The Legendary Mechanic - ตอนที่ 884 หยั่งเชิงและแปลกใจ
ตอนที่ 884 หยั่งเชิงและแปลกใจ
ทั้งสองเลือกห้องฝึกสุ่มๆรูดบัตรประจำตัว และประตูก็เปิดอัตโนมัติ
ยังมีความแตกต่างในการกำหนดค่าของห้องฝึกเฉพาะห้องฝึกที่กำหนดค่าสูงถึงสามารถรับมือกับผลพวงรุนแรงได้
ห้องฝึกทั่วไปนั้นฟรีสำหรับสมาชิกกองทัพส่วนใหญ่และผู้เล่นพวกมันสามารถทนต่อผลกระทบของเกรดBได้มากสุด หากอยากใช้ห้องที่ดีขึ้น งั้นก็ต้องเช่า ตามสถานะของสมาชิกภายในกองทัพ มีส่วนลดต่างกัน และผู้เล่นจะใช้ห้องฝึกเพื่อขัดเกลาทักษะพวกเขา
ส่วนกลางติดตั้งด้วยห้องฝึกระดับสูงสุดแต่ถึงกระนั้น พวกมันก็ทนได้แค่การโจมตีของภัยพิบัติ และการโจมตีของผู้อยู่เหนือก็จะทำลายมัน แต่ทว่า หากพวกเขาใช้แค่กายสถิตเดียว ตราบใดที่พวกเขาควบคุมพลังโจมตีได้ ก็ไม่ควรเป็นปัญหา
ห้องฝึกชั้นนำนี้มีพื้นที่กว้างขวางและพื้นกับกำแพงก็ล้วนเป็นสีขาว วัสดุเป็นแบบสังเคราะห์ของโลหะผสมด้วยพอลิเมอร์และพลาสติกนาโนที่มีคุณสมบัติซ่อมแซมตัวเอง เคลือบด้วยตัวสร้างภาพเสมือน ทำให้มันสามารถจำลองสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันได้
ในเวลาเดียวกันกำแพงและพื้นก็สามารถเคลื่อนย้ายเพื่อเปลี่ยนรูปทรงของห้องให้เข้ากับสภาพแวดล้อม นี่สามารถสร้างสภาพแวดล้อมสนามรบเพื่อให้เข้ากับความเป็นจริงขึ้น ไม่งั้นมันคงยากที่จะหลอกประสาทสัมผัส
แน่นอนการจำลองสนามรบไม่ใช่การเล่นของเด็ก และหานเซี่ยวก็ห้ามผู้เล่นใช้ห้องฝึกเป็นเวลานาน
หานเซี่ยวให้ฟิลลิปสุ่มสภาพแวดล้อมและพื้นกับกำแพงก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนเป็นป่าเขียวชอุ่ม มันเป็นป่าทอดยาวและภูเขาก็ปกคลุมด้วยหมอก ห้องฝึกยังจำลองความสมจริงของสายลมอ่อนๆ ด้วยความเย็นของฝนยามเช้า ใครรๆก็สามารถได้กลิ่นอากาศสดชื่นและโคลน ราวกับพวกเขาไปยืนอยู่ที่นั้นจริงๆ
หลังสำรวจแมนิสันก็พึมพำ”ทั้งหมดที่ฉันเห็นทุกวันก็แค่เครื่องจักรสีหม่นๆ บางครั้ง ฉันก็ลืมไปเลยว่าโลกภายนอกเป็นยังไง”
หานเซี่ยวเปิดมิติที่สองเขาและนำกายสถิตออกมารูปทรงมนุษย์เพรียวบางได้รับการทาด้วยสามสี เงิน ดำและเหลือง นี่เป็นกายสถิตจักรกล’แมมมอธ’ ซึ่งเป็นรุ่นRX002 เทียบกับรุ่นRX001 ประสิทธิภาพมันดีขึ้นมาก
แมมมอธรุ่นRX001ได้รับการออกแบบให้เป็นรุ่นมาตรฐานที่มีความสามารถครอบคลุมและสมดุลในทุกด้านส่วนRX002จะมุ่งเน้นการลดปริมาณโครงสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อนาโน มันเสียสละพละกำลังส่วนหนึ่งเพื่อแลกกับความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้นและอาวุธจักรกลเพิ่มขึ้นเพื่อให้มันเหมาะกับการต่อสู้กว่า
ผลกระทบของ[การจุติของผู้ปกครอง]จะแตกต่างกันไปตามค่ากำหนดพื้นฐานของกายสถิตกายสถิตที่แตกต่างกันจะมีความสามารถและค่าสถานะต่างกัน มันจึงจำเป็นต้องสร้างกายสถิตจักรกลหลายประเภท
หานเซี่ยวใช้การจุติและพลังจักรกลสีฟ้าทองก็ระเบิดออกมา ม้วนรอบตัวกายสถิตจักรกล!
