลง”
เจตลังเลสักพักก่อนเตือนเขา”แบล็คสตาร์ใช้ทักษะเทคโนโลยีเสมือนเขาและแทรกซึมสื่อเราโพสต์ข่าวลือมากมายเกี่ยวกับท่าน เราควรจัดการกับพวกมันก่อนไหมครับ?”
”ไม่จำเป็นแบล็คสตาร์จะหยุดหลังเขาออกไป แม้เขาจะเป็นคนร้ายกาจ เขาก็จะไม่เล่นลูกไม้แบบนี้หรอก”ไซเคอร์ตอบ”หลังฉันทำการประกาศ พวกนายจะรู้ว่าข่าวลือเหล่านี้ไม่นับเป็นอะไร”
เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ของการประกาศไซเคอร์ก็อดรู้สึกหดหู่ไม่ได้
แต่ทว่าเขาไม่มีทางเลือก ต่อให้เขาเข้าหาผู้หนุนหลัง พวกเขาก็จะไม่ขัดแย้งกับจักรวรรดิเพียงเพราะชื่อเสียงส่วนตัวของเขา
ชื่อเสียงส่วนตัวเขาไม่มีความสำคัญอะไรต่อศาสนจักรอาร์เคน