The Legendary Mechanic - ตอนที่ 887 เตรียมการ
ตอนที่ 887 เตรียมการ
เมื่อออกอาคารรัฐบาลอุปกรณ์สื่อสารของหานเซี่ยวก็ดัง มันคือมิลิซาสที่โทรมา
“แบล็คสตาร์นายอยู่บนดาววงแหวนคริมสันแล้วหรอ?”มิลิซาสหัวเราะ
“ใช่นายก็อยู่ด้วยงั้นหรอ?ฉันไม่เห็นนายเลย”
“ฉันยังไม่ถึงเราประชุมทางไกลกันอยู่ ออนไลน์มาสิ”
“ได้”หานเซี่ยวเข้าเครือข่ายควอนตัมและพบช่องเข้ารหัส
วินาทีต่อมาภาพฉายเขาก็ปรากฏในห้องใหญ่ที่มีโต๊ะกลมตรงหน้าเขา และที่นั่งรอบมัน ภาพฉายเขากำลังนั่งอยู่บนที่นั่ง ที่นั่งส่วนใหญ่ถูกจับจอง มีแค่สี่ที่ถึงว่าง
จากนั้นหานเซี่ยวก็มองไปรอบๆและตระหนักว่าทุกคนคือพันธมิตรของจักรวรรดิมันเหมือนแชทกลุ่มผู้อยู่เหนือ
หากไม่มีใครจัดประชุมช่องนี้ก็มักเงียบ ปัจจุบัน ผู้อยู่เหนือส่วนใหญ่ออนไลน์ และคนคุ้นหน้ามากมายก็อยู่ นั่นรวมถึง’ราชามังกร’ มิลิซาส ‘ผู้แผดเผา’เบโยนี่ ‘จักรพรรดิยานรบ’แม็กซิมิเลอร์ ‘จิ้งจอกเจ้าเล่ห์’เรเวนลูด ‘ผู้ผ่าดาว’ไวรู และ’เผด็จการ’ฮีเบอร์ ‘จ้าวแห่งความมืด’คล็อตติกับเสาหลักอีกคนไม่ได้ออนไลน์
“ฮ่าๆแบล็คสตาร์มาแล้ว”เบโยนี่เป็นคนที่ต้อนรับสุดและมีความสุขมาก
จากนั้นทุกคนก็มองหานเซี่ยวและทักทายเขาสองคนที่สู้กับเขาบนดาวประภาคารเป็นมิตรสุด แม็กซิมิเลอร์เองก็เป็นมิตรมาก เรเวนลูดกับฮีเบอร์ทักทายเขาอย่างสงบ และคนอื่นก็มีร่องรอยของความเคารพในน้ำเสียง
หลังการต่อสู้บนดาวประภาคารหานเซี่ยวได้ชื่อว่าจับผู้อยู่เหนือได้ ซึ่งเพิ่มสถานะเขาในกลุ่มผู้อยู่เหนือ
แม้หานเซี่ยวจะเพิ่งเข้าอาณาจักรผู้อยู่เหนือได้ไม่นานเขาก็ได้รับความเคารพแล้วและก็ได้รับการยอมรับให้เข้ากลุ่ม ตอนนี้เขาถือเป็นชนชั้นกลางของกลุ่มและมีสถานะสูงกว่าผู้อยู่เหนือธรรมดาบางคน อย่างน้อย ก็ไม่มีใครตั้งใจยั่วยุเขาอีก
ผู้อยู่เหนือจะเคารพแค่พลังเท่านั้น
เมื่อเห็นความเป็นมิตรบนหน้าของสหายหานเซี่ยวก็ตอบกลับอย่างอบอุน่
หลังจากนั้นผู้จัดการประชุมนี้ มิลิซาสก็เริ่มต้น
“อีกสี่คนยังไม่มาและก็ไม่ต้องรอมาเริ่มหารือกันเลย ทุกคนรู้ว่าจักรวรรดิวางแผนส่งผู้อยู่เหนืออย่างน้อยสามคนไปฆ่าเทพเอสและก็มีรายชื่อไว้แล้ว แต่ทว่า พวกเขาอยากถามถึงความเต็มใจเราก่อน ไม่จำเป็นต้องพูดถึงแบล็คสตาร์เพราะเขาคือคนเริ่มแผนการนี้ ฉันเองก็วางแผนช่วยเขา มีอะไรอาสาอีกไหม?”