บูซ!
จิตสำนึกเขาแบ่งเป็นสองหนึ่งอยู่ในร่างจริง อีกหนึ่งควบคุมกายสถิตจักรกล
ร่างจริงหานเซี่ยวบินสูงขึ้นไม่เข้าร่วมการต่อสู้ เขาควบคุมกายสถิตให้ยืนตรงข้ามกับแมนิสัน แม้พวกเขาจะยืนห่างกันหลายร้อยเมตร ระยะห่างนี้ก็ไม่มีอยู่ด้วยระดับพลังปัจจุบันพวกเขา
หานเซี่ยวจ้องหน้าต่างสถานะของกายสถิตเพราะโลหะแบล็คสตาร์รุ่นแรก กายสถิตจึงมีพรสวรรค์โล่เนื้อมากมาย รวมถึงความต้านทานสูง มันครอบครองการขยายพลัง64% ความยืดหยุ่น81% และการขยายความแข็งแกร่ง73%
หานเซี่ยวบิดคอปรับให้เข้ากับมัน หลังจากนั้น เกราะดำมันก็เปิดออก เผยแผ่นดิสก์ขนาดเล็กเพื่อสร้างชั้นป้องกัน ปากกระบอกปืนใหญ่ไซโอนิคมากมายยื่นจากไหล่ หน้าอก และส่วนท้อง และมันก็ยกแขนซ้ายขึ้นขณะที่โล่ไซโอนิคก่อตัว และมันก็ถือดาบจักรกลที่ห่อหุ้มด้วยพลังงานบนมือขวา
เมื่อเห็นแบบนี้กายสถิตของแมนิสันก็ตั้งท่าสู้ด้วย มันเปิดใช้แนวป้องกันลอย กระตุ้นม่านพลังโซโอนิค และนำอาวุธจักรกลที่ดูเหมือนคฑาขึ้นมา
การใช้กายสถิตเพื่อประลองก็เทียบกับการต่อสู้แบบควบคุมทางไกลต่อให้กายสถิตสู้กันรุนแรงแค่ไหน มันก็จะไม่ส่งผลถึงร่างพวกเขา
โดยไม่พูดให้มากความทั้งสองฝั่งจ้องกันสองวินาทีก่อนร่างกายจะเลือนรางและปะทะกันอย่างดุเดือด!
ปัง!
ผลกระทบที่เกิดขึ้นสร้างคลื่นกระแทกต้นไม้ที่เกิดจากภาพเสมือนถูกทำลาย แม้กระทั่งหานเซี่ยวที่ลอยในท้องฟ้าผมก็ยังสะบัดปลิว
วินาทีต่อมากายสถิตทั้งคู่ก็เปลี่ยนเป็นภาพเลือนรางขณะพุ่งผ่านป่าไม้ ใบมีดจักรกลและคฑาปะทะกันนับพันครั้งในเวลาอันสั้น ทำให้เกิดประกายไฟและแสงสว่าง
ปังปัง ปัง!
เสียงลมฝนและโลหะเสียดสีดังขึ้นในหู
พลังจักรกลปะทะกันซึ่งๆหน้าระเบิดเป็นประกายไฟฟ้าตรงหน้ากายสถิตทั้งสอง เมื่อใดก็ตามที่ตกใส่พื้น ร่อง หลุมจะเกิดขึ้น
ทั้งคู่พัวพันกันระยะประชิดและควบคุมพลังพวกเขาไม่ใช่อาวุธที่รุนแรงสุดเช่นปืนใหญ่ระยะไกล ไม่งั้นห้องฝึกคงแหลกไปนานแล้ว
พวกเขาแค่ประลองกันจึงไม่คิดใช้ไพ่ตาย ไม่จำเป็นต้องกำหนดผู้ชนะเพราะพลังแท้จริงของช่างกลคือกองทัพพวกเขา
ทั้งคู่แค่มีเจตนาจะตรวจสอบอีกฝ่ายใครก็ตามที่ได้รับข้อมูลมากกว่าเกี่ยวกับอีกฝ่ายคือคนที่ได้รับผลประโยชน์
ขณะสู้แมนิสันก็สัมผัสได้ถึงความรุนแรงของพลังจักรกลหานเซี่ยว
ด้วยระดับเขาตราบเท่าที่เขาเปิดสัมผัส เขาสามารถชี้มาตรฐานปัจจุบันของหานเซี่ยวได้ แม้ความหนาแน่นจะไม่เท่าเขา เขาก็ยังแปลกใจเมื่อเผชิญหน้ากับหานเซี่ยว
เขาได้ยินวิธีที่หานเซี่ยวจับดีแลนและตามสมมติฐานเขา แบล็คสตาร์ควรคลายกับเขา ครอบครองพรสวรรค์ช่างกลระดับสุดยอด
แต่ทว่าในความเป็นจริงตอนพวกเขาปะทะกัน แมนิสันพบว่าพลังจักรกลของแบล็คสตาร์ไม่แกร่งตามคาดและเขาก็ไม่มีความสามารถระดับสุดยอดของช่างกล
แต่ทว่าระดับชีวิตของหานเซี่ยวสูงกว่าที่เขาคิด แมนิสันรู้ว่าขีดจำกัดแรกที่คนต้องเผชิญคือขั้นพลังงาน52000 แค่การข้ามขีดจำกัดนี้ไม่นับเป็นอะไรสำหรับเขา แต่ปัญหาคือระยะเวลาที่แบล็คสตาร์เป็นผู้อยู่เหนือ
แบล็คสตาร์มาถึงอาณาจักรผู้อยู่เหนือได้ปีครึ่งในเวลาอันสั้นนี้ เขากลับข้ามขีดจำกัดแรก
เวลาที่ผู้อยู่เหนือใช้เพื่อผ่านการเปลี่ยนแปลงระดับชีวิตมักจะวัดกันเป็นทศวรรษ!
การเติบโตที่น่าเหลือเชื่อเช่นนี้คือสิ่งที่ทำให้แมนิสันตกใจแม้จะด้วยอายุเขาก็ตาม!
ศักยภาพและพรสวรรค์เช่นนั้น….
อัตราการเติบโตที่น่าประหลาดใจดังกล่าวทำให้การวัดพลังปัจจุบันของแบล็คสตาร์นั้นเปล่าประโยชน์
ในเมื่อเขารู้แล้วว่าแบล็คสตาร์ผ่านขีดจำกัดแรกได้แมนิสันจึงรู้สึกว่าเขาบรรลุเป้าหมายแล้ว เขาคิดว่าเขาได้ผลกำไรจากการแลกเปลี่ยนนี้แล้ว
เมื่อคิดได้เขาก็ปะทะอีกครั้ง ใช้ประโยชน์จากแรงปะทะเพื่อทิ้งระยะห่าง จากนั้นแมนิสันก็เก็บอาวุธเขาไปขณะพูดว่า”พอกันแค่นี้เถอะ ไม่งั้นห้องคงถูกทำลาย”
หานเซี่ยวหยุดเช่นกันมองหลุมต่างๆภายในห้องฝึกและเก็บอาวุธไป
ร่างจริงเขาร่อนลงมาและยกเลิกการจุติของผู้ปกครองหลังเก็บกายสถิตจักรกลไป เขาก็ยิ้ม
“สมกับเป็นจักรพรรดิช่างกลแข็งแกร่งจริงๆ”
“ฉันต้องบอกว่าความสามารถนายเหนือกว่าที่ฉันคิด”แมนิสันพยักหน้ากลับ
หานเซี่ยวยิ้มแต่ไม่ตอบเขากลับเปลี่ยนเรื่อง”เราได้เที่ยวชมศูนย์ใหญ่กันแล้ว ไปห้องทำงานฉันกัน เราสามารถคุยเรื่องปัญหาของเทพเอสต่อกันได้ที่นั่น”
“ตกลง”
พวกเขาสองคนออกห้องฝึกและระหว่างทางหานเซี่ยวก็แอบดูหน้าต่างสถานะขณะสนทนา