อารยธรรมจักรวาลไม่อาจสั่งผู้อยู่เหนือได้ง่ายๆและต้องถามความสมัครใจ
จากนั้นทุกคนก็เหลือบมองหานเซี่ยวขณะขบคิดกัน
หานเซี่ยวมองรอบๆและรู้สึกว่ามิลิซาสกำลังมองเขาเขาพลันเข้าใจเจตนาของมิลิซาส
มิลิซาสได้ยินจากจักรวรรดิถึงเจตนาของหานเซี่ยวในการฆ่าเทพเอสและจึงเรียกรวมผู้อยู่เหนือของจักรวรรดิในความเป็นจริง เขากำลังพยายามหาคนช่วยหานเซี่ยวและให้หานเซี่ยวมีโอกาสเลือกพรรคพวก
ตอนนี้เองเบโยนี่ยักไหล่เขาและกล่าว”แบล็คสตาร์ นายเองก็อยู่ตอนเราสู้กับเทพเอส มันไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากช่วยนาย แต่ฉันคือเอสเปอร์ และความสามารถของเทพเอสก็เป็นดาวข่มฉัน ฉันไม่ควรไปร่วมด้วย”
หานเซี่ยวพยักหน้าเห็นด้วยเทพเอสมีความสามารถผนึกเหล่าเอสเปอร์จริงๆและเป็นดาวข่มเอสเปอร์ส่วนใหญ่ เบโยนี่ไม่ผิดที่พูดแบบนั้น เขาจะไร้ประโยชน์หากเขาไป
แต่ทว่าการเข้าใจเป็นอีกเรื่อง แต่เขาก็ยังแสดงความดูหมิ่น
อ่าน้องชาย
นายมันกาก!
เมื่อเห็นคนอื่นยังเงียบหานเซี่ยวก็กล่าว”ผู้ปกครองได้เผยข้อมูลกับฉันมาแล้ว จักรวรรดิไม่ใช่คนเดียวที่ลงมือ สหพันธ์แห่งแสงและศาสนจักรจะร่วมด้วย ด้วยสามฝ่ายที่ร่วมมือกัน พวกเขาย่อมไม่จัดฉากเฉยๆ มีโอกาสสูงที่จะกำจัดเทพเอส ฉันจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไป และจะขอบคุณใครก็ตามที่เต็มใจช่วยฉันมาก”Aileen-novel
เมื่อได้ยินแบบนั้นดวงตาของหลายคนก็สว่างวาบ นี่หมายความว่าพวกเขาสามารถใช้ลูกบาศก์วิวัฒนาการได้หากพวกเขาช่วยแบล็คสตาร์กำจัดเทพเอส
“ฉันจะร่วมด้วย”เรเวนลูดชิงพูดคนแรก
“เอาละใครอีก?”มิลิซาสถาม
ในฐานะแอนเชี่ยนวันทั้งเขาและเรเวนลูดไม่ได้จัดการง่ายๆ แม้ความสัมพันธ์พวกเขาจะไม่ดี เขาก็ยังรู้ถึงพลังของเรเวนลูด ผู้อยู่เหนือธรรมดาไม่สามารถกลายเป็นแอนเชี่ยนวันได้ มิลิซาสย่อมเต็มใจเลือกคนที่ทรงพลังให้แบล็คสตาร์
ไม่ต้องพิจารณาถึงอีกสองเสาหลักคล็อตติต้องคอยคุ้มกันเออแรนเรลและอีกคนก็กำลังพิทักษ์ทุ่งดาว
ฮีเบอร์ยังถูกล่อลวงแต่ก็ไม่กล้าพูด
บางคนปฏิเสธบางคนไม่สนใจ สุดท้าย ผู้อยู่เหนือครึ่งหนึ่งก็ตัดสินใจร่วมด้วย นับรวมหานเซี่ยว มีทั้งหมด7คน
มิลิซาสแม็กซิมิเลอร์ เรเวนลูด ไวรู โคเลอร์ และนักดาบดอกบัว-ทั้งหกคือคนที่เข้าร่วมปฏิบัติการกำจัดเทพเอส โคเลอร์คือนักสู้ และนักดาบดอกบัวก็คือผู้ใช้พลังจิตสาว ไม่มีเอสเปอร์สักคนในหมู่พวกเขา
“7คนจะมากไปไหม?จักรวรรดิจะเห็นด้วยงั้นหรอ?”เรเวนลูดถาม