ระดับของแมนิสันขึ้นเป็น???ซึ่งหมายความว่าความแตกต่างระหว่างพวกเขาไม่ใช่น้อยๆ ค่าสถานะส่วนใหญ่เขาและทักษะยังแสดงเป็น??? เพราะมีทักษะมากมายที่เขาไม่ได้ใช้ในช่วงการปะทะ
ทักษะของช่างกลมากมหาศาลหลายอันซ้อนทับกันและสามารถเมินเฉยได้ สำหรับอันที่แมนิสันใช้ในการต่อสู้ หานเซี่ยวสังเกตเห็นสองพรสวรรค์การปั้น
หนึ่งคือ[สัมผัสจักรกลสมบูรณ์]ซึ่งเป็นไปตามคาดของหานเซี่ยว เพื่อให้สามารถถึงจุดสูงสุดของสายช่างกล แมนิสันย่อมต้องมีความสามารถเช่นนั้น
สองคือ[นวัตกรรมเทคโนโลยีเสมือน-แมนิสัน]ชื่อเขาด้านหลังหมายความว่านี่คือพรสวรรค์การปั้นที่ตัวเขาพัฒนาขึ้นเอง ผลของมันจะเสริมเทคโนโลยีเสมือนเขาด้วยตัวคูณที่1.75
แม้มันจะไม่ดูสดใสเมื่อเทียบกับตัวคูณ2.5ของ[จ้าวแห่งเสมือน]ความหมายของทักษะทั้งสองก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตราบเท่าที่ช่างกลเรียนความรู้ขั้นสูงสุด[ผู้สร้างเสมือน] พวกเขาจะไดรับความเชี่ยวชาญนี้ แต่[นวัตกรรมเทคโนโลยีเสมือน-แมนิสัน]คือความสามารถพิเศษ ซึ่งมอบโบนัสพิเศษให้เขา นี่หมายความว่าแมนิสันมีข้อได้เปรียบมากในเทคโนโลยีเสมือน และมันก็ถูกจัดเป็นพรสวรรค์การปั้น
นอกจากนี้คำแนะนำของพรสวรรค์นี้ยังกล่าวว่า’หลังใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเสมือน จะมีผลพิเศษ’ นี่อาจหมายถึงกองทัพจักรกลที่แข็งแกร่งสุดของแมนิสัน นั่นคือกองทัพจักรกลอมตะ
แมนิสันไม่เพียงจะมีพรสวรรค์การปั้นทั้งสองนี้เท่านั้นแต่มันแสดงไว้แค่นี้
แต่ทว่าตามข้อมูลการต่อสู้ รวมถึงฝีมือของแมนิสันในชีวิตก่อนหน้าเขา หานเซี่ยวจึงพอประเมินพลังของแมนิสันได้
สายอาชีพหลักเขาควรเหนือกว่าฉันอย่างน้อยหนึ่งขั้นและควรมีพรสวรรค์การปั้นต่ำๆสี่อย่าง นอกจากนี้ กองทัพจักรกลเขาควรเหนือกว่าฉันหลายพันเท่า…น่ากลัวมาก ฉันไม่ควรยั่วยุเขา
โดยรวมหานเซี่ยวค่อนข้างพอใจกับการประลอง ในแง่ข้อมูล เขาได้รับผลประโยชน์
ข้อมูลต่อสู้ได้แสดงความสามารถบางอย่างที่แมนิสันไม่แสดงแต่แมนิสันไม่มีหน้าต่างสถานะ ดังนั้นแมนิสันจึงไม่รู้ตัว การแสดงระดับชีวิตเขาคืออะไรที่หานเซี่ยวอยากอวดให้แมนิสันดูอยู่แล้ว
เพราะการดำรงอยู่ของบัตรอัญเชิญตัวละครจึงมีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับพลังต่อสู้ของหานเซี่ยวได้ ตัวอย่างเช่น เขาไม่ได้แสดงสัมผัสจักรกลสมบูรณ์ ซึ่งทำให้ข้อมูลที่แมนิสันรวบรวมผิดพลาดไป
จักรพรรดิช่างกลเลือกคู่ต่อสู้ผิดครั้งนี้
มุมปากหานเซี่ยวยกขึ้นเล็กน้อย
…
ทั้งสองฝ่ายต่างมีความคิดของตนขณะเดินทางไปห้องทำงานเขา
หลังนั่งลงแมนิสันเริ่มพูดถึงวัตถุประสงค์เขา
“เหตุผลที่ฉันมาหานายครั้งนี้เพื่อดูว่านายมีความคิดจะทำธุรกรรมไหม”Aileen-novel
“เชิญพูด”
“ฉันสนใจในกาลอวกาศแอมเบอร์ของนายจากสิ่งที่ฉันรู้ สมบัติจักรวาลนี้สามารถสร้างก้อนอำพันได้ ฉันหวังจะซื้อมันจากนายเพื่อเป็นวัสดุวิจัย”
เขาอยากซื้อก้อนอำพันนี่เอง…
หานเซี่ยวเงียบคิดสักพักก่อนส่ายหัว
“ขอโทษด้วยแต่ฉันยังไม่มีเจตนาขายมันให้คนนอก”
กาลอวกาศแอมเบอร์คือไพ่ตายเขาและเหตุผลที่เขามอบให้ออสตินก็เพื่อใช้หนี้เขาเขาไม่อยากใช้สิ่งนี้เพื่อรับการสนับสนุนของคนอื่น ของชิ้นนี้แตกต่างจากลูกบาศก์วิวัฒนาการ เขาไม่อยากให้ก้อนอำพันแพร่กระจายไปทั่วจักรวาลและถูกใช้โดยคนอื่น
เขายังไม่เต็มใจมอบมันให้จักรวรรดิคริมสันเลยนับประสาอะไรกับจักรวรรดิช่างกล
แม้สถานะของแมนิสันจะยิ่งใหญ่การไว้หน้าเขาก็คือเรื่องหนึ่ง แต่ในเรื่องเช่นนี้ ไม่ว่าเขาจะประทับใจแค่ไหน มันก็ไม่มีความหมาย
“น่าเสียดายแต่ก็เข้าใจได้”
แมนิสันส่ายหัวกายสถิตเขาไม่เผยอารมณ์ใด ไม่มีใครสามารถตรวจพบอารมณ์เขาจากเสียงได้
“หากสักวันนายเปลี่ยนใจนายมาหาฉันได้เสมอ”
“งั้นเกี่ยวกับปัญหาของเทพเอส..”หานเซี่ยวหยั่งเชิง
“ฮี่ๆไม่ต้องกังวล ฉันจะฟังสหพันธ์แห่งแสง”
แมนิสันกลับเข้าเรื่องนี้แต่ทว่า เขาไม่ว่าอะไรที่หานเซี่ยวปฏิเสธเขาและเขาก็ไม่ได้ดูเหมือนจะมีเจตนาจะพูดต่อ
คำพูดเขาพลันเปลี่ยนไป
“ฉันมีลูกน้องในวงแหวนดาวกระจายชื่อซาร์ดีมและเขาเคยรายงานเรื่องน่าสนใจให้ฉัน เขาบอกว่านายขโมยกองทัพจักรกลเขาและยังจับตัวเขาไว้ระยะหนึ่ง”
“..มีเรื่องเช่นนี้จริงตอนนั้น สถานการณ์บังคับฉัน”
ระฆังเตือนดังในหัวหานฌซี่ยว
“ใจเย็นในเมื่อไม่ฆ่าเขา ก็ไม่มีปัญหา ฉันแค่รู้สึกว่าเราดูเหมือนจะมีชะตากรรมเชื่อมโยงกัน..”
แมนิสันดูเหมือนจะไม่สนใจจะถามหาค่าชดเชย
แต่ประโยคต่อไปก็ทำให้หานเซี่ยวตื่นตัว!
‘แต่พูดถึงเรื่องนี้เราเชื่อมโยงกันแต่แรกแล้ว…นี่เตือนฉัน ฮี่ๆ มันจะลำบากไหมหากฉันขอให้นายส่งแกะหลงสองตัวของฉันคืน/”
เสียงจักรกลของแมนิสันไม่มีความผันผวนแม้เขาจะหัวเราะ แต่ก็ไม่มีใครบอกได้ถึงเจตนาเขา
จักรพรรดิช่างกลยังรู้เกี่ยวกับอโรเชีย?!
หานเซี่ยวฝืนยิ้มระงับความสับสนภายในอารมณ์และปรับน้ำเสียง
“..หมายความว่ายังไง?”
“นานมาแล้วมีสิ่งมีชีวิตปัญญาประดิษฐ์โชคดีสองตนที่แทรกซึมฐานเขา หนึ่งในนั้นยึดยานอวกาศฉัน อีกหนึ่งใช้อุปกรณ์ฉันเพื่อแปลงตัวเธอเองเป็นสิ่งมีชีวิตจักรกลที่ทำลายไม่ได้ พวกมันพยามช่วยสหายให้เป็นอิสระ แต่ก็ถูกจับได้โดยไฟร์วอลล์ภายในฐานฉันและถูกไล่โดยกองทัพฉัน พวกมันโชคดี หนีเข้ารูหนอนและพบทางมายังองค์กรนายได้…”
เมื่อมาถึงจุดนี้แมนิสันก็หยุด
“นายคงไม่คิดว่าสิ่งมีชีวิตปัญญาประดิษฐ์ทั้งสองจะสามารถหนีเองได้ในฐานฉันนะ?”