“เราสามารถช่วยเขาเป็นการส่วนตัวได้หากจักรวรรดิไม่เห็นด้วยจักรวรรดิจะคัดค้านได้ยังไง?”นักดาบดอกบัวกล่าว
จักรวรรดิคริมสันวางแผนส่ง3-5คนแต่เพราะหานเซี่ยวรับปากว่าจะใช้ลูกบาศก์วิวัฒนาการเป็นรางวัล มันจึงกลายเป็น7คน
แต่ทว่าจักรรรดิไม่มีปัญหาอะไร เหนือสิ่งอื่นใด มันไม่ดีสำหรับพวกเขาที่จะหยุดพันธมิตรจากการช่วยเหลือกันส่วนตัว นอกจากนี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องแย่
จากนั้นหานเซี่ยวก็สำรวจผู้ใช้พลังจิตสาวเธอมีผมขาวยาวและผมสีม่วง รูปร่างหน้าตาเธอคล้ายกับมนุษย์และถือว่าสวยตามมาตรฐานกาแล็กซี่
นักดาบดอกบัวคือชื่อเธอไม่ใช่ฉายา นักดาบคือสกุลเธอ และดอกบัวก็คือชื่อจริงเธอ
เธอมาจากเผ่าพิเศษชื่อเผ่าไรนิสสมาชิกของเผ่านี้จะไม่มีเพศก่อนอายุ15 และร่างจะเปลี่ยนแปลงตอนอายุ15 พวกเขาสามารถกลายเป็นชายหรือหญิงก็ได้ และพิธีนี้จะเรียกว่า’พิธีกำหนดเพศ’ เมื่อเพศถูกตัดสิน พวกเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนมันได้อีกในอนาคต
เช่นนั้นเผ่าจึงให้ความสำคัญกับการแบ่งเพศมาก แต่ทว่า เพราะพิธีกำหนดเพศจะส่งผลต่อชีวิตคน มันจึงมีคนเลือกเป็นผู้ชายมากกว่า แม้สังคมจะเพิ่มผลประโยชน์และสถานะของผู้หญิง อัตราการเกิดก็ยังลดลง
เช่นนั้นเผ่าไรนิสจึงต้องบังคับให้คนเลือกเป็นเพศหญิงทุกปีเพื่อให้แน่ใจว่าเผ่าพวกเขาจะยังสืบพันธ์ได้ นักดาบดอกบัวคือคนโชคร้ายที่ถูกเลือกตอนยังเด็กและโดนบังคับให้กลายเป็นเพศหญิง
แม้เผ่าไรนิสจะให้กำเนิดผู้อยู่เหนือพวกเขาก็ไม่ได้รับการคุ้มครองใดๆ นักดาบดอกบัวได้ประกาศนานแล้วว่าเผ่าไรนิสไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ
สหายอีกคนโคเลอร์คือผู้อยู่เหนือที่อยู่ภายใต้จักรวรรดิโดยตรง เขาไม่มีองค์กรและแม้พลังเขาจะไม่อาจเทียบได้กับฮีเบอร์ เขาก็ยังเป็นผู้อยู่เหนือ
“ฉันคงต้องพึ่งพาพวกนายแล้ว”หานเซี่ยวกล่าวอย่างจริงใจ
หลังคุยกันนานมิลิซาสก็ประกาศจบการประชุมและแจ้งจักรวรรดิถึงผลลัพธ์
จากนั้นหานเซี่ยวก็ออกเครือข่ายควอนตัมและถอนหายใจโล่งอก
พรรคพวกเขาได้รับการกำหนดแล้วด้วยจักรวรรดิที่ส่งคนออกไป7คน จะต้องมีผู้อยู่เหนือกว่าสิบที่ร่วมมือกันแน่ ขนาดของการต่อสู้อาจไปถึงระดับเดียวกับศึกบนดาวประภาคาร
แต่ครั้งนี้ทั้งหมดมีเป้าหมายเดียวกัน และสถานการณ์ของเทพเอสก็เลวร้ายยิ่งกว่าจักรวรรดิตอนบนดาวประภาคารซะอีก
หานเซี่ยวกำหมัดด้วยความตื่นเต้นและเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้!